Categories
NEWS UPDATE

ฤดูร้อนไทยเริ่มช้ากว่า 2 สัปดาห์ เตรียมรับมือความร้อน

กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ฤดูร้อนปีนี้เริ่มช้า ย้ำให้ประชาชนเตรียมรับมือ

ประเทศไทย, 11 กุมภาพันธ์ 2568 – กรมอุตุนิยมวิทยาของไทยได้ประกาศคาดการณ์ฤดูร้อนปีนี้ว่า จะเริ่มต้นช้ากว่าปกติประมาณ 2 สัปดาห์ โดยคาดว่าจะมาถึงในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์และจะสิ้นสุดในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ภาพรวมของฤดูร้อนปีนี้จะมีลักษณะอากาศร้อนอบอ้าวเป็นระยะ สลับกับมีฝนฟ้าคะนองที่จะช่วยคลายความร้อนลงได้ในหลายพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีบางวันที่อากาศจะร้อนจัด โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน

อุณหภูมิและปริมาณฝน

ในช่วงฤดูร้อนนี้ อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยบริเวณประเทศไทยตอนบนจะอยู่ที่ประมาณ 35-36 องศาเซลเซียส ซึ่งใกล้เคียงกับค่าปกติที่ 35.4 องศาเซลเซียส แต่จะต่ำกว่าปีที่ผ่านมาเมื่อฤดูร้อนปี 2567 ซึ่งมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยที่ 37.5 องศาเซลเซียส สำหรับปริมาณฝนรวมเฉลี่ยคาดว่าจะมากกว่าค่าปกติ 10-20% ซึ่งจะช่วยบรรเทาความร้อนได้บ้าง

พายุฤดูร้อนและการเตรียมพร้อม

ทุกปีในช่วงฤดูร้อนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ มาพร้อมกับฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และบางครั้งมีลูกเห็บตก ซึ่งสามารถก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงผลผลิตทางการเกษตร อย่างไรก็ตาม ปริมาณฝนที่ตกไม่เพียงพอกับความต้องการในหลายพื้นที่ ทั้งด้านอุปโภคบริโภคและการเกษตร โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เกิดภัยแล้งซ้ำซากนอกเขตชลประทาน จึงขอแนะนำให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัดและเตรียมการป้องกันสภาวะดังกล่าว

การคาดการณ์สภาพอากาศตามภูมิภาค

ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: คาดการณ์ว่าจะมีอากาศร้อนอบอ้าวเกือบทั่วไป และมีอากาศร้อนจัดหลายพื้นที่ สลับกับมีฝนฟ้าคะนองและอาจมีลมกระโชกแรง รวมถึงลูกเห็บตกบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 41-43 องศาเซลเซียส

ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมทั้งชายฝั่ง: อากาศร้อนอบอ้าวจะครอบคลุมเกือบทั่วไป แต่จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นระยะ โดยอาจมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บในบางพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 40-42 องศาเซลเซียส

ภาคใต้: ช่วงเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายนจะมีอากาศร้อนในหลายพื้นที่ กับมีฝนตกประมาณ 20-30% ของพื้นที่ คลื่นลมในทะเลจะมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร จากนั้นจนถึงกลางเดือนพฤษภาคมจะมีฝนตกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะฝั่งตะวันตก อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 37-39 องศาเซลเซียส

กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล: จะมีอากาศร้อนเกือบทั่วไป แต่จะมีฝนฟ้าคะนองเป็นระยะ อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 38-39 องศาเซลเซียส

กรมอุตุนิยมวิทยาแนะนำให้ประชาชนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งการใช้น้ำอย่างประหยัดเพื่อรับมือกับฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงนี้.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมอุตุนิยมวิทยา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายเตือนประชาชนรับมืออากาศเย็นและหมอกหนา

เชียงรายอุณหภูมิลดต่ำ หมอกหนาจัด ผู้ขับขี่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 สื่อมติชนรายงานว่า ประชาชนชาวเชียงรายผู้ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่สัญจรบนท้องถนน โดยเฉพาะถนนพหลโยธิน สายแม่จัน-แม่สาย ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ เนื่องจากสภาพอากาศที่เย็นลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีหมอกหนาปกคลุมในช่วงเช้า ซึ่งลดรัศมีการมองเห็นของผู้ขับขี่เหลือไม่ถึง 1 กิโลเมตร ส่งผลให้ผู้ขับขี่ต้องเปิดไฟหน้ารถเพื่อป้องกันอันตราย โดยหมอกหนานี้เกิดขึ้นในช่วงเช้ามืดถึงสาย ก่อนที่จะสลายตัวไป ลักษณะดังกล่าวพบได้ทุกวันในช่วงนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่นอกเมืองหรือพื้นที่ที่มีความหนาแน่นของป่าและนาข้าว

การเตรียมรับมือสภาพอากาศเย็นจากมวลอากาศเย็นจากจีน

นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ทางจังหวัดได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ 18 อำเภอให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์อุณหภูมิที่ลดต่ำลง ภายหลังจากที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศฉบับที่ 1 ระบุว่ามวลอากาศเย็นกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงจากประเทศจีนกำลังแผ่ลงมาปกคลุมทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทำให้ในระยะแรกมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในบางพื้นที่ ก่อนที่อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ทำให้อากาศในตอนเช้าเย็นจัดและมีลมแรง โดยเฉพาะในเขตจังหวัดทางตอนบนของประเทศไทย

คำแนะนำในการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยจากอากาศหนาว

นายประเสริฐกล่าวว่า ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสภาพอากาศจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด และควรสวมใส่เสื้อผ้าหนาๆ เพื่อรักษาความอบอุ่นให้กับร่างกาย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ผู้พิการ และสตรีมีครรภ์ ควรดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ และควรงดเว้นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อลดความหนาว เนื่องจากแอลกอฮอล์จะทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อน ซึ่งอาจทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำจนเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้

นอกจากนี้ ประชาชนควรระมัดระวังการก่อไฟผิงเพื่อคลายความหนาว เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอัคคีภัยได้ หากไม่มีการดูแลอย่างเหมาะสม ทั้งนี้ คำแนะนำดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงสิ้นสุดฤดูหนาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News