Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

HADR เชียงราย! ลำเลียงสิ่งของหลายตัน บินด่วนช่วย อุทกภัยสงขลา สร้าง ความสามัคคี ข้ามภูมิภาค

จากเหนือสุดแดนสยามถึงปลายด้ามขวาน” เชียงรายส่งน้ำใจก้อนใหญ่ บินด่วนถึงหาดใหญ่ สานภาพ ‘ความสามัคคี’ ข้ามภูมิภาค

เชียงราย, 27 พฤศจิกายน 2568 – ท่ามกลางข่าวสถานการณ์อุทกภัยที่ยังสร้างความเดือดร้อนวงกว้างในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ภาพอีกมุมหนึ่งที่เกิดขึ้น ณ “ฝูงบิน 416 กองทัพอากาศ จังหวัดเชียงราย” กลับสะท้อนพลังในเชิงบวกของสังคมไทยได้อย่างชัดเจน เมื่อศูนย์ปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (Humanitarian Assistance and Disaster Relief – HADR) แห่งนี้ กลายเป็นจุดรวมหัวใจของชาวเชียงรายและภาคเหนือ ที่พร้อมส่ง “น้ำใจ” จากปลายแผ่นดินเหนือสุด ไปช่วยพี่น้องที่ปลายด้ามขวานของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

ในช่วงเย็นของวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 ประชาชนจิตอาสา หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา และภาคีเครือข่ายจากหลายภาคส่วนกว่า 400 คน พร้อมใจกันมารวมตัวที่ฝูงบิน 416 เพื่อร่วมกันคัดแยก บรรจุ และจัดเตรียมสิ่งของบริจาคจำนวนหลายตันให้พร้อมสำหรับ “การลำเลียงล็อตแรก” โดยเที่ยวบินคาร์โกพิเศษในวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ปลายทางคือ ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ และกองบิน 56 จังหวัดสงขลา ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางการกระจายความช่วยเหลือต่อไป

 

ฉากสำคัญที่ฝูงบิน 416 วันหนึ่งของ “น้ำใจ” ที่หนาแน่นเต็มคลัง

อาคารคลังบรรเทาสาธารณภัยของฝูงบิน 416 ในเย็นวันดังกล่าวแทบไม่เหลือพื้นที่ว่าง พื้นห้องและลานด้านนอกเต็มไปด้วยกล่องสิ่งของบริจาคที่เรียงซ้อนกันเป็นแถวสูง ทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ผ้าอนามัย ผ้าอ้อมเด็กและผู้ใหญ่ ยารักษาโรคขั้นพื้นฐาน ของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงอุปกรณ์ทำความสะอาดและสุขอนามัยหลังน้ำลด

บรรยากาศการทำงานของอาสาสมัครเป็นไปอย่างคึกคักแต่เป็นระบบ มีการตั้งโต๊ะแยกประเภทสิ่งของ จัดทีมคัดแยก ทีมบรรจุ และทีมติดสติกเกอร์ระบุปลายทางอย่างละเอียด ทุกขั้นตอนดำเนินไปภายใต้การประสานงานของเจ้าหน้าที่ฝูงบิน 416 ซึ่งมีประสบการณ์ด้าน HADR คอยดูแลให้กระบวนการเป็นไปอย่างรัดกุม ปลอดภัย และพร้อมต่อการลำเลียงขึ้นเครื่องบินในเวลาอันจำกัด

สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่เพียงปริมาณสิ่งของที่หลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่อง แต่คือ “องค์ประกอบของผู้ให้” ที่มีตั้งแต่เด็กนักเรียนตัวเล็ก ๆ ที่มาช่วยจัดกระป๋องนม ไปจนถึงผู้สูงอายุที่อาสามาช่วยจัดถุงยังชีพ ขณะที่ตัวแทนภาคเอกชนบางรายนำทั้งสิ่งของและรถบรรทุกมาสนับสนุนการขนย้ายโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ภาพเหล่านี้สะท้อน “พลังสาธารณะ” ที่รวมกันจนกลายเป็นขบวนการช่วยเหลือขนาดใหญ่ในระดับจังหวัด

จากบทเรียน “น้ำท่วมเชียงราย 2567” สู่ภารกิจ “ส่งพลังกลับ” ให้ภาคใต้

เบื้องหลังปฏิบัติการครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะเห็นข่าวภัยพิบัติในภาคใต้แล้วอยากช่วยเท่านั้น แต่มีต้นทุนทางประสบการณ์ร่วมจาก “บาดแผลน้ำท่วม” ของชาวเชียงรายเองในปี 2567 เป็นแรงผลักสำคัญ

นาวาอากาศเอก ปราโมทย์ กุยแก้ว
ผู้บังคับฝูงบิน 416 กองทัพอากาศ จังหวัดเชียงราย อธิบายด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า

“เชียงรายรู้ดีว่าความทุกข์จากน้ำท่วมเป็นอย่างไร เพราะเราเคยผ่านเหตุการณ์ใหญ่ในปี 2567 ที่ผ่านมาเราก็ได้รับการช่วยเหลือจากคนไทยทั่วประเทศ วันนี้จึงอยากส่งพลังกลับไปช่วยพี่น้องภาคใต้ให้เร็วที่สุด… สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ คือภาพของความสามัคคีที่งดงามที่สุดครั้งหนึ่งของชาวเชียงราย”

คำกล่าวนี้ไม่ใช่เพียงถ้อยแถลงเชิงพิธีการ แต่สะท้อน “ความทรงจำร่วม” ของจังหวัดที่เคยเป็นผู้รับมาก่อน เมื่อเผชิญอุทกภัยรุนแรงในปีที่ผ่านมา เชียงรายได้รับการช่วยเหลือจากหลายจังหวัด ทั้งสิ่งของ งบประมาณ และกำลังคน วันนี้เมื่ออีกภูมิภาคหนึ่งของประเทศกำลังเผชิญสถานการณ์ใกล้เคียงกัน เชียงรายจึงเลือกจะลุกขึ้นมาทำหน้าที่ “ผู้ส่งต่อพลัง” (Pay it Forward) อย่างเต็มกำลัง

ในมิติของสังคมศึกษา ปรากฏการณ์เช่นนี้สะท้อน “ความทรงจำเชิงบวกต่อรัฐและสังคม” ที่ยังคงอยู่ในใจประชาชน การเคยได้รับการช่วยเหลือในอดีต ทำให้การช่วยเหลือผู้อื่นในปัจจุบันมีความหมายลึกซึ้งกว่าการบริจาคเพียงครั้งเดียว แต่เป็นการ “ตอบแทน” สู่วัฏจักรใหม่ของความร่วมมือระดับชาติ

ยุทธศาสตร์ “ปีกเหล็ก” เมื่อเส้นทางอากาศคือช่องทางที่เร็วและปลอดภัยที่สุด

ในสถานการณ์ที่ถนนหลายสายในภาคใต้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม การขนส่งสิ่งของบริจาคโดยรถบรรทุกจากภาคเหนือไปถึงหาดใหญ่เต็มไปด้วยอุปสรรค ทั้งระยะทางที่ยาวนาน เส้นทางบางช่วงที่ยังถูกน้ำท่วมขัง และความเสี่ยงด้านเวลา

