Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

ลำไยล้นตลาด-น้ำท่วมหนัก เกษตรกรเชียงรายวิกฤตซ้ำซ้อน

วิกฤตลำไยเชียงรายน้ำท่วมซ้ำเติมราคาตกต่ำ เกษตรกรบ้านวังผา-ป่าแดดเดือดร้อนหนัก ร้องรัฐเร่งหาทางออก

เชียงราย, 29 กรกฎาคม 2568 – เมื่อดินแดนลำไยกลายเป็นพื้นที่ความทุกข์ชีวิตจริงหลังม่านสวนผลไม้ กลางฤดูเก็บเกี่ยวลำไยที่ควรจะคึกคัก บ้านวังผา ตำบลสันมะค่า อำเภอป่าแดด จังหวัดเชียงราย กลับปกคลุมด้วยบรรยากาศเงียบเหงาและวิตกกังวล ชาวสวนลำไยที่นี่ในปีนี้ต้องพายเรือเข้าไปเก็บผลผลิตกลางน้ำท่วม ขณะที่ราคาลำไยตกต่ำถึงขีดสุดจนเจ้าของสวนแทบไม่อยากพูดถึง ตัวเลข “ร่วงจนน่าตกใจ” กลายเป็นวลีที่สะท้อนหัวใจของเกษตรกร และถึงแม้จะเก็บผลผลิตมาได้ ก็ยังหาที่ขายได้ยากยิ่ง

สถานการณ์เลวร้ายนี้สะท้อนให้เห็นผ่านโพสต์ในโซเชียลของชาวบ้านและเพจท้องถิ่นที่ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยเหลือ ทั้งในเรื่องถนนที่ใช้ขนผลผลิต (ซึ่งถูกน้ำท่วมขังเสียหาย) และการเข้ามารับซื้อลำไยในราคายุติธรรม หลังโรงงานรับซื้อส่วนใหญ่ประกาศรับจำนวนจำกัด บางแห่งถึงขั้นปิดรับซื้อเพราะโกดังล้น แม้ชาวสวนบางรายถึงกับประกาศ “แจกฟรี” ลำไยทั้งสวนเพื่อให้มีพื้นที่ปลูกใหม่ในปีหน้า ก็ยังไม่มีใครมาเก็บ เพราะเก็บแล้ว “ขาดทุน” หรือ “ไม่มีที่ขาย” อยู่ดี

คลื่นน้ำและคลื่นราคาซัดซ้ำปัญหาตกค้างข้ามจังหวัด

วิกฤตราคาลำไยปี 2568 ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะเชียงรายเท่านั้น แต่ลุกลามไปยังจังหวัดลำพูน เชียงใหม่ และลี้ (ลำพูน) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสำคัญของประเทศเช่นกัน ลำไยคุณภาพดี ลูกโต รสหวาน ก็เริ่มมีสีดำ เน่าเสียในสวน และโรงรับซื้อจำนวนมากหยุดรับซื้อหรือไม่แสดงราคาซื้อขาย ข้อมูลล่าสุดจากแหล่งข่าวพื้นที่ต่างๆ ระบุว่า ราคาลำไยเกรด AA เหลือเพียง 9-14 บาท/กก., A 4-7 บาท/กก., B 2 บาท/กก. ส่วน C ไม่มีใครรับซื้อ ขณะที่ต้นทุนการผลิตสูงกว่านั้นมาก

นอกจากราคาตลาดตกต่ำแล้ว ปัญหาน้ำท่วมหนักที่ซ้ำเติมหลายพื้นที่ ทำให้ชาวสวนไม่สามารถขนส่งผลผลิตได้ทันเวลา ผลผลิตตกค้าง เริ่มเน่าเสีย ต้นทุนแรงงานในการหักลำไยออกจากต้นก็สูงเกินคุ้ม แม้แต่ผู้รับซื้อเหมาสวนที่เคยคึกคักในอดีตอย่าง “นายแก้ว” ชาวไทใหญ่ ยังต้องยอมแพ้ เพราะรับซื้อไปก็ขาดทุนไม่มีที่ระบายผลผลิต

