Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ สืบสานพระราชปณิธาน ปลูกป่า ปลูกคน ของ ‘สมเด็จย่า’

 

เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงรายได้โพสต์เกี่ยวกับบทความความยั่งยืนเป็นประเด็นหลักที่ทุกภาคส่วนกำลังให้ความสำคัญ เพื่อร่วมขับเคลื่อนเป้าหมายของประเทศไทยและโลกสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายใน พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) ด้วยแนวคิดเบื้องหลังที่ว่า การรักษาและพัฒนาทรัพยากรในปัจจุบันให้ดำรงอยู่ต่อไปในอนาคต โดยไม่เบียดเบียนคนรุ่นหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติของสิ่งแวดล้อมและสังคม 

 

       แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานที่ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ สมเด็จย่า ผู้ทรงก่อตั้ง มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ พระราชทานไว้นับตั้งแต่ทรงก่อตั้งมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ กว่าครึ่งทศวรรษที่แล้ว และโครงการต่างๆ โดยเฉพาะต้นแบบด้านการพัฒนาทางเลือกที่ยั่งยืนในเวทีระดับโลก อย่าง โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย โดยมีเป้าหมายให้คนกับป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ มองว่าการบุกรุกทำลายป่าเกิดขึ้นด้วยความจำเป็นเรื่องปากท้อง ดังนั้นแล้ว การปลูกป่าเพื่อให้ป่าต้นน้ำ ระบบนิเวศทางธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพมีความอุดมสมบูรณ์ชั่วลูกชั่วหลาน แท้จริงมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การปลูกคน ให้ชุมชนมีอาชีพสุจริตที่หลากหลาย เมื่อป่าเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้ที่มั่นคง ชุมชนจะหวงแหนรักษาป่าเอง

 

        วันนี้ เมล็ดพันธุ์จากพระราชปณิธานของการ ปลูกป่า ปลูกคน ได้ผลิดอกออกผลเป็นรูปธรรมในมิติทางสังคม นายทรงยศ วิเศษขจรศักดิ์ ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์กาแฟอาราบิก้าดอยตุงและเจ้าของร้านกาแฟลิเช เป็นตัวอย่างของผู้เติบโตในครอบครัวและสังคมที่มีแต่ความเจ็บ จน ไม่รู้ แต่เมื่อได้รับโอกาส ก็พยายามจนประสบความสำเร็จ นายทรงยศกล่าวด้วยความภูมิใจว่า ตนเองเกิดที่ดอยตุงอยู่ในครอบครัวเกษตรกรและปลูกฝิ่นขายตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ แทบจะทุกคนในหมู่บ้านติดยาเสพติดจากฝิ่น แต่ชาวบ้าน “ไม่รู้” ว่านี่คือสิ่งผิดกฏหมาย รู้แค่ว่าต้องหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง กระทั่งสมเด็จย่าทรงก่อตั้งโครงการพัฒนาดอยตุงฯ พาผู้ติดยาเสพติดไปบำบัด สร้างอาชีพสุจริต ให้การศึกษา จนชาวบ้านมีอาชีพที่ยั่งยืนได้ถึงทุกวันนี้ ครั้งหนึ่งเคยได้รับเสด็จฯ สมเด็จย่าใกล้ๆ และเห็นพระองค์ทรงแย้มพระสรวลให้ แม้จะเป็นวัยเด็กมาก แต่ยังประทับใจและเป็นแรงบันดาลใจมาถึงทุกวันนี้ “ปัจจุบัน ครอบครัวมีอาชีพปลูกและขายกาแฟจากการส่งเสริมของเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ประกอบกับตัวเองเป็นคนช่างสังเกตและชอบต่อยอด ทุกครั้งที่เห็นโอกาสใหม่ๆ จะรีบคว้าไว้ ตอนแรก ปลูกกาแฟขายผลสดอย่างเดียว รายได้ไม่มาก เพราะโดนพ่อค้าคนกลางกดราคาจากที่เราไม่มีความรู้ แต่พอได้ไปดูร้านกาแฟต่างๆ ในเมืองขายกาแฟแก้วละ 40-50 บาท ก็ตกใจมาก เพราะเราต้องขายกาแฟสดถึง 1 กิโลกรัม กว่าจะได้เงินเท่ากาแฟ 1 แก้วของเขาซึ่งใช้ปริมาณกาแฟในการชงแค่นิดเดียว จึงกลับมาแบ่งปันกับชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพปลูกกาแฟ และเดินหน้าหาความรู้เรื่องการคั่ว แปรรูป หาเงินทุนซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เป็นกองกลางให้ชาวบ้านได้ทดลองต่อยอดได้” ปัจจุบัน นายทรงยศ สามารถปลูกและคั่วกาแฟขายเองตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำยันปลายน้ำ มีร้านกาแฟเป็นของตัวเองถึง 7 สาขา เรียกว่าเป็นการต่อยอดจากโอกาสที่ได้รับจนได้มีอาชีพที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง 

