Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

เชียงรายต้องขยับ! เมื่อไทยครองใจเอเชีย-แปซิฟิก และคนไทยพร้อมเที่ยวญี่ปุ่น วางหมาก “หนองหลวง-ไม้ดอก” เป็นคำตอบ

เชียงรายต้องขยับอย่างไร เมื่อไทยครองใจนักท่องเที่ยวเอเชีย–แปซิฟิก และคนไทยพร้อมเที่ยวญี่ปุ่น – ถอดบทเรียนจาก SiteMinder สู่ยุทธศาสตร์ “หนองหลวง–ไม้ดอก–ตำนานท้องถิ่น–ดิจิทัลทัวริซึม”

เชียงราย, 10 ธันวาคม 2568 – รายงานวิจัยด้านการท่องเที่ยวล่าสุดจาก SiteMinder “Changing Traveller Report 2026” ซึ่งสำรวจนักเดินทางกว่า 12,000 คน ใน 14 ประเทศทั่วโลก สะท้อนภาพชัดเจนว่า “ประเทศไทย” ยังยืนหนึ่งในใจนักท่องเที่ยวเอเชีย–แปซิฟิก ขณะเดียวกัน “คนไทย” เองก็มีแรงเดินทางสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก และวางแผนไป “ญี่ปุ่น” มากที่สุดในปี 2569

ท่ามกลางคลื่นความต้องการเดินทางรูปแบบใหม่ เมืองรองอย่าง “เชียงราย” จึงไม่ได้ยืนอยู่นอกเวที หากแต่กำลังถูกผลักขึ้นสปอตไลต์ เมื่อมีทั้ง “ดีมานด์จากต่างประเทศ” ที่มองหาประสบการณ์เชิงวัฒนธรรม–ธรรมชาติ และ “ดีมานด์ในประเทศ” ที่นิยมเที่ยวเมืองรองใกล้บ้าน แต่ต้องการบริการที่เฉพาะตัว ทันสมัย และเชื่อมต่อดิจิทัลได้เต็มรูปแบบ

ในบริบทนี้ น่าจะต้องให้เป็นอีกหนึ่งโจรย์การขับเคลื่อนของท้องถิ่นภายใต้การนำของ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (นายก นก) ที่เร่ง “คืนน้ำใสให้หนองหลวง” อำเภอเวียงชัย และเตรียมพื้นที่จัด “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025” ณ สวนสาธารณะหนองหลวง ระหว่างวันที่ 19 ธันวาคม 2568 – 7 มกราคม 2569 จึงไม่ใช่แค่โครงการภูมิทัศน์ แต่คือการวางหมากยุทธศาสตร์เพื่อพาเชียงรายขึ้นไปยืนในกระดานท่องเที่ยวระดับภูมิภาคอย่างมีทิศทางชัดเจน

บทความนี้ชวนเจาะลึกว่า จากข้อมูลเชิงสถิติของ SiteMinder และทิศทางการพัฒนาหนองหลวง–มหกรรมไม้ดอก เชียงรายควร “ทำอะไรต่อ” เพื่อไม่ให้โอกาสกลายเป็นเพียงกระแสวูบเดียว แล้วหายไปพร้อมฤดูกาลท่องเที่ยว

ไทยครองใจเอเชีย–แปซิฟิก แต่เชียงรายต้องแปลง “ความนิยมประเทศ” เป็น “ดีมานด์เมืองรอง”

รายงาน Changing Traveller Report 2026 ระบุว่า ประเทศไทยติด 10 อันดับจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักเดินทางในหลายตลาดหลักของเอเชีย–แปซิฟิก อาทิ นักท่องเที่ยวสิงคโปร์จัดให้ไทยอยู่ใน 5 อันดับแรก ขณะที่อินเดีย อินโดนีเซีย จีน และออสเตรเลีย ต่างก็จัดให้ไทยอยู่ในลิสต์จุดหมายสำคัญในภูมิภาค

แม้ “กรุงเทพฯ” ยังครองสถานะเมืองหลักที่ดึงดูดนักเดินทางต่างชาติ แต่แนวโน้มระดับโลกชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า เมืองรองที่มีอัตลักษณ์ชัดเจนและรองรับการเดินทางเชื่อมต่อได้สะดวก กำลังกลายเป็นตัวเลือกสำคัญของนักท่องเที่ยวที่ต้องการ “ประสบการณ์มากกว่าการเช็กอิน” หรือที่มักเรียกกันว่า Second City Tourism

สำหรับเชียงราย เมืองที่มีทั้งภูมิทัศน์ธรรมชาติ ความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ตำนานเมืองโบราณอย่างโยนกไชยบุรี และมรดกวัฒนธรรมล้านนา การก้าวขึ้นมาเป็น “เมืองรองระดับภูมิภาค” จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากแต่ต้องจัดระเบียบ “เรื่องราว–พื้นที่–บริการ–เทคโนโลยี” ให้เชื่อมโยงกันอย่างมียุทธศาสตร์

คนไทยเที่ยวมากขึ้น มองญี่ปุ่นเป็นอันดับหนึ่ง – สัญญาณว่าการแข่งขันเรื่อง “ประสบการณ์” จะดุเดือดกว่าเดิม

ด้านฝั่งนักท่องเที่ยวไทย รายงานเดียวกันสะท้อนว่า แรงเดินทางปี 2569 เข้มข้นยิ่งกว่าค่าเฉลี่ยโลก โดย 64% ของคนไทยต้องการเดินทางมากขึ้น ขณะที่ทั่วโลกอยู่ที่ราวครึ่งหนึ่งเท่านั้น

จุดหมายปลายทางในฝันของคนไทยยังคงเป็น “ญี่ปุ่น” ซึ่ง 56% ระบุว่ามีแผนเดินทางในปีหน้า ตามด้วยเกาหลีใต้ จีน สิงคโปร์ และไต้หวัน เมืองยอดนิยมในญี่ปุ่น เช่น โตเกียว โอซาก้า เกียวโต และภูเขาฟูจิ ยังคงสะท้อนภาพของประสบการณ์ “ครบชุด” ทั้งเมืองใหญ่ วัฒนธรรม อาหาร และธรรมชาติ ในจุดหมายเดียว

คำถามสำคัญสำหรับเชียงรายจึงไม่ใช่เพียง “จะแข่งกับญี่ปุ่นอย่างไร” แต่คือ “จะอยู่ในแผนการเดินทางของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างไร” ในยุคที่ผู้คนพร้อมจะบินข้ามประเทศเพื่อหาประสบการณ์ที่ละเอียดอ่อนและแตกต่างมากขึ้น

ในอีกด้านหนึ่ง นักท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมถึงคนไทยเอง ก็หันมาให้ความสำคัญกับการเที่ยว “ใกล้บ้าน” เพื่อลดค่าใช้จ่ายและความซับซ้อนในการวางแผน โดย 31% ของคนไทยระบุว่าจะเลือกเที่ยวใกล้บ้านมากขึ้น ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในรายงานเดียวกัน

เมื่อจับสองเทรนด์นี้มารวมกัน คนไทยพร้อมบินไกลไปญี่ปุ่น แต่ขณะเดียวกันก็ยังต้องการทริปใกล้บ้านที่คุ้มค่า มีความหมาย และวางแผนง่าย เชียงรายซึ่งเชื่อมต่อได้สะดวกทั้งทางอากาศและทางบก จึงมีโอกาสที่จะเป็น “คำตอบในประเทศ” ของคนไทยกลุ่มเดียวกับที่รักญี่ปุ่น หากสามารถนำเสนอประสบการณ์ที่ครบทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และเรื่องเล่าได้อย่างมีกลยุทธ์

พฤติกรรมนักเดินทางยุคใหม่ จองล่วงหน้า เปิดรับ Dynamic Pricing ใช้ AI ตัดสินใจ โจทย์ใหม่ของผู้ประกอบการเชียงราย

SiteMinder ชี้ให้เห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมที่ผู้ประกอบการที่พักในไทยต้องรับมืออย่างเร่งด่วน

  • 38% ของนักท่องเที่ยวไทยบอกว่าจะ “จองที่พักล่วงหน้ามากขึ้น”
  • 27% ใช้แพลตฟอร์ม OTA เป็นจุดเริ่มต้นค้นหาที่พัก และอีก 13% อ้างอิงจากบล็อกท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงที่สุดในโลก
  • เกือบ 80% เห็นด้วยกับการ “ปรับราคาโรงแรมตามดีมานด์” หรือ Dynamic Pricing สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ราว 65%
  • 86% ยินดีให้โรงแรมใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อแลกกับประสบการณ์ที่ปรับให้ตรงใจมากขึ้น
  • 51% พร้อมจ่ายเพิ่มเพื่ออาหารกูร์เมต์หรือไวน์เทสติ้ง 48% พร้อมจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่มแบบ walk-in ในโรงแรม และ 40% สนใจสปา ขณะที่ 33% สนใจการแสดงดนตรีสดในที่พัก

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนภาพที่ชัดเจนว่า “ราคา” ไม่ใช่ปัจจัยเดียวอีกต่อไป แต่ “ประสบการณ์ในที่พัก” และ “ความสมเหตุสมผลระหว่างราคากับคุณภาพ” ต่างหากที่เป็นตัวตัดสินใจสุดท้าย

สำหรับเชียงราย ซึ่งมีผู้ประกอบการโรงแรมขนาดกลาง และเล็ก โฮมสเตย์ และที่พักประเภท Bed & Breakfast อยู่จำนวนมาก โครงสร้างตลาดกลับสอดคล้องอย่างยิ่งกับเทรนด์นี้ เพราะนักท่องเที่ยวไทยยังนิยม “Standard Room” ถึง 58% และเลือก B&B มากที่สุดในโลกที่ 21%

แต่จุดเปลี่ยนสำคัญคือ ผู้ประกอบการต้องไม่มองห้องพักเป็นแค่ “เตียงและอาหารเช้า” อีกต่อไป หากแต่ต้องออกแบบให้เป็น “แพ็กเกจประสบการณ์” ที่เชื่อมโยงกับพื้นที่รอบตัว เช่น

  • แพ็กเกจห้องพัก + ล่องเรือหนองหลวง + ชมตำนานเมืองโยนกไชยบุรี
  • แพ็กเกจสำหรับนักท่องเที่ยวสิงคโปร์หรือออสเตรเลีย ที่ผสานการเที่ยวเชิงเกษตร ชา–กาแฟ และดินเนอร์พื้นเมืองในโรงแรม
  • แพ็กเกจสำหรับนักเดินทางสายสุขภาพ ที่รวมการนวดแผนไทย สปา และกิจกรรมเดินป่าเบา ๆ รอบหนองหลวงหรือพื้นที่ใกล้เคียง

