Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายรับมือ น้ำท่วม-แล้งวิกฤต วอนรัฐเร่งแผนเยียวยา

เชียงรายเร่งวางมาตรการรับมือน้ำท่วม-ภัยแล้ง เนื่องในวันน้ำโลก 2568

กรุงเทพฯ, 22 มีนาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านทรัพยากรน้ำท่ามกลางสถานการณ์โลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในบริบทของ “วันน้ำโลก” ซึ่งตรงกับวันที่ 22 มีนาคมของทุกปี องค์การสหประชาชาติได้กำหนดหัวข้อปีนี้ว่า “การอนุรักษ์ธารน้ำแข็ง” (Glacier Preservation) เพื่อเน้นย้ำถึงบทบาทของธารน้ำแข็งในฐานะแหล่งกักเก็บน้ำจืดธรรมชาติของโลก

รัฐเร่งผลักดันแผนรับมือฤดูฝนปี 2568

นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานวันน้ำโลก พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างการจัดทำแผนรับมือน้ำฝนในปีนี้ โดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เตรียมนำเสนอแผนต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำ (กนช.) ในวันที่ 9 เมษายน 2568 เพื่อวางมาตรการเพิ่มเติมอย่างครอบคลุม ทั้งการระบายน้ำ พื้นที่กักเก็บ และงบประมาณรองรับ

เอลนีโญ-ลานีญาส่งผลกระทบต่อฤดูฝน

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะเอลนีโญ-ลานีญาที่เปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง ทำให้การคาดการณ์ปริมาณฝนยากลำบาก ปีนี้ฝนจะมาเร็วกว่าปกติ โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และมีแนวโน้มตกมากกว่าค่าปกติ พร้อมทั้งเผยว่าได้เตรียม 9 มาตรการเพื่อรับมือฤดูฝนปี 2568 ล่วงหน้าแล้ว

น้ำท่วมเชียงรายปี 2567 ยังไร้แผนแก้ไขยั่งยืน

ในเวทีเสวนา “Climate Change Adaptation” ร.ต.อ. เด่นวุฒิ จันต๊ะขันติ นายก อบต.เกาะช้าง จังหวัดเชียงราย ระบุว่า ครบรอบ 1 ปีของน้ำท่วมใหญ่ในอำเภอแม่สาย แต่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ชาวบ้านกว่า 300 ล้านบาทยังไม่ได้รับการเยียวยาเต็มจำนวน และการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำในแม่น้ำสายและแม่น้ำลวกฝั่งเมียนมายังไม่คืบหน้า

ปัญหางบประมาณท้องถิ่นขัดขวางการแก้ปัญหา

ร.ต.อ. เด่นวุฒิ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า งบประมาณในระดับท้องถิ่นมีเพียง 6-7 ล้านบาทต่อปี ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับการแก้ไขปัญหาโครงสร้างพื้นฐานอย่างการขุดลอกแม่น้ำหรือตลิ่งถาวร พร้อมตั้งคำถามถึงความไม่สมดุลของงบรัฐที่โครงการใหญ่ใช้งบหมื่นล้าน แต่กลับปล่อยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับงบจำกัด

การเตือนภัยยังไม่ทั่วถึงทั่วประเทศ

นายสมปอง รัศมิทัด นายก อบต.บางยอ จ.สมุทรปราการ เผยว่า แม้จะมีประตูระบายน้ำกว่า 34 จุด แต่ไม่มีระบบบริหารจัดการชัดเจน ทำให้พื้นที่บางกระเจ้าเผชิญกับน้ำทะเลหนุนถึง 8 เดือนต่อปี ขณะเดียวกัน ด้านพื้นที่ชายแดนใต้ นายดอเลาะอาลี สาแม ประธานเครือข่ายเตือนภัย กล่าวว่า แม้เครือข่ายจะสามารถแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าได้ถึง 7 วัน แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากหน่วยงาน

กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผลักดันแผนปรับตัวระดับประเทศ

นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หน่วยงานได้ร่วมกันทำข้อตกลงกับอีก 6 หน่วยงานเพื่อร่วมกันผลักดันแผนปรับตัว ทั้งในมิติของน้ำ การเกษตร ความมั่นคงทางอาหาร และการย้ายถิ่นฐาน คาดว่าแผนปฏิบัติการจะสามารถดำเนินการจริงในระยะเวลาอันใกล้

เสียงจากประชาชน: ต้องการข้อมูล ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วม

นางสาวเข็มอัปสร สิริสุขะ ผู้แทนประชาสัมพันธ์ สทนช. กล่าวว่า ประชาชนต้องตระหนักถึงปัญหาน้ำในระดับชีวิตประจำวัน ด้วยการเข้าถึงข้อมูลและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการลดก๊าซเรือนกระจกและการดูแลพื้นที่ป่าอย่างยั่งยืน

ความเคลื่อนไหวฝั่งเมียนมา: เสริมคันดิน-ขุดลอกแม่น้ำสาย

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางการเมียนมาเร่งดำเนินการเสริมคันดินริมแม่น้ำสายบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 อย่างต่อเนื่อง ตามข้อตกลงร่วมกับรัฐบาลไทย โดยใช้ดินที่ขุดลอกจากแม่น้ำสายมาเสริมแนวตลิ่ง แต่อีก 45 จุดในฝั่งไทยยังไม่สามารถดำเนินการได้เพราะต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำออกให้หมดก่อน

ผลกระทบที่ยังหลงเหลือในเชียงราย

ที่ตลาดสายลมจอยและตลาดดอยเวา ชาวบ้านได้เริ่มฟื้นฟูบ้านและร้านค้ากลับมาเปิดอีกครั้ง แต่ยังไม่คึกคักเท่าก่อนน้ำท่วม นางเพ็ญ ส่องแสง ผู้ประกอบการในตลาดดอยเวาเล่าว่า บ้านในชุมชนเหมืองแดงเสียหายหนัก ใช้เวลานานในการล้างดินโคลน และยังไม่มีเงินเยียวยาค่าล้างบ้านแม้จะมีข่าวว่ารัฐอนุมัติเงินเพิ่มครอบครัวละ 10,000 บาทแล้วก็ตาม

จังหวัดเชียงรายจัดสรรงบเยียวยาเกือบ 300 ล้านบาท

สำนักงาน ปภ.จังหวัดเชียงราย รายงานว่า จังหวัดได้จัดสรรเงินทดรองราชการให้ อำเภอแม่สาย 134.7 ล้านบาท และ อำเภอเมืองเชียงราย 157.3 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นกว่า 292 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือด้านค่าครองชีพและค่าล้างบ้านหลังน้ำท่วมปลายปี 2567 โดยมีกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการภายใน 15 วัน พร้อมส่งรายงานผลใช้จ่ายให้จังหวัดรับทราบ

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง

  • ค่าความเค็มสูงสุดในแม่น้ำเจ้าพระยา (ปี 2564): 3.2 กรัมต่อลิตร (ที่มา: กรมทรัพยากรน้ำ)
  • ความเสียหายจากอุทกภัยปี 2567 ที่เชียงราย: 6,046 ล้านบาท (ที่มา: ปภ. จ.เชียงราย)
  • งบประมาณเยียวยาในแม่สาย: 134,776,273 บาท (ที่มา: สำนักงานจังหวัดเชียงราย)
  • จำนวนจุดรุกล้ำแม่น้ำสายที่ยังไม่รื้อถอน: 45 จุด (ที่มา: สำนักข่าวท้องถิ่น)

ทัศนคติจากทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายประชาชน: ต้องการเห็นแผนแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างเป็นรูปธรรมและได้รับการเยียวยาอย่างทั่วถึง รู้สึกว่าการช่วยเหลือยังล่าช้าและไม่เท่าเทียม

ฝ่ายภาครัฐ: ยืนยันว่ามีการจัดสรรงบประมาณและมาตรการรับมือในทุกระดับ พร้อมผลักดันแผนงานระยะยาวเพื่อการปรับตัวอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ไทย-จีนกระชับสัมพันธ์ เร่งแก้ปัญหาน้ำโขงชายแดนเชียงราย