 

        อีกหนึ่งเมล็ดพันธุ์แห่งความยั่งยืนที่ไม่ได้ต้องการยืนหยัดได้แค่ตัวเองและครอบครัว แต่มีความตั้งใจที่จะช่วยหว่านเมล็ดพันธุ์ของความรู้และแรงบันดาลใจให้ลูกศิษย์นับร้อยชีวิตบนดอยตุง นางทัศนีย์ โสภณอำนวยกิจ ครูสอนคณิตศาสตร์และภาษาจีน โรงเรียนบ้านขาแหย่งพัฒนา อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เล่าว่าเป็นลูกสาวคนโตในพี่น้อง 4 คน มีเชื้อสายอาข่า-จีน เกิดในยุคที่ค่านิยมของคนในหมู่บ้านสมัยนั้นต้องการขายลูกสาวให้ไปค้าประเวณีเพื่อให้ครอบครัวอยู่รอด แต่โชคดีที่พ่อและแม่ไม่ยอมขายลูกเป็นโสเภณี และแม่ผู้ไม่มีสมบัติใดๆ มีความตั้งใจแน่วแน่ว่า มรดกเดียวที่สามารถให้ลูกได้คือการส่งเสริมเรื่องการศึกษา เมื่อโครงการพัฒนาดอยตุงฯ เข้ามาจึงได้มีโอกาสเรียนหนังสือและได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จนจบปริญญาตรี ซึ่งหนึ่งความฝันของครูดอยคนนี้ บอกว่าอยากเป็นครูตั้งแต่ ม.5 อยากสร้างโอกาสให้คนอื่น เหมือนที่ได้รับโอกาสบ้าง “ตอนนั้นหนูเปรียบเทียบอาชีพครูเหมือนเรามีมะม่วงอยู่ผลหนึ่ง แต่แทนที่เราจะกินหมดแล้วทิ้งไป เราเอาเมล็ดไปปลูกให้ผลิดอกออกผลต่อไปได้ การศึกษาเป็นสิทธิ์ที่คนเราทุกคนควรได้รับ เพราะมองว่าจะเป็นทางรอดของชีวิตอย่างยั่งยืนได้” 

 

        ส่วนมิติสิ่งแวดล้อม มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการทรัพยากรจากการฟื้นฟูต้นน้ำที่เคยโดนแผ้วถางเพื่อปลูกฝิ่นจนกลายเป็นภูเขาหัวโล้นประมาณ 100,000 ไร่ และจัดสรรพื้นที่ป่าตามการใช้ประโยชน์ ได้แก่ ป่าอนุรักษ์ ป่าเศรษฐกิจ ป่าใช้สอย ที่ทำกิน และที่อยู่อาศัย จึงไม่มีการบุกรุกป่า และมีพื้นที่ป่าอนุรักษ์มากถึงร้อยละ 70 ของพื้นที่ทั้งหมด พบพันธุ์ไม้ใหม่ของโลกกว่าสิบชนิด และมีสัตว์ป่าหลายชนิดมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าแห่งนี้ เช่น เลียงผา แมวดาว นกปีกแพรเขียว ปลาค้างคาวดอยตุง ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาและดูแลพื้นที่ป่ามากว่า 30 ปี 

 

       เมื่อ พ.ศ. 2563 มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้นำประสบการณ์ในการบริหารจัดการพื้นที่ป่าและทรัพยากรธรรมชาติไปริเริ่ม “โครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในการดูแลรักษาป่าชุมชนใน 9 จังหวัด โดยเชื่อว่าคาร์บอนเครดิตเป็นกลไกหนึ่งที่ตอบโจทย์ให้ชุมชนดูแลป่าและดูแลตัวเองได้พร้อมๆ กัน ทั้งยังลดการสูญเสียพื้นที่ป่า ลดปัญหาฝุ่นควัน pm 2.5 และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งเป็นฐานทรัพยากรที่สำคัญของประเทศด้วย

 

       ขณะเดียวกัน มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ยังทำหน้าที่เผยแพร่องค์ความรู้ พัฒนาศักยภาพ และผนึกกำลังกับพันธมิตรจากภาคเอกชนและภาคส่วนต่างๆ ดำเนินงานด้านความยั่งยืนหลายมิติ เช่น การยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเป้าหมายใหญ่ในการผลักดันให้การพัฒนาเศรษฐกิจดำเนินควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลถวายสมเด็จพระศรีนครินทร์ทราบรมราชชนนี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 21 ต.ค. 66

 
วันนี้ (21 ต.ค. 66) เวลา 14.00 น. ดร.วิรไท สันติประภพ ประธานกรรมการบริหารและ เลขาธิการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายสมเด็จพระศรีนครินทร์ทราบบรมราชชนนี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 21 ตุลาคม 2566 ณ ท้องพระโรง พระตำหนักดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง โดยมี พระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย นายนคร พงษ์น้อย ผู้อำนวยการอุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการราชการจังหวัดเชียงราย คณะกรรมการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระราชูปถัมภ์ ข้าราชการ ผู้พิพากษา ศาล ทหาร ตำรวจ ประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง ณ ท้องพระโรง พระตำหนักดอยตุง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย
 
 
เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกรไทย เป็นอนุสรณ์แสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อพระองค์ท่าน ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ อันเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชนนานัปการ พระราชทานพระเมตตาต่อชนทุกชั้นทุกวัย โดยไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ห่างไกลทุรกันดาร ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียน สอดส่องดูแลด้วยพระองค์เองทุกหนแห่ง เพื่อทรงให้เขาพึ่งพาตนเองได้ บังเกิดความอบอุ่นใจว่าเขามิได้ถูกทอดทิ้ง พระองค์ทรงเป็นพระมารดาแห่งการสังคมสงเคราะห์ของประเทศไทยโดยแท้ ทรงปลูกป่าบนดอยตุง ฟื้นฟูให้กลับคืนสภาพป่าธรรมชาติ โดยทรงประสานกับหลายหน่วยงาน สร้างสวนรุกขชาติบนดอยช้างมูบ ชุบชีวิตต้นไม้ ทรงคืนป่าให้กับดอยตุง อันเป็นแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ของการระดมกำลังปลูกป่าทั่วประเทศ ทรงยกฐานะสภาพความเป็นอยู่ของผู้ยากไร้ โดยโครงการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง และโครงการอื่นๆ เป็นที่ประจักษ์ทั่วทั้งแผ่นดิน พระตำหนักดอยตุง เป็นเสมือนบ้านหลังที่สองของพระองค์ท่าน เป็นพื้นที่ทรงงาน ที่ชาวบ้านเรียกว่าพระตำหนักสมเด็จย่า และขนานสมญานามพระองค์ว่า “แม่ฟ้าหลวงของปวงชนชาวไทย”
 
 
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2538 รวมสิริพระชนมายุ 94 พรรษา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงได้ปฏิบัติพระราชกรณียกิจและทรงงานด้วยความวิริยะอุตสาหะ เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทรงพัฒนาด้านการแพทย์ พยาบาล การสาธารณสุข และการศึกษา ทรงจัดตั้งหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มูลนิธิถันยรักษ์ และโครงการพัฒนาดอยตุง เมื่อปี พ.ศ. 2531
 
 
ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีได้กำหนดให้วันที่ 21 ตุลาคม เป็นวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ วันพยาบาลแห่งชาติ วันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ และวันรักต้นไม้แห่งชาติ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ชาวเชียงรายน้อมใจรำลึก 28 ปี สวรรคต “สมเด็จย่า”

 

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ที่อุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง อ.เมืองเชียงราย นายพุฒิพงษ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ คุณหญิงพวงร้อย ดิศกุล ณ อยุธยา หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล กรรมการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ นำข้าราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชน รวมทั้งตัวแทนชาวไทยภูเขา ร่วมประกอบพิธีถวายเครื่องสักการะถวายขันดอก แด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต ซึ่งตรงกับวันที่ 18 กรกฎาคมของทุกปี และปีนี้ครบปีที่ 28

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้นำกล่าวประกาศสดุดี เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หน้าพระรูปสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จากนั้นข้าราชการ ศาล ทหาร ตำรวจ และประชาชนที่แต่งกายด้วยชุดประจำเผ่า และชุดล้านนา เข้าถวายเครื่องสักการะถวายขันดอก ประกอบด้วย หมากเป็ง ต้นเทียน ต้นดอก ต้นผึ้ง เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ สมเด็จย่า ของปวงชนชาวไทย เสด็จสวรรคตที่โรงพยาบาลศิริราช รวมพระชนมายุ 95 พรรษา สมเด็จย่าเสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2443 ทรงเป็นบุตรคนที่ 3 ใน พระชนกชู และ พระชนนีคำ พระนามเดิมคือ สังวาลย์ ตะละภัฏ ในวัยประมาณ 7-8 ขวบ ครอบครัวได้นำพระองค์ไปฝาก คุณจันทร์ แสงชูโต ซึ่งเป็นพระพี่เลี้ยงในพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ ทรงเข้าเรียนมัธยมที่โรงเรียนสตรีวิทยา จากนั้นเข้าโรงเรียนแพทย์ผดุงครรภ์ และหญิงพยาบาลแห่งศิริราช หลังจากสำเร็จการศึกษา ระหว่างที่เรียนอยู่ปี 1 ได้ทรงพบกับ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสงขลานครินทร์ (พระบรมราชชนก) ซึ่งได้ทรงถูกพระทัย และขอพระราชทานพระราชานุญาตหมั้นกับ นางสาวสังวาลย์ จากนั้นทรงได้รับการคัดเลือกให้ไปทรงศึกษาวิชาพยาบาลต่อที่โรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ทรงมีพิธีอภิเษกสมรสกับ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2463 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อประชาชนไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านการแพทย์ ทรงจัดตั้งหน่วยแพทย์อาสา เดินทางไปรักษาผู้ป่วยในถิ่นทุรกันดารทั่วประเทศ ทรงตั้งมูลนิธิขาเทียมออกจัดทำขาเทียมให้ผู้พิการ
นอกจากนั้น ยังมีโครงการพัฒนาด้านการเกษตรและสิ่งแวดล้อมมากมาย อาทิ โครงการเกษตรหลวงดอยตุง จังหวัดเชียงราย ต่อมาได้มีการกำหนดให้ วันที่ 21 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันพยาบาลแห่งชาติ, วันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ, วันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ, วันรักต้นไม้แห่งชาติ และวันอาสาสมัครไทยอีกด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News