ทั้งหมดนี้ต้องถูกนำเสนอผ่านช่องทางดิจิทัล ตั้งแต่ OTA เว็บไซต์โรงแรม ไปจนถึงคอนเทนต์ในบล็อกและโซเชียลมีเดีย ที่ใช้ทั้งข้อมูลและเรื่องเล่าท้องถิ่นเป็น “สินทรัพย์หลัก”

หนองหลวง–ตำนานเมืองโยนกไชยบุรี–ไม้ดอกอาเซียน 2025 เมื่อโครงสร้างพื้นฐานน้ำ เชื่อมกับ “เศรษฐกิจประสบการณ์”

หนองหลวง อำเภอเวียงชัย เคยเป็นเพียงแหล่งน้ำสาธารณะเพื่อการเกษตรและประมงของชุมชน แต่ในช่วงปี 2568 พื้นที่แห่งนี้ถูกดันขึ้นมาเป็น “หัวใจของงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025” โซนเวียงชัย อย่างเต็มรูปแบบ หลังจากมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกำจัดผักตบชวาและวัชพืชในหนองน้ำ ร่วมกันระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเวียงชัย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยรอบ

การ “คืนน้ำใสให้หนองหลวง” ไม่ได้หมายถึงเพียงการปรับภูมิทัศน์ให้สวยงาม แต่คือการคืนศักยภาพเชิงระบบนิเวศให้กลับมาเป็นทั้งแหล่งน้ำเพื่อเกษตร แหล่งอาหารของชุมชน และฐานทรัพยากรในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในระยะยาว

ในวันลงพื้นที่เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 นายก นก พร้อมคณะผู้บริหาร อบจ.เชียงราย และสมาชิกสภา อบจ. เขตเวียงชัย ได้สำรวจและประเมินความพร้อมของเส้นทางเดินเรือในสวนสาธารณะหนองหลวง เพื่อเตรียมใช้เป็นโซนจัดกิจกรรมภายในงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 ซึ่งจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มาสัมผัสเชียงรายในมิติที่ลึกกว่าการเที่ยวชมดอกไม้เพียงอย่างเดียว

จากน้ำใสสู่ “ล่องเรือเกาะแม่หม้าย” – เมื่อเรื่องเล่าตำนานกลายเป็นสินทรัพย์ทางการท่องเที่ยว

ข้อเสนอสำคัญที่สร้างความสนใจให้กับผู้สังเกตการณ์นโยบายด้านการท่องเที่ยว คือไอเดียของนายก นก ที่ต้องการให้มีการจัดกิจกรรม “ล่องเรือชมเกาะแม่หม้าย” เกาะเล็ก ๆ กลางหนองหลวง ซึ่งผูกโยงกับตำนานเมืองโยนกไชยบุรี เมืองโบราณที่เล่ากันว่าล่มสลายจากอาเพศ เนื่องจากชาวเมืองกินเนื้อปลาไหลเผือก ยกเว้นหญิงชราผู้หนึ่งเพียงคนเดียวที่ไม่ได้กินและรอดชีวิตอยู่บนเกาะ

เมื่อนำตำนานนี้มาเชื่อมกับประสบการณ์ล่องเรือในบรรยากาศหนองน้ำกว้าง การเล่าเรื่องโดยไกด์ท้องถิ่น หรือแม้กระทั่งการใช้สื่อดิจิทัล–AR/VR ช่วยเล่าเรื่อง เชียงรายกำลังสร้าง “ประสบการณ์ที่มีความหมาย” ซึ่งสอดคล้องอย่างยิ่งกับแนวโน้มที่ SiteMinder พบว่า นักเดินทางยุคใหม่ทั้งในไทยและต่างประเทศต้องการทริปที่มีเนื้อหาและคุณค่าเชิงวัฒนธรรม ไม่ใช่เพียงภาพสวย ๆ สำหรับโพสต์โซเชียล

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ให้มุมมองที่สะท้อนวิสัยทัศน์ดังกล่าวอย่างชัดเจนว่า หนองหลวงไม่ใช่เพียงแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและประมง แต่มีศักยภาพจะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่เชื่อมโยงธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของเชียงรายได้ในเวลาเดียวกัน ผ่านกิจกรรมล่องเรือชมเกาะและการเล่าตำนานโบราณ ซึ่งตรงกับเทรนด์ที่นักเดินทางต้องการประสบการณ์เชิงความหมายมากขึ้น

ในเชิงเศรษฐกิจ “กิจกรรมบนหนองน้ำ” ยังสามารถต่อยอดไปสู่โครงสร้างรายได้รูปแบบใหม่ ตั้งแต่แพ็กเกจล่องเรือ–อาหารพื้นเมือง–ผลิตภัณฑ์ชุมชน ไปจนถึงการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับโซนอื่นของงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียน ทั้งฝั่งเวียงชัยและแม่สาย ที่กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวของไทยนำเสนอว่าเป็นเทศกาลสำคัญระดับอาเซียนในช่วงปลายปี 2568 ถึงต้นปี 2569

AI, OTA และคอนเทนต์เชิงลึก สามเครื่องมือดิจิทัลที่เชียงรายต้องใช้ให้เป็น

รายงาน SiteMinder ยังสะท้อนบทบาทที่เพิ่มขึ้นของ “ปัญญาประดิษฐ์” ในการตัดสินใจด้านการเดินทางของผู้บริโภค โดยคนไทยให้ความสำคัญกับฟีเจอร์อย่างระบบแจ้งเตือนราคา การสรุปรีวิวโรงแรม และการแนะนำจุดเที่ยวตามสไตล์ส่วนตัวในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกอย่างชัดเจน

สำหรับเชียงราย การใช้ AI และระบบดิจิทัลควรถูกวางไว้ในสามระดับหลัก ได้แก่

  1. ระดับข้อมูลและการค้นหา (Discovery)
    ผู้ประกอบการโรงแรมและที่พักต้องดูแลโปรไฟล์บน OTA ให้ครบถ้วน มีการตอบรีวิวอย่างมืออาชีพ และใช้คอนเทนต์คุณภาพสูง ทั้งภาพ วิดีโอ และเรื่องเล่าท้องถิ่นเพื่อเพิ่มโอกาสในการปรากฏในผลค้นหา ขณะเดียวกันหน่วยงานภาครัฐและเอกชนควรร่วมกันพัฒนา “ฐานข้อมูลดิจิทัลกลาง” ของแหล่งท่องเที่ยว–กิจกรรมในเชียงราย ที่สามารถเชื่อมต่อให้ AI ของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ดึงไปใช้แนะนำได้โดยอัตโนมัติ
  2. ระดับประสบการณ์ในพื้นที่ (In-Destination Experience)
    โรงแรมสามารถใช้ AI Chatbot ช่วยแนะนำเส้นทางเที่ยวในเชียงรายแบบเฉพาะบุคคล เช่น สำหรับนักท่องเที่ยวที่พักในเมืองและมีเวลา 2 วัน สามารถเสนอโปรแกรมเที่ยววัด–คาเฟ่กาแฟพิเศษ–ล่องเรือหนองหลวง–ชมตำนานโยนกไชยบุรี โดยเชื่อมต่อการจองล่วงหน้ากับผู้ให้บริการทัวร์และชุมชนได้ในระบบเดียว
  3. ระดับวางแผนรายได้ (Revenue & Dynamic Pricing)
    เมื่อ 80% ของนักท่องเที่ยวไทยเปิดรับราคาห้องพักที่เปลี่ยนแปลงตามดีมานด์ โรงแรมในเชียงรายจึงควรใช้ระบบบริหารรายได้ (Revenue Management System) ร่วมกับข้อมูลการจองล่วงหน้าในช่วงงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนหรือเทศกาลสำคัญอื่น ๆ เพื่อบริหารราคาให้สมดุลระหว่างรายได้ต่อห้องกับความพึงพอใจของลูกค้า โดยต้องไม่ลืมว่าการขึ้นราคาต้องคู่กับการยกระดับบริการให้สอดคล้องกับความคาดหวังที่สูงขึ้นด้วย

 กลยุทธ์สามเสาหลักของเชียงราย Experience – Digital – Local Preservation

เมื่อเชื่อมโยงข้อมูลจาก SiteMinder เข้ากับทิศทางพัฒนาหนองหลวงและงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 สามารถสรุปเป็น “ยุทธศาสตร์สามเสาหลัก” ที่เชียงรายควรเดินหน้าต่อเนื่อง ดังนี้

  1. Experience สร้างและยกระดับ “ประสบการณ์ที่มีความหมาย”
    • ใช้หนองหลวงเป็นเวทีทดลองโมเดลท่องเที่ยวเชิงนิเวศ–ตำนาน–ชุมชน ที่ผสานกิจกรรมล่องเรือ เล่าเรื่องเมืองโยนกไชยบุรี ชิมอาหารพื้นเมือง และชมวิถีชีวิตริมหนองน้ำ
    • เชื่อมประสบการณ์ในงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียน กับการท่องเที่ยวในเมืองเชียงรายและอำเภออื่น เช่น เมืองเชียงราย–เวียงชัย–แม่สาย ในแพ็กเกจเดียว เพื่อเพิ่มระยะเวลาพำนัก (length of stay) และการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคน
  2. Digital/Technology ใช้ดิจิทัลและ AI เป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของการท่องเที่ยว
    • สนับสนุนผู้ประกอบการให้ใช้ OTA เว็บไซต์ตรง และระบบจองออนไลน์แบบครบวงจร โดยเฉพาะในช่วงงานใหญ่อย่างมหกรรมไม้ดอกอาเซียน ที่ต้องรองรับการจองล่วงหน้าจำนวนมาก
    • พัฒนา “ศูนย์ข้อมูลดิจิทัลการท่องเที่ยวเชียงราย” ที่รวบรวมข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว เรื่องเล่าท้องถิ่น กิจกรรม และเทศกาล เพื่อให้แพลตฟอร์มระดับโลกสามารถดึงไปใช้ในการแนะนำปลายทางได้สะดวก
  3. Local Preservation อนุรักษ์ทรัพยากรและเรื่องเล่าท้องถิ่นควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าเพิ่ม
    • เดินหน้าจัดการทรัพยากรน้ำและระบบนิเวศหนองหลวงอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้การคืนน้ำใสเป็นเพียง “ครั้งเดียวจบ”
    • สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการเล่าเรื่องตำนานและดูแลกิจกรรมท่องเที่ยว เพื่อให้รายได้หมุนเวียนกลับสู่ชุมชนและทำให้การอนุรักษ์มีแรงจูงใจทางเศรษฐกิจ
    • ผลักดันระบบมาตรฐานด้านความปลอดภัย การควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวต่อรอบล่องเรือ และการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การท่องเที่ยวเติบโตบนฐานความยั่งยืน