วัฏจักร “ราคาดิ่ง-น้ำท่วม” กับความเปราะบางโครงสร้างลำไยภาคเหนือ

สาเหตุหลักที่ทำให้ราคาลำไยดิ่งลงเหวในปีนี้ คือ “ผลผลิตล้นตลาด” สูงสุดในรอบหลายปี โดยผลผลิตรวมในภาคเหนือปีนี้เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 10-17% (จากอิทธิพลสภาพอากาศและเทคนิคกระตุ้นการออกดอก) การเก็บเกี่ยวลำไยกระจุกตัวในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ก่อให้เกิด “คลื่นซัพพลาย” ถาโถมเข้าสู่ตลาดพร้อมกัน ขณะที่การส่งออกไปตลาดหลักอย่างจีนชะลอตัวลง เพราะจีนผลิตลำไยได้เองมากขึ้นและตั้งกฎระเบียบเข้มงวดเรื่องสารตกค้าง เวียดนามซึ่งเคยเป็นทางออกของลำไยเกรดรอง ก็ลดความต้องการลง ผลักให้ปริมาณลำไยเกรด B และ C กลับมาไหลบ่าลงสู่ตลาดในประเทศ

โรงงานแปรรูปในพื้นที่ต้อง “เลือกซื้อ” เฉพาะเกรดดี บางแห่งต้องหยุดรับเพราะปัญหาล้นคลัง ต้นทุนแรงงานและการแปรรูปสูง สินเชื่อจากธนาคารภาคเกษตรก็เข้มงวดขึ้น แรงงานรับจ้างขาดแคลน ผลผลิตที่เก็บแล้วขายไม่ออกจึง “ให้ฟรีก็ยังไม่มีใครเอา” สุดท้าย เกษตรกรต้องกลับไปวนเวียนกับหนี้สินรอฤดูใหม่

มาตรการรัฐ – ยุทธศาสตร์หรือแค่แก้เฉพาะหน้า?

รัฐบาลไทยรับรู้ปัญหานี้มานาน มีมาตรการช่วยเหลือหลายระดับ ทั้งเงินอุดหนุน (1,400 บาท/ไร่), โครงการสินเชื่อปลอดดอกเบี้ย, รับประกันราคาขั้นต่ำในอดีต, การผลักดันตลาดส่งออกใหม่ (อินเดีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ฮ่องกง ฯลฯ), ส่งเสริมการแปรรูป และสนับสนุนอีคอมเมิร์ซ อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้แม้มีส่วนบรรเทาแต่ “เกษตรกรยังคงขาดความเชื่อมั่น” ว่าจะเพียงพอ และมองว่าเป็นการ “ดับไฟเฉพาะหน้า” มากกว่าการแก้ไขเชิงโครงสร้าง

วิกฤตซ้ำซากกับความจำเป็นในการปฏิรูป

ปัญหาลำไยล้นตลาด วนเวียนมาทุก 3-5 ปี ไม่ใช่เพียงเพราะ “ผลิตมาก-ส่งออกน้อย” แต่เกิดจากความเปราะบางเชิงโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นการพึ่งพาตลาดจีนมากเกินไป การขาดแผนการผลิตที่สอดคล้องกับอุปสงค์จริง ระบบสหกรณ์ที่ยังไม่เข้มแข็ง และเทคโนโลยีแปรรูปที่ยังจำกัด ข้อเสนอจากนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญจึงชี้ไปที่

  • การวางแผนการผลิตที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลตลาด: รัฐต้องสร้างระบบข่าวกรองตลาดทันสมัย ชี้นำการปลูกและบริหารผลผลิตอย่างแม่นยำ
  • การลงทุนในเทคโนโลยีแปรรูปและนวัตกรรม: สร้างมูลค่าเพิ่ม ลดความเสี่ยงจากตลาดล้น
  • กระจายตลาดและส่งเสริมอีคอมเมิร์ซ: เพิ่มช่องทางขาย-ลดการพึ่งพาจีน
  • แก้ปัญหาแรงงานและโลจิสติกส์: ปรับนโยบายแรงงานและสนับสนุนขนส่ง
  • พัฒนาสหกรณ์และการขายตรง: ลดอำนาจต่อรองของพ่อค้าคนกลาง

ท้ายที่สุด วิกฤตราคาลำไย 2568 ที่เชียงราย-เหนือ-ลำพูน กำลังเป็น “สัญญาณเตือน” ให้สังคมไทยตระหนักว่าการแก้ปัญหาต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างรัฐ ภาคเอกชน เกษตรกร และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรมเกษตรไทยอย่างจริงจัง มิใช่แค่การแจกเงินหรือรับประกันราคาเฉพาะปีต่อปี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  • สมาคมเกษตรกรผู้ปลูกลำไยภาคเหนือ
  • ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเชียงราย
  • เพจหมู่บ้านโป่งศรีนคร เชียงราย
  • รายงานสถานการณ์ราคาผลไม้ปี 2568 (Thai Fruit Board)
  • ข้อมูลและรายงานสื่อท้องถิ่นภาคเหนือ (เชียงราย, ลำพูน, เชียงใหม่)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

‘อบจ.เชียงราย’ มอบบ้าน ยกระดับ คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ-พิการ

อบจ.เชียงราย เร่งยกระดับที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุและคนพิการ สร้างสังคมเข้มแข็งและปลอดภัย

ลงพื้นที่อำเภอป่าแดด ติดตามผลโครงการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย ปีงบประมาณ 2567

เชียงราย, 23 มีนาคม 2568 – นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยทีมเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่อำเภอป่าแดด เพื่อติดตามผลการดำเนินงานโครงการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ ตามแผนงานประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมีการมอบบ้านที่ได้รับการปรับปรุงเรียบร้อยแล้วให้แก่ผู้รับการสนับสนุนทั้ง 4 รายในพื้นที่

การลงพื้นที่ครั้งนี้มีผู้บริหารท้องถิ่นเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายมงคล เชื้อไทย นายกเทศมนตรีตำบลป่าแงะ ผู้นำชุมชน ตัวแทนหน่วยงานสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่จากกองสาธารณสุข องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ซึ่งร่วมกันสำรวจ ตรวจสอบ และมอบสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันของผู้พักอาศัย

กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย สนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต

โครงการดังกล่าวเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยบริการสาธารณสุข และกลุ่มเป้าหมายในระดับชุมชน โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย ซึ่งเปิดให้หน่วยงานในท้องถิ่นเสนอแผนงานที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาของแต่ละพื้นที่

ในพื้นที่ตำบลป่าแงะ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายและเทศบาลตำบลป่าแงะได้รับคำร้องจากประชาชนจำนวน 4 ราย ซึ่งล้วนเป็นผู้สูงอายุและคนพิการที่ประสบปัญหาสภาพที่อยู่อาศัยชำรุดทรุดโทรม และส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ทั้งในแง่ของความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้ชีวิต

หลังจากรับเรื่อง เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกับผู้นำชุมชนลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วน จึงดำเนินการขอรับงบประมาณสนับสนุนเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของแต่ละราย

เน้น “อยู่ดี มีสุข” ด้วยการปรับปรุงบ้านให้เหมาะกับผู้ใช้ชีวิตอย่างจำกัด

การปรับปรุงที่อยู่อาศัยครั้งนี้เน้นการเพิ่มความสะดวกและปลอดภัยแก่ผู้สูงอายุและคนพิการ เช่น การทำทางลาดสำหรับรถเข็น การติดตั้งราวจับในห้องน้ำ การปรับพื้นบ้านให้เรียบเสมอเพื่อลดความเสี่ยงการหกล้ม รวมถึงการปรับเปลี่ยนตำแหน่งอุปกรณ์ภายในบ้านให้เหมาะกับการใช้งานของผู้มีข้อจำกัดทางร่างกาย

โดยการดำเนินโครงการไม่เพียงมุ่งหวังให้ผู้รับการสนับสนุนสามารถอยู่อาศัยได้อย่างสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นให้สมาชิกในครอบครัวและผู้ดูแลสามารถดูแลผู้สูงอายุและคนพิการได้ง่ายขึ้น ลดภาระการดูแลในระยะยาว และส่งเสริมสุขภาวะจิตที่ดีให้กับทั้งผู้พักอาศัยและสมาชิกในบ้าน

