
สล่าคำจันทร์ ยาโน ศิลปินแกะสลักไม้แห่งล้านนา รับรางวัล “ครูศิลป์ของแผ่นดิน” ปี 2568
เชียงราย, 15 มิถุนายน 2568 – หมอกบางเบาคลอเคลียยอดดอยในยามเช้าของบ้านถ้ำผาตอง ตำบลท่าสุด อำเภอเมืองเชียงราย ดินแดนที่เงียบสงบแห่งนี้เป็นบ้านของชายผู้มีฝีมือฉกาจในการรังสรรค์ไม้ให้มีชีวิต “สล่าคำจันทร์ ยาโน” ศิลปินแกะสลักไม้ชั้นครู ผู้เพิ่งได้รับการยกย่องเป็น “ครูศิลป์ของแผ่นดิน พ.ศ. 2568” จากสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (สศท.) ด้วยผลงานที่ผสานภูมิปัญญาล้านนาเข้ากับความคิดสร้างสรรค์สมัยใหม่ สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในเวทีโลก
จากแรงบันดาลใจสู่อาชีพช่างแกะสลัก
ย้อนกลับไปในวัยเด็กของสล่าคำจันทร์ เด็กชายจากบ้านถ้ำผาตองมักนั่งมองคุณตาแกะสลักด้ามกระบวยตักน้ำด้วยความประณีต ไม้แต่ละชิ้นถูกขัดเกลาจนกลายเป็นเรื่องราวของวิถีชีวิตชาวบ้าน “ผมเห็นคุณตาแกะไม้ตั้งแต่เด็ก งานของท่านเหมือนเล่านิทานผ่านลายเส้นบนไม้” สล่าคำจันทร์เล่าด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก ความทรงจำนั้นจุดประกายให้เขาเริ่มจับมีดแกะสลักตามรอยคุณตา
แต่เส้นทางสายช่างไม่ได้ราบรื่น ในปี 2549 ภัยแล้งรุนแรงทำให้การทำนาล้มเหลว สล่าคำจันทร์ตัดสินใจหันมาเอาจริงกับงานแกะสลักไม้ “ตอนนั้นลองแกะด้ามกระบวยขาย ปรากฏว่าคนชอบ ผมเลยคิดว่านี่อาจเป็นทางรอดของครอบครัว” เขาย้อนความหลัง
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่ออาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ ได้เห็นผลงานของเขา อาจารย์ถวัลย์แนะนำให้เพิ่ม “ชีวิต” ลงในงานแกะสลัก “ท่านบอกว่า ทำชิ้นงานให้มีเรื่องราวเคลื่อนไหวได้สิ ผมจะซื้อเอง” คำแนะนำนั้นจุดไฟในใจสล่าคำจันทร์ เขาเริ่มทดลองใส่กลไกให้หุ่นไม้ขยับได้ เกิดเป็นผลงานที่ไม่เหมือนใคร เช่น หุ่นคนตำข้าว เลื่อยไม้ หรือหาปลา ที่เคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต

งานศิลป์ที่เคลื่อนไหวและเปลี่ยนชุมชน
จากงานแกะสลักชิ้นเล็ก สล่าคำจันทร์พัฒนาสู่ชิ้นงานขนาดใหญ่ที่ซับซ้อน ผลงานชิ้นเอกอย่าง “บ้านพอเพียง” จำลองวิถีชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มีทั้งคนทำนา นวดข้าว และหาปลา โดยทุกชิ้นเคลื่อนไหวได้ด้วยกลไกมอเตอร์และระบบหยอดเหรียญ “ผมอยากให้งานศิลปะไม่ใช่แค่ของตั้งโชว์ แต่เล่าเรื่องได้และสร้างความตื่นเต้นให้คนดู” เขาอธิบาย
ผลงานชุดนี้เคยจัดแสดงในงานพืชสวนโลกที่เชียงใหม่เป็นเจ้าภาพ และสร้างความฮือฮาเมื่อตู้หยอดเหรียญเก็บเงินได้นับแสนบาทจากผู้ชมที่หลงใหลในความแปลกใหม่ ผลงานของสล่าคำจันทร์ยังเดินทางไปไกลถึงญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะที่สถาบันสมิทโซเนียน ซึ่งยกย่องความสร้างสรรค์ที่ผสมผสานวัฒนธรรมล้านนาเข้ากับนวัตกรรม