ฝูงบิน 416 จึงออกแบบ “ยุทธศาสตร์การขนส่งทางอากาศ” เป็นกลไกหลักของภารกิจครั้งนี้ ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง

  • ฝูงบิน 416 กองทัพอากาศ จังหวัดเชียงราย
  • ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
  • บริษัท พัทยา แอร์เวย์

แผนลำเลียง “ล็อตแรก” ประกอบด้วย

  1. เที่ยวบินคาร์โก (Cargo Flight) 1 ธันวาคม 2568
    สิ่งของบริจาคที่จัดเตรียมอย่างเหมาะสมต่อการขึ้นเครื่อง เช่น อาหารแห้ง กล่องยังชีพ ผ้าอนามัย ผ้าอ้อม ยาสามัญ และอุปกรณ์จำเป็นอื่น ๆ จะถูกลำเลียงขึ้นเครื่องบินคาร์โกของสายการบินพันธมิตร โดยออกจากท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ไปลงที่
    • ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่
    • กองบิน 56 จังหวัดสงขลา
      ทั้งสองจุดนี้จะทำหน้าที่เป็น “ศูนย์กระจายสิ่งของ” เพื่อกระจายต่อไปยังศูนย์พักพิงและชุมชนที่ได้รับผลกระทบ
  2. การขนส่งภาคพื้นดินด้วยรถบรรทุก 10 ล้อ
    สำหรับสิ่งของบางประเภทที่ไม่สามารถขึ้นเครื่องบินได้ หรือมีน้ำหนักมากเป็นพิเศษ เช่น น้ำดื่มบรรจุขวดปริมาณมาก ข้าวสารเป็นกระสอบใหญ่ วัสดุทำความสะอาดขนาดใหญ่ หรืออุปกรณ์ที่เข้าข่ายของต้องห้ามบนเครื่องบิน จะถูกส่งตามไปด้วยรถบรรทุก 10 ล้อ ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนในจังหวัดเชียงราย

การผสมผสาน “ปีกเหล็กในอากาศ” กับ “ล้อเหล็กบนถนน” ทำให้ภารกิจบรรเทาทุกข์ครั้งนี้มีความยืดหยุ่น สามารถจัดลำดับความสำคัญของสิ่งของที่ต้องถึงมือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วนให้เดินทางด้วยเที่ยวบิน ในขณะที่สิ่งของขนาดใหญ่และหนักสามารถทยอยส่งตามไปโดยไม่สร้างภาระต่อระบบขนส่งกลาง

สถิติ–สิ่งของ–ความต้องการจริง “หลังน้ำลด” จึงจะรู้ว่าต้องการอะไรที่สุด

แม้ภาพจำเรื่องน้ำท่วมมักเชื่อมโยงกับการขาดอาหารและน้ำดื่ม แต่จากการประเมินร่วมของฝูงบิน 416 และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ภาคใต้ พบว่า “โจทย์สำคัญ” หลังน้ำเริ่มลดลงกลับอยู่ที่ “สุขอนามัย–การทำความสะอาด–การป้องกันโรค” ซึ่งมีผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตระยะกลางของผู้ประสบภัย

สิ่งของที่ถูกจัดให้อยู่ในลำดับความสำคัญสูง จึงไม่ได้มีเพียงข้าวสาร อาหารแห้ง หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่รวมถึงชุดอุปกรณ์ “หลังน้ำลด” ที่จำเป็นต่อทุกครัวเรือน ได้แก่

  • น้ำยาฆ่าเชื้อและน้ำยาทำความสะอาด
  • แปรงขัดพื้นและแปรงทำความสะอาดขนาดต่าง ๆ
  • ผ้าอ้อมเด็ก–ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ สำหรับผู้ป่วยและผู้สูงอายุ
  • ยากันยุงและอุปกรณ์ป้องกันแมลงพาหะโรค
  • ไฟฉายและถ่านไฟฉาย เนื่องจากยังมีพื้นที่ที่ระบบไฟฟ้ายังไม่สามารถใช้งานได้เต็มที่

การออกแบบรายการสิ่งของบริจาคในลักษณะนี้จึงไม่ใช่เพียงการ “ให้ตามความเคยชิน” แต่เป็นการ “ให้ตามความต้องการจริงของพื้นที่” (Fact-based Need) ซึ่งช่วยลดทั้งการสิ้นเปลืองทรัพยากรและเพิ่มประสิทธิภาพของการช่วยเหลือในเชิงคุณภาพ

การเปิดรับบริจาคจะยังดำเนินการต่อเนื่องจนถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2568 ณ ฝูงบิน 416 ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย และจุดรับบริจาคของภาคีเครือข่ายในจังหวัด เพื่อเตรียมจัดส่ง “ล็อตถัดไป” ให้เชื่อมต่อภารกิจแรกอย่างต่อเนื่อง

มองลึกในมิติ HADR กองทัพอากาศกับบทบาท “มากกว่า” ความมั่นคงทางอากาศ

ในมุมของยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง ภารกิจ “เชียงรายส่งใจไปหาดใหญ่” ครั้งนี้ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการขยายบทบาทกองทัพอากาศจากเดิมที่ถูกมองว่าเป็น “กำลังรบทางอากาศ” ไปสู่การเป็น “กำลังหลักด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ”

ฝูงบิน 416 ในฐานะหน่วยปฏิบัติการเชิงยุทธศาสตร์ในภาคเหนือ ได้ทำหน้าที่เสมือน “ศูนย์ HADR” ที่สามารถ

  • รับ–จัดการ–คัดแยกสิ่งของบริจาคจากประชาชน
  • ประสานกับท่าอากาศยานและสายการบินเพื่อจัดเที่ยวบินเฉพาะกิจ
  • ทำงานร่วมกับหน่วยงานพลเรือนและภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด

โครงสร้างการทำงานเช่นนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการลำเลียงสิ่งของ แต่ยังสร้าง “ความเชื่อมั่น” ให้กับประชาชนว่า การบริจาคของเขาจะถูกนำไปใช้อย่างตรงจุดและตรวจสอบได้

ในมิติของการบริหารจัดการภัยพิบัติสมัยใหม่ นี่คือภาพของ “Good Governance in Disaster Management” ที่หน่วยงานด้านความมั่นคงเข้ามาทำงานแบบคู่ขนานกับภาครัฐพลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยไม่ซ้ำซ้อนกัน แต่เกื้อหนุนกันในแต่ละจุดที่ตนเองมีจุดแข็งมากที่สุด

การเมืองภาคประชาชน เมื่อ “คนธรรมดา” ลุกขึ้นมาสร้างความหมายให้คำว่า “ชาติ”

ปรากฏการณ์ที่มีประชาชนกว่า 400 คน มาร่วมคัดแยกและบรรจุสิ่งของบริจาค ณ ฝูงบิน 416 ในวันเดียว ไม่ได้สะท้อนเพียงความมีน้ำใจของคนเชียงรายเท่านั้น แต่ยังสะท้อน “พลวัตของการเมืองภาคประชาชน” (Citizen Politics) ในรูปแบบที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งหรือการชุมนุม หากเกี่ยวข้องกับ “การลงมือช่วยกันในยามวิกฤต”

ในมุมนี้ การบริจาคและการลงแรงด้วยตนเอง คือการแสดงออกทางการเมืองในความหมายของ “ความห่วงใยต่อส่วนรวม” และ “การรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน” ซึ่งมักทำให้ความขัดแย้งเชิงการเมืองในระดับวาทกรรมลดทอนความสำคัญลง เมื่อผู้คนสามารถจับต้องการช่วยเหลือกันในระดับปฏิบัติได้อย่างแท้จริง

ยิ่งไปกว่านั้น การที่แรงจูงใจในการช่วยเหลือครั้งนี้มีส่วนมาจากประสบการณ์น้ำท่วมใหญ่ในเชียงรายปี 2567 ยิ่งทำให้เห็นว่า “ความเจ็บปวดร่วม” สามารถกลายเป็น “ทุนทางสังคม” ที่ทรงพลังได้ หากได้รับการจัดการและชี้นำไปในทิศทางของการช่วยเหลือกัน ไม่ใช่การโทษกัน

นโยบายสาธารณะและบทเรียนสำหรับวิกฤตรอบต่อไป

หากมองในระยะยาว ภารกิจ “เชียงรายส่งใจไปหาดใหญ่” ยังเป็นตัวอย่างน่าสนใจของการออกแบบนโยบายสาธารณะด้านภัยพิบัติ ที่เชื่อมโยง “ทรัพยากร กระบวนการ และผู้เล่น” จากหลายภาคส่วนเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ

  • กองทัพอากาศ เสนอขีดความสามารถด้านลำเลียงทางอากาศ
  • ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย เปิดพื้นที่และระบบรองรับด้านโลจิสติกส์
  • บริษัท พัทยา แอร์เวย์ สนับสนุนเที่ยวบินคาร์โกสำหรับบรรทุกสิ่งของ
  • ภาคเอกชนร่วมสนับสนุนรถบรรทุกและทรัพยากรเพิ่มเติม
  • ภาคประชาชนและจิตอาสา เป็น “พลังหลัก” ในการจัดการสิ่งของให้พร้อมลำเลียง

กระบวนการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นบนฐานของ “ข้อมูลจริงจากพื้นที่ภาคใต้” ว่าต้องการอะไร เมื่อไร และมากน้อยเพียงใด ช่วยให้การจัดสรรทรัพยากรไม่ซ้ำซ้อน และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริจาคว่าความช่วยเหลือของตนถูกส่งไป “ถูกที่–ถูกเวลา–ถูกความต้องการ”

ในอนาคต รูปแบบการทำงานเช่นนี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับวิกฤติอื่น ๆ ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง แผ่นดินไหว หรือภัยพิบัติรูปแบบใหม่ที่อาจเกิดขึ้นท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความซับซ้อนทางเศรษฐกิจ–สังคมได้เช่นกัน

น้ำอาจมาสูง แต่ “น้ำใจ” ของคนไทยยังสูงกว่า

แม้ระยะทางระหว่างเชียงรายกับหาดใหญ่จะยาวไกลนับพันกิโลเมตร แต่ในวันที่น้ำท่วมกลายเป็นบททดสอบใหม่ของภาคใต้ ระยะทางดังกล่าวกลับถูกลดทอนลงด้วย “ความเร็วของน้ำใจ” ที่เดินทางจากเหนือสุดแดนสยามสู่ปลายด้ามขวาน ผ่านปีกเครื่องบินคาร์โก และผ่านมือของจิตอาสานับร้อยที่ช่วยกันบรรจุทุกกล่องด้วยความห่วงใย

คำกล่าวทิ้งท้ายของ นาวาอากาศเอก ปราโมทย์ กุยแก้ว สะท้อนใจกลางภารกิจครั้งนี้ได้อย่างชัดเจนว่า

“เราจะส่งทุกสิ่งที่เรามี ทั้งกำลังกายและกำลังใจไปช่วยให้เร็วที่สุด ขอให้ทุกคนผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัย”

ประโยคสั้น ๆ นี้ไม่เพียงส่งถึงชาวหาดใหญ่และภาคใต้ หากยังส่งถึงสังคมไทยทั้งประเทศ ว่าในยามวิกฤต พลังที่สำคัญที่สุดอาจไม่ใช่เครื่องจักรกลหนักหรืองบประมาณจำนวนมหาศาล หากคือ “หัวใจที่ไม่ยอมทิ้งกัน”

ในวันหนึ่งของปลายเดือนพฤศจิกายน 2568 ที่ฝูงบิน 416 เชียงราย กล่องสิ่งของนับพันกล่องอาจเป็นเพียงวัตถุที่ถูกส่งข้ามฟ้าไปยังสงขลา แต่ในความรู้สึกของผู้รับ–ผู้ให้ และผู้ที่มองเห็นปรากฏการณ์นี้ นี่คือ “พลังใจ” ที่เดินทางด้วยความเร็วเหนือเสียง เพื่อยืนยันว่า ไม่ว่าภัยพิบัติจะรุนแรงเพียงใด ประเทศนี้ยังมี “สะพานของความสามัคคี” เชื่อมคนไทยจากเหนือจรดใต้ไว้ด้วยกันเสมอ

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • ฝูงบิน 416 กองทัพอากาศ จังหวัดเชียงราย
  • บริษัท พัทยา แอร์เวย์
  • หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่จังหวัดเชียงราย (มทบ.37, กอ.รมน.จังหวัดเชียงราย, กลุ่ม พคบ.กอ.รมน.เชียงราย)
  • กลุ่มประชาชนจิตอาสาในจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

เหนือจรดใต้ ศาสนาพหุวัฒนธรรมเชียงรายผนึกกำลังส่งน้ำใจช่วยน้ำท่วมสงขลา

เชียงรายส่งน้ำใจ “เหนือจรดใต้” ศาสนาพหุวัฒนธรรมรวมพลังช่วยน้ำท่วมสงขลา เมื่อพี่น้องภาคใต้ต้องเผชิญวิกฤตน้ำท่วมหนัก ชาวเชียงรายจากทุกศาสนาไม่นิ่งนอนใจ ผนึกกำลังส่งมอบความหวังผ่านโครงการ “ฮัก” หาดใหญ่! พิสูจน์ว่าความเป็นไทยไม่แบ่งแยกศาสนา ไม่จำกัดภูมิภาค

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 ที่สำนักงานนครเชียงรายนิวส์ อำเภอเมืองเชียงราย ภาพที่ปรากฏไม่ใช่แค่การส่งมอบกล่องสิ่งของธรรมดา แต่เป็นภาพสะท้อนความสามัคคีที่ทรงพลังของสังคมพหุวัฒนธรรม ขณะที่ผู้แทนจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาซิกข์ และสมาคมชาวไทย-อินเดีย ในจังหวัดเชียงราย ร่วมกันนำสิ่งของจำเป็น น้ำดื่ม และอาหารแห้ง มาร่วมสมทบในโครงการ “ฮัก” หาดใหญ่! เพื่อส่งต่อกำลังใจไปยังพี่น้องผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดสงขลาและพื้นที่ใกล้เคียงที่กำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

วิกฤตน้ำท่วมใต้ – ภัยพิบัติที่ส่งผลกระทบต่อเนื่อง

สถานการณ์ฝนตกหนักและน้ำท่วมในจังหวัดสงขลาและพื้นที่ใกล้เคียงในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2568 ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชน ศาสนสถาน และผู้นำศาสนาทุกศาสนาอย่างหนัก ผู้คนจำนวนมากต้องอพยพหนีน้ำ บ้านเรือนเสียหาย ทรัพย์สินถูกทำลาย และที่สำคัญคือความเดือดร้อนในการดำรงชีวิตประจำวันที่ขาดแคลนสิ่งของจำเป็นขั้นพื้นฐาน

ในขณะที่ภาคใต้กำลังเผชิญวิกฤต เสียงตอบรับจากทั่วประเทศก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจากจังหวัดเชียงราย ดินแดนล้านนาทางภาคเหนือที่ห่างไกลกว่า 2,000 กิโลเมตร แต่กลับใกล้ชิดด้วยน้ำใจและความเป็นพี่น้องคนไทยเดียวกัน

ฮัก” หาดใหญ่ – โครงการที่เกิดจากหัวใจ

โครงการ “ฮัก” หาดใหญ่! และ “ไทยรวมใจที่เซ็นทรัล” ชาวเชียงรายรวมพลัง ส่งน้ำใจช่วยน้ำท่วมสงขลา เป็นโครงการที่เกิดจากการผนึกกำลังขององค์กรสำคัญหลายภาคส่วนในจังหวัดเชียงราย โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือการรับบริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรค และของใช้จำเป็นต่างๆ เพื่อส่งต่อให้ผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย

การดำเนินงานของโครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากองค์กรและหน่วยงานสำคัญทั้งภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย 6 องค์กรหลัก ได้แก่ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์, CPALL บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), ไปรษณีย์จังหวัดเชียงราย, และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย

โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงรายได้เปิดจุดรับบริจาค “ไทยรวมใจที่เซ็นทรัล” เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนทั่วไปสามารถร่วมบริจาคสิ่งของได้อย่างสะดวก ขณะที่สำนักงานนครเชียงรายนิวส์ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางรับบริจาคหลัก ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากหลายภาคส่วนในจังหวัดเชียงรายตั้งแต่เริ่มโครงการ

เมื่อศาสนาพหุนำพาความหวัง

สิ่งที่น่าประทับใจอย่างยิ่งในครั้งนี้คือการเข้าร่วมของกลุ่มศาสนาที่หลากหลาย โดยเฉพาะผู้แทนจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาซิกข์ และสมาคมชาวไทย-อินเดีย ในจังหวัดเชียงราย ซึ่งได้นำสิ่งของมาร่วมสมทบในโครงการดังกล่าว การมีส่วนร่วมของกลุ่มศาสนาเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความเป็นพหุวัฒนธรรมของสังคมไทย แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าสากลของทุกศาสนาที่ส่งเสริมความเมตตาและการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

นายสุเรชเจริญ อุปรา หนึ่งในคณะกรรมการของสมาคมชาวไทย-อินเดีย จังหวัดเชียงราย และผู้แทนศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและศาสนาซิกข์ในจังหวัดเชียงราย ได้ให้สัมภาษณ์อย่างประทับใจถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้

“สมาคมชาวไทย-อินเดีย จังหวัดเชียงราย ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาซิกข์ เป็นองค์กรทางศาสนาที่อยู่ร่วมกับชุมชนในท้องถิ่น เรารู้สึกสงสารและเห็นใจพี่น้องชาวใต้ พี่น้องชาวหาดใหญ่เป็นอย่างมาก” นายสุเรชเจริญ อุปรา กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ

บทเรียนจากอดีต – เมื่อเชียงรายเคยเป็นผู้รับความช่วยเหลือ

สิ่งที่น่าสนใจและสะท้อนถึงหลักการ “กรรมดี” ของสังคมไทยคือการที่นายสุเรชเจริญ อุปราได้ย้อนระลึกถึงช่วงเวลาที่จังหวัดเชียงรายเองก็เคยประสบภัยพิบัติในอดีต และได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องชาวใต้และภาคอื่นๆ ของประเทศอย่างเอื้ออาทร

“ในคราวที่เชียงรายเกิดภัยพิบัติ ทางภาคใต้ หลายจังหวัด รวมทั้งภาคอีสาน และกรุงเทพมหานคร ก็ได้ให้ความช่วยเหลือกับทางจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะพี่น้องเราที่อยู่ในแม่สาย ซึ่งมีชาวอินเดียอยู่ ก็ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก และได้รับการช่วยเหลือจากพี่น้องทั่วแผ่นดิน” นายสุเรชเจริญ อุปราเล่าถึงความทรงจำที่ฝังใจ

การระลึกถึงความดีที่เคยได้รับนี้เองที่กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ชุมชนชาวไทย-อินเดียและกลุ่มศาสนาในเชียงรายตัดสินใจร่วมมือกันส่งความช่วยเหลือกลับไปยังภาคใต้ในครั้งนี้ มันคือการตอบแทนคุณและการส่งต่อน้ำใจที่สวยงาม แสดงให้เห็นว่าความช่วยเหลือที่เราให้ไปจะกลับมาหาเราในรูปแบบของวัฏจักรแห่งความดีที่ไม่มีวันสิ้นสุด

น้ำใจที่ไร้พรมแดน – ข้ามภูมิภาค ข้ามศาสนา

นายสุเรชเจริญ อุปราได้กล่าวต่อด้วยความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมว่า “เมื่อประชาชนหรือพวกเราทุกคนเกิดเหตุภัยพิบัติ วันนี้เราก็อยากจะมีส่วนร่วมอย่างน้อยๆ เป็นกำลังใจให้กับพี่น้องชาวใต้ให้รู้สึกดีขึ้น ให้ไม่ต้องวิตกกังวลจนเกินไป ผมเชื่อว่าคนทั่วแผ่นดินยินดีที่จะเข้าร่วม และเราก็ขอเป็นส่วนหนึ่งในนั้น”

คำพูดของนายสุเรชเจริญ อุปราสะท้อนให้เห็นถึงจิตสำนึกที่ดีงามของการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มใด ศาสนาใด หรือภูมิภาคใด เมื่อเห็นเพื่อนมนุษย์ตกทุกข์ได้ยาก ก็พร้อมที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือด้วยความจริงใจ

ในช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ นายสุเรชเจริญ อุปราได้แสดงความปรารถนาดีด้วยความศักดิ์สิทธิ์และความเคารพต่อศาสนาทุกศาสนา โดยกล่าวว่า “ขอพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้า เทพยดาทุกพระองค์ในศาสนา และคุรุในศาสนา โปรดพรหมบันดาลให้ภัยพิบัติในครั้งนี้ได้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย ให้พี่น้องชาวใต้ พี่น้องชาวหาดใหญ่ กลับมาฟื้นคืนชีพ และกลับมาใช้ชีวิตโดยปกติสุขโดยเร็ว”