ผู้นำชุมชน – หน่วยงานท้องถิ่นร่วมแรงร่วมใจ ขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน

นายมงคล เชื้อไทย นายกเทศมนตรีตำบลป่าแงะ กล่าวว่า การดำเนินงานครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือระดับท้องถิ่น ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม และเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน

“เราไม่ได้มองว่าเป็นแค่การสร้างหรือซ่อมบ้าน แต่เรากำลังคืนศักดิ์ศรีการใช้ชีวิตให้กับคนในชุมชน และช่วยให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมั่นคงและปลอดภัยในบ้านของตนเอง” นายมงคล กล่าว

ด้านนายอำนาจ อินทร์ทอง ผู้แทนจากกองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย กล่าวว่า กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงรายมีแนวทางการดำเนินงานที่สอดคล้องกับนโยบายด้านการดูแลประชากรกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะผู้สูงอายุและคนพิการ ซึ่งในอนาคตจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในสังคมไทย

เสียงสะท้อนจากประชาชน – ความเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้

นางคำปัน อินทชัย อายุ 72 ปี หนึ่งในผู้ที่ได้รับการปรับปรุงบ้าน กล่าวด้วยน้ำเสียงตื้นตันว่า “แต่ก่อนเดินลำบากมาก ห้องน้ำก็ไม่มีราวจับ พอมีบ้านใหม่แบบนี้ก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นเยอะ ไม่ต้องกลัวล้ม แล้วก็อุ่นใจที่มีคนมาช่วยดูแล”

ลูกหลานของนางคำปันยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ก่อนหน้านี้เวลาจะอาบน้ำหรือพาแม่ไปไหน ต้องช่วยกันหลายคน แต่ตอนนี้แม่สามารถทำอะไรได้เองหลายอย่าง ก็สบายใจขึ้นทั้งบ้าน”

ทัศนคติอย่างเป็นกลาง – สะท้อนทั้งโอกาสและข้อจำกัด

แม้โครงการดังกล่าวจะได้รับเสียงชื่นชมจากประชาชนและผู้นำชุมชนว่าเป็นก้าวย่างที่สำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลง แต่ยังมีเสียงสะท้อนจากบางภาคส่วนว่า งบประมาณสนับสนุนยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในภาพรวม และการคัดเลือกผู้ได้รับสิทธิ์ยังมีข้อจำกัดจากระเบียบราชการที่เข้มงวด

ผู้แทนจากเครือข่ายผู้พิการในจังหวัดเชียงราย ให้ความเห็นว่า “โครงการดี แต่ผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงความช่วยเหลือก็ยังมีอีกมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล หรือในครัวเรือนที่ไม่มีคนกลางช่วยประสานกับหน่วยงานท้องถิ่น”

ในด้านของหน่วยงานราชการ ยืนยันว่า กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงรายพร้อมเปิดรับข้อเสนอใหม่จากทุกพื้นที่ หากหน่วยงานท้องถิ่นสามารถจัดทำแผนที่ชัดเจน และมีข้อมูลสนับสนุนอย่างครบถ้วน โดยกระบวนการตรวจสอบและพิจารณาจะยึดตามหลักเกณฑ์เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนผู้รับการปรับปรุงที่อยู่อาศัยในตำบลป่าแงะ: 4 ราย (ปีงบประมาณ 2567)
  • งบประมาณเฉลี่ยต่อหลัง: ประมาณ 50,000 – 80,000 บาท/หลัง (ขึ้นอยู่กับสภาพบ้าน)
  • ผู้สูงอายุในจังหวัดเชียงราย (ปี 2567): ประมาณ 195,000 คน (คิดเป็นร้อยละ 21 ของประชากรทั้งหมด)
  • คนพิการที่ขึ้นทะเบียนในจังหวัดเชียงราย: ประมาณ 49,000 คน (ข้อมูลจากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ)
  • หน่วยงานที่รับผิดชอบหลัก: กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, เทศบาลตำบลป่าแงะ, กองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ข้อมูลประชากร)
  • กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย
  • กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
  • เทศบาลตำบลป่าแงะ
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE