Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ปางช้างรวมมิตรเดือดร้อนหนัก กระทบท่องเที่ยวเชียงรายทรุดหนัก

วิกฤตมลพิษแม่น้ำกกกระทบหนัก ชุมชนรวมมิตรและปางช้างเชียงรายเดือดร้อน ภาคประชาชนรวมพลังเรียกร้องแก้ปัญหา

เชียงราย, 22 พฤษภาคม 2568 – สถานการณ์การปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำกก บริเวณบ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ได้สร้างความเดือดร้อนอย่างหนักต่อชุมชนท้องถิ่นและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะปางช้างกะเหรี่ยงรวมมิตรที่ต้องเผชิญกับรายได้ที่ลดลงอย่างมากถึง 80% จากการยุติกิจกรรมท่องเที่ยวทางน้ำ ภาคธุรกิจ หอการค้า สภาอุตสาหกรรม รวมถึงตัวแทนโรงแรมและร้านอาหารในพื้นที่ ได้รวมตัวกันเพื่อระดมความคิดและหารือแนวทางแก้ไขปัญหา ขณะที่ชาวบ้านเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานระหว่างประเทศเร่งดำเนินการจัดการต้นตอของมลพิษ เพื่อฟื้นฟูแม่น้ำกกและคืนความมั่นใจให้กับชุมชนและนักท่องเที่ยว

แม่น้ำกกจากสายน้ำแห่งชีวิตสู่ภาวะวิกฤต

แม่น้ำกกเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงวิถีชีวิตของชาวเชียงรายมานานนับศตวรรษ ตั้งแต่การเกษตร การประมง ไปจนถึงการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในชุมชนบ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว ซึ่งเป็นที่ตั้งของปางช้างกะเหรี่ยงรวมมิตร อันเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ กิจกรรมนั่งช้างลุยน้ำและล่องแพในแม่น้ำกกเคยเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้มาเยือน สร้างรายได้ให้กับชุมชนและผู้ประกอบการท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2568 ชาวบ้านในพื้นที่เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของแม่น้ำกก น้ำที่เคยใสสะอาดกลับขุ่นข้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะบริเวณบ้านรวมมิตร ซึ่งภาพถ่ายมุมสูงเผยให้เห็นความแตกต่างระหว่างน้ำขุ่นในแม่น้ำกกกับลำห้วยสาขาที่ใสกว่า ความกังวลทวีคูณเมื่อผลการตรวจคุณภาพน้ำยืนยันว่ามีสารหนูปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐาน สร้างความตื่นตระหนกให้กับชุมชนที่พึ่งพาแม่น้ำในการดำรงชีวิต

เหตุการณ์ในเดือนเมษายน 2568 ยิ่งตอกย้ำความรุนแรงของปัญหา เมื่อควาญช้างจากปางช้างกะเหรี่ยงรวมมิตรนำช้างไปอาบน้ำในแม่น้ำกก หลังจากนั้นเพียง 2–3 วัน ช้างเกิดผื่นและตุ่มใสติดเชื้อจนกลายเป็นแผล ขณะที่ควาญช้างเองก็มีอาการผื่นและแผลบริเวณหัวเข่า ชาวบ้านในชุมชนเริ่มหวาดกลัวว่าสารพิษในน้ำอาจซึมเข้าสู่บ่อน้ำตื้นที่ใช้ในการอุปโภคและบริโภค ส่งผลให้วิถีชีวิตและเศรษฐกิจของชุมชนต้องหยุดชะงัก

ผลกระทบรุนแรงและการรวมตัวของชุมชน

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 ตัวแทนจากชุมชนบ้านรวมมิตร ภาคธุรกิจ หอการค้าจังหวัดเชียงราย สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย รวมถึงผู้ประกอบการโรงแรมและร้านอาหาร ได้รวมตัวกันที่ปางช้างกะเหรี่ยงรวมมิตร เพื่อหารือถึงผลกระทบจากมลพิษในแม่น้ำกกและแนวทางแก้ไขปัญหา การประชุมครั้งนี้สะท้อนถึงความเดือดร้อนที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไปจนถึงชาวบ้านที่สูญเสียอาชีพจากการหาปลาและการเกษตร

นายสีทน คำแปง ผู้จัดการปางช้างกะเหรี่ยงรวมมิตร เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวลดลงกว่า 80% เนื่องจากต้องยุติกิจกรรมนั่งช้างลุยน้ำและล่องแพในแม่น้ำกก ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการท่องเที่ยวในพื้นที่ การยกเลิกการจองที่พักและกิจกรรมท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปางช้างต้องลดจำนวนช้างจากเดิม 15 เชือก เหลือเพียง 9 เชือก และยังต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการใช้น้ำประปาภูเขาและน้ำบาดาลแทนน้ำจากแม่น้ำกก การจำกัดปริมาณน้ำที่ช้างดื่มจากเดิมครั้งละ 12–15 คำ (คำละ 8–10 ลิตร) เหลือเพียง 5–6 คำ ส่งผลต่อสุขภาพของช้างและเพิ่มความยากลำบากในการดูแล

“ช้างคือสมาชิกในครอบครัวของเรา ถ้าเป็นธุรกิจทั่วไปคงเลิกไปนานแล้ว แต่เรายังต้องสู้เพื่อช้างและชุมชน” นายสีทนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขายังเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเร่งเจรจากับแหล่งที่มาของมลพิษ ซึ่งคาดว่ามาจากเหมืองทองและแรร์เอิร์ธในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา เพื่อหยุดยั้งการปล่อยสารพิษลงสู่แม่น้ำกก

ในส่วนของผู้ประกอบการร้านอาหาร นางสาวจันทร์จิรา สุวรรณวงศ์ เจ้าของร้านชีวิตธรรมดา ในอำเภอเมืองเชียงราย เปิดเผยว่า ร้านต้องเปลี่ยนแหล่งซื้อผักจากชุมชนริมแม่น้ำกกมาเป็นผักจากห้างสรรพสินค้า เนื่องจากลูกค้ากังวลเรื่องสารปนเปื้อนในผลผลิตทางการเกษตร ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้นและรายได้ลดลง ขณะที่โรงแรมริมแม่น้ำกกเผชิญกับปัญหาคล้ายกัน โดยต้องใช้น้ำประปาและน้ำบาดาลในการรดต้นไม้และดูแลสวน แทนน้ำจากแม่น้ำกก ซึ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายอย่างมีนัยสำคัญ

“นักท่องเที่ยวลดลง เพราะไม่มีใครอยากมาเมืองที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ” นายวรวิทย์ จันทร์ประดิษฐ์ ผู้จัดการโรงแรมแห่งหนึ่งริมแม่น้ำกก กล่าวถึงสถานการณ์ที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเชียงรายในฐานะเมืองท่องเที่ยว

ชาวบ้านในชุมชนบ้านรวมมิตรและบ้านผาเสริฐ ซึ่งพึ่งพาแม่น้ำกกในการทำประมงและเกษตรกรรม ก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน นางจินดา อิ่นคำ ชาวบ้านป่าอ้อแม่ยาว กล่าวว่า เธอและชาวบ้านต้องหยุดหาปลาในแม่น้ำกกมากว่า 2 เดือน เนื่องจากไม่มีผู้ซื้อกล้าเสี่ยงบริโภคปลาจากแหล่งน้ำที่ปนเปื้อน ส่งผลให้ต้องเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่น เช่น ขายของในตลาด ซึ่งไม่สามารถทดแทนรายได้เดิมได้อย่างเต็มที่

การเคลื่อนไหวของภาคประชาชนและความหวังในการฟื้นฟู

เพื่อรับมือกับวิกฤตครั้งนี้ เทศบาลตำบลแม่ยาวได้ดำเนินการเร่งด่วนโดยติดตั้งป้ายเตือนห้ามสัมผัสน้ำในแม่น้ำกกและห้ามจับปลามาบริโภค พร้อมแจกจ่ายแนวทางปฏิบัติให้ประชาชนทราบถึงความเสี่ยงของสารหนู ขณะที่ภาคประชาชนเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

อาจารย์นิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของและผู้อำนวยการสถาบันองค์ความรู้ท้องถิ่นโฮงเฮียนแม่ของ ได้จัดกิจกรรมรับฟังข้อมูลจากภาคประชาชนในวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 ณ สวนตุงและโคมนครเชียงราย ภายในงานเทศกาลถนนคนเดิน เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุและผลกระทบของมลพิษในแม่น้ำกก นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมจัดกิจกรรมใหญ่ในวันที่ 5 มิถุนายน 2568 ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยมีกำหนดการจัดนิทรรศการ การแสดงพลังผ่านการถือป้าย พิธีสืบชะตาแม่น้ำกก และพิธีกรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รวมถึงการยื่นหนังสือต่อรัฐบาลไทย สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อเรียกร้องให้รับทราบและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

อาจารย์นิวัฒน์ยังเชิญชวนประชาชนร่วมติดริบบิ้นสีเขียวที่รถหรือสถานที่ต่างๆ เพื่อแสดงพลังในการเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหา การเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากชุมชนท้องถิ่น องค์กรพัฒนาเอกชน และนักวิชาการที่เห็นถึงความจำเป็นในการปกป้องแม่น้ำกก ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญของจังหวัดเชียงราย

ในระดับนานาชาติ คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ไทย-เมียนมา ซึ่งมีแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธาน มีกำหนดประชุมในเดือนกรกฎาคม 2568 เพื่อหารือกับฝ่ายเมียนมาเกี่ยวกับผลกระทบจากเหมืองในรัฐฉาน ซึ่งคาดว่าเป็นแหล่งที่มาหลักของมลพิษ การประชุมครั้งนี้จะเป็นโอกาสสำคัญในการผลักดันให้มีการควบคุมหรือปรับปรุงวิธีการทำเหมือง เพื่อลดการปล่อยสารพิษลงสู่แม่น้ำกก

ผลลัพธ์และความท้าทาย

การรวมตัวของชุมชนและภาคธุรกิจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือในการแก้ไขวิกฤตมลพิษในแม่น้ำกก ผลลัพธ์ที่สำคัญ ได้แก่:

  1. การสร้างความตื่นตัว: การประชุมและกิจกรรมของภาคประชาชนช่วยให้ประเด็นมลพิษในแม่น้ำกกได้รับความสนใจในวงกว้าง ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับนานาชาติ
  2. การดำเนินการเร่งด่วน: การติดตั้งป้ายเตือนและแจกจ่ายแนวทางปฏิบัติโดยเทศบาลตำบลแม่ยาวช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชนในระยะสั้น
  3. การผลักดันการเจรจาข้ามแดน: การยื่นหนังสือต่อสถานทูตจีนและเมียนมา รวมถึงการประชุม RBC ในเดือนกรกฎาคม 2568 แสดงถึงความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาที่ต้นตอ
  4. การปกป้องสวัสดิภาพสัตว์: การปรับเปลี่ยนการดูแลช้างโดยใช้น้ำประปาและน้ำบาดาลช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของช้าง แม้จะเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย

อย่างไรก็ตาม การแก้ไขวิกฤตนี้ยังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ:

  1. ความซับซ้อนของปัญหาข้ามแดน: การเจรจากับเมียนมาและกองทัพสหรัฐว้า (UWSA) ซึ่งควบคุมพื้นที่เหมืองในรัฐฉาน เป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากความขัดแย้งภายในเมียนมาและอิทธิพลของบริษัทจีน
  2. ข้อจำกัดด้านทรัพยากร: การตรวจสอบคุณภาพน้ำ การจัดหาน้ำสะอาด และการฟื้นฟูระบบนิเวศต้องใช้เงินทุนและบุคลากรจำนวนมาก ซึ่งอาจเกินขีดความสามารถของหน่วยงานท้องถิ่น
  3. ผลกระทบระยะยาว: สารหนูสามารถสะสมในดินและร่างกายมนุษย์ได้นานหลายสิบปี การแก้ไขต้องครอบคลุมทั้งการหยุดยั้งมลพิษและการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม
  4. การสื่อสารกับประชาชน: การขาดข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับความปลอดภัยของน้ำและผลผลิตเกษตรทำให้เกิดความตื่นตระหนกและความไม่มั่นใจในชุมชน

เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ ควรมีการดำเนินการเพิ่มเติมดังนี้:

  • จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ: เพื่อประสานงานระหว่างหน่วยงานในและต่างประเทศ และเร่งรัดการเจรจากับเมียนมาและจีน
  • เพิ่มการสื่อสารสาธารณะ: ใช้สื่อท้องถิ่นและสื่อสังคมออนไลน์เพื่อให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับความคืบหน้าในการแก้ปัญหา
  • สนับสนุนชุมชนท้องถิ่น: จัดหาแหล่งน้ำสะอาดและสนับสนุนอาชีพทางเลือกให้กับชาวบ้านที่สูญเสียรายได้จากการประมงและเกษตร
  • ยกระดับสู่เวทีนานาชาติ: ร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) เพื่อกดดันให้มีการแก้ไขปัญหาข้ามแดน

สถิติและแหล่งอ้างอิง

เพื่อให้เห็นภาพความรุนแรงของปัญหามลพิษในแม่น้ำกก ข้อมูลต่อไปนี้รวบรวมจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ:

  1. ผลการตรวจคุณภาพน้ำ:
    • แม่น้ำกก (บ้านรวมมิตร ต.แม่ยาว): สารหนู 0.038 mg/L (มาตรฐานไม่เกิน 0.01 mg/L)
    • แหล่งอ้างอิง: สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษ (สคพ.) ที่ 1 เชียงใหม่. (2568). รายงานผลการตรวจคุณภาพน้ำผิวดิน.
  2. ผลกระทบต่อการท่องเที่ยว:
    • จำนวนนักท่องเที่ยวในปางช้างกะเหรี่ยงรวมมิตรลดลง 80% ในช่วงมกราคม–พฤษภาคม 2568
    • แหล่งอ้างอิง: หอการค้าจังหวัดเชียงราย. (2568). รายงานผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวจากมลพิษในแม่น้ำกก.
  3. การผลิตแรร์เอิร์ธในเมียนมา:
    • ปี 2566: เมียนมาผลิตแรร์เอิร์ธ 41,700 ตัน มูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
    • แหล่งอ้างอิง: Global Witness. (2568). รายงานการผลิตแร่หายากในเมียนมา.
  4. ผลกระทบต่อชุมชน:
    • ชาวบ้านในชุมชนบ้านรวมมิตรและบ้านผาเสริฐสูญเสียรายได้จากการประมงและเกษตรกรรมราว 60–70%
    • แหล่งอ้างอิง: กลุ่มรักษ์เชียงของ. (2568). รายงานผลกระทบจากมลพิษในแม่น้ำกกต่อชุมชนท้องถิ่น.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เทศบาลตำบลแม่ยาว
  • หอการค้าจังหวัดเชียงราย
  • สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงราย
  • กลุ่มรักษ์เชียงของ
  • สถาบันองค์ความรู้ท้องถิ่นโฮงเฮียนแม่ของ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลแม่ยาวเร่งซ่อมอ่างเก็บน้ำและฝายหลังอุทกภัย

เทศบาลตำบลแม่ยาว เร่งตรวจซ่อมโครงสร้างสาธารณูปโภคหลังอุทกภัยหนัก

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. นายอภิรักษ์ อินต๊ะวัง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแม่ยาว ได้มอบหมายให้ นายวรวุฒิ บัววัฒนา รองปลัดเทศบาลตำบลแม่ยาว พร้อมเจ้าหน้าที่กองช่าง ลงพื้นที่ตรวจสอบและควบคุมการซ่อมแซมโครงสร้างสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัยในหลายพื้นที่ของตำบล โดยเฉพาะที่ หมู่ 8 บ้านทรายมูล ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากน้ำท่วม

ในช่วงเช้าของวัน นายวรวุฒิและทีมงานได้ลงพื้นที่เพื่อควบคุมการซ่อมแซมคันอ่างเก็บน้ำบ้านทรายมูล ซึ่งถูกน้ำท่วมจนคันดินพังเสียหาย ทีมงานได้ดำเนินการซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงของคันอ่างเก็บน้ำ เพื่อให้สามารถรองรับน้ำได้อย่างปลอดภัย โดยมีการใช้รถแมคโครในการวางท่อระบายน้ำเพิ่มเพื่อป้องกันน้ำล้นในอนาคต

จากนั้น เวลา 11.00 น. – 12.00 น. นายอภิรักษ์ อินต๊ะวัง ได้ลงพื้นที่พร้อมทีมบริหารเพื่อตรวจสอบงานซ่อมแซมฝายน้ำล้นที่บ้านสองแควพัฒนา และบ้านหนองผักหนาม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก ฝายน้ำล้นที่ชำรุดถูกซ่อมแซมเพื่อฟื้นฟูระบบการจัดการน้ำให้กลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง ทั้งนี้ ฝายดังกล่าวเป็นแหล่งกักเก็บน้ำสำคัญที่ใช้สำหรับการเกษตรและอุปโภคบริโภคของชุมชนในพื้นที่บริวารของบ้านห้วยขมนอก หมู่ที่ 10

ในช่วงบ่ายเวลา 13.00 น. – 14.00 น. นายอภิรักษ์ พร้อมด้วยผู้อำนวยการทรัพยากรธรณีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและสำรวจปัญหาดินสไลด์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านลอบือและบ้านพนาสวรรค์ รวมถึงโรงเรียนผาขวางวิทยา จากเหตุฝนตกหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทำให้เกิดดินสไลด์หลายจุด ส่งผลให้ถนนในชุมชนและทางเข้าสถานศึกษาได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่ได้ทำการสำรวจความเสี่ยงและวางแผนซ่อมแซมเพื่อให้การเดินทางของประชาชนและนักเรียนกลับมาเป็นปกติ

นายอภิรักษ์ อินต๊ะวัง เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้เป็นการเร่งแก้ไขปัญหาโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและดินสไลด์ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ เทศบาลตำบลแม่ยาวได้วางแผนการฟื้นฟูและซ่อมแซมโครงสร้างสาธารณูปโภคอย่างเร่งด่วน โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดสรรงบประมาณและเครื่องจักรสำหรับการซ่อมแซม นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำถึงความปลอดภัยในการปฏิบัติงานเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการซ่อมแซม

ทั้งนี้ ทางเทศบาลตำบลแม่ยาวยังได้เรียกร้องให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและดินสไลด์ แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมมายังสำนักงานเทศบาลเพื่อเร่งประสานงานและให้ความช่วยเหลือในระยะเร่งด่วนต่อไป

การตรวจสอบและซ่อมแซมโครงสร้างสาธารณูปโภคครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเทศบาลในการดูแลและให้บริการประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เกิดเหตุภัยพิบัติ เพื่อให้ทุกคนในชุมชนสามารถฟื้นฟูและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติโดยเร็วที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลตำบลแม่ยาว 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI

เทศมนตรีแม่ยาวนำทีมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเชียงราย

 

เมื่อวันศุกร์ ที่ 13 กันยายน 2567 เวลา 15.30 น. นายอภิรักษ์ อินต๊ะวัง เทศมนตรีตำบลแม่ยาว นำทีมบริหารและเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลแม่ยาว พร้อมกับกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่เพื่อมอบน้ำดื่มและอาหารให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ตำบลแม่ยาว บ้านแคววัวดำ บ้านลอบือ บ้านจะสอป่า บ้านผาสุข และบ้านห้วยหลุหลวง โดยจัดตั้งจุดรับแจกสิ่งของที่โรงเรียนแม่ยาววิทยา

เหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ดังกล่าวเกิดขึ้นจากฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนและพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวจึงต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน ทั้งในด้านอาหาร น้ำดื่ม และการดูแลสุขภาพ เนื่องจากพื้นที่ประสบอุทกภัยอยู่ห่างไกลและเข้าถึงได้ยาก

เทศมนตรีตำบลแม่ยาว นายอภิรักษ์ อินต๊ะวัง กล่าวเพิ่มเติมว่า เทศบาลตำบลแม่ยาวได้ร่วมมือกับกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ในการนำความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ประสบภัยโดยเร็วที่สุด โดยไม่เพียงแต่มอบน้ำดื่มและอาหารเท่านั้น แต่ยังเน้นให้ความสำคัญกับการให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยในช่วงสถานการณ์น้ำท่วม เพื่อให้ประชาชนได้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัย

นอกจากนี้ นายอภิรักษ์ยังได้กล่าวว่า การฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจะเป็นภารกิจที่สำคัญหลังน้ำลด โดยเทศบาลตำบลแม่ยาวและกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจะร่วมมือกันในการซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่ได้รับความเสียหายให้กลับคืนมาอย่างเร็วที่สุด รวมถึงการจัดเตรียมมาตรการป้องกันน้ำท่วมในอนาคต เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป

ประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่างแสดงความขอบคุณต่อความช่วยเหลือที่ได้รับจากทั้งภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการจัดส่งน้ำดื่มและอาหารที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตเช่นนี้ หลายคนได้กล่าวว่าความช่วยเหลือนี้ทำให้พวกเขามีกำลังใจที่จะผ่านพ้นสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ไปได้

นอกจากนี้ เทศบาลตำบลแม่ยาวยังได้จัดเตรียมทีมงานช่วยเหลือในด้านอื่น ๆ อาทิ การตรวจสอบและซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม เช่น ถนน ระบบประปา และไฟฟ้า รวมถึงการดูแลด้านสุขอนามัยเพื่อลดความเสี่ยงจากโรคที่อาจเกิดขึ้นหลังจากน้ำลดลง

ในอนาคต เทศบาลตำบลแม่ยาวและกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมมีแผนที่จะพัฒนาโครงการป้องกันน้ำท่วมเพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างความพร้อมให้กับชุมชนในการเผชิญกับเหตุการณ์ธรรมชาติที่ไม่คาดคิด โดยการดำเนินการดังกล่าวจะเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชน เพื่อให้ได้มาตรการที่มีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

เหตุการณ์นี้เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการร่วมมือกันในภาวะวิกฤต ซึ่งทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในชุมชนต่างช่วยกันอย่างเต็มที่ในการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วม และการฟื้นฟูหลังน้ำลด ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและมีความพร้อมในการเผชิญกับวิกฤตในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News