Categories
NEWS UPDATE

ตั๋วเครื่องบินสงกรานต์ถูกลง สุริยะจัด 124 เที่ยวบิน ลด 30%

สุริยะ สั่งเพิ่มเที่ยวบิน 124 เที่ยว พร้อมลดค่าตั๋ว 30% แก้ปัญหาราคาตั๋วเครื่องบินแพงช่วงสงกรานต์

คมนาคมเร่งอำนวยความสะดวกประชาชน เตรียมระบบขนส่งรองรับช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568

ประเทศไทย, 13 มีนาคม 2568 – นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้มีการประชุมร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนในช่วง เทศกาลสงกรานต์ วันที่ 11-17 เมษายน 2568 โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาตั๋วเครื่องบินราคาสูงในช่วงที่มีความต้องการเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างมาก

สำหรับมาตรการแก้ไขปัญหาตั๋วโดยสารแพง กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาและหารือกับ 6 สายการบินหลักของไทย ได้แก่ การบินไทย, บางกอกแอร์เวย์ส, ไทยแอร์เอเชีย, นกแอร์, ไทยไลอ้อนแอร์ และไทยเวียตเจ็ท เพื่อเพิ่มเที่ยวบินพิเศษ 124 เที่ยวบิน และเพิ่มที่นั่งรวม 25,000 ที่นั่ง พร้อมทั้งกำหนด ลดราคาตั๋วเครื่องบินลง 30% จากราคาเพดาน สำหรับเที่ยวบินในประเทศที่ได้รับความนิยม

รายละเอียดเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นและมาตรการลดราคาค่าโดยสาร

เส้นทางบินที่มีการเพิ่มเที่ยวบินพิเศษและลดราคาค่าโดยสาร ได้แก่:

  • กรุงเทพฯ – เชียงใหม่
  • กรุงเทพฯ – เชียงราย
  • กรุงเทพฯ – ภูเก็ต
  • กรุงเทพฯ – กระบี่
  • กรุงเทพฯ – สมุย
  • กรุงเทพฯ – นครพนม
  • กรุงเทพฯ – อุดรธานี
  • กรุงเทพฯ – อุบลราชธานี
  • กรุงเทพฯ – ขอนแก่น
  • กรุงเทพฯ – หาดใหญ่
  • กรุงเทพฯ – นครศรีธรรมราช

ทั้งนี้ การจำหน่ายตั๋วเครื่องบินตามมาตรการดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่ วันที่ 11-20 มีนาคม 2568 ผ่านช่องทางจำหน่ายของแต่ละสายการบินโดยตรง เช่น เว็บไซต์, Call Center และเคาน์เตอร์ขายตั๋วที่สนามบิน

ไทยแอร์เอเชีย ขานรับมาตรการรัฐ ลดค่าตั๋ว 30% จองได้ 11-20 มีนาคม

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า ทางสายการบินได้เพิ่มเที่ยวบินพิเศษใน 5 เส้นทางหลัก ได้แก่ ดอนเมือง – เชียงใหม่, ดอนเมือง – เชียงราย, ดอนเมือง – นครพนม, ดอนเมือง – อุดรธานี และดอนเมือง – อุบลราชธานี

“เพื่อรองรับความต้องการเดินทางที่เพิ่มขึ้น ไทยแอร์เอเชียได้เพิ่มเที่ยวบินในบางเส้นทาง เช่น ดอนเมือง – เชียงใหม่ จาก 17 เป็น 18 เที่ยวบินต่อวัน และดอนเมือง – อุดรธานี จาก 5 เป็น 6 เที่ยวบินต่อวัน พร้อมทั้งลดราคาตั๋วเครื่องบิน 30% จากราคาเพดาน โดยสามารถจองตั๋วได้ตั้งแต่ วันที่ 11-20 มีนาคม 2568 ผ่านเว็บไซต์ www.airasia.com, แอปพลิเคชัน AirAsia MOVE และเคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรโดยสารที่สนามบินทั่วประเทศ