แต่สิ่งที่สล่าคำจันทร์ภูมิใจยิ่งกว่าคือการเปลี่ยนแปลงชุมชนบ้านถ้ำผาตอง เขาก่อตั้งกลุ่มแกะสลักไม้ในชุมชนที่มีสมาชิก 27 คน สร้างรายได้เฉลี่ย 4,500 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน “ผมสอนฟรี โดยเฉพาะเด็กๆ เพราะอยากให้ศิลปะนี้อยู่รอด” เขากล่าว ลูกศิษย์ของเขาหลายคนเริ่มมีรายได้จากการรับออเดอร์ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะงานแกะสลักช้างไทยและพระพุทธรูปจากไม้มงคล
ความฝันที่ยิ่งใหญ่ พิพิธภัณฑ์ล้านนา
ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล สล่าคำจันทร์วางแผนสร้าง พิพิธภัณฑ์ล้านนา บนที่ดินส่วนตัว 5 ไร่ ออกแบบเป็นหม้อน้ำขนาดยักษ์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 21 เมตร สูงเท่าตึก 9 ชั้น ภายในจะจัดแสดงเครื่องมือวิถีชีวิตล้านนาและผลงานแกะสลักไม้ที่เคลื่อนไหวได้ “ผมอยากให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เล่าเรื่องวัฒนธรรมเหนือ สร้างงานให้ชาวบ้าน และเป็นมรดกของเชียงราย” เขากล่าวด้วยแววตาเปี่ยมหวัง
อย่างไรก็ตาม สล่าคำจันทร์ยอมรับว่าความฝันนี้ยังต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะด้านงบประมาณและการส่งเสริมให้งานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา “ผมอยากเห็นครูช่างพื้นบ้านเข้าไปสอนในโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่สอนช่วงสั้นๆ เด็กที่มีแววจะได้พัฒนาฝีมือจริงจัง” เขาเสนอแนะ

ผลกระทบและอนาคตของงานศิลปหัตถกรรม
การได้รับรางวัล “ครูศิลป์ของแผ่นดิน” ไม่เพียงเป็นเกียรติยศส่วนตัวของสล่าคำจันทร์ แต่ยังสะท้อนถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นในยุคที่โลกหมุนเร็วด้วยเทคโนโลยี งานแกะสลักไม้ของเขาคือตัวอย่างของการผสมผสานระหว่างมรดกวัฒนธรรมและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ตลาดสมัยใหม่ สร้างทั้งรายได้และชื่อเสียงให้ชุมชน
อย่างไรก็ตาม งานศิลปหัตถกรรมยังเผชิญความท้าทาย โดยเฉพาะการขาดแคลนทายาทสืบสานและการแข่งขันกับสินค้าอุตสาหกรรม การที่สล่าคำจันทร์ผลักดันให้ชุมชนมีส่วนร่วมและสอนเด็กรุ่นใหม่ฟรี เป็นแบบอย่างที่ควรขยายผลไปยังภูมิภาคอื่น หากภาครัฐเพิ่มการสนับสนุนผ่านนโยบายการศึกษาและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์ล้านนาของสล่าคำจันทร์อาจกลายเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ สร้างรายได้หมุนเวียนให้เศรษฐกิจท้องถิ่น
มรดกที่เคลื่อนไหวของล้านนา
จากเด็กชายที่มองคุณตาแกะไม้ สู่ศิลปินที่สร้างชื่อให้ประเทศไทยในเวทีโลก สล่าคำจันทร์ ยาโน คือตัวอย่างของความมุ่งมั่นและความรักในศิลปะที่เปลี่ยนชีวิตทั้งของตัวเขาและชุมชน รางวัล “ครูศิลป์ของแผ่นดิน” เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเดินทางที่ยาวไกล ด้วยฝีมือและวิสัยทัศน์ของเขา วัฒนธรรมล้านนาจะยังคงเคลื่อนไหวและมีชีวิตผ่านผลงานแกะสลักไม้ที่เล่าเรื่องราวของผู้คนและแผ่นดินเหนือไปอีกนาน
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
- สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (สศท.)
- บทสัมภาษณ์สล่าคำจันทร์ ยาโน, 15 มิถุนายน 2568
- “สล่าคำจันทร์ ยาโน ผู้บันทึกวิถีชีวิตบนแผ่นไม้,” Mgronline.com, 27 สิงหาคม 2552