Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

บทบาทของ อบจ.เชียงราย ส่งเสริมพระพุทธศาสนา

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.00 น. พระพุทธญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่สามัญสมาชิกพุทธสมาคมแห่งจังหวัดเชียงราย ประจำปี 2566 มอบโล่เกียรติคุณแก่องค์กรต้นแบบ ประกาศนียบัตรแก่บุคคลต้นแบบในการส่งเสริมพระพุทธศาสนา และประกาศเกียรติคุณแก่ผู้มีความโดดเด่นในการ ครองตน ครองคน ครองงาน ตามหลักพระพุทธศาสนา อาทิ นักเรียน ครูที่ปรึกษา และโรงเรียน ทั้งนี้ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ได้รับใบประกาศเกียรติคุณ บุคคลต้นแบบในการทำคุณประโยชน์ ต่อพระพุทธศาสนาและต่อพุทธสมาคมแห่งจังหวัดเชียงราย ประจำปี 2566

 

โดยการประชุมในครั้งนี้มีการแสดงความสามารถของนักเรียนที่ได้รับรางวัล ได้แก่ การกล่าวสุนทรพจน์ หัวข้อ “พระมหากษัตริย์ไทยกับพระพุทธศาสนา” และ สวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัยฯ (สาธิตการสวด) เวลาต่อมานางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย บรรยายในหัวข้อ “บทบาทของ อบจ.เชียงราย ในการส่งเสริมพระพุทธศาสนา” ให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม กล่าวว่า นโยบายด้านการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม อบจ.เชียงรายได้ส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินกิจกรรม ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างบูรณาการ
 
เพื่อให้เกิดความตระหนักในคุณค่าของศาสนา จารีต ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น อันเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของเมืองเชียงราย และชนเผ่าที่หลากหลาย ซึ่งนำไปสู่การสืบทอดมรดก ทางศิลปวัฒนธรรม และได้สนับสนุนองค์ความรู้ทางด้าน ศิลปวัฒนธรรม สู่ท้องถิ่นและศาสนสถานโดยร่วมกับ องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาเมืองเชียงรายสู่เมืองแห่งการสร้างสรรค์ทางศิลปะ และวัฒนธรรม (Creative city & Culture) ให้ดำรงและสืบทอดสู่คนรุ่นต่อไปอย่างยั่งยืน
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

เชียงรายเชื่อม SME เหนือ สู่ตลาด รัฐ-เอกชน THAI SME-GP Road Show

 
เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 67 ที่ห้องประชุม อาคารคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงาน THAI SME-GP Road Show จ.เชียงราย มุ่งขยายโอกาส SME พื้นที่ภาคเหนือตอนบนเข้าสู่ตลาดภาครัฐ โดยมี ดร.อภิรดี ขาวเธียร รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ( สสว.) กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย ผู้เข้าร่วมจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ SMEs เข้าร่วมงาน

 

นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าวว่า จังหวัดเชียงรายรวมถึงกลุ่ม จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน น่าน พะเยา และ แพร่ เป็นพื้นที่ที่มี SME เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยสร้างการเติบโตและพัฒนาเศรษฐกิจของพื้นที่ โดยเพาะเชียงรายเป็นหนึ่งใน จังหวัดศูนย์กลางทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของภูมิภาค โดยมี SME จำนวน 65,128 กิจการ เกิดการ จ้างงาน 173,686 คน ที่สำคัญมีส่วนในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะในกิจการที่เป็นนิติบุคคล คิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 59,941 ล้านบาท

 

ในส่วนของตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ จังหวัดเชียงราย ยังเป็นศูนย์รวมของผู้ซื้อภาครัฐ ที่มีทั้งส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงพยาบาล สถาบันการศึกษา ฯลฯ จำนวน 1,062 หน่วย ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมา หน่วยงานต่างๆ มีการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการจากผู้ประกอบการรวมมูลค่าถึง 10,757 ล้านบาท ซึ่งร้อยละ 48.5 เป็นการจัดซื้อจัดจ้างจาก SME ที่ขึ้นทะเบียนในระบบ THAI SME-GP ของ สสว.