มาตรการรองรับการเดินทางช่วงสงกรานต์ 2568

  1. การเพิ่มเที่ยวรถไฟและรถโดยสาร
  • การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพิ่มขบวนรถพิเศษเสริม 5 เส้นทาง รวม 26 ขบวน ไป-กลับ ได้แก่ กรุงเทพอภิวัฒน์ – เชียงใหม่, อุบลราชธานี, อุดรธานี, ศิลาอาสน์ และยะลา คาดว่าจะรองรับผู้โดยสารได้ 758,024 คน-เที่ยว
  • บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เสริมรถโดยสารไม่ประจำทางอีก 1,000 คัน รองรับผู้โดยสารได้เพิ่มอีก 100,000 คน
  1. การเปิดทดลองใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ฟรี
  • M6 (บางปะอิน – นครราชสีมา) ช่วงหินกอง – เลี่ยงเมืองนครราชสีมา ระยะทาง 167 กิโลเมตร
  • M81 (บางใหญ่ – นครปฐม – กาญจนบุรี) ระยะทาง 96.41 กิโลเมตร
  1. การยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ
  • ทางพิเศษบูรพาวิถีและกาญจนาภิเษก (บางพลี – สุขสวัสดิ์) ยกเว้นค่าผ่านทางวันที่ 11 – 17 เมษายน
  • ทางพิเศษศรีรัช เฉลิมมหานคร และอุดรรัถยา ยกเว้นค่าผ่านทางวันที่ 11 – 15 เมษายน
  • มอเตอร์เวย์ M7 (กรุงเทพฯ– บ้านฉาง) และ M9 (วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ) ยกเว้นค่าผ่านทางวันที่ 11 – 17 เมษายน
  1. มาตรการเพื่อความปลอดภัยการเดินทาง
  • กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กำหนดว่า รถโดยสารไม่ประจำทางที่เดินทางเกิน 400 กิโลเมตร ต้องมีพนักงานขับรถ 2 คน หรือหยุดพักอย่างน้อย 30 นาทีทุก 4 ชั่วโมง
  • ห้ามรถบรรทุกขนส่งสินค้าเดินทางบนถนนบางสาย ระหว่างวันที่ 11 – 13 เมษายน และ 15 – 17 เมษายน
  • GPS ติดตามรถบรรทุก เพื่อลดความเร็วเกินกำหนดและป้องกันอุบัติเหตุ

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • กระทรวงคมนาคม คาดการณ์ว่าช่วงสงกรานต์ มีประชาชนเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะมากกว่า 1.2 ล้านคนต่อวัน
  • สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (2567) รายงานว่า ช่วงสงกรานต์ปีที่แล้ว ราคาเฉลี่ยตั๋วเครื่องบินเพิ่มขึ้นกว่า 40% ส่งผลให้ประชาชนร้องเรียนเป็นจำนวนมาก
  • กรมทางหลวง คาดว่าปริมาณจราจรในช่วงสงกรานต์ปีนี้จะเพิ่มขึ้น 15% จากปีที่แล้ว โดยเฉพาะเส้นทางสายหลักกรุงเทพฯ – ภาคเหนือ และกรุงเทพฯ – ภาคอีสาน

สรุป

กระทรวงคมนาคมได้เร่งดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาการเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ด้วยการเพิ่มเที่ยวบิน 124 เที่ยว พร้อมลดค่าตั๋วเครื่องบิน 30% รวมถึงเสริมระบบขนส่งสาธารณะด้านรถไฟและรถโดยสาร ทั้งนี้ การเปิดให้ทดลองใช้มอเตอร์เวย์ฟรีและมาตรการควบคุมความปลอดภัยในการเดินทางคาดว่าจะช่วยลดปัญหาจราจรติดขัด และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงคมนาคม / สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย / การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) / กรมทางหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

‘สนามบินเชียงราย’ ยังไม่กระทบ พร้อมตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

 

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ในภาคเหนือในขณะนี้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) AOT หรือ ทอท. ได้รายงานว่าจากเหตุน้ำท่วมและดินถล่มนั้น ท่าอากาศยานที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ทอท. ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ได้จัดเตรียมแผนการรองรับไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือและบริหารจัดการน้ำภายในสนามบิน โดยการขุดลอกระบบระบายน้ำแบบเปิด ซึ่งเป็นคูระบายน้ำโดยรอบพื้นที่ท่าอากาศยาน และจัดเตรียม เครื่องสูบน้ำด้านทิศเหนือที่ใช้บริหารจัดการน้ำภายในสนามบินเชียงรายให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา และมีการตรวจสอบประตูน้ำว่าสามารถใช้งานได้ปกติ

ซึ่งทาง นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เปิดเผยว่า จากการประเมินเบื้องต้น ระดับน้ำและปริมาณน้ำฝนในขณะนี้ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงรายยังไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม อย่างไรก็ดี ท่าอากาศยานได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงรายปี 2567 ซึ่งเป็นปีที่มีน้ำท่วมหนักอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งตรวจสอบระบบระบายน้ำของสนามบินให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น 

นอกจากนี้ ได้จัดเจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบกายภาพ และติดตามสถานการณ์น้ำท่วมโดยรอบพร้อมประเมินสถานการณ์และรายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อีกทั้งได้จัดเตรียมเครื่องอุปโภค บริโภค  รวมถึง ยารักษาโรคใน “ถุงยังชีพ” ตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อช่วยเหลือ บรรเทาภัยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภายในพื้นที่

ขณะเดียวกันท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นำอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็นในการยังชีพ แจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นการช่วยเหลือในการยังชีพในเบื้องต้น และหลังจากนั้นจะมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อจะอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ ให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป

นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมยังได้มอบหมายและสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทลจากอุทกภัยในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งสั่งเปิด “ศูนย์ Command Center ภัยพิบัติกระทรวงคมนาคม” ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการ สั่งการ รับแจ้งเหตุ ประสานข้อมูลการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายใน และภายนอกกระทรวงฯ เพื่อบูรณาการการรายงานผลในการให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที

สำหรับทางเจ้าหน้าที่และผู้บริหาร นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย  ,นางแสงเดือน อ้องแสนคำ รชร.(สธ.),ดร.สิทธิปัฐพ์ มงคลอภิบาลกุล รชร.(ปร.) พร้อมพนักงาน ทชร.ร่วมบรรจุถุงอุปโภคบริโภค เพื่อนำไปช่วยเหลือ บรรเทาภัยผู้ประสบภัยน้ำท่วมภายในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

ก็ได้มีการมอบถุงอุปโภค บริโภค ของ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ให้กับ อบจ.เชียงราย โดยนายเกรียงศักดิ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น
 

สำหรับสถานการณ์ล่าสุดนั้น มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมหลายแห่ง ซึ่งต้องเฝ้าระวังบริเวณพื้นที่เสี่ยง รวม 35 จังหวัด ดังนี้

ภาคเหนือ 12 จังหวัด ประกอบด้วย

  • เชียงราย
  • เชียงใหม่
  • แม่ฮ่องสอน
  • ตาก
  • ลำปาง
  • พะเยา
  • น่าน
  • แพร่
  • สุโขทัย
  • อุตรดิตถ์
  • พิษณุโลก
  • เพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด ประกอบด้วย

  • เลย
  • หนองคาย
  • บึงกาฬ
  • หนองบัวลำภู
  • อุดรธานี
  • สกลนคร
  • นครพนม

ภาคตะวันตก 4 จังหวัด ประกอบด้วย

  • กาญจนบุรี
  • ราชบุรี
  • เพชรบุรี
  • ประจวบคีรีขันธ์

ภาคตะวันออก 4 จังหวัด ประกอบด้วย

  • นครนายก
  • ปราจีนบุรี
  • จันทบุรี
  • ตราด

ภาคใต้ 8 จังหวัด ประกอบด้วย

  • ระนอง
  • พังงา
  • ภูเก็ต
  • สุราษฎร์ธานี
  • นครศรีธรรมราช
  • ตรัง
  • พัทลุง
  • สตูล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

บอร์ดปลดล็อค “5 วันพระใหญ่” ‘ขายเหล้า’ ในสนามบินเชียงรายได้แล้ว

 

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่รัฐสภา  นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ครั้งที่ 3/2567 โดยที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ พิจารณาประเด็นการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันห้ามขาย ณ ท่าอากาศยานของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต หาดใหญ่ ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ ให้ปรับปรุงประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 คือ วันอาสาฬหบูชา วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา  

 

รายงานข่าวจากที่ประชุมระบุว่า  เดิมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในท่าอากาศยานนานาชาติ สามารถจำหน่ายได้เฉพาะบริเวณ ร้านค้าปลอดอากรภายในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ  แต่จากการประชุมครั้งนี้ มีการพิจารณาและเห็นชอบให้สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ในอาคารท่าอากาศยาน โดยสามารถขายได้ใน 5 วันสำคัญทางศาสนา (วันพระใหญ่) ประกอบด้วย  วันอาสาฬหบูชา วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา  

 

ทั้งนี้ นายสุริยะ กล่าวถึงการประชุม ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ได้ร่วมกันพิจารณาในประเด็น หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ พร้อมทั้งข้อความคำเตือนสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผลิตหรือนำเข้า พ.ศ. …. ซึ่งระยะเวลาในการออกประกาศคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี้ จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 หลังจากนี้จะต้องนำไปแจ้งเวียนประเทศสมาชิก WTO อย่างน้อย 60 วัน หากพิจารณาแล้วเห็นว่าเนื้อหาในร่างประกาศมีผลบังคับใช้กับผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้เกิดผลกระทบกับผู้ประกอบการ จำเป็นต้องพิจารณาร่างประกาศด้วยความละเอียดรอบคอบ มีหลักฐานทางวิชาการและวิทยาศาสตร์สนับสนุนด้วย

 

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันห้ามขาย ณ ท่าอากาศยานของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต หาดใหญ่ ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ ให้ปรับปรุงประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 ซึ่งเดิม คือ วันอาสาฬหบูชา วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา วันเข้าพรรษา และวันออกพรรษา ให้สามารถจำหน่ายได้ ในอาคารอากาศยานนานาชาติ เพื่อให้เกิดการใช้จ่าย สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว และเป็นการส่งเสริมภาคเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศ 

