Categories
AROUND CHIANG RAI AUTOMOTIVE

Tesla พับแผนตั้งโรงงาน ‘ไทย-มาเลย์-อินโด’ หลังไม่สามารถแข่งขันกับรถอีวีจากจีนได้

 

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2567 นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซียเปิดเผยว่า “เทสลา อิงค์” (Tesla) ได้ตัดสินใจยกเลิกแผนการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เนื่องจากความท้าทายจากการแข่งขันที่ดุเดือดจากประเทศจีนและสถานการณ์ที่บริษัทเผชิญอยู่

เว็บไซต์เดอะสเตรทไทม์สในสิงคโปร์รายงานว่า นายกรัฐมนตรีอันวาร์ได้กล่าวถึงเหตุผลที่เทสลาตัดสินใจเปลี่ยนแผน โดยระบุว่า ซาฟรุล อาซิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซีย ได้รับข้อมูลตรงจากแหล่งข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของเทสลาว่า บริษัทไม่สามารถแข่งขันกับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนได้

อันวาร์อธิบายว่า ซาฟรุลได้รับข้อมูลล่าสุดซึ่งแสดงถึงความเพลี่ยงพล้ำของเทสลาในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงจากรถอีวีที่ผลิตในจีน ซึ่งทำให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการตามแผนที่วางไว้ได้ นอกจากนี้ เขายังระบุว่า ข้อมูลที่ได้รับเป็นการรายงานโดยตรง ไม่ใช่จากสื่อ

นายกรัฐมนตรีอันวาร์ยังกล่าวด้วยว่าแผนการลงทุนในมาเลเซียยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และตอนนี้เทสลามีเพียงการตั้งสำนักงานขายและโชว์รูมในประเทศไทยและมาเลเซียเท่านั้น

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สำนักนายกรัฐมนตรีไทยได้เปิดเผยว่ามีการเจรจาเบื้องต้นกับเทสลาสำหรับการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลไทยได้เสนอแผนการใช้พลังงานสีเขียว 100% ในโรงงานเพื่อดึงดูดการลงทุนจากเทสลา

ทางด้านซาฟรุล อาซิสได้ชี้แจงว่ากระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซียไม่เคยประกาศอย่างเป็นทางการว่าเทสลาจะเปิดโรงงานในประเทศมาเลเซีย และเทสลาก็ไม่เคยประกาศแผนการตั้งโรงงานในประเทศนี้เช่นกัน

ซาฟรุลยังกล่าวถึงรายงานล่าสุดที่เทสลาพับแผนการลงทุนในอาเซียนว่าไม่ได้มาจากแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากเทสลา แต่เป็นข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบันมีความรุนแรงมากขึ้นจากการที่ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีนสามารถเสนอราคาและเทคโนโลยีที่แข่งขันได้อย่างดุเดือด ซึ่งส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของบริษัทต่างชาติในการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนยังคงเติบโตอย่างรวดเร็วและสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างกว้างขวาง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เว็บไซต์เดอะสเตรทไทม์สในสิงคโปร์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
WORLD PULSE

‘มาเลเซีย’ ประกาศแล้ว มกราคม 68 แพลตฟอร์มโซเชียลต้องขอใบอนุญาต

 

เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 ที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้มีการประกาศกรอบการกำกับดูแลใหม่สำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและการส่งข้อความทางอินเทอร์เน็ตทั้งหมดที่มีผู้ใช้ลงทะเบียนอย่างน้อย 8 ล้านคนในประเทศให้ปฏิบัติตามในวันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม โดยกรอบการกำกับดูแลใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปีหน้า

คณะกรรมการการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) ได้ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่าการบังคับใช้ใบอนุญาตประเภทใหม่จะส่งผลกระทบต่อแพลตฟอร์มยอดนิยมเช่น Facebook, Instagram, WhatsApp, YouTube, TikTok และ Telegram โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างระบบนิเวศออนไลน์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นและประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กและครอบครัว

การประกาศกรอบการกำกับดูแลใหม่นี้ได้จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงในมาเลเซีย องค์กรภาคประชาสังคมบางแห่งได้กล่าวว่ามาตรการนี้เป็นการกระทำที่มากเกินไปและเสี่ยงต่อการปิดกั้นเสรีภาพในการพูดและเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ขณะที่ผู้สังเกตการณ์อินเทอร์เน็ตรายอื่นๆ กลับมองว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ทันท่วงทีเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยออนไลน์ในช่วงเวลาที่อาชญากรรมทางไซเบอร์เพิ่มขึ้น

การเคลื่อนไหวของมาเลเซียในการเปิดตัวกรอบกฎระเบียบใหม่นี้ดูเหมือนจะสะท้อนถึงความพยายามของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เช่น อินโดนีเซียและสิงคโปร์ ที่มุ่งหวังจะปกป้องประชาชนจากการรับรู้ถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นทางออนไลน์

ในบริบทของประเทศไทย การกำกับดูแลแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียควรได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง เนื่องจากมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเว็บการพนันและสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ ที่ส่งผลเสียต่อเด็กและเยาวชน นอกจากนี้ การแพร่กระจายของข่าวปลอมบนทางออนไลน์ยังเป็นปัญหาที่สำคัญ การกำกับดูแลที่เข้มงวดจะช่วยให้เกิดความปลอดภัยและความมั่นคงในสังคมออนไลน์ของไทย

กรอบการกำกับดูแลใหม่ที่มาเลเซียประกาศใช้นั้นสามารถเป็นต้นแบบในการพัฒนาและปรับปรุงกฎระเบียบในประเทศไทยให้ทันสมัยและตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การปรับปรุงกฎระเบียบนี้จะไม่เพียงแต่ช่วยลดอาชญากรรมทางไซเบอร์และป้องกันการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จ แต่ยังส่งเสริมการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างมีความรับผิดชอบในหมู่เยาวชนและประชาชนทั่วไปอีกด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY WORLD PULSE

ไทยเสียอันดับตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ ของอาเซียนให้ประเทศมาเลเซีย

 
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2024 นิกเคอิเอเชีย (Nikkei Asia) รายงานว่า มาเลเซียแซงหน้าไทยขึ้นเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากอินโดนีเซีย เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในภูมิภาคซึ่งได้กลายเป็นสมรภูมิสำคัญที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในทวีปเอเชียใช้ห้ำหั่นกัน 

 

นิกเคอิเอเชียรวบรวมข้อมูลยอดขายที่เผยแพร่โดยกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม พบว่ายอดขายรถยนต์ในมาเลเซียซึ่งก่อนหน้านี้ครองอันดับ 3 ของอาเซียนมายาวนาน ได้แซงหน้ายอดขายในประเทศไทยแล้ว 3 ไตรมาสติดต่อกัน นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 มาจนถึงไตรมาสแรกของปี 2024 

 

จากข้อมูลของสมาคมยานยนต์แห่งมาเลเซีย (Malaysian Automotive Association) ยอดขายรถยนต์ในมาเลเซียในไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 202,245 คัน เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY) หลังจากที่มีทำยอดขายรวมในปี 2023 ได้ 799,731 คัน เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อนหน้าการยกเว้นภาษีรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมาเลเซีย เป็นแรงหนุนยอดขายรถยนต์ของแบรนด์ระดับชาติของมาเลเซีย อย่าง เปโรดัว (Perodua) และโปรตอน (Proton) ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดรวมกันอยู่ประมาณ 60%

 

การยกเว้นภาษีรถยนต์ของมาเลเซียเริ่มต้นในปี 2020 และแม้ว่ามาตรการนี้จะสิ้นสุดลงในช่วงกลางปี ​​2022 แต่ยอดจองรถยนต์ในช่วงปลอดภาษียังคงเพิ่มตัวเลขยอดขายในปี 2023 

 

“การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่หลายรุ่น รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่เปิดตัวในราคาที่แข่งขันได้สูง ช่วยกระตุ้นยอดขาย” สมาคมยานยนต์แห่งมาเลเซียระบุในแถลงการณ์ 

 

ในทางตรงกันข้ามยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยซึ่งครองอันดับ 2 ของภูมิภาคมาอย่างยาวนานกลับตกต่ำลง ถึงขั้นที่ยอดขายในไตรมาสแรกของปีนี้ลดลง 25% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า 

 

ยอดขายรถยนต์รายเดือนของประเทศไทยเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY) ลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 เนื่องจากปัญหาสินเชื่อรถยนต์ที่ไม่ก่อรายได้เพิ่มขึ้น ทำให้การปล่อยสินเชื่อรถยนต์เข้มงวดขึ้น บวกกับการบริโภคที่ซบเซาลงโดยท่ัวไปอย่างไรก็ตาม สัดส่วนการขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน อีวีจีน 

 

ส่วนอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนยังขาดแรงผลักดัน ยอดขายรถยนต์ในไตรมาสแรกของปีนี้ลดลง 24% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นส่งผลให้ผู้บริโภคลังเลในการซื้อรถ

 

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Nikkei Asia

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

‘นักท่องเที่ยวจีน’ พลิกกลับอันดับ 1 เที่ยวไทย ด้วยจำนวน 1.7 ล้านคน

 

เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุ สถิติ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เดินทางเข้าประเทศไทยในช่วง 3 เดือนแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 31 มี.ค. 2567 พบว่ามีจำนวนสะสม 9,370,297 คน เพิ่มขึ้น 44% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 454,653 ล้านบาท

 

จำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1. จีน 1,756,337 คน

2. มาเลเซีย 1,168,574 คน

3. รัสเซีย 622,813 คน

4. เกาหลีใต้ 558,873 คน

5. อินเดีย 472,952 คน

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (25-31 มี.ค.) มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 644,328 คน ลดลง 1.07% จากสัปดาห์ก่อนหน้า 6,990 คน หรือคิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยเฉลี่ยวันละ 92,047 คน

 

ขณะที่ 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ จีน 127,713 คน ลดลง 5.80% มาเลเซีย 62,419 คน เพิ่มขึ้น 5.03% รัสเซีย 40,276 คน ลดลง 8.10% อินเดีย 33,597 คน ลดลง 15.13% และสหราชอาณาจักร 33,089 คน เพิ่มขึ้น 44.08%

 

“นักท่องเที่ยวยุโรปและโอเชียเนียบางประเทศ โดยเฉพาะชาวสหราชอาณาจักรเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จากวันหยุดในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวสหราชอาณาจักรขยับขึ้นมาเป็นกลุ่มที่เดินทางเข้ามาเป็นอันดับ 5”

 

สัปดาห์ถัดไป (1-7 เม.ย.) คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาทรงตัว แต่ยังคงมีปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ การลงนามยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีน ที่มีผลช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว เพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และกระตุ้นให้สายการบิน เพิ่มจำนวนเที่ยวบิน รวมทั้งการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางหรือวีซ่าฟรี ให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดีย ไต้หวัน และคาซัคสถาน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News