นายสุภกฤษฎิ์ แผนสมบูรณ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ SiteMinder ให้ความเห็นต่อแนวโน้มดังกล่าวว่า โรงแรมและผู้ประกอบการต้องยกระดับบริการ ลงทุนกับประสบการณ์ และใช้เทคโนโลยีอย่าง AI ควบคู่ไปกับระบบราคาแบบยืดหยุ่น จึงจะสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างความประทับใจให้กับนักเดินทางยุคใหม่ได้ ในบริบทของเชียงราย ข้อสังเกตนี้ยิ่งทวีความสำคัญ เมื่อจังหวัดกำลังใช้เวทีระดับอาเซียนอย่างมหกรรมไม้ดอก เป็น “โชว์รูม” ของศักยภาพด้านการท่องเที่ยวทั้งระบบ

จากรายงานวิจัยสู่การลงมือในพื้นที่ – โอกาสของเชียงรายอยู่ที่การ “เชื่อมทุกจุดเข้าด้วยกัน”

เมื่อพิจารณาภาพรวมทั้งหมด จะเห็นว่า รายงานวิจัยระดับโลกของ SiteMinder ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขสถิติ หากแต่ทำหน้าที่สะท้อน “เงื่อนไขใหม่ของการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว” ที่ทุกเมืองต้องเผชิญ

สำหรับเชียงราย โอกาสสำคัญอยู่ในสามประเด็นใหญ่

  • ประเทศไทยได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะจุดหมายปลายทางของเอเชีย–แปซิฟิก ซึ่งเชียงรายสามารถอาศัย “แบรนด์ประเทศไทย” เป็นแรงส่ง
  • นักเดินทางทั้งไทยและต่างชาติให้ความสำคัญกับประสบการณ์เฉพาะตัว พร้อมจ่ายเพื่ออาหาร บริการสปา และกิจกรรมในที่พัก โดยเปิดรับเทคโนโลยีและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปรับประสบการณ์ให้ตรงใจ
  • การขับเคลื่อนของหน่วยงานท้องถิ่น โดยเฉพาะ อบจ.เชียงราย ที่เร่งฟื้นฟูหนองหลวงและเตรียมจัดมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 ทำให้เชียงรายมี “เวทีและพื้นที่จริง” สำหรับทดลองและพัฒนานวัตกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ–วัฒนธรรมอย่างเป็นรูปธรรม

สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้ จึงไม่ใช่เพียงการจัดงานใหญ่ให้สำเร็จครั้งเดียว แต่คือการวางระบบที่จะทำให้หนองหลวง กลายเป็น “ห้องทดลองนโยบายท่องเที่ยว” ของเชียงราย ที่ผสานงานโครงสร้างพื้นฐาน ทรัพยากรธรรมชาติ เรื่องเล่าท้องถิ่น กลไกตลาดดิจิทัล และการมีส่วนร่วมของชุมชนเข้าไว้ด้วยกันอย่างยั่งยืน

หากเชียงรายสามารถทำให้ “น้ำใสในหนองหลวง” สะท้อนให้เห็นถึง “ความชัดเจนของยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวทั้งจังหวัด” ได้จริง เมืองเหนือปลายแหลมแห่งนี้อาจไม่ได้เป็นเพียงจุดหมายรองในแผนการเดินทางของนักท่องเที่ยวเอเชีย–แปซิฟิก แต่มีศักยภาพจะยกระดับขึ้นเป็น “ศูนย์รวมประสบการณ์ล้านนาเชิงลึก” ที่ช่วยขับเคลื่อนทั้งเศรษฐกิจฐานราก คุณภาพชีวิตของชุมชน และภาพลักษณ์ของประเทศไทยในระยะยาว

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • SiteMinder, Changing Traveller Report 2026
  • PPTV Online, “ไทยยังครองใจนักท่องเที่ยวเอเชีย–แปซิฟิก คนไทยพร้อมเที่ยวญี่ปุ่นปี 69 – อินไซต์จาก SiteMinder” (เผยแพร่ปี 2568)
  •  “Chiang Rai ASEAN Flower Festival 2025: Reflect of Seasons
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

อบจ.เชียงราย ยกระดับ สามล้อ สู่ ทูตวัฒนธรรม ต้อนรับ มหกรรมไม้ดอกอาเซียน 2025

อบจ.เชียงรายดัน “สามล้อเมืองเชียงราย” เป็นทูตวัฒนธรรม เตรียมร่วมเป็นเจ้าบ้านต้อนรับนักท่องเที่ยวในงาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025”

เชียงราย, 5 ธันวาคม 2568 – เช้าตรู่ต้นเดือนธันวาคม อากาศเย็นสบายเหนือริมแม่น้ำกก ที่ “ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย” เสียงสนทนาสลับเสียงหัวเราะของกลุ่มผู้ประกอบอาชีพสามล้อดังคลอไปกับบรรยากาศการเตรียมความพร้อมรับฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีของจังหวัดเชียงราย

เบื้องหน้าไม่ใช่เพียงการนัดพบกันตามปกติของคนทำมาหากิน หากแต่เป็น “เวทีนโยบายสาธารณะระดับฐานราก” ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ใช้ในการสื่อสารทิศทางสำคัญของเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ – การยก “สามล้อ” จากเพียงพาหนะรับจ้างดั้งเดิม สู่บทบาท “เจ้าบ้าน” และ “ทูตวัฒนธรรม” ในงานระดับอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม

ภายใต้การนำของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ หรือ “นายก นก” นายก อบจ.เชียงราย ซึ่งมอบหมายให้ นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายก อบจ.เชียงราย เป็นผู้ลงพื้นที่พบปะและพูดคุยกับผู้ประกอบอาชีพสามล้อในครั้งนี้ ไม่เพียงสะท้อนการต่อสัญญาการยืมจักรยานสามล้อประจำปี หากยังเป็น “สัญญาใจทางสังคม” ระหว่างภาครัฐกับแรงงานดั้งเดิมของเมือง ในการร่วมกันรักษาเสน่ห์เชียงรายให้คงอยู่ควบคู่กับการเติบโตของการท่องเที่ยวสมัยใหม่

ต่อสัญญาสามล้อ – ต่อชีวิตอาชีพดั้งเดิมในเมืองท่องเที่ยว

กิจกรรมเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 เวลา 09.00 น. ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย มีวัตถุประสงค์หลักสองประการที่ดำเนินควบคู่กัน คือ

  1. ต่อสัญญาการยืมจักรยานสามล้อประจำปี
    อบจ.เชียงรายจัดให้มีการต่อสัญญาการยืมรถสามล้อเป็นประจำในทุกเดือนธันวาคม ซึ่งไม่ใช่เพียงขั้นตอนด้านเอกสาร แต่เป็นกลไกให้หน่วยงานท้องถิ่นได้พบปะ รับฟัง และยืนยันความตั้งใจในการสนับสนุนอาชีพสามล้ออย่างต่อเนื่อง
  2. ส่งสัญญาณนโยบาย “สามล้อคือเจ้าบ้าน”
    การพบปะในปีนี้ถูกยกระดับจากเพียงการบริหารจัดการอาชีพรับจ้าง ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์เตรียมตัวเป็นเจ้าบ้านของจังหวัดเชียงราย ในโอกาสการจัด “งานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025” ที่กำลังจะมาถึง

สามล้อในเชียงรายไม่ได้เป็นเพียงพาหนะรับจ้าง แต่เป็น “ภาพจำ” ของผู้มาเยือนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศเมืองเหนือแบบเนิบช้า ใกล้ชิดผู้คน และได้ชมเมืองผ่านมุมมองของคนท้องถิ่น การที่ อบจ.เชียงราย ยืนยันจะหนุนอาชีพนี้อย่างเป็นระบบ จึงมีนัยยะมากกว่าเรื่องรายได้ หากยังเกี่ยวข้องกับ “อัตลักษณ์ของเมือง” โดยตรง

มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 ฤดูดอกไม้ และฤดูโอกาสของสามล้อ

เชียงรายในช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคม คือช่วงเวลาที่เมืองทั้งเมืองถูกโอบล้อมด้วยอากาศหนาวเย็นและสีสันของดอกไม้ งาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025” ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ถึง 7 มกราคม 2569 ณ “สวนไม้งามริมน้ำกก” ภายใต้การดูแลของ อบจ.เชียงราย จึงเป็นหนึ่งในเทศกาลสำคัญของจังหวัดตลอดช่วงไฮซีซัน

ระยะเวลาการจัดงานรวมกว่า สามสัปดาห์เต็ม ทำให้พื้นที่ริมน้ำกกกลายเป็น “เมืองดอกไม้ชั่วคราว” ที่รองรับทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ซึ่งเดินทางมาชมความงดงามของไม้ดอกเมืองหนาวและการตกแต่งภูมิทัศน์อย่างวิจิตร

ในบริบทนี้ บทบาทของสามล้อไม่ได้จำกัดอยู่แค่การ “ให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสาร” แต่ถูกออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของ “ประสบการณ์การเยือนเชียงราย” ตั้งแต่ก้าวแรกที่นักท่องเที่ยวมาถึงในพื้นที่จัดงาน

อบจ.เชียงรายได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกสองส่วนสำคัญ ได้แก่

  • ติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์งานบนสามล้อทุกคัน
    รถสามล้อจึงกลายเป็น “สื่อประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่” ที่วิ่งอยู่ทั่วตัวเมืองเชียงราย สร้างการรับรู้เกี่ยวกับงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนล่วงหน้า ทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวและคนเชียงรายเอง
  • จัดให้สามล้อให้บริการรับ-ส่งภายในบริเวณงาน
    ผู้ประกอบอาชีพสามล้อจะได้เข้าไปมีบทบาทเป็นระบบขนส่งขนาดเล็กภายในพื้นที่งาน ช่วยเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้ผู้เข้าชม ลดความหนาแน่นของรถยนต์ส่วนบุคคล และสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงวิถีชีวิตดั้งเดิมกับงานเทศกาลสมัยใหม่อย่างลงตัว