 

สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐที่เป็นผู้ซื้อ ได้พบกับ SME ที่เป็นผู้ขายสินค้าและบริการ จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยให้ SME สามารถขยายโอกาสเข้าสู่ตลาดภาครัฐได้เพิ่มมากขึ้น ขณะที่หน่วยงานได้มีโอกาสเพิ่มพูนความรู้ เพื่อช่วยให้การทำงานด้านการจัดซื้อจัดจ้าง ถูกต้อง และเกิดประสิทธิภาพในการร่วมส่งเสริม สนับสนุน SME ให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ต่อไป

 

ด้าน ดร.อภิรดี ขาวเธียร รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ตามที่ สสว. ได้ร่วมกับกรมบัญชีกลาง ดำเนินมาตรการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ภายใต้กฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับ ที่ 2) พ.ศ.2563 ซึ่งเริ่มดำเนินการนับตั้งแต่ปลายปี 2563 เป็นต้นมา เพื่อสร้างโอกาสให้ SME เข้าสู่ตลาดภาครัฐที่มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 1.2-1.5 ล้านล้านบาทต่อปี โดยมาตรการ THAI SME-GP เป็นการให้สิทธิประโยชน์กับ SME ในรูปแบบของแต้มต่อในการแข่งขัน ซึ่ง SME ที่ขึ้นทะเบียน THAI SME-GP กับ สสว. โดยจะได้รับแต้มต่อไม่เกินร้อยละ 10 และหากผู้ประกอบการ THAI SME-GP ขายสินค้าที่ได้รับการรับรอง Made in Thailand จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จะได้รับแต้มต่อไม่เกินร้อยละ 15 นอกจากนี้การจัดซื้อจัดจ้างที่มีวงเงินไม่เกิน 500,000 บาท ให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาจัดซื้อจัดจ้างกับผู้ประกอบการ SME เป็นลำดับแรกก่อน

 

สำหรับพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย ตัวเลข ณ วันที่ 20 พฤษภาคม 2567 มี SME ที่ขึ้นทะเบียนในระบบ THAI SME-GP จำนวน 2,997 ราย ในปี 2566 SME ที่ขึ้นทะเบียน ได้เป็นคู่ค้าภาครัฐจำนวน 1,548 ราย รวมมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้าง 7,453 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อจัดจ้างจากหน่วยงานของรัฐใน พื้นที่เชียงราย คิดเป็นร้อยละ 41.04 และจากพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ คิดเป็นร้อยละ 59.96

 

ดังนั้น เพื่อช่วยขยายโอกาส SME ให้เข้าสู่ตลาดภาครัฐเพิ่มขึ้น ในปี 2567 สสว. ดำเนินการเสริมสร้างความพร้อมให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในพื้นที่ทั่วประเทศ สำหรับพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา จัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพ SME ด้วยการอบรมความรู้ ให้คำปรึกษาแนะนำเชิงลึก และจัดงานส่งเสริม เชื่อมโยงตลาดภาครัฐ หรืองาน THAI SME-GP Roadshow เพื่อเปิดโอกาสให้ SME ซึ่งเป็นผู้ขาย ได้พบกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่เป็นผู้ซื้อ ซึ่งภาคเหนือ กำหนดจัดงาน 2 ครั้ง จังหวัดเชียงรายเป็นครั้งแรก และจัดกิจกรรมครั้งที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก ใน วันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ที่จะถึงนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ SME ที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพ มีโอกาสนำเสนอสินค้าและบริการให้หน่วยงานภาครัฐ- ภาคเอกชน สำหรับ SME ที่ร่วมออกบูธแสดงสินค้าในครั้งนี้มีจำนวนกว่า 30 กิจการ มีสินค้าและบริการ อาทิ ด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล เครื่องใช้อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องเขียน เฟอร์นิเจอร์ การบริการติดตั้งระบบไฟฟ้า เป็นต้น

 

ภายในงานยังมีกิจกรรมเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนกับสถาบันการเงิน อาทิ ธนาคารออมสิน ธนาคาร SME D Bank ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) หน่วยงานพันธมิตร อาทิ สำนักงานพาณิชย์ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการบรรยายพิเศษ และเสวนาให้ความรู้ด้านการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยวิทยากรจากสำนักงานคลังจังหวัดเชียงราย สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ภูมิภาคที่ 8 สำนักงาน ป.ป.ช. จังหวัดเชียงราย และ สรรพากรพื้นที่ มาร่วมถ่ายทอดความรู้ เพื่อให้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SME ให้มีศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน ประสบความสำเร็จในการขยายโอกาสเข้าสู่ตลาดภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเป็นกำลังสำคัญของเศรษฐกิจในระดับพื้นที่และระดับประเทศต่อไป

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

อ.แม่สรวย จัดพิธีจำลองแห่ พระเจ้าทองทิพย์ขึ้นแม่น้ำลาว ปี 67

 
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ดร.ยงยุทธ สาระสมบัติ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับ ผู้นำชุมชน ท้องที่ ท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ตำบลศรีถ้อย รวมถึงตำบลข้างเคียง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ร่วมกันจัดงานจำลองการเสด็จทางชลมารคของพระเจ้าไชยเชษฐา โดยมีการจำลองการเสด็จทางแม่น้ำลาวไปครองเมืองเชียงใหม่ และอัญเชิญพระเจ้าทองทิพย์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ของเมืองล้านนาขึ้นมาจากแม่น้ำลาว เพื่อให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวได้มากราบไหว้ขอพร ณ ลานหน้าวัดพระเจ้าทองทิพย์  ริมแม่น้ำลาว เนื่องในวันวิสาขบูชา ประจำปี 2567 บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก
 

