Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

น้ำป่าท่วมเวียงป่าเป้า เชียงราย ชาวบ้านอพยพ-โรงเรียนเสียหายหนัก

 

เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2567 ทางเพจขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านโป่ง อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ได้เผยแพร่ภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุทกภัยครั้งใหญ่ในพื้นที่ โดยเฉพาะหมู่บ้านห้วยหินลาดใน หมู่ 7 ตำบลบ้านโป่ง และหมู่บ้านห้วยทรายขาว หมู่ 7 ตำบลบ้านโป่ง ที่ประสบภัยน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงตั้งแต่วันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา เหตุการณ์นี้ทำให้บ้านเรือนในหลายจุดได้รับความเสียหายหนักจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ประชาชนหลายครอบครัวต้องอพยพออกจากพื้นที่ไปพักอาศัยในศูนย์อพยพชั่วคราวของ อบต.บ้านโป่ง เพื่อความปลอดภัย

จากรายงานพบว่า บ้านเรือนของประชาชนในหมู่บ้านห้วยทรายขาวได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากน้ำป่าที่ไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้โครงสร้างบ้านเรือนพังทลาย บางหลังถูกกระแสน้ำพัดจนไม่เหลือร่องรอย เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครได้เร่งเข้าช่วยเหลืออพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวที่จัดตั้งขึ้น ณ อบต.บ้านโป่ง ซึ่งมีการดูแลและจัดหาน้ำดื่ม อาหาร รวมถึงที่นอนให้ผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน

ไม่เพียงแค่บ้านเรือนของชาวบ้านที่ได้รับความเสียหาย แต่ยังมีโรงเรียนห้วยหินลาดใน ซึ่งเป็นสถานศึกษาแห่งเดียวในชุมชนได้รับความเสียหายอย่างหนัก อาคารเรียนถูกน้ำป่าพัดพังไปเกือบทั้งหมด ทำให้นักเรียนกว่า 30 คนที่ต้องย้ายสถานที่เรียนชั่วคราว และยังต้องรอความช่วยเหลือในการฟื้นฟูโรงเรียน ซึ่งเป็นแหล่งการศึกษาและศูนย์รวมจิตใจของชุมชน การสูญเสียครั้งนี้ไม่เพียงแต่กระทบต่อการเรียนการสอนของเด็ก ๆ แต่ยังสร้างความสูญเสียทางจิตใจให้กับครอบครัวและชุมชนที่มีโรงเรียนเป็นจุดศูนย์กลางของการพัฒนาอีกด้วย

สถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอเวียงป่าเป้า ยังส่งผลกระทบในวงกว้าง ครอบคลุมพื้นที่ใน 4 ตำบลหลัก ได้แก่ ตำบลป่างิ้ว ตำบลเวียงกาหลง ตำบลบ้านโป่ง และตำบลเวียง โดยเฉพาะตำบลบ้านโป่งและตำบลเวียงที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เนื่องจากมีการรับน้ำมาจากแม่น้ำลาว ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านพื้นที่ ส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำในหลายจุดมีน้ำท่วมขัง และบางจุดระดับน้ำยังคงสูง ทำให้การสัญจรในหลายเส้นทางถูกตัดขาด ประชาชนในหลายหมู่บ้านไม่สามารถออกมานอกพื้นที่ได้ เจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งเข้าให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

สำหรับการฟื้นฟูพื้นที่หลังจากน้ำลด ทางองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโป่งและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้วางแผนดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยเริ่มจากการสำรวจความเสียหายในพื้นที่ที่น้ำเริ่มลดลง เพื่อวางแผนซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนและสะพานที่ถูกน้ำพัดขาด รวมถึงบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ทางหน่วยงานยังได้จัดเครื่องสูบน้ำเข้ามาช่วยเร่งระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำ และติดตั้งเครื่องฉีดล้างทำความสะอาดถนนและบ้านเรือนที่ถูกโคลนและเศษดินจากน้ำป่าท่วมสูง

จากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ ทำให้หลายครอบครัวในอำเภอเวียงป่าเป้าต้องเผชิญกับความยากลำบากทั้งด้านการอยู่อาศัยและความปลอดภัยในชีวิต เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานท้องถิ่นและอาสาสมัครได้ร่วมกันทำงานเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติในเร็ววัน นายสมเกียรติได้ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนที่มีจิตศรัทธาให้เข้ามาสนับสนุนการฟื้นฟูในครั้งนี้ เพื่อช่วยกันฟื้นฟูชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ทางอบต.บ้านโป่ง ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือและรับบริจาคสิ่งของที่จำเป็น เช่น เครื่องนอน ยารักษาโรค และเสื้อผ้า เพื่อช่วยเหลือประชาชนในศูนย์อพยพ หากท่านใดต้องการให้การสนับสนุนสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 053-781989 หรือผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก “อบต.บ้านโป่ง อำเภอเวียงป่าเป้า” โดยตรง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านโป่ง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIAL & LIFESTYLE

นายกฯ ตรวจพื้นที่น้ำท่วมแม่สาย จ.เชียงราย พร้อมทีมแพทย์ช่วยประชาชน”

 

เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 07.00 – 12.00 น. ณ โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย พ.อ. กิติพันธ์ เฮงสนั่นกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช ร่วมกับหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (มทบ.37) และหน่วยงานในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ให้การต้อนรับ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมการฟื้นฟูความเสียหายจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายหมู่บ้านและพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง

น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงและทีมงาน ได้เดินทางเข้าตรวจสอบสถานการณ์ในพื้นที่โดยละเอียด เพื่อประเมินความเสียหายและวางแผนการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันในการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาฉุกเฉินเพื่อความปลอดภัยของประชาชนเป็นอันดับแรก โดยเน้นการอพยพผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่เสี่ยง และจัดหาสถานที่พักพิงชั่วคราวที่มีความปลอดภัย นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างละเอียด ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ถนน สะพาน ระบบสาธารณูปโภค และพื้นที่การเกษตร เพื่อให้การฟื้นฟูดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมในทุกด้าน

ในระหว่างการตรวจเยี่ยม น.ส. แพทองธาร ยังได้พบปะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานช่วยเหลือการฟื้นฟู พร้อมทั้งสอบถามถึงความต้องการเร่งด่วนและปัญหาต่าง ๆ ที่พบระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อจัดลำดับความสำคัญในการแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด นอกจากนี้ โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราชยังได้จัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการตรวจสุขภาพและให้คำแนะนำด้านสุขภาพแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย รวมทั้งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครผู้ปฏิบัติงานช่วยเหลือการฟื้นฟู เพื่อดูแลสุขภาพและป้องกันการเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีสภาพอากาศแปรปรวนและภาวะน้ำท่วมขัง

โดยทีมแพทย์ได้เน้นการตรวจสุขภาพเบื้องต้น เช่น การตรวจความดันโลหิต การตรวจหาโรคทางเดินหายใจ และโรคผิวหนัง รวมถึงการแจกจ่ายยาสามัญประจำบ้านและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ เช่น หน้ากากอนามัย และเจลล้างมือ เพื่อป้องกันโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นหลังน้ำท่วม เช่น โรคฉี่หนู โรคตาแดง และโรคน้ำกัดเท้า นอกจากนี้ยังได้ให้ความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในช่วงหลังน้ำลด เพื่อให้ประชาชนสามารถดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัวได้อย่างถูกวิธี

น.ส. แพทองธาร ชินวัตร ได้กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการฟื้นฟูความเสียหายจากอุทกภัยในครั้งนี้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติในเร็ววัน โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนการฟื้นฟูระยะยาว เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากน้ำท่วมในอนาคต โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น อ.แม่สาย และพื้นที่ลุ่มน้ำอื่น ๆ ในจังหวัดเชียงราย และใกล้เคียง

นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น ในการฟื้นฟูและป้องกันการเกิดอุทกภัยในระยะยาว โดยการจัดทำระบบการเตือนภัยล่วงหน้า การจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่ม และการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในการรับมือกับภัยพิบัติต่าง ๆ เพื่อให้สามารถปรับตัวและฟื้นฟูได้อย่างยั่งยืน

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ขณะนี้ยังคงมีบางพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังและต้องการความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมทันที เพื่อให้การฟื้นฟูดำเนินไปอย่างรวดเร็วและครอบคลุมทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ในขณะเดียวกันประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงก็ได้มีการร่วมมือกันให้ความช่วยเหลือผ่านการบริจาคสิ่งของและเงินสนับสนุน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงเวลาวิกฤตนี้

การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมครั้งนี้ของ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร ไม่เพียงแต่แสดงถึงความห่วงใยของรัฐบาลที่มีต่อประชาชน แต่ยังเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานทุกคนที่ทุ่มเทและเสียสละในการช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำว่า “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” และพร้อมจะให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ข้อมูลน้ำท่วมเชียงราย 9-28 ก.ย.67 เสียชีวิต 13 เจ็บ 3 สูญหาย 1 ราย

 
เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2567 สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย รายงานข้อมูลสะสมระหว่างวันที่ 9 -28 ก.ย. 2567 ทั้งสิ้น 13 อำเภอ 63 ตำบล 577 หมู่บ้าน 1 เทศบาลนคร (52 ชุมชน) โดยตลาดชุมชนเศรษฐกิจ ได้รับผลกระทบ 2 แห่ง ร้านค้า/สถานประกอบการ 92 แห่งราษฎรได้รับผลกระทบเบื้องต้น56,469 ครัวเรือน เสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บ 3 ราย สูญหาย 1 รายบ้านเรือนราษฎรได้รับผลกระทบ 33 หลัง พื้นที่เกษตรได้รับผลกระทบ 18,587 ไร่ปศุสัตว์ได้รับผลกระทบ 48,844 ตัว(ได้แก่ โค 1,110 ตัว กระบือ 166 ตัว สุกร66 ตัว แพะ/แกะ 25 ตัว สัตว์ปีก 47,477 ตัว) สัตว์เลี้ยง 299 ตัว(ได้แก่ สุนัข 145 ตัว และแมว 154 ตัว)ด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ได้รับผลกระทบ ได้แก่ โรงเรียน37แห่ง ถนน10จุด คอสะพาน5จุด และรพ.สต. 1 แห่ง
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งได้เตรียมการมาเป็นอย่างดีทั้งเครื่องมือ อุปกรณ์เครื่องจักรกล ยุทโธปกรณ์ พร้อมกำลังพลในการเข้าไปช่วยเหลือ อย่างเร่งด่วน แต่เนื่องจากเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง หลายวัน ทำให้วันนี้ (28 กันยายน 2567) ได้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่ ได้แก่ อ.เมืองเชียงราย, อ.เชียงแสน, อ.เชียงของ, อ.แม่จัน, อ.แม่ฟ้าหลวง, อ.แม่สาย, อ.ดอยหลวง, อ.เทิง อ.เวียงแก่น อ.เวียงป่าเป้า อ.แม่สรวย อ.เวียงชัย และอ.แม่ลาว เกิดน้ำท่วมหนักในรอบหลายปี อย่างไรก็ตาม นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจ และเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน หากประชาชนต้องการขอความช่วยเหลือ หรือแจ้งเหตุ แจ้งได้ตลอด 24 ช่วยโมง ที่สายด่วน 1784
 
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย รายงานสถานที่เกิดเหตุ/ความเสียหาย/การให้ความช่วยเหลือ (เหตุต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. 67 และสถานการณ์ในวันนี้ (28 ก.ย. 67) ดังนี้
การให้ความช่วยเหลือ
 
จังหวัดเชียงราย ได้จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ปี พ.ศ. 2567 เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และจัดหาปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นในการดำรงชีพ ผ่านทางธนาคาร กรุงไทย สาขาเชียงราย เลขที่บัญชี 504-3-23-732-5 ชื่อบัญชี กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ปี พ.ศ. 2567 โดยสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่ายอดเงินบริจาคณ วันที่ 28 ก.ย. 67 เวลา 16.30 น. จำนวน 8,860,424.14บาท
 
การดำเนินการให้ความช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัย อ.เวียงป่าเป้า ตำบลบ้านโป่ง อบต.บ้านโป่ง อพยพประชาชนบ้านห้วยหินลาดใน และหย่อมบ้านห้วยทรายขาว (บ้านบริวาร) หมู่ที่ 7 ต.บ้านโป่ง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย มายังศูนย์พักพิง อบต.บ้านโป่ง จำนวน 39 คน
 
เหตุดินสไลด์ปิดเส้นทางเข้าออกบ้านห้วยหินลาดใน หมู่ที่ 7 ต.บ้านโป่ง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย อบต.บ้านโป่ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อุทยานแห่งชาติขุนแจ และหน่วยงานสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
 
นำเครื่องจักรกลปรับเกลี่ยกองดินเปิดเส้นใช้ทางแล้ว รถยนต์สามารถสัญจรผ่านได้ พร้อมทั้งได้ร่วมกันทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือนราษฎรที่ได้รับผลกระทบ
 
ตำบลเวียง รพ.เวียงป่าเป้าพร้อมด้วยสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเวียงป่าเป้า เข้าตรวจรักษาผู้ป่วยและประเมินสุขภาพจิตราษฎรหมู่บ้านบ้านดงหล่ายหน้า (หย่อมบ้านห้วยไม้เดื่อ) หมู่ที่ 7 ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย
 
อบต.เวียง นำรถแบคโฮเปิดเส้นทางจราจร เส้นทางเข้าบ้านห้วยไม้เดื่อ (หย่อมบ้านดงหล่ายหน้า) สามารถสัญจรผ่านได้แล้ว
เหตุน้ำกัดเซาะคอสะพานบ้านแม่ปูนล่าง หมู่ที่ 9 ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย อบต.เวียงและฝ่ายปกครองอยู่ระหว่างเข้าสำรวจความเสียหายและดำเนินการซ่อมแซม
 
ที่ทำการปกครองอำเภอเวียงป่าเป้าร่วมกับ ตชด. 327 ลำเลียงถุงยังชีพ 60 ชุด น้ำดื่ม 850 แพ็ค นม 20 แพ็ค มาม่า 20 แพ็ค แจกจ่ายให้แก่ราษฎรในพื้นที่บ้านแม่ปูนหลวงและหย่อมบ้านสามกุลา หมู่ที่ 8 ต.เวียง
 
อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย สำหรับเหตุดินถล่มปิดทับเส้นทางบ้านแม่ปูนหลวง แขวงทางหลวงชนบทเชียงรายร่วมกับอบต.เวียง และราษฎรในพื้นที่ ตัดต้นไม้และกำจัดกองดิน สามารถเปิดใช้เส้นทางได้แล้ว
 
หมวดทางหลวงแม่สรวยพร้อมด้วยจิตอาสา และภาคประชาชน นำรถขุดหน้าตักหลังและรถแบคโฮขุดตักกองดินที่สไลด์ลงมาปิดทางขวางเส้นทางจราจรบนทางหลวงชนบทหมายเลข 1150 สายอำเภอพร้าว – อำเภอเวียงป่าเป้า ดำเนินการได้ 70% คาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 29 ก.ย. 67
 
มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย วันที่ 28 ก.ย. 67รถประกอบอาหารเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สายขยายระยะเวลาดำเนินการถึงวันที่ 5 ต.ค 2567 (เริ่มดำเนินการวันที่ 19 ก.ย. 67)
การสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยด้านปฏิบัติการ (อุทกภัย) และกำลังพล ของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตประจำวันที่ 28 ก.ย. 67ดังนี้
 
ศูนย์ ปภ. เขต 8 กำแพงเพชร นำรถบรรทุกน้ำอเนกประสงค์ขนาด 12000 ลิตร ไปฉีดล้างทำความสะอาดถนนในพื้นที่ชุมชนเกาะลอย ต.เวียง อ.เมืองชร. จ.เชียงราย
 
ศูนย์ ปภ. เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ เขต 8 กำแพงเพชร เขต 9 พิษณุโลก เขต 10 ลำปาง เขต 11 สุราษฎร์ธานี และเขต15 เชียงราย เร่งทำการฟื้นฟูพื้นที่ภายหลังน้ำลด โดยนำรถขุดตักไฮดรอลิคยกสูง รถตักล้อยางเอนกประสงค์
 
รถขุดล้อยางกู้ภัยปรับฐานล้อ รถตีนตะขาบ รถบรรทุกเทท้าย รถขุดตักไฮดรอลิค แขนยาว ทำการขุดตักขนย้ายดินโคลน เศษวัสดุ สิ่งปรักหักพัง พร้อมทั้งปรับเกลี่ยถนน เส้นทางสัญจรในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลแม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย
 
