Categories
AROUND CHIANG RAI HEALTH

กิ๋นสุก เป๋นสุข : “กาดละอ่อนเชียงราย” แข่งลาบเมือง สุกอร่อย สไตล์ล้านนา

ลาบเมืองชิงแชมป์รสเด็ด! กินสุกก็อร่อย ปลอดภัย สไตล์ล้านนา

เชียงราย, 3 เมษายน 2568 – การแข่งขัน “ลาบเมือง” ศิลปะแห่งรสชาติล้านนา ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.), สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, สมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์เชียงราย, ศูนย์เยาวชนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และเชียงรายเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบ จัดงาน “กาดละอ่อนเชียงราย” พร้อมจัดการแข่งขัน “ลาบเมือง – ส้มตำลีลา” ศิลปะแห่งรสชาติล้านนา เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้านและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงราย โดยงานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 เมษายน 2568 ณ ชั้น G โซนทางเชื่อมจริงใจ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

การแข่งขันครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การแข่งขันลาบเมือง และส้มตำลีลา โดยมีรางวัลที่น่าสนใจ ได้แก่ โล่รางวัล, มีดทองคำ, ครกทองคำ, เกียรติบัตร และเงินรางวัล เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปได้แสดงความสามารถด้านการปรุงอาหารพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์ของล้านนา การแข่งขันลาบเมืองแบ่งเป็น 2 รุ่น คือ รุ่นอายุไม่เกิน 25 ปี และรุ่นอายุ 25 ปีขึ้นไป

โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมและอาหารตัดสินผลงานอย่างเป็นธรรม ดังรายนามต่อไปนี้:

  1. คุณฐิติวัชร ไลสรรพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำนักงานการศึกษา อบจ. เชียงราย
  2. คุณอดิศักดิ์ เทพวงค์ ประธานสภาเยาวชน อบจ. เชียงราย
  3. คุณสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย
  4. คุณพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  5. คุณโชติศิริ ดารายน นายกสมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

งานนี้ได้รับเกียรติจากนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ. เชียงราย พร้อมด้วยนายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายก อบจ., นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ., และนางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการ อบจ. ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีเปิดและมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะการแข่งขัน

ผลการแข่งขัน: ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ในรสชาติล้านนา

ผลการแข่งขันในรุ่นอายุไม่เกิน 25 ปี มีดังนี้:

  • รางวัลชนะเลิศ: ทีมลาบ 65
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1: ทีมตำลาบห้าดาว
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2: ทีมสล่าเริงปอย

ผลการแข่งขันในรุ่นอายุ 25 ปีขึ้นไป มีดังนี้:

  • รางวัลชนะเลิศ: ทีมลาบเฒ่าลีลา
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1: ทีมลาบลุงเป็ง ฝั่งหมิ่น
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2: ทีมลาบเริงปอย
  • รางวัลชมเชย: ทีมไส้อั่วแม่อุ้ยเขียว และทีมดาขันข้าว

การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นเวทีแสดงฝีมือการปรุงอาหาร แต่ยังเป็นการอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมการทำอาหารพื้นบ้านของล้านนาให้คงอยู่ต่อไป รวมถึงสร้างความรักและความสามัคคีในชุมชนผ่านกิจกรรมที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้

กิ๋นสุก เป๋นสุข”: ชวนเปลี่ยนเมนูดิบสู่เมนูสุก อร่อยและปลอดภัย

นอกเหนือจากการแข่งขันแล้ว งานนี้ยังร่วมรณรงค์แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” ซึ่งเป็นแนวคิดที่มุ่งส่งเสริมให้ประชาชนหันมาบริโภคอาหารที่ปรุงสุก เพื่อสุขภาพที่ดีและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในบริบทของอาหารพื้นบ้านล้านนาที่บางเมนู เช่น ลาบดิบ หรือแหนมหมกไข่ มักนิยมรับประทานแบบดิบ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพหากไม่มีการควบคุมความสะอาดอย่างเหมาะสม

แคมเปญนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดจากการบริโภคอาหารดิบหรือปรุงไม่สุก ซึ่งพบได้บ่อยในหลายภูมิภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคเหนือที่เมนูลาบดิบเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย แม้ว่าจะมีรสชาติที่ถูกปากและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกิน แต่เมนูเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น พยาธิ แบคทีเรีย และไวรัส ซึ่งอาจนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่น โรคอุจจาระร่วง โรคพยาธิใบไม้ในตับ หรือแม้แต่โรคติดเชื้อรุนแรง

“กิ๋นสุก เป๋นสุข” ไม่ได้ห้ามการรับประทานอาหารดิบโดยสิ้นเชิง แต่ต้องการชวนให้ทุกคนลองปรับเปลี่ยนเมนูดิบที่คุ้นเคยมาปรุงให้สุก เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ โดยยังคงรักษารสชาติที่อร่อยและเอกลักษณ์ของอาหารพื้นบ้านไว้ได้ แคมเปญนี้เน้นแนวคิด “สุกก็อร่อยได้” เพื่อให้ทุกครัวเรือนได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการบริโภคอาหารที่ปลอดภัยและดีต่อร่างกาย