 จากประวัติเหตุการณ์พระเจ้าไชยเชษฐา เสด็จทางชลมารคแม่น้ำลาวไปครองเมืองเชียงใหม่ และได้อัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย ครั้นเสด็จมาถึงตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่สรวย บริเวณหน้าวัดพระเจ้าทองทิพย์ในปัจจุบัน เรือพระที่นั่งไม่สามารถเคลื่อนต่อได้ จึงได้อัญเชิญพระพุทธรูป ดังกล่าว ประทับ ณ ศาลาชั่วคราว ต่อมาได้มีการสร้างเป็นวัดพระเจ้าทองทิพย์ เดิมอยู่เมืองหลวงพระบางประเทศลาว มีอายุประมาณพันปีเศษ มีความศักดิ์สิทธิ์มาก เมื่อ พ.ศ. 2063 พระเจ้าโพธิสารขึ้นครองนครเชียงทอง (หลวงพระบาง) 
 
 
ได้ไปขอราชธิดากษัตริย์เชียงใหม่มาเป็นมเหสี และได้ครองราชสมบัติร่วมกันเป็นเวลาหลายปีแด่ก็ไม่มีพระโอรส ดังนั้นในวันวิสาขบูชา พระเจ้าโพธิสารพร้อมด้วยมเหสี จึงได้ไปบนบานศาลกล่าวต่อพระเจ้าทองทิพย์เพื่อขอให้มีพระโอรส ซึ่งต่อมาไม่นานมเหสีก็ตั้งครรภ์ และประสูติเป็นพระโอรสนามว่า “ไชยเชษฐากุมาร” เมื่อพระไชยเชษฐาอายุ 14 พรรษาพระอัยกา (สมเด็จตา) ผู้ครองนครเชียงใหม่สวรรคต และไม่มีพระโอรสเหล่าอำมาตย์ของนครเชียงใหม่พร้อมกันมาทูลขอพระเจ้าไชยเชษฐา ไปครองนครเชียงใหม่ พระเจ้าโพธิสารทรงอนุญาต 
 
 
โดยก่อนที่จะไปนครเชียงใหม่ พระเจ้าโพธิสารให้นำพระเจ้าทองทิพย์ไปด้วยเพราะเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์ ดังเมื่อตอนไปขอให้มเหสีมีพระโอรสก็ได้ดังประสงค์ พระเจ้าไชยเชษฐา จึงได้นำพระเจ้าทองทิพย์ลงเรือไปด้วย โดยเดินทางจากนครเชียงทอง (หลวงพระบาง) ผ่านแม่น้ำโขง แม่น้ำกก สู่แม่น้ำลาว เพื่อจะไปยังนครเชียงใหม่ ครั้นเรือล่องมาถึงหน้าวัดพระเจ้าทองทิพย์ในปัจจุบัน เรือพระที่นั่งไม่สามารถเคลื่อนต่อได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง พระเจ้าไชยเชษฐา ทรงเห็นว่าพระเจ้าทองทิพย์ คงประสงค์จะประดิษฐาน ณ ที่แห่งนี้ จึงให้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดพระเจ้าทองทิพย์ปัจจุบัน
 

 ต่อมาในปี พ.ศ. 2397 เจ้าหลวงผู้ครองเมืองเชียงราย และพระยาไชยวงศ์ ผู้รักษาเมืองหนองขวาง (อำเภอแม่สรวยปัจจุบัน) ได้เป็นประธานบูรณะวิหารซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระเจ้าทองทิพย์ และเมื่อปี พ.ศ.2461 พระนางเจ้าดารารัศมี และเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ได้เสด็จมาทำการสักการบูชาพระเจ้าทองทิพย์ และพักแรมอยู่ที่สถานที่นี้หลายคืน  พระเจ้าทองทิพย์องค์จริงดั้งเดิมยังคงประดิษฐานอยู่ที่วัดพระเจ้าทองทิพย์ จวบจนถึงปัจจุบัน ถือเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ของเมืองล้านนา ที่ผู้คนมักจะมาบนบานขอให้มีบุตรตามความเชื่อที่มีมาตั้งแต่โบราณกาล
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

‘อทิตาธร’ ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม สรงน้ำพระธาตุจอมจ้อ อำเภอเทิง

