Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ม.ราชภัฏเชียงราย ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม 4 องค์กรชาติพันธุ์

 

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ณ หอประชุมกาสะลองคำ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มร.ชร) อ.เมือง จ.เชียงราย มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) ร่วมกับ สำนักศิลปะและวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จัดเวทีพลเมืองตื่นรู้ในการส่งเสริมสุขภาวะทางกายในชุมชนชาติพันธุ์  โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ยิ่งศักดิ์ เพชรนิล รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เป็นประธาน และนางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการผู้ก่อตั้ง พชภ.  นางจุฑามาศ  ราชประสิทธิ์ ผู้จัดการโครงการสร้างเสริมสุขภาวะทางกายฯ พชภ.  ดร.อติเทพ วงศ์ทอง ผ.อ.สำนักศิลปะวัฒนธรรมร่วมเปิดงาน โดยมีนักเรียนจากโรงเรียนผู้ร่วมโครงการ และชุมชนชาวชาติพันธุ์ เข้าร่วมกว่า 400 คน 

ทั้งนี้สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มร.ชร.  พชภ. สมาคมลาหู่ในประเทศไทย  สมาคมไตลื้อจังหวัดเชียงราย และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาชีพวิถีชนเผ่าต้นน้ำแม่ยาว ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อการทำงานแบบเบญจภาคีว่าด้วยการจัดกิจกรรม อนุรักษ์ ส่งเสริม สืบสาน และเผยแพร่ ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และกิจกรรมทางด้านภูมิปัญญาท้องถิ่นและด้านวิชาการ พร้อมทั้งเป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และการประสานสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง 5 องค์กร

ดร.อติเทพ วงศ์ทอง ผอ. สำนักศิลปะและวัฒนธรรม กล่าวว่า เป็นจุดเริ่มต้นการส่งเสริมศิลปะวัฒนะธรรมท้องถิ่น เนื่องจาก มร.ชร. เป็นมหาวิทยาลัยที่บริการวิชาการชุมชน ที่รับผิดชอบในเชียงราย สำนักศิลปะและวัฒนธรรมได้ร่วมกันสนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่น สุขภาวะทางกาย และวัฒนธรรม จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ได้ร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์ทำให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งด้านการแสดงออกทางวัฒนธรรมที่ส่งผลต่อกายและใจ ด้านอาหารกลุ่มชาติพันธุ์ การสร้างเครือข่าย สนับสนุนวิชาการที่จะเป็นแหล่งเรียนรู้ทุกชาติพันธุ์ในเชียงราย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ยิ่งศักดิ์ เพชรนิล รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายนับว่ามีทรัพยากร นิเวศน์วิถีชีวิตที่หลากหลาย เป็นการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล มีการปลูกพืชผักหลากหลาย มีเอกลักษณ์เฉพาะ ตัวทำให้มีการส่งเสริมกิจกรรมกาดกายดี นับเป็นนิมิตหมายที่ดีได้แสดงออกทางวัฒนธรรม มีผลต่อสุขภาวะทางกายด้วย ทั้งเพื่อพัฒนาองค์ความรู้สุขภาวะชุมชนชาติพันธุ์ ได้ใช้ประโยชน์ในการส่งเสริมสุขภาพผ่านวัฒนธรรมและกิจกรรม การทำงานกันเป็นทีม เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อน ทั้งบุคลกร การศึกษา และสังคม 

นางเตือนใจ  ดีเทศน์  กล่าวว่า จากที่ได้ชมการแสดงจะเห็นว่ามีออกกำลังกายทุกส่วน และต้องมีการซ้อมการทำงานเป็นหมู่คณะ ยังช่วยทำให้เด็กและเยาวชนไม่ซึมเศร้า สร้างความรักความสามัคคี  ทั้งเป็นการรวมกลุ่มสังคมครอบครัววัฒนธรรมหลายกลุ่มพี่น้องชาติพันธุ์ทำกิจกรรมร่วมกัน มีส่วนที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติอยู่ เช่น การทำดาบจากไม้ไผ่ ชุดชาติพันธุ์ที่ทำจากผ้าฝ้าย ขนสัตว์ ลูกเดือยที่นำมาทำเป็นเครื่องประดับ  ทำให้รู้คุณค่าการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติ ทำให้ตระหนักในธรรมชาติในความอุดมสมบูรณ์  

