Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ศรัทธาเชียงราย! สรงน้ำพระธาตุดอนชัย เสริมสิริมงคลชุมชน

พิธีสรงน้ำพระธาตุดอนชัยไตรรัตนาธิษฐาน เชียงรายสืบสานศรัทธา สะท้อนรากวัฒนธรรมล้านนา

ศรัทธาที่หยั่งรากลึกสืบสานประเพณีแห่งล้านนา

เชียงราย, 9 พฤษภาคม 2568 – ณ วัดป่าอ้อดอนชัย ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดพิธีสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ “พิธีสมโภชสรงน้ำพระธาตุดอนชัยไตรรัตนาธิษฐาน” ขึ้นในค่ำวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 เวลา 18.30 น. โดยมี นายอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์ในพิธี

พิธีนี้นับเป็นอีกหนึ่งการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและวัฒนธรรมล้านนาที่ชาวเชียงรายร่วมกันรักษาและถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ผ่านความศรัทธาและความร่วมมือของชุมชนในท้องถิ่น

 

บทบาทของชุมชนในงานบุญท้องถิ่น

พิธีครั้งนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือของ คณะสงฆ์วัดป่าอ้อดอนชัย, คณะกรรมการวัด, และ คณะศรัทธาจาก 4 หมู่บ้าน ได้แก่

  • หมู่ 10 บ้านป่าตึง
  • หมู่ 1 บ้านป่าอ้อ
  • หมู่ 12 บ้านสันทรายยาว
  • หมู่ 21 บ้านประตูล้อ

โดยมี นายสุฐาน อ้ายขอดแก้ว กำนันตำบลป่าอ้อดอนชัย พร้อมด้วยฝ่ายปกครองในพื้นที่ เข้าร่วมพิธี เพื่อแสดงความเคารพและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรม

ความพร้อมเพรียงของทั้งภาคประชาชน ผู้นำชุมชน และหน่วยงานท้องถิ่น สะท้อนถึงพลังแห่งการอนุรักษ์และฟื้นฟูวัฒนธรรมที่มีชีวิตอย่างแท้จริง

 

ความหมายแห่งพิธีสรงน้ำพระธาตุ

พิธีสรงน้ำพระธาตุดอนชัยไตรรัตนาธิษฐาน มิใช่เพียงพิธีกรรมทางศาสนา หากแต่เป็นการแสดงออกถึงความเคารพในพระพุทธศาสนา และความศรัทธาต่อพระธาตุที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคงทางจิตใจของชาวล้านนา

การสรงน้ำพระธาตุในแต่ละปีจึงถือเป็นกิจกรรมมงคลของตำบลป่าอ้อดอนชัย ที่ทุกภาคส่วนร่วมแรงร่วมใจกันจัดขึ้น โดยมีพระสงฆ์ผู้ทรงศีล และพระเถรานุเถระจำนวน 10 รูปมาประกอบพิธีกรรม ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ และสะท้อนถึงวิถีวัฒนธรรมท้องถิ่นอันทรงคุณค่า

วัดป่าอ้อดอนชัย ศูนย์กลางจิตวิญญาณของชุมชน

วัดป่าอ้อดอนชัย เป็นวัดสำคัญในเขตอำเภอเมืองเชียงราย มีบทบาทไม่เพียงแต่เป็นศาสนสถาน แต่ยังเป็นศูนย์รวมกิจกรรมของชุมชน ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรมทางศาสนา การศึกษาอบรมธรรมะ การอบรมเยาวชน และการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาจิตใจ

พระธาตุดอนชัยไตรรัตนาธิษฐาน ภายในวัด เป็นองค์พระธาตุที่ชาวบ้านให้ความเคารพสูงสุด โดยมีความเชื่อว่า ผู้ที่ได้สรงน้ำบูชาจะได้รับอานิสงส์แห่งความเป็นสิริมงคล และขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีจากชีวิต

ในปีนี้ มีผู้เข้าร่วมพิธีมากกว่า 500 คน โดยส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในพื้นที่และเยาวชนรุ่นใหม่ที่มาร่วมสืบสานประเพณี พร้อมทั้งนักท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ทราบข่าวจากช่องทางออนไลน์

 

บทบาทของวัฒนธรรมกับการพัฒนาสังคมเชียงราย

เชียงรายในฐานะเมืองแห่งศิลปะ วัฒนธรรม และศรัทธา กำลังใช้มิติทางวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน สร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ท้องถิ่น และประชาชน

พิธีสรงน้ำพระธาตุ เช่นเดียวกับเทศกาลประจำปีต่าง ๆ อาทิ ปอยหลวง สรงน้ำพระ รำลึกวีรชน และงานผูกเสี่ยว ฯลฯ ล้วนเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านได้แสดงพลังแห่งความร่วมมือและการส่งต่อมรดกทางจิตวิญญาณ

ในทางเศรษฐกิจ งานบุญงานประเพณียังส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนทางการเงินในระดับฐานราก ทั้งในรูปแบบของการบริจาค การจำหน่ายสินค้าในงาน และการท่องเที่ยวในชุมชน

นอกจากนี้ ยังเป็นเวทีที่หลอมรวมเยาวชนกับผู้สูงอายุ ให้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมอย่างมีความหมาย สร้างการเรียนรู้แบบพหุวัฒนธรรม ที่ตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศ

 

สถิติที่เกี่ยวข้อง ณ พฤษภาคม 2568

  • จำนวนวัดในจังหวัดเชียงราย: 1,398 แห่ง (ที่มา: สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย)
  • วัดที่จัดพิธีสรงน้ำพระธาตุประจำปี: 273 แห่ง (สำรวจโดยฝ่ายวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย)
  • ผู้เข้าร่วมงานบุญในเชียงรายต่อปี: ประมาณ 85,000 คน (สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด)
  • มูลค่าการหมุนเวียนเศรษฐกิจจากงานบุญท้องถิ่นในแต่ละปีในเชียงราย: ประมาณ 128 ล้านบาท (ข้อมูลจากกลุ่มวิจัยเศรษฐกิจฐานราก ม.ราชภัฏเชียงราย)
  • สัดส่วนเยาวชนเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาในตำบลป่าอ้อดอนชัย: 62% ของประชากรวัยเรียน (ที่มา: ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • วัดป่าอ้อดอนชัย ต.ป่าอ้อดอนชัย
  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสถิติจังหวัดเชียงราย
  • กลุ่มวิจัยเศรษฐกิจฐานราก มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“ธรรมนัส“ ร่วม “อบจ.เชียงราย” พัฒนาหนองหลวง ปล่อยปลาหมื่นตัว

นายก อบจ.เชียงรายบูรณาการภาครัฐเดินหน้าพัฒนาหนองหลวง พร้อมผลักดันเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างยั่งยืน

เชียงราย, 9 พฤษภาคม 2568 – ความหวังใหม่กำลังจะเกิดขึ้นสำหรับประชาชนในพื้นที่รอบหนองหลวง อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย เมื่อนายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) พร้อมด้วยร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการน้ำ สภาผู้แทนราษฎร ได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชน พร้อมนำเสนอแนวทางการพัฒนาพื้นที่หนองหลวงอย่างเป็นรูปธรรม

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังของชาวบ้านที่มีต่อการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่แห่งนี้ หลังจากต้องเผชิญกับปัญหาการตื้นเขิน วัชพืชน้ำที่แพร่กระจาย และศักยภาพในการกักเก็บน้ำที่ลดลงมาโดยตลอด

การลงพื้นที่ครั้งสำคัญของผู้บริหารระดับสูง

เมื่อเวลา 13.30 น. ของวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 นายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้เดินทางมายังบริเวณหนองน้ำสาธารณะหนองหลวง อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงราย พร้อมกับร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการน้ำ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่โดยตรง

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ มีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นผู้กล่าวต้อนรับคณะผู้บริหารและแขกผู้มีเกียรติ พร้อมด้วย ดร.ฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนที่มาร่วมต้อนรับกว่า 800 คน แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาพื้นที่หนองหลวงที่มีต่อชุมชนโดยรอบ

หนองหลวง แหล่งน้ำธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดเชียงราย

หนองหลวงถือเป็นอ่างเก็บน้ำตามธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 ตำบล 2 อำเภอ ประกอบด้วย ตำบลเวียงชัย ตำบลดอนศิลา อำเภอเวียงชัย และตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย มีพื้นที่ประมาณ 9,816 ไร่ ด้วยปริมาณความจุประมาณ 19 ล้านลูกบาศก์เมตร

แหล่งน้ำแห่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่มาอย่างยาวนาน เป็นทั้งแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร แหล่งอาหารของชุมชน และมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หนองหลวงประสบปัญหาหลายประการ ทั้งการตื้นเขิน การแพร่ระบาดของผักตบชวาและวัชพืชน้ำ รวมถึงปัญหาด้านการบริหารจัดการน้ำที่ขาดประสิทธิภาพ

แผนพัฒนาหนองหลวงอย่างเป็นรูปธรรม

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ นายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้นำเสนอแนวทางพัฒนาพื้นที่หนองหลวงอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีแผนการดำเนินงานที่ครอบคลุมหลายมิติ ดังนี้

  1. การขุดลอกและปรับปรุงระบบระบายน้ำ: เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกักเก็บน้ำและป้องกันปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่โดยรอบ
  2. การกำจัดผักตบชวาและวัชพืชน้ำ: เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศและเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขยายพันธุ์ของสัตว์น้ำ
  3. การส่งเสริมให้หนองหลวงเป็นพื้นที่อนุรักษ์ควบคู่กับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ: เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน

แผนการพัฒนาดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายสำคัญของ อบจ.เชียงราย ได้แก่ นโยบายกระจายเครื่องจักรกลและบุคลากรสู่ชุมชน นโยบายศูนย์บริหารจัดการสาธารณภัยแบบเบ็ดเสร็จ (PDOSS) และนโยบาย “เที่ยวได้ทุกสไตล์ เที่ยวเชียงรายได้ทั้งปีมีดีทุกอำเภอ” ตามข้อมูลจากสำนักช่าง อบจ.เชียงราย

การบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

นายก อบจ.เชียงราย ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยจะมีการประสานงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมทรัพยากรน้ำ กรมชลประทาน กรมประมง และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลและจัดทำแผนแม่บทในการพัฒนาหนองหลวงอย่างเป็นระบบ

“การพัฒนาหนองหลวงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เราไม่สามารถทำเพียงลำพังได้ แต่ต้องบูรณาการความร่วมมือทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อให้การพัฒนาเกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชนและเป็นไปอย่างยั่งยืน” นายก อทิตาธร กล่าว

ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการน้ำ สภาผู้แทนราษฎร ยังได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้โครงการพัฒนาหนองหลวงได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลในระยะต่อไป โดยเน้นย้ำว่าการพัฒนาแหล่งน้ำเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความยากจนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ความคาดหวังของประชาชนในพื้นที่

นายสมชาย ใจดี ผู้ใหญ่บ้านตำบลเวียงชัย หนึ่งในผู้เข้าร่วมรับฟังการนำเสนอแผนพัฒนาหนองหลวง กล่าวว่า “ชาวบ้านในพื้นที่มีความหวังอย่างมากกับโครงการพัฒนาหนองหลวงในครั้งนี้ เพราะเราประสบปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝนและขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งมานาน การพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำของหนองหลวงจะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างยั่งยืน”

นางสาวประภา วงศ์สมบูรณ์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวตำบลดอนศิลา เสริมว่า “หากหนองหลวงได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จะช่วยสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างมาก เรามีทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ OTOP และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ รอเพียงโอกาสในการนำเสนอสิ่งเหล่านี้แก่นักท่องเที่ยวเท่านั้น”

การปล่อยพันธุ์ปลาเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ

ในโอกาสเดียวกันนี้ คณะผู้บริหารและประชาชนที่มาร่วมงานได้ร่วมกันปล่อยพันธุ์ปลานิลและพันธุ์ปลาตะเพียน รวมจำนวน 20,000 ตัว ลงสู่หนองหลวง เป็นการเริ่มต้นฟื้นฟูระบบนิเวศในแหล่งน้ำและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำ

ดร.ฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า “การปล่อยพันธุ์ปลาลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติเป็นหนึ่งในแนวทางการฟื้นฟูระบบนิเวศทางน้ำที่ได้ผลดี โดยเฉพาะปลานิลและปลาตะเพียนซึ่งเป็นปลากินพืชจะช่วยควบคุมปริมาณสาหร่ายและพืชน้ำไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดมากเกินไป อีกทั้งยังเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญของประชาชนในพื้นที่”

ความท้าทายและอนาคตของหนองหลวง

แม้การพัฒนาหนองหลวงจะมีแนวโน้มที่ดี แต่ก็ยังมีความท้าทายหลายประการที่ต้องได้รับการแก้ไข ทั้งปัญหาการบุกรุกพื้นที่ การปล่อยน้ำเสียจากชุมชนและภาคเกษตรกรรม รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน

นายก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้ย้ำว่า “การพัฒนาหนองหลวงไม่ใช่เพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่เป็นการวางรากฐานสำหรับอนาคตของลูกหลานเชียงราย เราต้องการให้หนองหลวงเป็นทั้งแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม และเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านระบบนิเวศ ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่”

การลงพื้นที่หนองหลวงในครั้งนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ของจังหวัดเชียงราย โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดเชียงรายและนโยบายของรัฐบาลในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

สถิติที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแหล่งน้ำในประเทศไทย

ตามข้อมูลจากกรมทรัพยากรน้ำและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พบว่าประเทศไทยมีแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่กว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ แต่มีเพียงร้อยละ 43 เท่านั้นที่ได้รับการพัฒนาและบริหารจัดการอย่างเหมาะสม

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2567 ระบุว่า มีประชาชนกว่า 25 ล้านคนที่ยังประสบปัญหาการเข้าถึงน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเพียงพอ และมีถึง 5.7 ล้านครัวเรือนที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง

สำหรับด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จากรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการท่องเที่ยวชุมชนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่นกว่า 12,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ การศึกษาของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ด้านการพัฒนาแหล่งน้ำในภาคเหนือของประเทศไทย พบว่า การพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติควบคู่กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศสามารถเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนได้เฉลี่ยร้อยละ 35 ต่อปี และยังช่วยลดอัตราการย้ายถิ่นฐานของประชากรในท้องถิ่นได้ถึงร้อยละ 22

สถิติเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างหนองหลวงต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของชุมชนโดยรอบอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมทรัพยากรน้ำ, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2567). รายงานสถานการณ์น้ำประจำปี 2567.
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.). (2567). แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (2560-2580) ฉบับปรับปรุง.
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2567). ผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน ปี 2567.
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา. (2567). รายงานสถิติการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและการท่องเที่ยวชุมชน.
  • คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. (2567). รายงานการศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการพัฒนาแหล่งน้ำในภาคเหนือของประเทศไทย.
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

นายก อบจ. ยกฉัตรเจดีย์ วัดห้วยก้าง เสริมสิริมงคล

เชียงรายจัดยิ่งใหญ่ พิธียกฉัตรเจดีย์วัดห้วยก้าง ประชาชนแห่ร่วมขอพรเพื่อความสิริมงคล

ประเทศไทย, 4 พฤษภาคม 2568 – ณ วัดห้วยก้าง ตำบลไม้ยา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดพิธียกฉัตรเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ โดยมีนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ให้เกียรติเป็นประธานฝ่ายฆราวาส และพระครูโกศลกิจจานุกิจ (บุญมา) เจ้าคณะอำเภอพญาเม็งราย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ท่ามกลางความร่วมมือจากหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ พุทธศาสนิกชน และประชาชนจำนวนมากที่เดินทางมาร่วมพิธีเพื่อขอพร เสริมสร้างความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต

พิธียกฉัตรเจดีย์ในครั้งนี้จัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป โดยบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยศรัทธาและความเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนที่เดินทางมาจากทั่วทั้งจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียงอย่างคับคั่ง

จุดเริ่มต้นและความสำคัญของพิธียกฉัตรเจดีย์

ฉัตร ถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างยิ่งในพระพุทธศาสนา เปรียบเสมือนร่มโพธิ์ร่มไทรแห่งพระรัตนตรัย อันหมายถึง พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ การยกฉัตรขึ้นประดิษฐานบนยอดเจดีย์จึงถือเป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีความหมายถึงการสักการะบูชาพระพุทธศาสนา อีกทั้งยังแสดงถึงการรักษาขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงามที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน

วัดห้วยก้างเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอพญาเม็งรายและใกล้เคียงให้ความเคารพนับถือมาอย่างต่อเนื่อง โดยการจัดพิธียกฉัตรครั้งนี้จึงได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานราชการ ท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ต่างพร้อมใจกันจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล และสร้างขวัญกำลังใจให้กับชุมชนในท้องถิ่นอย่างทั่วถึง

บรรยากาศในพิธีและกิจกรรมภายในงาน

ภายในพิธีเริ่มต้นด้วยพิธีสงฆ์ พระสงฆ์สวดเจริญพระพุทธมนต์เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล ก่อนเข้าสู่พิธียกฉัตรเจดีย์ซึ่งเป็นไฮไลต์สำคัญของงาน โดยนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้ทำพิธีถวายเครื่องสักการะบูชา และร่วมประกอบพิธีทางศาสนากับพระครูโกศลกิจจานุกิจ (บุญมา) เจ้าคณะอำเภอพญาเม็งราย

พิธียกฉัตรเจดีย์ดำเนินไปด้วยความสง่างาม มีการเชิญฉัตรที่ประดับตกแต่งด้วยวัสดุอันประณีตงดงาม ขึ้นประดิษฐานไว้บนยอดเจดีย์ ท่ามกลางเสียงสวดมนต์ของพระสงฆ์ และเสียงอธิษฐานขอพรจากประชาชนที่มาร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก หลังจากพิธีกรรมสำเร็จลุล่วง ประชาชนที่มาร่วมงานต่างพร้อมใจกันกราบไหว้ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด เพื่อความสงบสุขและเป็นมงคลในชีวิต

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมอื่นๆ เช่น การแสดงดนตรีพื้นบ้าน การจัดเลี้ยงอาหารแบบท้องถิ่น เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเองระหว่างคนในชุมชน อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนพูดคุย และกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างชาวบ้านในพื้นที่อีกด้วย

การอนุรักษ์และสืบทอดวัฒนธรรมท้องถิ่น

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กล่าวภายในงานว่า การจัดพิธียกฉัตรเจดีย์ครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสืบทอดขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ดีงามแล้ว ยังเป็นการสร้างความสมัครสมานสามัคคีให้เกิดขึ้นในชุมชน และส่งเสริมให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์นี้อีกด้วย

พระครูโกศลกิจจานุกิจ (บุญมา) เจ้าคณะอำเภอพญาเม็งราย ได้กล่าวเสริมว่า การที่ชาวบ้านและหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันจัดพิธีกรรมทางศาสนาเช่นนี้ ถือเป็นการบ่มเพาะจิตสำนึกให้ประชาชนมีความสามัคคีรักใคร่กลมเกลียว และช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนทางด้านจิตใจอีกด้วย

วิเคราะห์ผลดีของการจัดกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมในชุมชน

การจัดกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมเช่นพิธียกฉัตรเจดีย์นี้ มีส่วนสำคัญในการสร้างความสงบสุขและความมั่นคงทางจิตใจของประชาชน โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ผู้คนต่างเผชิญกับความเครียดจากปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และปัญหาอื่นๆ กิจกรรมเช่นนี้จึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยบรรเทาความเครียด และสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้เข้าร่วมพิธี

อีกทั้งยังเป็นการปลูกฝังและส่งเสริมค่านิยมทางสังคมที่ดีงาม เช่น การมีน้ำใจ การแบ่งปัน และการอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาชุมชนให้มีความยั่งยืนในระยะยาว

สถิติที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมทางศาสนาในจังหวัดเชียงราย

จากข้อมูลของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (2567) พบว่า ในแต่ละปี จังหวัดเชียงรายมีการจัดพิธีกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมกว่า 500 ครั้งต่อปี โดยมีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 200,000 คน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของชุมชนในการอนุรักษ์และสืบทอดประเพณีวัฒนธรรมของท้องถิ่นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

บทสรุปและแนวทางในอนาคต

พิธียกฉัตรเจดีย์วัดห้วยก้างครั้งนี้ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการอนุรักษ์และสืบทอดวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงราย โดยการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และคณะสงฆ์ ซึ่งคาดว่าจะนำไปสู่การจัดกิจกรรมเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง และขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วจังหวัดเชียงรายในอนาคต เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและความยั่งยืนของวัฒนธรรมประเพณีไทยต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (2567), รายงานประจำปี 2567
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (2567), รายงานกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมประจำปี
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

ล่องแพแม่น้ำคำ เชียงราย พัฒนาท่องเที่ยว สร้างรายได้ชุมชน

อบจ.เชียงราย ร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยว “ล่องแพลำน้ำคำ” ตำบลแม่ฟ้าหลวง ยกระดับแหล่งท่องเที่ยวท้องถิ่น สร้างรายได้ชุมชน

ผนึกกำลังทุกภาคส่วน เปิดเส้นทางท่องเที่ยวธรรมชาติ พายเรือเก็บขยะ ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม พร้อมพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก

เชียงราย, 21 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยการนำของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย มอบหมายนายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย เข้าร่วมกิจกรรมในโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวตำบลแม่ฟ้าหลวง ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “เที่ยวได้ทุกสไตล์ เที่ยวเชียงรายได้ทั้งปี มีดีทุกอำเภอ” ณ ลำน้ำคำ บ้านสามัคคีใหม่ หมู่ที่ 13 ตำบลแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

โครงการดังกล่าวจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเชียงราย (อพท.เชียงราย) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ “ล่องแพลำน้ำคำ” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนให้เป็นที่รู้จัก กระตุ้นการท่องเที่ยวในเขตภาคเหนือ และยกระดับรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน

เปิดเส้นทาง “ลำน้ำคำ” เส้นเลือดธรรมชาติ เชื่อมชุมชนสู่โอกาสทางเศรษฐกิจ

กิจกรรมหลักภายในงาน ได้แก่ การล่องแพสำรวจเส้นทางธรรมชาติของลำน้ำคำ ซึ่งถือเป็นแหล่งน้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านชุมชนบ้านสามัคคีใหม่ บรรยากาศโดยรอบยังคงอุดมด้วยธรรมชาติ ทั้งป่าไม้ ภูเขา และวิถีชีวิตพื้นบ้านที่เรียบง่ายและมีเสน่ห์ นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมพายเรือคายัคเก็บขยะในลำน้ำ เพื่อรณรงค์ให้เกิดความตระหนักในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและแหล่งน้ำในพื้นที่

หนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวและประชาชนที่มาร่วมงาน คือการ “สร้างฝ่ายเบี่ยงทางน้ำ” เพื่อควบคุมระดับน้ำให้เหมาะสมต่อการล่องแพในช่วงฤดูแล้ง อีกทั้งยังเป็นการป้องกันตลิ่งพังและช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศของลำน้ำในระยะยาว

ย้ำการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ต้องควบคู่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายให้ความสำคัญกับการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยไม่ละเลยประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน โดยโครงการในลักษณะนี้จะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชนในพื้นที่

“เราต้องการให้ชุมชนสามารถใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นสร้างรายได้ โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพราะความงดงามของธรรมชาติ คือหัวใจของการท่องเที่ยวเชียงราย” นายรามิลกล่าว

ด้านผู้แทนจากสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย ระบุว่า เส้นทาง “ล่องแพลำน้ำคำ” เป็นหนึ่งในแผนพัฒนาการท่องเที่ยวในรูปแบบ “Eco Tourism” หรือการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชน และการอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้คงอยู่ในระยะยาว

เสียงจากคนในพื้นที่ – การท่องเที่ยวช่วยฟื้นเศรษฐกิจชุมชน

นางสาคร สมบุญ อายุ 54 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 13 ตำบลแม่ฟ้าหลวง เปิดเผยว่า หลังจากที่มีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ รายได้ของครอบครัวเพิ่มขึ้นจากการขายสินค้าแปรรูป เช่น กล้วยตาก ผ้าทอพื้นเมือง และอาหารท้องถิ่น ซึ่งนักท่องเที่ยวให้ความสนใจอย่างมาก

“เมื่อก่อนลำน้ำคำแทบไม่มีใครรู้จัก แต่ตอนนี้คนเริ่มมาเที่ยวมากขึ้น ชาวบ้านก็ได้มีโอกาสขายของ บางคนก็เอาเรือมาพายให้บริการล่องแพ เป็นรายได้เสริมที่สำคัญมากในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้” นางสาครกล่าว

ในขณะเดียวกัน นายสุริยา แก้วคำ ผู้ใหญ่บ้านบ้านสามัคคีใหม่ กล่าวว่า การที่หน่วยงานภาครัฐเข้ามาสนับสนุนทำให้ชาวบ้านมีความเชื่อมั่นและพร้อมจะร่วมมือในการพัฒนาชุมชนให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวอยากกลับมาอีกครั้ง

มุมมองจากนักอนุรักษ์ – ควรติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าการส่งเสริมการท่องเที่ยวจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่นักสิ่งแวดล้อมบางรายให้ความเห็นว่า จำเป็นต้องมีการติดตามผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องความสมดุลของระบบนิเวศในลำน้ำคำ การสร้างฝ่ายเบี่ยงน้ำและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับแหล่งน้ำ ควรมีการศึกษาและวางแผนร่วมกับนักวิชาการด้านทรัพยากรธรรมชาติเพื่อป้องกันผลกระทบในระยะยาว

ทัศนคติอย่างเป็นกลาง – ข้อดีควบคู่กับความระมัดระวัง

ในภาพรวม โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวลำน้ำคำของตำบลแม่ฟ้าหลวงนับเป็นตัวอย่างของการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชน ที่สามารถสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ห่างไกล แต่ในขณะเดียวกันต้องมีการวางระบบการจัดการแหล่งท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน ควบคู่กับมาตรการอนุรักษ์และการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาและขยายรูปแบบการท่องเที่ยวลักษณะเดียวกันไปยังพื้นที่อื่นของจังหวัด เพื่อให้ประชาชนในแต่ละชุมชนสามารถเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึง

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าเยี่ยมชมพื้นที่แม่ฟ้าหลวง ปี 2567: ประมาณ 85,000 คน (สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงราย)
  • รายได้เฉลี่ยจากการขายสินค้าชุมชนต่อครัวเรือน/เดือน ในพื้นที่ตำบลแม่ฟ้าหลวง: 4,500 บาท (จากการสำรวจโดย อพท.เชียงราย)
  • จำนวนครัวเรือนที่เข้าร่วมกิจกรรมล่องแพและพายเรือเก็บขยะ: 37 ครัวเรือน
  • พื้นที่ลำน้ำคำที่ใช้ในการจัดกิจกรรม: ประมาณ 3.5 กิโลเมตร
  • งบประมาณที่ใช้ในกิจกรรม “ล่องแพลำน้ำคำ” ครั้งนี้: 350,000 บาท (จาก อบจ.เชียงราย และการสนับสนุนร่วมจากภาคีเครือข่าย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย
  • องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.เชียงราย)
  • ข้อมูลภาคประชาชนจากบ้านสามัคคีใหม่ ตำบลแม่ฟ้าหลวง
  • รายงานผลกิจกรรม “ล่องแพลำน้ำคำ” ประจำปีงบประมาณ 2568
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

‘อบจ.เชียงราย’ มอบบ้าน ยกระดับ คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ-พิการ

อบจ.เชียงราย เร่งยกระดับที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุและคนพิการ สร้างสังคมเข้มแข็งและปลอดภัย

ลงพื้นที่อำเภอป่าแดด ติดตามผลโครงการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย ปีงบประมาณ 2567

เชียงราย, 23 มีนาคม 2568 – นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยทีมเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่อำเภอป่าแดด เพื่อติดตามผลการดำเนินงานโครงการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ ตามแผนงานประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมีการมอบบ้านที่ได้รับการปรับปรุงเรียบร้อยแล้วให้แก่ผู้รับการสนับสนุนทั้ง 4 รายในพื้นที่

การลงพื้นที่ครั้งนี้มีผู้บริหารท้องถิ่นเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นายมงคล เชื้อไทย นายกเทศมนตรีตำบลป่าแงะ ผู้นำชุมชน ตัวแทนหน่วยงานสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่จากกองสาธารณสุข องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ซึ่งร่วมกันสำรวจ ตรวจสอบ และมอบสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันของผู้พักอาศัย

กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย สนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต

โครงการดังกล่าวเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยบริการสาธารณสุข และกลุ่มเป้าหมายในระดับชุมชน โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย ซึ่งเปิดให้หน่วยงานในท้องถิ่นเสนอแผนงานที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาของแต่ละพื้นที่

ในพื้นที่ตำบลป่าแงะ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายและเทศบาลตำบลป่าแงะได้รับคำร้องจากประชาชนจำนวน 4 ราย ซึ่งล้วนเป็นผู้สูงอายุและคนพิการที่ประสบปัญหาสภาพที่อยู่อาศัยชำรุดทรุดโทรม และส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวัน ทั้งในแง่ของความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้ชีวิต

หลังจากรับเรื่อง เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกับผู้นำชุมชนลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วน จึงดำเนินการขอรับงบประมาณสนับสนุนเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของแต่ละราย

เน้น “อยู่ดี มีสุข” ด้วยการปรับปรุงบ้านให้เหมาะกับผู้ใช้ชีวิตอย่างจำกัด

การปรับปรุงที่อยู่อาศัยครั้งนี้เน้นการเพิ่มความสะดวกและปลอดภัยแก่ผู้สูงอายุและคนพิการ เช่น การทำทางลาดสำหรับรถเข็น การติดตั้งราวจับในห้องน้ำ การปรับพื้นบ้านให้เรียบเสมอเพื่อลดความเสี่ยงการหกล้ม รวมถึงการปรับเปลี่ยนตำแหน่งอุปกรณ์ภายในบ้านให้เหมาะกับการใช้งานของผู้มีข้อจำกัดทางร่างกาย

โดยการดำเนินโครงการไม่เพียงมุ่งหวังให้ผู้รับการสนับสนุนสามารถอยู่อาศัยได้อย่างสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นให้สมาชิกในครอบครัวและผู้ดูแลสามารถดูแลผู้สูงอายุและคนพิการได้ง่ายขึ้น ลดภาระการดูแลในระยะยาว และส่งเสริมสุขภาวะจิตที่ดีให้กับทั้งผู้พักอาศัยและสมาชิกในบ้าน

ผู้นำชุมชน – หน่วยงานท้องถิ่นร่วมแรงร่วมใจ ขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน

นายมงคล เชื้อไทย นายกเทศมนตรีตำบลป่าแงะ กล่าวว่า การดำเนินงานครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือระดับท้องถิ่น ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม และเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน

“เราไม่ได้มองว่าเป็นแค่การสร้างหรือซ่อมบ้าน แต่เรากำลังคืนศักดิ์ศรีการใช้ชีวิตให้กับคนในชุมชน และช่วยให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมั่นคงและปลอดภัยในบ้านของตนเอง” นายมงคล กล่าว

ด้านนายอำนาจ อินทร์ทอง ผู้แทนจากกองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย กล่าวว่า กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงรายมีแนวทางการดำเนินงานที่สอดคล้องกับนโยบายด้านการดูแลประชากรกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะผู้สูงอายุและคนพิการ ซึ่งในอนาคตจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในสังคมไทย

เสียงสะท้อนจากประชาชน – ความเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้

นางคำปัน อินทชัย อายุ 72 ปี หนึ่งในผู้ที่ได้รับการปรับปรุงบ้าน กล่าวด้วยน้ำเสียงตื้นตันว่า “แต่ก่อนเดินลำบากมาก ห้องน้ำก็ไม่มีราวจับ พอมีบ้านใหม่แบบนี้ก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นเยอะ ไม่ต้องกลัวล้ม แล้วก็อุ่นใจที่มีคนมาช่วยดูแล”

ลูกหลานของนางคำปันยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ก่อนหน้านี้เวลาจะอาบน้ำหรือพาแม่ไปไหน ต้องช่วยกันหลายคน แต่ตอนนี้แม่สามารถทำอะไรได้เองหลายอย่าง ก็สบายใจขึ้นทั้งบ้าน”

ทัศนคติอย่างเป็นกลาง – สะท้อนทั้งโอกาสและข้อจำกัด

แม้โครงการดังกล่าวจะได้รับเสียงชื่นชมจากประชาชนและผู้นำชุมชนว่าเป็นก้าวย่างที่สำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลง แต่ยังมีเสียงสะท้อนจากบางภาคส่วนว่า งบประมาณสนับสนุนยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในภาพรวม และการคัดเลือกผู้ได้รับสิทธิ์ยังมีข้อจำกัดจากระเบียบราชการที่เข้มงวด

ผู้แทนจากเครือข่ายผู้พิการในจังหวัดเชียงราย ให้ความเห็นว่า “โครงการดี แต่ผู้ที่ยังเข้าไม่ถึงความช่วยเหลือก็ยังมีอีกมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล หรือในครัวเรือนที่ไม่มีคนกลางช่วยประสานกับหน่วยงานท้องถิ่น”

ในด้านของหน่วยงานราชการ ยืนยันว่า กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงรายพร้อมเปิดรับข้อเสนอใหม่จากทุกพื้นที่ หากหน่วยงานท้องถิ่นสามารถจัดทำแผนที่ชัดเจน และมีข้อมูลสนับสนุนอย่างครบถ้วน โดยกระบวนการตรวจสอบและพิจารณาจะยึดตามหลักเกณฑ์เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนผู้รับการปรับปรุงที่อยู่อาศัยในตำบลป่าแงะ: 4 ราย (ปีงบประมาณ 2567)
  • งบประมาณเฉลี่ยต่อหลัง: ประมาณ 50,000 – 80,000 บาท/หลัง (ขึ้นอยู่กับสภาพบ้าน)
  • ผู้สูงอายุในจังหวัดเชียงราย (ปี 2567): ประมาณ 195,000 คน (คิดเป็นร้อยละ 21 ของประชากรทั้งหมด)
  • คนพิการที่ขึ้นทะเบียนในจังหวัดเชียงราย: ประมาณ 49,000 คน (ข้อมูลจากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ)
  • หน่วยงานที่รับผิดชอบหลัก: กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, เทศบาลตำบลป่าแงะ, กองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ข้อมูลประชากร)
  • กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย
  • กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
  • เทศบาลตำบลป่าแงะ
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายยกระดับ รพ.สต. มีทันตกรรม-ช่วยผู้พิการ

อบจ.เชียงราย เดินหน้ายกระดับ รพ.สต.บุญเรือง มอบยูนิตทันตกรรม พร้อมส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุและผู้พิการในพื้นที่

เชียงราย, 21 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เดินหน้านำนโยบาย “อยู่ที่ไหน ก็ใกล้หมอ (โฮงยาใกล้บ้าน Plus)” ลงสู่การปฏิบัติจริง ด้วยการส่งมอบยูนิตบริการทันตกรรมให้แก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บุญเรือง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย พร้อมลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลัน ภายใต้โครงการปรับสภาพบ้านเพื่อผู้มีภาวะพึ่งพิง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

พิธีส่งมอบจัดขึ้นเมื่อเวลา 16.00 น. โดยมี นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย ร่วมกันแสดงความยินดีและมอบกำลังใจแก่ผู้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว

ยูนิตทำฟัน “ใกล้บ้าน” เพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเท่าเทียม

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของกิจกรรมครั้งนี้ คือการส่งมอบยูนิตทันตกรรมให้แก่ รพ.สต.บุญเรือง ซึ่งถือเป็นหน่วยบริการแห่งแรกของจังหวัดเชียงรายที่มีทันตแพทย์จากโรงพยาบาลประจำอำเภอหมุนเวียนให้บริการทันตกรรมแบบครบวงจร ได้แก่ การตรวจฟัน อุด ขูดหินปูน ถอนฟัน ไปจนถึงการใส่ฟันปลอม

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ เปิดเผยว่า “เรามุ่งหวังให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการด้านทันตกรรมได้ใกล้บ้าน ไม่ต้องเดินทางไกล ลดภาระค่าใช้จ่าย และยังช่วยส่งเสริมสุขภาพช่องปากซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว”

โครงการปรับสภาพบ้าน สร้างความเท่าเทียมในการดำรงชีวิต

นอกเหนือจากบริการด้านทันตกรรมแล้ว อบจ.เชียงราย ยังร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ตำบลบุญเรือง อาทิ เทศบาลตำบลบุญเรือง กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้อำนวยการ รพ.สต. และเจ้าหน้าที่กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพฯ ลงพื้นที่มอบบ้านที่ปรับสภาพแล้วให้แก่ผู้มีภาวะพึ่งพิง ซึ่งรวมถึงผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลัน

โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนให้บุคคลเหล่านี้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น ผ่านการจัดสภาพแวดล้อมในที่อยู่อาศัย เช่น การติดตั้งราวจับ ทางลาด ห้องน้ำปลอดภัย รวมถึงการมอบอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ เช่น เตียงนอนที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย

ความร่วมมือของทุกภาคส่วน คือหัวใจของความสำเร็จ

นางวาสนา ลำเปิงมี สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย เขต 2 อำเภอเชียงของ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ความสำเร็จของโครงการในวันนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และชุมชนที่ร่วมกันผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง”

โครงการนี้ไม่เพียงมุ่งหวังให้เกิดการปรับปรุงเชิงกายภาพเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชนในการดูแลผู้มีภาวะพึ่งพิงอย่างยั่งยืน

สะท้อนนโยบาย “อยู่ที่ไหน ก็ใกล้หมอ” ในทางปฏิบัติ

นโยบาย “โฮงยาใกล้บ้าน Plus” เป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญของ อบจ.เชียงราย ที่ต้องการยกระดับ รพ.สต. ให้กลายเป็นศูนย์สุขภาพชุมชนที่มีความพร้อมในการให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึง และครอบคลุมทั้งมิติทางการแพทย์ พยาบาล ทันตกรรม และการฟื้นฟูสมรรถภาพ

ในอนาคต อบจ.เชียงรายมีแผนขยายบริการรูปแบบเดียวกันนี้ไปยัง รพ.สต. แห่งอื่นทั่วจังหวัด โดยเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ควบคู่กับการฝึกอบรมบุคลากรให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการด้านสุขภาพของประชาชนในแต่ละพื้นที่