ดังนั้น การเตรียมความพร้อมของสามล้อจึงไม่ใช่เพียงเรื่อง “ล้อรถ” แต่เป็นเรื่องของ “ภาพลักษณ์” และ “ประสบการณ์ร่วม” ที่ผู้มาเยือนจะได้รับในทุกจุดสัมผัสของงาน

สามล้อในฐานะ “ทูตวัฒนธรรม” ของเชียงราย

หนึ่งในประเด็นที่สะท้อนเจตนารมณ์ทางนโยบายได้อย่างชัดเจน คือการยกสถานะของสามล้อจาก “แรงงานขนส่ง” ไปสู่บทบาท “ทูตวัฒนธรรม” ของเมือง

จากคำชี้แจงของ นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายก อบจ.เชียงราย ซึ่งได้รับมอบหมายจากนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ให้มาพบปะกลุ่มสามล้อในครั้งนี้ ระบุถึงเป้าหมายสำคัญว่า นายก อบจ.เชียงราย “ต้องการให้ผู้ประกอบอาชีพสามล้อเข้ามามีบทบาทสำคัญในการต้อนรับนักท่องเที่ยว” พร้อมทั้งย้ำให้เห็นว่า สามล้อจะไม่เพียงทำหน้าที่รับ-ส่งนักท่องเที่ยวในเชิงบริการเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความประทับใจแรกให้กับผู้มาเยือนจากทั่วโลก

คำกล่าวของรองนายกฯ เน้นย้ำชัดว่า การผลักดันบทบาทของสามล้อครั้งนี้

  • เป็นการ รักษาเสน่ห์ทางวัฒนธรรมและอาชีพดั้งเดิม
  • เป็นช่องทาง กระจายรายได้สู่ชุมชนฐานราก
  • เป็นส่วนหนึ่งของ ยุทธศาสตร์กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง สามล้อไม่ได้เป็นเพียง “ภาพถ่ายสวย ๆ” ในโปสการ์ดหรือสื่อท่องเที่ยว แต่เป็น “เจ้าของเรื่องเล่า” ที่สามารถพูดคุย แนะนำสถานที่ และส่งต่อเรื่องราวเชียงรายให้กับผู้โดยสารแบบตัวต่อตัวในทุกการเดินทาง

กระจายรายได้–สร้างโอกาส สามล้อในเศรษฐกิจท้องถิ่นยุคใหม่

ในแง่เศรษฐกิจ การนำสามล้อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ ช่วยให้รายได้จากนักท่องเที่ยวไม่กระจุกตัวอยู่เพียงในธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร หรือบริษัทนำเที่ยว หากแต่ไหลลงไปสู่แรงงานรับจ้างดั้งเดิม ซึ่งเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจมหภาคมากกว่า

การตัดสินใจของ อบจ.เชียงราย ที่ให้สามล้อเข้ามามีบทบาทในงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียน จึงเป็นตัวอย่างหนึ่งของ “นโยบายเชิงพหุวัตถุประสงค์” ที่ตอบโจทย์ทั้ง

  • การอนุรักษ์ งานวัฒนธรรมดั้งเดิม
  • การสร้าง รายได้เสริมช่วงไฮซีซัน
  • การเพิ่ม คุณค่าทางประสบการณ์ ให้กับนักท่องเที่ยว

อาชีพสามล้อซึ่งเคยถูกมองว่าเสี่ยงต่อการหายไปตามการเติบโตของเมืองท่องเที่ยว เมื่อถูกเชื่อมโยงกับเทศกาลสำคัญและได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม ก็มีโอกาสกลับมายืนอยู่ใน “โครงสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่น” อย่างภาคภูมิ ไม่ได้เป็นเพียง “ภาพเก่าในความทรงจำ” ของผู้คนรุ่นก่อน

บทบาทภาครัฐท้องถิ่น จากผู้กำกับดูแล สู่ “พาร์ตเนอร์” ของแรงงานดั้งเดิม

กรณีของ อบจ.เชียงราย กับอาชีพสามล้อในครั้งนี้ ยังสะท้อนแนวโน้มสำคัญด้านการบริหารท้องถิ่น คือ การเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้กำกับดูแล” ไปสู่ “หุ้นส่วนการพัฒนา”

การจัดให้มีการพบปะผู้ประกอบอาชีพสามล้อเป็นประจำทุกเดือนธันวาคม ไม่เพียงเพื่อจัดการด้านเอกสารหรือการยืมรถเท่านั้น แต่ยังเป็นช่องทางรับฟังเสียงของกลุ่มอาชีพที่มักเข้าไม่ถึงเวทีนโยบายระดับใหญ่ การย้ำความห่วงใยและคำขอบคุณอย่างเป็นทางการต่อผู้ประกอบการสามล้อ ทำให้แรงงานกลุ่มนี้รู้สึกว่า “ไม่ได้ทำงานอยู่อย่างโดดเดี่ยว” หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของภาพรวมการพัฒนาเมืองอย่างแท้จริง

นโยบายหนุนสามล้อร่วมเป็นเจ้าบ้านในงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียน จึงไม่ใช่มาตรการระยะสั้นในเชิงพิธีกรรม แต่มีศักยภาพจะต่อยอดสู่

  • การอบรมพัฒนาทักษะด้านการบริการและการสื่อสารสำหรับผู้ขับสามล้อ
  • การออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ใช้สามล้อเป็นพาหนะหลักในบางโซนของเมือง
  • การสร้างแพ็กเกจท่องเที่ยวที่ผนวกบริการสามล้อเข้ากับกิจกรรมทางการท่องเที่ยวอื่น

แม้รายละเอียดเชิงนโยบายในขั้นต่อไปจะต้องอาศัยการหารือเพิ่มเติม แต่โครงร่างของวิธีคิดได้ชัดเจนแล้วว่า ภาครัฐท้องถิ่นไม่ได้มองสามล้อเป็นเพียง “ผู้ประกอบการรายย่อย” หากมองเป็น “ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย” ในทิศทางการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายในภาพรวม

เชียงรายในฐานะเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สามล้อคือฟันเฟืองเล็กในเครื่องยนต์ใหญ่

เชียงรายในปัจจุบันไม่ได้ขายเฉพาะภูเขา ทะเลหมอก หรือดอกไม้เมืองหนาวเท่านั้น หากยังขาย “วิถีชีวิต” และ “เรื่องเล่า” ของผู้คนในพื้นที่ การทำให้สามล้อกลับมามีบทบาทอย่างเป็นรูปธรรมในฤดูกาลท่องเที่ยว สอดคล้องกับแนวโน้มการท่องเที่ยวแบบ “Slow Travel” และ “Local Experience” ที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากต้องการสัมผัส

เมื่อสามล้อได้รับการสนับสนุนให้ทำหน้าที่รับ-ส่งนักท่องเที่ยวในงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 นักท่องเที่ยวไม่ได้เพียงเห็นดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งอย่างวิจิตร แต่ยังได้พูดคุยกับคนขับสามล้อ เรียนรู้เรื่องราวของเมือง ผ่านบทสนทนาระหว่างการเดินทางระยะสั้น นี่คือ “มิติที่ไม่อาจสร้างได้ด้วยโครงสร้างพื้นฐานเพียงอย่างเดียว”

ในมุมของยุทธศาสตร์การพัฒนาเมือง การผนวกรวมสามล้อเข้ากับเทศกาลระดับอาเซียน ยังช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของเชียงรายในฐานะเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่มีชีวิต ไม่ใช่เพียงเมืองจัดงานอีเวนต์หรือแหล่งเช็กอินชั่วคราว

จากงานเทศกาลสู่ความยั่งยืน คำถามต่ออนาคตของอาชีพสามล้อเชียงราย

แม้การสนับสนุนสามล้อในช่วงก่อนและระหว่างงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 จะเป็นสัญญาณเชิงบวกอย่างยิ่ง แต่คำถามเชิงนโยบายที่ยังต้องติดตามคือ

  • หลังจบเทศกาลแล้ว สามล้อจะยังได้รับบทบาทเชิงโครงสร้างในระบบท่องเที่ยวของเมืองต่อไปหรือไม่
  • จะมีการออกแบบเส้นทาง “ท่องเที่ยวเมืองเชียงรายด้วยสามล้อ” อย่างต่อเนื่องในช่วงอื่นของปีหรือไม่
  • ภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน จะร่วมกันออกแบบกลไกดูแลคุณภาพบริการและมาตรฐานความปลอดภัยอย่างไร เพื่อให้ภาพลักษณ์ของสามล้อในฐานะทูตวัฒนธรรมสามารถยืนระยะได้ในระยะยาว

อย่างไรก็ดี จุดตั้งต้นที่เกิดขึ้นในวันนี้ – ตั้งแต่การต่อสัญญายืมรถสามล้อประจำปี การติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์งานบนสามล้อทุกคัน ไปจนถึงการจัดให้สามล้อเข้ามามีบทบาทในพื้นที่งานมหกรรมไม้ดอกอาเซียน – ล้วนสะท้อนว่า เชียงรายไม่ได้มุ่งเป็นเพียง “เมืองจัดงานดอกไม้” หากต้องการเป็นเมืองที่เติบโตอย่างไม่ทิ้งรากวัฒนธรรมของตนเองไว้ข้างหลัง

สามล้อ – เสน่ห์เล็ก ๆ ที่แบกรับภาพใหญ่ของเมืองเชียงราย

การตัดสินใจของ อบจ.เชียงราย ภายใต้การนำของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ และการขับเคลื่อนภารกิจโดยนายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายก อบจ.เชียงราย ในการสนับสนุนอาชีพสามล้อให้มีบทบาทเชิงรุกในงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 สะท้อนภาพของ “เมืองที่มองเห็นคุณค่าฟันเฟืองเล็ก ๆ” ในเครื่องจักรเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของตนเอง

สามล้ออาจเป็นเพียงพาหนะที่เคลื่อนตัวไม่เร็ว ไม่หรูหรา และรองรับผู้โดยสารได้ไม่มาก แต่กลับมี “ศักยภาพเชิงสัญลักษณ์” สูงกว่ายานพาหนะสมัยใหม่หลายประเภท เพราะทุกเที่ยวที่ออกตัว คือการพานักท่องเที่ยวเข้าใกล้ผู้คน วัฒนธรรม และวิถีชีวิตเชียงรายอย่างแนบชิด