ทั้งนี้ภายในงานมีการจัดเสวนาหัวข้อพลเมืองตื่นรู้ในการส่งเสริมสุขภาวะทางกายในชุมชนชาติพันธุ์ และแนวทางหรือข้อคิดเห็นในการส่งเสริมกิจกรรมทางกายในชุมชนชาติพันธุ์ โดยนายวิชัย  ภินะบรรณ์ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานทั่วไป โรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง ต.เทอดไทย กล่าวว่า การจะขยับเรื่องสุขภาพเป็นบทบาทที่เราจะต้องทำร่วมกัน ภาครัฐที่มีองค์ความรู้ ซึ่งตัวชุมชนมีศักยภาพอยู่แล้ว รัฐต้องออกนโยบายมาให้เหมาะกับชุมชนนั้น ถ้าสิ่งแวดล้อมดี  ก็จะทำให้สุขภาพกายและจิตดี ในบ้าน โรงเรียน สภาพอากาศ เด็กจะออกกำลังกายได้ มีการซ้อมแผนการได้รับบาดเจ็บ ในสังคมที่บ้าน พ่อแม่ให้ความเชื่อมมั่นเอาใจใส่ สุดท้ายเด็กจะได้เป็นผู้ใหญ่สมบูรณ์ 

นายวุฒิพงษ์ สวรรคโชติ ประธานสมาคมลาหู่ในประเทศไทย กล่าวว่า ประชาชนมักทำงานหาเงินจนลืมสุขภาพ แต่สุดท้ายยอมสูญเสียทุกอย่างเพื่อให้ได้สุขภาพดีคืนมา คนชนบทบนดอยเมื่อก่อนไม่มีโรคประจำตัว เพราะปกติพวกทำไร่ ทำนา ทำสวน พอพลวัตทางสังคม เทคโนโลยี เข้ามาทำให้ทำงานน้อยลง ปัจจุบันมีคนไปรับยา ความดันเบาหวาน ไขมันพอกตับ เรากำลังให้ความสนใจ จากเดิมที่ปลูกผักส่งขาย ปัจจุบันปรากฎว่าเราชาวดอยรอรถเข้ามาขายในหมู่บ้าน ไม่ค่อยมีผักสวยครัวกันแล้ว เป็นสิ่งที่เราควรกลับมาพิจารณาปลูกผักกินเองเพื่อความปลอดภัยและได้สุขภาพกายที่ดีด้วย

นายตฤณธวัช  ธุระวร ผู้ประสานงานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาชีพวิถีชนเผ่าต้นน้ำแม่ยาว กล่าวว่า กายดี สุขภาพดี มีองค์ประกอบ วงแรก คือ อาหาร อากาศ ยารักษาโรค อยู่ในชีวิตเราทุกวัน ทุกวันนี้เราเจอปัญหาสุขภาพ การกินเป็นลำดับแรก อากาศที่เราหายใจ ปัจจุบันอากาศเสียมาก การใช้ยารักษาโรค การในนำธรรมชาติมาใช้รักษาโรค ถ้าเราใช้เป็น มีผลกระทบน้อยกว่าแผนปัจุบัน ส่วนวงที่สอง คือ ดิน น้ำ ป่า ปัจจุบันจะเห็นว่าดินอาบด้วยยาพิษ ส่งต่อไปที่อาหาร น้ำ เดิมบนดอยน้ำดื่มตักที่ไหนก็กินได้ ปัจจุบันต้นน้ำมีแต่สารเคมี มีผลกระทบต่ออาหาร อากาศ ป่าเป็นแหล่ง อาหาร น้ำ ยาสมุนไพร  ปัจจุบันเราตัดต้นไม้ มีเคมีมหาศาล ส่งผลต่ออาหาร อากาศ 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมพันธมิตรเสริมภูมิคุ้มกันชีวิตตั้งแต่ปฐมวัย

 
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2567 ที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร ส่งเสริมการพัฒนาทักษะสมอง เสริมภูมิคุ้มกัน เตรียมความพร้อมเด็กปฐมวัย เพื่อการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักวิธีจัดการชีวิต โดยได้รับความร่วมมือจากจังหวัดเชียงราย ในการให้ความรู้แก่บุคลากรเครือข่ายสาธารณสุขและร่วมกันพัฒนาศักยภาพครูปฐมวัยอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่ปีที่ 5 พร้อมที่จะสร้างเชียงรายเป็นจังหวัดต้นแบบด้านการพัฒนาทักษะสมองจังหวัดแรกของประเทศ โดยกว่า 50 องค์กรในจังหวัดเชียงราย ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและสร้างความยั่งยืน โดยมีคณะกรรมการระดับจังหวัดช่วยดำเนินการสานต่อการขับเคลื่อนงาน