ความเสี่ยงจากอาหารดิบและประโยชน์ของอาหารสุก

ข้อมูลจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า การบริโภคอาหารดิบหรือปรุงไม่สุกเป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยในประเทศไทย โดยเฉพาะเมนูที่ทำจากเนื้อสัตว์ดิบ ปลาน้ำจืดดิบ หรือผักหมักที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม โรคที่พบได้บ่อยจากการบริโภคอาหารเหล่านี้ เช่น โรคพยาธิใบไม้ตับ ซึ่งพบมากในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และโรคอุจจาระร่วงที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น ซาลโมเนลลา และอีโคไล

ในทางกลับกัน การปรุงอาหารให้สุกด้วยความร้อนที่เหมาะสมสามารถฆ่าเชื้อโรคและพยาธิได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ลดทอนคุณค่าทางโภชนาการหรือรสชาติของอาหาร การเปลี่ยนมาใช้เมนูสุกจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคภัย และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้อย่างยั่งยืน

กินอาหารสุกไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ต้องเสียรสชาติที่คุ้นเคย

แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” ยังเน้นย้ำว่า การกินอาหารสุกไม่ใช่เรื่องยาก และไม่จำเป็นต้องเสียรสชาติที่ทุกคนชื่นชอบไป ตัวอย่างเช่น ลาบดิบที่ปกติใช้เนื้อดิบเป็นส่วนประกอบหลัก สามารถปรับเปลี่ยนเป็นลาบสุกโดยการนำเนื้อไปปรุงให้สุกก่อน แล้วปรุงรสตามสูตรดั้งเดิม ซึ่งยังคงความเผ็ดจัดจ้านและกลิ่นหอมของเครื่องเทศไว้ได้อย่างครบถ้วน หรือแหนมหมกไข่ที่สามารถอบหรือนึ่งให้สุก ก็ยังคงความอร่อยแบบดั้งเดิมได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย

“เราต้องการให้ทุกคนเห็นว่าการกินอาหารสุกเป็นเรื่องง่าย และยังคงรักษาความอร่อยที่คุ้นเคยไว้ได้ แคมเปญนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการลดความเสี่ยงจากโรคภัย และส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้กับคนไทยทุกคน” ผู้แทนจากกรมอนามัยกล่าว

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในปี 2567 มีผู้ป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงทั่วประเทศกว่า 800,000 ราย และมีผู้ป่วยโรคพยาธิใบไม้ตับสะสมกว่า 6 ล้านคน โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากการบริโภคอาหารดิบหรือปรุงไม่สุก (ที่มา: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, รายงานสถานการณ์โรคประจำปี 2567)

นอกจากนี้ รายงานจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า การบริโภคอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยทั่วโลกกว่า 600 ล้านรายต่อปี และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย มีผู้ป่วยจากอาหารไม่ปลอดภัยถึง 150 ล้านรายต่อปี (ที่มา: WHO, Food Safety Factsheet, 2020)

แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพของคนไทย ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอย่างง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชาการจัดการนวัตกรรมการสื่อสาร สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) รุ่นที่ 6

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

“ฅนพาน” โชว์ศิลป์! นิทรรศการใจกลางเซ็นทรัลเชียงราย

เชียงรายเปิดนิทรรศการ “ความในใจ ของ ฅนพาน” สะท้อนพลังศิลปะท้องถิ่นสู่เวทีสาธารณะ

เชียงราย, 3 เมษายน 2568 – กลุ่มศิลปินพานร่วมกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย เปิดนิทรรศการศิลปะ “ความในใจ ของ ฅนพาน” (PHAN ARTIST Art Exhibition) อย่างเป็นทางการ ณ Central Art Gallery ชั้น G โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานศิลปะจากศิลปินในอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย พร้อมเชิญชวนประชาชน นักท่องเที่ยว และผู้สนใจร่วมสัมผัสพลังความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินท้องถิ่น ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคม 2568

เปิดงานอย่างเป็นทางการโดยวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

พิธีเปิดนิทรรศการจัดขึ้นในวันที่ 3 เมษายน 2568 โดยมีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้บริหารจากศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย ได้แก่ นายสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย และนายพิชิต สิทธิวงศ์ ผู้อำนวยการ Central Art Gallery ร่วมให้การต้อนรับ

ภายในงานยังมีศิลปินชื่อดังร่วมจัดแสดงผลงานในฐานะศิลปินรับเชิญ ได้แก่ สุวิทย์ ใจป้อม, กำธร สีฟ้า และทนงศักดิ์ ปากหวาน ร่วมด้วยศิลปินกลุ่มพานจำนวน 19 ท่าน ที่นำเสนอผลงานรวมทั้งหมด 69 ชิ้น สะท้อนความหลากหลายทางแนวคิดและเทคนิคการสร้างสรรค์

กลุ่มศิลปินพาน: พลังสร้างสรรค์จากชุมชนสู่ศิลปะเมือง

กลุ่มศิลปินพานได้รวมตัวกันจากความตั้งใจของศิลปินในอำเภอพาน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศิลปินกระจายตัวอยู่เป็นจำนวนมาก ภายใต้แนวคิด “สร้างสรรค์งานศิลป์ เพื่อยกระดับอัตลักษณ์ท้องถิ่น” โดยเน้นการแสดงออกถึงรากเหง้าวัฒนธรรม วิถีชีวิต และมุมมองของคนในพื้นที่ผ่านงานจิตรกรรม ประติมากรรม และศิลปะร่วมสมัย

หนึ่งในสมาชิกกลุ่มศิลปินพาน กล่าวว่า “พวกเราต้องการให้พื้นที่ศิลปะในเชียงรายเปิดกว้าง ไม่เฉพาะแค่ศิลปินชื่อดังระดับประเทศเท่านั้น แต่ศิลปินท้องถิ่นก็มีสิทธิ์แสดงออกและมีเวทีเพื่อพูดความในใจของตนเองผ่านผลงานศิลป์”

เชียงราย: เมืองศิลปะที่เติบโตจากรากฐานวัฒนธรรม

จังหวัดเชียงรายได้รับการขนานนามว่าเป็น “เมืองศิลปะ” มาโดยตลอด โดยมีศิลปินจำนวนมากอาศัยอยู่ในจังหวัดและมีชื่อเสียงระดับประเทศ อาทิ อ.ถวัลย์ ดัชนี, อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และศิลปินร่วมสมัยอีกมากมาย ทำให้พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ และการสนับสนุนทางศิลปวัฒนธรรม

การจัดนิทรรศการ “ความในใจ ของ ฅนพาน” ครั้งนี้ จึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญของการส่งเสริมให้ศิลปะกระจายตัวจากเมืองสู่ชนบท และเปิดโอกาสให้ศิลปินหน้าใหม่ได้แสดงศักยภาพต่อสายตาสาธารณะชน

สนับสนุนโดยศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย: พื้นที่แห่งโอกาส

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย ในฐานะเจ้าภาพจัดงาน ได้จัดพื้นที่ Central Art Gallery ให้เป็นเวทีแสดงผลงานศิลปะจากท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างศิลปะกับสังคมเมือง ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และเป็นศูนย์กลางกิจกรรมวัฒนธรรมของจังหวัด

นายพิชิต สิทธิวงศ์ ผู้อำนวยการ Central Art Gallery กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับกลุ่มศิลปินพานเข้าสู่นิทรรศการในครั้งนี้ เพราะนี่คือศิลปะที่มีชีวิต สะท้อนความเป็นตัวตนของชาวพานได้อย่างแท้จริง”

เปิดประตูให้คนทั่วไปเข้าถึงศิลปะ

นิทรรศการ “ความในใจ ของ ฅนพาน” เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตลอดช่วงเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่อาจไม่คุ้นเคยกับโลกศิลปะ ได้สัมผัสงานศิลป์คุณภาพใกล้ชิด และเรียนรู้ความหลากหลายของมุมมองที่แฝงอยู่ในผลงานแต่ละชิ้น

หนึ่งในผู้เข้าชมงานให้ความเห็นว่า “ผลงานแต่ละชิ้นบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างลึกซึ้ง แม้ไม่ใช่คนพานก็สามารถเข้าใจและสัมผัสความรู้สึกที่ศิลปินต้องการถ่ายทอดได้”

ความคิดเห็นจากทั้งสองฝ่าย: มุมมองที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์

ฝ่ายสนับสนุน นิทรรศการเห็นว่าเป็นการเปิดพื้นที่ให้ศิลปินท้องถิ่นได้มีเวที และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในจังหวัด อีกทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนหันมาสนใจศิลปะมากขึ้น

ฝ่ายที่มีข้อกังวล บางส่วนแสดงความเห็นว่านิทรรศการควรมีแนวทางส่งเสริมการขายผลงาน หรือจัดอบรมศิลปะควบคู่เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องทางเศรษฐกิจแก่ศิลปินท้องถิ่นในระยะยาว มิใช่แค่การจัดแสดงเพียงครั้งเดียว

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่า การเปิดพื้นที่ศิลปะควรดำเนินต่อไป และมีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับความต้องการของศิลปินและประชาชน

บทสรุป

นิทรรศการ “ความในใจ ของ ฅนพาน” นับเป็นอีกหนึ่งหลักฐานของความเข้มแข็งของศิลปะท้องถิ่นที่กำลังเติบโตในจังหวัดเชียงราย แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน ศิลปิน และชุมชน ในการขับเคลื่อนศิลปวัฒนธรรมสู่ประชาชนอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับจังหวัด และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในระดับที่จับต้องได้ ซึ่งจะส่งผลต่อความยั่งยืนในระยะยาวของภาคศิลปะในพื้นที่

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • จำนวนศิลปินในจังหวัดเชียงราย: มากกว่า 1,200 คน (ข้อมูลจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, 2566)
  • มูลค่าอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ในภาคเหนือ: กว่า 3,500 ล้านบาท/ปี (สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์, 2566)
  • จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าชมงานนิทรรศการศิลปะในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย ปี 2566: กว่า 85,000 คน (ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เซ็นทรัลเชียงราย)
  • จำนวนศิลปินในอำเภอพานที่ร่วมกิจกรรมกับหน่วยงานรัฐและเอกชนในรอบ 5 ปี: 178 คน (ข้อมูลจากกลุ่มศิลปินพาน, 2567)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA)
  • ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย
  • กลุ่มศิลปินพาน
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ชิมลาบเหนือแท้ ‘เซ็นทรัลเชียงราย’จัดแข่ง ‘ลาบเมือง’ 2 เมษาฯ

การบริโภคลาบเมือง: วิถีวัฒนธรรมอาหารเหนือ กับแนวทางสุขภาพที่ปลอดภัย

ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.), วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และสมาคมสื่อมวลชนเชียงราย จัดงาน การแข่งขันลาบเมือง” ศิลปะแห่งรสชาติล้านนา ในวันที่ 1-2 เมษายน 2568 ณ ชั้น G โซนทางาเชื่อมจริงใจ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมการทำลาบพื้นเมืองล้านนา พร้อมทั้งกระตุ้นให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการบริโภคอาหารปรุงสุกเพื่อความปลอดภัยทางสุขภาพ

ประวัติและวิวัฒนาการของลาบเมือง

ลาบเมือง ถือเป็นอาหารพื้นบ้านของภาคเหนือที่มีประวัติยาวนาน นิยมใช้เนื้อสัตว์หลากหลาย เช่น เนื้อควาย เนื้อหมู หรือเนื้อวัว ในการประกอบอาหาร ซึ่งแต่เดิมมีการบริโภคลาบดิบหรือที่เรียกว่า ลาบดิบ” ที่มีสมุนไพรหลายชนิดเป็นส่วนผสม อาทิ มะแขว่น มะแหลบ ตะไคร้ ข่า และพริกลาบ ที่เชื่อกันว่าสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและพยาธิได้ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน นักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแนะนำให้ประชาชนบริโภคลาบแบบปรุงสุก หรือ ลาบคั่ว” เพื่อป้องกันโรคพยาธิและแบคทีเรียที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย

ลาบเหนือ vs. ลาบอีสาน: ความแตกต่างที่สะท้อนวัฒนธรรม

  1. แหล่งที่มาและการใช้เนื้อสัตว์
    • ลาบเหนือมักนิยมใช้ เนื้อควาย เนื่องจากควายเป็นสัตว์ที่เลี้ยงกันมากในภาคเหนือที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์
    • ลาบอีสานนิยมใช้ เนื้อวัว เพราะภาคอีสานเป็นที่ราบสูง มีน้ำน้อย จึงเลี้ยงวัวมากกว่าควาย
  2. รสชาติและเครื่องเทศ
    • ลาบเหนือมีส่วนผสมของสมุนไพรหลายชนิด ทำให้รสชาติเข้มข้นและมีกลิ่นหอมจากเครื่องเทศ
    • ลาบอีสานเน้นรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด และมักใส่ข้าวคั่วเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
  3. กระบวนการปรุง
    • ลาบเหนือใช้วิธีการสับละเอียดและคลุกเคล้ากับเครื่องเทศหลายชนิด ทำให้มีรสชาติกลมกล่อม
    • ลาบอีสานนิยมปรุงแบบด่วน ใช้เวลาน้อยกว่า สามารถรับประทานได้ทันทีหลังจากปรุงเสร็จ

แนวทางส่งเสริมการบริโภคอาหารปลอดภัย

เพื่อสนับสนุนการบริโภคอาหารที่ปลอดภัยและปราศจากเชื้อโรค องค์กรสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รณรงค์ให้ประชาชนหันมาบริโภคอาหารที่ผ่านการปรุงสุก พร้อมทั้งแนะนำแนวทางดังต่อไปนี้:

  • บริโภคลาบคั่วแทนลาบดิบ เพื่อลดความเสี่ยงจากเชื้อโรคและพยาธิ
  • เลือกซื้อเนื้อสัตว์จากแหล่งที่ปลอดภัย และผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณภาพ
  • ใช้เครื่องเทศและสมุนไพรที่สดใหม่ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและลดการปนเปื้อนของเชื้อโรค
  • หลีกเลี่ยงการใช้เลือดสดที่ไม่ได้ผ่านการพาสเจอไรซ์

สถิติและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลจาก กระทรวงสาธารณสุข ปี 2567 ระบุว่า:

  • ร้อยละ 70 ของผู้ป่วยพยาธิใบไม้ตับในประเทศไทยเกิดจากการบริโภค อาหารดิบ
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่มี อัตราผู้ป่วยโรคพยาธิใบไม้ตับสูงที่สุด ในประเทศ
  • การบริโภคลาบดิบมี ความเสี่ยงต่อโรคพยาธิและโรคติดเชื้อทางเดินอาหารมากกว่าการบริโภคอาหารที่ปรุงสุกถึง 5 เท่า

สรุป

การแข่งขันลาบเมืองในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้านล้านนา แต่ยังช่วยกระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย ผ่านแนวคิด กินสุก เป็นสุข” ซึ่งเน้นการปรุงอาหารให้สุกก่อนบริโภคเพื่อลดความเสี่ยงของโรคพยาธิและแบคทีเรีย โดยยังคงความอร่อยของรสชาติลาบเหนือไว้ได้เช่นเดิม

ลดเสี่ยง เลี่ยงโรค อร่อยได้ ไม่ต้องดิบ” เป็นแนวคิดที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชนหันมารับประทานอาหารที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ พร้อมทั้งรักษาวัฒนธรรมการกินลาบแบบดั้งเดิมให้คงอยู่ต่อไปในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ / รวมที่เที่ยวเชียงราย – chiangrai travel / ที่มา: กระทรวงสาธารณสุข, 2567

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

“Bath & Body Works” เปิดตัวสาขาใหม่ ที่ ‘เซ็นทรัลเชียงราย’

Bath & Body Works เปิดตัวสาขาใหม่ในเชียงราย พร้อมเผยกลยุทธ์ความสำเร็จระดับโลก

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 Bath & Body Works แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายและผลิตภัณฑ์ความหอมระดับโลก ได้เฉลิมฉลองการเปิดสาขาใหม่ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย โดยมี คุณสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ร่วมกับ คุณสุทธิกร งาคม Area Manager ของแบรนด์ พร้อมเหล่าเซเลบริตี้และกลุ่ม Top Spender เข้าร่วมงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

ประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จของ Bath & Body Works

Bath & Body Works ก่อตั้งขึ้นในปี 1990 โดยเริ่มจากร้านเล็ก ๆ ในเมืองบอสตัน รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะเติบโตจนกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่มีเอกลักษณ์ในเรื่องของ “กลิ่น” ที่โดดเด่น

จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวธรรมดา ๆ Bath & Body Works ได้สร้างชื่อด้วยการใช้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ความทรงจำในวัยเด็ก และประสบการณ์ส่วนตัวมาพัฒนากลิ่นใหม่ ๆ ที่มีเอกลักษณ์ จนทำให้แบรนด์มีรายได้มากกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ต่อปี

ในช่วงปีแรก ๆ Bath & Body Works สามารถขยายสาขาจากร้านค้าเพียง 1 แห่งไปสู่ 500 แห่ง ภายในเวลาเพียง 6 ปี และปัจจุบันมีสาขากว่า 1,800 แห่งในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา รวมถึงแฟรนไชส์อีกกว่า 450 สาขาในตลาดต่างประเทศ

เปิดประสบการณ์ใหม่กับ Bath & Body Works เชียงราย

Bath & Body Works สาขาเซ็นทรัล เชียงราย นำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท อาทิ

  • ชาวเวอร์เจล
  • บอดี้โลชั่น
  • น้ำหอม
  • เครื่องหอมสำหรับบ้าน
  • เทียนหอม

พร้อมโปรโมชั่นฉลองเปิดร้านใหม่ที่น่าตื่นเต้น

  • ซื้อสินค้าใดก็ได้ 2 ชิ้น แถมฟรีอีก 2 ชิ้น
  • เมื่อซื้อสินค้าครบ 2,200 บาท รับส่วนลดเพิ่มอีก 10%

โปรโมชั่นพิเศษนี้มีระยะเวลาเพียง 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567

กลยุทธ์การเติบโตที่สร้างความแตกต่าง

Bath & Body Works มีความโดดเด่นด้วยการพัฒนากลิ่นใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทน้ำหอมชั้นนำ เช่น Firmenich และ Givaudan ในการออกแบบและพัฒนากลิ่นที่สามารถดึงดูดใจลูกค้าได้อย่างยาวนาน

Gina Boswell ซีอีโอคนปัจจุบันของแบรนด์ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งในปี 2022 ได้ผลักดันให้ Bath & Body Works ขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มผู้ชายและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น น้ำยาซักผ้า และผลิตภัณฑ์สำหรับบ้าน โดยตั้งเป้าการเติบโตในกลุ่มลูกค้าชายเป็นตัวเลขสองหลัก

นอกจากนี้ Boswell ยังเน้นการสร้างคอลเล็กชันตามเทศกาลที่ตอบโจทย์ตลาดโลก โดยทีมงานได้เดินทางไปยังเมืองสำคัญต่าง ๆ เช่น ลอนดอน ปารีส และโตเกียว เพื่อศึกษาแนวโน้มและแรงบันดาลใจใหม่ ๆ

ความสำคัญของกลิ่นที่เหนือกว่า

หนึ่งในความสำเร็จของ Bath & Body Works คือการเข้าใจว่ากลิ่นสามารถสร้างประสบการณ์และความทรงจำให้กับผู้ใช้ โดยแบรนด์มุ่งเน้นการสร้างกลิ่นที่หลากหลาย ซึ่งบางกลิ่นได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ บางกลิ่นมาจากวัฒนธรรม หรือแม้แต่ความคิดถึงในวัยเด็ก

ผลิตภัณฑ์ยอดนิยม เช่น เทียนหอมและเครื่องหอมสำหรับบ้าน ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผู้คนให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองและสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย

สรุป: Bath & Body Works เซ็นทรัล เชียงราย

Bath & Body Works ไม่ใช่เพียงแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงาม แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการดูแลตัวเองของผู้บริโภคทั่วโลก การเปิดสาขาที่เชียงรายในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น แต่ยังเป็นการมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่พิเศษให้กับลูกค้าในภาคเหนือ

สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความหอมและผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับโลก สามารถเยี่ยมชมได้ที่ Bath & Body Works ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

“สัมผัสความหอมที่แตกต่าง พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษที่คุณไม่ควรพลาด!”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 ส่องแสงเจิดจ้า สร้างสีสันเมืองเชียงราย

เชียงรายผนึกกำลังทุกภาคส่วน กระตุ้นการท่องเที่ยว ต้อนรับฤดูหนาวและเทศกาลปีใหม่

เชียงราย 11 พฤศจิกายน 2567 – นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในการประชุมเพื่อวางแผนฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

เน้นย้ำความร่วมมือทุกภาคส่วน สร้างการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

ในการประชุมดังกล่าว รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชียงรายให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้ จังหวัดเชียงรายได้เตรียมกิจกรรมและโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เดินทางมาเยือน

ผสมผสานทุกองค์ประกอบ สร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แตกต่าง

จังหวัดเชียงรายมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หลากหลาย โดยผสมผสานกิจกรรมทางด้านกีฬา การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การชิมอาหารพื้นเมือง และการสัมผัสวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน

เซ็นทรัล เชียงราย จัดงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” ต้อนรับนักท่องเที่ยว

เพื่อตอกย้ำความเป็นเมืองท่องเที่ยว ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ (โครงการพัฒนาดอยตุง) จัดงาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” ขึ้น โดยมีไฮไลท์สำคัญคือ “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” สูง 15 เมตร ที่ออกแบบและสร้างสรรค์โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Chiang Rai The Sense of Art” ซึ่งเป็นการนำเสนอเรื่องราวของดินแดนแห่งศิลปะและดอกไม้ของจังหวัดเชียงราย ผ่านการนำดอกไม้เมืองหนาว 9 สายพันธุ์ มาประดับตกแต่งบนต้นคริสต์มาส

“ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” สัญลักษณ์แห่งความสร้างสรรค์และภูมิปัญญาชาวดอย

“ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” นับเป็นผลงานศิลปะที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ภาครัฐ และชุมชน โดยใช้ผ้าพื้นเมืองและเครื่องประดับจากชนเผ่ามาประดับตกแต่ง ซึ่งเป็นการส่งเสริมภูมิปัญญาและผลิตภัณฑ์ของชุมชนท้องถิ่นไปพร้อมกัน นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างสรรค์แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดเชียงราย และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือน

กิจกรรมภายในงาน

  • ชม “ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา” และสัมผัสความสวยงามของศิลปะและดอกไม้
  • ช้อปปิ้งสินค้าหัตถกรรม จากชุมชนต่างๆ
  • ลิ้มลองอาหารพื้นเมือง รสชาติอร่อย
  • ร่วมกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น การแสดงดนตรี การประกวด และเวิร์คช็อป

ช่วงเวลาแห่งความสุขส่งท้ายปีที่เชียงราย

งาน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024” จะจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 มกราคม 2568 ณ บริเวณลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ผู้ที่สนใจสามารถมาร่วมสัมผัสบรรยากาศแห่งความสุขและความอบอุ่นในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้ที่นี่

เชียงรายพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน

จังหวัดเชียงรายขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกท่านมาสัมผัสเสน่ห์ของเมืองแห่งขุนเขาและวัฒนธรรมล้านนา พร้อมร่วมสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แสนประทับใจ

พบกับพิธีเปิดสุดยิ่งใหญ่ในวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

ติดตามความเคลื่อนไหวเซ็นทรัลพัฒนา คลิก                     https://www.centralpattana.co.th/th/shopping/shopping-update/lifestyle-activities

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

เซ็นทรัลเชียงราย ร่วมคัดแยกแก้วน้ำพลาสติกใช้แล้วนำไปทำ ‘ขาเทียม’

 

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2567 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย นำโดยนายสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการ พร้อมด้วยทีมจิตอาสา CSR ได้จัดกิจกรรมมอบแก้วน้ำพลาสติกใช้แล้วที่ได้จากการคัดแยกขยะภายในศูนย์การค้า ภายใต้โครงการ “คัดแยกแก้วน้ำพลาสติกใช้แล้ว” เพื่อบริจาคให้กับมูลนิธิขาเทียม โรงพยาบาลแม่ลาว อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย โดยแก้วน้ำพลาสติกที่บริจาคมีน้ำหนักรวมทั้งสิ้น 800 กิโลกรัม ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในกระบวนการผลิตขาเทียมสำหรับผู้พิการทางการเคลื่อนไหว รวมถึงส่วนที่เหลือจะถูกจำหน่ายเพื่อนำรายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ป่วยที่ขาดแคลน

ในงานมอบบริจาคครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากนายนพณัช บุญสุข นักกายภาพบำบัดชำนาญการ, นางสาวกาญจนา เชื้อเมืองพาน นักกิจกรรมบำบัดชำนาญการ, นายเทพบุตร ปัญธรรม ช่างทำขาเทียม และนายเศรษฐวัฒน์ รีรักษ์ ผู้ช่วยนักกายภาพบำบัด เป็นผู้แทนจากโรงพยาบาลแม่ลาวมารับมอบ ณ ชั้น G ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

การบริจาคแก้วน้ำพลาสติกในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเซ็นทรัล เชียงราย ที่ต้องการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมและสนับสนุนการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้พิการ โครงการดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องการขาเทียมในการกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของการสร้างสังคมที่น่าอยู่สำหรับทุกคน

โดยทางศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงรายมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผู้พิการทางด้านขา โดยการบริจาคแก้วน้ำพลาสติกใช้แล้วเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องการขาเทียม นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้ชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของการคัดแยกขยะและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน

การร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจและองค์กรการกุศลในการช่วยเหลือผู้พิการถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้างสังคมที่มีความเท่าเทียมและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ผู้พิการทางการเคลื่อนไหวที่ได้รับขาเทียมจากมูลนิธิขาเทียมจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ การบริจาคแก้วน้ำพลาสติกไม่เพียงแต่ช่วยลดขยะในสิ่งแวดล้อม แต่ยังสามารถนำกลับมาใช้ในกระบวนการผลิตขาเทียมที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ

มูลนิธิขาเทียม โรงพยาบาลแม่ลาว เป็นองค์กรที่ทำงานเพื่อช่วยเหลือผู้พิการทางการเคลื่อนไหว โดยมีภารกิจในการจัดหาขาเทียมและบริการฟื้นฟูสมรรถภาพให้กับผู้ป่วยที่ขาดแคลนทรัพยากร โครงการดังกล่าวได้รับความสนับสนุนจากหลายภาคส่วน ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงชุมชนท้องถิ่น ซึ่งต่างมุ่งมั่นในการสร้างสังคมที่มีความเท่าเทียมและสนับสนุนผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ

ในอนาคต ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงรายจะยังคงเดินหน้าในโครงการ CSR ต่าง ๆ เพื่อสร้างสังคมที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม การสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือในชุมชนเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักขององค์กรในการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน

การบริจาคแก้วน้ำพลาสติกจำนวน 800 กิโลกรัมในครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคมและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน เพื่อให้ชุมชนสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างสังคมที่น่าอยู่และมีความเข้าใจในความสำคัญของการดูแลกันและกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

เซ็นทรัลเชียงราย ร่วมจัดนิทรรศการ จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

 

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงรายได้เข้าร่วมจัดนิทรรศการ “โครงการส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายอย่างยั่งยืน จ.เชียงราย” ณ หอประชุมสมเด็จย่า มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความตระหนักและกระตุ้นการมีส่วนร่วมในเรื่องการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงรายได้จัดบูธเพื่อแสดงการจัดการขยะที่มีระบบและเป็นระเบียบ รวมถึงการจัดการขยะที่มาจากศูนย์การค้าแต่ละประเภท เพื่อให้เห็นถึงการดำเนินงานและความมุ่งมั่นในการรักษาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ “6 Actions for One Planet” ซึ่งเป็นโครงการของ Central Pattana ที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน

อีกหนึ่งไฮไลต์ของการจัดนิทรรศการคือการแสดงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกากกาแฟ ซึ่งเป็นผลจากความร่วมมือกับ Sub Contract ที่มีส่วนร่วมในการผลิตผลิตภัณฑ์เหล่านี้ การใช้กากกาแฟซึ่งเป็นวัสดุที่มักถูกทิ้งเป็นขยะเพื่อนำมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ในการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ในงานนี้ ได้รับเกียรติจากว่าที่ ร.ต. ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เข้าชมบูธและกล่าวชื่นชมในความร่วมมือของเซ็นทรัลเชียงรายในการส่งเสริมและจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ ความร่วมมือของภาคีเครือข่ายในครั้งนี้ถือเป็นการสร้างแรงผลักดันสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อมและสร้างสรรค์การพัฒนาที่ยั่งยืนในจังหวัดเชียงราย

การจัดนิทรรศการในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนและองค์กรต่าง ๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่สังคมและโลกของเราในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

เซ็นทรัลเชียงราย จัดฟุตบอลกระชับมิตร มอบ 3 แสนบาทยกระดับกีฬาเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย จับมือกับ เทศบาลนครเชียงราย จัดการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร “FRIENDLY MATCH : CPN x ChiangRai Municipality 2024” ณ สนามหญ้าเทียม X-ARENA (ท่าสาย) เพื่อส่งเสริมทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอล 7 คน ก่อให้เกิดความสมานสามัคคี มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีต่อกัน โดยผลการแข่งขันจบลงที่ เทศบาลนครเชียงรายชนะไปด้วย 5-6 พร้อมขนเงินรางวัลมูลค่า 20,000 บาทกลับบ้าน

ในโอกาสนี้ คุณรุจิเรศ นีรปัทมะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มอบเงินสนับสนุนให้กับ สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย จำนวน 300,000 บาท เพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ และยกระดับกีฬาจังหวัดเชียงรายมุ่งสู่ความเป็นเลิศ โดยมี คุณธเนศ โกมลธง รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย, เดช ใจกล้า อุปนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย เป็นผู้รับมอบ และมี ธนาพรรณ พงษ์พันธ์, สายัณห์ นักบุญ, วีรโชติ ถิรวายามกุล, สุภัทร อักษรแก้ว, ภาธร์ รังษีกุลพิพัฒน์, และโชติศิริ ดารายน ร่วมงาน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

โดยการสนับสนุนในครั้งนี้ไม่เพียงแค่เป็นการส่งเสริมกีฬาฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งและความสมานสามัคคีในชุมชน การร่วมมือกันจัดกิจกรรมกีฬานับว่าเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างความสุขและสุขภาพที่ดีให้กับคนในท้องถิ่น และยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ด้วย

ถือเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนากีฬาของจังหวัดเชียงราย เพื่อให้เยาวชนและประชาชนในพื้นที่มีโอกาสในการพัฒนาทักษะทางกีฬา และส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ โดยเงินสนับสนุนที่ได้รับจะนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมกีฬาและพัฒนาให้กับประชาชนในจังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างเสริมความสามารถและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทุกคน

การจัดกิจกรรม “FRIENDLY MATCH : CPN x ChiangRai Municipality 2024” ในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐในการส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และเป็นการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีให้กับชุมชนในจังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

‘เซ็นทรัลเชียงราย’ ร่วมอนุรักษ์ประเพณีวันเข้าพรรษา จัดกิจกรรมแห่เทียนเข้าพรรษา

 

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 คุณสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และพนักงานจิตอาสาจากศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม “แห่เทียนเข้าพรรษา” ณ วัดร่องธาร ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ประเพณีอันดีงามของไทยให้คงอยู่สืบไป โดยมีกิจกรรมการถวายเทียนพรรษา, เครื่องสังฆทาน, หลอดไฟ, เจลล้างมือ และน้ำดื่ม นอกจากนี้ยังได้ร่วมถวายภัตตาหารเพล แก่พระสงฆ์จำนวน 7 รูป

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่เป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีวันเข้าพรรษาเท่านั้น แต่ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และส่งเสริมประเพณีไทย รวมทั้งเป็นการปลูกฝังขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่นให้คงอยู่ต่อไป

วัดร่องธาร ซึ่งเป็นสถานที่จัดกิจกรรมนี้ ตั้งอยู่ในตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยได้รับความร่วมมือจากคณะผู้บริหารและพนักงานของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ได้มีการเตรียมงานและจัดหาสิ่งของที่จำเป็นในการถวายพระสงฆ์อย่างครบถ้วน

กิจกรรมดังกล่าวนอกจากจะเป็นการอนุรักษ์ประเพณีวันเข้าพรรษาและวันอาสาฬหบูชาแล้ว ยังเป็นการสร้างสำนึกให้กับพนักงานในเรื่องของการรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับการตอบรับและความสนใจจากพนักงานและชุมชนในพื้นที่เป็นอย่างดี

การแห่เทียนเข้าพรรษาถือเป็นประเพณีที่สำคัญของคนไทยที่ปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน เป็นการถวายความสว่างไสวให้กับพระสงฆ์ในการศึกษาพระธรรมและปฏิบัติธรรมในช่วงฤดูฝน นอกจากนี้ยังเป็นการทำบุญที่ส่งเสริมความสามัคคีและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมของชุมชน

ในปีนี้ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย คาดหวังว่ากิจกรรมนี้จะเป็นการสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องของวัฒนธรรมประเพณี และเป็นแรงบันดาลใจให้กับพนักงานในการทำงานและมีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคมต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

เซ็นทรัลเชียงราย จัดอบรมกากกาแฟ “จากกาก สู่แกร่ง” ช่วยลดขยะ

 

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ณ ชั้น G ได้จัดอบรม Workshop ภายใต้โครงการ “จากกาก สู่แกร่ง” โดยมีนายสายัณห์ นักบุญ ผู้จัดการทั่วไป, นายพัฒนพล ศิริผลสมสุข เจ้าหน้าที่แผนก Safety & Security และแผนก CX (Customer Experience) ร่วมกันจัดกิจกรรมในครั้งนี้

 

การอบรมครั้งนี้เน้นไปที่การแปรรูปของเหลือใช้จากกากกาแฟ ซึ่งได้รับการเข้าร่วมจากผู้แทนของ Sub contract รปภ, พ่อบ้าน และแม่บ้าน ที่ทำงานในศูนย์การค้า โดยผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้วิธีการทำผลิตภัณฑ์จากกากกาแฟ ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตประจำวัน และยังช่วยลดปริมาณขยะที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

 

ในการอบรมครั้งนี้ มีการแนะนำวิธีการทำผลิตภัณฑ์จากกากกาแฟหลายประเภท อาทิ ก้อนสบู่ เทียนหอม กระถางต้นไม้น้ำ EM ก้อนเก็บกลิ่นไล่แมลง และสบู่เหลว โดยกากกาแฟที่ใช้ในการอบรมนี้ ได้รับจากร้านค้าภายในศูนย์การค้า ซึ่งเป็นวิธีการที่ช่วยในการนำของเหลือใช้กลับมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์

 

ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ได้เห็นถึงความสำคัญของโครงการในการนำกากกาแฟมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ นอกจากจะช่วยลดปริมาณขยะแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้พนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีความรู้และทักษะใหม่ๆ ที่สามารถนำไปต่อยอดในอนาคตได้อีกด้วย”

 

ซึ่งโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและผู้มาใช้บริการในศูนย์การค้า รวมถึงเป็นการร่วมมือกันระหว่างแผนกต่างๆ ในการทำงานเพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อสิ่งแวดล้อม”

 

การอบรมครั้งนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เข้าร่วม ทุกคนได้มีโอกาสทดลองทำผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเอง และได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆ จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ทำให้เกิดความเข้าใจและสามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป

 

นอกจากนี้ การแปรรูปกากกาแฟยังเป็นแนวทางที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับของเหลือใช้ โดยเฉพาะในยุคที่การลดขยะและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งนี้ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ยังคงมุ่งมั่นในการจัดกิจกรรมและโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News