ในฤดูกาลดอกไม้ปลายปี 2568 ที่กำลังจะมาถึง บทบาทของสามล้อจึงไม่ได้เป็นเพียง “ฉากประกอบ” หากเป็นส่วนสำคัญของ “เรื่องเล่าเชียงราย” ที่กำลังถูกเล่าซ้ำต่อสายตานักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศและทั่วโลก

ว่าเมืองเล็กริมกกแห่งนี้ ไม่ได้เติบโตด้วยการละทิ้งอดีต แต่เลือกจะเดินหน้าไปข้างหน้าโดย “พาคนตัวเล็ก ๆ ไปด้วยกัน”

สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  •  “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025” ระหว่างวันที่ 18 ธันวาคม 2568 – 7 มกราคม 2569 ณ สวนไม้งามริมน้ำกก องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย –
  • นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายเดินหน้าจัด ‘มหกรรมไม้ดอก 2025’ ปรับรูปแบบ ลดมหรสพ เน้นนิทรรศการน้อมรำลึก

จุดสมดุลเศรษฐกิจ-ความรู้สึก เชียงรายชวนนักท่องเที่ยวแต่ง ‘โทนสุภาพ’ ร่วมงานไม้ดอก

เชียงราย,28 ตุลาคม 2568 – ที่ห้องประชุมธรรมรับอรุณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย การประชุมราชการ (Morning Brief) ครั้งที่ 8/2568 มีวาระพิเศษที่ไม่ใช่แค่การติดตามผลการทำงานประจำเดือนเหมือนเช่นเคยอีกต่อไป หากแต่เป็นการประชุมเพื่อกำหนดทิศทางเชิงภาพรวมของจังหวัดในห้วงเวลาที่ทั่วประเทศกำลังอยู่ในความโศกเศร้าหลังจากสำนักพระราชวังประกาศข่าวการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งทั่วทั้งแผ่นดินต่างแสดงความอาลัยอย่างสุดหัวใจ

การประชุมครั้งนี้นำโดย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร อาทิ นางทรงศรี คมขำ รองนายก อบจ.เชียงราย นายวิญญู ทองทัน เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย และนางอัญญลักษณ์ กายาไชย เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย โดยมีนายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมประชุมกับหัวหน้าส่วนราชการในสังกัด เพื่อหารือภารกิจที่ต้องขับเคลื่อนต่อเนื่อง

หัวข้อสำคัญที่สุดของการประชุมครั้งนี้ คือทิศทางการจัดงาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025”

เดินหน้าตามกำหนดการเดิม แต่ไม่ใช่ในรูปแบบเดิมอีกต่อไป

หลังการประชุม นางอทิตาธรยืนยันอย่างชัดเจนว่า อบจ.เชียงรายจะยังคงจัดงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 ตามกำหนดการที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ นั่นคือ

  • พื้นที่หลัก “สวนไม้งามริมน้ำกก” อำเภอเมืองเชียงราย ระหว่างวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ถึง 7 มกราคม 2569
  • พื้นที่ขยายในอำเภอ ได้แก่ สวนสาธารณะหนองหลวง อำเภอเวียงชัย และวัดถ้ำเสาหินพญานาค อำเภอแม่สาย ระหว่างวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ถึง 7 มกราคม 2569

หมายความว่า จังหวัดยังคงมุ่งหวังให้ช่วงปลายปีไปจนถึงต้นปีใหม่เป็นระยะเวลาที่เชียงรายจะดึงดูดการท่องเที่ยว ทั้งนักท่องเที่ยวภายในประเทศที่นิยมเดินทางขึ้นเหนือในฤดูหนาว และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สนใจวัฒนธรรมล้านนา ธรรมชาติ และอากาศเย็น

อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ “จะจัดหรือไม่จัด” แต่อยู่ที่ “จะจัดอย่างไร”

นางอทิตาธรระบุชัดว่า การจัดงานปีนี้ “จะต้องมีการปรับให้เหมาะสม” เพื่อสอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความอาลัยจากการสวรรคตของสมเด็จพระพันปีหลวง โดยย้ำว่าการจัดงานต้องดำเนินไป “ภายใต้กรอบมติคณะรัฐมนตรีและแนวทางกลางของรัฐบาล” ที่ระบุให้ส่วนราชการและหน่วยงานท้องถิ่นระมัดระวังกิจกรรมที่อาจถูกมองว่าไม่เหมาะสมหรือเกินความกาลเทศะ

เธอกล่าวในที่ประชุมว่า การดำเนินงานในครั้งนี้ต้องสะท้อนทั้ง “ความจงรักภักดี” และ “ความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้” ของพสกนิกรชาวเชียงรายและประชาชนชาวไทย

เมื่อแปลออกมาในเชิงปฏิบัติ รูปแบบของงานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 จะถูกปรับใน 3 มิติใหญ่ คือ

  1. ลดกิจกรรมรื่นเริง
    กิจกรรมที่มีลักษณะเป็นความบันเทิง เช่น การแสดงมหรสพคึกคัก การแสดงคอนเสิร์ตเชิงบันเทิง หรือกิจกรรมที่เน้นความสนุกสนานเป็นหลัก จะถูกลดระดับหรือปรับโทน ไม่ใช่เพียงเพราะความเหมาะสมทางสังคม แต่เพื่อส่งสัญญาณถึงความเคารพและความอาลัยในระดับจังหวัด ซึ่งเป็นการแสดงจิตวิญญาณร่วมกับประชาชนทั้งประเทศ
  2. เพิ่มเนื้อหาเชิงวัฒนธรรม ศิลปะ และจารีตท้องถิ่น
    อบจ.เชียงรายกำหนดให้งานในปีนี้เน้นการจัดแสดงไม้ดอกไม้ประดับที่สะท้อนความอ่อนช้อย งดงาม และอัตลักษณ์ของเชียงราย เช่น ไม้ดอกฤดูหนาว ไม้ประดับหายาก การจัดสวนนิทรรศการเชิงศิลป์ และการออกแบบภูมิทัศน์ที่ใช้ดอกไม้เป็น “ภาษาทางความรู้สึก” มากกว่าจะเป็นเพียงฉากสำหรับท่องเที่ยวเช็คอิน
    กล่าวอีกนัยหนึ่ง ดอกไม้ในปีนี้จะไม่ใช่เพียง “สีสันของงาน” แต่น่าจะถูกตีความให้เป็น “สัญลักษณ์ของการรำลึกถึง” และ “การถวายความเคารพ”
  3. จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึก
    จะมีการจัดนิทรรศการเพื่อน้อมรำลึกและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมุ่งสะท้อนพระราชจริยวัตร พระราชกรณียกิจด้านศิลปวัฒนธรรมและหัตถกรรมพื้นถิ่น ตลอดจนพระราชดำริในการส่งเสริมอาชีพและคุณภาพชีวิตของราษฎรในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ

ประเด็นนี้มีนัยสำคัญในทางสัญลักษณ์อย่างยิ่ง เพราะสมเด็จพระพันปีหลวงทรงได้รับการยกย่องมาโดยตลอดในฐานะ “แม่ของแผ่นดิน” ผู้ทรงมีบทบาทโดดเด่นในการผลักดันงานหัตถศิลป์ ผ้าไทย งานจักสาน งานทอมือ และงานอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย — ซึ่งล้วนเป็นรากฐานของอัตลักษณ์ภาคเหนือรวมถึงเชียงราย การนำแนวทาง “นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ” มาเป็นแกนของงานมหกรรมไม้ดอกในครั้งนี้ จึงไม่ใช่การแสดงความอาลัยเชิงพิธีเท่านั้น แต่เป็นการวางบทบาทของเชียงรายในฐานะเมืองที่เข้าใจคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรม และพร้อมถ่ายทอดต่อสาธารณะ

เชียงรายต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่เชียงรายก็ต้องเป็นจังหวัดที่ “รู้กาลเทศะ”

อีกประเด็นหนึ่งที่ถูกพูดอย่างชัดเจนในการประชาสัมพันธ์ของ อบจ.เชียงราย คือการ “ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยว” โดยเชิญชวนให้ผู้มาเยือนร่วมแต่งกายด้วยโทนสีไว้ทุกข์หรือสีสุภาพตลอดช่วงการจัดงาน

คำขอนี้สะท้อนความพยายามของจังหวัดในการสร้างบรรยากาศร่วมไว้อาลัยในพื้นที่สาธารณะ ไม่ใช่เพียงผ่านพิธีการหรือคำกล่าวเปิดงาน แต่ผ่านการมีส่วนร่วมของประชาชนและนักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นการยกระดับงานท่องเที่ยวให้เป็นพื้นที่แสดงความเคารพร่วมกันในฐานะ “สาธารณะทางความรู้สึก”

การขอความร่วมมือด้านการแต่งกายแบบนี้ มักจะปรากฏในช่วงเวลาที่ประเทศเผชิญเหตุการณ์สำคัญระดับสถาบัน ซึ่งสะท้อนว่านโยบายของจังหวัดในครั้งนี้ไม่ได้มองงานไม้ดอกเป็นเพียงอีเวนต์เชิงเศรษฐกิจ แต่ยกระดับไปสู่พื้นที่เชิงสังคมและจิตใจร่วม

ในอีกด้านหนึ่ง การเดินหน้าจัดงานตามกำหนดการเดิมในช่วงวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ถึง 7 มกราคม 2569 ก็มีความหมายเชิงเศรษฐกิจที่ไม่อาจปฏิเสธได้

เดือนธันวาคมถึงต้นมกราคมเป็นช่วงที่เชียงรายมีนักท่องเที่ยวหนาแน่นที่สุดของปี อากาศเย็นเป็นแม่เหล็กตามธรรมชาติ ขณะที่สีสันทางวัฒนธรรม เช่น ประเพณีล้านนา อาหารพื้นถิ่น และภูมิทัศน์ริมน้ำกก ล้วนเป็นจุดขายของจังหวัดมาอย่างยาวนาน งานมหกรรมไม้ดอกอาเซียนในอดีตมักถูกใช้เป็น “เวทีหลัก” ในการกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น ทั้งผู้ประกอบการที่พัก โฮมสเตย์ ร้านอาหาร ร้านงานหัตถกรรม ตลอดจนเครือข่ายเกษตรกรไม้ดอกไม้ประดับ

กล่าวอีกมุมหนึ่ง งานนี้ไม่ใช่เพียงงานที่จัดเพื่อความสวยงาม แต่เป็น “จุดกระจายเม็ดเงินปลายปี” ของจังหวัดเชียงราย

การตัดสินใจ “เดินหน้าจัด – แต่ลดความรื่นเริง และเพิ่มความสงบสำรวม” จึงเป็นจุดสมดุลที่สะท้อนแนวทางของฝ่ายบริหารท้องถิ่น จังหวัดยังต้องขยับเศรษฐกิจและดูแลความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ ขณะเดียวกันก็ไม่ละเลยบรรยากาศแห่งความโศกอาลัยระดับชาติ

ในที่ประชุม นางอทิตาธรยังย้ำประเด็นเรื่อง “การบริหารงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน” พร้อมมอบหมายให้ทุกภาคส่วนบูรณาการการทำงานร่วมกันทั้งด้านการจัดสถานที่ การรักษาความปลอดภัย การดูแลสภาพแวดล้อมจราจร และการบริการนักท่องเที่ยวในพื้นที่จัดงานทั้งสามจุดคือ ริมน้ำกก หนองหลวง เวียงชัย และวัดถ้ำเสาหินพญานาค แม่สาย ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวชายแดนสำคัญ

ถ้อยคำลักษณะนี้ชวนให้สังเกตว่า งานมหกรรมไม้ดอกฯ ไม่ใช่การจัดโดยหน่วยงานเดียว แต่เป็นงานที่ต้องใช้พลังของทั้งจังหวัด ทั้งหน่วยงานวัฒนธรรม เกษตรและสหกรณ์ การท่องเที่ยวและกีฬา หน่วยความมั่นคง ตำรวจ ท้องถิ่นอำเภอ รวมถึงชุมชนเจ้าของพื้นที่ร่วมกันดูแลภาพลักษณ์ของจังหวัดต่อสายตาคนทั้งประเทศ

มิติเชิงวัฒนธรรม ดอกไม้ในปีแห่งการอาลัย

หากมองเชิงสัญลักษณ์ การจัดงานดอกไม้ภายใต้บรรยากาศความอาลัย ไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมไทย ดอกไม้ถูกใช้เสมอในวัฒนธรรมไทยเพื่อแสดงความเคารพ ความระลึก และพระเกียรติคุณ โดยเฉพาะดอกไม้สีขาว สีอ่อนโทนสุภาพ หรือไม้ดอกที่จัดเป็นลวดลายเชิงสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์

เมื่อ อบจ.เชียงรายประกาศว่าจะ “เพิ่มเนื้อหาเชิงวัฒนธรรม ศิลปะ และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ” นั่นหมายความว่างานปีนี้อาจไม่ใช่เพียงการประกวดความสวยงามของไม้ดอก หากแต่อาจเป็นพื้นที่เล่าเรื่องความผูกพันระหว่างเชียงรายกับสถาบันฯ ผ่านการตีความด้วยสื่อที่อ่อนโยน เข้าใจง่าย และเข้าถึงได้สำหรับทุกเพศทุกวัย

ทิศทางเช่นนี้ยังสอดคล้องกับบทบาทของสมเด็จพระพันปีหลวงในประวัติศาสตร์สังคมไทย ทรงมีพระราชกรณียกิจด้านศิลปหัตถกรรมชนเผ่าและกลุ่มชาติพันธุ์ภาคเหนือ ทั้งงานผ้า การทอ การปัก การอนุรักษ์วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชุมชนบนพื้นที่สูง ซึ่งล้วนเกี่ยวพันกับจังหวัดในพื้นที่ล้านนา รวมทั้งเชียงรายด้วย การจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติภายในงานจึงอาจเป็นเวทีให้คนรุ่นใหม่ได้เห็นบทบาทเหล่านี้ชัดเจนขึ้น

กล่าวในเชิงเนื้อหา งานไม้ดอกฯ ปีนี้อาจกลายเป็นพื้นที่สาธารณะให้คนรุ่นพ่อแม่และรุ่นลูกมายืนอยู่ในภาพเดียวกัน—ภาพที่ไม่ได้มีแค่ดอกไม้สวย ๆ ให้ถ่ายรูปลงโซเชียล แต่เป็นภาพของการเรียนรู้ร่วมกันว่า ความผูกพันของ “ชาติ-สถาบัน-ท้องถิ่น” มีมิติที่ลึกกว่าในเชิงอารมณ์

การบริหารจังหวัดในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือการที่ผู้บริหาร อบจ.เชียงราย พูดถึง “ความโปร่งใส” และ “การใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ” ในการประชุม Morning Brief ครั้งที่ 8/2568 จุดนี้สะท้อนมุมมองการทำงานเชิงรุกด้านธรรมาภิบาลท้องถิ่น เพราะโดยปกติ งานท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมปลายปีมักถูกจับตาในสองเรื่องเสมอ คือค่าใช้จ่ายในการจัดเตรียมพื้นที่ (ตกแต่งภูมิทัศน์ ระบบแสง-เสียง การบริหารเวทีกิจกรรม โครงสร้างชั่วคราว) และความคุ้มค่าต่อประชาชนในพื้นที่

การย้ำเรื่อง “งบประมาณต้องโปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน” จึงเป็นการส่งสัญญาณล่วงหน้าว่า อบจ.จะวางตัวเองในฐานะองค์กรที่พร้อมถูกตรวจสอบในสายตาสังคม โดยเฉพาะในโครงการสาธารณะที่มีมูลค่าการใช้จ่ายสูงและอยู่ในความสนใจของสื่อและประชาชนทั้งในจังหวัดและนอกจังหวัด

การวางน้ำเสียงเช่นนี้ยังสะท้อนการทำงานเชิงป้องกันความเสี่ยงทางสังคมเช่นกัน เพราะในยุคปัจจุบัน โครงการของหน่วยงานท้องถิ่นสามารถถูกตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ผ่านโซเชียลมีเดีย หากกระบวนการใช้งบประมาณไม่ชัดเจน ย่อมมีโอกาสที่จะเกิดการตั้งคำถามเชิงศรัทธาในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ง่ายขึ้น

งานดอกไม้ที่ไม่ใช่แค่งานดอกไม้

“มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025” จึงไม่ใช่แค่งานท่องเที่ยวประจำฤดูหนาวของจังหวัดเชียงรายอีกต่อไป หากแต่มันกำลังถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่เชิงสาธารณะของความทรงจำร่วมและความอาลัย ขณะเดียวกันก็เป็นกลไกทางเศรษฐกิจในปลายปีที่ถูกคาดหวังว่าจะกระจายรายได้สู่คนในจังหวัด

ภายใต้สถานการณ์ที่ทั้งประเทศกำลังแสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง การจัดงานในบรรยากาศที่สำรวมขึ้น ลดความเป็น “มหรสพ” เพิ่มความเป็น “นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและศิลปวัฒนธรรม” อาจเป็นแบบจำลองใหม่ของการจัดงานสาธารณะในระดับจังหวัด ว่าจะสามารถผสานเศรษฐกิจ-วัฒนธรรม-ความรู้สึกร่วมของสังคมได้อย่างไรในเวลาเดียวกัน

ในทางปฏิบัติ การเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้แต่งกายโทนไว้ทุกข์ คือการส่งสารเชิงสังคมว่า ทุกคนที่มาเยือนเชียงรายในช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ได้เป็นเพียง “นักท่องเที่ยว” แต่เป็น “ผู้ร่วมยืนในช่วงเวลาเดียวกันของประวัติศาสตร์ร่วมชาติ”

และในทางการบริหาร นี่คือบททดสอบสำคัญของ อบจ.เชียงราย ว่าจะสามารถเดินเชือกเส้นบาง ๆ ระหว่าง “การรักษาความรู้สึกของคนทั้งประเทศ” กับ “การรักษาความยืนยาวของเศรษฐกิจท้องถิ่น” ไปจนจบงานได้อย่างไร

เพราะเมื่อม่านดอกไม้ปิดลงในวันที่ 7 มกราคม 2569 สิ่งที่จังหวัดเชียงรายจะเหลืออยู่ไม่ใช่แค่ภาพถ่ายสวนดอกไม้ยามรุ่งสางริมแม่น้ำกก แต่คือคำตอบว่า เชียงรายสามารถเป็นต้นแบบการจัดงานท้องถิ่นในยามที่ทั้งประเทศกำลังอยู่ในห้วงอารมณ์ร่วมได้หรือไม่ และคำตอบนั้น ไม่ได้สำคัญเฉพาะกับเชียงรายเท่านั้น แต่อาจกลายเป็นต้นแบบให้จังหวัดอื่น ๆ ของไทยในอนาคตด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)
  • มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายเปิดเกมรุกท่องเที่ยว: อบจ.-ททท.จัด 2 อีเวนต์ยักษ์ใหญ่สู่สากล

เชียงรายผนึกกำลัง “อบจ.–ททท.” เปิดเกมรุกการท่องเที่ยว จัด 2 อีเวนต์ยักษ์ใหญ่—ยกเครื่องแบรนด์เมือง สู่จุดหมายระดับโลก

เชียงราย, 17 กันยายน 2568 — ห้องประชุมขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เช้าวันนี้คึกคักเป็นพิเศษ เมื่อ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย นำทีมผู้บริหารและกองการท่องเที่ยวฯ เปิดโต๊ะหารือเชิงยุทธศาสตร์กับ นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย และคณะ เพื่อ “ล็อกเป้า” สองเทศกาลใหญ่ในปีหน้า มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 และ เชียงรายมหาสงกรานต์ 2569 ที่ถูกออกแบบให้เป็นหัวรถจักรดึงนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี พร้อมกระจายรายได้สู่ทุกชั้นของเศรษฐกิจท้องถิ่น

ภาพการประชุมที่ทุกฝ่ายเปิดแผนที่–ไทม์ไลน์–โมเดลรายได้บนโต๊ะเดียวกัน สะท้อน “ทิศทางใหม่” ของเชียงราย จากเมืองท่องเที่ยวตามฤดูกาล สู่ เมืองอีเวนต์ (Event City) ที่ใช้ศิลปวัฒนธรรม–ธรรมชาติ–ไลฟ์สไตล์เป็น ซอฟต์พาวเวอร์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นระบบ

