Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ครูบา-จิตอาสาสานพลัง! มทบ.37 จัดกิจกรรม “วันดินโลก” วางโครงสร้างนิเวศดักตะกอนดิน สร้างความมั่นคงด้านน้ำ

วันดินโลก” ที่บ้านร่องเบ้อ มทบ.37 นำจิตอาสาสร้างฝาย Gabion ฟื้นป่าต้นน้ำ–รับมือไฟป่าเชียงราย

เชียงราย – วันที่ 10 ธันวาคม 2568 ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 37 (ศอ.จอส.พระราชทาน มทบ.37) จัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา “น้อมรำลึก เนื่องในวันพ่อแห่งชาติและวันดินโลก” ณ บ้านร่องเบ้อ ตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย โดยมีเป้าหมายสำคัญในการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ ฟื้นฟูระบบนิเวศ และสร้างแหล่งน้ำต้นทุนให้ชุมชน ผ่านการสร้างฝายชะลอน้ำแบบกล่องลวดตาข่าย Gabion ควบคู่กับการปลูกต้นไม้และปล่อยพันธุ์ปลาในแหล่งน้ำชุมชน

กิจกรรมครั้งนี้มี นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จังหวัดเชียงราย (ฝ่ายพลเรือน) เป็นประธานในพิธี โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 400 คน ประกอบด้วยกำลังพลจิตอาสาพระราชทาน มทบ.37 หน่วยงานรัฐ ภาคธุรกิจ เยาวชน และชุมชนในพื้นที่บ้านร่องเบ้อ สะท้อนรูปธรรมของการบูรณาการทุกภาคส่วนในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติร่วมกัน

วันดินโลก–จากพระราชดำริสู่การลงมือในป่าต้นน้ำเชียงราย

การจัดกิจกรรม “วันดินโลก” ในประเทศไทยมีความหมายลึกซึ้งเป็นพิเศษ เนื่องจากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) กำหนดให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปีเป็น “World Soil Day” เพื่อรณรงค์ให้ทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของดิน ต่อความมั่นคงทางอาหารและระบบนิเวศ โดยอ้างอิงพระราชดำริด้านการจัดการดินและน้ำของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ซึ่งทรงริเริ่มโครงการพระราชดำริต่าง ๆ ด้านอนุรักษ์ดินและน้ำอย่างต่อเนื่องยาวนาน

กิจกรรมที่บ้านร่องเบ้อในวันที่ 10 ธันวาคม 2568 จึงเป็นทั้งการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และการต่อยอดหลักคิด “พัฒนาควบคู่อนุรักษ์” สู่การปฏิบัติในพื้นที่จริง โดยเลือกป่าต้นน้ำและลำห้วยของชุมชนเป็นสมรภูมิหลักในการทำงานเชิงจิตอาสา

พลังจิตอาสา 400 ชีวิต เครือข่ายที่เกินกว่า “งานวันเดียว”

หัวใจสำคัญของกิจกรรม คือ การรวมพลังภาคีเครือข่ายจากหลากหลายสาขา ทั้งด้านความมั่นคง หน่วยงานด้านสังคม เศรษฐกิจ และเยาวชนในพื้นที่

ผู้เข้าร่วมประกอบด้วย

  • กำลังพลจิตอาสาพระราชทานจากมณฑลทหารบกที่ 37
  • สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย (พม.จว.ช.ร.)
  • จิตอาสากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงราย (กอ.รมน.จังหวัด ช.ร.)
  • สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย
  • คณะศูนย์ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจจังหวัดเชียงราย (CSR เชียงราย)
  • ตัวแทนวิทยาลัยอาชีวศึกษา เยาวชนสภาลมหายใจจังหวัดเชียงราย และกลุ่มเยาวชนไทยหัวใจอาสา
  • ผู้นำท้องถิ่นและประชาชนจิตอาสาบ้านร่องเบ้อ

การมีส่วนร่วมที่หลากหลายเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่า การอนุรักษ์ป่าต้นน้ำและการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่หน้าที่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หากแต่ต้องอาศัย “ทุนทางสังคม” ของชุมชนในวงกว้าง ทั้งในมิติความรู้ กำลังคน ทุน และเครือข่าย

นอกจากนี้ กิจกรรมยังได้รับเมตตาจาก “ครูบาศรีจอมหมอกฟ้างำเมือง” พระเกจิจากจังหวัดลำปาง เดินทางมาร่วมให้กำลังใจจิตอาสาและชาวบ้านที่ลงมือฟื้นฟูป่าต้นน้ำร่วมกันในพื้นที่บ้านร่องเบ้อ ช่วยเสริมมิติทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณให้กับการขับเคลื่อนงานอนุรักษ์ ซึ่งมักจะต้องใช้ความต่อเนื่องและความศรัทธาในระยะยาว

ฝาย Gabion วิศวกรรมเรียบง่ายที่เปลี่ยนภูเขาแห้งให้กลายเป็น “ป่าเปียก”

ภารกิจหลักของกิจกรรมครั้งนี้ คือ การสร้าง “ฝายชะลอน้ำแบบกล่องลวดตาข่าย Gabion” บริเวณลำห้วยในพื้นที่ป่าต้นน้ำของบ้านร่องเบ้อ

ฝาย Gabion เป็นโครงสร้างชะลอน้ำที่สร้างจากกล่องลวดตาข่ายบรรจุก้อนหิน มีข้อดีคือแข็งแรง ปรับตัวตามสภาพพื้นที่ได้ดี และปล่อยให้กระแสน้ำไหลผ่านได้ แต่ถูกชะลอความเร็วลง ทำให้ตะกอนดินหยาบตกค้างอยู่ด้านเหนือฝาย พร้อมทั้งกักเก็บความชุ่มชื้นให้พื้นที่โดยรอบ เมื่อเวลาผ่านไป ตะกอนที่สะสมจะกลายเป็นแหล่งดินอุดมสมบูรณ์ที่เอื้อต่อการเติบโตของพืชพรรณรอบลำห้วย

สำหรับบ้านร่องเบ้อ ฝาย Gabion ที่สร้างขึ้นถูกออกแบบให้ทำหน้าที่หลายประการพร้อมกัน ได้แก่

  1. ดักตะกอนป้องกันการพังทลายของดินในพื้นที่ลาดชัน
  2. เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าต้นน้ำ สร้าง “ระบบนิเวศป่าเปียก” ที่ช่วยลดโอกาสเกิดไฟป่า
  3. เป็นแหล่งกักเก็บน้ำต้นทุนสำหรับระบบประปาภูเขาของชุมชน
  4. ทำหน้าที่เป็นแหล่งน้ำสำรองสำหรับทีมดับไฟป่าชุมชนในช่วงฤดูแล้ง

เมื่อผนวกรวมกับกิจกรรมปล่อยปลาลงสู่แหล่งน้ำและปลูกต้นไม้ลดภาวะโลกร้อน กิจกรรมในวันเดียวจึงไม่ได้สร้างเพียง “ฝายหนึ่งตัว” หากแต่เป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานทางนิเวศและสังคมเพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีส่วนร่วมในระยะยาว

เชียงราย–เมืองหน้าด่านปัญหาไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ

ทุกปีในช่วงฤดูแล้ง จังหวัดเชียงรายและจังหวัดในภาคเหนือเผชิญปัญหาไฟป่าและหมอกควัน PM2.5 อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากจุดความร้อนในประเทศและหมอกควันข้ามแดน โดยข้อมูลจากหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมชี้ว่า จุดความร้อนจำนวนมากที่เกิดจากไฟป่ามีแนวโน้มสัมพันธ์กับระดับฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ โดยเฉพาะแนวชายแดนที่รับอิทธิพลจากกระแสลมพัดพาควันไฟจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา

รายงานสถานการณ์ไฟป่าและฝุ่นละอองในจังหวัดเชียงรายในช่วงฤดูหมอกควันระบุว่า หลายวันค่าฝุ่น PM2.5 พุ่งสูงเกินค่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง

ในบริบทนี้ การสร้าง “ป่าเปียก” ด้วยฝายชะลอน้ำในพื้นที่ต้นน้ำ ไม่เพียงช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้นของผืนป่าและลดการแพร่กระจายของไฟป่า แต่ยังช่วยลดโอกาสที่ไฟจะลุกลามกลายเป็นจุดความร้อนขนาดใหญ่ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการเกิดหมอกควัน PM2.5 ในระดับภูมิภาค

กิจกรรมที่บ้านร่องเบ้อจึงสะท้อนให้เห็นแนวคิด “คิดระดับภูมิภาค–ลงมือระดับหมู่บ้าน” กล่าวคือ แม้ฝายหนึ่งตัวในลำห้วยเล็ก ๆ จะดูเป็นเรื่องเล็กในสายตาคนนอกพื้นที่ แต่เมื่อเชื่อมโยงกับระบบฝายชะลอน้ำจำนวนมากในลุ่มน้ำเดียวกัน ก็สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อระบบนิเวศและคุณภาพอากาศของทั้งจังหวัดได้

หนองหลวง–ร่องเบ้อ แหล่งน้ำชุมชนที่มากกว่า “สระน้ำสำหรับทำการเกษตร”

พื้นที่บ้านร่องเบ้อ–หนองหลวง ที่จัดกิจกรรมครั้งนี้ มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของประชาชนในหลายมิติ เป็นทั้งแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร แหล่งประมงพื้นบ้าน และพื้นที่สีเขียวที่ช่วยรองรับกิจกรรมนันทนาการของชุมชน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้เข้าร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชบริเวณหนองหลวงร่วมกับหลายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเวียงชัย เทศบาลตำบลห้วยสัก เทศบาลตำบลสิริเวียงชัย เทศบาลตำบลเมืองชุม และเทศบาลตำบลดอยศิลา เพื่อฟื้นฟูคุณภาพแหล่งน้ำให้กลับมาใสสะอาดและใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มศักยภาพ

ปัจจุบัน หนองหลวงได้รับการปรับปรุงสภาพแวดล้อมจนกลับมามีคุณภาพน้ำที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน พร้อมรองรับการเป็นหนึ่งในโซนจัดกิจกรรม “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025” ในเขตอำเภอเวียงชัย กำหนดจัดระหว่างวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ถึง 7 มกราคม 2569 ซึ่งจะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาสัมผัสความงดงามของแหล่งน้ำและภูมิทัศน์ในพื้นที่

การสร้างฝาย Gabion ในลำห้วยต้นน้ำที่เกี่ยวเนื่องกับหนองหลวง จึงเป็นเหมือนการเสริม “หลังบ้านด้านนิเวศ” ให้มั่นคง เพื่อรองรับ “หน้าบ้านด้านการท่องเที่ยว” ที่กำลังได้รับการผลักดันอย่างจริงจังจากจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

จิตอาสาพระราชทาน กับสมการ “ความมั่นคง–สิ่งแวดล้อม–ชุมชนเข้มแข็ง”

การขับเคลื่อนกิจกรรมจิตอาสาโดยมณฑลทหารบกที่ 37 ในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการระดมกำลังพลไปช่วยงานชุมชนระยะสั้น หากแต่สะท้อนบทบาทของกองทัพในมิติ “ความมั่นคงมนุษย์” ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติให้กับประชาชนในระยะยาว

ภายใต้กรอบแนวคิดจิตอาสาพระราชทาน กิจกรรมอนุรักษ์ป่าและการสร้างฝายชะลอน้ำจึงทำหน้าที่เป็น “สะพาน” เชื่อมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานความมั่นคงกับเครือข่ายภาคประชาชน เยาวชน และภาคธุรกิจในพื้นที่ โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการป้องกันไฟป่า ลดหมอกควัน และสร้างความมั่นคงด้านน้ำให้กับชุมชน

การบูรณาการดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางของหน่วยงานด้านทรัพยากรธรรมชาติของไทย ที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของชุมชนในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผน ออกแบบ ไปจนถึงการดูแลรักษาโครงสร้าง เช่น ฝายชะลอน้ำและแนวกันไฟ เพื่อให้ชุมชนรู้สึกเป็นเจ้าของและพร้อมดูแลต่อเนื่องในระยะยาว

จาก “วันเดียว” สู่ “แผนระยะยาว” ความท้าทายและข้อเสนอเชิงนโยบาย

แม้กิจกรรมในวันดินโลกที่บ้านร่องเบ้อจะประสบความสำเร็จในแง่การระดมพลังจิตอาสาและผลลัพธ์เชิงรูปธรรมในพื้นที่ แต่ความท้าทายสำคัญคือ การต่อยอดให้โครงการลักษณะนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ “แผนจัดการลุ่มน้ำและป่าต้นน้ำเชียงราย” ที่มีความชัดเจนและต่อเนื่อง

ประเด็นที่ควรพิจารณาในเชิงยุทธศาสตร์ ได้แก่

  1. การสำรวจศักยภาพลำห้วยและป่าต้นน้ำรอบบ้านร่องเบ้อ–หนองหลวง
    เพื่อต่อยอดการสร้างฝายชะลอน้ำและแนวป่าเปียกให้ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงต่อไฟป่า โดยอาศัยฐานข้อมูลจุดความร้อน (Hotspot) และข้อมูลไฟป่าที่หน่วยงานด้านภูมิสารสนเทศและสิ่งแวดล้อมรวบรวมไว้
  2. การเชื่อมโยงข้อมูลกิจกรรมจิตอาสากับฐานข้อมูลการจัดการไฟป่าและ PM2.5
    หากสามารถบันทึกตำแหน่งฝายชะลอน้ำ แนวกันไฟ และพื้นที่ปลูกป่าที่เกิดจากโครงการจิตอาสาเข้าสู่ระบบข้อมูลกลาง ก็จะช่วยให้จังหวัดเชียงรายสามารถประเมินผลเชิงนโยบายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ว่าการลงทุนด้านจิตอาสาและโครงสร้างนิเวศมีส่วนช่วยลดความรุนแรงของไฟป่าและหมอกควันได้มากน้อยเพียงใด
  3. การเสริมบทบาทเยาวชนในฐานะ “ผู้พิทักษ์ต้นน้ำรุ่นใหม่”
    การมีส่วนร่วมของเยาวชนจากสภาลมหายใจและกลุ่มเยาวชนไทยหัวใจอาสาในกิจกรรมครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ด้านสิ่งแวดล้อม หากได้รับการออกแบบโครงการต่อเนื่อง เช่น หลักสูตรเยาวชนเฝ้าระวังไฟป่า หรือโครงการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ฝายและลำห้วย ก็จะช่วยให้การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติกลายเป็นวาระของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง
  4. การเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025
    หนองหลวงในฐานะหนึ่งในโซนจัดกิจกรรมของงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 มีศักยภาพสูงในการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่เล่าถึงความสำคัญของป่าต้นน้ำ ฝายชะลอน้ำ และตำนานท้องถิ่น หากสามารถออกแบบเส้นทางเรียนรู้ที่เชื่อมระหว่างจุดชมดอกไม้กับพื้นที่ป่าต้นน้ำบ้านร่องเบ้อ ก็จะช่วยให้ผู้มาเยือนเข้าใจว่า “ความสวยงามของดอกไม้ในงานมหกรรม” เชื่อมโยงกับ “ความชุ่มชื้นของป่าต้นน้ำ” อย่างไร

วันดินโลกที่บ้านร่องเบ้อ – เรื่องเล่าของดิน น้ำ ป่า และผู้คน

กิจกรรมจิตอาสาพัฒนาที่บ้านร่องเบ้อในโอกาสน้อมรำลึกวันพ่อแห่งชาติและวันดินโลก ไม่ได้เป็นเพียงภาพของผู้คนที่ช่วยกันแบกหิน ใส่กล่องลวดตาข่าย ปลูกต้นไม้ และปล่อยปลาเท่านั้น หากแต่เป็น “ฉากย่อย” ของเรื่องเล่าขนาดใหญ่เกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติของจังหวัดเชียงรายในศตวรรษที่ต้องเผชิญทั้งวิกฤตภูมิอากาศ ไฟป่า หมอกควัน และความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มสูงขึ้น

ฝาย Gabion หนึ่งตัวอาจไม่สามารถหยุดไฟป่าทั้งจังหวัด หรือทำให้ค่า PM2.5 ลดลงในทันที แต่เมื่อมองในมิติของระบบนิเวศและความร่วมมือของผู้คน การมีฝายจำนวนมากขึ้นในพื้นที่ต้นน้ำ การมีเยาวชนและชุมชนที่เข้าใจบทบาทของตนเอง การมีหน่วยงานรัฐ–ทหาร–เอกชน–ภาคศาสนาร่วมขับเคลื่อน ล้วนเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นในการสร้าง “เมืองปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อม” อย่างยั่งยืน

ในมุมหนึ่ง วันดินโลกที่บ้านร่องเบ้อจึงเป็นการย้ำเตือนว่าดิน น้ำ ป่า และผู้คน ไม่ใช่เรื่องที่แยกขาดจากกัน การอนุรักษ์ป่าต้นน้ำไม่ใช่เพียงการปกป้องต้นไม้ แต่เป็นการปกป้องชีวิตของผู้คนทั้งในวันนี้และอนาคต

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO)
  • กรมชลประทาน
  • กรมควบคุมมลพิษ
  • สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
SOCIETY & POLITICS

เชียงราย สนับสนุนโครงการ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” พื้นที่อำเภอเวียงแก่น

 
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 เวลา 11.00 น.นางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ติดตามการดำเนินงานการน้อมนำแนวพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สู่ปฏิบัติการปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” สร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน และกิจกรรมพัฒนาชุมชนในพื้นที่อำเภอเวียงแก่น ณ บ้านหล่ายงาว หมู่ที่ 1 ตำบลหล่ายงาว อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลหล่ายงาว และนายนรสิงห์ สวยไธสงค์ รักษาราชการแทนพัฒนาการอำเภอเวียงแก่น พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอเวียงแก่น ให้การต้อนรับและรายงานผลการดำเนินงาน
 
ในการนี้ นายวิทยา ชุมภูคำ พัฒนาการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายสุเมท นิลสวิท นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย และทีมงานพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย ร่วมติดตามสนับสนุนการดำเนินงานด้วย
นางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย และคณะ ได้ร่วมปลูกพืชผักสวนครัว ได้แก่ พริกขี้หนู มะเขือเจ้าพระยา มะเขือยาว สาระแหน่ ผักแพว ต้นหอม ในพื้นที่ซอย 14 หมู่บ้านหล่ายงาว ซึ่งเป็น “เส้นทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” ของหมู่บ้าน จากนั้นได้ไปยังครัวเรือนต้นแบบ การน้อมนำแนวพระราชดำริฯ ปลูกผักสวนครัวสร้างความมั่นคงทางอาหาร (ครัวเรือนนายปั๋น ยาละ) 
 
พื่อให้กำลังใจและเยี่ยมชมภายในบริเวณบ้านที่มีการปลูกผักสวนครัวอย่างเป็นรูปธรรม ก่อนจะเดินทางไปยังศูนย์เรียนรู้เฮือนฮอมฮัก วัดดอยสันกู่ บ้านหล่ายงาว เพื่อร่วมปลูกไม้ผลสำหรับเป็นแหล่งอาหารให้กับชุมชน ประกอบด้วย ต้นอโวคาโด้ ต้นมะขามยักษ์ เงาะ และลิ้นจี่ป่า รวมทั้งเยี่ยมชมและให้กำลังใจแก่กลุ่มทอผ้าผู้สูงอายุบ้านหล่ายงาว กลุ่มปู่ยมูลใส้เดือนวัดดอยสันกู่ กลุ่มสบู่สมุนไพรวัดดอยสันกู่ และกลุ่มปักผ้าบ้านไทยเจริญ ที่ได้ดำเนินการภายในพื้นที่ศูนย์เรียนรู้ฯ และนำผลิตภัณฑ์มาร่วมกิจกรรม
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Cddchiangrai

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News