
เชียงรายเข้าร่วมสัมมนาจัดทำข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคเหนือ ปี 2568 มุ่งพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อการบริหารจัดการแบบยั่งยืน
เชียงราย, 8 พฤษภาคม 2568 – สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย มอบหมายผู้แทนเข้าร่วมการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “การจัดทำข้อมูลไม้ผลเศรษฐกิจภาคเหนือ ปี 2568” ณ โรงแรมฮอลิเดย์ การ์เดน จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจัดโดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 (สศท.1) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาระบบข้อมูลไม้ผลสำคัญของภาคเหนือ ได้แก่ ลิ้นจี่ ลำไย ทุเรียน และมะม่วงน้ำดอกไม้ ให้มีความแม่นยำ ครบถ้วน และสามารถสะท้อนสถานการณ์จริงในพื้นที่เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของภาครัฐในการบริหารจัดการผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ
เป้าหมายการสัมมนาสู่ระบบข้อมูลไม้ผลแบบบูรณาการ
การสัมมนาครั้งนี้อยู่ภายใต้การกำกับของคณะทำงานย่อยพัฒนาระบบข้อมูลและโลจิสติกส์ ภาคเหนือ โดยมีหน่วยงานร่วมดำเนินงานหลากหลาย อาทิ สศท.1, สศท.2, สศท.12, ศูนย์สารสนเทศการเกษตร, สำนักงานเกษตรจังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือ, สำนักงานวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขต 1 และ 2 รวมถึงสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 6 จังหวัดเชียงใหม่
การจัดทำข้อมูลเชิงระบบในครั้งนี้เน้นการพยากรณ์ผลผลิตและสถานการณ์การผลิต รวมถึงการเชื่อมโยงกับข้อมูลด้านตลาด เพื่อให้สามารถบริหารจัดการโลจิสติกส์ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายคือการสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีความเป็นเอกภาพ ถูกต้อง และสะท้อนสภาพพื้นที่จริง
ลิ้นจี่ ผลผลิตเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ตลาดยังคงมั่นคง
สำหรับสถานการณ์ลิ้นจี่ในภาคเหนือปี 2568 แหล่งผลิตสำคัญได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และน่าน ข้อมูลคาดการณ์ระบุว่า
- พื้นที่ยืนต้นลดลง 6.40% เหลือ 66,260 ไร่
- พื้นที่ให้ผลลดลง 6.39% เหลือ 66,173 ไร่
- ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่เพิ่มขึ้น 155.49% เป็น 465 กิโลกรัม/ไร่
- ปริมาณผลผลิตรวมเพิ่มขึ้น 139.13% เป็น 30,745 ตัน
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นคือสภาพอากาศที่ไม่แห้งแล้งและไม่มีพายุลูกเห็บเหมือนปีที่ผ่านมา ปัจจุบันเก็บเกี่ยวแล้วราว 10% (ข้อมูล ณ วันที่ 7 พ.ค. 2568) ผลผลิตส่วนใหญ่จำหน่ายให้พ่อค้าในพื้นที่โดยตรง ราคาขายเฉลี่ยของพันธุ์ฮงฮวยเกรด AA ห่อ อยู่ที่ 120 บาท/กิโลกรัม ขณะที่พันธุ์นครพนม 1 เกรด A จำหน่ายที่ 60 บาท/กิโลกรัม
ลำไย ผลผลิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่เผชิญปัญหาส่งออกจีนจากสารตกค้าง
ลำไยยังคงเป็นไม้ผลเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคเหนือ โดยมีแหล่งผลิตใหญ่ในเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา และน่าน โดยข้อมูลปี 2568 ระบุว่า
- พื้นที่ยืนต้นลดลงเล็กน้อย 0.62% อยู่ที่ 1,243,784 ไร่
- พื้นที่ให้ผลเพิ่มขึ้น 0.13% อยู่ที่ 1,237,830 ไร่
- ผลผลิตเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 12.27% อยู่ที่ 860 กิโลกรัม/ไร่
- ปริมาณผลผลิตรวมเพิ่มขึ้น 12.36% เป็น 1,064,242 ตัน
แม้ผลผลิตจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ในที่ประชุมมีข้อกังวลเกี่ยวกับการส่งออกไปยังประเทศจีน หลังตรวจพบสารซัลเฟอร์ตกค้างในลำไยอบแห้ง ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาที่เกษตรกรจะได้รับ โดยที่ประชุมเสนอให้สำนักงานเกษตรในพื้นที่เร่งจัดทำข้อมูลผลผลิตลำไยที่คาดว่าจะเกินอีก 140,000 ตัน เพื่อเสนอคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) กำหนดมาตรการรองรับ
ทุเรียน ศักยภาพเพิ่มขึ้นชัดเจน จำเป็นต้องสร้างแบรนด์ผลผลิตคุณภาพ
ทุเรียนในภาคเหนือ โดยเฉพาะจากจังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ และพิษณุโลก กำลังเติบโตเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ มีข้อมูลดังนี้
- พื้นที่ยืนต้นเพิ่มขึ้น 9.51% เป็น 121,829 ไร่
- พื้นที่ให้ผลเพิ่มขึ้น 7.21% เป็น 81,857 ไร่
- ผลผลิตเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 6.27% เป็น 729 กิโลกรัม/ไร่
- ปริมาณผลผลิตรวมเพิ่มขึ้น 13.88% เป็น 59,660 ตัน
ขณะนี้ผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว 9% โดยการบริหารจัดการในที่ประชุมได้เสนอแนวทางหลากหลาย เช่น การอบรมเกษตรกรเรื่องการดูแลสวน การสร้างนักคัดผลมืออาชีพ และการส่งเสริมการตลาดโดยใช้ Influencer รวมถึงการตั้งชื่อแบรนด์ให้กับทุเรียนแต่ละแหล่ง เช่น “ทุเรียนหลงลับแล” และ “หมอนพระร่วง”
มะม่วงน้ำดอกไม้ ผลผลิตสูงขึ้นแต่ราคาน่ากังวล
ข้อมูลมะม่วงน้ำดอกไม้ ปี 2568 แสดงให้เห็นว่า
- พื้นที่ยืนต้นเพิ่มขึ้น 0.46% เป็น 145,145 ไร่
- พื้นที่ให้ผลเพิ่มขึ้น 1.93% เป็น 134,686 ไร่
- ผลผลิตเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 13.46% เป็น 809 กิโลกรัม/ไร่
- ปริมาณผลผลิตรวมเพิ่มขึ้น 15.71% เป็น 108,993 ตัน
แม้ผลผลิตจะเพิ่มขึ้น แต่อัตราราคาจำหน่ายในช่วงต้นฤดูอยู่ในระดับต่ำเพียง 30 บาท/กิโลกรัม ทำให้เกิดความกังวลในกลุ่มเกษตรกร โดยที่ประชุมเสนอให้มีการแจ้งข้อมูลไปยัง คพจ. เพื่อหามาตรการรองรับอย่างเร่งด่วนในระดับจังหวัด
ข้อเสนอเชิงนโยบายและบทวิเคราะห์
- สร้างระบบฐานข้อมูลกลาง ที่บูรณาการระหว่าง สศท. สำนักงานเกษตรจังหวัด และหน่วยงานวิจัย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำแบบ Real-Time
- พัฒนาช่องทางการตลาดใหม่ เช่น ตลาดออนไลน์ การส่งออกโดยตรง และการจับคู่ธุรกิจ
- ปรับกลยุทธ์โลจิสติกส์ เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง เพิ่มมูลค่าให้กับไม้ผล เช่น การทำโรงคัดบรรจุหรือระบบความเย็นในพื้นที่
- ขยายการใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ เพื่อพยากรณ์และติดตามสถานการณ์การผลิตแบบแม่นยำ
- เร่งสร้างแบรนด์และมูลค่าผลไม้เฉพาะถิ่น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคและตลาดต่างประเทศ
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- รายงานสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 1 ปี 2568
- สรุปสถานการณ์ผลผลิตไม้ผลเศรษฐกิจภาคเหนือ จากการสัมมนา 7-8 พฤษภาคม 2568
- สถาบันคลังสมองของชาติ: รายงานแรงงานเกษตรภาคเหนือ ปี 2567
- กระทรวงเกษตรและสหกรณ์: ระบบข้อมูลการผลิตไม้ผลเศรษฐกิจ (www.moac.go.th)
- กรมส่งเสริมการเกษตร: www.doae.go.th
- สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย