Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ลงนามโครงการฝึกวิชาชีพการเกษตรให้แก่ผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษ

 

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2567 สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่เชียงราย โดยนางนงลักษณ์ สมัครการ สรรพสามิตพื้นที่เชียงราย ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกับเรือนจำกลางเชียงราย โดยนายพัศพงศ์ ใจคล่องแคล่ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย เพื่อความร่วมมือในการจัดการของกลางอย่างมีประสิทธิภาพและธรรมาภิบาล 

 

โดยได้ส่งมอบของกลางประเภทสุราและยาสูบ เพื่อใช้เป็นส่วนประกอบในการทำน้ำหมักชีวภาพไล่แมลง สำหรับการฝึกวิชาชีพด้านการเกษตร ตามโครงการฝึกวิชาชีพด้านการเกษตรให้แก่ผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษ ณ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ตามนโยบายของกรมสรรพสามิต โดยท่านอธิบดี เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ที่ได้มุ่งยกระดับการดำเนินงานของกรมสรรพสามิตด้วยยุทธศาสตร์ EASE Excise ที่มุ่งเน้นสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ยกระดับการจัดการของกลางในคดีที่เสร็จสิ้น โดยมอบให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ทางราชการ โดยคำนึงถึงวิธีการจัดการทำลายของกลางที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด 

 

จึงเกิดแนวคิดนำของกลางเป็น สุรา ยาสูบ มาแปรรูปเป็นน้ำหมักชีวภาพ ซึ่งเป็นไปตามหลัก ESG คือ 1.ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากเดิมที่ใช้วิธีการทำลายแบบเททิ้ง หรือ ฝังกลบ ซึ่งนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์ ยังสร้างมลภาวะต่อสภาพแวดล้อม อีกด้วย 2.ด้านสังคม (Social) เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ การฝึกอาชีพด้านการเกษตร แก่ผู้ต้องขังที่ใกล้พ้นโทษ เพื่อให้กลับตัวเป็นพลเมืองดีของสังคม และไม่หวนไปกระทำผิดซ้ำ 3.ด้านธรรมาภิบาล (Governance) การบริหารจัดการของกลางให้เกิดความโปร่งใส สร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน รวมถึงยังเป็นการสร้างความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดตามหลักธรรมาภิบาล

 

          โดย นางนงลักษณ์ สมัครการ สรรพสามิตพื้นที่เชียงราย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่เชียงราย ได้มอบของกลางในคดีที่สิ้นสุดให้แก่หน่วยงานราชการ คือมณฑลทหารบกที่ 37 เพื่อใช้ประโยชน์ในโครงการทหารพันธุ์ดี และในครั้งนี้สรรพสามิตเชียงราย ได้ลงนาม MOU กับเรือนจำกลางเชียงราย รวมถึงได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดเชียงราย รวบรวมความต้องการของหน่วยงานราชการในกระทรวงเกษตร ในการใช้ของกลางไปจัดทำน้ำหมักชีวภาพไล่แมลง เพื่อแจกจ่ายแก่เกษตรกรตามโครงการต่างๆ เพื่อลดการใช้สารเคมีและสนับสนุนการเกษตรแบบอินทรีย์ หากมีหน่วยงานของรัฐในจังหวัดเชียงราย ประสงค์ขอรับการสนับสนุนของกลางสุราและยาสูบ เพื่อใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ราชการ สังคม หรือประชาชน สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่เชียงราย 053-711329

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย ร่วม UNHCR หาแนวทาง แก้ไขปัญหาคนไร้รัฐไร้สัญชาติ

 

เมื่อวันอังคารที่ 9 ก.ค. 67 ว่าที่ร้อยตรี ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาสถานะของบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนและคนไร้รัฐไร้สัญชาติกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR)    ณ  ห้องประชุมเวียงกาหลง ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย

 

             จังหวัดเชียงรายได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลเกี่ยวกับการขอมีสัญชาติไทยตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง  แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติไทย พ.ศ. 2508 แก้ไขเพิ่มเติม ( ฉบับที่ 4 ) พ.ศ. 2551 ตามมติคณะรัฐมนตรี  เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2559  อนุมัติหลักเกณฑ์การให้สัญชาติไทย เพื่อการแก้ไขปัญหาเด็กนักเรียนนักศึกษา  และบุคคลไร้สัญชาติที่เกิดในราชอาณาจักร  และดำเนินการเกี่ยวกับการให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย  ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2564  ประกอบกับกรมการปกครองได้กำหนดให้งานด้านสัญชาติ และสถานะบุคคลเป็น 1 ใน 10 งานสำคัญของกรมการปกครอง ( Flaghips to DOPA  New  Normal 2021 ) 

 

            จังหวัดเชียงรายได้กำชับให้ทุกอำเภอที่มีกลุ่มเป้าหมายดำเนินการรับคำร้องขอลงรายการ สัญชาติไทยในทะเบียนบ้าน,  คำร้องขอมีสถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย,  คำร้องขอถือสัญชาติไทยตามสามี  และคำร้องขอแปลงสัญชาติเป็นไทย  โดยให้พิจารณารายที่มีความจำเป็นด้านสุขภาพและด้านการศึกษาก่อนเป็นอันดับแรก  ซึ่งในการพิจารณาคำขอกำหนดสถานะต่างๆจังหวัดเชียงรายได้มีการประชุมพิจารณาพิจารณาเป็นตามแผนการดำเนินการของฝ่ายทะเบียนและสัญชาติฯ  ที่ทำการปกครองจังหวัดเชียงราย  และมีผลการดำเนินการส่งให้สำนักทะเบียนกลาง  กรมการปกครอง  อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

 

          สำหรับการดำเนินงานแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลของจังหวัดเชียงราย การขอมีสัญชาติไทยตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสองฯ  กรณีผู้ขอฯ อายุ 18 ปีขึ้นไป คำร้อง ที่อำเภอต่างๆส่งให้จังหวัดเชียงราย จำนวน 1,935 ราย ได้รับการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว จำนวน 1,208 ราย อยู่ระหว่างรอกำหนดเลขประจำตัวประชาชน ฯ 159 ราย  อยู่ในระหว่างการพิจารณาของจังหวัด จำนวน 197 ราย อยู่ในระหว่างยื่นคำขอที่อำเภอ จำนวน 411 ราย การให้สถานะคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 17 คำร้องที่อำเภอต่างๆส่งให้จังหวัดเชียงรายจำนวน 992 ราย ผลตรวจพฤติการณ์ครบถ้วนรอเข้าประชุมจำนวน 875 ราย อยู่ในระหว่างตรวจสอบพฤติการณ์  จำนวน 117 ราย การขอถือสัญชาติไทยตามสามีตามมาตรา 9 คำขอที่อำเภอต่างๆส่งให้จังหวัดเชียงรายจำนวน 111 ราย ส่งให้กรมการปกครองแล้วจำนวน 74 ราย อยู่ในระหว่างติดตามตรวจสอบพฤติการณ์จำนวน 77 ราย

 

           การขอแปลงสัญชาติเป็นไทยตามมาตรา 10 กรณีผู้ขอฯ อายุ 60 ปีขึ้นไป คำขอที่อำเภอต่างๆส่งให้จังหวัดเชียงรายจำนวน 1,246 ราย ส่งให้กรมการปกครองแล้วจำนวน 1,133 ราย รอเข้าที่ประชุม จำนวน 113 ราย การขอแปลงสัญชาติไทยตามมาตรา 10 กรณีผู้ขอฯ ต่ำกว่าอายุ 60 ปี คำขอที่อำเภอต่างๆส่งให้จังหวัดเชียงรายจำนวน 29 ราย ส่งให้กรมการปกครองแล้ว  จำนวน 11 ราย อยู่ในระหว่างติดตามตรวจสอบพฤติการณ์จำนวน 18 ราย กลุ่มเด็กนักเรียนที่มีเลขประจำตัวขึ้นต้นด้วยอักษร G ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย มีจำนวนเป้าหมาย จำนวน 3,730 ราย กำหนดเลขประจำตัว 13 หลักจำนวน 94 ราย ขาดคุณสมบัติ จำนวน 14 ราย ไม่ได้อยู่ในสถานศึกษา ( ย้าย,ตาย,ติดต่อไม่ได้ ) จำนวน 26 ราย อยู่ในระหว่างดำเนินการ จำนวน 3,596 ราย

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

AIS จับมือ ม.ราชภัฏเชียงราย สร้างพลเมืองดิจิทัล “อุ่นใจไซเบอร์”

 

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 จากผลการศึกษาล่าสุดของดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัลของคนไทย หรือ Thailand Cyber Wellness Index ปี 2023 พบว่าในพื้นที่ภาคเหนือ มีระดับสุขภาวะดิจิทัล 0.33 อยู่ในระดับที่ต้องพัฒนา เมื่อเทียบจากค่ามาตรฐานของประเทศ 0.51 นั่นหมายความว่า มีความเสี่ยงต่อภัยไซเบอร์ จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่วันนี้ ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรชัย มุ่งไธสง อธิการบดีฯ เป็นผู้ลงนาม ร่วมกับ นายศุภชัย ผ่อนวัฒนา หัวหน้างานปฏิบัติการด้านเทคนิค ภูมิภาค – ภาคเหนือ AIS เพื่อขยายผลส่งต่อ หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ ไปยังกลุ่มนักเรียน นักศึกษา รวมถึงบุคลากรในสังกัด ยกระดับทักษะการเป็นพลเมืองดิจิทัล เสริมสร้างทักษะดิจิทัล การใช้งานสื่อดิจิทัล และเทคโนโลยีให้มีภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์ไม่ตกเป็นเหยื่อของการใช้งานออนไลน์และมิจฉาชีพ สามารถการใช้ชีวิตบนโลกดิจิทัลได้อย่างปลอดภัย

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรชัย มุ่งไธสง อธิการบดีฯ ม.ราชภัฎเชียงราย กล่าวว่า อาชญากรรมทางไซเบอร์ถือเป็นภัยคุกคามที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนอย่างมาก ทุกฝ่ายจึงจำเป็นต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน เราพร้อมบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการส่งเสริมความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในโลกดิจิทัล เพื่อให้ นักเรียน นักศึกษา บุคลากร ในสังกัด ได้เรียนรู้เพื่อเพิ่มทักษะทางดิจิทัล ตลอดจนการขยายผลองค์ความรู้ไปยังประชาชนคนทุกช่วงวัยในเครือข่ายชุมชน และโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย อาทิ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 62 , กลุ่มผู้สูงวัยในเขตพื้นที่เทศบาลแม่จัน และในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลแม่กรณ์ จังหวัดเชียงราย ด้วยการนำหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ ที่จะถูกนำเข้าไปบูรณาการ โดยคณะเทคโนโลยีดิจิทัล ได้เข้าถึงองค์ความรู้ใหม่ๆ จนนำไปสู่การเสริมสร้างทักษะดิจิทัล การใช้งานสื่อดิจิทัล และเทคโนโลยีให้มีภูมิคุ้มกันภัยไซเบอร์ไม่ตกเป็นเหยื่อของการใช้งานออนไลน์และมิจฉาชีพ สามารถการใช้ชีวิตบนโลกดิจิทัลได้อย่างปลอดภัย”
 
 
ทางด้าน นายศุภชัย ผ่อนวัฒนา หัวหน้างานปฏิบัติการด้านเทคนิค ภูมิภาค – ภาคเหนือ AIS ได้กล่าวว่า “AIS ในฐานะผู้ให้บริการด้านดิจิทัลเราไม่เพียงเดินหน้าเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่แข็งแกร่งเพื่อคนไทยเพียงเท่านั้น แต่เรายังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านการยกระดับทักษะดิจิทัลของคนไทยที่เราเชื่อว่าการเสริมสร้างองค์ความรู้คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยแก้ไขปัญหาด้านภัยไซเบอร์ได้อย่างยั่งยืน ทำให้ที่ผ่านมาเราได้พัฒนาการเรียนรู้ด้านทักษะดิจิทัลอย่าง หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ ที่มีเนื้อหาแกนหลักสำคัญที่ถูกแบ่งออกเป็น 4P 4ป ประกอบไปด้วย Practice ปลูกฝังให้มีความรู้ ความเข้าใจในการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างถูกต้องและเหมาะสม, Personality ปกป้องความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์, Protection เรียนรู้การป้องกันภัยไซเบอร์บนโลกออนไลน์ และ Participation รู้จักการปฏิสัมพันธ์ด้วยทักษะและพฤติกรรมการสื่อสารบนออนไลน์อย่างเหมาะสม ซึ่งหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ถูกขยายผลไปยังบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นิสิต นักศึกษา ผ่านความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่วันนี้ได้เรียนรู้หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์นี้แล้วกว่า 350,000 คน
 
 
โดยครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือครั้งสำคัญกับ มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย ที่ร่วมขับเคลื่อนการส่งเสริมและพัฒนาทักษะดิจิทัล ผ่านหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ ให้เป็นพลเมืองดิจิทัลที่มีคุณภาพ สามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และสร้างสรรค์ และมีสุขภาวะดิจิทัลที่ดีอย่างยั่งยืน
 
 
วันนี้เรายังคงเดินหน้าขยายความร่วมมือเพื่อให้เนื้อหาเข้าถึงคนไทยในวงกว้างมากขึ้น โดยครั้งนี้เราได้ทำงานร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย ซึ่งเป็นสถาบันทางการศึกษาที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาพลเมืองดิจิทัล และร่วมกันขยายผลการเรียนรู้หลักสูตร “อุ่นใจไซเบอร์” ให้เข้าถึงนักเรียน นักศึกษา บุคลากรในสังกัด รวมถึงประชาชนทุกช่วงวัยในเครือข่ายชุมชนอย่างเป็นระบบ โดยเราเชื่อว่าการทำงานร่วมกันอย่างสอดประสานกันในครั้งนี้ จะช่วยทำให้เป้าหมายการทำงานที่ทั้งสององค์กรมีร่วมกันคือมุ่งลดการเกิดปัญหาภัยไซเบอร์ สร้างทักษะทางดิจิทัล ทั้งความสามารถในการเข้าใจ เข้าถึง และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์และปลอดภัย ได้อย่างแน่นอน”
 
 
เรียนรู้หลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ได้ที่ www. learndiaunjaicyber.ais.co.th, แอปพลิเคชัน อุ่นใจ CYBER.
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“หับเผย” ร้านกาแฟเรือนจำกลาง ส่งเสริมอาชีพผู้ต้องราชทัณฑ์เชียงราย

 

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วย นายพัศพงศ์ ใจคล่องแคล่ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย ร่วมกันเปิด “ร้านหับเผย by กลางเชียงราย” I บริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางเชียงราย ตำบลดอยฮาง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โดยมี ส่วนราชการ ภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้อง ร่วมในพิธีเปิด ทั้งนี้การเปิดร้าน “หับเผย by กลางเชียงราย” มีทั้งร้านกาแฟ และร้านคาร์แคร์ รวมทั้ง วงดนตรีของผู้ต้องราชทัณฑ์ ชื่อวงดนตรี “หับเผยแบนด์”

โดยในพิธีเปิด มีการแสดงของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เรือนจำกลางเชียงราย รวมทั้ง ผู้ต้องขัง รวมทั้งการร้องเพลงขับกล่อมของวงดนตรี “หับเผยแบนด์” ซึ่งเป็นผู้ต้องขังที่มีความสามารถด้านดนตรี ทั้งนี้ นายพัศพงศ์ ใจคล่องแคล่ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย ได้ร่วมร้องเพลงขับกล่อมผู้มีร่วมกิจกรรม ก่อนที่จะนำ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เยี่ยมชมร้านกาแฟ และ ผลงานทำมือสร้างชีพของผู้ต้องขัง ทั้งงานผ้า งานวาดรูป งานไม้ และอื่น ๆ
 
 
นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติ และยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดร้าน “หับเผยคาเฟ่ by กลางเชียงราย” ณ เรือนจำกลางเชียงราย ในวันนี้ ถือได้ว่าเรือนจำกลางเชียงราย ได้ดำเนินกิจการสนองนโยบายกระทรวงยุติธรรม และนโยบาย 8 มิติ ยกระดับ สร้างการเปลี่ยนแปลง ของกรมราชทัณฑ์ ปี 2567 ได้เป็นอย่างดียิ่ง หากย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา เราจะเห็นว่ากระทรวง ยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ พยายามที่จะปรับเปลี่ยนแนวนโยบายในการควบคุมผู้ต้องขัง บุคคลทั่วไปก็จะมองเรือนจำเป็นสถานที่ ที่ไม่น่าอภิรมย์ เป็นสิ่งน่ากลัวสำหรับบุคคล ทั่วไป
 
 
นายสหการณ์ กล่าวด้วยว่า ในฐานะผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ ก็พยายามที่จะสื่อสารให้ผู้ต้องขัง และประชาชน ทั่วไปได้เห็นคุณค่า เลข 13 หลัก ว่าผู้ต้องขัง เลข 13 หลักของเขามีศักดิ์มีสิทธิเท่าเทียมกับประชาชนคนไทยทั่วไปทุกคน การอบรมผู้ต้องขังเป็นหนึ่งในโปรแกรม ที่จะแก้ไขให้ผู้ต้องขังได้รับทราบว่าศักดิ์และสิทธิ์เลข 13 หลักของเขามีคุณค่าในช่วงที่ต้องโทษก็มีการอบรมฝึกอาชีพให้กับผู้ต้องขัง รายได้ก็เป็นส่วนหนึ่งในขณะที่เขาต้องโทษ 70 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ ที่ได้จากการฝึกอาชีพก็จะแบ่งเป็นรางวัลให้กับ ผู้ต้องขัง แบ่งเป็นรางวัลให้เจ้าหน้าที่ 10 เปอร์เซ็นต์ และอีก 20 เปอร์เซ็นต์ ก็นำมาใช้เป็นต้นทุนหมุนเวียนต่อไป
 
 
“ผู้ต้องขังกลุ่มที่สามารถแก้ไขได้ เมื่อมีการฝึกทักษะวิชาชีพ และมีรายได้ระหว่าง ต้องโทษ ภายหลังจากพันโทษไป ก็เป็นหนึ่งในการส่งเสริมอาชีพให้เขาได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อยู่ข้างในระหว่างต้องโทษก็ดูแลสภาพความเป็นอยู่ของเขาให้ดีขึ้น พอพ้นโทษออกไปเขาสามารถไปประกอบอาชีพได้หลากหลายอาชีพ ไม่เฉพาะร้านกาแฟ เราสามารถส่งเสริมให้เขามีอาชีพภายหลังพ้นโทษ หลายโครงการที่กรมราชทัณฑ์สนับสนุน ส่งเสริม ขอเพียงแต่หน่วยงานภายนอก ภาครัฐ ภาคเอกชน มองเห็นคุณค่าของผู้ต้องขังกลุ่มนี้ หลาย ๆ คนออกไปประกอบอาชีพจริง แม้กระทั่งการตัดผม ก็มีการส่งเสริมให้ผู้ต้องขังมีรายได้ เพื่อเป็นแรงใจในการก้าวข้ามความผิดพลาด และกลับตัวเป็นคนดีของสังคม
 
 
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เรือนจำกลางเชียงราย จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และผู้ต้องขังที่ได้ผ่านการอบรมและฝึกวิชาชีพด้านการบริการจำหน่ายกาแฟหรือเครื่องดื่มอื่นๆ จะได้รับทักษะความรู้นำไปประกอบอาชีพสุจริต หารายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หรือกระทำผิดซ้ำอีก” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว
 
 
ทางด้าน นายพัศพงศ์ ใจคล่องแคล่ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย กล่าวว่า เรือนจำกลางเชียงราย ได้จัดทำโครงการก่อสร้างร้านกาแฟ ภายใต้ชื่อร้าน “หับเผยคาเฟ่ by กลางเชียงราย” เพื่อใช้เป็นสถานที่ฝึกวิชาชีพ ผู้ต้องขังที่ใกล้จะพ้นโทษ ภายใต้แนวคิด สร้างคน สร้างโอกาส สร้างอาชีพ คืนคนดีสู่สังคม เพื่อให้ผู้ต้องขัง ได้ฝึกวิชาชีพด้านการให้บริการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ญาติผู้ต้องขัง ทนายความ พนักงานสอบสวนและประชาชนที่เข้ามาติดต่อราชการ รวมทั้งประชาชนหรือนักท่องเที่ยวทั่วไป ซึ่งสถานที่ ร้านหับเผยคาเฟ่ by กลางเชียงรายแห่งนี้ มีบรรยากาศร่มรื่นอยู่ภายใต้ต้นฉำฉา (จามจุรี) มีกาแฟสดจากยอดดอย สู่ริมกำแพง และมีเบเกอรี่ ขนมไทย ที่ผ่านการประเมินผล ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐาน อาหารสะอาดรสชาติอร่อย Clean Food Good Tast อันเกิดจากการฝึกวิชาชีพของผู้ต้องขังหญิง แดน 4
 
 
“การดำเนินการเปิดร้านหับเผยคาเฟ่ by กลางเชียงราย ภายใต้แนวคิด “สร้างคนสร้างโอกาส สร้างอาชีพ คืนคนดีสู่สังคม” ดังกล่าว เป็นการดำเนินการที่สอดคล้อง กับนโยบาย 8 มิติ ยกระดับสร้างการเปลี่ยนแปลง ของท่านอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนการบริหารงานราชทัณฑ์ มิติที่ 5 พัฒนาและต่อยอดการศึกษา การฝึกวิชาชีพ ที่สอดคล้องกับตลาดแรงงาน อันเป็นการพัฒนาพฤตินิสัยให้ผู้ต้องขัง คิดดี ทำดีเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับสังคม ผู้ต้องขังได้รับการปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนได้รับการบำบัด แก้ไข ฟื้นฟู และนำความรู้ที่ได้รับ ไปประกอบอาชีพสุจริตภายหลัง พ้นโทษ ทำให้ประชาชนรับรู้ เข้าใจ มีทัศนคติที่ดี ต่อกรมราชทัณฑ์” ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย กล่าว
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เรือนจำกลางเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

คณะกรรมการ ประเมินเชิงประจักษ์พหุชาติพันธุ์ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2567 ณ วัดห้วยปลากั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงรายสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมกับชุมชนวัดห้วยปลากั้ง ต้อนรับและอำนวยความสะดวกคณะกรรมการคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ประกอบด้วย นางศศิฑอณร์ สุวรรณมณี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม, นางสุนันทา มิตรงาม  ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวัฒนธรรม, นางจันทิมา จริยเมโธ  ที่ปรึกษากระทรวงวัฒนธรรม, และ นายภัทราวุฑ ตะวันวงค์ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ รวมจำนวน 4 คน ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อประเมินชุมชนเชิงประจักษ์ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี พหุชาติพันธุ์” ณ ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง จังหวัดเชียงราย โดยนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้ นางพรทิวา ขันทะมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม พร้อมด้วยข้าราชการและเจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกแก่คณะกรรมการฯ

 

 

กระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศผลการคัดเลือกให้ “ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง” จังหวัดเชียงราย ผ่านการประเมินรอบแรก 20 ชุมชน ในการคัดเลือกสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี พ.ศ. 2567 ซึ่งคณะกรรมการฯ จะดำเนินการคัดเลือกให้เหลือเพียง 10 ชุมชน เพื่อเข้ารับโล่รางวัลจากนายกรัฐมนตรี

 

ในวันนี้  คณะกรรมการฯ ได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อพิจารณาคัดเลือกเชิงประจักษ์ ณ วัดห้วยปลากั้ง โดยมี นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, นางอมรรัตน์ ปินวรรณา ผู้อำนวยการโรงเรียนสหศาสตร์ศึกษา  นายนัฐการณ์ ศรีกุณา ผู้แทนจากวัดห้วยปลากั้ง, นางแสงหล้า ไชยอิ่นคำ ประธานชุมชนห้วยปลากั้ง, นายสีเมือง ทำมา ปราชญ์ชุมชน/นักเล่าเรื่อง, นายอนันต์ คนสวรรค์ ผู้นำกลุ่มชาติพันธ์ุลัวะ, นางแอ่น เดือนวิไล ผู้นำกลุ่มชาติติพันธ์ุไทลื้อ, นางรพีพร ทองดี ประธานกลุ่มแม่บ้าน,พร้อมด้วยผู้นำชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ คณะกรรมการชุมชนฯ และเครือข่ายทางวัฒนธรรมให้การต้อนรับและร่วมให้ข้อมูล

 

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้เข้ากราบนมัสการพระไพศาลประชาทร วิ. (หลวงพ่อพบโชค ติสสะวังโส) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง พร้อมรับฟังแนวทางการบริหารจัดการชุมชน ด้านการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรม, รับทราบการขับเคลื่อน Soft Power และการนำเอาทุนทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์มาสร้างเสน่ห์ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี พหุชาติพันธุ์” โดยคณะกรรมการฯ ได้สัมผัสกับความหลากหลายของพหุวัฒนธรรม ณ ชุมชนวัดห้วยปลากั้ง   กิจกรรมประกอบด้วย

  • การร่วมรับประทานอาหารในโครงการแค่คิดก็ผิดแล้ว (ครัวละซาว : อาหารสด สะอาด คุณภาพดี ราคาย่อมเยา เพียงเมนูละ 20 บาท)
  • ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากกลุ่มเด็กและเยาวชนวัดห้วยปลากั้ง ซึ่งประกอบด้วย การแสดงต้อนรับ การฟ้อนอวยพร และการแสดงที่สื่อถึงอัตลักษณ์ล้านนา ซึ่งฝึกสอนโดย : นายพิชญ์ บุษเนียร
  • ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมต้อนรับของกลุ่มชาติพันธุ์ลัวะ โดยมีกลองใหญ่โบราณของชนเผ่าลัวะเป็นองค์ประกอบหลักในชุดต่างๆ จำนวน 4 ชุดการแสดง
  • ชมวิดิทัศน์สรุปการบริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์ และเรียนรู้การสร้างบารมีทานอันยิ่งใหญ่ในโครงการช่วยเหลือสังคมของพระไพศาลประชาทร วิ. (หลวงพ่อพบโชค ติสสะวังโส) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้งณ ห้องประชุมพบโชค
  • นักเล่าเรื่องของวัดห้วยปลากั้ง นำโดย นายนัฐการณ์ ศรีกุณา และนายแสนสุข อินตาดือ นำคณะกรรมการ เดินทางโดยรถราง กราบนมัสการสักการะสิ่งศักดิ์ เยี่ยมชมสถาปัตยกรรมที่งดงามในวัดห้วยปลากั้ง อาทิ ชมพบโชคธรรมเจดีย์ และกราบสักการะพระพุทธรูป พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์กวนอิม หลวงพ่อโสธร และสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี), ชมพระอุโบสถสีขาว, สักการะพระโพธิสัตว์กวนอิม ที่มีขนาดสูงถึง 69 เมตร, ชมการแสดงดนตรีพื้นเมือง โดย กลุ่มล้านนาพบโชค (เชียงราย), ชมวิวทิวทัศน์จังหวัดเชียงราย และเยี่ยมชมโรงพยาบาลวัดห้วยปลากั้งเพื่อสังคม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ได้แล้วผู้ชนะการแข่งบาส 3×3 และการแข่งกีฬาเชียร์จังหวัดเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2567 นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ร่วมรับชมการแข่งขันและมอบรางวัลการแข่งขันกีฬาเชียร์จังหวัดเชียงราย ในโครงการมหกรรมกีฬาและนันทนาการเยาวชน อบจ.เชียงราย ปี 2567 CR-PAO Youth & Recreation Festival 2024 พร้อมนี้ นายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ ประธานสภา อบจ.เชียงราย นายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัด อบจ.เชียงราย และคุณสุพัทรา สุริโยทัย หัวหน้าแผนกการตลาด ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าเชียงราย ได้ร่วมมอบรางวัลการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล 3×3 ระดับโซนและระดับจังหวัดเชียงราย ณ ลานกาสะลอง ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย โดยมีผลรางวัลการแข่งขันประเภทต่างๆ ดังนี้

 

ผลรางวัลการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล 3x3 รุ่น 12 ปี ผสม

  1. รางวัลชนะเลิศ : ทีม TYC
  2. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 : ทีม หัวเกรียนทั้งหลาย
  3. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 : HRK C

 

ผลรางวัลการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล 3x3 รุ่น 14 ปี หญิง

  1. รางวัลชนะเลิศ : ทีม JBC-Z
  2. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 : ทีมสามัคคีวิทยาคม
  3. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 : ทีมคนรักษ์ดอยแม่สลอง

 

ผลรางวัลการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล 3x3 รุ่น 14 ปี ชาย

  1. รางวัลชนะเลิศ : ทีม JBC-A
  2. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 : ทีมบ้านถ้ำ
  3. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 : ทีมสามัคคีวิทยาคม

 

ผลรางวัลการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล 3x3 รุ่น 16 ปี หญิง

  1. รางวัลชนะเลิศ : ทีม PPNF
  2. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 : ทีมคนรักษ์ดอยแม่สลอง
  3. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 : ทีม JBC-X

 

ผลรางวัลการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล 3x3 รุ่น 16 ปี ชาย

  1. รางวัลชนะเลิศ : ชมรมบาสเก็ตบอลเชียงราย
  2. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 : ทีมสามัคคีวิทยาคม A
  3. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 : ทีมห้วยซ้อ

 

ผลรางวัลการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล 3x3 รุ่น 18 ปี หญิง

  1. รางวัลชนะเลิศ : ทีม ห้วยไร่ Basketball clubs
  2. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 : ทีมเด็กดีพิทยาคม
  3. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 : ทีม HSW

 

ผลรางวัลการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล 3x3 รุ่น 18 ปี ชาย

  1. รางวัลชนะเลิศ : ทีม บ้านถ้ำ MPS
  2. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 : ทีม Rissing star
  3. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 : ทีม ห้วยซ้อ

 

ผลการแข่งขันกีฬาเชียร์จังหวัดเชียงราย ประเภท Hip HOP Taem 15-18 ปี

  1. รางวัลชนะเลิศ : MYDA Crew

 

ผลการแข่งขันกีฬาเชียร์จังหวัดเชียงราย ประเภท Hip HOP Doubles 15-18 ปี

  1. รางวัลชนะเลิศ : Step It up
  2. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 : TDC A
  3. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 : TDC B

 

ผลการแข่งขันกีฬาเชียร์จังหวัดเชียงราย ประเภท Hip HOP Doubles 12-14 ปี

  1. รางวัลชนะเลิศ : TWO STEP
  2. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 : TDC
  3. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 : The kid

 

ผลการแข่งขันกีฬาเชียร์จังหวัดเชียงราย ประเภท Pom Doubles 15- 18 ปี

  1. รางวัลชนะเลิศ : The kid
  2. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 : TDC

 

ผลการแข่งขันกีฬาเชียร์จังหวัดเชียงราย ประเภท Pom Doubles 12-14 ปี

  1. รางวัลชนะเลิศ : The kid
  2. รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 : Oh my gosh

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงราย ประกอบพิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์

 

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.00 น. ที่วัดพระแก้ว พระอารามหลวง อำเภอเมืองเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานประกอบพิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงราย ทหาร ตำรวจ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนกระทรวง ทั้ง 20 กระทรวง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชนชาวเชียงรายเข้าร่วมพิธี ซึ่งจัดพร้อมกันทั่วประเทศ 76 จังหวัด

 

โดยในพิธีเวียนเทียนสมโภชน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์มีพิธีการขั้นตอนดังนี้ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ประธานในพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย โดยมี พระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ อาราธนาศีล จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เชิญใบพลู 7 ใบ ถวายประธานสงฆ์เจิมใบพลู และถวายแด่พระสงฆ์เถราจารย์ มีพระสงฆ์ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์คาถาดับเทียนชัย พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ประโคมฆ้องชัย ดุริยางค์บรรเลงเพลงมหาฤกษ์ จากนั้นประธานฝ่ายสงฆ์พรมน้ำพระพุทธมนต์ที่ขันสาคร และมอบขันสาครให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย แล้วกล่าวคาถาตักน้ำ
 
 
ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่เปิดห่อผ้าขันสาคร เปิดฝาขันสาคร เปิดฝาคนโท แล้วส่งมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เพื่อตักน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากขันสาครใส่จนถึงคอคนโทตามกำหนด หลังจากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และข้าราชการประเคนภัตตาหาร ถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ 10 รูป ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกรวดน้ำรับพรเป็นอันเสร็จสิ้นพิธีในช่วงเช้า และเวลา 12.00 น. เป็นพิธีบายศรีเวียนเทียนสมโภชน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ บัณฑิตประจำจุดโต๊ะบายศรี และเบิกแว่นเวียนเทียน และส่งแว่นเทียนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เพื่อวักแว่นเทียนเข้าหาตัว 3 ครั้ง แล้วใช้มือขวาโบกควันออกไปยังคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นส่งต่อให้คนที่อยู่ทางซ้ายมือ เวียนไปจนครบ 3 รอบ เมื่อครบแล้วคนสุดท้ายจึงส่งให้บัณฑิตผู้ทำหน้าที่เบิกแว่นเทียนแล้วผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย อันเชิญน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ลงจากแท่นพิธีเพื่อนำไปเก็บรักษาไว้ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยผู้เข้าร่วมพิธีตั้งแถวรอส่งคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งนี้ ในวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม 2567 จังหวัดเชียงราย จะได้เชิญคนโทน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ไปเก็บรักษาที่กระทรวงมหาดไทย ต่อไป
 
 
สำหรับพิธีในส่วนกลางจะมีการจัดมหรสพสมโภช ในระหว่างวันที่ 11-15 กรกฎาคม 2567 ณ ท้องสนามหลวง ก่อนจะเชิญคนโทน้ำพุทธมนต์มาเก็บรักษาที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 จากนั้นจะมีการเชิญน้ำพระพุทธมนต์ฯ จากวัดพระเชตุพนฯ ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยในช่วงเช้าของวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2567
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

เตรียมพร้อมเปิดแลนด์มาร์คใหม่ ‘อุทยานเมืองโยนกนาคพันธุ์’

 

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ร่วมเป็นเกียรติและกล่าวรายงานการจัดงานพิธีเททองหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าพรหมมหาราช ประกาศอิสรภาพ ณ อุทยานเมืองโยนกนาคพันธุ์ ต.บ้านด้าย อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยมี ท่านศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานในพิธีฯ พร้อมรับมอบเกียรติบัตร ผู้อุปถัมป์อุทยานฯ

 

’อุทยานเมืองโยนกนาคพันธุ์’ ริเริ่มจากมูลนิธิวัดเงิน (Silver Temple Foundation Chiangmai Thailand หรือ STF) แหล่งเรียนรู้วัดศรีสุพรรณ และเครือข่ายภาคเอกชน ประชาชนในจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมกันพัฒนา “อุทยานเมืองโยนกนาคพันธุ์” เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ศิลปะวัฒนธรรม ต้นกำเนิดภูมิปัญญาล้านนาและการท่องเที่ยวใหม่ในลุ่มแม่น้ำโขง อุทยานเมืองโยนกนาคพันธุ์ จังหวัดเชียงราย โดยมีกิจกรรมอนุรักษ์ ฟื้นฟู เสริมสร้างความตระหนักรู้ เห็นคุณค่าวิถีชุมชน
 
 
การจัดพิธีเททองหล่อพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าพรหมมหาราชในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิม ทรงเจริญพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 อีกทั้งเพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวและแรงบันดาลใจในด้านการทำประโยชน์เพื่อบ้านเมืองและปวงชนชาวไทย และเป็นที่สักการบูชา เพื่อความสุข ความเจริญ ความดีงาม เป็นมงคลแก่ผู้ปฏิบัติงานในอุทยาน เมืองโยนกนาคพันธุ์ รวมทั้งเป็นที่สักการบูชาของประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบและประชาชนใน จังหวัดเชียงราย และผู้คนจากทั่วทุกภาคของประเทศไทย
 
 
โดยอุทยานโยนกนาคพันธุ์ เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์เชื่อมโยงกับเวียงหนองหล่ม อยู่ในแนวรอยเลื่อนแม่จัน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับการประกาศจังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ให้เป็นพื้นที่ อุทยานธรณีเชียงราย Chiangrai Geopark ในการนี้ นายธีรภัทร์ ทองใบ ผู้อำนวยการอุทยานเมืองโยนกนาคพันธุ์ จึงเชิญ อบจ.เชียงราย โดยมี นายก อบจ.เชียงราย เป็นผู้อำนวยการอุทยานธรณีเชียงราย โดยตำแหน่ง มาจัดนิทรรศการประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับอุทยานธรณีเชียงราย Chiangrai Geopark ร่วมกับ สำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

มหกรรมกีฬาและนันทนาการเยาวชน บาสเกตบอล 3×3 อบจ.เชียงราย ปี 67

 

เมื่อวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.30 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดงานมหกรรมกีฬาและนันทนาการเยาวชน อบจ.เชียงราย ปี 2567 พร้อมด้วย นางอัญญลักษณ์ กายาไชย เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย นายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ ประธานสภา อบจ.เชียงราย และ ส.อบจ.เชียงราย นักกีฬาผู้เข้าร่วมการแข่งขันบาสเกตบอล ผู้ปกครอง ร่วมเป็นเกียรติในพิธี ณ โรงยิมเนเซียม สนามกีฬากลาง อบจ.เชียงราย โดยมีนายนายฐิติวัชร ไลศิริพันธุ์ ผอ.ส่วนส่งเสริมการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม รักษาราชการแทน ผอ.สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน

 

จากนโยบายสภาเยาวชนร่วมกำหนดอนาคตเชียงราย และนโยบายกีฬาเยาวชนเงินล้าน ของนายก อบจ.เชียงราย ประกอบการส่งเสริมพัฒนาทักษะด้านกีฬาบาสเกตบอล ให้แก่เด็กและเยาวชน จ.เชียงราย ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ห่างไกลอบายมุขและยาเสพติดทั้งหลาย จึงได้จัดให้มีโครงการมหกรรมกีฬาและนันทนาการเยาวชน อบจ.เชียงราย ปี 2567 CR-PAO Youth & Recreation Festival 2024 โดยจัดการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล 3×3 ระดับโซนและระดับจังหวัดเชียงรายขึ้น จำนวน 7 รุ่น รุ่น 12 ปี ผสม / รุ่น 14 ปีชาย หญิง / รุ่น 16 ปี ชาย หญิง / รุ่น 18 ปี ชาย หญิง การแข่งขันระดับโซน 
 
 
เพื่อคัดเลือกทีมผู้ชนะอันดับที่ 1,2,3,4 เพื่อไปแข่งขันระดับจังหวัด โซนที่ 1 ประกอบด้วย อ.เมืองเชียงราย อ.เวียงชัย อ.เวียงเชียงรุ้ง และอำเภอพญาเม็งราย แข่งขันวันที่ 7-9 มิถุนายน ณ สนามบาสเกตบอลโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ และลานกาสะลอง ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย โซนที่ 2 ประกอบด้วย อ.พาน อ.แม่ลาว อ.ป่าแดด อ.แม่สรวย และ อ.เวียงป่าเป้า แข่งขันวันที่ 29-30 มิถุนายน ณ สนามบาสเกตบอลเทศบาลตำบลเมืองพาน โซนที่ 3 ประกอบด้วย อ.แม่สาย อ.เชียงแสน อ.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่จัน และ อ.ดอยหลวง แข่งขันวันที่ 15-16 มิถุนายน ณ สนามโรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ โซนที่ 4 ส่วนที่ 4 ประกอบด้วย อ.เชียงของ อ.เวียงแก่น อ.ขุนตาล และ อ.เทิง แข่งขันวันที่ 29-30 มิถุนายน ณ ณสนามบาสเกตบอล ทต.เมืองพาน และในวันนี้ การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับจังหวัดเชียงราย แข่งขันวันที่ 6 กรกฎาคม ณ โรงยิมเนเซียม 1 สนามกีฬากลาง อบจ.เชียงราย วันที่ 7 กรกฎาคม ณ ลานกาสะลอง ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย
 
 
ทั้งนี้นอกจากการแข่งขันบาสเกตบอล 3×3 ชิงแชมป์ระดับจังหวัดเชียงรายแล้ว ยังได้จัดการแข่งขันกีฬาเชียร์จังหวัดเชียงรายขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนที่รักในการเต้น กีฬาเชียร์ได้มีเวทีการแข่งขันที่เป็นมาตรฐาน เพื่อจะพัฒนาทักษะกีฬาเชียร์ของจังหวัดเชียงราย ให้เป็นที่แพร่หลายมากยิ่งขึ้น
 
 
โดยการจัดงานมหกรรมกีฬาและนันทนาการเยาวชน อบจ.เชียงราย ปี 2567 อบจ.เชียงราย ศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงราย มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตเชียงใหม่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย ฝ่ายกีฬาเชียร์จังหวัดเชียงราย สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ รร.แม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ รร.เชียงของวิทยาคม รร.อนุบาลเชียงของ ทต.ตำบลเมืองพาน Chiang Rai Creative City Of Design
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
EDITORIAL

‘วุฒิสาร’ ชี้ปัญหาใหญ่การเมืองไทย คือกติกาไม่แฟร์ ลั่นไม่เห็นด้วยยุบพรรค

 

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ จัดงานครบรอบ 27 ปี โดยจัดเวทีปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ยุทธศาสตร์ประเทศไทย ความท้าทายรัฐบาล”  โดย ศ.วุฒิสาร ตันไชย อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ปาฐกถาเรื่อง “ทิศทางการเมืองไทย” ตอนหนึ่งว่า ที่มาพูดวันนี้ไม่ได้มาทำนายการเมืองไทย แต่คำถามใหญ่ต่อคนไทย ถ้าพูดถึงการเมืองไทย ย้อนไปปี 2540 ที่นับเป็นการเมืองสมัยใหม่ของสังคมไทย จะพบว่าปี 2540 การตื่นตัวของประชาชนเกี่ยวกับกลไกระบบการเมืองใหม่ มีเครื่องมือใหม่ ดึงสิ่งที่ดีทั่วโลกไว้ในการเมืองไทย มีองค์กรอิสระ แต่คำถามคือตั้งแต่ปี 2540 ถึงบัดนี้ เราพอใจการเมืองปัจจุบันหรือยัง มันดีขึ้น หรือแย่ลง หลายคนบอกดีขึ้น อะไรคือดีขึ้น ทุกวันนี้ทำให้คนเบื่อหน่ายการเมือง ปฏิเสธการเป็นส่วนหนึ่งของการเมือง ก็คือการไม่ลงสมัคร คำถามคือชุดความคิดชุดนี้ เป็นข้อเท็จจริงทั้งหมดหรือไม่

“เป็นข้อเท็จจริงที่พิสูจน์เชิงประจักษ์ชัดเจนแล้ว ใช่หรือไม่ จึงคิดว่า Perception  (การรับรู้) ทางการเมืองเมือง สำคัญกว่าความจริง คนพร้อมจะเชื่อบนพื้นฐานของ Perception ว่าพูดไปแล้วใช่หรือไม่ใช่ ค่าใช่หรือไม่ใช่ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ขึ้นกับหลักคิดสำคัญคือชอบใคร และไม่ชอบใคร” ศ.วุฒิสาร กล่าว

 

 

ศ.วุฒิสาร กล่าวว่า ในทางการเมืองระบอบประชาธิปไตย เป็นเรื่องของการมีฝักฝ่าย มีพวก มีขั้ว แต่คำถามสำคัญของการเมืองไทยถ้าเทียบกับหลายประเทศ ขั้วทางการเมืองในหลายประเทศ เป็นขั้วเชิงอุดมการณ์และความเชื่อ เรื่องอุดมการณ์ทางการเมือง ทฤษฎีทางการเมืองบางอย่าง เชื่อเรื่องเสรีนิยม อนุรักษ์นิยม สิ่งแวดล้อม เป็นต้น เป็นชุดความเชื่อที่เป็นอุดมการณ์ทางสังคม แต่ขั้วการเมืองไทย ไม่ใช่เรื่องอุดมการณ์เสียทีเดียว แต่เป็นเรื่องความชอบหรือไม่ชอบ มันคือทัศนะต่อตัวคน มันคือทัศนะที่ทำให้รู้สึกดีหรือไม่ดี หลายเรื่องอาจจะไปถึงคำว่าอคติทางการเมือง

ศ.วุฒิสาร กล่าวอีกว่า คำถามต่อไปคือการเมืองไทยมีอะไรดีขึ้นหรือไม่ ในทัศนะของตน เราอาจรู้สึกว่า ประเทศไทย ผ่านรัฐธรรมนูญ 20 ฉบับ ใช้เปลือง อายุขัยเฉลี่ย 7-8 ปี แต่ถามว่า ถ้ามองด้วยสายตาที่เป็นธรรมมากขึ้น เราอาจบอกว่า รัฐธรรมนูญที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ โดยการร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 2550 2560 เป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่เติบโตมากขึ้นและเราอาจไม่รู้สึกคิดว่ามี 2-3 เรื่อง

 

1.สิทธิเสรีภาพของคนมากขึ้น สื่อมวลชนไม่เคยมีสิทธิเสรีภาพแบบนี้ ไม่เคยได้รับการรับรองในรัฐธรรมนูญ สิทธิเสรีภาพประชาชนก้าวหน้าไปถึงขนาดสมรสเท่าเทียม นี่คือการพัฒนาทางการเมือง  2.กระจายอำนาจไปจากรัฐกลางไปสู่พื้นที่ดีขึ้น 3.การมีช่องทางหรือกลไกให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมดีขึ้น กว้างขวางขึ้น

“กลไกพวกนี้ทำให้ระบบความตื่นตัวของประชาชนในทางการเมืองเปลี่ยนแปลง นี่เป็นพัฒนาการอันหนึ่งที่เราอาจไม่ค่อยรู้สึก เราชอบหรือไม่ชอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่ต้องยอมรับว่าปี 2540 ออกแบบหนึ่ง มีกลไกองค์กรอิสระ แต่ให้ สว.แก้ปัญหานี้ แต่ขณะเดียวกันบอกว่า สว.ต้องเป็นกลาง ห้ามหาเสียง ให้แนะนำ สุดท้ายเราก็พบว่า มีการครอบงำ เราก็มาแก้เรื่อง สว.” ศ.วุฒิสาร กล่าว

อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เชื่อว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีพัฒนาทางการเมืองก้าวหน้าขึ้น โดยยกตัวอย่างในรัฐธรรมนูญ มีการให้สิทธิเสรีภาพสื่อมากขึ้น ล่าสุดคือกรณีการสมรสเท่าเทียม เป็นต้น และเมื่อสถาปนาในรัฐธรรมนูญแล้ว ยากที่จะถอยกลับ การมีหลักประกันกับประชาชนเรื่องสุขภาพ การศึกษา การเข้าถึงบริการของรัฐ คิดว่าก้าวหน้าขึ้น อาจไม่ได้ก้าวหน้าเรื่องหนึ่งคือปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ที่เรายังไม่เห็นความชัดเจน

ศ.วุฒิสาร อธิบายว่า คำถามต่อการเมืองไทย อย่าตัดสินบนพื้นฐานของด้านใดด้านหนึ่งบนความชอบหรือไม่ชอบ แต่ที่สำคัญมากที่พบคือ วงจรที่เราคุ้นเคยในทางการเมืองไทย คือการเลือกตั้ง แล้วมีภาพเล่นพรรคเล่นพวก มีความขัดแย้งในสังคม มีคอร์รัปชัน และเกิดการปฏิวัติ เมื่อปฏิวัติเสร็จ ออกกติกา และปล่อยให้มีเลือกตั้ง

“คำถามคือวงจรนี้มันวนอยู่อย่างนี้ ผมเป็น กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 เชื่อว่าหลัง 2550 จะไม่มีปฏิวัติ แต่ 7 ปีต่อมามี วงจรนี้เป็นวงจรที่สังคมไม่ปฏิเสธ และยอมรับ อัศวินม้าขาว คิดว่านี่คือจุดอ่อนอันหนึ่งของระบอบประชาธิปไตยไทย คือยอมรับในอำนาจที่ไม่ได้มาจากกลไกประชาธิปไตย และรับรองอำนาจนั้น ที่สำคัญมากคือเรามีความอดทนน้อยต่อความไม่สมบูรณ์ของระบบการเมือง” ศ.วุฒิสาร กล่าว

 

ศ.วุฒิสาร กล่าวอีกว่า สถานการณ์ปัจจุบัน ล่าสุดเราเห็นคำหนึ่งที่เท่มากคือ เปราะบาง เราเห็นความเปราะบางทางการเมืองบ่อย ทำไมการเมืองไทยไม่ราบรื่น ไม่ต่อเนื่องเลย มีคนตั้งคำถามคดียุบพรรค นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตออกมาแล้วจะโดนอะไรหรือไม่ ตกลงจะแก้รัฐธรรมนูญได้หรือไม่ ต้องถามประชามติประชาชนก่อน เสีย 3 พันล้านบาท ไม่เสียได้หรือไม่ แต่ถ้าเขาร้องไปแล้วถ้าศาลว่าผิดก็ทำฟรี นิรโทษกรรมทางการเมืองจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่

 ล่าสุด การได้มาและการรับรอง สว.ใหม่ ตกลง สว.ใหม่จะได้หรือไม่ หลายคนที่ไม่ชอบ สว.ชุดเดิม บอกว่า อะไรก็ได้เอามาก่อน คนเก่าได้ไปสักที ชุดวิธีคิดแบบนี้คือความเปราะบางของการเมืองไทย รัฐบาลไม่สามารถเดินอะไรแบบราบรื่น มีหินให้สะดุดอยู่ตลอดเวลา นายกฯจะถูกออกหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร ถามว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะอะไร เรื่องเหล่านี้ควรเกิดขึ้นหรือไม่

ศ.วุฒิสาร กล่าวด้วยว่า เมืองไทยต้องกลับมาพูดการเมืองที่มีทัศนะทางบวกบ้าง ต้องมองว่าการเมืองเป็นเรื่องปกติ ขัดแย้งเป็นเรื่องปกติ ในระบอบประชาธิปไตย ไม่มีทางเห็นตรงกัน สังคมสมานฉันท์ ไม่ได้หมายความว่าสังคมต้องเห็นพ้องต้องกัน แต่คนเห็นต่างกันแสดงความเห็นได้ และมีทางออก และไม่ใช้ความรุนแรง จุดแข็งของระบอบประชาธิปไตยมันแก้ไขตัวเองได้ มันฟื้นตัว ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ โดยยังคงหลักการของประชาธิปไตย คือรัฐธรรมนูญ

“คิดว่าสังคมยังขาด Core Value (ค่านิยม) ที่เป็นคุณค่าสำคัญของความเชื่อเรื่องประชาธิปไตย และเราตีความว่าการเลือกตั้งไม่ดี แล้วประชาธิปไตยจะดีได้อย่างไร แต่ประชาธิปไตยคือวิถีชีวิต ที่ยึดความหลากหลาย เคารพเสรีภาพคน ตรงนี้คิดว่าถ้าเราไม่ทำอะไร ก็จะบ่นแบบเดิม” ศ.วุฒิสาร กล่าว

อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวอีกว่า ข้อเสนอทางออกในอนาคตของการเมืองไทย เราต้องเข้าใจว่า ประชาธิปไตยเป็นอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน จุดสำคัญสุดอันแรกคือ เราต้องเชื่อก่อนว่าประชาชนมีความบริสุทธิ์ใจจะใช้อำนาจ การแบ่งอำนาจ ถ่วงดุล และตรวจสอบ โจทย์นี้เป็นโจทย์ที่การเขียนกติกาบ้านเมือง การแบ่งอำนาจ การออกแบบองค์กรอิสระ รัฐสภา แล้วเราบอกว่าต้องมีถ่วงดุล แต่คิดว่าของเราอาจไม่ค่อยสมดุล เราอาจวางน้ำหนักไปในทางหนึ่งทางใดมากเกินไปหรือไม่ เหตุผลที่วางน้ำหนักแบบนั้นเพราะอะไร ย้อนไปคือมายาคติ และวิธีคิด ที่เรามองว่าทุกคนจะโกง เราจะเขียนกติกาที่ป้องกันเยอะ ถ้าคิดว่าทุกคนดี เราจะเขียนกติกาอีกแบบ คือให้เปิดเผย

ศ.วุฒิสาร ชี้ให้เห็นถึงทางออกของปัญหานี้ว่า ต้องเริ่มจากการออกแบบกติกาให้เป็นสากล โดยกติกาที่ใหญ่ที่สุดคือรัฐธรรมนูญ ดังนั้นอย่าไปบอกว่าใครคนใดคนหนึ่ง มันไม่ได้ โทษไม่ได้ว่า การเมืองสกปรก ก็กติกาเราออกแบบนี้ เมื่อกติกาออกให้มีช่อง เขาก็ทำตามช่อง เพราะวัตถุประสงค์คือทำให้เขาเข้าสู่อำนาจรัฐ ผ่านการชนะการเลือกตั้ง และคนสำคัญที่สุดคือกรรมการ ซึ่งต้องตัดสินตามกติกา เมื่อกติกาเป็นธรรม กรรมการคุมกติกาละเอียด แม่นยำขึ้น โดยไม่ต้องใช้ดุลพินิจ

“มีคนตั้งคำถามว่า ตกลงพรรคการเมืองไทยเป็นอย่างไร ถ้ากลับไปดูพัฒนาการกฎหมายพรรคการเมืองไทยคือ พรรคเกิดง่าย โตยาก ตายง่าย ยุบพรรคง่าย ตนเป็นคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคมาตั้งแต่ปี 2550 เพราะพรรคเป็นของประชาชน ถ้ากรรมการบริหารพรรคทำผิดควรลงโทษรายบุคคล” ศ.วุฒิสาร กล่าว

ศ.วุฒิสาร กล่าวว่า การออกแบบกติกาที่เป็นธรรม แฟร์ทุกเรื่อง คีย์เวิร์ดสำคัญคือ 1.เราต้องมีภาพกติกา เห็นภาพที่เป็นองค์รวม จะต้องถูกออกแบบว่ากลไกใดควรมีอำนาจแค่ไหน ใครถ่วงดุลใคร ทุกคนต้องถูกตรวจสอบได้ ที่ผ่านมาเราอาจบอกว่า เรื่องนี้เราไม่ได้สัดส่วน ไม่ได้สมดุล การเมืองถูกตรวจสอบเยอะ แต่องค์กรอิสระไม่ได้ถูกตรวจสอบ กติกาแบบนี้คือการมององค์รวม เราอยากเห็นการเมืองเป็นอย่างไร เจตจำนง ออกแบบกติกาอย่างไรให้ไม่ต้องแก้บ่อย ๆ ทุกอย่างต้องออกกติกาเป็นกลาง แล้วปล่อยให้เขาเล่นกัน ส่วนคนคุมกติกาก็กำกับดูแลให้ดีแล้วกัน  2.การเสริมสร้างสถาบันทางการเมืองให้เข้มแข็งจริง กลไกการพัฒนาระบบรัฐสภา กลไกให้พรรคการเมืองเติบโตต่อเนื่อง และกลายเป็นพรรคที่ประชาชนมีส่วน เป็นเรื่องสำคัญ ทำไมต้องออกแบบให้พรรคมีสาขา 4 ภาค สถาบันทางการเมืองต้องพัฒนาตัวเองด้วย แต่ต้องให้โอกาสเขาต่อเนื่อง3.การเมืองจะดีขึ้นเรื่อย ๆ บนพื้นฐานว่าคนทุกคนดี และทุกคนปรารถนาอยาเป็นนักการเมืองที่ดี คือการสร้างสิ่งที่เรียกว่า Social Control หรือการสร้างการควบคุมทางสังคม ให้การเมืองเป็นระบบเปิด บทบาทสื่อสำคัญมาก การถ่ายทอดการอภิปรายในสภาฯทุกครั้งเป็นเรื่องดี เป็นการเปิดให้ประชาชนเฝ้าดู อยู่ในสายตาตลอด

“ยืนยันว่า ผมมองโลกในทางบวกว่า การเมืองไทยดีกว่าเก่า เรามีพรรคการเมืองใหม่ ๆ เข้ามาทำให้ระบบการเมืองเปลี่ยน ถ้าเราอดทนกับมันต่อไป ยอมให้มันผิดถูกบ้าง แล้วปรับปรุงแก้ไข โดยไม่ใช้อำนาจอื่น การเมืองไทยยังมีแสงสว่างในปลายทาง” ศ.วุฒิสาร กล่าว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News