Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายน้อมรำลึก “แม่ฟ้าหลวง” จัดพิธีทานหา สืบสานพระราชปณิธานยั่งยืน

ณ อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวงศูนย์รวมดวงใจแห่งการรำลึกและสืบสานพระราชปณิธาน

เชียงราย, 18 กรกฎาคม 2568 – เชียงรายน้อมรำลึก “แม่ฟ้าหลวง” จัดพิธีทานหา แสดงความกตัญญูในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ บรรยากาศที่อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง (ไร่แม่ฟ้าหลวง) อำเภอเมืองเชียงราย เต็มไปด้วยความสงบและความศรัทธา เมื่อคณะผู้บริหารจังหวัดเชียงราย นำโดย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมด้วยนางสินีนาฏ ทองสุข ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย, ข้าราชการ, ทหาร, ตำรวจ, นายอำเภอทั้ง 18 อำเภอ, ผู้บริหารสถานศึกษา, ผู้นำชุมชน, และประชาชนหลากหลายชาติพันธุ์ มาร่วมพิธี “ทานหาแม่ฟ้าหลวง” เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ “แม่ฟ้าหลวง” ของชาวไทยภูเขา

พระราชกรณียกิจจากวิสัยทัศน์สู่ต้นแบบการพัฒนาโลก

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเป็นพระราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 และพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ 9 พระองค์ทรงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนสังคมไทยสู่ความเจริญก้าวหน้า โดยเฉพาะพื้นที่สูงในจังหวัดเชียงราย ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของปัญหายาเสพติด ความยากจน และการทำลายป่า

ด้วยสายพระเนตรอันกว้างไกล สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเห็นว่าการ “ให้โอกาส” สำคัญกว่าการลงโทษ พระราชดำรัส “คนดีไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดี แต่เขาไม่มีโอกาส ไม่มีทางเลือก” กลายเป็นปรัชญาสำคัญของโครงการพัฒนาดอยตุงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่มุ่งเน้นการให้ทางเลือกอาชีพและความมั่นคงในชีวิตแก่ชาวบ้าน โดยเชื่อว่าหากมีอาชีพและสุขภาพที่ดี ก็จะหลุดพ้นจากวงจรความยากจนและความไม่รู้

จุดเปลี่ยนแห่งดอยตุงจาก “สามเหลี่ยมทองคำ” สู่ต้นแบบความยั่งยืน

เมื่อครั้งพระองค์เสด็จฯ ถึงดอยตุงในปี 2530 พื้นที่ป่าเสื่อมโทรมอย่างหนัก ชุมชนหลากหลายชาติพันธุ์กว่า 29 หมู่บ้านขาดโอกาสทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม พระองค์ทรงมีพระราชดำริ “ตกลงจะมาสร้างบ้านที่นี่ แต่ถ้าไม่มีโครงการพัฒนาดอยตุงฯ ฉันก็จะไม่มา” สะท้อนพระราชหฤทัยแน่วแน่ที่จะเปลี่ยนแปลงพื้นที่แห่งนี้ให้เป็น “บ้าน” ที่มีทั้งป่าและผู้คนอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

โครงการพัฒนาดอยตุงแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ:

  • ระยะ “อยู่รอด” สนองความต้องการพื้นฐาน
  • ระยะ “พอเพียง” ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและยกระดับอาชีพ
  • ระยะ “ยั่งยืน” มุ่งสร้างชุมชนที่บริหารจัดการตนเองได้

สิ่งที่เกิดขึ้นในรอบ 30 ปีคือป่าไม้ดอยตุงขยายจาก 28% เป็น 77% (หรือ 87% ในบางช่วงเวลา) พื้นที่ที่เคยปลูกฝิ่นกลายเป็นพื้นที่เกษตร วิสาหกิจชุมชน และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ รายได้เฉลี่ยเพิ่มขึ้นถึง 18 เท่า เร็วกว่าค่าเฉลี่ยประเทศถึง 3 เท่า จนยูเอ็นและ UNODC ยอมรับให้ “ดอยตุงโมเดล” เป็นแบบอย่างของโลกในการแก้ปัญหายาเสพติดและพัฒนาชนบทแบบครบวงจร

สะท้อนรากเหง้าความกตัญญูและพลังศรัทธาชุมชน

พิธีทานหาในวันนี้ถือเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกร โดยเฉพาะชาวไทยภูเขา ซึ่งต่างยกย่องพระองค์ว่า “แม่ฟ้าหลวง” หรือ “แม่ของแผ่นดิน” ไม่เพียงเพราะพระราชกรณียกิจด้านการแพทย์ เช่น การจัดตั้งหน่วยแพทย์อาสา (พอ.สว.) เพื่อดูแลผู้ป่วยในถิ่นทุรกันดารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการบุกเบิกโครงการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด (บ้านผาหมี) การพัฒนาอาชีพ สร้างโรงเรียน สร้างสาธารณูปโภค และก่อตั้งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ของภาคเหนือ