มหกรรมไม้ดอกอาเซียน 2025 โยงความงามสู่โอกาสทางเศรษฐกิจ

หัวหอกแรกคือการยกระดับ มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 ให้ “ใหญ่และยาวขึ้น” ทั้งด้านพื้นที่และฤดูกาลจัดงาน โดยคอนเซ็ปต์หลักยังคงใช้ความโดดเด่นของเมืองเหนือสุดของไทย อากาศเย็น ดอกไม้เมืองหนาว และงานภูมิปัญญาแต่เติม “ชั้นเชิงเศรษฐกิจ” ลงไปให้ลึกกว่าเดิม

โครงสร้างพื้นที่ใหม่ 2 โหนดหลัก

  1. สวนไม้งามริมน้ำกก (อ.เมืองเชียงราย) โหนดหลักสำหรับงานโชว์ระดับนานาชาติ การประกวดไม้ดอก–ไม้ประดับ โดมเรือนกระจก และโซนกิจกรรมสำหรับครอบครัว
  2. หนองหลวง (อ.เวียงชัย)  โหนดขยายเพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงชุมชน ตลาดดอกไม้–เกษตรสร้างสรรค์ เวิร์กช็อปปลูกเลี้ยงไม้ดอก และ “เส้นทางท่องเที่ยวสีเขียว” เชื่อมชุมชนโดยรอบ

นัยยะทางเศรษฐกิจ ของการ “แตกพื้นที่” ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาแออัด แต่คือการกระจายศูนย์รายได้และโอกาสลงสู่ตำบล–หมู่บ้าน ตั้งแต่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงไม้ดอก ร้านอุปกรณ์ตกแต่ง–จัดสวน ผู้ให้บริการรถรับส่ง โฮมสเตย์ คาเฟ่ ไปจนถึงงานบริการช่าง–สื่อสร้างสรรค์ในท้องถิ่น

แนวทางบริหารจัดการสมัยใหม่ ถูกวางไว้ครบวงจร

  • ระบบ จองรอบเวลา (Time-slot) และตั๋วดิจิทัล ลดแออัด–เพิ่มประสบการณ์
  • Green Event บริหารขยะ แยกพลาสติก–อินทรีย์ สถานีเติมน้ำ รีฟิลคัพ พร้อมรณรงค์เดิน–ปั่น–ใช้รถไฟชุมชน/ชัทเทิลบัสเชื่อมโหนด
  • Universal Design ทางลาด–รถบริการผู้สูงอายุ–สื่อเสียงบรรยาย เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้เท่าเทียม
  • Storytelling เชิงวัฒนธรรม ยกระดับนิทรรศการ “เส้นทางดอกไม้ในล้านนา–อาเซียน” และงานหัตถศิลป์ร่วมสมัยให้เป็นซีกเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์

เป้าหมายไม่ใช่เพียง “คนมาเยอะ” แต่คือ ค่าใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มขึ้นอย่างมีคุณภาพ ผ่านกิจกรรมมีคุณค่า เวิร์กช็อป–ทัวร์ชุมชน–สินค้าที่มีเรื่องเล่า—ซึ่งช่วยให้ SMEs ท้องถิ่น ขายได้แพงขึ้นอย่างยุติธรรม จากการเพิ่มคุณค่า มากกว่าพึ่งพาการตัดราคา

เชียงรายมหาสงกรานต์ 2569 สงกรานต์ทั้งเมืองปลอดภัย สนุก มีวัฒนธรรม

อีกฟากของปีปฏิทินคือ เชียงรายมหาสงกรานต์ 2569” ที่ตั้งใจขยายจาก “งานจุดเดียว” ไปสู่ สงกรานต์ทั้งเมือง” ภายใต้ 3 เสาหลัก—ปลอดภัย–มีวัฒนธรรม–เชื่อมทั้งเมือง

  • ปลอดภัย โซนนิ่งเล่นน้ำ–โฟม–ดนตรี พร้อมกฎ “แอลกอฮอล์–ความเร็ว–อุปกรณ์แรงดันน้ำ” ที่ชัดเจน จุดปฐมพยาบาล–จุดคืนสติ และเครือข่ายอาสาสมัครริมถนน
  • มีวัฒนธรรม ย้อนรอย “ปี๋ใหม่เมือง” ขบวนแห่–สรงน้ำพระ–ก่อเจดีย์ทราย–ฮีตฮอยล้านนา เพื่อย้ำเอกลักษณ์ที่ต่างจากสงกรานต์เมืองใหญ่
  • เชื่อมทั้งเมือง ชุดกิจกรรมกระจาย 5 โซน—ย่านศิลป์–ริมกก–เวียงชัย–แม่ลาว–แม่จัน—เชื่อมคาเฟ่–พิพิธภัณฑ์–วัด–ตลาดให้กลายเป็น “หนึ่งเส้นทาง–หลายประสบการณ์”

สงกรานต์ที่ “มีดีมากกว่าน้ำ” ยังช่วย ถ่างฤดูกาลท่องเที่ยว ให้ยาวขึ้น เชื่อมต่อไปถึงฤดูร้อนต้นปี 2569 ทำให้ผู้ประกอบการโรงแรม–ร้านอาหาร–รถนำเที่ยว มีรายได้ประจำมากขึ้น ลดความผันผวนหลังไฮซีซันปลายปี

เศรษฐกิจท้องถิ่นได้อะไร โซ่คุณค่า (Value Chain) ที่หมุนได้จริง

การวางอีเวนต์เป็น “เครื่องยนต์” ไม่ได้หยุดที่การนับหัวผู้เข้าร่วม แต่ต้องมองทั้ง ห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

  1. ต้นน้ำ–เกษตรและผู้ผลิตท้องถิ่น
    • มหกรรมไม้ดอกกระตุ้นความต้องการไม้ประดับ–อุปกรณ์จัดสวน–ต้นไม้ตามฤดูกาล เพิ่มช่องทางขายตรงสู่ผู้บริโภค
    • เวิร์กช็อปถ่ายทอดเทคนิคเพาะเลี้ยง/ออกแบบสวน สร้างทักษะใหม่ให้เกษตรกรรุ่นใหม่กลับมาทำสวนด้วยโมเดลธุรกิจทันสมัย
  2. กลางน้ำ–บริการท่องเที่ยว
    • โรงแรม–เกสต์เฮาส์–โฮมสเตย์ทยอยยกระดับมาตรฐานบริการภาษา–ความสะอาด–ความยั่งยืน (เช่น ลดพลาสติก) เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพ
    • ผู้ให้บริการเดินทางในพื้นที่รถสองแถว รถตู้–แท็กซี่—ได้รับงานต่อเนื่องจากระบบชัทเทิลและทัวร์ชุมชน
  3. ปลายน้ำ–เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์
    • สตูดิโอถ่ายภาพ–นักออกแบบ–พิธีกร–ดนตรีสด–ร้านคราฟต์ ได้ช่องทางจำหน่าย–ว่าจ้างจากพื้นที่อีเวนต์
    • คอนเทนต์–อินฟลูเอนเซอร์ท้องถิ่นร่วมเล่าเรื่องเมือง สร้างการรับรู้เชิงบวกระลอกต่อระลอก

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง จึงไม่ใช่เพียงตัวเลขการจองโรงแรมช่วงงาน แต่คือการเกิด “เครือข่ายรายได้” ที่ไหลผ่านหลายมือในจังหวัด และทิ้ง มรดกโครงสร้างพื้นฐานด้านอีเวนต์ ให้ใช้ต่อได้ (อุปกรณ์ มาตรฐานความปลอดภัย ระบบอาสาสมัคร)

การตลาด–ภาพลักษณ์ จาก “สวย เงียบ” สู่ “งาม คึกคัก แต่ไม่ล้น”

เชียงรายเคยถูกนิยามว่า “สวย เงียบ สโลว์ไลฟ์” ซึ่งดึงดูดนักเดินทางสายชิล แต่ในยุคที่การแข่งขันด้านปลายทางท่องเที่ยวรุนแรง เมืองจำเป็นต้องมี “ภาพจำใหม่” ที่ คึกคักแต่ไม่ล้นมือ และยังคงความสุภาพ–ปลอดภัย–ยั่งยืน

แผนการสื่อสารร่วม อบจ.–ททท. ที่หารือกันในวันนี้ วางแกนไว้ 4 ประเด็น

  • Event-first  เล่าเรื่องผ่านกิจกรรมและคนทำงาน—เกษตรกรไม้ดอก ศิลปินท้องถิ่น อาสาสมัครสงกรานต์—เพื่อให้ภาพเมืองมีชีวิต
  • Market Mix ตลาดใกล้ (เหนือ–อีสาน–กรุงเทพฯ), ตลาดอาเซียน และนักท่องเที่ยวต่างชาติสายคุณภาพ โดยใช้เครือข่าย ททท. และพันธมิตรสายการบิน/OTA
  • คอนเทนต์สองภาษา (TH/EN–CN) สำหรับสื่อดิจิทัล ป้ายหน้างาน และสื่อในเมือง
  • Data-driven Marketing ใช้ข้อมูลจองที่พัก–เที่ยวบิน–โซเชียลฟังเสียง (social listening) ปรับกิจกรรม–ราคา–โปรโมชันแบบเรียลไทม์

เมื่อภาพลักษณ์เปลี่ยนจาก “แวะแล้วผ่าน” เป็น “ต้องตั้งใจมา” เมืองจะมีอำนาจต่อรองทางราคาเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการขายบริการ–สินค้าที่มีคุณค่าได้ โดยไม่ต้องลดคุณภาพเพื่อแย่งลูกค้า

บริหารความเสี่ยง PM2.5–ฝน–แออัด–ความปลอดภัย

อีเวนต์ขนาดใหญ่ต้องมาพร้อม “ระบบกันสั่น” ที่ดีพอ

  • สิ่งแวดล้อม/PM2.5 เตรียมแผนเฝ้าระวังคุณภาพอากาศ ชุดสื่อสารความเสี่ยงสองภาษา และกิจกรรมในอาคารรองรับ หากคุณภาพอากาศไม่เอื้อ
  • ฝน/อากาศ โครงสร้างชั่วคราวกันฝน–พื้นยก–รองเท้า/ร่มงาน—พร้อมประกันภัยอีเวนต์ และเงื่อนไขคืนเงินที่ชัดเจน
  • ฝูงชน ระบบทางเข้า–ออกหลายจุด, ทางเบี่ยงชัดเจน, การจำกัดความจุตามรอบเวลา, จุดรวมพลและซ้อมแผน
  • ความปลอดภัยทางถนนและน้ำ จุดบริการ “เมาไม่ขับ–ขับไม่โทร”, เส้นทางจักรยาน/เดินเชื่อมระหว่างโหนด, โซนนิ่งเล่นน้ำ–ห้ามอุปกรณ์แรงดันสูง, ศูนย์ปฐมพยาบาลและสายด่วนตลอดงาน

KPI ที่วัดผลได้ จากจำนวน “หัว” สู่คุณภาพ “เม็ดเงินและประสบการณ์”

เพื่อให้เงินภาษีท้องถิ่นและทรัพยากรรัฐ คุ้มค่าและโปร่งใส อบจ.–ททท. วางกรอบตัวชี้วัดหลายชั้น

  1. เศรษฐกิจ อัตราการเข้าพักเฉลี่ยช่วงงาน, ระยะเวลาพำนัก, รายได้ต่อทริป, สัดส่วนการใช้บริการท้องถิ่น (Local Spend)
  2. สังคม การมีส่วนร่วมของชุมชน–อาสาสมัคร, ความพึงพอใจประชาชนในพื้นที่, โอกาสทางอาชีพชั่วคราว/ถาวร
  3. สิ่งแวดล้อม ปริมาณขยะรีไซเคิล–อินทรีย์, การลดพลาสติกครั้งเดียวทิ้ง, การใช้ขนส่งสาธารณะ/ชัทเทิล
  4. ประสบการณ์นักท่องเที่ยว คะแนนรีวิว, Net Promoter Score (NPS), ความตั้งใจกลับมา/บอกต่อ
  5. ธรรมาภิบาล เปิดเผยงบประมาณ–ผู้รับจ้าง–ผลการตรวจรับ–บันทึกความปลอดภัยต่อสาธารณะ

การวัดผลที่ “ชัด–แชร์ได้” จะสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนและเอกชนให้ร่วมมือในระยะยาว และเป็นต้นแบบให้จังหวัดอื่นใช้เรียนรู้ต่อยอด

เสียงจากโต๊ะหารือ ความพร้อมของ “เมือง–คน–งาน”

แม้การประชุมวันนี้จะเป็นการหารือภายใน แต่สาระสำคัญที่ทุกฝ่ายยืนยันตรงกันคือ ความพร้อมของเมือง—ทั้งศักยภาพพื้นที่จัดงาน ระบบโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม และ ความพร้อมของคน—ชุมชน–ภาคธุรกิจ–อาสาสมัคร ที่เคยผ่านการจัดงานขนาดใหญ่มาแล้วหลายครั้ง ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เชียงรายสามารถ “ก้าวสู่สปีดใหม่” ได้ทันทีเมื่อมีเป้าหมายและแผนร่วมที่ชัดเจน

นอกจากนี้ การทำงานแบบ หนึ่งทีม เชียงราย” ระหว่าง อบจ. (อำนาจจัดการพื้นที่–งบประมาณท้องถิ่น–เครื่องจักร) กับ ททท. (เครือข่ายตลาด–สื่อสารการตลาดระดับชาติ–ความเชี่ยวชาญด้าน Event Marketing) ช่วยลดความซ้ำซ้อนของภารกิจ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบ และย่นเวลาการตัดสินใจ

มองไกลกว่างาน แพลตฟอร์มอีเวนต์ถาวร และหลักสูตรทักษะใหม่

แผนสองเทศกาลไม่ได้จบหลังปิดไฟเวที อบจ.–ททท. เห็นพ้องต่อยอดสู่งานโครงสร้างที่ “อยู่กับเมือง”

  • แพลตฟอร์มอีเวนต์ถาวร พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกลาง—ระบบเช่าพื้นที่–ไฟ–เสียง–ห้องน้ำ–จุดรีฟิลน้ำ—ให้ผู้จัดงานเอกชน/ชุมชนใช้ได้ทั้งปี ลดต้นทุนและยกระดับมาตรฐานงานเทศกาลอื่น ๆ
  • หลักสูตรอาชีพอีเวนต์ ฝึกอบรมเยาวชน–แรงงานท้องถิ่นด้านงานอีเวนต์ โลจิสติกส์ สื่อดิจิทัล ภาษาต่างประเทศ เพื่อสร้าง “คนทำงาน” ให้พร้อมรองรับฤดูกิจกรรมทั้งปี

ในทางเศรษฐศาสตร์เมือง การมี “โครงสร้างกลาง” และ “ทุนมนุษย์” ที่พร้อม จะทำให้เชียงรายเป็น ฮับงานเทศกาลของลุ่มน้ำกก–สามเหลี่ยมทองคำ มีงานกระจายรายเดือน ไม่ต้องพึ่งไฮซีซันเพียงระยะสั้น

จากโต๊ะประชุมสู่เวทีโลก – เชียงรายพร้อมขยับ “จังหวะ”

การจับมือของ อบจ.เชียงราย และ ททท.สำนักงานเชียงราย เพื่อผลักดัน มหกรรมไม้ดอกอาเซียน 2025 และ เชียงรายมหาสงกรานต์ 2569 คือ “สัญญาณ” ว่าเมืองกำลังเปลี่ยนจังหวะจากการรอฤดูกาล มาเป็นการ กำหนดฤดูกาลเอง ผ่านอีเวนต์ที่มีคุณภาพ ปลอดภัย เข้าถึงได้ และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

หากแผนงานถูกเดินอย่างมีวินัยเปิดเผยข้อมูล–ฟังเสียงชุมชน–วัดผลได้จริง—เชียงรายจะไม่เพียงต้อนรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น แต่จะได้ เศรษฐกิจท้องถิ่นที่แข็งแรงขึ้น อาชีพใหม่ ทักษะใหม่ และความภาคภูมิใจใหม่ของคนเมืองเหนือสุด ที่พร้อมเปิดบ้านสู่สายตาโลกอย่างสง่างาม

สารของวันนี้จึงเรียบง่าย เชียงรายไม่ได้มีดีแค่ภูเขา–หมอก–ดอกไม้ แต่มี “คน–ระบบ–แผน” ที่พร้อมทำให้อีเวนต์ระดับสากลเกิดขึ้นได้จริง และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อย่างเป็นธรรมทั้งเมือง

Key Facts

  • วัน–สถานที่หารือ 17 กันยายน 2568, ห้องประชุม อบจ.เชียงราย
  • หน่วยงานร่วมหลัก อบจ.เชียงราย (ผู้จัดการพื้นที่–งบประมาณท้องถิ่น) และ ททท.สำนักงานเชียงราย (การตลาด–ประชาสัมพันธ์–เครือข่ายตลาด)
  • เทศกาลเป้าหมาย
    1. มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2025 – ขยายพื้นที่จากสวนไม้งามริมน้ำกก ไปยัง หนองหลวง อ.เวียงชัย
    2. เชียงรายมหาสงกรานต์ 2569 – เมืองทั้งเมืองร่วมจัดกิจกรรม สงกรานต์ปลอดภัย–มีวัฒนธรรม
  • แนวทางหลัก Event-first Storytelling, Green/Universal Design, Data-driven Marketing, KPI โปร่งใสหลายมิติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย 
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

“เชียงราย” จัดประชุมสำคัญ พร้อมเปิดตัว ‘มหกรรมไม้ดอก’

การประชุมกรมการจังหวัดเชียงรายครั้งที่ 11/2567 พร้อมประชาสัมพันธ์มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้องประชุมจอมกิตติ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย นายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมกรมการจังหวัดเชียงรายและหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดเชียงราย ครั้งที่ 11/2567 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

พิธีมอบโล่เกียรติคุณเชิดชูเกียรติ

ในช่วงก่อนเริ่มการประชุม มีพิธีมอบโล่เกียรติคุณและเข็มกลัดเชิดชูเกียรติ “รางวัลหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก” ประจำปี 2567 ให้แก่นางสาวเทียนรุ่ง เครือนพรัตน์ จากโรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย โดยมีนายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วมแสดงความยินดี

การแนะนำผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการใหม่

ในที่ประชุมมีการแนะนำผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการที่เพิ่งย้ายมาดำรงตำแหน่งใหม่ในจังหวัดเชียงราย ได้แก่ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ตำแหน่งเดิมผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร และผู้บริหารอื่น ๆ รวมถึงหัวหน้าหน่วยงานที่สำคัญในจังหวัด

การหารือเรื่องสำคัญในที่ประชุม

ในที่ประชุมมีการรายงานและพิจารณาเรื่องสำคัญ ดังนี้:

  • การเตรียมต้อนรับนายกรัฐมนตรี: นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดเชียงรายในวันที่ 1 ธันวาคม 2567
  • พิธีวันสำคัญ: การจัดพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ วันที่ 5 ธันวาคม 2567 และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ วันที่ 7 ธันวาคม 2567
  • การประชาสัมพันธ์งานเชียงรายดอกไม้งาม ครั้งที่ 21 และมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024: งานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568 ในธีม “The Magical Garden” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและฟื้นฟูเศรษฐกิจ
  • การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ OTOP: ประชาสัมพันธ์การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ในรูปแบบกระเช้าของขวัญสำหรับเทศกาลปีใหม่
  • การรายงานภาวะเศรษฐกิจ: สรุปรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังและการค้าชายแดนของจังหวัดเชียงราย

ประชาสัมพันธ์มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024

นายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวในที่ประชุมว่า มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024 จะจัดขึ้นในธีม “The Magical Garden” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยงานนี้จะแบ่งเป็น 2 โซนหลัก ได้แก่:

  1. สวนไม้งามริมน้ำกก อ.เมืองเชียงราย ระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568
  2. พื้นที่อำเภอแม่สาย ได้แก่ วัดถ้ำเสาหินพญานาคและหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา ระหว่างวันที่ 14 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568

งานนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบ “Social Impact Tourism” ภายใต้แนวคิด “เที่ยวเชียงราย ช่วยเชียงราย”

การรณรงค์หยุดความรุนแรงในครอบครัว

บริเวณด้านหน้าห้องประชุม มีการตั้งบูทรณรงค์หยุดความรุนแรงต่อเด็กและสตรีในครอบครัว โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย หวังสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมความรักในครอบครัว

สรุป

การประชุมในครั้งนี้เป็นการติดตามความคืบหน้าของงานในจังหวัดเชียงราย พร้อมวางแผนการดำเนินงานในช่วงเดือนธันวาคม 2567 ที่มีกิจกรรมสำคัญหลากหลาย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE