
เชียงรายเร่งแก้ปัญหามลพิษแม่น้ำกก การประชุมระดับชาติเพื่อสุขภาพประชาชนและความมั่นคงลุ่มน้ำโขง
เชียงราย, 8 พฤษภาคม 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาการปนเปื้อนสารพิษในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำสาขาในจังหวัดเชียงรายได้กลายเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจท้องถิ่น การประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ ณ ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ได้สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการหาแนวทางแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นระบบ โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน การท่องเที่ยว และความมั่นคงของลุ่มน้ำโขงในระยะยาว
วิกฤตมลพิษจากชายแดนสู่ใจกลางชุมชน
แม่น้ำกกเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวเชียงราย ทั้งในด้านการเกษตร การประมง และการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การตรวจพบสารพิษ โดยเฉพาะโลหะหนักอย่างสารหนู ในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาขาได้สร้างความกังวลให้กับประชาชนและหน่วยงานท้องถิ่น การสอบสวนเบื้องต้นระบุว่าต้นตอของปัญหามาจากการทำเหมืองทองที่ผิดกฎหมายในพื้นที่ฝั่งเมียนมา โดยเฉพาะในเขตรัฐฉานระหว่างเมืองยอนและเมืองสาด ซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มว้า ปัญหานี้ไม่เพียงกระทบต่อคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก แต่ยังมีความเสี่ยงที่จะขยายวงไปถึงแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การประชุมเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 นำโดยนายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ ร่วมด้วยนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย การประปาส่วนภูมิภาค และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นการรวบรวมข้อมูลและข้อเสนอเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาที่ครอบคลุมทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และการทูตระหว่างประเทศ
ต้นตอปัญหาและผลกระทบที่รุนแรง
นายรังสิมันต์ โรม เปิดเผยว่า สารพิษในแม่น้ำกกมีสาเหตุหลักจากการทำเหมืองทองที่ผิดกฎหมายกว่า 30 แห่งในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ซึ่งกลุ่มว้ามีบทบาทสำคัญในการควบคุมพื้นที่ดังกล่าว การใช้สารเคมีในกระบวนการสกัดทองได้ปล่อยสารพิษ เช่น สารหนูและโลหะหนักอื่นๆ ลงสู่ลำน้ำที่ไหลผ่านแม่น้ำกก ส่งผลให้เกิดการปนเปื้อนในระบบนิเวศและกระทบต่อประชาชนที่พึ่งพาแหล่งน้ำนี้ในการดำรงชีวิต
ผลกระทบจากมลพิษนี้ครอบคลุมหลายมิติ:
- สุขภาพประชาชน: การปนเปื้อนของสารหนูในน้ำอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น โรคผิวหนังและมะเร็ง ประชาชนในพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำต่างรู้สึกไม่ปลอดภัยในการใช้น้ำเพื่อการบริโภคและการเกษตร
- การเกษตรและประมง: เกษตรกรและชาวประมงในจังหวัดเชียงรายเผชิญกับความสูญเสีย เนื่องจากน้ำที่ปนเปื้อนส่งผลต่อผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์น้ำ
- การท่องเที่ยว: จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง อาจสูญเสียความน่าสนใจหากปัญหามลพิษในแม่น้ำกกไม่ได้รับการแก้ไข
- ความมั่นคงของชาติ: การปนเปื้อนข้ามพรมแดนไม่เพียงเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของลุ่มน้ำโขง ซึ่งประเทศไทยมีส่วนได้ส่วนเสียอย่างมาก
ในที่ประชุม นายรังสิมันต์เน้นย้ำว่า การแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือทั้งในระดับท้องถิ่นและระหว่างประเทศ การเจรจากับทางการเมียนมาและกลุ่มว้ายังไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายผลักภาระความรับผิดชอบต่อกัน เขาเสนอว่ารัฐบาลไทยควรใช้ความสัมพันธ์ทางการทูต โดยเฉพาะกับประเทศจีน ซึ่งมีอิทธิพลต่อกลุ่มว้าในด้านการค้าและการลงทุน เพื่อกดดันให้มีการควบคุมการทำเหมืองที่ผิดกฎหมาย
มาตรการรับมือและแนวทางแก้ไข
จังหวัดเชียงรายได้ดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อลดผลกระทบจากมลพิษในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาขา ดังนี้:
- การตรวจสอบแหล่งกำเนิดมลพิษ หน่วยงานท้องถิ่นได้ตรวจสอบการปล่อยน้ำเสียจากภาคอุตสาหกรรม ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ และชุมชนเมือง เพื่อควบคุมแหล่งมลพิษภายในประเทศ
- การประชาสัมพันธ์เพื่อลดความตื่นตระหนก การประปาส่วนภูมิภาคและประปาหมู่บ้านยืนยันว่าน้ำประปามีความปลอดภัยสำหรับการบริโภค พร้อมแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับระดับความเป็นพิษของสารหนูในน้ำ
- การเพิ่มความถี่ในการตรวจน้ำ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่จะตรวจคุณภาพน้ำในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย 2 ครั้งต่อเดือน เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
- การจัดตั้งคณะกรรมการลุ่มน้ำ คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในระดับลุ่มน้ำโขงเหนือจะประสานงานระหว่างหน่วยงานเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขในระยะยาว
- การศึกษาโครงสร้างฝายดักตะกอน มีการเสนอแนวคิดในการสร้างฝายดักตะกอนในแม่น้ำกก โดยแบ่งเป็นฝายชั่วคราว ฝายกึ่งถาวร และฝายถาวร เพื่อลดการสะสมของสารพิษและสนับสนุนการใช้น้ำในภาคการเกษตร
นายรังสิมันต์เสนอให้รัฐบาลตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจที่มีตัวแทนจากทุกภาคส่วน รวมถึงหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม ความมั่นคง และการทูต เพื่อกำหนดกลยุทธ์ที่ครอบคลุมทั้งการเจรจาระหว่างประเทศและการจัดการภายในประเทศ เขายังเรียกร้องให้มีการใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์ เช่น การร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีผลประโยชน์ในภูมิภาค เพื่อกดดันกลุ่มว้าให้ยุติการทำเหมืองที่ผิดกฎหมาย
โอกาสและความท้าทายในการแก้ไขวิกฤต
ปัญหาการปนเปื้อนสารพิษในแม่น้ำกกสะท้อนถึงความซับซ้อนของปัญหาข้ามพรมแดน ซึ่งต้องการความร่วมมือในหลายระดับ การที่ต้นตอของปัญหาอยู่ในเมียนมา ซึ่งมีข้อจำกัดด้านการควบคุมอำนาจในพื้นที่รัฐฉาน ทำให้การเจรจาโดยตรงกับทางการเมียนมาไม่เพียงพอ การใช้ความสัมพันธ์กับจีน ซึ่งมีอิทธิพลในภูมิภาค อาจเป็นทางออกที่เป็นไปได้ แต่ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์ทวิภาคี
ในระดับท้องถิ่น มาตรการที่จังหวัดเชียงรายดำเนินการ เช่น การตรวจสอบคุณภาพน้ำและการประชาสัมพันธ์ เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาในระยะยาวต้องอาศัยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ฝายดักตะกอน และระบบบำบัดน้ำ ซึ่งอาจต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก การระดมทุนจากรัฐบาลกลางหรือความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ เช่น โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) หรือธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) อาจช่วยลดภาระงบประมาณของจังหวัด
โอกาสสำคัญในการแก้ไขปัญหานี้คือการยกระดับความตระหนักรู้ในระดับภูมิภาคเกี่ยวกับความสำคัญของลุ่มน้ำโขง การที่ปัญหานี้มีศักยภาพที่จะกระทบต่อแม่น้ำโขงอาจกระตุ้นให้ประเทศสมาชิกในคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) เช่น ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา การสร้างความร่วมมือในระดับภูมิภาคจะช่วยเพิ่มน้ำหนักในการกดดันให้มีการควบคุมการทำเหมืองในเมียนมา
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญคือการขาดความชัดเจนในการเจรจากับกลุ่มว้า ซึ่งมีอำนาจควบคุมพื้นที่รัฐฉานอย่างไม่เป็นทางการ การที่กลุ่มว้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาอื่นๆ เช่น ยาเสพติดและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้การเจรจาต้องครอบคลุมประเด็นที่หลากหลาย การจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการทูตและความมั่นคงจะช่วยให้การเจรจามีประสิทธิภาพมากขึ้น
สถิติที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เห็นภาพรวมของปัญหาการปนเปื้อนสารพิษในแม่น้ำกกและบริบทที่เกี่ยวข้อง ต่อไปนี้คือสถิติที่สำคัญ:
- จำนวนเหมืองทองที่ผิดกฎหมายในรัฐฉาน: มากกว่า 30 แห่ง
ที่มา: รายงานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ, 2568 - ความยาวของแม่น้ำกก: ประมาณ 130 กิโลเมตร
ที่มา: สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ, 2567 - ประชากรที่พึ่งพาแม่น้ำกกในจังหวัดเชียงราย: ประมาณ 200,000 คน
ที่มา: สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง, 2567 - จำนวนนักท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย (2566): 2.5 ล้านคน (ในประเทศ 2.2 ล้านคน, ต่างประเทศ 0.3 ล้านคน)
ที่มา: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สำนักงานเชียงราย, 2567 - ปริมาณสารหนูที่ตรวจพบในแม่น้ำกก (2567): สูงกว่ามาตรฐานน้ำดื่มขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในบางพื้นที่
ที่มา: สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่, 2567 - พื้นที่เกษตรกรรมในลุ่มน้ำกก: ประมาณ 150,000 ไร่
ที่มา: สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย, 2567
สถิติเหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของแม่น้ำกกในฐานะทรัพยากรหลักของจังหวัดเชียงราย และความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารพิษอย่างเร่งด่วน การประชุมครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในระดับภูมิภาค เพื่อปกป้องทั้งสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
- รายงานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ, 2568
- สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ, 2567
- สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง, 2567
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สำนักงานเชียงราย, 2567
- สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่, 2567