รมว.ทรัพยากรน้ำจีนเยือนเชียงราย กระชับความร่วมมือบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดนในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

เชียงราย, 21 มีนาคม 2568 – นายหลี่ กั๋วอิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะ เดินทางเยือนจังหวัดเชียงราย เพื่อลงพื้นที่ศึกษาและติดตามความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำชายแดนบริเวณลุ่มแม่น้ำโขง – แม่น้ำรวก – แม่น้ำสาย พร้อมหารือแนวทางพัฒนาโครงการป้องกันอุทกภัยและแล้ง ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation: MLC)

ในการนี้ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้การต้อนรับอย่างเป็นทางการ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่เข้าร่วมต้อนรับและให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ชายแดนตอนบนของประเทศไทย

เชื่อมสัมพันธ์ไทย-จีน พัฒนาความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน

การลงพื้นที่ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยกับจีนในด้านการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งครอบคลุมทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเทคโนโลยี และแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกัน ทั้งนี้ สาธารณรัฐประชาชนจีนได้จัดสรร “กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง (MLC Special Fund)” เพื่อสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่เสนอโดยประเทศสมาชิกในภูมิภาค รวมถึงประเทศไทย

สถานีตรวจวัดน้ำเชียงแสน จุดยุทธศาสตร์สำคัญของความร่วมมือ

นายหลี่ กั๋วอิง และคณะได้ลงพื้นที่สถานีตรวจวัดน้ำเชียงแสน ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยสถานีดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบระดับน้ำในแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ใช้สำหรับการวางแผนป้องกันอุทกภัย และภัยแล้งของทั้งสองประเทศ การแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบเรียลไทม์ระหว่างไทยและจีน มีส่วนสำคัญในการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า

ลุ่มน้ำรวก-แม่น้ำสาย ปัญหาน้ำท่วม-แล้ง สร้างผลกระทบต่อประชาชน

แม่น้ำรวกและแม่น้ำสาย เป็นแม่น้ำชายแดนระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศคดเคี้ยวผ่านที่ราบลุ่มและเขาสูง ทำให้ในฤดูฝนมักเกิดน้ำหลากรุนแรง ส่งผลให้น้ำท่วมพื้นที่เกษตรกรรมและเขตชุมชนทั้งสองฝั่งประเทศ ส่วนฤดูแล้งกลับประสบปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับการเพาะปลูกอย่างต่อเนื่อง

ที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยได้ดำเนินโครงการวิจัยร่วมกับฝ่ายจีนและเมียนมา เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดน ทั้งในด้านการแจ้งเตือนภัยและการวางระบบโครงสร้างพื้นฐาน

ไทย-จีน-เมียนมา ร่วมผลักดันโครงการเสริมสร้างการปรับตัวของชุมชนเมือง

หนึ่งในโครงการสำคัญที่กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของรัฐบาลจีน คือ “โครงการเสริมสร้างการปรับตัวของชุมชนเมืองต่อภาวะอุทกภัยภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ซึ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า การประเมินความต้องการของชุมชน การพัฒนาระบบสนับสนุนการตัดสินใจ และการอบรมเพื่อเสริมศักยภาพชุมชน

นอกจากนี้ ยังมีการวางแผนจัดประชุมเชิงปฏิบัติการร่วม 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย เมียนมา และจีน เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และแนวทางปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพในระดับภูมิภาค

ลงพื้นที่ศึกษาผลกระทบอุทกภัยในแม่สาย – ท่าขี้เหล็ก

ก่อนหน้านี้ ระหว่างวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2567 คณะผู้แทนจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และผู้แทนจากจีน ได้ลงพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เพื่อติดตามสถานการณ์และประเมินความเสียหายจากอุทกภัยที่เกิดขึ้น รวมถึงสำรวจโครงสร้างพื้นฐานในจุดเสี่ยง เช่น สถานีสูบน้ำ สะพานข้ามแม่น้ำ และตลาดท้องถิ่น