 

นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมาย และดูแลฝ่ายบริหารกิจกรรมเพื่อสังคม
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะกรรมการและเหรัญญิก มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่ามูลนิธิตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ดำเนิน “โครงการพัฒนาทักษะสมองเพื่อสุขภาวะเด็กและเยาวชน” ที่จังหวัดเชียงราย                 มาตั้งแต่ปี 2563 และทำต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ ซึ่งนับเป็นปีที่ 5 โดยนำแนวคิดการพัฒนาทักษะสมอง (Executive Functions: EF) มาถ่ายทอดให้แก่บุคลากรเครือข่ายสาธารณสุข ครูปฐมวัย และผู้ปกครอง โดยได้ทยอยทำมาอย่างต่อเนื่องจนครบทุกอำเภอของจังหวัดเชียงราย โดยมีอำเภอพญาเม็งรายเป็นต้นแบบของความสำเร็จ

 

“จากการติดตามผลการดำเนินโครงการฯ พบว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงแนวทางในการดูแลเลี้ยงดูเด็ก ส่งผลให้เด็กปฐมวัยกว่าร้อยละ 70 มีระดับทักษะสมอง EF ในระดับดีถึงดีมาก โดยมีตัวอย่างความสำเร็จที่แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมของทั้งผู้ดูแลเด็ก และเด็กมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เช่น เด็กเลิกติดโทรศัพท์มือถือ มีการเปลี่ยนพฤติกรรมจากเดิมที่ค่อนข้างก้าวร้าว ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ มาเป็นเด็กที่สนใจหนังสือนิทาน เล่นกับเพื่อนได้ และเข้าสังคมได้เป็นปกติ หลังจากที่คุณแม่ได้เข้าร่วมโครงการฯ นอกจากนี้ ยังมีตัวอย่างของเด็กนักเรียนที่สามารถปรับตัวให้รู้จักการรอคอย มีความอดทนอดกลั้น รู้จักยับยั้งชั่งใจ มีการแบ่งปัน เอื้อเฟื้อ หลังจากที่คุณครูได้เข้าร่วมโครงการฯ และเปลี่ยนแนวทางการดูแลเด็กนักเรียนตามแนวทาง EF โดยเชื่อมั่นว่า เมื่อเด็กเหล่านี้เติบโตขึ้นก็จะเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของสังคม รวมทั้งจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป”

 

“มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์ฯ เชื่อมั่นว่าจากนโยบายการส่งเสริมของภาครัฐไปถึงผู้ปฏิบัติงานที่มุ่งมั่นและแข็งขันในทุกภาคส่วน เชียงรายจะเป็นจังหวัดต้นแบบในการสร้างเด็กไทยที่มีคุณภาพ และองค์ความรู้ดังกล่าวจะเป็นต้นแบบอันทรงคุณค่า ทำให้จังหวัดเชียงรายเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งก่อให้เกิดการต่อยอดขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ในวงกว้างทั้งประเทศ อันจะช่วยให้เกิดผลกระทบเชิงบวกอย่างยั่งยืนได้”

 

นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อกับพรมแดนที่มีความเสี่ยงด้านยาเสพติด ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจทำให้พ่อ-แม่ต้องจากบ้านไปทำงาน ส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการที่ล่าช้า และมีความเสี่ยงต่อการถูกชักจูงไปในทางที่ผิด แต่หลังจากที่มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เข้ามาขยายผล “โครงการพัฒนาทักษะสมองเพื่อสุขภาวะเด็กและเยาวชน”  โดยใช้ต้นแบบ EF จากอำเภอพญาเม็งรายที่ได้

 

 

 

ขับเคลื่อน EF ในพื้นที่ จนส่งผลให้เด็กปฐมวัยมีพัฒนาการดีขึ้น โดยมีค่า EF  สูงกว่าค่ามาตรฐานของประเทศ (norm) ถึง 20%  มาบูรณาการความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยทั้งจังหวัดเชียงราย ทั้งหน่วยงานสาธารณสุข หน่วยงานการศึกษาปฐมวัย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และส่วนราชการในแต่ละอำเภอ ส่งผลให้เชียงรายเป็นจังหวัดต้นแบบด้านการพัฒนาทักษะสมองจังหวัดแรกของประเทศ