 

ในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ขอพิจารณาแนวทางการขอยกเว้นสถานที่ หรือบริเวณห้ามขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในบริเวณสถานีรถไฟ หรือในขบวนรถที่อยู่บนทางรถไฟ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศนั้นได้ให้ คกก.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร่วมกับ รฟท.หารือแนวทางและมาตรการควบคุมป้องกันด้านสาธารณสุขและการท่องเที่ยว และร่างกฎหมายส่งให้ คกก.นโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ พิจารณาถึงความเหมาะสมและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อให้เกิดสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจและผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชนต่อไป

 

นอกจากนี้ ที่ยังได้มีมติเห็นชอบ ร่าง คำสั่งคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาแนวทางการจัดหาหรือจัดตั้งกองทุนเพื่อการบำบัดรักษาหรือฟื้นฟูสภาพผู้มีปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ต้องการเข้ารับการบำบัดรักษาเพื่อการเลิกดื่ม สามารถเข้าสู่ระบบบำบัดรักษา และเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย

 

นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติกำหนดให้วันเข้าพรรษาของทุกปีเป็น “วันงดดื่มสุราแห่งชาติ” ในปีนี้ กรมควบคุมโรค ได้จัดกิจกรรมรณรงค์วันงดดื่มสุราแห่งชาติ ประจำปี 2567 ขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม 2567 ณ บริเวณลานหน้าห้อง MCC Hall ชั้น 4 เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน จังหวัดนนทบุรี ภายใต้ธีมงาน “หยุดเหล้า หยุดอันตรายต่อผู้อื่น (Stop Alcohol Stop Harm to Other)” โดยมุ่งเน้นรณรงค์ในกลุ่มเด็กเยาวชน และผู้หญิง เพื่อให้เยาวชนรุ่นใหม่ ตระหนักถึงอันตรายของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกระตุ้นให้เกิดการลด ละ เลิกการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมมีกิจกรรม “เชิญ ชวน เชียร์ ลด ละ เลิกเหล้า เข้าสู่ระบบบำบัดรักษา” ด้วยการลงนาม ผ่านระบบออนไลน์ ผ่าน QR Code หรือ เว็บไซต์www.noalcohol.ddc.moph.go.th เพื่อร่วมงดเหล้าในช่วงเข้าพรรษาตลอดระยะเวลา 3 เดือน นำสู่การเลิกเหล้าตลอดชีวิต

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

เคาะ 5 มาตรการต้าน ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ เน้นย้ำให้คงนโยบาย ‘ห้ามขาย – นำเข้า

 

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2567 ที่ประชุม คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ครั้งที่ 3/2567 เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2567 ซึ่งมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบ มติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น การปกป้องเด็กและเยาวชนจาก ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ประกอบด้วย 5 มาตรการสำคัญ ได้แก่

 

  1. พัฒนาและจัดการองค์ความรู้
  2. สร้างการรับรู้ภยันตราย และการเสพติดของบุหรี่ไฟฟ้าแก่เด็ก เยาวชน และสาธารณชน
  3. เฝ้าระวัง และบังคับใช้กฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า
  4. พัฒนาศักยภาพภาคีเครือข่ายเพื่อสนับสนุนมาตรการป้องกัน ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า
  5. ยืนยันนโยบาย และมาตรการป้องกัน และปราบปรามการแพร่ระบาดบุหรี่ไฟฟ้า

ทั้งนี้ ที่ประชุม คสช. ยังได้เห็นชอบให้คงไว้ซึ่งนโยบาย ‘ห้ามนำเข้า และห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า’ ตลอดจนบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจัง และได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) นำมติสมัชชา ดังกล่าว เสนอเข้าสู่วาระการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อประกาศใช้เป็นกรอบนโยบายหลักของประเทศในการปกป้องเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามภาระหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน คสช. เปิดเผยว่า ปัญหาของบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นหนึ่งในนโยบายหลักที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญโดยที่ผ่านมาได้มีการกำชับสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

ร่วมกันป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มงวด จริงจัง เนื่องจากมีความเป็นห่วงเด็กและเยาวชนที่จะตกเป็นเหยื่อการตลาดของบริษัทบุหรี่ไฟฟ้าและกลายเป็นนักสูบหน้าใหม่ที่จะได้รับอันตรายต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

 

นายสุริยะ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้เดินหน้าปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มข้นจนนำไปสู่การจับกุมและตรวจยึดของกลางได้ในหลายกรณีซึ่งมติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นฯ ที่ คสช.ได้เห็นชอบในวันนี้จะเป็นกรอบนโยบายสำคัญให้หน่วยงานภาครัฐทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

 

ทั้งกระทรวง กรม กอง สำนักงาน คณะกรรมการชุดต่างๆ นำไปขับเคลื่อนซึ่งส่วนตัวต้องการเห็นรูปธรรม จึงได้สั่งการให้ สช.เกาะติดการขับเคลื่อนอย่างใกล้ชิด และรายงานผลการดำเนินการต่อ คสช. ให้รับทราบความก้าวหน้าไปจนกว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงตามข้อมติ

 

“ต้องขอชมเชยคณะกรรมการพัฒนานโยบายฯ ที่ทำข้อเสนอลงรายละเอียดให้เราได้เห็นถึงเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างชัดเจน อย่างหนึ่งที่ผมเห็นว่า มีความสำคัญ คือ การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ เพื่อช่วยกระจายความรู้และความน่ากลัวจากผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้าไปถึงเด็กและเยาวชนให้มากขึ้น

 

นอกจากนี้ในเรื่องของตัวเลขสถิติที่เรามีการสำรวจกัน 5 ปีครั้ง ซึ่งมตินี้เสนอให้สำรวจบ่อยขึ้นเป็นทุก 2 ปี ผมมองว่า การสำรวจไม่ได้ใช้เวลาเยอะ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่จำนวนผู้สูบเพิ่มมากขึ้น ขณะที่เรากำลังมีมาตรการต่างๆ ออกมา จึงมองว่าควรจะมีการสำรวจสัก 6 เดือนครั้ง เพื่อประเมินได้ว่าหากมาตรการได้ผลจริงจำนวนตัวเลขเหล่านี้ก็จะต้องลดลง” นายสุริยะ กล่าว

 

สำหรับมติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น “การปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า” ผ่านความเห็นชอบจากผู้เข้าร่วม 264 หน่วยงาน/คน โดยทั้งหมดได้ให้ความเห็นชอบต่อกรอบทิศทางนโยบาย (Policy Statement) อย่างเป็นฉันทมติ พร้อมกันนี้ยังได้วางบทบาทหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้มีนโยบายรณรงค์ เฝ้าระวัง และให้ความรู้ถึงภยันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้กำหนดมาตรการมิให้นำเสนอประเด็นบุหรี่ไฟฟ้าที่บิดเบือนผ่านสื่อ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กรมศุลกากร ให้บังคับใช้กฎหมายที่มีในปัจจุบันอย่างเคร่งครัดและเด็ดขาด เป็นต้น

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

‘ไทย’ เจรจา ‘จีน’ สร้างเส้นทางรถไฟ“เมืองโม่หาน” ขนส่งสินค้าเชื่อม อ.เชียงของ

 

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้เข้าพบนายหลี่ เสี่ยวเผง รมว.คมนาคมของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยได้หารือถึงภาพรวมด้านการคมนาคม ประกอบด้วย การขนส่งทางอากาศ ทางราง ทางน้ำ และทางบก พร้อมกล่าวถึงแนวทางความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต เพื่อพัฒนาระบบให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น โดยการขนส่งทางอากาศนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่าฟรี) ระหว่างไทย และจีน เพื่อความสะดวกต่อประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ จึงได้ขอให้รัฐบาลจีนพิจารณาถึงแนวทางการเพิ่มเวลาการบิน (slots) ระหว่างไทย-จีน ให้กับสายการบินของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อให้เกิดความสะดวก และมีราคาที่เหมาะสมมากยิ่งขึ้น

 

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้เชิญชวนผู้รับเหมาที่มีศักยภาพ และคุณภาพจากประเทศจีน เข้าร่วมประมูลงานจากแผนการขยายท่าอากาศยาน ทั้งที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต เพื่อร่วมพัฒนาโครงการในประเทศไทย พร้อมกันนี้ได้หารือถึงการพัฒนารถไฟทางคู่สายใหม่ จากอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ขึ้นไปเชื่อมกับสถานีขนถ่ายสินค้าที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ซึ่งตั้งอยู่ริมชายแดนระหว่างไทย กับ สปป.ลาว โดยเส้นทางดังกล่าวปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 4 ปีข้างหน้า โดยรถไฟสายนี้ จะเป็นประโยชน์กับการขนส่งสินค้าจากจีนตอนใต้ออกสู่มหาสมุทรอินเดียได้ หากประเทศจีนพิจารณาก่อสร้างเส้นทางรถไฟจากชายแดนของจีนที่เมืองโม่หาน เชื่อมต่อมาที่เชียงของ ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร (กม.) ก็จะทำให้การขนส่งสินค้าสามารถขนส่งจากจีนตอนใต้ มาที่ท่าเรือน้ำลึกในจังหวัดระนองได้

 

นายสุริยะ กล่าวต่ออีกว่า ประเทศไทยมีความชื่นชมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของจีน โดยเฉพาะการก่อสร้างถนนและทางด่วนของจีน ซึ่งมีความก้าวหน้าอย่างมาก และมีมาตรฐานที่ดี โดยเฉพาะเทคนิคในการขุดเจาะอุโมงค์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาก่อสร้างอุโมงค์ทางด่วนที่จังหวัดภูเก็ต จึงต้องการให้บริษัทจีนที่มีความเชี่ยวชาญในงานอุโมงค์เข้ามาร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว และขอให้มีการจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีระหว่างกันในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งฝ่ายจีนยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทย ทั้งการจัดตั้งคณะทำงาน และการประชาสัมพันธ์โครงการก่อสร้างอุโมงค์ดังกล่าว

 

นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า ในโอกาสนี้นายหลี่ เสี่ยวเผง ได้เชิญตน และผู้บริหารกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมงาน Global Sustainable Transport Forum 2024 ที่กระทรวงคมนาคมของจีนเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นในช่วงเดือน ก.ย. 67 ด้วย ซึ่งการประชุมดังกล่าว จะมีการหารือ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในเรื่องความยั่งยืนด้านการขนส่ง ประเด็นการขนส่งสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยฝ่ายจีนจะมีหนังสือเชิญเข้าร่วมงานอย่างเป็นทางการต่อไป.

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

‘สนามบินแม่ฟ้าหลวง’ รับแผน ‘สุริยะ’ สั่งให้บริการผู้โดยสารช่วงสงกรานต์ให้สะดวก

 

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากการประชุมแผนการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2567 รวม 7 วัน ได้สั่งการทุกหน่วยงานในสังกัดเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนครอบคลุมทุกมิติ รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนแผนให้เกิดผลสัมฤทธิ์ มุ่งเป้าหมายให้ประชาชนเดินทางถึงที่หมายได้อย่างสะดวกและปลอดภัยตามนโยบาย “เดินทางทั่วไทย คมนาคม สะดวก ปลอดภัย ใส่ใจให้บริการประชาชน” โดยให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมการรองรับและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ตลอดจนกำกับดูแลการให้บริการ มาตรฐานความปลอดภัย และแจ้งข้อมูลข่าวสารประชาชนล่วงหน้าเพื่อวางแผนการเดินทาง

 

นายสุริยะ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานบริการทั้งบก ราง น้ำ และอากาศเตรียมการบริการผู้โดยสารช่วงสงกรานต์ให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยในส่วนของการเดินทางทางอากาศ ได้กำชับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ซึ่งบริหารท่าอากาศยานหลักของประเทศ ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) ให้บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่ให้บริการในท่าอากาศยานในการร่วมกันบริหารจัดการการอำนวยความสะดวกอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดความรวดเร็วในทุกกระบวนการทั้งในส่วนของผู้โดยสารขาเข้าและขาออก การจัดเจ้าหน้าที่ดูแลและให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารในทุกขั้นตอน รวมถึงรักษามาตรฐานด้านความปลอดภัย และเชื่อมโยงกับการคมนาคมด้านอื่น
อย่างไร้รอยต่อ 
 
 
โดยคาดว่าในช่วงสงกรานต์ 2567 คือ ระหว่างวันที่ 11 – 17 เมษายน 2567 จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการท่าอากาศยานของ AOT ทั้ง 6 แห่ง กว่า 2.61 ล้านคน เพิ่มขึ้น 28.50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศประมาณ 1.65 ล้านคน เพิ่มขึ้น 46.00% และผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 962,362 คน เพิ่มขึ้น 6.59% ขณะที่คาดว่าจะมีเที่ยวบินรวมประมาณ 15,113 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 16.71% แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศประมาณ 8,682 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 32.53% และเที่ยวบินภายในประเทศประมาณ 6,431 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 0.52% 
 
 
  • โดยที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิคาดว่าจะมีผู้โดยสารประมาณ 1.34 ล้านคน เพิ่มขึ้น 36.73% และมีเที่ยวบินประมาณ 7,022 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 21.13% 
  • ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองมีผู้โดยสารประมาณ 625,530 คน เพิ่มขึ้น 14.83% และมีเที่ยวบินประมาณ 4,117 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 10.58% 
  • สำหรับ ท่าอากาศยานเชียงใหม่มีผู้โดยสารประมาณ 199,563 คน เพิ่มขึ้น 34.83% และมีเที่ยวบินประมาณ 1,152 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 6.96% 
  • ด้านท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย มีผู้โดยสารประมาณ 41,318 คน เพิ่มขึ้น 16.71% และมีเที่ยวบินประมาณ 281 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 18.07% 
  • และ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตมีผู้โดยสารประมาณ 355,501 คน เพิ่มขึ้น 31.97% และมีเที่ยวบินประมาณ 2,161 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 24.77% 
  • ขณะที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่มีผู้โดยสารประมาณ 53,894 คน ลดลง 6.92% และมีเที่ยวบินประมาณ 380 เที่ยวบิน ลดลง 0.52%
นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงคมนาคมและ AOT ขอร่วมกันส่งมอบความสุขให้พี่น้องประชาชนในการเดินทางกลับบ้านและการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 โดยได้จัดที่จอดรถยนต์ฟรี ณ บริเวณลานจอดรถยนต์ระยะยาว โซน D ทสภ.ตั้งแต่วันที่ 12 – 16 เมษายน 2567 และที่ ทดม.สามารถจอดรถยนต์ฟรีได้ที่บริเวณระหว่างอาคารคลังสินค้า 2 และอาคารจอดรถยนต์ 5 ชั้น ตั้งแต่วันที่ 11 – 17 เมษายน 2567 สามารถจอดรถยนต์ได้ 250 คัน พร้อมจัดเตรียมรถรับส่งให้บริการระหว่างจุดจอดรถไปยังอาคารผู้โดยสาร นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้ AOT เตรียมความพร้อมดำเนินการในทุกมิติ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ 
 
 
โดยให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ให้บริการผู้โดยสารในท่าอากาศยาน เช่น สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ผู้ประกอบการที่ให้บริการภาคพื้น เป็นต้น จัดเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ให้เพียงพอ ประสานบริษัทผู้รับจ้างให้บริการรถเข็นกระเป๋าเตรียมความพร้อมพนักงาน และรถเข็นกระเป๋าให้พร้อมบริการผู้โดยสารตลอดเวลา และให้เพิ่มความถี่ในการจัดเก็บรถเข็นกระเป๋าให้เร็วขึ้น รวมทั้งขอความร่วมมือสายการบินให้เปิดใช้งานเคาน์เตอร์ให้ครบตามจำนวนที่ได้รับการจัดสรร นอกจากนี้ ให้จัดเจ้าหน้าที่ Airport Help คอยอำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำผู้โดยสารในด้านต่างๆ เช่น แนะนำการใช้เครื่อง CUSS (Common Use Self Service) 
 
 
สำหรับเช็กอินด้วยตนเอง หรือเครื่อง CUBD (Common Use Bag Drop) สำหรับโหลดสัมภาระด้วยตนเอง รวมไปถึงช่วยดูแลเรื่องการจัดแถวของผู้โดยสารทั้งในพื้นที่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์เช็กอิน เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็ว ตลอดจนด้านระบบคมนาคมขนส่งซึ่งขณะนี้ที่ ทสภ. ทดม. ทชม.และ ทภก.ได้มีการเปิดให้บริการรถรับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ Grab Application เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้โดยสารให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย และการบริหารจัดการการจราจรเพื่อลดความหนาแน่นของรถยนต์ในท่าอากาศยาน
 
 
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวว่า AOT พร้อมดำเนินการตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยท่าอากาศยานของ AOT จะมีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวก และศูนย์ความปลอดภัยคมนาคม ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานและประสานงานด้านการข่าวร่วมกันตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งจะจัดพิธีปล่อยแถวการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เพื่อเพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัยและเตรียมความพร้อมต้อนรับผู้โดยสาร ในด้านการรณรงค์ด้านความปลอดภัย AOT ได้จัดให้มีโครงการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย และโครงการท่าอากาศยานสีขาว 
 
 
ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 อาจมีผู้ใช้บริการสนามบินจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ ทดม.ที่อาจมีรถหนาแน่นบริเวณชานชาลาอาคารผู้โดยสารขาเข้าและขาออก AOT จึงได้กำหนดให้รถแท็กซี่สาธารณะทุกคันใช้ช่องทาง PASSENGER DROP LANE พร้อมจัดเตรียมเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก ให้คำแนะนำ และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้โดยสารบริเวณช่องทาง PASSENGER DROP LANE ประตู 16 และ 17 ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นรถแท็กซี่สาธารณะที่มีผู้โดยสารที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ หรือต้องการใช้รถวีลแชร์ หรือนำรถวีลแชร์มาด้วยให้ส่งผู้โดยสารที่บริเวณประตูหมายเลข 5 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (ขาออก) อาคาร 1 ทดม.
 