เขายังขอให้พระองค์ทุกศาสนา ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธศาสนา พระสงฆ์ สถาบันศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ และศาสนาซิกข์ โปรดประทานพรให้พี่น้องชาวใต้และประชาชนทั้งหมดผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยดี การอธิษฐานข้ามศาสนาเช่นนี้สะท้อนถึงความเชื่อที่ว่าทุกศาสนามีแก่นแท้เดียวกันคือความรัก ความเมตตา และความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์

การยอมรับจากภาครัฐ – ความสามัคคีที่เป็นรูปธรรม

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้เข้าร่วมการส่งมอบสิ่งของในครั้งนี้ และได้กล่าวขอบคุณผู้แทนศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาซิกข์ และสมาคมชาวไทย-อินเดีย ในจังหวัดเชียงราย ที่เล็งเห็นความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือพี่น้องคนไทยในทุกศาสนา

นายพิสันต์ได้เน้นย้ำว่า การให้ความช่วยเหลือพี่น้องคนไทยในทุกศาสนาถือเป็นการแสดงออกถึงความสามัคคีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในชาติอย่างแท้จริง การที่หน่วยงานภาครัฐอย่างสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายให้การสนับสนุนและยกย่องการกระทำของกลุ่มศาสนาเหล่านี้ ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างศาสนาและการสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือในการช่วยเหลือสังคม

ภาคใต้ไม่ได้อยู่ลำพัง – ศูนย์รับบริจาคเชื่อมโยงทั่วประเทศ

ขณะที่ความช่วยเหลือหลั่งไหลมาจากภาคเหนือ ภาคใต้เองก็ได้จัดระบบรองรับอย่างเป็นระบบ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสงขลา ได้ร่วมมือกับคณะสงฆ์จังหวัดสงขลา และองค์การศาสนา 5 ศาสนา เปิดศูนย์รับบริจาคช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ เพื่อจัดส่งสิ่งของจำเป็นลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที

การประสานงานระหว่างหน่วยงานภาครัฐ องค์กรศาสนา และภาคเอกชนทั้งในพื้นที่ภัยพิบัติและพื้นที่ที่ส่งความช่วยเหลือ แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของระบบการจัดการภัยพิบัติของไทย และที่สำคัญคือความสามัคคีของคนไทยที่พร้อมจะช่วยเหลือกันเมื่อเกิดวิกฤต

เมื่อความแตกต่างกลายเป็นพลังรวม

เหตุการณ์ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 ที่สำนักงานนครเชียงรายนิวส์ ไม่ใช่แค่การส่งมอบสิ่งของบรรเทาภัยธรรมดา แต่เป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าสังคมไทยเป็นสังคมพหุวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง ที่ผู้คนจากศาสนาที่แตกต่างกันสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ และพร้อมจะร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม

น้ำใจจากชาวเชียงรายและกลุ่มศาสนาที่มากล้นในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงคุณค่าของการอยู่ร่วมกันในสังคมที่เคารพความแตกต่าง แต่รวมกันด้วยความเป็นมนุษย์ ไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา หรือภูมิภาค เมื่อมีคนตกทุกข์ได้ยาก ทุกคนก็พร้อมที่จะเป็นพี่น้องกันและยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

โครงการ “ฮัก” หาดใหญ่! คำว่า “ฮัก” ในภาษาถิ่นหมายถึง “รัก” หรือ “เอ็นดู” ซึ่งสื่อถึงความรู้สึกที่อบอุ่นและความเป็นพี่น้อง ชื่อโครงการนี้จึงสะท้อนถึงแก่นแท้ของการช่วยเหลือครั้งนี้ที่ไม่ได้มาจากหน้าที่หรือภาระบังคับ แต่มาจากความรักและความเอื้ออาทรที่มีต่อกันในฐานะคนไทยและเพื่อนมนุษย์

ในยามที่ภัยพิบัติทำให้ผู้คนต้องแยกจากกัน น้ำใจของคนไทยกลับทำให้ทุกคนใกล้ชิดกันมากขึ้น ระยะทาง 2,000 กิโลเมตรระหว่างเชียงรายกับหาดใหญ่ดูเหมือนจะหายไปเมื่อความเป็นพี่น้องเชื่อมโยงหัวใจของผู้คนเข้าด้วยกัน

สิ่งของที่ส่งไปอาจไม่ได้มากมายมหาศาล แต่ความหมายที่อยู่เบื้องหลังนั้นยิ่งใหญ่ มันคือการส่งต่อความหวัง ความอบอุ่น และข้อความที่ว่า “พี่น้องไม่ได้อยู่คนเดียว เรายังอยู่ที่นี่และพร้อมจะช่วยเหลือเสมอ”

การรวมพลังครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระยะสั้น แต่ยังเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างภูมิภาค ระหว่างศาสนา และระหว่างผู้คนที่มีความแตกต่างหลากหลาย แต่มีหัวใจเดียวกันคือหัวใจของการให้ การแบ่งปัน และความเป็นพี่น้อง

ในอนาคต เมื่อมองย้อนกลับมาที่เหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ปี 2568 นอกจากความเสียหายและความทุกข์ยากแล้ว สิ่งที่จะถูกจดจำคือเรื่องราวของความสามัคคี ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และพลังของน้ำใจที่ไหลจากทุกทิศทั่วประเทศมาบรรจบกันที่ภาคใต้ รวมถึงเรื่องราวของกลุ่มชาวไทย-อินเดียและกลุ่มศาสนาในเชียงรายที่แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าเราจะมีที่มาจากไหน นับถือศาสนาใด เราล้วนเป็นคนไทยและเป็นมนุษย์ที่พร้อมจะช่วยเหลือกันในยามยาก

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เขียนโดย : กันณพงศ์ ก.บัวเกษร
  • เรียบเรียงโดย : มนรัตน์ ก.บัวเกษร
  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์
  • สมาคมชาวไทย-อินเดีย จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
NEWS UPDATE

สงขลาโฟกัสส่งจดหมายเปิดผนึก ถึงผู้ว่าฯ จี้ 5 มาตรการเยียวยาหลังน้ำท่วม

วิกฤตอุทกภัยใต้ สงขลาสั่งอพยพด่วนทั่วหาดใหญ่ ตัวเลขชี้กระทบกว่า 7 แสนครัวเรือน ขณะที่ “เชียงราย” เปิดภารกิจ HUG หาดใหญ่ ส่งกองหนุนฟื้นฟูหลังน้ำลด

เชียงราย/สงขลา, 24 พฤศจิกายน 2568 – มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่ปกคลุมอ่าวไทยตอนล่างต่อเนื่องหลายวัน ได้ผลักคลื่นฝนหนักซ้ำเติมลุ่มน้ำภาคใต้ จนเช้าวันนี้เวลา 06.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สรุปสถานการณ์ว่า มีประชาชนได้รับผลกระทบ 719,858 ครัวเรือน รวม 1,917,521 คน ใน 10 จังหวัด 92 อำเภอ 581 ตำบล 4,146 หมู่บ้าน ขณะที่เมื่อมองในกรอบ 12 จังหวัดภาคใต้ มีผู้ได้รับผลกระทบเพิ่มเป็น 740,405 ครัวเรือน 1,966,843 คน หลายพื้นที่ยังต้องเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่งและน้ำป่าไหลหลากอย่างใกล้ชิด

จุดวิกฤต  สงขลายกระดับเป็น “ภาวะฉุกเฉิน” หาดใหญ่ประกาศอพยพทั้งเมือง

ในบรรดาจังหวัดที่ถูกกระทบ สงขลา ถูกระบุเป็น “จุดร้อน” ที่สุด ทั้งเชิงปริมาณและความเร่งด่วน โดยมีผู้ได้รับผลกระทบ 243,568 ครัวเรือน ครอบคลุม 16 อำเภอ 115 ตำบล 821 หมู่บ้าน ระดับน้ำในหลายชุมชนสูงกว่าหนึ่งเมตร และยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จังหวัดจึงออกประกาศ “อพยพด่วน” ให้ประชาชนใน เทศบาลนครหาดใหญ่ เคลื่อนย้ายไปยังจุดพักพิงผ่านเส้นทางปลอดภัย ใช้รถสูงหรือเรือหลีกเลี่ยงน้ำเชี่ยว โดยเริ่มจากพื้นที่เสี่ยงและชุมชนที่ระดับน้ำเพิ่มเร็ว

ย่านเศรษฐกิจสำคัญของเมือง ตั้งแต่ถนนเศรษฐกิจ สถานีขนส่ง ศูนย์การค้า ไปจนถึงชุมชนริมคลอง ทยอยถูกตัดขาดเป็นช่วง ๆ น้ำกัดเซาะฟุตปาธและโครงสร้างเบา ขณะที่หน่วยกู้ภัยและ อปท. ต้องทำงานแข่งกับเวลาในการอพยพผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วยติดเตียงออกจากบ้านเรือนที่ถูกล้อมด้วยน้ำ

ตัวเลขที่ต้องรู้  ภาคใต้ตอนล่างรับแรงปะทะหนัก

  • ปัตตานี  กระทบ 58,009 ครัวเรือน (12 อำเภอ 101 ตำบล 485 หมู่บ้าน)
  • ยะลา  กระทบ 13,753 ครัวเรือน (4 อำเภอ 28 ตำบล 104 หมู่บ้าน)
  • นราธิวาส  กระทบ 34,036 ครัวเรือน (7 อำเภอ 29 ตำบล 134 หมู่บ้าน)
    พื้นที่อื่น ๆ อย่าง สุราษฎร์ธานี ตรัง พัทลุง สตูล อยู่ในโหมดเฝ้าระวังสูง หลังมีรายงานน้ำล้นตลิ่งและคลื่นน้ำป่าหลากเข้าเขตชุมชนและเกษตรซ้ำ ๆ

แม้ ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ ในชั่วโมงรายงาน แต่ความเสี่ยงต่อชีวิต ทรัพย์สินยังอยู่ในระดับสูงจากปัจจัย 3 ประการ  (1) ฝนต่อเนื่องยาว (2) ระบบระบายน้ำอิ่มตัว และ (3) เส้นทางสัญจรถูกตัดขาดเป็นระยะ ทำให้การลำเลียงเวชภัณฑ์ อาหาร น้ำดื่ม และพลังงานเข้า–ออกพื้นที่ประสบภัยต้องบริหารอย่างรอบคอบ

เสียงจากพื้นที่  จดหมายเปิดผนึก “สงขลาโฟกัส” ถึงผู้ว่าฯ เรียกร้อง 5 มาตรการเร่งด่วน

ท่ามกลางเหตุฉุกเฉิน สื่อท้องถิ่น สงขลาโฟกัส” ได้ออก จดหมายเปิดผนึกถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา สะท้อนบทเรียนอุทกภัยใหญ่ในอดีต พ.ศ. 2531, 2543, 2553 และชี้ว่าความเสียหายครั้งนี้ “ยังไม่สายนัก” หากทุกฝ่ายขยับพร้อมกันตาม 5 ประเด็นเร่งด่วน ได้แก่

  1. เปิดจุดโรงครัวอย่างน้อย 10 จุดในเทศบาลนครหาดใหญ่ พร้อมจุดรับบริจาคน้ำดื่ม/ของจำเป็น เพื่อกระจายความช่วยเหลือให้ทั่วถึง
  2. ระดมเทศบาล/อบต. ใกล้เคียงร่วมเปิดพื้นที่สนับสนุนทุกเขต
  3. สำรวจเชิงรุก ผู้ป่วยติดเตียง/ผู้ที่ออกจากบ้านไม่ได้ เพื่อจัดสรรทีมเข้าช่วยเหลือเฉพาะหน้า
  4. ตั้ง ศูนย์บัญชาการกลาง รวบรวมข้อร้องเรียน ความเสียหาย และสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้อง ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคา กักตุนสินค้า
  5. เตรียม มาตรการเยียวยาหลังน้ำลดแบบครบวงจร ตั้งแต่การสำรวจ ขนย้ายโคลนตะกอน ล้างบ้าน สถานศึกษา สะพาน ถนน สาธารณูปโภค จัดการเงินเยียวยา/เคลมประกัน สินเชื่อฟื้นฟู เพื่อพาคนสงขลากลับสู่ชีวิตปกติ “เร็วที่สุด”

สาระในจดหมายสะท้อนความคาดหวังสองด้าน การบริหารวิกฤตระยะสั้นที่ต้องเร็วและเข้ม และการฟื้นฟูระยะกลาง ยาวที่ต้องโปร่งใส ตอบโจทย์เศรษฐกิจฐานราก ความเชื่อมั่น การท่องเที่ยวให้กลับมาโดยเร็ว

น้ำใจเหนือ–ใต้  เชียงรายเปิด “HUG หาดใหญ่” ส่งกองหนุนฟื้นฟูหลังน้ำลด

ขณะชั่วโมงวิกฤตกำลังเดินหน้า เชียงราย” ทางภาคเหนือได้ขยับเป็น “กองหนุน” สำคัญ ภายใต้โครงการ HUG หาดใหญ่  น้ำใจชาวเชียงรายช่วยน้ำท่วม โดยมี องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) นำโดย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ เป็นแกนประสานงานร่วมกับ

  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (เชื่อมชุมชน ศิลปวัฒนธรรมช่วยระดมสิ่งของ)
  • ภาคเอกชน เช่น CPALL (โลจิสติกส์ สิ่งของจำเป็น)
  • สื่อท้องถิ่น ทั้ง นครเชียงรายนิวส์ และ สงขลาโฟกัส (ประสานข้อมูลพื้นที่จริง)
  • ไปรษณีย์จังหวัดเชียงราย (สนับสนุนการคัดแยก ขนส่งไปยังพื้นที่พักพิงและจุดฟื้นฟู)

โครงการตั้งเป้าชัดเจน  ไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยกู้ภัยด่านหน้า แต่จะเติม “ด้านหลังบ้าน” เมื่อระดับน้ำเริ่มคลี่คลาย ช่วงที่ครัวเรือนต้องการ อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยาสามัญ ผ้าอนามัย/ผ้าอ้อม และอุปกรณ์ล้าง ฟื้นฟูบ้านเรือน เพื่อให้ประชาชน “กลับยืนได้ด้วยตัวเอง” เร็วที่สุด ลดเวลาหยุดชะงักของเศรษฐกิจครัวเรือน