 

เด็กปฐมวัยของจังหวัดเชียงรายที่มีอายุระหว่าง 0-6 ปี มีจำนวน 57,853 คน คิดเป็นร้อย 46.3 ของเด็กและเยาวชน ทั้งหมดของจังหวัดเชียงราย ปัจจุบัน มีเด็กปฐมวัย ที่เข้าร่วมโครงการแล้วจำนวนกว่า 35,377 คน และมีบุคลากรด้านสาธารณสุข ครูปฐมวัย ผู้ปกครองและผู้นำชุมชนเข้าร่วมโครงการ 39,177 ราย และมีกลุ่มบุคลากรที่มีความรู้เรื่อง EF หรือ  EF Facilitator กว่า 270 คน ร่วมกันเผยแพร่ส่งต่อองค์ความรู้ดังกล่าวเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ จังหวัดได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมทักษะสมอง Executive Functions (EF) จังหวัดเชียงราย เพื่อให้เกิดการสนับสนุนการดำเนินงานเชิงลึกและเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อสร้างรากฐานที่เข้มแข็งและต่อเนื่อง

 

นางสุภาวดี หาญเมธี ประธานสถาบันอาร์แอลจี (รักลูก เลิร์นนิ่ง กรุ๊ป) เปิดเผยว่า การพัฒนาทักษะสมอง EF เริ่มตั้งแต่ขวบปีแรก จนถึงประมาณ 25 ปี แต่ช่วงอายุ 3-6 ปี เป็นช่วงเวลาที่ทักษะสมอง EF มีการพัฒนาเติบโตได้ดีที่สุด ปฐมวัยจึงเป็นการวางเสาเข็มของชีวิต เด็กที่ได้รับการพัฒนาทักษะสมอง หรือ Executive Functions: EF อย่างต่อเนื่อง จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันชีวิตที่ดี มีวินัยและความรับผิดชอบ พร้อมผลักดันพากเพียรพาตนเองไปสู่เป้าหมายของชีวิต มีงานวิจัยมากมายที่ยืนยันว่า หากเด็กตั้งแต่ปฐมวัยขาดทักษะ EF จะทำให้ไม่สามารถยับยั้งตนเอง หรืออดกลั้นต่อสิ่งเร้ารอบตัวเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นได้ นำไปสู่การ “ติด” ต่างๆ ในอนาคต เช่น ติดเกม ติดเพื่อน ติดสุรา ติดบุหรี่และยาเสพติด หรือการตกอยู่ในภาวะจิตใจบกพร่อง เช่น ซึมเศร้า จิตเภท กำกับพฤติกรรมตนเองไม่ได้ ก้าวร้าว ทำผิดกฎหมาย แต่หากเด็กมีทักษะ EF เขาจะมีความสามารถในการกำกับความคิด ความรู้สึกและพฤติกรรมของตนได้ดี นอกจากนี้ ทักษะสมอง EF เป็นฐานรากของการพัฒนาต่อยอดกระบวนการคิดและบุคลิกภาพที่ซับซ้อนขึ้น หรือที่เรียกว่าเป็น “การคิดขั้นสูง” อันจะนำไปสู่การมี “ทักษะศตวรรษที่ 21” ที่จำเป็นยิ่งต่อการดำรงชีวิตในโลกยุคใหม่

 

“ปัญหาเยาวชนไม่ว่า การกราดยิง ความก้าวร้าวรุนแรง ยาเสพติด แม่วัยใส โรคซึมเศร้า ฯลฯ ล้วนมีรากมาจากการเลี้ยงดูพัฒนาในช่วงปฐมวัยที่ไม่เหมาะสม ซึ่งสะสมมาจนปรากฏเป็นความเสียหายในช่วงวัยรุ่น ส่งผลต่ออนาคตที่ง่อนแง่นคลอนแคลน แต่หากเด็กได้รับการพัฒนาให้เห็นคุณค่าในตนเอง สามารถกำกับตนเองได้ คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น และอยู่กับคนอื่นเป็นตั้งแต่ปฐมวัย โดยผู้ใหญ่ที่อยู่รอบตัวในระบบนิเวศร่วมมือกันดูแลและให้โอกาสฝึกฝนอย่างจริงจัง ดังเช่นที่เกิดขึ้นแล้วในพื้นที่ส่งเสริม EF ต้นแบบจังหวัดเชียงราย โครงสร้างสมองของเด็กก็จะก่อรูป ฝังเป็นคุณลักษณะนิสัยที่จะช่วยให้เด็กๆ เติบโต เป็นคนคุณภาพของประเทศต่อไปในโลกที่แปรปรวน”

 

ในโอกาสที่จังหวัดเชียงรายได้พัฒนาจนเป็นจังหวัดต้นแบบของการพัฒนาทักษะสมอง EF ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด จึงได้เป็นประธานในการร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ของหน่วยงานด้านสาธารณสุข การศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดเชียงราย กว่า 50 องค์กร เพื่อยืนยันการร่วมมือกัน ขับเคลื่อนเชียงราย จังหวัดต้นแบบบูรณาการส่งเสริม EF และผลักดันแผนปฏิบัติภายใต้ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนการพัฒนาทักษะสมอง EF เด็กปฐมวัยจังหวัดเชียงรายอย่างเป็นรูปธรรม

 

มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์ฯ เชื่อว่าการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของประเทศ ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิต ของกลุ่มคนที่เป็นรากฐานของสังคม โดยมีแนวทางในการทำงานร่วมกับภาคีทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจและภาคประชาสังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับคนไทย

 

ผู้สนใจติดตามรายละเอียดโครงการได้ที่ www.setfoundation.or.th

 

มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์ฯ ยึดมั่นใน “พลังความร่วมมือ เพื่อสังคมที่ดีกว่า (Partner for Better Society)”

 

SET…Make it Work for Everyone”

 

สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลได้ที่ฝ่ายสื่อสารองค์กร อรสิริ บุญแต้ม 0 2009 9487 / ณัฐยา เมืองแมน 0 2009 9488 / กนกวรรณ เข็มมาลัย 0 2009 9478

มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

นับตั้งแต่ปี 2549 ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เริ่มก่อตั้งมูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจนปัจจุบัน มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มุ่งมั่นขับเคลื่อนภารกิจที่มีเป้าหมายในการยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิต พร้อมทั้งสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับชีวิตคนไทย โดยทำงานร่วมกับภาคีทุกภาคส่วนเพื่อสร้าง “นวัตกรรมทางสังคม” เพื่อให้พลังร่วมเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก และวางรากฐานสำคัญเพื่อการเดินหน้าไปสู่สังคมที่ดีขึ้น

 

สถาบัน RLG

สถาบันอาร์แอลจี (รักลูก เลิร์นนิ่ง กรุ๊ป) เป็นหน่วยงานวิชาการภายใต้กลุ่มบริษัทรักลูก (ก่อตั้งปี พ.ศ. 2525)  โดยมุ่งเป้าหมายร่วมพัฒนาสังคม ด้วยการสร้างและสื่อสารเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการพัฒนาเด็กและครอบครัวไปทั่วประเทศ

โดยตั้งแต่ปี 2557 สถาบันฯ ร่วมกับนักวิชาการด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย และภาคี Thailand EF Partnership จัดการความรู้และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับทักษะสมอง EF เพื่อรณรงค์สร้างภูมิคุ้มกันชีวิตและพัฒนาคุณภาพเด็กและเยาวชนตั้งแต่ปฐมวัย

 

ปี 2559 สถาบันฯ ได้เชื่อมประสานกับโรงพยาบาลพญาเม็งรายในการนำความรู้ EF พัฒนาอำเภอพญาเม็งรายให้เป็นพื้นที่บูรณาการ ที่ทุกฝ่ายทั้งสาธารณสุข การศึกษา ผู้นำชุมชน และพ่อแม่ผู้ปกครองร่วมมือกันดูและพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างเหมาะสม  จนเกิดเป็นระบบนิเวศการพัฒนาที่มีเด็กเป็นศูนย์กลางแบบ “พญาเม็งรายโมเดล” และสามารถขยายผลต่อ ครอบคลุมครบ 18 อำเภอในจังหวัดเชียงราย รวมทั้งขยาย “พญาเม็งรายโมเดล” ไปยังอำเภอต่างๆ ในหลายจังหวัด ทั่วทุกภาค นอกจากนี้  ยังได้ร่วมพัฒนาหลักสูตร “สมองและการเรียนรู้” กับคณาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏทั้ง 38 แห่ง และสถาบันอุดมศึกษาอื่นๆ ปัจจุบันมีนักศึกษาครูปฐมวัยจบการศึกษาและออกปฏิบัติงานในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทั่วประเทศแล้ว

 

ปัจจุบันองค์ความรู้ EF เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ทั้งในวงการสาธารณสุข การศึกษาปฐมวัย และพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีความตื่นตัวและต้องการพัฒนาคุณภาพของเด็กปฐมวัย

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“สมัชชาการศึกษาระดับภูมิภาค” ครั้งที่ 2 สร้างเวทีพัฒนาเครือข่าย

 

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 ที่ห้องเธียเตอร์ ชั้น 2 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย อ.เมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดการประชุมพัฒนาระบบกลไกการมีส่วนร่วม “สมัชชาการศึกษาระดับภูมิภาค” (Regional Educational Assembly) ครั้งที่ 2 ภาคเหนือ โดยมีรองเลขาธิการสภาการศึกษา ศึกษาธิการภาค ศึกษาธิการจังหวัด ผู้แทนหน่วยงานด้านการศึกษา ภาคีเครือข่ายสมัชชาสภาการศึกษาจังหวัด ผู้ปกครอง นักเรียน นักศึกษา หน่วยงานภาคเอกชน มูลนิธิ และภาควิชาชีพต่างๆ เข้าร่วม

 

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ร่วมกับจังหวัดเชียงรายและภาคีเครือข่ายการศึกษาภาคเหนือ จัดการประชุมยกระดับกลไกการมีส่วนร่วม”สมัชชาการศึกษาระดับภูมิภาค” (Regional Educational Assembly) ครั้งที่ 2 ขึ้น เพื่อสร้างเวที พัฒนาเครือข่ายและกลไกการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ ตลอดจนส่งเสริม สนับสนุนบทบาทการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของทุกภาคส่วนในระดับภูมิภาคให้มีคุณภาพ เข้มแข็ง และยั่งยืน และเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลความคืบหน้าการดำเนินงานของสมัชชาการศึกษาสภาการศึกษา และภาคีเครือข่ายการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาระดับภูมิภาคตามมติของการประชุมสมัชชาการศึกษาระดับชาติ ครั้งที่ 1 
 
 
อีกทั้งเพื่อจัดทำข้อเสนอแนวทางการพัฒนาการศึกษาในมุมมองฉากทัศน์อนาคต (Scenario) และปรับปรุงประเด็นและมติสมัชชาการศึกษาระดับภูมิภาค เพื่อเสนอเป็นระเบียบวาระในการประชุมสมัชชาสภาการศึกษาระดับชาติ (National Education Assembly)
 
 
สำหรับจังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดที่มีความพร้อม มีความเข้มแข็ง และมีการรวมตัวของภาคีเครือข่ายการศึกษาในทุกภาคส่วน และมีศักยภาพในการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาด้วยคนในพื้นที่ ซึ่งสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาของภาคประชาชนระดับพื้นที่ ด้วยตระหนักว่าความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของภาคีเครือข่ายที่ดำเนินงานในพื้นที่ จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยกำหนดและผลักดันนโยบายสาธารณะด้านการศึกษาเพื่อคนทุกภาคส่วนต่อไป
 
 
ภายในการประชุม มีการเสวนา ในหัวข้อ “สภาการศึกษา X กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา แชร์ผลลัพธ์ ปรับมุมใหม่ สมัชชาการศึกษาแบบไหนตรงใจคนบ้านเรา และการรับรองมติสมัชชาสภาการศึกษาระดับภูมิภาค กิจกรรมสร้างเครือข่าย ละลายพฤติกรรม การเสวนาคลินิกเพื่อนสมัชชาสภาการศึกษา Best Practice จากสมัชชาที่ประสบความสำเร็จในพื้นที่ รวมถึงเปิดเวทีเพื่อแชร์กลไกแก้ปัญหาเชิงพื้นที่จากผู้แทนจังหวัดต่าง ๆ อีกด้วย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย จับมือ มช. จัดกิจกรรม “นักประดิษฐ์ จิตอาสา คืนลมหายใจที่ไร้ฝุ่น”

 

เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09.00 น.นายกฤศ โพธสุธน รองนายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงราย หมวดที่ 4 ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะชีวิตเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงราย ครั้งที่ 7 “นักประดิษฐ์จิตอาสา คืนลมหายใจที่ไร้ฝุ่น” ณ หอประชุมกาสะลองคำ มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย 

ปัจจุบันพื้นที่จังหวัดเชียงรายกำลังเผชิญปัญหาสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ซึ่งอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง จังหวัดเชียงราย อบจ.เชียงราย ภาคีทุกภาคส่วน
ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว 
 
 
จึงได้จัดโครงการในวันนี้ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออบรม ให้ความรู้ ทักษะ แก่ เยาวชน ประชาชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถจัดทำประดิษฐ์เครื่องฟอกอากาศ+เติมอากาศ ด้วยตนเองได้ ในราคาประหยัด และมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งสามารถถ่ายทอดความรู้ ทักษะที่ได้ ให้แก่องค์กร หน่วยงาน ชุมชน ของตนเอง อีกทั้งยังให้ความรู้ เรื่องพิษภัยของฝุ่นละออง PM 2.5 สาเหตุที่ก่อให้เกิดฝุ่นละออง ลด ละ เลิก การเผา ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 พร้อมส่งเสริมการจัดกิจกรรม พื้นที่สร้งสรรค์ กิจกรรมสร้างสรรค์ของชุมชน เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชน ประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แสดงออกซึ่งความคิดเห็น ความรู้ และความสามารถ ตามความถนัดและสนใจ โดยกิจกรรมในครั้งนี้ได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการจัดทำกล้องอากาศดี (เครื่องฟอกอากาศและเติมอากาศ แบบ DIY) เพื่อนำไปส่งต่อให้กับกลุ่มเปราะบาง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย 
 

โดยได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.ไพโรจน์ ด้วงนคร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กล่าวต้อนรับท่านผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ ทั้งนี้ ผศ.ดร.สุทัศน์ คล้ายสุวรรณ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย นพ.คงศักดิ์ ชัยชนะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย นพ.ไพศาล เลิศฤดิพร มูลนิธิเวชดุสิตในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ดร.คงศักดิ์บุญยะประณัย รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดร.แสวง กาวิชัย นักวิจัยประจำสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดร.ธเนศ ไชยชนะ วิทยาลัยพลังงานทดแทน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ นายนิทัศน์ ศรีรัตนประสิทธิ์ ประธาน YEC หอการค้าเชียงรายดร.เนรมิตร จิตรรักษา อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ให้เกียรติร่วมการเปิดโครงการฯ ด้วย

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“นกอีโก้ง” นกในฤดูหนาว สีสดสวยในป่าชุ่มน้ำลุ่มน้ำอิงตอนปลาย

 
 

เมื่อวันที่ 7-8 ธันวาคม 2566 ทางทีมสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิตโพสต์ผ่านเฟสบุ๊ค สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต  หลังได้ร่วมกับอาจารย์สุทธิ มลิทอง ผู้อำนวยการสถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย จากการสำรวจ พบนกทั้งหมดจาก 4 ชุมชนมี 83 ชนิด แบ่งเป็นบ้านได้ดังนี้ บ้านป่าข่า 54 ชนิด บ้านป่าบง 58 ชนิด บ้านม่วงชุม 54 ชนิด และบ้านบุญเรือง 56 ชนิด ได้ทำการสำรวจนกในฤดูหนาว 4 ชุมชนได้แก่ 

1)บ้านม่วงชุม ตำบลครึ่ง 

2)บ้านบุญเรืองใต้ ตำบลบุญเรือง อำเภอเชียงของ 

3)บ้านป่าข่า ตำบลป่าตาล 

และ4)บ้านป่าบง ตำบลยางฮอม อำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย 

 

จาการสำรวจนับนกของทางสมาคมในครั้งนี้ ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจกับนกสีสวยสดใสตัวนี้ คือนกอีโก้ง ชื่อภาษาอังกฤษ / Purple Swamphen, Purple Gallinule, Purple Swamp-Hen และชื่อทางวิทยาศาสตร์ Porphyrio porphyrio เป็นนกน้ำขนาดลักษณะกลาง หัวเป็นสีทองอมน้ำเงิน ลำตัวด้านบนสีน้ำเงินอมม่วง ใต้คางและอกสีน้ำเงินอมเขียว ท้องและสีข้างสีน้ำเงินอมม่วง ต้นขาสีน้ำเงินอมเขียว หัว ไหล่ และขนปีกสีน้ำเงินอมเขียว ปีกสั้น นัยน์ตาสีแดง จะงอยปาก และแผ่นที่หน้าผากสีแดง ขาและนิ้วเท้ายาวมาก และมีสีแดงอมน้ำตาล ปากหนาและแบนข้าง มีสีแดง-สีน้ำตาลแดง เป็นนกที่มีขาค่อนข้างยาว เป็นนกที่เด่นสะดุดตาในการสำรวจในครั้งนี้ ที่หนองน้ำบ้านป่าข่า นกอีโก้งยืนหากินอยู่บนแพกอหญ้ากลางหนองน้ำ 1 คู่
 
 
กิจกรรมการนับนกและการออกแบบเส้นทางเรียนรู้นกในป่าชุ่มน้ำทั้ง 4 ชุมชน เพื่อเป็นการสำรวจจำนวนนกน้ำในป่าชุ่มน้ำในทั้ง 3 ฤดู คือฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว ครั้งนี้เป็นการสำรวจนกน้ำตัวแทนของในช่วงฤดูฝน มีการพบนกในป่าชุ่มน้ำอย่างน้อย 42 ชนิด จาก 4 ป่า ซึ่งทั้ง 4 ป่าชุ่มน้ำกำลังอยู่ในการขอขึ้นทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำแรมซ่าไซด์ ที่อยู่ในระหว่างการกรอกข้อมูลให้กับหน่วยงานกรรมการพื้นที่ชุ่มน้ำ
 
 
จากการสำรวจพบว่าป่าชุ่มน้ำเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่สำคัญของนก โดยทางอาจารย์สุทธิ มลิทอง ได้กล่าวถึงป่าชุ่มน้ำว่ามีความสำคัญ2อย่างต่อนกน้ำคือ ป่าชุ่มน้ำเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย และเป็นพื้นที่สำคัญในการหาอาหาร 2 ปัจจัยนี้มีความสำคัญต่อนกน้ำเป็นอย่างมาก ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งนกก็ไม่สามารถอยู่ได้ และนกที่เป็นอัตลักษณ์เด่นๆของป่าชุ่มน้ำ ที่ในพื้นที่อื่นไม่ค่อยเจอ แต่พบเจาได้มากในป่าชุ่มน้ำลุ่มน้ำอิงตอนปลายได้แก่ นกเป็ดลาย นกเป็ดพม่า นกเป็ดหัวดำสีน้ำตาล นกเป็ดดำหัวดำ และนกยางดำ
 
 
การศึกษานกในครั้งนี้ ทางสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิตได้ดำเนินการร่วมกับคณะกรรมการป่าชุ่มน้ำในชุมชน เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์นกน้ำในป่าชุ่มน้ำ โดยทำข้อมูลนกน้ำ ทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ออกแบบหลักสูตรการเรียนรู้นกในป่าชุ่มน้ำ และร่วมหาแนวทางการอนุรักษ์นกในป่าชุ่มน้ำโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน รวมถึงนำข้อมูลเรื่องนกน้ำ นำไปประกอบการผลักดันการขึ้นทะเบียนพื้นที่ป่าชุ่มน้ำแรมซ่าไซด์ร่วมกับชุมชนต่อไป
 
สำหรับสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต ซึ่งงานของสมาคมทำน้้นจะสามารถแบ่งออกได้เป็นอย่างน้อย 4 ด้านหลักๆ ดังนี้ 1.วิจัยไทบ้าน 2.การจัดการน้ำและสัตว์น้ำโดยท้องถิ่น 3.การเสริมสร้างเครือข่ายและกลไกท้องถิ่น 4.เขื่อนขนาดใหญ่ โครงการในปัจจุบัน โครงการเสริมสร้างเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นลุ่มน้ำโขง โครงการอนุรักษ์แลฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาในแม่น้ำโขงและอิงตอนล่างในจังหวัดเชียงรายโดยเครื่องมือและกลไกท้องถิ่น สามารถติดต่ามได้ที่ : https://www.livingriversiam.org/ 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News