ทัศนะจากทั้งสองฝ่าย: มิติที่แตกต่างแต่ร่วมสร้างสรรค์

ฝ่ายสนับสนุนโครงการ เห็นว่าแนวทางของ อบจ.เชียงราย เป็นแบบอย่างที่ดีของการกระจายบริการสาธารณสุขอย่างเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในด้านการเข้าถึงบริการสุขภาพ และสร้างมาตรฐานชีวิตที่ดีให้แก่ผู้เปราะบางในสังคม

อีกมุมหนึ่งของการวิพากษ์ มีข้อเสนอว่าการดำเนินโครงการลักษณะนี้ควรมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าทรัพยากรที่ลงไปในพื้นที่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด บางความเห็นยังตั้งข้อสังเกตว่าควรมีการประเมินความพึงพอใจของผู้รับบริการ และรายงานความคืบหน้าสู่สาธารณะเพื่อสร้างความโปร่งใส

สถิติที่เกี่ยวข้องกับข่าว

  • จำนวนประชากรในพื้นที่ตำบลบุญเรือง อำเภอเชียงของ ปี 2567 มีประมาณ 8,540 คน โดยมีผู้สูงอายุร้อยละ 20.3% และผู้พิการที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานรัฐมากกว่า 215 คน
    (ที่มา: สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเชียงของ, 2567)
  • จังหวัดเชียงรายมีจำนวน รพ.สต. ทั้งหมด 192 แห่ง โดยมีเพียง 8 แห่ง ที่มีทันตแพทย์ประจำแบบหมุนเวียน
    (ที่มา: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย, 2567)
  • ในปีงบประมาณ 2566 กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย สนับสนุนการปรับปรุงบ้านสำหรับผู้มีภาวะพึ่งพิงไปแล้ว 78 ครัวเรือน และคาดว่าในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 120 ครัวเรือน
    (ที่มา: กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย, 2567)
  • จากผลสำรวจปี 2566 พบว่า ผู้สูงอายุในพื้นที่เชียงรายที่มีปัญหาด้านการเข้าถึงบริการทันตกรรม ร้อยละ 64.7%
    (ที่มา: ศูนย์วิจัยสุขภาพชุมชนภาคเหนือ, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2566)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเชียงของ
  • ศูนย์วิจัยสุขภาพชุมชนภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกนกมอบทุน เรียนได้ทุกที่ เลี้ยงชีพได้ที่เชียงราย

อบจ.เชียงราย เดินหน้านโยบาย “อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ เรียนที่ไหนก็สำเร็จได้ สำเร็จได้ก็เลี้ยงชีพได้” มอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส

เชียงราย, 20 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) เดินหน้าสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนในพื้นที่ ผ่านโครงการ “ส่งน้องเรียน” ตามนโยบาย “อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ เรียนที่ไหนก็สำเร็จได้ สำเร็จได้ก็เลี้ยงชีพได้” โดยมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือให้แก่นักเรียนและนักศึกษาที่มีฐานะยากจนหรือด้อยโอกาส เพื่อสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาสู่ความสำเร็จในอนาคต

อบจ.เชียงราย มอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือแก่นักเรียนในพื้นที่

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 เวลา 09.30 น.โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือให้กับนักเรียนและนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ ทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือสำหรับนักศึกษาและนักเรียนที่ยากจนหรือด้อยโอกาส ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมีนางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการ อบจ.เชียงราย นายอับดุลกอเด็ร โกบยาหยัง ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.เชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ และนางน้ำผึ้ง สาธรรม รองผู้อำนวยการโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมเป็นผู้แทนในการมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือดังกล่าว

โครงการนี้ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก อบจ.เชียงราย ภายใต้การดำเนินงานของ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ตามแนวทางที่กำหนดใน พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และเป็นไปตาม ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยรายจ่ายเกี่ยวกับทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาและการให้ความช่วยเหลือนักเรียนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2561 เพื่อสนับสนุนให้นักเรียนและนักศึกษาได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม

ช่วยลดภาระผู้ปกครอง เพิ่มโอกาสทางการศึกษา

การมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อช่วยเหลือนักเรียนและนักศึกษาที่มีฐานะยากจนหรือด้อยโอกาสในจังหวัดเชียงราย ให้ได้รับการศึกษาโดยไม่มีอุปสรรคทางด้านค่าใช้จ่าย โดยทุนการศึกษาที่มอบให้ในปีนี้มีทั้งหมด 250 ทุน แบ่งออกเป็นทุนละ 10,000 – 30,000 บาท ขึ้นอยู่กับระดับการศึกษาและความจำเป็นของแต่ละบุคคล รวมถึงการให้เงินช่วยเหลือพิเศษสำหรับครอบครัวที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจอย่างรุนแรง

นอกจากนี้ โครงการยังมุ่งเน้นการสนับสนุนด้าน ทุนการศึกษาแบบต่อเนื่อง เพื่อให้นักเรียนและนักศึกษาที่ได้รับทุนสามารถศึกษาต่อจนจบหลักสูตรที่กำหนด และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการประกอบอาชีพและเลี้ยงชีพตนเองในอนาคตได้

ส่งน้องเรียน” โครงการที่สร้างความเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา

อบจ.เชียงรายเล็งเห็นว่า การสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โครงการ “ส่งน้องเรียน” จึงถูกจัดขึ้นเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับนักเรียนและนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยมุ่งเน้นให้พวกเขาสามารถเรียนจบและเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อย่างมีคุณภาพ

จากข้อมูลของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ปี 2566) พบว่า จังหวัดเชียงรายมีอัตราการออกจากระบบการศึกษาก่อนวัยอันควรสูงถึง 8.5% ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราที่สูงที่สุดในภาคเหนือ ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เกิดปัญหาดังกล่าวคือ ปัญหาความยากจนของครอบครัว และการขาดทุนทรัพย์ในการศึกษา ดังนั้นการสนับสนุนทุนการศึกษาของ อบจ.เชียงราย จึงเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่ช่วยลดช่องว่างทางการศึกษาและเพิ่มโอกาสให้เยาวชนสามารถศึกษาต่อได้จนจบการศึกษา

สถิติและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอกาสทางการศึกษาในไทย

จากข้อมูลของ ธนาคารโลก (World Bank, 2566) ระบุว่า ประเทศไทยมีอัตราการเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาเพียง 49% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอยู่ที่ 55% โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่ออัตราการเข้าเรียนที่ต่ำคือ ปัญหาค่าใช้จ่ายทางการศึกษา และ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2566) เปิดเผยว่า เด็กไทยที่เกิดในครอบครัวที่มีฐานะยากจน มีโอกาสเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาเพียง 22% เมื่อเทียบกับเด็กที่เกิดในครอบครัวที่มีฐานะดีซึ่งมีโอกาสศึกษาต่อสูงถึง 78%

บทสรุปและแนวทางในอนาคต

การสนับสนุนทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือสำหรับนักเรียนและนักศึกษาที่ยากจนของ อบจ.เชียงราย เป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่ช่วยลดช่องว่างทางการศึกษาและเพิ่มโอกาสให้เยาวชนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับ แนวทางการจัดสรรงบประมาณภาครัฐ ว่าควรเพิ่มการสนับสนุนทุนการศึกษาหรือพัฒนาสถาบันการศึกษาให้สามารถรองรับนักเรียนได้มากขึ้น

ทั้งนี้ อบจ.เชียงรายยืนยันว่า จะดำเนินโครงการลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง และพัฒนารูปแบบการช่วยเหลือเพื่อให้ครอบคลุมเยาวชนในพื้นที่มากขึ้น พร้อมทั้งผลักดันให้โครงการนี้เป็นต้นแบบสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ๆ ทั่วประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :  องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย / สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2566) / ธนาคารโลก (World Bank, 2566) / สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2566) / องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (2567)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายลุย พัฒนาบุคลากร เครื่องจักรกล

อบจ.เชียงรายจัดโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร เสริมทักษะสู่การทำงานอย่างมืออาชีพ

เชียงราย, 17 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) จัดโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อการทำงานอย่างมืออาชีพ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568ศูนย์เครื่องจักรกลดอยเขาควาย โดยมี นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการ แทน นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ซึ่งมอบหมายให้ดำเนินการ

หลักสูตรและเป้าหมายของโครงการ

โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อ เพิ่มทักษะและประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากร อบจ.เชียงราย ให้สามารถ ใช้และบำรุงรักษาเครื่องจักรกลหนักอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเครื่องจักรที่ใช้ในภารกิจสำคัญขององค์กร โดยในปีนี้มุ่งเน้นที่หลักสูตร การใช้งานและการบำรุงรักษาเครื่องจักรกลและยานพาหนะเบื้องต้น รถขุดสะเทินน้ำสะเทินบก และรถเครน”

เป้าหมายของการอบรม

  • พัฒนาทักษะของบุคลากรให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมืออาชีพ
  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้และบำรุงรักษาเครื่องจักรกลหนักของ อบจ.เชียงราย
  • รองรับภารกิจเร่งด่วน เช่น การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, การพัฒนาแหล่งน้ำ, และการก่อสร้างเส้นทางคมนาคม
  • กระจายบุคลากรและเครื่องจักรไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในจังหวัดอย่างทั่วถึง

ในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมอบรม จำนวน 47 คน ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการเครื่องจักรกลหนัก และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายซ่อมบำรุง

โยบาย 7 เรือธงของ อบจ.เชียงราย

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ นโยบาย 7 เรือธงของ อบจ.เชียงราย ซึ่งให้ความสำคัญกับ การกระจายเครื่องจักรกลและบุคลากรสู่ชุมชน เพื่อให้สามารถ รองรับภารกิจและแก้ไขปัญหาฉุกเฉินของจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ:

  1. การขุดเจาะน้ำบาดาล – เพื่อเพิ่มแหล่งน้ำสะอาดให้ประชาชน
  2. การสร้างธนาคารน้ำใต้ดิน – เพื่อจัดการน้ำในพื้นที่แล้งซ้ำซาก
  3. การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร – สนับสนุนภาคเกษตรกรรม
  4. เครื่องจักรกลสำหรับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย – เตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ
  5. พัฒนาเส้นทางเข้าสู่พื้นที่การเกษตรและแหล่งท่องเที่ยว – ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน

เสียงสะท้อนจากทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายที่สนับสนุนโครงการ

  • เจ้าหน้าที่ภาคสนามมองว่า การอบรมช่วยให้สามารถบำรุงรักษาเครื่องจักรกลได้ดีขึ้น ลดการสึกหรอของอุปกรณ์ และช่วยให้เครื่องจักรมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
  • ผู้นำท้องถิ่นชื่นชมโครงการว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาพื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะการซ่อมบำรุงถนน และการสร้างแหล่งน้ำ

ฝ่ายที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับโครงการ

  • บางกลุ่มมองว่าจำนวนเครื่องจักรกลของ อบจ.เชียงราย อาจยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของทุกพื้นที่ ควรมีแผนการจัดสรรที่เป็นระบบมากขึ้น
  • เจ้าหน้าที่บางรายระบุว่าควรเพิ่มหลักสูตรการซ่อมบำรุงเชิงลึก เพื่อให้สามารถซ่อมเครื่องจักรได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการซ่อมจากศูนย์กลาง

สรุป

โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของ อบจ.เชียงราย เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้น การพัฒนาทักษะบุคลากรให้สามารถใช้งานและบำรุงรักษาเครื่องจักรกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาพื้นที่ชนบท และการรับมือกับภารกิจฉุกเฉิน

แม้ว่าโครงการนี้จะได้รับการยอมรับว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาจังหวัด แต่ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ ความเพียงพอของเครื่องจักรและการเพิ่มหลักสูตรอบรมที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งอาจต้องมีการปรับปรุงแผนการจัดสรรงบประมาณและการขยายโครงการในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย  / ศูนย์เครื่องจักรกลดอยเขาควาย  / สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เริ่มแล้ว ‘โฮงยาใกล้บ้านพลัส’ อบรมทันตบุคลากร เชียงราย

อบจ.เชียงราย ขับเคลื่อนโครงการ “อยู่ที่ไหน ก็ใกล้หมอ” เสริมศักยภาพทันตบุคลากร รพ.สต.

พัฒนาระบบบริการสุขภาพช่องปากระดับปฐมภูมิ

เชียงราย, 14 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) จัดโครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพช่องปากระดับปฐมภูมิ ภายใต้แนวคิด อยู่ที่ไหน ก็ใกล้หมอ” (โฮงยาใกล้บ้าน Plus) เพื่อเพิ่มศักยภาพทันตบุคลากรของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้สามารถดูแลสุขภาพช่องปากของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นกิจกรรมประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาระบบบริการสุขภาพช่องปากระดับปฐมภูมิ โดยมี นายไพรัช มหาวงศนันท์ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุข หัวหน้าส่วนราชการ และผู้เข้าร่วมอบรมให้การต้อนรับ

เพิ่มประสิทธิภาพงานทันตสาธารณสุขระดับตำบล

นายไพรัช มหาวงศนันท์ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุข อบจ.เชียงราย กล่าวว่า โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อ ฟื้นฟูและพัฒนาองค์ความรู้ด้านทันตสาธารณสุข สำหรับบุคลากรของ รพ.สต. ที่อยู่ในสังกัด อบจ.เชียงราย ให้สามารถให้บริการที่ได้มาตรฐานมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดอัตราการเกิดโรคในช่องปากและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางทันตกรรมของประชาชนในพื้นที่ห่างไกล

โครงการนี้ยังช่วยให้ทันตบุคลากรได้รับข้อมูลและเทคนิคใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ของตนได้จริง เพื่อให้การดูแลสุขภาพช่องปากของประชาชนเป็นไปอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพมากขึ้น

ขับเคลื่อนนโยบาย “อยู่ที่ไหน ก็ใกล้หมอ”

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย กล่าวว่าการดำเนินงานด้านทันตสาธารณสุขของ รพ.สต. เป็น หัวใจสำคัญของระบบบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิ ซึ่งมีบทบาทในการให้บริการตรวจรักษาและส่งเสริมสุขภาพช่องปากสำหรับประชาชนทุกกลุ่มวัย

อบจ.เชียงรายให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนโครงการ อยู่ที่ไหน ก็ใกล้หมอ” (โฮงยาใกล้บ้าน Plus) อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องเดินทางไกล โดยการอบรมครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้แก่ทันตบุคลากร ให้เป็นบุคลากรต้นแบบและเป็นที่พึ่งของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผลกระทบและประโยชน์ต่อประชาชน

การพัฒนาระบบบริการสุขภาพช่องปากระดับปฐมภูมิครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลเชิงบวกในหลายด้าน ได้แก่:

  • เพิ่มอัตราการเข้าถึงบริการทางทันตกรรมของประชาชน
  • ลดอัตราการเกิดโรคในช่องปากในกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุ
  • พัฒนาศักยภาพของทันตบุคลากรให้สามารถดูแลสุขภาพช่องปากของประชาชนได้ดีขึ้น
  • ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการด้านทันตกรรมของประชาชนในพื้นที่ห่างไกล

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • อัตราผู้ป่วยโรคฟันผุในเด็กก่อนวัยเรียนในเชียงราย: 57%
  • ประชากรในพื้นที่ชนบทที่ขาดการเข้าถึงบริการทันตกรรม: ประมาณ 30%
  • จำนวน รพ.สต. ในสังกัด อบจ.เชียงรายที่ให้บริการทันตกรรม: กว่า 50 แห่ง
  • เป้าหมายลดอัตราการเกิดโรคฟันผุในเด็กอายุ 6 ปีให้ต่ำกว่า: 30% ภายในปี 2570

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย / กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

‘อทิตาธร’ ชี้แจงภาพกับ ‘อนุทิน’ ยันไปแจกการ์ดเชิญแต่งงานให้ลูกสาว

อทิตาธร วันไชยธนวงค์ ปฏิบัติธรรม 10 วัน หลังเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย พร้อมชี้แจงภาพร่วมเฟรมกับอนุทิน

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 18.00 น. ณ วัดห้วยปลากั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้ทำการติดตามกิจวัตรประจำวันส่วนตัวของ ว่าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงค์ ซึ่งทราบมาว่าจะเข้ามาสวดสวดมนต์และทำสมาธิที่วัดห้วยปลากั้ง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจในอนาคต 

อย่างไรก็ตาม ทางทีมข่าวจึงขอสัมภาษณ์หลังมีประเด็นที่กำลังเป็นกระแสในช่วงนี้คือ ภาพถ่ายที่ปรากฏตัวร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียของนายอนุทิน พร้อมข้อความว่า
ให้การต้อนรับและแสดงความยินดีเบื้องต้นกับทีมงานผู้ชนะการเลือกตั้งนายก อบจ. เชียงราย ที่แวะมาสวัสดีปีใหม่และตรุษจีนที่กระทรวงมหาดไทย”

ภาพดังกล่าวนำไปสู่การตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับจุดยืนทางการเมืองของ นางอทิตาธร วันไชยธนวงค์ หลังเสร็จศึกเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งผลคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางหารได้รับการเลือกตั้ง 261,301 คะแนน ในการชิงแบบพรรคอิสระ ทให้เกิดคำถามจากประชาชนในชาวเชียงราย

อทิตาธร เปิดใจถึงภาพถ่ายกับอนุทิน และเหตุผลของการเดินทางไปกระทรวงมหาดไทย

ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้สัมภาษณ์อทิตาธรถึงประเด็นดังกล่าว โดยเธอชี้แจงว่า การเดินทางไปกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพาลูกสาว (น้องป่าน)ไปแจกการ์ดงานแต่งงาน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 8 มีนาคม 2568

ที่จริงตามมารยาทต้องเชิญผู้ใหญ่อย่างน้อยสองเดือนล่วงหน้า แต่เพราะติดช่วงเลือกตั้ง ทำให้ไม่มีเวลาทำหน้าที่แม่เลย หลังเลือกตั้งเสร็จ จึงรีบไปเชิญผู้ใหญ่ที่กระทรวง”

นอกจากนี้ อทิตาธรยังเปิดเผยว่า ได้ใช้โอกาสดังกล่าวหารือกับนายอนุทินเกี่ยวกับปัญหาสำคัญของจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะเรื่องเงินเยียวยาน้ำท่วมและถนนการเกษตร ซึ่งได้รับคำมั่นจากรัฐมนตรีว่าจะดำเนินการช่วยเหลือ

หารือปัญหาเยียวยาน้ำท่วมและโครงสร้างพื้นฐาน

ในโอกาสเดียวกัน อทิตาธรได้ใช้โอกาสนี้ นำเสนอปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเชียงราย โดยเฉพาะเรื่องเงินเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ยังมีประชาชนจำนวนมาก ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ 10,000 บาท จากทางรัฐบาล

“พี่ได้แจ้งกับท่านรัฐมนตรีถึงปัญหาที่ค้างคาอยู่ เช่น ถนนบ้านฟาร์มเมืองงิมที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม และสะพานที่พังในอำเภอเวียงแก่นและอำเภอเทิงซึ่งส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าเกษตร”

อทิตาธรเปิดเผยว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านเมตตาจะเดินทางมา ตรวจ ราชการ รับฟังข้อมูลที่เชียงราย ใน อาทิตย์หน้า และจะหาแนวทางช่วยเหลือ ชาวเชียงราย และจะหาแนวทางแก้ไขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

แผนงานหลังเลือกตั้ง เตรียมพบกระทรวงอื่นๆ

อทิตาธรระบุว่า หลังจากเข้าพบกระทรวงมหาดไทยแล้ว ก็มีวางแผนที่จะ เดินทางไปพบกระทรวงอื่นๆ เพื่อผลักดันโครงการที่เกี่ยวข้องกับเชียงราย เช่น

  • กระทรวงเกษตรฯ: หารือเรื่องการแก้ปัญหาวัชพืชและการเผาไหม้
  • กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ: พูดคุยเรื่องไฟป่าและ PM 2.5
  • กรมโยธาธิการฯ: วางแผนแก้ไขโครงสร้างพื้นฐานและระบบน้ำ

“พี่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเชียงราย ก็จะเดินหน้าทำงานต่อทันที”

เหตุผลที่เลือกไปกระทรวงมหาดไทยหลังวันเลือกตั้ง

เมื่อถูกถามว่าทำไมจึงเลือกเดินทางไปกระทรวงมหาดไทยในวันถัดจากการเลือกตั้ง อทิตาธรตอบว่า เป็นเรื่องของเวลาที่จำกัด เพราะต้องเตรียมงานแต่งของลูกสาว และลูกสาวเองก็สอบถามตลอดว่าจะเชิญผู้ใหญ่ตอนไหน

ลูกสาวยังพูดติดตลกเลยว่า รอหลังเลือกตั้งแล้วผลออกก่อนก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่าแพ้เลือกตั้งจะได้ไม่ต้องพิมพ์การ์ดเยอะ”

ยืนยันจุดยืน “อิสระ” ไม่สังกัดพรรคการเมือง

สำหรับคำถามที่ว่าการปรากฏตัวร่วมกับนายอนุทินจะสะท้อนถึงการสังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ อทิตาธรได้ย้ำชัดว่า

ยังเป็นอิสระ ไม่สังกัดพรรคใด นอกจากฟังเสียงของประชาชน และมีอิสระทางความคิด”

ทางด้านอทิตาธรยังอธิบายเพิ่มเติมว่า การเป็นอิสระทำให้สามารถเข้าถึงและทำงานร่วมกับทุกฝ่ายได้ง่ายขึ้น เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเชียงราย

รัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม มีรัฐมนตรีจากหลายพรรค ถ้าจำกัดตัวเองอยู่กับพรรคใดพรรคหนึ่ง จะทำให้การประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนยากขึ้น”

อทิตาธรได้ฝากข้อความถึงประชาชนเชียงรายว่า

“พี่นกอยากให้ทุกคนมั่นใจว่า เราจะทำงานเพื่อพัฒนาเชียงรายต่อไป และไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งหรือความแตกแยกทางการเมือง เราทุกคนต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างอนาคตของจังหวัด” ย้ำอีกครั้งว่า การเลือกตั้งจบแล้ว และสิ่งสำคัญในตอนนี้คือ การพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้ก้าวไปข้างหน้า

สร้างความเข้าใจกับประชาชนเชียงราย

อทิตาธรฝากข้อความถึงประชาชนเชียงรายว่า ความตั้งใจในการพัฒนาจังหวัดยังเหมือนเดิม และขอให้ทุกคนมั่นใจว่าจะทำงานเพื่อผลประโยชน์ของเชียงรายอย่างเต็มที่

พี่นกไปทุกกระทรวงและพูดคุยกับทุกพรรค ที่สามารถช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้เชียงรายได้ ขอให้ทุกคนมั่นใจในตัวพี่ค่ะ”

สรุปข่าว

  • อทิตาธร วันไชยธนวงค์ เริ่มปฏิบัติธรรม 10 วัน หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง อบจ.เชียงราย
  • ชี้แจงว่า ภาพถ่ายกับอนุทิน เป็นเพียงการเข้าพบเพื่อเชิญร่วมงานแต่งของลูกสาว และหารือปัญหาน้ำท่วม
  • ยืนยันว่า ยังคงเป็นนักการเมืองอิสระ ไม่สังกัดพรรคใด
  • เตรียมเข้าพบ กระทรวงอื่นๆ เพื่อผลักดันโครงการพัฒนาเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News