ศูนย์ ปภ. เขต 15 เชียงราย นำรถบรรทุกน้ำช่วยดับเพลิง 10,000 ลิตร ฉีดล้างทำความสะอาดลานจอดรถ ถนน และบริเวณภายในพื้นที่ของศาลากลางจังหวัดเชียงราย อ.เมืองชร. จ.เชียงราย/ นำรถบรรทุกน้ำอเนกประสงค์ขนาด 12,000 ลิตร ฉีดล้าทำความสะอาดมัสยิดนูรูลอิสลาม (ชุมชนกกโท้ง) และบริเวณโดยรอบ ในเขตพื้นที่ ต.เวียง อ.เมืองชร. จ.เชียงราย
ศูนย์พักพิงที่ยังเปิดศูนย์ฯ ให้บริการที่พักพิงชั่วคราวอยู่ ณ วันที่ 28 ก.ย. 67 รวมทั้งสิ้น7แห่ง
 
แบ่งตามขอบเขตการปกครอง ได้แก่ อ.เมืองเชียงราย 3 แห่ง/ อ.แม่สาย3แห่ง/ อ.เวียงป่าเป้า 1 แห่ง
ศูนย์พักพิงฯ ที่มีทีมแพทย์และสาธารณสุขให้บริการด้านการแพทย์ เยียวยาจิตใจ แจกจ่ายยาและเวชภัณฑ์ จำนวน 4แห่ง
รายละเอียดดังนี้
 
อำเภอเมืองเชียงรายที่ยังเปิดศูนย์ฯ ให้บริการที่พักพิงชั่วคราวจำนวน 3แห่ง
ในเขตเทศบาลนครเชียงราย ทน.เชียงราย จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ที่ยังเปิดศูนย์ฯ ให้บริการที่พักพิงชั่วคราวอยู่ ณ ปัจจุบันจำนวน1 แห่ง ได้แก่
 
จุดวัดสันป่าก่อไทยใหญ่* ต.รอบเวียง คงค้างจำนวน 5 ราย
หมายเหตุ: ศูนย์พักพิงในเขตเทศบาลนครเชียงรายทุกจุดมีทีมแพทย์และสาธารณสุขให้บริการด้านการแพทย์ เยียวยาจิตใจ แจกจ่ายยาและเวชภัณฑ์ ประจำศูนย์ในระยะวิกฤติ / ในระยะฟื้นฟูปรับมาใช้ระบบตรวจเยี่ยมและให้บริการตามวงรอบ
 
ตำบลแม่ยาว ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลแม่ยาว กำกับดูแลโดย ทต.แม่ยาว/ วันที่ 20 ส.ค. 67 ย้ายศูนย์พักพิงไปที่สำนักงานเทศบาลตำบลแม่ยาวคงค้างจำนวน 15 คน ประชาชนเริ่มกลับเข้าบ้าน
 
ตำบลดอยฮาง วันที่ 16 ก.ย. 67 เวลา 17.00 น. จัดตั้งศูนย์พักพิง ณ บ้านโป่งนาคำ* มีผู้พักพิงประมาณ 50 คน มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้นำเต็นท์นอนพระราชทาน ขนาด 2 คน จำนวน 50 หลัง มอบให้แก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยฯ/ วันที่ 28 ก.ย. 67 ปรับสภาพเป็นศูนย์พักคอยและศูนย์รับบริจาค
 
อำเภอแม่สายที่ยังเปิดศูนย์ฯ ให้บริการที่พักพิงชั่วคราวอยู่ ณ ปัจจุบัน 3 แห่ง รวมทั้งสิ้น 237คน(โดยเป็นศูนย์พักพิงฯ ที่มีทีมแพทย์และสาธารณสุขให้บริการ ทั้ง3แห่ง) ศูนย์พักพิงเทศบาลตำบลแม่สาย*คงค้างจำนวน 41 ราย(ทีมแพทย์และสาธารณสุขให้บริการด้านการแพทย์ในการดูแลได้แก่ รพ.สต.ฮ่องแฮ่/ รพ.สต.บ้านด้าย) ศูนย์พักพิงวัดเหมืองแดง*คงค้างจำนวน 82 ราย ศูนย์พักพิงวัดถ้ำผาจม*คงค้างจำนวน 114 ราย(ทีมแพทย์และสาธารณสุขให้บริการด้านการแพทย์ในการดูแล ได้แก่ รพ.แม่จัน)
 
อำเภอเวียงป่าเป้า จัดตั้งศูนย์พักพิง 2 แห่ง* ได้แก่ ศูนย์พักพิง ทต.ป่างิ้ว(ศูนย์พักคอย)/วันที่ 25 ก.ย. 67 จัดตั้งศูนย์พักพิง อบต.บ้านโป่ง ขึ้นอีก 1 แห่ง คงค้างจำนวน 39 ราย
 
อำเภอแม่สรวยจัดตั้งศูนย์พักพิง*2 แห่ง ได้แก่ ศูนย์พักพิง อบต.ท่าก๊อ(คงค้างจำนวน 3 คน) /วันที่ 26 ก.ย. 67 จัดตั้งศูนย์พักพิง ศูนย์ดูแลผู้ป่วย รพ.แม่สรวย ขึ้นอีก 1 แห่ง/ วันที่ 28 ก.ย. 67 ปิดศูนย์พักพิงทุกศูนย์ฯ
 
มูลนิธิสมาคมกู้ชีพกู้ภัย อาสาสมัคร จิตอาสาภาคประชาชน ร้านค้า/ผู้ประกอบการ สนับสนุนปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย ให้ที่พักพิงชั่วคราว มอบอาหารปรุงสำเร็จ และถุงยังชีพ
 
วิทยาลัยอาชีวศึกษาและโรงเรียนในเครือ ดำเนินโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน FixItCenter ตั้งจุดบริการและจัดชุดเคลื่อนที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยจะช่วยซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ รวมถึงยานพาหนะที่เสียหาย เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. เป็นต้นมา /วันที่ 17 ก.ย. 67 รมว.ศึกษาธิการ เน้นย้ำให้ดูแลโรงเรียนก่อนเป็นลำดับแรก
 
จุดบริการ FixItCenterประจำวันที่ 28 ก.ย. 67 จำนวน 4 แห่ง ดำเนินการโดยสถานศึกษา สอศ. จากทั่วประเทศ รายละเอียดจุดบริการฯ ดังนี้ จุดบริการ โรงเรียนบ้านใหม่ ดำเนินการโดย วท.เทิง จุดบริการ โรงเรียนเทิงวิทยา ดำเนินการโดย วท.เทิง จุดบริการ โรงเรียนขุนตาลวิทยาคม ดำเนินการโดย วท.เทิง จุดบริการ ชุมชนฮ่องลี่ – ป่างิ้ว ดำเนินการโดย วก.เนินขาม
วันที่ 17 ก.ย. 67 ทภ.3 จัดตั้ง ศบภ.ทภ.3 ส่วนหน้า ณ ที่ว่าการอำเภอแม่สาย เพื่ออำนวยการประสานงานการให้ความช่วยเหลือประชาชนของหน่วยทหารทุกหน่วย ในพื้นที่ อ.แม่สาย จนถึงปัจจุบัน
 
กองบัญชาการกองทัพไทย จัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ณ โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย
 
อบจ.เชียงราย ให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม ด้านดำรงชีพ ดังนี้ ค่าใช้จ่ายด้านดำรงชีพ ได้แก่ ค่าเครื่องนุ่งห่ม รายละไม่เกิน 1,100 บาท ค่าเครื่องมือประกอบอาชีพ เท่าที่จ่ายจริง ครอบครัวละไม่เกิน 11,400 บาท ค่าเครื่องครัวและอุปกรณ์ในการประกอบอาหาร เท่าที่จ่ายจริง ครอบครัวละไม่เกิน 3,500 บาท ค่าเครื่องนอน รายละไม่เกิน 1,000 บาท หลักฐานที่ต้องเตรียม ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนของเจ้าของบ้านที่ประสบภัย รูปภาพความเสียหายการขอรับความช่วยเหลือ ผ่าน อบต. หรือ ทต. ที่ประสบภัย ในวันและเวลาราชการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย ฝ่ายสงเคราะห์ผู้ประสบภัย โทร. 053175329 หรือ 053175333 ต่อ 1402 ในวันและเวลาราชการ ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 17 – 30 ก.ย. 2567
 
เทศบาลนครเชียงราย ให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมเบื้องต้น ครอบครัวละ 2,500 บาท/ มอบแล้ว 6,183 ครัวเรือน ข้อมูล ณ วันที่ 27 ก.ย. 67 (วันที่ 9 ในการดำเนินการ) หลักฐานที่ต้องเตรียม ได้แก่
 
เจ้าบ้านนำบัตรประชาชน พร้อมทะเบียนบ้าน หากท่านใดมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนำมาแสดงด้วย สำหรับผู้ที่ไม่มีบัตรประชาชนสามารถติดต่อขอคัดสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านได้ที่สำนักทะเบียนราษฎร เทศบาลนครเชียงราย
ชุมชนที่ประสบอุทกภัยทั้ง 52 ชุมชนสามารถติดตามข้อมูลได้ที่ประธานชุมชน หรือ สมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงรายในเขตพื้นที่ประสบภัยที่ตนเองพำนักอยู่ จุดจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น : รอกำหนดการ
 
ปฏิบัติการดูดโคลนเลนที่อุดตันบริเวณท่อระบายน้ำ ตามตรอก ถนน และจุดต่าง ๆ ที่กีดขวางทางระบายน้ำพื้นที่ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่ในเขตพื้นที่เทศบาลนครเชียงรายโดยรถดูดโคลนของกรุงเทพมหานครเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. 67 เป็นต้นไป
 
วันที่ 28 ก.ย. 67ดำเนินการดูดโคลนเลนจากท่อระบายน้ำชุมชนบ้านป่าแดง ท่อขนาด 0.60 เมตร และท่อขนาด 0.80 เมตร ดำเนินการได้ความยาว120 เมตร ดูดเลนได้จำนวน266 ลูกบาศก์เมตร/ รถดูดโคลนของจังหวัดนนทบุรี ปฏิบัติงานในชุมชนแควหวาย ดูดโคลนตามรางยู ดำเนินการได้ความยาว60 เมตร ดูดเลนได้จำนวน80 ลูกบาศก์เมตร
 
บริษัท วอชแอนด์โก CodeCleanให้บริการ ซัก อบ ผ้า น้ำยา ฟรี แก่ผู้ได้รับผลกระทบน้ำท่วมตลอด24 ชั่วโมง และเปิดให้บริการจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติจำนวน 3 จุด ได้แก่ ณ ลานธรรมลานศิลป์ถิ่นพญามังรายหรือลานรัชกาลที่ 5 (ศาลากลางจังหวัดหลังแรก) ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. 67 เป็นต้นไป ณ สถานีดับเพลิงเทศบาลนครเชียงราย หน้าวัดดงหนองเป็ด ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. 67 เป็นต้นไป หน้ามูลนิธิสยามเชียงราย สำนักงานใหญ่ จุด 5 แยก พ่อขุนฯ ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. 67 เป็นต้นไป
 
งานบริการถ่ายบัตรประชาชน กรมการปกครอง สนับสนุนหน่วยบริการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนเคลื่อนที่ (Mobile Unit) ให้บริการตั้งแต่วันที่ 20 – 27 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 08.30 – 21.00 น. ณ วัดเวียงหอม (สามารถถ่ายได้เพียงบัตรประชาชนเท่านั้น) ยกเว้นค่าธรรมเนียม 100 บาท
 
สำนักทะเบียนอำเภอแม่สาย ให้บริการงานถ่ายบัตรประชาชนทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่วันที่ 19 – 30 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.00 น. ณ ห้องทะเบียนที่ว่าการอำเภอแม่สาย
 
กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ได้ส่งกำลังพล สมาชิก อส. จากส่วนกลาง และร้อย อส.จ. จาก 36 จังหวัดจำนวนไม่น้อยกว่า 1,500 นาย เพื่อร่วมปฏิบัติภารกิจฟื้นฟูบูรณะพื้นที่ประสบอุทกภัยจังหวัดเชียงราย ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นไป จนกว่าจะสิ้นสุดภารกิจ
 
การอำนวยการ/สั่งการ
วันที่ 28 ก.ย. 2567 เวลา 13.00 น. ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 เชียงรายนายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการในคราวประชุมติดตามสถานการณ์และเตรียมการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ส่วนหน้า ดังนี้
 
มอบหมาย สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัด ประสานสถานีวิทยุทุกแห่ง (ทั้งสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยและสถานีวิทยุชุมชน) เผยแพร่ช่องทางการขอรับความช่วยเหลือให้เป็นไปอย่างแพร่หลาย เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด ผ่านช่องทางสายด่วน 1567 ศูนย์ดำรงธรรม (โทรฟรี) และศูนย์บัญชาการอุทกภัยฯ จ.เชียงราย ทางหมายเลขโทรศัพท์ 093-1311784
 
มอบหมายนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ (รอง ผวจ. 2) รับผิดชอบบริหารจัดการเครื่องจักรกล และกำลังพล จากหน่วยงานอื่นๆ ที่เข้ามาในพื้นที่ กำชับให้แบ่งมอบภารกิจให้ชัดเจน
 
มอบ สนง.ทสจ.ชร. ร่วมกับอ.เมืองชร. เทศบาลนครเชียงราย และอ.แม่สาย จัดพื้นที่รองรับขยะมูลฝอยชั่วคราว (จุดพักขยะมูลฝอย) และบ่อขยะ เพื่อรองรับขยะครัวเรือนหลังน้ำลดที่มีเป็นจำนวนมาก โดยให้ระมัดระวัง
 
เรื่องความเสี่ยงต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน และผลกระทบที่เกิดกับสิ่งแวดล้อม
ให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1,2 แขวงทางหลวงชนบท และสำนักงานเจ้าท่าส่วนภูมิภาคสาขาเชียงราย เร่งรัดการสำรวจความเสียหายและจัดทำเอกสารขอรับการสนับสนุนงบประมาณโดยเร็ว เพื่อให้ซ่อมแซมถนนปรับปรุงเส้นทางหลังน้ำท่วม รวมทั้งตลิ่งและคันกั้นน้ำที่ได้รับความเสียหาย ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็วที่สุด
 
ให้ สสจ.เชียงราย ดำเนินการตามมาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุข หลังเกิดน้ำท่วม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ทั้งการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ การเยียวยาจิตใจผู้ประสบภัย สนับสนุนการปรับปรุงสุขาภิบาล และอนามัยสิ่งแวดล้อม โดยให้เน้นหนัก “ด้านการดูแลผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง กลุ่มติดบ้านติดเตียง” เป็นพิเศษ
 
ระบบท่อระบายน้ำต่าง ๆ ให้วางแผนแก้ไขปัญหาท่อระบายน้ำอุดตันในระยะถัดไป รวมทั้งแผนกำจัดเศษขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล และดินโคลนต่างๆ ออกจากท่อระบายน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายและป้องกันปัญหาการท่วมขังซ้ำ
 
มอบหมายนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ (รอง ผวจ. 2) ,ปลัดจังหวัดเชียงราย, ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเขต 7 (เชียงใหม่), สนจ.ชร. และสนง.ปภ.จ.ชร. สถาปนาศูนย์ราชการให้มีความพร้อมในการจัดตั้ง War Room โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบสื่อสาร (ทั้งระบบสื่อสารหลัก สื่อสารรอง และระบบสื่อสารสำรอง) เพื่อเชื่อมโยงการทำงานระหว่างหน่วยงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและมีประสิทธิภาพสูงสุด
 
ให้กรม ปภ. ดูแลการให้ความช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ ให้เร่งดำเนินการสำรวจความเสียหาย และจัดประชุม ก.ช.ภ.อ. และ ก.ช.ภ.จ. โดยเร็ว รวมถึงช่วยสนับสนุนดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และหนังสือที่สั่งการโดยเคร่งครัด ระมัดระวังมิให้เกิดความซ้ำซ้อน
 
ให้สำนักงานคลังจังหวัดตรวจสอบการใช้จ่ายเงินทดรองราชการของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด
 
สำหรับหน่วยงานที่เข้ามาสนับสนุนปฏิบัติการฟื้นฟู ให้จังหวัดเชียงรายดูแลความเป็นอยู่ การส่งกำลังบำรุง การสุขาภิบาลและการจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อม
 