 

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 ณ วัดพระธาตุจอมจ้อ อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ประธานฝ่ายฆราวาส เปิดโครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมสืบสานประเพณีสรงน้ำพระธาตุจอมจ้อ อำเภอเทิง ประจำปี 2567 พร้อมด้วย นายสิงห์ทอง หนุนนำสิริสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีตำบลเวียงเทิง นายบุญตัน เสนคำ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอเทิง เขต 1 นายเกษม หาญกล้า สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอเทิง เขต 2 โดยมี พระครูอุดมคณาภิรักษ์ รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอ เทิง เป็นผู้กล่าวรายงาน

 

พระธาตุจอมจ้อ ประดิษฐาน ณ หมู่ 20 ตำบลเวียง อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เป็นโบราณสถานที่สำคัญ เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั่วไป และถือเป็นมรดกทางด้านศาสนาที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของชาวอำเภอเทิง มาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังเป็นพระธาตุที่สำคัญ “หนึ่งในเก้าจอม” ของจังหวัดเชียงราย ทุกปีจะมีการสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ และองค์พระธาตุ ในวันวิสาขบูชาวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งเป็นประเพณีความเชื่อดั้งเดิมมาแต่โบราณเปรียบเสมือนการได้สรงน้ำพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ทั้งหลาย โดยอำเภอเทิงร่วมกับ คณะสงฆ์อำเภอเทิง เทศบาลตำบลเวียงเทิง สภาวัฒนธรรมอำเภอเทิง หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในเขตอำเภอเทิง ได้ตระหนักถึงความสำคัญของประเพณีท้องถิ่นตลอดมา

 

โครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมสืบสานประเพณีสรงน้ำพระธาตุจอมจ้อ ได้รับการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน ประชาชนร่วมกันอนุรักษ์สืบสานศิลปวัฒนธรรมอันดีงามและตระหนักถึงความสำคัญของพระธาตุจอมจ้อ หนึ่งในพระธาตุเก้าจอมของจังหวัดเชียงราย

 

เพื่อส่งเสริมให้ผู้ร่วมงานตระหนักถึงความสำคัญของวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เพื่อส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน ประชาชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาได้ศึกษาหลักธรรมคำสอนและนำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนให้เป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างองค์กรและชุมชน สร้างจิตอาสาในการบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ และเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในอำเภอเทิง ทั้งนี้ การจัดงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมสีบสานประเพณีสรงน้ำพระธาตุจอมจ้อ ในครั้งนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้สนับสนุนงบประมาณ จำนวน 100,000 บาท

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเตรียมจัดกิจกรรมเดินวิ่ง ปั่น ธงตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติ

 
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567  ที่ห้องประชุมจอมกิตติ ชั้น3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและคณะทำงานจัดกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ธงตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ผู้แทนนายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อรับทราบการจัดกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ธงตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พร้อมแจ้งคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการในการจัดกิจกรรม อีกทั้งเพื่อพิจารณาการเตรียมความพร้อมการจัดกิจกรรม การกำหนดเส้นทาง รูปแบบ พิธีการเปิดกิจกรรม รูปแบบขบวน รูปแบบธงตราสัญลักษณ์ รวมถึงการมอบหมายภารกิจหน้าที่ความรับผิดชอบในการจัดกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ธงตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ

 

           ด้วยกระทรวงมหาดไทยได้จัดโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ธงตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาที่คุณ รวมทั้งเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยให้ทุกจังหวัดจัดกิจกรรมในห้วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 โดยจังหวัดเชียงรายกำหนดจัดกิจกรรมขึ้นในวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน ถึงวันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน 2567 โดยในวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน 2567 พิธีเปิด ณ ด่านพรมแดนอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และเริ่มออกเดิน วิ่ง ปั่น จากด่านพรมแดนอำเภอแม่สาย ไปยังพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 (ศาลากลางหลังแรก) อำเภอเมืองเชียงราย และในวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน 2567 จัดให้มีนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ กิจกรรมเฉลิมฉลองธงตราสัญลักษณ์ ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 (ศาลากลางหลังแรก) และในวันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน 2567 เริ่มออกเดิน วิ่ง ปั่น จากศาลากลางหลังแรก ไปยังจุดส่งมอบธงตราสัญลักษณ์หน้า อบต.แม่เย็น อำเภอพาน เพื่อส่งต่อให้จังหวัดพะเยาเป็นจังหวัดถัดไป

 

ทั้งนี้จังหวัดเชียงรายขอเชิญชวนส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนทุกหมู่เหล่า ร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาที่คุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยความสมัครสมานสามัคคีอันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

‘พิสันต์’ เตรียมส่ง ‘วัดห้วยปลากั้ง’ เป็นสุดยอดชุมชนต้นแบบเชียงราย ปี 67

 

เมื่อวันที่ 23 พ.ค.67 ที่ห้องประชุมพวงแสด ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมคุณธรรมจังหวัดเชียงราย ครั้งที่1/2567 โดยมีคณะอนุกรรมการฯ เข้าร่วมประชุม

 

โดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้นำเสนอผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมา ได้แก่การจัดพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติชุมชน องค์กร อำเภอ และจังหวัดคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น ประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 ที่ห้องนิทรรศการ 5 อาคารศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งจังหวัดเชียงรายมีผู้ไปรับโล่เชิดชูเกียรติฯ ได้แก่ ชุมชนคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น ได้แก่ ชุมชนคุณธรรมวัดหัวฝาย โดยพระครูปิยวรรณพิพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดหัวฝาย องค์กรคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น ได้แก่ โรงพยาบาลแม่จัน โดยนายรัฐกานต์ ปาระมี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่จัน อำเภอคุณธรรมต้นแบบโดดเด่น ได้แก่ อำเภอพาน โดยนายวุฒิกร คำมา นายอำเภอพาน สำหรับการดำเนินการยกย่องเชิดชูเกียรติ ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นคนดีศรีจังหวัด ประจำปี 2566 ประเภทเด็ก/เยาวชน (อายุ 13-25 ปี) ได้แก่ นายอิทธิพล หลวงโปธา และประเภทประชาชน ได้แก่ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ 

 

นอกจากนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้แจ้งในที่ประชุมทราบถึงโครงการ สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ปี 2567 ซึ่งจังหวัดเชียงรายได้เสนอชุมชนคุณธรรมฯ วัดห้วยปลากั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย เข้ารับการคัดเลือก ขณะนี้ได้ผ่านการคัดเลือกในรอบ 20 ชุมชน (จากชุมชนฯ ทั่วประเทศ จำนวน 76 ชุมชน) โดยจะมีคณะกรรมการลงพื้นที่ในปลายเดือนมิถุนายน เพื่อคัดเลือกวัดห้วยปลากั้งให้เป็น 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ต่อไป

 

โครงการคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี 2564 – 2567 ซึ่งจังหวัดเชียงรายมีชุมชนที่ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ“ เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2566 จำนวน 3 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนวัดท่าข้ามศรีดอนชัย อำเภอเชียงของ ชุมชนบ้านเมืองรวง อำเภอเมืองเชียงราย และชุมชนวัดพระธาตุผาเงา (บ้านสบคำ) อำเภอเชียงแสน ซึ่งเป็นจังหวัดที่ได้รับรางวัล 3 ปีซ้อน แห่งเดียวในประเทศไทย และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย ได้ผ่านการคัดเลือกในรอบ 20 ชุมชน ซึ่งคณะกรมมการฯ จะมีลงพื้นที่พิจารณาชุมชนเชิงประจักษ์ประมาณเดือนกรกฎาคม 2567

 

ปิดท้ายสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้เชิญชวนชาวเชียงรายสมัครเข้ารับการคัดเลือกให้เป็น “คนดีศรีจังหวัด” โดยเปิดรับสมัครไปจนถึง วันที่ 30 พฤษภาคม 2567 สามารถส่งรายละเอียดผลงานได้ที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย เชียงราย หรือโทรสอบถามรายละเอียดที่ได้ 053 150 169 และสามารถดาวน์โหลดใบสมัคร พร้อมรายละเอียดการสมัครที่ได้ที่ https://me-qr.com/1maHKiUC

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

คืบหน้า 85% ถนนโครงการหลวงห้วยโป่ง คาดเดือน ก.ค. 67 นี้ เชียงรายได้ใช้

 

 

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567กรมทางหลวงชนบท สร้างถนนสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยโป่ง จ.เชียงราย กว่า 19 กิโลเมตร คืบหน้า 85% เพิ่มความสะดวกปลอดภัยในการเดินทางให้กับประชาชน พร้อมส่งเสริมเศรษฐกิจ สนับสนุนการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่และการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ

 

นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสายแยก ทล.118 – บ้านทุ่งยาว (ช่วงที่ 1) อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย นับเป็นความภาคภูมิใจของ ทช. ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการได้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท ในการสร้างเส้นทางสนับสนุนพื้นที่ของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยโป่ง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนในพื้นที่ สามารถขนส่งผลิตผลทางการเกษตรให้ออกสู่ตลาดได้ทันเวลา
 
 
โครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสายแยก ทล.118 – บ้านทุ่งยาว (ช่วงที่ 1) อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย เป็นเส้นทางเชื่อมจาก ทล.118 (ถนนสายเชียงใหม่ – เชียงราย) จากบริเวณ กม.ที่ 76+100 ด้านซ้ายทาง เข้าสู่อุทยานแห่งชาติขุนแจ โดยผ่านอ่างเก็บน้ำดอยงู บ้านทุ่งยาว บ้านห้วยทราย บ้านปางมะกาด บ้านป่าเมี่ยงม่อนวัด บ้านห้วยคุณพระ และบ้านขุนลาว ประชาชนในพื้นที่ยังใช้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าทางการเกษตร ทช. จึงได้ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนใหม่ผิวจราจรคอนกรีตเสริมเหล็ก และผิวจราจรแอสฟัลท์ติกคอนกรีต ขนาด 2 ช่องจราจร กว้างช่องจราจรละ 2 – 2.5 เมตร พร้อมก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก
 
 
3 แห่ง ติดตั้งระบบระบายน้ำ เครื่องหมายจราจร และอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย ตั้งแต่บริเวณช่วง กม.ที่ 2+750 ถึง กม.ที่ 37+702 เป็นช่วง ๆ รวมระยะทาง 19.800 กิโลเมตร ปัจจุบันโครงการดังกล่าวมีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 85 ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างระบบระบายน้ำ งานชั้นโครงสร้างทาง โดยคาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกรกฎาคม 2567 โดยเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยส่งเสริมการขนส่งระบบโลจิสติกส์ให้สมบูรณ์ตามยุทธศาสตร์ด้านคมนาคม ให้กับประชาชนในพื้นที่ให้สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกปลอดภัยในทุกฤดู และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในพื้นที่อุทยานแห่งชาติขุนแจได้อีกทางหนึ่ง

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE WORLD PULSE

การค้นพบโบราณวัตถุสำคัญ จากดอนเผิ้งคำ เมืองต้นผึ้ง ส.ป.ป.ลาว

 
เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเพจภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร โพสต์ข้อมมูลเกี่ยวกับการค้นพบกลุ่มโบราณวัตถุจากดอนเผิ้งคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ส.ป.ป.ลาว ได้รับความสนใจจากผู้ที่สนใจทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยขนาดใหญ่ที่สร้างกระแสในหมู่ผู้สนใจจำนวนมาก โดยศาสตราจารย์ ดร.ศักดิ์ชัย สายสิงห์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ให้ความเห็นจากการพิจารณาหลักฐานดังกล่าวผ่านข้อมูลสื่อโซเชียลว่า เบื้องต้นในภาพรวมของกลุ่มพระพุทธรูปเป็นศิลปะล้านนาสกุลช่างเชียงแสน แบ่งเป็น 2 กลุ่มอย่างกว้างๆ คือ:
  1. กลุ่มที่มีพระพักตร์กลม พระวรกายอวบอ้วน กำหนดอายุได้ในต้นพุทธศตวรรษที่ 21
  2. กลุ่มที่พระพักตร์ออกเสี้ยมยาว พระวรกายเริ่มแข็งกระด้าง มีอายุในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 21 ซึ่งกลุ่มหลังนี้อาจมีอิทธิพลต่อศิลปะล้านช้างต่อไปด้วย

พระพุทธรูปสกุลช่างเชียงแสนพบแพร่หลายในเขตเชียงแสน เชียงของ และชุมชนในลุ่มแม่น้ำอิง สำหรับพระพุทธรูปที่ค้นพบเมื่อเดือนมีนาคม 2567 นั้น จากรูปแบบและบริบทร่วมแล้วเป็นหลักฐานชั้นต้น ซึ่งอาจเกิดจากการพังทลายของวัดด้วยการกัดเซาะของแม่น้ำโขงและถูกทับถมในชั้นทรายไว้

 

พระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ที่พบเมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 นั้น พุทธศิลป์ดูเป็นพระพุทธรูปล้านนาในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 21 แต่ส่วนฐานมีรูปแบบที่น่าสงสัยเพราะเป็นการประดับเสาอิงเรียงเป็นแถว ไม่เคยพบในระเบียบของพระพุทธรูปล้านนาหรือล้านช้างมาก่อน อาจเป็นไปได้ว่าถูกเคลื่อนย้ายมาจากแห่งอื่น รัศมีที่หล่อแยกชิ้นกับองค์พระดูเป็นโลหะที่ต่างสีกันชัดเจน

 