ภาพรวมของการสำรวจและประชุมหารือในครั้งนั้น นำไปสู่ข้อเสนอเบื้องต้นเพื่อวางแผนติดตั้งสถานีตรวจวัดข้อมูลอุตุ – อุทกวิทยาในบริเวณต้นน้ำสาย – รวก ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ระบบแจ้งเตือนภัยในพื้นที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

แสดงความเห็นสองด้านต่อความร่วมมือดังกล่าว

ฝ่ายสนับสนุนความร่วมมือไทย-จีน มองว่าการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการบริหารจัดการน้ำ จะช่วยยกระดับความสามารถของชุมชนไทยในการตั้งรับภัยพิบัติ และเป็นโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่ยังขาดการพัฒนาอย่างทั่วถึง

ฝ่ายที่มีความกังวล บางฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ความร่วมมือภายใต้กรอบพหุภาคีที่มีจีนเป็นผู้นำ อาจมีอิทธิพลต่อทิศทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในภูมิภาคมากเกินไป และอาจกระทบต่ออธิปไตยด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาว หากไม่มีการกำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจนในการแบ่งปันข้อมูลและประโยชน์ร่วมกัน

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • พื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ปี 2567 รวมกว่า 9,200 ไร่ (ข้อมูลจาก สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ, 2567)
  • จำนวนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยปีละ 13,000 คน (สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงราย, 2567)
  • จำนวนสถานีตรวจวัดน้ำในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยที่เชื่อมโยงระบบกับจีน ปัจจุบันมี 12 แห่ง (กรมทรัพยากรน้ำ, 2568)
  • กองทุนพิเศษแม่โขง – ล้านช้าง (MLC Special Fund) จัดสรรงบประมาณสนับสนุนโครงการร่วมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี (สำนักงานความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง, 2567)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
  • กระทรวงทรัพยากรน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
  • กรมทรัพยากรน้ำ
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • คณะกรรมการกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (MLC Secretariat)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติกู้ระบบประปาเชียงรายหลังน้ำท่วม

 

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2567 ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามการปรับปรุงระบบจ่ายน้ำของการประปาส่วนภูมิภาคสาขาเชียงราย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม ทำให้ไม่สามารถจ่ายน้ำให้กับประชาชนในพื้นที่ตั้งแต่เวลา 15.30 น. ของวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา โดยมี นายทวีศักดิ์​ สุขก้อน​ ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาคสาขาเชียงราย​ ได้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการฟื้นฟูระบบประปา รวมถึงแผนการบริหารจัดการที่กำลังดำเนินอยู่

ดร.สุรสีห์ ได้กล่าวถึงความสำคัญของการฟื้นฟูระบบจ่ายน้ำ โดยได้กล่าวว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำที่จังหวัดเชียงรายเมื่อวันที่ผ่านมา ทางสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้ถูกมอบหมายให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อเร่งกู้คืนระบบประปาให้กลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว โดยในการประชุมวานนี้ มีการขอความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน เช่น กรมทรัพยากรน้ำ กองทัพพัฒนาภาคที่ 3 กรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกรมทางหลวง เพื่อจัดหาเครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำออกจากบ่อพักของการประปาส่วนภูมิภาคสาขาเชียงราย ซึ่งทางกรมทางหลวงยังได้สนับสนุนรถน้ำเพื่อให้บริการน้ำสะอาดแก่โรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดเชียงรายเป็นการชั่วคราว

ในขณะนี้ทางการประปาส่วนภูมิภาคกำลังระดมกำลังเร่งฟื้นฟูระบบ โดยเฉพาะในส่วนของระบบไฟฟ้าที่จะทำให้ระบบปั๊มน้ำสามารถกลับมาทำงานได้ ดร.สุรสีห์ ได้คาดการณ์ว่าการจ่ายน้ำจะสามารถเริ่มได้ในช่วงเย็นของวันนี้ โดยเริ่มต้นที่พื้นที่ใกล้เคียงกับการประปาส่วนภูมิภาคเชียงรายก่อน อย่างไรก็ตาม สำหรับการจ่ายน้ำในพื้นที่เมืองเชียงรายทั้งหมด อาจต้องใช้เครื่องส่งน้ำที่มีกำลังสูง ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการเร่งติดตั้ง คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในคืนนี้หรืออย่างช้าในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้หากระบบส่งน้ำประปาพร้อมใช้งาน การประปาส่วนภูมิภาคสาขาเชียงรายจะเร่งดำเนินการจ่ายน้ำให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด

สำหรับมาตรการที่ได้ดำเนินการในขณะนี้ การประปาส่วนภูมิภาคเชียงรายยังได้จัดส่งรถน้ำเคลื่อนที่ไปให้บริการน้ำสะอาดแก่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ขณะเดียวกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยหากมีเหตุการณ์ใดๆ เพิ่มเติมหรือระบบส่งน้ำเกิดปัญหา การประปาจะเร่งดำเนินการแก้ไขทันที เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้น้ำประปาได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

ด้านการประปาส่วนภูมิภาคยังได้แสดงความขอบคุณต่อความร่วมมือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงชุมชนที่ให้ความร่วมมือในการอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม โดยขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรับทราบข้อมูลและเตรียมตัวได้ทันท่วงที

การฟื้นฟูระบบน้ำประปาในครั้งนี้ ถือเป็นภารกิจสำคัญในการดูแลชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดจากเหตุอุทกภัยที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง

ทั้งนี้ หาก กปภ.เชียงราย ดำเนินการจ่ายน้ำแล้ว ถ้าพบเห็นท่อน้ำแตกในเขตอำเภอเมืองเชียงราย แจ้งได้ที่การประปาส่วนภูมิภาคสาขาเชียงราย 053-711655

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

สทนช. ติดตามสถานการณ์น้ำ ต้องเฝ้าระวังต่อเนื่องถึงเดือนกันยายน

 

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2567ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยนางพัชรวีร์ สุวรรณิก ที่ปรึกษาด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่รับฟังบรรยายผลการดำเนินการมาตรการฤดูฝน ปี 2567 พื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยมีนายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย นางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น เข้าร่วมประชุม และบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่อำเภอแม่สาย ตลอดจนการบริหารจัดการน้ำ จากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

จากนั้นคณะฯ ได้ลงพื้นที่จำนวน 2 จุด ได้แก่สะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 และบ้านป่าซางงามหมู่ที่ 6 ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามการดำเนินการการแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมและน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย 

นางพัชรวีร์ สุวรรณิก ที่ปรึกษาด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า สืบเนื่องจากความห่วงใยจากรองนายกรัฐมนตรี ท่านภูมิธรรม เวชยชัย ที่ได้มอบเป็นนโยบายให้กับทางสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยนายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำ ได้เข้ามาดำเนินการดูแลในเรื่องของสถานการณ์ที่เป็นห่วง กังวลในเเรื่องของอุทกภัยตั้งแต่ภาคเหนือ ซึ่งคาดว่าจะประสพกับเรื่องของฝนที่ตกในช่วงเดือนกันยายนนี้ อีกทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการบูรณาการเตรียมความพร้อมเพื่อดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน พร้อมเตรียมในเรื่องของมวลน้ำให้สามารถระบายลงสู่น้ำโขงได้อย่างรวดเร็ว ไม่เป็นอุปสรรคในการที่จะดำรงชีพ  
สำหรับ สทนช.เป็นหน่วยงานในการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการคาดการณ์ฝน ในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำ ในเรื่องของการดูแลมวลน้ำและมวลชน ร่วมกับกรมบรรเทาสารณภัยท้องที่ ท้องถิ่น และอำเภอ ซึ่งในพื้นที่ อ.แม่สาย เป็นจุดสำคัญจุดหนึ่ง ซึ่งถ้าเกิดปัญหาอุทกภัยแล้วก็จะก่อเกิดความเสียหาย ก็ควรที่จะต้องเร่งมีมาตรการให้บรรเทาให้กลับสู่สภาวะปกติให้เร็วที่สุด ที่ปรึกษาด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวเพิ่มเติม

ด้านนายฐนโรจน์ วรรัฐประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์น้ำในขณะนี้ โดยเฉพาะในภาคเหนือ ทางหน่วยงานได้มีการติดตามประเมินในเรื่องของปริมาณน้ำฝน โดยเฉพาะในช่วงของ สิงหา ถึง กันยายน  โดยเฉพาะภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดเชียงราย ภาคเหนือตอนบน ฝนจะตกสะสม และมากกว่าค่าเฉลี่ย จะเห็นได้ว่าขณะนี้ฝนเริ่มตกแล้ว  มีน้ำไหลหลากลงมา โดยเฉพาะแม่สายส่งผลให้น้ำเอ่อล้น 5 รอบแล้ว และ หลังจากนี้ไป ช่วงต้นเดือนกันยายนจนถึงวันที่ 15 กันยายน ฝนก็ยังจะตกซ้ำอยู่บริเวณภาคเหนือตอนบนเหมือนเดิม และทยอยตกตลอดเดือนสิงหาคม เพราะฉะนั้น สถานการณ์ต่อจากนี้ไปในเรื่องของน้ำหลากยังมีความเสี่ยงที่จะต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะข้อมูลปริมาณน้ำฝน จึงขอให้มีการติดตามเฝ้าระวังติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด สำหรับพี่น้องประชาชน เมื่อทราบข้อมูลแล้วอยากให้มีการส่งข่าวทางกลุ่มไลน์ กลุ่มเครือข่ายของพี่น้องประชาชนเพื่อให้รับทราบร่วมกัน ก็จะเป็นช่องทางหนึ่งและเป็นช่องทางที่ดีที่สุด ในการที่จะร่วมกันแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

แม่น้ำโขงยังปกติ แม้เขื่อนกั้นน้ำจีนแตก ผู้เชียวชาญน้ำยัน ไม่กระทบถึงไทย

 

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวคันเขื่อนกั้นน้ำของทะเลสาบต้งถิง ประเทศจีน ได้แตกพังทลาย เมื่อบ่ายวันศุกร์ (5 ก.ค.) ที่ผ่านมา เนื่องจากมณฑลหูหนานเพิ่งเผชิญฝนตกหนักสุดในรอบปีนี้ โดยส่วนหนึ่งของกำแพงเขื่อนกั้นน้ำริมทะเลสาบต้งถิงได้พังทลายลงมา ทำให้น้ำไหลบ่าท่วม แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด

 

ดร.สุรสีห์เผยว่า ระดับน้ำที่ท่วมสูงทำให้มีการอพยพประชาชนเกือบ 6,000 คน ออกไปยังพื้นที่ปลอดภัยที่อยู่ใกล้เคียงนั้น ขอเรียนยืนยันว่า สถานการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทยแน่นอน เนื่องจากพื้นที่ที่เกิดเหตุไม่มีทิศทางการไหลของน้ำมายังแม่น้ำโขง อีกทั้งสภาพภูมิประเทศและสภาพลุ่มน้ำนั้น อยู่กันคนละลุ่มน้ำ และไม่มีความเชื่อมโยงกันแต่อย่างใด

 

เลขาธิการ สทนช.กล่าวต่อว่า สำหรับประเทศไทย สภาพลุ่มน้ำที่มีส่วนเชื่อมโยงกันทางกายภาพกับจีน ก็เฉพาะในลุ่มแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ที่เป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ โดยแม่น้ำโขงมีต้นกำเนิดมาจากการละลายของน้ำแข็งและหิมะบริเวณที่ราบสูงทิเบตในบริเวณตอนเหนือของประเทศทิเบตและบริเวณมณฑลชิงไห่ของประเทศจีน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำที่สำคัญอีก 2 สาย คือแม่น้ำแยงซี และแม่น้ำสาละวิน

 

แม่น้ำโขงช่วงที่ไหลผ่านประเทศจีนชาวจีนเรียกว่า “แม่น้ำหลานชางเจียง” (Lancang Jiang) ไหลผ่านภูเขาและที่ราบสูงในประเทศจีน ผ่านมณฑลยูนนานเข้าสู่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และประเทศไทย บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ไหลเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศไทยกับ สปป.ลาว

 

ผ่าน จ.เชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี เป็นระยะทาง 1,520 กิโลเมตร แล้วไหลเข้าสู่ สปป.ลาว และกัมพูชา ก่อนไหลลงสู่ทะเลจีนใต้ที่ประเทศเวียดนาม รวมความยาวทั้งสิ้น 4,880 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่รับน้ำในลุ่มน้ำ 795,000 ตารางกิโลเมตร หรือ 496.875 ล้านไร่

 

สำหรับสถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง ปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยระดับน้ำที่ตรวจวัดได้ที่สถานีจิ่งหง ประเทศจีน ต่ำกว่าระดับตลิ่ง 13.34 เมตร

 

“สำหรับประเทศไทย สทนช.ได้ติดตามสถานการณ์น้ำทุกพื้นที่ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างต่อเนื่อง โดยในประเทศไทยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสภาพความมั่นคงของอาคารชลศาสตร์ ได้แก่ เขื่อน อ่างเก็บน้ำ พนังกั้นน้ำ เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตาม 10 มาตรการรับมือฤดูฝน 2567 โดยมีการติดตามผลการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง” เลขาธิการ สทนช.กล่าว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

เฝ้าระวัง น้ำในแม่น้ำโขงจังหวัดในอีสานหลังกรดกำมะถัน รั่วไหลที่หลวงพระบาง

 

เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567 รายงานข่าวจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติประกาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเฝ้าระวังผลกระทบจากคุณภาพน้ำในแม่น้ำโขง หลังได้รับแจ้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ได้มีหนังสือแจ้งเตือนประชาชนเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 แจ้งการเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกสารเคมีพลิกคว่ำ ทำให้กรดซัลฟิวริกไหลลงสู่แม่น้ำคาน บริเวณแขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ซึ่งระยะทางจุดเกิดเหตุห่างจากอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ประมาณ 293 กิโลเมตร

 

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามสถานการณ์แม่น้ำโขง พบว่าสารเคมีจะเคลื่อนตัวผ่านเขื่อนไชยะบุรี วันที่ 5 เมษายน 2567 ซึ่งจะทำให้สารเคมีเจือจางลง จากนั้นจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศไทย (จังหวัดเลย) ช่วงวันที่ 8 – 10 เมษายน 2567และจากการประเมินในเบื้องต้นคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำแม่น้ำโขงในประเทศไทยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทยได้ติดตามสถานการณ์และประสานสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ให้พิจารณาประสานสปป.ลาว ในการบริหารจัดการน้ำเขื่อนไชยะบุรี

 

เพื่อเจือจางสารเคมี พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยดำเนินการตรวจวัดคุณภาพน้ำพร้อมรายงานสถานการณ์ให้จังหวัดทราบอย่างต่อเนื่อง เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ดังกล่าว และขอให้ 7 จังหวัด

  1. เลย
  2. หนองคาย
  3. บึงกาฬ
  4. นครพนม
  5. มุกดาหาร
  6. อำนาจเจริญ
  7. อุบลราชธานี

โปรดประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำในแม่น้ำโขง และแจ้งเตือนให้ประชาชนที่สัญจรและประกอบกิจกรรมในบริเวณแม่น้ำโขง การประมงสัตว์น้ำ รวมทั้งผู้ที่อาศัยในพื้นที่บริเวณดังกล่าว ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมการเฝ้าระวังผลกระทบจากคุณภาพน้ำในแม่น้ำโขง จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

 

ซึ่งทางทางการนครหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ก็มีออกแถลงการณ์ด่วน 1 ฉบับ เพื่อแจ้งและสั่งการให้พี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำของ (โขง) ตั้งแต่ช่วงหมู่บ้านพุสร้างคำ ลงมาจนถึงปากคาน และแม่น้ำของตั้งแต่ปากคานลงมา ห้ามลงอาบน้ำ และห้ามนำปลาที่ตายอยู่ในน้ำมาประกอบอาหาร หรือนำไปขายโดยเด็ดขาด คาดการณ์ว่าสารเคมี กรดกำมะถัน หรือกรดซัลฟิวริค H2SO4 ประมาณ 30 ตันเหล่านี้ไหลลงสู่แม่น้ำของจะกระจายไปตามแม่น้ำของลงไปทางตอนใต้อย่างแน่น ประกอบกับช่วงนี้ปริมาณน้ำในแม่น้ำของมีปริมาณค่อนข้างน้อย การปนเปื้อนจึงรุนแรง ส่งผลกระทบกับคน สัตว์น้ำอย่างปู ปลา กุ้ง ชนิดต่างๆ ซึ่งต้องจับตามองต่อไปว่าหลังจากนี้จะมีมาตรการอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องนี้  แต่มีการคาดการณ์ว่า จะไม่กระทบถึงแม่น้ำโขงในช่วง อ.เชียงคาน จ.เลย มากนักเนื่องจากน้ำที่ไหลลงมาจากนครหลวงพระบางจะถูกกักเก็บไว้ที่เขื่อนไซยะบูลี (ไซยะบุรี) สปป.ลาว ก่อน

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ทรัพยากรน้ำ ตามแผนพัฒนาและ ฟื้นฟูเวียงหนองหล่ม เชียงราย

 

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ที่ห้องประชุมสำนักงานโครงการชลประทานเชียงราย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าโครงการภายใต้แผนหลักการพัฒนาและฟื้นฟูเวียงหนองหล่ม จังหวัดเชียงราย โดยมีนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นท์ พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กองบริหารจัดการลุ่มน้ำ สำนักงานชลประทานเชียงราย และหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณโครงการในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เข้าร่วมประชุม

 

ด้วยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้ดำเนินโครงการจัดทำแผนหลักการพัฒนาและฟื้นฟูเวียงหนองหล่ม จังหวัดเชียงราย และมีมติประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2565 เห็นชอบแผนหลักและให้หน่วยงานเร่งรัดขับเคลื่อนเตรียมความพร้อมและเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามแผนหลักการพัฒนาและฟื้นฟูเวียงหนองหล่มจังหวัดเชียงราย โดยการประชุมในครั้งนี้เป็นการขับเคลื่อนและติดตามความก้าวหน้าโครงการภายใต้แผนหลักการพัฒนาและฟื้นฟูเวียงหนองหล่มจังหวัดเชียงราย และร่วมลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาและฟื้นฟูเวียงหนองหล่ม ตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
 
 
สำหรับแผนหลักการพัฒนาและฟื้นฟูเวียงหนองหล่ม ปี พ.ศ. 2566 ถึง 2570 จังหวัดเชียงรายได้รับอนุมัติโครงการจำนวน 65 โครงการ วงเงิน 3,880.85 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นแผนพัฒนาเวียงหนองหล่ม 5 ด้าน ได้แก่ด้านการบริหารจัดการพื้นที่ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การท่องเที่ยวและโบราณคดี และด้านการส่งเสริมอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งหากโครงการแล้วเสร็จเวียงหนองหล่ม จะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์จากภาคการเกษตรถึง 49,792 ไร่ สามารถเพิ่มความจุเก็บกักน้ำเพิ่มเป็น 24.22 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีปริมาณน้ำที่ผันเข้าพื้นที่กว่า 35.00 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และประชาชนได้รับประโยชน์ 14,531 ครอบครัว สามารถลดความเสียหายจากพื้นที่น้ำท่วมได้ถึง 13,300 ไร่ อีกทั้งเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของพื้นที่ในการพัฒนาแหล่งน้ำให้มีคุณภาพดีและเพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ของประชาชน และเป็นแหล่งศึกษาระบบนิเวศตามธรรมชาติ รวมถึงจะเป็นแหล่งศึกษาโบราณคดี ประวัติศาสตร์ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งใหม่ของจังหวัดเชียงรายต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News