 
ดร.กีรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า AOT ขอแนะนำผู้โดยสารที่ต้องการความรวดเร็วในขั้นตอนการเช็กอินและโหลดกระเป๋าสัมภาระใช้บริการเครื่อง CUSS และ CUBD ซึ่งใช้เวลาเพียงเล็กน้อย ทำให้ไม่ต้องรอต่อแถวเช็กอินที่เคาน์เตอร์ และสำหรับในขั้นตอนตรวจค้น ขอแนะนำผู้โดยสารปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การนำของเหลว เจล สเปรย์ ติดตัวขึ้นเครื่อง
ขอความร่วมมือผู้โดยสารตรวจสอบให้บรรจุภัณฑ์มีข้อความระบุปริมาตรที่ชัดเจน และไม่เกิน 100 มิลลิลิตร จำนวนรวมไม่เกิน 10 ชิ้น หากมีบรรจุภัณฑ์ที่มีปริมาณของเหลวเกินกำหนดจะต้องนำไปโหลดใต้ท้องเครื่อง และสำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมสำรองขนาดเล็กที่มีค่าความจุไฟฟ้าน้อยกว่าหรือเท่ากับ 100 Wh หรือ 20,000 mAh สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ 
 
 
แต่ไม่สามารถโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ แบตเตอรี่ลิเธียมสำรองขนาดกลางที่มีค่าความจุไฟฟ้ามากกว่า 100 ถึง 160 Wh หรือ 20,000 ถึง 32,000 mAh สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้คนละไม่เกิน 2 ชิ้น แต่ไม่สามารถโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ แบตเตอรี่ลิเธียมสำรองขนาดใหญ่ที่มีค่าความจุไฟฟ้ามากกว่า 160 Wh หรือ 32,000 mAhไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบินและโหลดใต้ท้องเครื่องบิน นอกจากนี้ แบตเตอรี่ลิเธียมสำรองที่ไม่ระบุพลังงานไฟฟ้าวัตต์ – ชั่วโมง (Wh) หรือระบุขนาดบรรจุของลิเธียม หรือระบุไม่ชัดเจนไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบิน หรือโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ ทั้งนี้ ขอให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด ซึ่งจะช่วยทำให้ขั้นตอนการตรวจค้นรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
 
 
นอกจากนี้ AOT ได้ร่วมส่งเสริมและสืบสานประเพณีสงกรานต์ โดยท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งได้ร่วมกัน
จัดกิจกรรมเพื่อต้อนรับผู้โดยสาร ได้แก่ ทสภ.จัดซุ้มถ่ายภาพและกิจกรรมสรงน้ำพระในอาคารผู้โดยสารหลัก และ
จัดซุ้มนิทรรศการประวัติความเป็นมาของเทศกาลสงกรานต์ ณ บริเวณชั้น 3 อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite-1: SAT-1) ส่วน ทดม.จัดตั้งซุ้มเทศกาล “Gateway to Wonderful Songkran อัศจรรย์สงกรานต์ ประเพณีไทยมรดกโลก” พร้อมการแสดงขบวนกลองยาว และการฟ้อนรำชุดเริงระบำสงกรานต์ รวมถึงจัดกิจกรรมสรงน้ำพระ การสาธิตการทำน้ำอบน้ำปรุง และกิจกรรมมอบของที่ระลึกให้กับผู้โดยสาร สำหรับ ทชม.นอกจากจะจัดจุดสรงน้ำพระ และจุด Check-in ถ่ายภาพในบรรยากาศเทศกาลสงกรานต์ (ปี๋ใหม่เมือง) แล้ว ยังจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลสงกรานต์ให้ผู้โดยสารได้มีส่วนร่วม อาทิ การสาธิตตัดตุงไส้หมู และการสาธิตทำกรวยดอกไม้ เป็นต้น 
 
 
รวมทั้งมีการแจกของที่ระลึก และจัดการแสดงคีตะมวยไทย ด้าน ทชร.จัดซุ้มสรงน้ำพระ กิจกรรมมอบของที่ระลึกให้แก่ผู้โดยสาร พร้อมการแสดงรำไทยจากนักเรียนโรงเรียนป่าสักไก่ ตลอดจนจัดการแสดงดนตรีพื้นเมืองล้านนา เพื่อสร้างความสนุกสนาน ขณะที่ ทภก.จัดกิจกรรมมอบของที่ระลึกให้แก่ผู้โดยสารเช่นกัน และที่ ทหญ.จัดซุ้มสรงน้ำพระ และจัดกิจกรรมสืบสานประเพณีสงกรานต์ โดยมีการแสดงเพื่อสร้างบรรยากาศในอาคารผู้โดยสาร
 
 
ดร.กีรติ กล่าวในตอนท้ายว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 อาจมีผู้โดยสารเดินทางจำนวนมาก AOT จึงขอความร่วมมือผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมาล่วงหน้า 2 – 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน โดยสามารถสอบถามเกี่ยวกับเที่ยวบินและการบริการได้ที่ AOT Contact Center หมายเลขโทรศัพท์ 1722 ตลอด 24 ชั่วโมงท่าอากาศยานเชียงใหม่

 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Mae Fah Luang Chiang Rai International Airport – CEI

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News