กรณีบ้านเรือนราษฎรที่ได้รับความเสียหาย ให้จังหวัดเชียงรายติดตามผลการให้ความช่วยเหลือ ซ่อมแซมได้หรือไม่ได้อย่างไร ค่าวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยประจำ ซึ่งผู้ประสบภัยพิบัติเป็นเจ้าของที่ได้รับความเสียหาย เท่าที่จ่ายจริงหลังละไม่เกิน 49,500 บาท ภายใต้หลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 เพียงพอต่อการซ่อมแซมเพื่อการดำรงชีพขั้นพื้นฐานหรือไม่ ถ้าไม่เพียงพอมีแผนดำเนินการอย่างไรต่อไป กรณีบ้านเสียหายทั้งหลังและที่ดินถูกน้ำพัดหายไป ให้อปท. ร่วมกับชมรมช่างท้องถิ่น ประเมินความเสียหาย มอบหมายนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ (รอง ผวจ. 2) ร่วมกับ สนง.ทสจ.ชร. สจป.ที่ 2 ชร. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จัดหาที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ เบื้องต้นหากจะจัดสรรพื้นที่ คทช. ให้ดำเนินการภายใต้ระเบียบกฎหมาย และเป็นไปด้วยความเท่าเทียม
 
การปรับปรุง ซ่อมแซมสิ่งสาธารณประโยชน์ทุกประเภทที่ได้รับความเสียหาย (เช่น วัด โรงเรียน อาคารส่วนราชการ ถนน คอสะพาน รางระบายน้ำ เป็นต้น) เพื่อให้สามารถใช้งานได้ตามปกติดังเดิม ให้หน่วยงานต้นสังกัดเร่งสำรวจและเสนอของบประมาณในคราวเดียว
 
วันที่ 30 ก.ย. 67 มท.4 และ รมช.กลาโหม จะลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงาน และปัญหา อุปสรรค ให้ที่ทำการปกครองจังหวัดและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด จัดทำเอกสารสรุปผลการปฏิบัติและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องนำเสนอ และให้รายงานต่อเนื่องจนกว่าจะกลับคืนสู่สภาพเดิม
 
แนวโน้มสถานการณ์ ฝนฟ้าคะนองปานกลาง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ระดับน้ำสาย ทรงตัว(ไม่เกินระดับวิกฤติ)/ ระดับน้ำกก น้ำลาว แนวโน้มลดลง/น้ำโขงทรงตัว(ปกติ)
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

Chiang Rai Sport City Fight 2024 ดันเชียงรายเป็นเมืองกีฬาอย่างเต็มตัว

 

เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2567 การกีฬาแห่งประเทศไทยจัดกิจกรรม “Chiang Rai Sport City Fight 2024” ณ ลานกาสะลอง ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลในการผลักดันมวยไทยให้เป็น Soft Power โดยมี นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในการเปิดกิจกรรม และกล่าวแสดงความยินดีที่ได้เห็นความพร้อมเพรียงของชาวเชียงรายที่เข้าร่วมส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมกีฬาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย

นางอุบลรัตน์ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมแข่งขันมวยไทยในครั้งนี้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันมวยไทยให้เป็นหนึ่งใน Soft Power ที่สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในระดับสากล รวมถึงเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยผ่านกีฬามวยไทย และเปิดโอกาสให้เยาวชนและประชาชนได้มีทัศนคติที่ดีต่อกีฬามวยไทย พร้อมทั้งสร้างสังคมมวยไทยที่เข้มแข็ง

นอกจากนี้ กิจกรรมดังกล่าวยังช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดเชียงราย โดยการจัดการแข่งขัน “Chiang Rai Sport City Fight 2024” เป็นความร่วมมือของสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงราย, สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย, จังหวัดเชียงราย และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย

สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ มีนักมวยจากสังเวียนดังทั้ง 8 จังหวัดภาคเหนือเข้าร่วมชิงชัยใน 14 คู่ อาทิ

  • น้ำหวาน ส.คงกระพันธ์ (เชียงราย) พบกับ บ่าวบาย บัญชาเมฆ (เชียงใหม่)
  • เพชรโพธิ์ทอง โบว์เมืองบาน (เชียงราย) พบกับ ฉายตะวัน บุญลานามวยไทย (เชียงใหม่)
  • ยอดธง ยอดทัพเชียงราย (พะเยา) พบกับ ไผ่เงิน เกียรติ สปป (ลำปาง)

การแข่งขันในครั้งนี้ยังมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬามวยไทยให้มีคุณภาพสูงสุด เพื่อยกระดับการแข่งขันสู่ระดับนานาชาติ รวมถึงสร้างความตระหนักรู้ในกีฬามวยไทย และส่งเสริมทัศนคติที่ดีต่อกีฬามวยไทยในชุมชน โดยหวังว่าการแข่งขันครั้งนี้จะทำให้เชียงรายกลายเป็นเมืองกีฬา (Sport City) ตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมผลักดันเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเชิงกีฬาแบบยั่งยืน

จุดประสงค์ของการจัดการแข่งขัน:
  • สร้างทัศนคติที่ดีต่อกีฬามวยไทยในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ
  • ผลักดันมวยไทยให้เป็น Soft Power เพื่อสร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติ
  • ฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย และกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน
  • พัฒนาศักยภาพของนักกีฬามวยไทยให้ก้าวสู่การแข่งขันระดับสากล

การแข่งขันชกมวยไทยรายการนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับเชียงรายสู่การเป็นเมืองกีฬาที่มีศักยภาพสูง และยังคงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการกีฬาระดับประเทศ

นางอุบลรัตน์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การแข่งขันนี้จะไม่เพียงแค่เป็นการสร้างความบันเทิงและสนับสนุนความนิยมในกีฬามวยไทย แต่ยังแสดงถึงศักยภาพของชาวเชียงรายในการส่งเสริมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจได้อย่างสมบูรณ์แบบ

การแข่งขันจะมีขึ้นตลอดช่วงเทศกาลท่องเที่ยวของเชียงราย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจองห้องพัก การใช้จ่าย และการเดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนอีกด้วย

การแข่งขันชกมวยไทยครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้มาตรการความปลอดภัย:
  • มีการคัดกรองนักกีฬาและผู้เข้าชมตามมาตรฐานการจัดงานระดับสากล
  • เน้นการสร้างความปลอดภัยในทุกมิติ ทั้งด้านสุขภาพและการรักษาความปลอดภัยในสถานที่จัดการแข่งขัน

ทั้งนี้ ผู้จัดหวังว่า การจัดงานในครั้งนี้จะทำให้ประชาชนในจังหวัดเชียงรายและนักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ที่ดี พร้อมเปิดโอกาสให้มวยไทยเป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับนานาชาติมากยิ่งขึ้น

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรม:
  • จัดขึ้น ณ ลานกาสะลอง ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2567
  • เปิดให้เข้าชมฟรีเพื่อกระตุ้นการเข้าร่วมกิจกรรมจากชาวเชียงรายและนักท่องเที่ยว

กิจกรรมนี้จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเชียงรายให้ก้าวสู่การเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านกีฬาอย่างแท้จริง

หวังว่าการแข่งขันนี้จะช่วยส่งเสริมให้เชียงรายกลายเป็นหนึ่งใน Sport City ของประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบในอนาคตอันใกล้นี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดเชียงราย จัดการปัญหาหลังน้ำลด เร่งแผนฟื้นฟูครบทุกด้าน

 

วันที่ 28 กันยายน 2567 ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม 2567 (ส่วนหน้า) จังหวัดเชียงราย นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์และวางแผนฟื้นฟู พร้อมมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนและฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยมีนายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ และนางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมประชุมพร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน

นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย รับผิดชอบการบริหารจัดการเครื่องจักรกลและกำลังพลในศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ พร้อมประสานงานหน่วยงานอื่นๆ ที่เข้ามาปฏิบัติการในพื้นที่ โดยให้แบ่งพื้นที่และมอบภารกิจให้ชัดเจน เพื่อให้การฟื้นฟูและช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

แผนงานและมาตรการสำคัญที่ได้รับมอบหมาย:

  1. ด้านการประชาสัมพันธ์
    สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดได้รับมอบหมายให้สื่อสารผ่านทุกช่องทาง ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ สื่อออนไลน์ และสื่อท้องถิ่น เพื่อให้ข้อมูลถึงประชาชนในทุกกลุ่มทุกพื้นที่ และประชาชนสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว โดยประชาสัมพันธ์ช่องทางการติดต่อสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 (โทรฟรี) และศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฯ ที่หมายเลข 093-1311784 เพื่อขอรับความช่วยเหลือและข้อมูลเพิ่มเติมได้ตลอด 24 ชั่วโมง

  2. ด้านการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม
    สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย ร่วมกับอำเภอเมืองเชียงราย เทศบาลนครเชียงราย และอำเภอแม่สาย จัดหาพื้นที่รองรับขยะมูลฝอยชั่วคราว เพื่อรองรับปริมาณขยะหลังน้ำลด โดยต้องคำนึงถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม พร้อมควบคุมการจัดการขยะอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคในชุมชน

  3. ด้านการคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐาน
    กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้แขวงทางหลวงเชียงรายที่ 1, 2 และแขวงทางหลวงชนบท รวมถึงสำนักงานเจ้าท่าส่วนภูมิภาคสาขาเชียงราย เร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางรอง ตลิ่งและคันกั้นน้ำ เพื่อจัดทำเอกสารขอรับการสนับสนุนงบประมาณ และดำเนินการซ่อมแซมเส้นทางที่ได้รับผลกระทบให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

  4. ด้านการสาธารณสุข
    สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายได้รับมอบหมายให้ดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเน้นการดูแลกลุ่มเปราะบางและกลุ่มผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงเป็นพิเศษ พร้อมออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เยียวยาจิตใจและสนับสนุนการปรับปรุงสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อมภายในพื้นที่

  5. ด้านการระบายน้ำและการจัดการท่อระบายน้ำ
    เน้นการวางแผนแก้ไขปัญหาท่อระบายน้ำอุดตัน รวมถึงการกำจัดเศษขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูล และดินโคลนในท่อระบายน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ และป้องกันปัญหาน้ำท่วมขังซ้ำซ้อนในอนาคต โดยจัดตั้งทีมปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่ทุกจุดเพื่อเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน

  6. ความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอก
    ศูนย์บัญชาการฯ ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอก อาทิ กรุงเทพมหานคร ส่งรถดูดโคลน จำนวน 4 คัน และบริษัท บีเอ็มเจ็ตเซอร์วิส จ.ระยอง เข้าร่วมดำเนินการในชุมชนป่าแดงและชุมชนเกาะทอง โดยการดำเนินงานจะเน้นการดูดตะกอนและสิ่งสกปรกในท่อระบายน้ำ เพื่อป้องกันการอุดตัน และเสริมสร้างสุขอนามัยในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ

การประสานงานและการให้ความช่วยเหลือ
นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ย้ำถึงความสำคัญในการประสานงานกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการประสานเครื่องจักรกลและเครื่องมือจากหน่วยงานในพื้นที่และนอกพื้นที่เข้ามาร่วมช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง พร้อมเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชนในทุกด้าน ไม่เพียงแค่โครงสร้างพื้นฐาน แต่รวมถึงสุขภาพและสภาพจิตใจของผู้ที่ได้รับผลกระทบ

มาตรการเร่งด่วนจากศูนย์บัญชาการฯ
ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดเชียงรายได้กำหนดมาตรการเร่งด่วนตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้การฟื้นฟูและการช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เร็วที่สุด รวมถึงการจัดทำแผนระยะยาวในการเตรียมรับมือภัยพิบัติในอนาคต เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำซ้อน

สรุปเนื้อหา:
การประชุมติดตามสถานการณ์และฟื้นฟูหลังน้ำลดในจังหวัดเชียงราย โดยมีรองปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในด้านประชาสัมพันธ์ การจัดการขยะ การคมนาคม การสาธารณสุข และการระบายน้ำ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เร่งฟื้นฟูเชียงรายหลังน้ำท่วม ช่วยเหลือประชาชนให้กลับมาใช้ชีวิตปกติ

 

เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2567 นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้เร่งดำเนินการฟื้นฟูเมืองเชียงรายหลังจากเกิดเหตุอุทกภัยใหญ่ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชุมชนในเขตเทศบาลเมืองเชียงรายหลายแห่ง โดยจัดตั้งแผนฟื้นฟูการจัดเก็บขยะ การกำจัดโคลน และการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ ซึ่งหนึ่งในภารกิจหลักคือการจัดเก็บขยะและโคลนตะกอนที่สะสมในพื้นที่ต่าง ๆ ของเมือง พร้อมทั้งฟื้นฟูระบบระบายน้ำให้กลับมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับฝนในอนาคตและฟื้นฟูสุขอนามัยในพื้นที่

 

การดำเนินงานฟื้นฟูในเขตชุมชนที่ได้รับผลกระทบ

ในวันที่ 28 กันยายน 2567 มีการเพิ่มกำลังพลและอุปกรณ์เครื่องจักรต่าง ๆ เช่น รถบรรทุกขยะ รถแมคโคร รถดูดโคลน และรถบรรทุกน้ำ จำนวนมาก เพื่อให้การรวบรวมและกำจัดขยะเป็นไปอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ ในเขตเทศบาลนครเชียงราย ไม่ว่าจะเป็น ชุมชนน้ำลัด, ชุมชนฝั่งหมิ่น, ริมน้ำกก, สวนสาธารณะเกาะลอย, เกาะทอง, แควหวาย, ถ.ฝั่งหมิ่น, ทวีรัตน์, เกาะทอง, รั้วเหล็กเหนือ, รั้วเหล็กใต้, ป่าแดง, ฮ่องลี่, ป่างิ้ว, ป่าตึงริมกก, บ้านใหม่ และหมู่บ้านธนารักษ์ ซึ่งแต่ละจุดมีการจัดทีมงานพร้อมอุปกรณ์อย่างครบครัน รวมถึงได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานหลายภาคส่วนที่ร่วมลงพื้นที่และสนับสนุนภารกิจฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง

 

การสนับสนุนจากภาคส่วนต่าง ๆ

ในการดำเนินการครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน อาทิ กรุงเทพมหานคร (อปท.), บริษัท บีเอ็มเจ็ตเซอร์วิส จังหวัดระยอง, เทศบาลนครนนทบุรี, และเทศบาลนครปากเกร็ด ซึ่งได้ส่งทีมงานและเครื่องจักรเข้ามาช่วยดำเนินการฟื้นฟู โดยเฉพาะรถดูดโคลนเลน จำนวน 4 คัน ที่ได้รับความสนับสนุนจากกรุงเทพมหานคร ทำให้การดำเนินงานในชุมชนป่าแดงสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่เทศบาลนครนนทบุรี และเทศบาลนครปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ช่วยดำเนินการในชุมชนแควหวาย ซอย 4 ในช่วงเช้า และช่วงบ่ายได้เข้าไปช่วยทำความสะอาดและดูดโคลนในชุมชนเกาะทอง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดจากน้ำท่วมในครั้งนี้

 

การจัดการขยะและฟื้นฟูระบบระบายน้ำ

นอกจากการจัดเก็บขยะและการกำจัดโคลนในพื้นที่แล้ว ทางเทศบาลนครเชียงรายยังได้ดำเนินการล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำในเขตพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยใช้เครื่องมือพิเศษ เช่น เครื่องเจาะสูบฉีดน้ำแรงดันสูง และรถดูดโคลน เพื่อป้องกันการอุดตันและช่วยในการระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกันน้ำท่วมและฟื้นฟูสุขอนามัยของชุมชนให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด

 

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อเมืองเชียงราย

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ยังได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่เข้ามาช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูเมืองเชียงรายในครั้งนี้ โดยเฉพาะภาคเอกชนและหน่วยงานราชการที่ส่งทีมและเครื่องมือมาช่วยฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ทุกฝ่ายต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือการทำให้เมืองเชียงรายกลับมามีสภาพแวดล้อมที่ดีอีกครั้ง และสามารถรองรับการดำเนินชีวิตของประชาชนได้อย่างปกติสุข

สำหรับประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม สามารถติดต่อเทศบาลนครเชียงรายได้ที่หมายเลข 053-711333 หรือประสานงานผ่านศูนย์ช่วยเหลือในพื้นที่ใกล้บ้านของท่านได้ตลอดเวลา โดยเทศบาลจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้เมืองเชียงรายกลับมาเป็นเมืองที่น่าอยู่และพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกฯ มอบเงินเยียวยาชาวเชียงราย 5.3 ล้าน พร้อมแผนฟื้นฟูด่วน

 

เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 เวลา 17.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางมามอบเงินเยียวยาและสิ่งของช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดเชียงราย โดยได้ลงพื้นที่หอประชุมโรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย เพื่อมอบเงินเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบในหลายอำเภอ ประกอบด้วย อำเภอแม่สายจำนวน 2,653,200 บาท, อำเภอเทิง 297,000 บาท, อำเภอเวียงแก่น 891,000 บาท และอำเภอเมือง 1,485,000 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 5,326,200 บาท พร้อมมอบสิ่งของจำเป็น เช่น อุปกรณ์ทำความสะอาด ไม้กวาด ที่ตักขยะ และชุดเครื่องนอน ให้กับผู้ประสบภัยทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้กล่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เขตเทศบาลนครเชียงรายว่า น้ำท่วมในครั้งนี้เกิดจากแม่น้ำกกไหลล้นตลิ่งตั้งแต่วันที่ 10-13 กันยายน 2567 ส่งผลให้มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 12,000 ครัวเรือน ใน 52 ชุมชนของเขตเทศบาลนครเชียงราย ทางเทศบาลได้ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นตามขั้นตอนที่กำหนด รวมถึงการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน แต่ยังพบปัญหาหลักคือดินโคลนจำนวนมากที่สะสมอยู่ในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการทำความสะอาดและฟื้นฟูที่อยู่อาศัยของประชาชน จึงขอการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานเพื่อช่วยแก้ไขปัญหานี้ให้ประชาชนสามารถกลับเข้าบ้านได้อย่างรวดเร็ว

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า “รัฐบาลจะไม่ทิ้งประชาชนไว้เบื้องหลัง และจะดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทุกคนจะได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง วันนี้รัฐบาลเข้ามาเพื่อสร้างความมั่นใจและเป็นกำลังใจให้ทุกคน เราได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน รวมถึงจิตอาสาที่ร่วมกันเข้ามาช่วยเหลือและทำงานในพื้นที่ ขอขอบคุณทุกคนในที่นี้อย่างจริงใจ”

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังมีบางพื้นที่ที่ยังคงขาดความช่วยเหลือ ทางรัฐบาลจะระดมกำลังจากหน่วยงานและจิตอาสาเข้ามาช่วยฟื้นฟูและทำความสะอาดบ้านเรือนให้เร็วที่สุด เพื่อคืนพื้นที่ให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้โดยเร็ว และพร้อมจะนำเสนอแนวทางการช่วยเหลือเพิ่มเติมต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันอังคารที่จะถึงนี้ เพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับการฟื้นฟูและการช่วยเหลือในทุกพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะได้ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านธนารักษ์ และชุมชนทวีรัตน์ เพื่อเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจผู้ประสบภัย พร้อมทั้งมอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้แก่ประชาชนที่ยังต้องการความช่วยเหลือ และตรวจเยี่ยมสภาพบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อประเมินสถานการณ์และเร่งวางแผนการฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพปกติโดยเร็วที่สุด

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้สร้างความหวังและกำลังใจให้กับประชาชนในพื้นที่ที่กำลังประสบภัยเป็นอย่างมาก โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “อย่าเพิ่งท้อ ขอให้ทุกคนสู้ต่อไป ทนกันอีกนิดเดียว ความช่วยเหลือจะทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขอให้มีกำลังใจและช่วยกันส่งความรักให้กันและกัน แล้วเราจะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยกัน”

สรุปประเด็นหลัก

  • นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบเงินเยียวยา 5,326,200 บาท ให้ผู้ประสบภัยในจังหวัดเชียงราย
  • ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและมอบสิ่งของให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม
  • นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย รายงานว่าน้ำท่วมกระทบ 52 ชุมชน และ 12,000 ครัวเรือน
  • ปัญหาสำคัญคือดินโคลนสะสมที่ยากต่อการทำความสะอาด ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากหน่วยงานต่างๆ
  • รัฐบาลเตรียมนำเรื่องเข้าที่ประชุม ครม. ในสัปดาห์หน้าเพื่อพิจารณางบประมาณช่วยเหลือเพิ่มเติม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายเดินหน้าเป็นเมืองสร้างสรรค์ยูเนสโก ผลักดันเศรษฐกิจวัฒนธรรมท้องถิ่น

 

เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมลานนา 2 โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย จังหวัดเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดการประชุมการขับเคลื่อน “เมืองเชียงราย เมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบของ UNESCO” ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเชียงราย (อพท.เชียงราย)

การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายภาคส่วน เช่น นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย, นายวีรัตน์ สามุมิตร ศึกษาธิการจังหวัดเชียงราย, ผู้แทนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, ผู้แทนจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, มหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนาเชียงราย, หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้แทนจากภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวในเชียงราย เข้าร่วมเพื่อแลกเปลี่ยนและนำเสนอแนวคิดการออกแบบเมืองสร้างสรรค์ของ UNESCO สำหรับการพัฒนาเมืองเชียงรายให้เป็นเมืองที่โดดเด่นทั้งในด้านวัฒนธรรมและการออกแบบอย่างยั่งยืน

ประเด็นสำคัญในการประชุมครั้งนี้ มีดังนี้

  1. ประโยชน์และความเป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของ UNESCO
    ดร.คัชพล จั่นเพชร หัวหน้างานพัฒนานวัตกรรมการท่องเที่ยว สำนักพัฒนาขีดความสามารถการท่องเที่ยว (อพท.) ได้อธิบายถึงประโยชน์และบทบาทที่จังหวัดเชียงรายจะได้รับในฐานะสมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของ UNESCO ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ การส่งเสริมภาพลักษณ์ของเมือง และการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น

  2. กิจกรรมเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของ UNESCO
    รศ.ดร. พลวัฒ ประพัฒน์ทอง อาจารย์จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้กล่าวถึงความสำคัญของการเข้าร่วมกิจกรรมเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ และได้หารือเกี่ยวกับการจัดเตรียมการฉลองครบรอบ 1 ปี การเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของ UNESCO ในเชียงราย เพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าและผลสำเร็จในการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน

  3. แผนการขับเคลื่อนการเป็นเมืองสร้างสรรค์
    รศ.ดร. พลวัฒ ประพัฒน์ทอง และนางพร้อมพร จินดาวงศ์ เนตรหาญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเชียงรายพัฒนาเมือง (CRCD) ได้ร่วมกันนำเสนอแผนการดำเนินงานในการขับเคลื่อนเชียงรายให้ก้าวสู่การเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบอย่างสมบูรณ์ตามหลักเกณฑ์ของ UNESCO

  4. การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
    ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับการส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์พื้นถิ่น การใช้ความคิดสร้างสรรค์มาช่วยต่อยอดสินค้าและบริการในท้องถิ่น เช่น การพัฒนาสินค้าหัตถกรรม, สินค้าเกษตรแปรรูป, การสร้างกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการจัดการพื้นที่ทางวัฒนธรรมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์

  5. การกระตุ้นการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคม
    การพัฒนาศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่นจะก่อให้เกิดการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวทางด้านศิลปวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น พร้อมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ชุมชนต่างๆ ในจังหวัดเชียงราย

ผลจากการประชุมนี้
การประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชนในการขับเคลื่อนเชียงรายให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยมุ่งเน้นการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการออกแบบและพัฒนาเมืองให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนตามเกณฑ์ของ UNESCO

การขับเคลื่อนดังกล่าวจะนำไปสู่การเติบโตของเศรษฐกิจท้องถิ่น เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และบริการในชุมชน และสร้างโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ในการเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาบ้านเกิดอย่างสร้างสรรค์และมีคุณค่า

คำแนะนำเพิ่มเติม
ผู้เข้าร่วมประชุมต่างเห็นพ้องว่าการพัฒนาเมืองเชียงรายต้องเป็นไปอย่างสมดุลและมีการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างการยอมรับและความร่วมมืออย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมและโครงการต่างๆ ในอนาคตจะเน้นการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เกิดการรับรู้และการเข้าถึงข้อมูลอย่างทั่วถึง

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของจังหวัดเชียงราย
ที่มุ่งมั่นสู่การเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบที่โดดเด่นในระดับประเทศและระดับสากล สร้างแรงบันดาลใจและความตระหนักรู้ในการอนุรักษ์วัฒนธรรม ควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและการท่องเที่ยวที่มีคุณค่าและยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ศบภ.มทบ.37 ลงพื้นที่ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ฟื้นฟูบ้านเรือนในชุมชนแม่สาย

 

เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 กองบัญชาการกองทัพบกที่ 37 (ศบภ.มทบ.37) โดย กองพันทหารราบที่ 17 กรมทหารราบที่ 3 ในพระองค์ฯ (ร.17 พัน.3 ในพระองค์ฯ) ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือฟื้นฟูบ้านเรือนของประชาชนในกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยได้ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชุมชนไม้ลุงขน, ชุมชนเกาะทราย และพื้นที่ใกล้เคียง ในเขตอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย การลงพื้นที่ในครั้งนี้ถือเป็นการช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชนและสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยให้กลับมามีความหวังอีกครั้ง