“เราตั้งใจเป็นกองหนุนระยะฟื้นตัว จุดที่มักขาดมากที่สุด แต่สำคัญต่อการพาคนกลับบ้านอย่างปลอดภัยและมีศักดิ์ศรี”   แนวทางปฏิบัติการของเครือข่ายผู้ประสานงานโครงการ HUG หาดใหญ่ (อ้างอิงตามกรอบข้อมูลที่ได้รับ)

แผนบนโต๊ะ  จากอพยพ พักพิง สู่ฟื้นฟูเมืองและความเชื่อมั่น

เพื่อคลี่คลายปมและลดต้นทุนทางสังคม เศรษฐกิจที่พอกพูน “ชั่วโมงทอง” หลังฝนซา น้ำลด คือช่วงเวลาที่ต้องขับเคลื่อน 4 โหนดหลักอย่างพร้อมเพรียง

  1. ข้อมูล สื่อสารกลาง  ใช้ศูนย์บัญชาการรวมของจังหวัด (EOC) ทำงานร่วมกับ ปภ. อปท. สื่อท้องถิ่น จัดแผนที่น้ำท่วม จุดอพยพ จุดแจกจ่าย เส้นทางปลอดภัยแบบเรียลไทม์ ลดข่าวลือและความตื่นตระหนก จัดสายด่วนเชื่อมผู้ป่วยติดเตียง
  2. ลอจิสติกส์ช่วยเหลือ  บูรณาการคลังสิ่งของ (น้ำดื่ม อาหาร ยา ของใช้จำเป็น) เข้ากับเครือข่ายไปรษณีย์ เอกชน ใช้ระบบคิวอาร์/บาร์โค้ดติดตามการกระจายเพื่อลดซ้ำซ้อนและตกหล่น
  3. ฟื้นฟูสาธารณูปโภค  สำรวจสะพาน ถนน ท่อระบายน้ำ ระบบไฟฟ้า สื่อสาร และระดมทีมล้างโคลน ฉีดล้างฆ่าเชื้อในโรงเรียน โรงพยาบาล ตลาด สถานที่ราชการ เพื่อให้บริการสาธารณะคืนสภาพก่อนเปิดเมือง
  4. เยียวยา ปลุกเศรษฐกิจ  ตั้งเคาน์เตอร์เดียว (one stop) รับคำร้อง ประเมินความเสียหาย เชื่อม เงินเยียวยารัฐ ประกันภัย สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ สำหรับครัวเรือน SMEs พร้อมแผน อีเวนต์ปลุกเมือง เมื่อพร้อม เช่น ถนนคนเดิน เทศกาลชุมชน สร้างทราฟฟิกการค้า ท่องเที่ยวกลับคืน

ทำไม “จุดหลังน้ำลด” จึงชี้ชะตาความเร็วการฟื้นตัว

บทเรียนจากอุทกภัยใหญ่ในอดีต ที่สื่อท้องถิ่นยกปี 2531, 2543, 2553 มาเทียบเคียง ชี้ตรงกันว่า การ “อพยพได้ปลอดภัย” เป็นเพียงครึ่งแรกของเกม อีกครึ่งคือ “การทำให้เมืองกลับมาทำงาน” ให้เร็วที่สุด หากรอนาน ความเสียหายทางเศรษฐกิจฐานรากจะยืดเยื้อ ธุรกิจขนาดเล็ก รายวันขาดสภาพคล่อง หนี้ครัวเรือนพุ่ง และคนย้ายถิ่นชั่วคราวเพิ่มความเสี่ยงต่อความไม่แน่นอนทางสังคม

ในมุมนี้ การที่เชียงรายประกาศตนเป็นกองหนุนด้าน สิ่งของจำเป็น ชุดฟื้นฟูบ้าน จึงเติมช่องโหว่สำคัญ เพราะบ้านนับหมื่นหลังต้อง “เริ่มใหม่พร้อมกัน” จากกวาดโคลน ตากเฟอร์นิเจอร์ ล้างเครื่องใช้ ฆ่าเชื้อโรคในครัว ห้องน้ำ ไปจนถึงซ่อมสายไฟ ปลั๊กที่เปียกน้ำ การมี “ชุดฟื้นฟูมาตรฐาน” ที่คัดสรรแล้ว ช่วยลดต้นทุนเวลาและการเดินทางของครัวเรือนอย่างมีนัยสำคัญ

ข้อเสนอเชิงนโยบายจากจดหมายเปิดผนึก  ทำอย่างไรให้ความช่วยเหลือ “ไปถึงคนตัวเล็ก”

ข้อเรียกร้อง 5 ประการของ สงขลาโฟกัส ไม่ได้เป็นเพียงแคตตาล็อกความต้องการ แต่สะท้อน “สถาปัตยกรรมการบริหารวิกฤต” ที่ควรจัดวางในสถานการณ์เช่นนี้

  • โรงครัว 10 จุดในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่  กระจายอาหารร้อนสม่ำเสมอ ลดการเดินทางของผู้ประสบภัย
  • เปิดพื้นที่โดยรอบ  เทศบาล/อบต. ข้างเคียงช่วยเสริมคลัง สถานที่พักพิง ลดความแออัด
  • สำรวจผู้ป่วยติดเตียง  ใช้ อสม. ทุนชุมชน เป็นตา หู มือ เข้าประตูบ้านที่ไปไม่ถึง
  • ศูนย์ข้อมูลกลาง  รวมข้อร้องเรียน ความเสียหาย ป้องกันการ ขึ้นราคาสินค้า/กักตุน ซึ่งเป็นความเปราะบางซ้ำเติม
  • แพ็กเกจฟื้นฟู  ทำให้คน “กลับบ้านได้จริง” ตั้งแต่ ล้าง ย้าย ซ่อม เยียวยา สินเชื่อ จนกลับสู่กิจกรรมปกติ

ข้อเสนอนี้สอดคล้องกับสิ่งที่ ปภ. และจังหวัดต่าง ๆ ใช้เป็นแนวทางอยู่แล้ว แต่การเน้น “ความเร็ว ความโปร่งใส การเข้าถึงกลุ่มเปราะบาง” คือรายละเอียดที่ทำให้มาตรการเห็นผลบนดิน

เชื่อมเหนือ ใต้ด้วยข้อมูล ความไว้ใจ  บทบาทสื่อท้องถิ่นสองเมือง

ความร่วมมือระหว่าง นครเชียงรายนิวส์ และ สงขลาโฟกัส ทำให้การสื่อสาร “ปลายทาง ต้นทาง” เชื่อมติดกัน ปลายทางบอกความต้องการจริง ต้นทางจัดหาตรงจุด ลดของล้นประเภทหนึ่ง ขาดประเภทหนึ่ง อีกทั้งยังเพิ่ม ความไว้ใจ ให้ผู้บริจาคเห็นเส้นทางสิ่งของจากคลังภาคเหนือสู่ครัว บ้าน โรงเรียนภาคใต้แบบตรวจสอบได้

ทางสองแพร่งของสงขลา  ระหว่าง “น้ำยังไม่ลด” กับ “ชีวิตต้องเดินต่อ”