ในพิธีทานหา บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคารพและความกตัญญูยิ่งยวด เมื่อคุณหญิงพวงร้อย ดิศกุล ณ อยุธยา และอาจารย์นคร พงษ์น้อย ได้นำถวายเครื่องราชสักการะ ณ พระราชานุสาวรีย์ ท่ามกลางการร่วมแรงร่วมใจของข้าราชการ ผู้นำชุมชน และเยาวชนรุ่นใหม่ แสดงให้เห็นว่าสายใยแห่งความผูกพันระหว่าง “แม่ฟ้าหลวง” กับประชาชนยังคงเหนียวแน่น ไม่เสื่อมคลาย

พระราชมรดกที่ยังคงขับเคลื่อนสังคมและชุมชน

นอกเหนือจากโครงการพัฒนาดอยตุง สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนียังมีพระราชกรณียกิจมากมายในเชียงราย ไม่ว่าจะเป็นการก่อตั้งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี หรือแม้แต่การริเริ่มโครงการต้นแบบด้านการจัดการขยะเป็นศูนย์ ส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรมล้านนา (อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง) และผลักดันผลิตภัณฑ์ “ดอยตุง” สู่ตลาดโลก

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ยังคงดำเนินการสืบสานพระราชปณิธาน ส่งเสริมโมเดล “ธุรกิจที่ทำให้โลกดีขึ้น” ขยายผลสู่การพัฒนาชุมชนในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้หลักการ “มหาวิทยาลัยที่มีชีวิต” และ “ชุมชนต้องช่วยเหลือตัวเองได้”

พระราชมรดกเพื่ออนาคตและแรงบันดาลใจสำหรับการพัฒนา

ปรัชญา “ช่วยชาวบ้านให้ช่วยตัวเอง” ที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงวางรากฐานไว้ กลายเป็นแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนในศตวรรษที่ 21 ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูป่าไม้ การแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างองค์รวม หรือการสร้างโอกาสทางการศึกษาและเศรษฐกิจ “ดอยตุงโมเดล” ไม่ได้หยุดอยู่แค่เชียงราย แต่ขยายผลไปยังประเทศเพื่อนบ้านและกลายเป็นกรณีศึกษาของโลกในเวทีสหประชาชาติ

พระราชกรณียกิจที่ครอบคลุมตั้งแต่ “การปลูกป่า ปลูกคน” ไปจนถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างความมั่นคงให้กับชุมชน ตอกย้ำว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนต้องอาศัยการให้โอกาส มองเห็นคุณค่าและศักยภาพในตัวคน เป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้สังคมไทยเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

พิธีทานหาแม่ฟ้าหลวงในวันนี้ คือการยืนยันถึงพระราชมรดกอันทรงคุณค่าของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับชุมชน ผู้บริหาร นักพัฒนา และประชาชนทุกหมู่เหล่า ตราบจนวันนี้และตลอดไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์
  • อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง
  • สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์
  • รายงานสรุปโครงการพัฒนาดอยตุงฯ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ถึงที่! เชียงราย-พอ.สว. ลุย “ขุนตาล” เสริมแกร่ง “Chiangrai Clinic Center”

บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ถึงที่! จังหวัดเชียงรายและ พอ.สว. ลุย “ขุนตาล” มอบบริการถึงบ้าน พร้อมเสริมแกร่ง “Chiangrai Clinic Center”

เดินหน้าสู่ชุมชน สร้างสุขใกล้ตัว

เชียงราย, 17 กรกฎาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายยังคงยืนหยัดในนโยบาย “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน” อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 16-17 กรกฎาคม 2568 นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นำทีมคณะทำงานเดินทางสู่บ้านทุ่งศรีเกิด หมู่ 3 ตำบลยางฮอม อำเภอขุนตาล จัดกิจกรรม “จังหวัดเคลื่อนที่” ควบคู่กับหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) ครั้งที่ 18 ประจำปี 2568 เพื่อส่งมอบบริการภาครัฐถึงมือประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ลดภาระค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง พร้อมเสริมคุณภาพชีวิตและสร้างโอกาสใหม่

กิจกรรมในวันนี้ได้รับความร่วมมืออย่างอบอุ่นจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภอขุนตาล คณะกรรมการและสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย กิ่งกาชาดอำเภอขุนตาล และหน่วยงานราชการต่างๆ ที่พร้อมใจตั้งบูธบริการแบบครบวงจร

บริการครบวงจรถึงบ้าน เพื่อคนทุกกลุ่ม

หัวใจของ “จังหวัดเคลื่อนที่” คือการนำบริการหลากหลายของภาครัฐสู่หน้าประตูบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกลที่การเข้าถึงบริการพื้นฐานเป็นเรื่องท้าทาย

  • ด้านสุขภาพ: หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. นำทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรสาธารณสุข ให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป ทันตกรรม ฉีดวัคซีน และให้คำปรึกษาสุขภาพแก่ประชาชนในพื้นที่
  • เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง-ผู้สูงอายุ: คณะรองผู้ว่าฯ เชียงราย พร้อมนายแพทย์เอกชัย คำลือ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุในบ้านหนองข่วง หมู่ 3 ตำบลยางฮอม จำนวน 5 ราย มอบกำลังใจและถุงยังชีพ สะท้อนถึงความห่วงใยต่อกลุ่มเปราะบาง
  • เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย: มอบถุงยังชีพ 100 ชุดแก่ประชาชนในพื้นที่ และเปิดรับบริจาคดวงตา-อวัยวะ สร้างโอกาสแห่งชีวิตใหม่
  • ส่งเสริมอาชีพ: กรมประมงมอบพันธุ์ปลาให้แก่ผู้นำชุมชน เพื่อเสริมสร้างแหล่งอาหารโปรตีนและสนับสนุนการเลี้ยงชีพในพื้นที่

อบจ.เชียงราย เสริมแกร่ง “Chiangrai Clinic Center” เคลื่อนที่

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทหลักในการบูรณาการพัฒนาท้องถิ่น โดยนางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย พร้อมนายนิรันดร์ ไร่แดง สมาชิก อบจ.ขุนตาล เขต 1 ได้เข้าร่วมเปิดงานและร่วมกิจกรรมอย่างใกล้ชิด

ภายในงานมีการจัดตั้ง “Chiangrai Clinic Center เคลื่อนที่” เพื่อรับเรื่องร้องทุกข์ แก้ไขปัญหา และอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพให้แก่ประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ อบจ.เชียงราย ยังนำเครือข่ายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในอำเภอขุนตาลมาร่วมให้บริการอย่างครบวงจร ทั้งการรักษา ป้องกัน ส่งเสริม และฟื้นฟูสุขภาพ โดยเน้นกลุ่มเปราะบางและประชาชนในถิ่นทุรกันดาร

ความร่วมมือในวันนี้จึงเป็นภาพสะท้อนของการประสานงานระหว่างภาครัฐ ผู้นำท้องถิ่น ภาคประชาชน และอาสาสมัครพอ.สว. ที่ลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังเพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตคนเชียงราย

“จังหวัดเคลื่อนที่” โมเดลเข้าถึงบริการภาครัฐอย่างแท้จริง

“หน่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน” และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดช่องว่างการเข้าถึงบริการในพื้นที่ห่างไกลของเชียงราย ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่และมีภูมิประเทศที่หลากหลาย ประเด็นสำคัญที่เด่นชัดจากกิจกรรมนี้ ได้แก่

  • ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการ: การนำบริการของรัฐถึงบ้านโดยตรง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ที่เดินทางลำบาก ลดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม
  • บูรณาการความร่วมมือทุกระดับ: การทำงานร่วมกันของผู้ว่าราชการจังหวัด อำเภอ อบจ. รพ.สต. เหล่ากาชาด และภาคเอกชน แสดงถึงความพร้อมและความร่วมมือที่จริงจังของทุกภาคส่วน
  • เข้าถึงกลุ่มเปราะบางอย่างใกล้ชิด: การเยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุ สะท้อนความใส่ใจและการบริการที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
  • พลังของ อบจ.: การจัดตั้งศูนย์คลินิกเคลื่อนที่และเครือข่าย รพ.สต. มาร่วมให้บริการ สะท้อนถึงบทบาทนำขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการยกระดับคุณภาพชีวิตคนในชุมชน

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญ คือการผลักดันกิจกรรมให้มีความต่อเนื่อง มีทรัพยากรสนับสนุนเพียงพอ และติดตามผลลัพธ์ระยะยาวเพื่อปรับปรุงบริการให้ตอบโจทย์ประชาชนได้ดียิ่งขึ้น

ข้อเสนอแนะและมุมมองอนาคต

ในอนาคต โครงการนี้ควรขยายขอบเขตบริการ เช่น การให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การส่งเสริมอาชีพใหม่ การดูแลสุขภาพจิต และสร้างศูนย์ข้อมูลให้ประชาชนเข้าถึงบริการรัฐได้ง่ายขึ้น ทุกภาคส่วนควรร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ “รอยยิ้มและสุขภาพดี” ไม่ใช่เพียงแค่วันนี้ แต่กลายเป็นวิถีชีวิตที่ยั่งยืนของคนเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย
  • อำเภอขุนตาล
  • หน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News