แหล่งที่พบนี้อาจเป็นวัดที่มีการใช้งานในพุทธศตวรรษที่ 21 เรื่อยมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 22-23 เนื่องจากพบหลักฐานที่มีรูปแบบศิลปกรรมหลายสมัย เช่น เสาวิหารที่มีปูนปั้นประดับลวดลายมีเค้าของศิลปะพม่า และจารึกที่พบล่าสุดซึ่งมีผู้ปริวรรตอ่านได้ศักราชตรงกับช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 24 แสดงว่าแม้เมืองเชียงแสนตกอยู่ภายใต้การปกครองของพม่าหรือทิ้งร้างไปแล้ว ชุมชนทางฝั่งดินแดนประเทศลาวยังมีการอยู่อาศัยกันสืบมา โดยความสัมพันธ์นี้น่าจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับเมืองเชียงแสนและเมืองสุวรรณโคมคำ ซึ่งเป็นเมืองโบราณในวัฒนธรรมล้านนาที่ปัจจุบันอยู่ริมแม่น้ำโขงฝั่ง ส.ป.ป.ลาว ห่างลงไปราว 10 กิโลเมตร

 

น่าสังเกตว่าการค้นพบกลุ่มพระพุทธรูปสำคัญนี้ เป็นการดำเนินการขุดหาโดยไม่มีกระบวนการทางโบราณคดีมารองรับ ทำให้ขาดบริบทในการวิเคราะห์ตีความไปอย่างน่าเสียดาย

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศาสตราจารย์ ดร.ศักดิ์ชัย สายสิงห์ / Art and culture of Laos / ขัตติยะบารมี ขัตติยะบารมี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

โครงการกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา พุทธศักราช 2567

 
เมื่อวันพุธที่ 22 มิถุนายน 2567 ตั้งแต่เวลา 06.30 น. ณ วัดพระแก้ว พระอารามหลวง ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย  พระรัตนมุนี (ปุณณมี วิสารโท, ผศ.ดร.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ดำเนินงานโครงการกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา พุทธศักราช 2567 โดยมี นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีฝ่ายฆราวาส

 

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมกับ คณะสงฆ์วัดพระแก้ว พระอารามหลวง พร้อมด้วยคณะศรัทธาและพุทธศาสนิกชน เพื่อส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย การมีส่วนร่วมกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในมิติศาสนา บำเพ็ญบุญกุศล เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาไปใช้ในชีวิตประจำวัน ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง สังคม และประเทศชาติ ซึ่งมีกิจกรรมสำคัญ ดังนี้

  1. การทำวัตรเช้า สวดมนต์ไหว้พระรัตนตรัย
  2. พิธีทำบุญตักบาตร เนื่องในวันวิสาขบูชา พุทธศักราช 2567
  3. การแสดงธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ โดย พระครูสุธีสุตสุนทร (สมพงษ์ สิริมงฺคโล) ดร. เจ้าอาวาสวัดพระแก้ว พระอารามหลวง เรื่อง ความสำคัญของวันวิสาขบูชา “ประสูต ตรัสรู้ และปรินิพพาน ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระโคตมพุทธเจ้า)
  4. การถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์
  5. กิจกรรมปฏิบัติธรรม และรักษาศีล
  6. การเจริญจิตภาวนา และแผ่เมตตาให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย

  นอกจากนี้จะประกอบพิธีเวียนเทียน เนื่องในวันวิสาขบูชา พุทธศักราช 2567 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป    

 

ในการนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางพรทิวา ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม นายพิพัฒน์ สุ่มมาตย์ นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการนายสุพจน์ ทนทาน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นายอภิชาต กันธิยะเขียว นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ นางสาวสุทธิดา ตราชื่นต้อง นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ นายสานุพงศ์ สันทราย นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ นายสุพจน์ กันติ๊บ นักวิชาการวัฒนธรรม และเจ้าหน้าที่กลุ่มพิธีการศพที่ได้รับพระราชทาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมดำเนินการจัดกิจกรรมตามโครงการฯ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การจัดงาน รวมทั้งอำนวยความสะดวกให้แก่พุทธศาสนิกชนที่เข้ามาร่วมกิจกรรมโครงการฯ

 

 ความสำคัญของวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นวันสำคัญของพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง “เป็นวันพระพุทธเจ้า” เนื่องจากเป็นวันที่เจ้าชายสิทธัตถะ หลังจากออกผนวชแล้ว ทรงตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง วันนี้ จึงให้พวกเราบำเพ็ญบารมี 10 ทัศ โดยเฉพาะ ทานบารมี เราได้ใส่บาตร ตามรอยนางวิสาขา อนาธิกบัณฑเศรษฐี สร้างบารมีให้เกิดบุญกุศลขึ้นกับตนเอง ๆ พระองค์ทรงรู้แจ้งเห็นจริง ในสิ่งที่ทำให้ชีวิตมนุษย์เป็นทุก เกิดความเดือดร้อน 3 ประการ คือ ความโลภ ความโกรธ และความหลง โดยให้สร้างบารมี และกำจัดความทุกข์นี้ด้วย “ปัญญา” พระองค์ทรงเทศนาสั่งสอนปัญจวัคคี ด้วยธรรมจักรกัปวัฒนสูตร ในวันวันมาฆบูชา ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ทำให้อัญญาโกณฑัณญะ บรรลุธรรม พระองค์ท่านใช้เวลาเผยแผ่ธรรมะ ถึง 45 ปี 84,000 คำสอน ย่อลงมาคือ ศีล สมาธิ ปัญญา เกิดความเข้าใจในชีวิต นั่นคือ “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” นั่นเอง       

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ม่วนจอย เดินจิม ผลไม้ถิ่น สับปะรดลิ้นจี่เจียงฮาย ปี 67

 

เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 67 ที่สวนตุงและโคมนครเมืองเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการตลาดประชารัฐของดีนครเชียงราย 2567 “ม่วนจอย เดินจิม ผลไม้ถิ่น สับปะรดลิ้นจี่เจียงฮาย” โดยมีนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย นำหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน ตลอดจนประชาชน เข้าร่วมงานอย่างคึกคัก

 

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า เทศบาลนครเชียงราย ได้เห็นความสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาตลาดประชารัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมการตลาดให้กับผู้ประกอบการ กลุ่มอาชีพและกลุ่มเกษตรกรให้เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง จึงได้จัดทำโครงการตลาดประชารัฐของดีนครเชียงรายประจำปี 2567 กิจกรรม “ม่วนจอย เดินจิม ผลไม้ถิ่น สับปะรดลิ้นจี่เจียงฮาย” เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าเกษตรผลไม้ และสินค้าประจำจังหวัดเชียงรายให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย สามารถกระตุ้นการบริโภคและการขยาย ธุรกิจอันจะนำไปสู่การสร้างรายได้เพิ่มมูลค่าสินค้าให้กับเกษตรกร ชุมชน และผู้ประกอบการอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นการกระตุ้นสภาพเศรษฐกิจของภาคการท่องเที่ยวเชิงเกษตรของจังหวัดเชียงราย ให้เติบโต เพื่อสร้างพื้นที่ให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคมาพบกันอย่างเป็นธรรมชาติตามแนวทางตลาดประชารัฐ อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนจัดทำตลาดนัดท้องถิ่นสีเขียว โดยการจำหน่ายสินค้าและบริการที่หลากหลายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
 
 
นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมและพัฒนา ผลิตผลทางการเกษตรโดยเฉพาะลิ้นจี่และสับปะรด ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญของจังหวัดเชียงราย โดยเป็นการบูรณาการร่วมกับจังหวัดเชียงราย สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย และหน่วยงานภาคส่วนอื่นๆ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการตลาด กระตุ้นการบริโภค และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี และยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเกิดการรวมกลุ่มอาชีพที่หลากหลาย มีอาชีพเสริมเพิ่มพูนรายได้ เกิดการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน นำสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนมาจำหน่ายหรือแลกเปลี่ยนหมุนเวียนในชุมชน ซึ่งเป็นกระบวนการพัฒนาท้องถิ่น เพื่อสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง พร้อมกล่าวต่อไปว่า ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันจัดงานนี้ขึ้นที่มีนโยบายและมีเจตคติที่ดี ต่อการพัฒนาความอยู่ดี กินดีของประชาชน ในการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าเกษตรผลไม้ สินค้าประจำจังหวัดเชียงราย และสินค้าพื้นบ้าน ส่งผลให้พี่น้องประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายผลผลิตต่างๆ
 
 
ทั้งนี้มีการจำหน่ายสินค้าทางด้านเกษตร ผักปลอดสารพิษ ผลไม้ขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงราย สินค้า OTOP จากวิสาหกิจชุมชน สินค้าพื้นบ้าน พื้นเมือง สินค้าขึ้นชื่อประจำ จังหวัดเชียงราย รวมถึงอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ การร่วมบูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆ ได้แก่ พาณิชย์จังหวัดเชียงราย และเกษตรจังหวัดเชียงรายในการออกร้านสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดและสินค้าเกษตรแปรรูปมากกว่า 100 ร้าน อีกทั้งภายในงานยังมีกิจกรรมบันเทิง วงดนตรีจากศิลปินในท้องถิ่น กิจกรรมส่งเสริมการขายและลด แลก แจก แถมโปรโมชั่นต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งจัดจำหน่ายสินค้าเป็นระยะเวลา 5 วัน ระหว่างวันที่ 22-26 พฤษภาคม 2567
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News