ลงพื้นที่ฟื้นฟูบ้านเรือนและโรงเรียนในชุมชนไม้ลุงขน

การปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ เริ่มจากการทำความสะอาดโรงเรียนบ้านไม้ลุงขน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ ทางเจ้าหน้าที่จาก ศบภ.มทบ.37 ได้ช่วยกันล้างทำความสะอาดพื้น กำแพง รวมถึงจัดเก็บสิ่งของที่ถูกโคลนและเศษซากต่าง ๆ ที่ถูกน้ำพัดมากองทับถมกันหลังน้ำลด เพื่อเตรียมความพร้อมให้โรงเรียนสามารถกลับมาเปิดทำการเรียนการสอนได้ตามปกติเร็วที่สุด

นอกจากนี้ ศบภ.มทบ.37 ยังได้ลงพื้นที่เพิ่มเติมตามคำร้องขอของผู้ใหญ่บ้านในชุมชน เพื่อเข้าช่วยเหลือทำความสะอาดและซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย ในพื้นที่บ้านไม้ลุงขน หมู่ที่ 10 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย หนึ่งในบ้านที่ได้รับการช่วยเหลือคือ บ้านของนางภัณฑิลา มูลเมืองคำ ซึ่งเป็นบ้านในกลุ่มเปราะบางที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้เอง เนื่องจากสภาพโครงสร้างที่เสียหายหนักจากโคลนและน้ำท่วม ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันทำความสะอาด กำจัดดินโคลนที่ทับถมอยู่ภายในบ้าน และซ่อมแซมจุดที่เสียหายอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าของบ้านสามารถกลับเข้าไปอยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัยอีกครั้ง

ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทหารและชุมชน

การดำเนินการช่วยเหลือครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการช่วยเหลือจากภาครัฐเท่านั้น แต่ยังได้รับความร่วมมือจากชุมชนและผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ที่ช่วยประสานงานและนำเสนอข้อมูลการช่วยเหลือที่ต้องการเป็นลำดับแรก เพื่อให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตรงกับความต้องการของประชาชน โดยการสนับสนุนจาก ร.17 พัน.3 ในพระองค์ฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่มีความเชี่ยวชาญในการฟื้นฟูและบรรเทาสาธารณภัย เป็นการแสดงถึงความร่วมมืออย่างเข้มแข็งระหว่างหน่วยงานรัฐและชุมชนท้องถิ่น

สร้างขวัญกำลังใจและคืนความหวังให้ผู้ประสบภัย

หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการช่วยเหลือครั้งนี้ ไม่เพียงแค่การทำความสะอาดและซ่อมแซมบ้านเรือน แต่ยังมุ่งเน้นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยที่อยู่ในกลุ่มเปราะบาง ซึ่งบางครอบครัวสูญเสียทั้งทรัพย์สินและบ้านเรือน การลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่จาก ศบภ.มทบ.37 นอกจากจะช่วยเหลือด้านแรงงานแล้ว ยังได้พูดคุยและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการฟื้นฟูบ้านเรือนและการดูแลสุขอนามัยหลังน้ำลด เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคที่อาจมาจากสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด

นางภัณฑิลา มูลเมืองคำ หนึ่งในผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือกล่าวว่า “รู้สึกซาบซึ้งและดีใจมากที่ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ทหารและชุมชน ทุกคนเข้ามาช่วยกันทำความสะอาด ซ่อมแซมบ้าน และให้กำลังใจ ทำให้มีกำลังใจที่จะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง ขอบคุณทุกคนมาก ๆ ค่ะ”

มุ่งมั่นฟื้นฟูและเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติในอนาคต

นายสมจิตร เปี่ยมเปรมสุข อุปนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่การซ่อมแซมและฟื้นฟู แต่ยังมีการวางแผนการป้องกันและการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมในอนาคต ซึ่งถือเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ทาง วสท. จะทำการสำรวจและออกแบบระบบป้องกันน้ำท่วมเพิ่มเติมเพื่อให้ชุมชนสามารถป้องกันและลดผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน

จากความช่วยเหลือครั้งนี้ ทำให้เห็นถึงความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานราชการ ภาคประชาชน และชุมชนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการฟื้นฟูบ้านเรือนและสภาพแวดล้อม นับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งและความสามัคคีในชุมชน ทำให้การช่วยเหลือครั้งนี้ไม่เพียงแค่การซ่อมแซมบ้านเรือนเท่านั้น แต่ยังเป็นการฟื้นฟูจิตใจและสร้างความเข้มแข็งให้กับทุกคนที่ได้รับผลกระทบอีกด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

‘อ.เชียงแสน’ เปิดสวนสาธารณะใหม่ ลานกิจกรรมธรรมชาติ-จุดพักผ่อน

 

การอัปเดตข่าวสารเกี่ยวกับสวนสาธารณะเมืองเชียงแสน ที่กำลังได้รับการพัฒนาให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และสถานที่ออกกำลังกายของชาวเชียงแสน เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคที่สำคัญในจังหวัดเชียงราย ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดบอกได้เลยว่าสวยงามมาก สวนสาธารณะแห่งนี้มีทั้งลานกิจกรรม ลานสเก็ต และพื้นที่สีเขียวสำหรับการออกกำลังกาย ทำให้เป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับคนทุกวัยที่จะมาพักผ่อนและทำกิจกรรมต่างๆ โดยสวนสาธารณะแห่งนี้ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเชียงแสน ที่มีประวัติศาสตร์และวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่งดงาม

เชียงแสน อำเภอหนึ่งในจังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจังหวัด ล้อมรอบด้วยแม่น้ำโขงและภูเขาสูงทั้งทางฝั่งไทยและลาว ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อทางวัฒนธรรมและการค้าระหว่างไทย ลาว และพม่า โดยเฉพาะบริเวณ “สามเหลี่ยมทองคำ” ที่มีชื่อเสียงมากในการท่องเที่ยวและการขนส่งสินค้าในภาคเหนือของประเทศไทย

 

เชียงแสนยังเป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญ มีซากโบราณสถานมากมายที่บอกเล่าเรื่องราวความรุ่งเรืองในอดีตของเมืองนี้ และเป็นจุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สนใจในประวัติศาสตร์และธรรมชาติ เนื่องจากเมืองนี้เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์จากแม่น้ำโขงไหลผ่าน ทำให้มีการทำการเกษตรและการค้าขายที่เจริญเติบโตมาตั้งแต่สมัยโบราณ

สวนสาธารณะแห่งใหม่ที่กำลังพัฒนาในเชียงแสนไม่เพียงแค่เป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับการออกกำลังกายและพักผ่อน แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับเชียงแสน ซึ่งเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน โดยสถานที่ตั้งของสวนสาธารณะนี้อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่งในเชียงแสน เช่น ซากเมืองโบราณและแม่น้ำโขง ทำให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาพักผ่อนและท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้เคียงได้ง่ายขึ้น

พื้นที่เชียงแสนมีอาณาเขตที่ติดต่อกับอำเภอแม่สาย รัฐฉานของประเทศพม่า และแขวงบ่อแก้วของประเทศลาว ซึ่งสร้างโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าข้ามชาติ ทำให้เชียงแสนกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศในภาคเหนือของประเทศไทย

 

 

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติและประวัติศาสตร์ เชียงแสนถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาด ด้วยวิวทิวทัศน์ที่งดงามและความเป็นมาอันยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาในปัจจุบันที่ทำให้เชียงแสนมีความทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงรักษาเสน่ห์ของเมืองโบราณไว้อย่างดี

สำหรับการเดินทางมาท่องเที่ยวในเชียงแสน นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาได้สะดวกทั้งทางรถยนต์ส่วนตัวและรถโดยสารจากตัวเมืองเชียงราย การท่องเที่ยวที่นี่ไม่เพียงแค่ได้สัมผัสกับธรรมชาติอันงดงาม แต่ยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่หลากหลายของพื้นที่นี้

สุดท้ายนี้ ขอเชิญชวนทุกท่านที่สนใจมาเที่ยวชมสวนสาธารณะเมืองเชียงแสน และสำรวจเมืองประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่แห่งนี้ ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติและเสน่ห์ทางวัฒนธรรมไว้อย่างดี

เครดิตข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

ภาพโดย : Kho RachaSit

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News