ขณะที่ฝนยังไม่หมดภาค ใต้ สงขลาจึงต้องบริหารสองสมการพร้อมกัน

  1. ความปลอดภัยวันนี้  เร่งอพยพ คัดแยกกลุ่มเสี่ยง รักษาโครงข่ายสื่อสาร ไฟฟ้าในพื้นที่สำคัญ
  2. ความหวังพรุ่งนี้  เตรียมแผนฟื้นฟูให้ “พร้อมทำงานทันทีที่น้ำลด” ไม่ต้องเสียเวลาเถียงกันเรื่องข้อมูลหรือขั้นตอน

การที่ภาคเหนือยืนมือมาพร้อม โลจิสติกส์ คลังสิ่งของ เครือข่ายสื่อ ทำให้สมการข้อสองมีทรัพยากรตั้งต้น และนี่คือความงามของ “ความร่วมมือข้ามภูมิภาค” ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะช่วงข่าวใหญ่ แต่สานต่อสู่การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนได้ หากถูกจัดวางเป็นระบบ

อุทกภัยภาคใต้ครั้งนี้เป็นบททดสอบสำคัญของสมรรถนะการบริหารวิกฤตไทย ทั้งในระดับจังหวัดและความร่วมมือข้ามภูมิภาค ตัวเลข กว่า 7 แสนครัวเรือน ที่ได้รับผลกระทบ (และแตะ เกือบ 7.5 แสนครัวเรือน เมื่อมองทั้ง 12 จังหวัด) ไม่ใช่เพียงสถิติ แต่คือชีวิตจริงที่ต้องการอาหาร น้ำ ยา ความปลอดภัย และความหวังว่าจะกลับบ้านได้ในเร็ววัน

สงขลา เลือก “ตั้งหลักด้วยการอพยพด่วน” และส่งเสียงผ่าน จดหมายเปิดผนึก เพื่อขอ 5 มาตรการเร่งด่วน ขณะที่ เชียงราย ตอบรับด้วยการเป็น “กองหนุนฟื้นฟู” ภายใต้โครงการ HUG หาดใหญ่ เชื่อมข้อมูล สื่อ โลจิสติกส์ ให้ความช่วยเหลือไปถึง “คนตัวเล็ก” อย่างทันเวลา

เมื่อคลื่นฝนผ่านไป สิ่งที่จะนิยามความทรงจำของวิกฤตครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงระดับน้ำที่สูงเพียงใด แต่คือ เราลดเวลาคนกลับบ้านได้เร็วแค่ไหน และ เราสร้างระบบที่เข้มแข็งกว่าเดิมได้หรือไม่ คำตอบของสองประโยคนี้ จะสะท้อนว่าเรายืนอยู่ตรงไหนบนเส้นทางสู่เมืองปลอดภัย ยืดหยุ่น และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

สิ่งของจำเป็นที่โครงการ HUG หาดใหญ่เชิญชวนร่วมบริจาค (ตามกรอบข้อมูลที่ได้รับ)

  • ข้าวสาร
  • บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป / อาหารกระป๋อง
  • น้ำดื่ม
  • ยาสามัญประจำบ้าน (เช่น ยาลดไข้แก้ปวด)
  • ผ้าอนามัย / ผ้าอ้อมสำเร็จรูป

หมายเหตุ  การจัดส่ง คัดแยกประสานผ่าน อบจ.เชียงราย, ไปรษณีย์จังหวัดเชียงราย และเครือข่ายสื่อพื้นที่

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย (ปภ.)
  • สำนักข่าวสงขลาโฟกัส
  • สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ และ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย  ข้อมูลความร่วมมือโครงการ “HUG หาดใหญ่  น้ำใจชาวเชียงรายช่วยน้ำท่วม” โครงข่ายประสานงานและรายการสิ่งของจำเป็น
  • หน่วยงานท้องถิ่นจังหวัดสงขลา (เทศบาลนครหาดใหญ่/อปท.พื้นที่)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
SPORT

ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 เคาะสังเวียน ฟุตบอลชายเตะเชียงใหม่-สงขลา

กีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 เคาะสนามแข่งขัน 3 จังหวัดหลัก กรุงเทพฯ-ชลบุรี-สงขลา

กรุงเทพฯ, 20 กุมภาพันธ์ 2568 – คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ได้ข้อสรุปเกือบสมบูรณ์เกี่ยวกับสนามแข่งขัน โดยกรุงเทพฯ จะเป็นเจ้าภาพจัด 31 ชนิดกีฬา ชลบุรีจัด 15 กีฬา และสงขลาดูแล 10 กีฬา ขณะที่ฟุตบอลชายรอบแรกจะจัดแข่งที่เชียงใหม่และสงขลา ก่อนที่รอบรองชนะเลิศและรอบชิงชนะเลิศจะกลับมาแข่งที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน

นายปรีชา ลาลุน รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฝ่ายเทคนิคกีฬา ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมีตัวแทนสมาคมกีฬาต่างๆ เข้าร่วมเพื่อติดตามความคืบหน้าการจัดการแข่งขัน

สนามแข่งขันหลักในซีเกมส์ 33

  • กรุงเทพฯ และปริมณฑล (31 ชนิดกีฬา): กีฬาทางน้ำ, กรีฑา, บาสเกตบอล, มวยสากล, จักรยาน, อีสปอร์ตส์, เซปักตะกร้อ, เทควันโด และวอลเลย์บอล เป็นต้น
  • ชลบุรี (15 ชนิดกีฬา): ฟุตบอลหญิง, ขี่ม้า, ไตรกีฬา, ยิงปืน, ยกน้ำหนัก, บิลเลียด และเรือพาย เป็นต้น
  • สงขลา (10 ชนิดกีฬา): ฟุตบอลชาย, ยูโด, คาราเต้, ปันจักสีลัต, มวยปล้ำ และเรือใบ เป็นต้น

ปัญหาสนามแข่งขันที่ต้องเร่งแก้ไข

  • สนามแข่งขันฟุตซอลเดิมที่สงขลาไม่พร้อมใช้งาน และต้องหาทางเลือกใหม่ภายใน 3 จังหวัดเจ้าภาพ
  • สมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทยยังไม่ได้ข้อสรุปสนามแข่งขัน โดยต้องเลือกภายในจังหวัดเจ้าภาพ

นายปรีชา ลาลุน เผยว่า การประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในวันที่ 26 ก.พ.นี้ จะช่วยสรุปความคืบหน้าของการแข่งขันก่อนที่มนตรีซีเกมส์จะเดินทางมาตรวจสนามแข่งขันในวันที่ 27 ก.พ.

การแข่งขันซีเกมส์ 33 และอาเซียนพาราเกมส์ 13

  • ซีเกมส์ ครั้งที่ 33: 9-20 ธันวาคม 2568 แข่งขัน 50 ชนิดกีฬา ชิง 574 เหรียญทอง
  • อาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13: 20-26 มกราคม 2569 แข่งขัน 19 ชนิดกีฬา ชิง 536 เหรียญทอง โดยทั้งหมดจัดที่นครราชสีมา

การแข่งขันครั้งนี้คาดว่าจะเป็นการยกระดับมาตรฐานการแข่งขันของภูมิภาค พร้อมเสริมศักยภาพกีฬาไทยในเวทีระดับนานาชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE