Categories
ENVIRONMENT

ภูเขาน้ำแข็ง A23a สลายตัว สัญญาณเตือนจากขั้วโลกถึงวิกฤตโลกร้อน

สัญญาณเตือนจากขั้วโลก “A23a” ยักษ์น้ำแข็งที่กำลังสลายตัว—เงื่อนปมภูมิอากาศโลกร้อนและบทเรียนเชิงระบบจากแอนตาร์กติกา

  • ข้อเท็จจริงที่ยืนยันได้: A23a เป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดมหึมาที่แยกตัวจากแนวน้ำแข็ง Filchner–Ronne เมื่อปี 1986 จมติดอยู่กับพื้นทะเลเวดเดลนานหลายทศวรรษ ก่อนหลุดลอยและเริ่ม “เดินทาง” ตามกระแสน้ำในช่วงปี 2023–2024 มุ่งสู่เส้นทาง “Iceberg Alley” ผ่านเกาะเซาท์จอร์เจีย และมีแนวโน้มแตกตัว/หดตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2025 ตามภาพถ่ายดาวเทียมและรายงานของหน่วยงานวิทยาศาสตร์ชั้นนำ (BAS, NASA)
  • สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เห็นร่วมกัน: การแยกตัวและสลายตัวของภูเขาน้ำแข็งเป็น “ธรรมชาติ” ของขั้วโลก แต่ อัตรา/ความถี่ ของปรากฏการณ์น้ำแข็งขนาดใหญ่ที่หลุดและละลายเร็วขึ้นสัมพันธ์กับภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะ “มหาสมุทรที่อุ่นขึ้น” ซึ่งกัดเซาะฐานแนวน้ำแข็ง (ice shelves) และทำให้ระบบเปราะบางยิ่งขึ้น
  • แกนวิทยาศาสตร์ที่ต้องเข้าใจ: การละลายของ “แนวน้ำแข็งที่ลอยน้ำ” ไม่ยกน้ำทะเลขึ้นโดยตรง แต่แนวน้ำแข็งทำหน้าที่ หนุน-พยุง” (buttress) ธารน้ำแข็งบนแผ่นดิน หากแนวน้ำแข็งแตก/หายไป ธารน้ำแข็งบนบกจะไหลลงทะเลเร็วขึ้นและ ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นทางอ้อม ซึ่งคือจุดเชื่อมโยงจากภูเขาน้ำแข็งสู่ความเสี่ยงชายฝั่งโลก
  • สิ่งที่ยังต้องติดตาม: ผลกระทบต่อเคมี/อุณหภูมิ/ความเค็มของน้ำและห่วงโซ่อาหารทะเลแอตแลนติกใต้ เมื่อยักษ์น้ำแข็งปล่อย “น้ำจืดเย็น” ปริมาณมหาศาลลงสู่ทะเลในเวลาสั้น ๆ และการตอบสนองของสภาพอากาศท้องถิ่นรอบเกาะเซาท์จอร์เจีย—หัวเรื่องที่ทีมเรือสำรวจของ BAS ลงพื้นที่เก็บข้อมูลอยู่ในช่วงปี 2024–2025

ปลายทางของ “ยักษ์น้ำแข็ง” และจิ๊กซอว์ภูมิอากาศโลก

ทวีปแอนตาร์กติกา, 11 กันยายน 2568 – ยามที่ลมขั้วโลกพัดปะทะคลื่นแอตแลนติกใต้ แผ่นน้ำแข็งสีขาวนวลขนาดใหญ่เท่ามหานครค่อย ๆ แยกตัวเป็นริ้วเล็ก ราวกับเรือไม้โบราณที่ชะลอคอนเสิร์ตสุดท้ายก่อนลาจาก—นั่นคือภาพปิดฉากของ A23a หนึ่งในภูเขาน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยติดตาม บันทึกชีวิตของมันเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1986 เมื่อหลุดจากแนวน้ำแข็ง Filchner–Ronne แล้วจมติดพื้นทะเลเวดเดลอยู่นานกว่า 30 ปี กระทั่งหลุดลอยออกสู่กระแสน้ำอันเชี่ยวกรากรอบแอนตาร์กติกาในทศวรรษที่ผ่านมา และทยอย “ผอมลง” อย่างเห็นได้ชัดเมื่อเคลื่อนผ่านเกาะเซาท์จอร์เจีย—ประตูสู่คอคอดน้ำแข็งชื่อ Iceberg Alley เส้นทางสุดท้ายก่อนแตกสลายเป็นเศษเสี้ยวที่ระบบติดตามดาวเทียมเริ่มนับยากขึ้นทุกที

เส้นทางชีวิต A23a จากยักษ์ติดก้นทะเลสู่ก้อนน้ำแข็งร่อนเร่

  • ค.ศ. 1986–ทศวรรษ 2010s: A23a แยกจากหิ้ง Filchner–Ronne แล้ว “ติด” พื้นทะเลลึกในเวดเดลซีอยู่นานหลายสิบปี เพราะหนาและใหญ่เกินกว่าจะลอยอิสระ จนถูกขนานนามว่าราชินีที่เงียบงันของเวดเดลซีในยุคหนึ่ง
  • ค.ศ. 2023–2024: เมื่อขนาด/ความหนาลดลงและสภาพแวดล้อมทะเลเปลี่ยน มันหลุดออกจากจุดยึดและไหลตามกระแสน้ำ Antarctic Circumpolar Current สู่ “Iceberg Alley” ใกล้เกาะเซาท์จอร์เจีย ภาพถ่ายจากดาวเทียมและรายงานภาคสนามยืนยันเสถียรภาพที่ลดลงและแนวโน้มการแตกตัวของแผ่นน้ำแข็งส่วนขอบ
  • ค.ศ. 2025: ขณะเคลื่อนผ่านเซาท์จอร์เจีย แผ่นน้ำแข็งหดตัวและแตกชิ้นหลายครั้ง พื้นที่ลดเหลือราวระดับ “มหานครใหญ่” เท่านั้น เมื่อเทียบกับช่วงเริ่มติดตามที่เคยกินพื้นที่หลายพันตารางกิโลเมตร เหตุการณ์ปีนี้จึงไม่ใช่เพียงภาพธรรมชาติ หากเป็น “ข้อความ” ที่ชัดจากขั้วโลกถึงมนุษยชาติว่า สมการน้ำแข็ง–มหาสมุทร–ภูมิอากาศ กำลังปรับสมดุลครั้งใหญ่

ธรรมชาติ + เร่งปฏิกิริยาจากโลกร้อน เพราะเหตุใดยักษ์น้ำแข็งจึง ‘เปราะ’ ขึ้น

นักวิทยาศาสตร์ย้ำว่า การเกิด–ดับของภูเขาน้ำแข็งเป็นวงจรตามธรรมชาติ แต่คำถามสำคัญในศตวรรษที่ 21 คือ “เร็วขึ้นหรือถี่ขึ้นกว่าปกติหรือไม่” หลักฐานหลายชุดชี้ว่ามหาสมุทรรอบแอนตาร์กติกาอุ่นขึ้นในหลายโซน กระทบ “ท้อง” ของแนวน้ำแข็ง (basal melt) ทำให้หิ้งน้ำแข็งที่ลอยน้ำบางลงและแตกง่ายขึ้น เมื่อ “เบรก” ตามธรรมชาติอ่อนแรง ธารน้ำแข็งบนแผ่นดินก็ไหลลงทะเลเร็วยิ่งขึ้นในระยะยาว นี่คือกลไกที่เชื่อมการเปลี่ยนแปลงของแนวน้ำแข็งกับ ระดับน้ำทะเลโลก อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ข้อเท็จจริงสำคัญ: การละลายของแนวน้ำแข็ง (ซึ่งลอยอยู่แล้ว) ไม่ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นโดยตรง แต่ การสูญเสียแนวน้ำแข็ง ทำให้ธารน้ำแข็งบนบก “เสียที่ค้ำยัน” และเร่งวิ่งสู่ทะเล—ส่งผลต่อระดับน้ำทะเลในระยะถัดไป นี่คือเหตุผลที่ชุมชนวิทยาศาสตร์เฝ้าดู A23a อย่างใกล้ชิด เพราะมันสะท้อน “สุขภาพ” ของระบบน้ำแข็ง–มหาสมุทรในวงกว้าง ไม่ใช่เพียงชะตากรรมของก้อนน้ำแข็งก้อนเดียว

ผลกระทบลูกโซ่จากความเค็ม–อุณหภูมิของน้ำ สู่ห่วงโซ่อาหารทะเล

การแตกตัวของภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์เท่ากับการปล่อย “น้ำจืดเย็น” ปริมาณมหาศาลลงทะเลในช่วงเวลาสั้น ๆ ย่อมปรับสมดุล ความเค็ม–ความหนาแน่น–อุณหภูมิ ของน้ำในบริเวณทางผ่าน อาจกระทบตั้งแต่แพลงก์ตอน—ฐานห่วงโซ่อาหาร—ไปจนถึงสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ และรูปแบบไหลเวียนท้องถิ่น นักวิจัยจาก เรือ RRS Sir David Attenborough ของ BAS ลงพื้นที่แถบเซาท์จอร์เจียเก็บตัวอย่างน้ำ/ชีวภาพเพื่อประเมินผลกระทบจริง—ชิ้นส่วนหลักของภาพใหญ่ที่ห้องทดลองทั่วโลกกำลังต่อจิ๊กซอว์ร่วมกัน

ทำไม “Iceberg Alley” จึงเป็นฉากสุดท้ายของยักษ์น้ำแข็ง

เส้นทาง Iceberg Alley เป็นเหมือน “คลองส่งน้ำแข็ง” ธรรมชาติ—ภูเขาน้ำแข็งที่หลุดจากแผ่นดินน้ำแข็งแอนตาร์กติกามักถูกกระแส Antarctic Circumpolar Current พาไปสู่แนวนี้ ก่อนจะชน/แตก/ละลาย ระหว่างผ่านหมู่เกาะและน้ำอุ่นขึ้นของแอตแลนติกใต้ A23a จึงเดินตามชะตาเดียวกับยักษ์รุ่นพี่อย่าง A68 (แตกละเอียดในปี 2021) และ A76 (ปี 2023) ที่จบลงในตรอกเดียวกัน แม้ขนาด/รูปร่างแตกต่าง แต่วิถีทางกายภาพคล้ายกันอย่างน่าทึ่ง—บทเรียนประจำทางของน้ำแข็งยักษ์จากขั้วโลก

ประเด็นเชิงวิทยาศาสตร์–นโยบายจากขั้วโลกถึงชายฝั่งเอเชีย

  1. ระดับน้ำทะเล: ความเสี่ยงไม่ได้อยู่ไกล
    แม้ A23a จะละลายอยู่ไกลโพ้น แต่ระบบโลกเชื่อมโยงกันผ่านมหาสมุทรเส้นเดียว การเปลี่ยนแปลงของแนวน้ำแข็ง–ธารน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาคือหนึ่งในตัวแปรสำคัญของระดับน้ำทะเลระยะยาว รายงานวิชาการและฐานข้อมูลของ NASA/NSIDC อธิบายตรงกันว่า หากแนวน้ำแข็งเปราะลง ธารน้ำแข็งบนบกหลายสายในแอนตาร์กติกาตะวันตกย่อมมีโอกาสไหลเร็วขึ้น—ผลสะสมแปลความได้เป็น “เซนติเมตร–ทศวรรษ” ของระดับน้ำทะเลในศตวรรษนี้ ซึ่งสะท้อนโดยตรงถึงความเสี่ยงค่อยเป็นค่อยไปของเมืองชายฝั่งทั่วโลก รวมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  2. ข้อมูล–ดาวเทียม–เรือสำรวจ: ทำไม “การสังเกต” คือเกราะชั้นแรก
    กรณี A23a แสดงให้เห็นบทบาทของภาพถ่ายดาวเทียม (เช่น ภาพจาก NASA Earth Observatory) ในการติดตามพื้นที่/ความหนา/การแตกร้าวของน้ำแข็งแบบเกือบเรียลไทม์ ควบคู่กับการเก็บตัวอย่างภาคสนามจากเรือวิจัย (เช่น RRS Sir David Attenborough) เพื่อไขกลไกทางสมุทรศาสตร์/ชีววิทยาที่ภาพถ่ายมองไม่เห็น สิ่งนี้สำคัญต่อการ “ปรับปรุงแบบจำลอง” ให้น่าเชื่อถือขึ้น—เป็นพื้นฐานต่อการตัดสินใจด้านนโยบายในระดับประเทศ–ภูมิภาค
  3. ความรู้ความเข้าใจของสาธารณะ: แยกแยะ “ธรรมชาติ” กับ “ภาวะโลกร้อนเร่งกระบวนการ”
    การแตกของภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ในศตวรรษที่อุณหภูมิโลกและมหาสมุทรสูงขึ้น การเกิดซ้ำ/การละลายเร็วขึ้นของน้ำแข็งที่หลุดแล้ว “สื่อสาร” ข้อเท็จจริงว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงในแบบที่ระบบนิเวศคุ้นเคยน้อยลง—ข้อเท็จจริงที่ BAS, NASA และหน่วยงานวิทยาศาสตร์ต่างชี้มาต่อเนื่อง และย้ำว่าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังเป็น “ยาแก้เหตุ” เพียงชนิดเดียวที่มีอยู่ในมือมนุษย์ตอนนี้

คำถามที่สังคมควรถาม

  • เราจะวัดความเสี่ยงอย่างไร เมื่อ “การสูญเสียแนวน้ำแข็ง” วันนี้อาจแปลเป็นระดับน้ำทะเลสูงขึ้นในอีกหลายทศวรรษ—นานพอจะทำให้ผู้กำหนดนโยบายหลายรุ่นชะล่าใจ แต่สั้นเกินไปสำหรับเมืองชายฝั่งที่จะเตรียมการรับมือแบบค่อยเป็นค่อยไป
  • เราจะลงทุนในข้อมูล/ระบบเตือนภัยเพียงพอหรือยัง ทั้งดาวเทียม (ความละเอียด–ความถี่), เรือสำรวจ, ทุ่นสำรวจน้ำลึก, และศักยภาพสถาบันวิจัยท้องถิ่น เพื่อให้ข้อเท็จจริงไม่ล่าช้าจน “ตามหลัง” การเปลี่ยนแปลง
  • เราจะทำอย่างไรกับความไม่แน่นอน ในแบบจำลอง เมื่อระบบน้ำแข็ง–มหาสมุทรมีปฏิสัมพันธ์ซับซ้อน—คำตอบหนึ่งคือ “เพิ่มการสังเกต–ลดความไม่รู้” เพื่อให้การคาดการณ์ระดับน้ำทะเลและนโยบายปรับตัวมีฐานวิทยาศาสตร์ที่แข็งแรงขึ้น

เมื่อยักษ์ล้มหาย—โลกฝากจดหมายถึงเรา

การสลายตัวของ A23a ไม่ใช่เพียงฉากธรรมชาติ หากคือ จดหมายเตือน” จากขั้วโลกถึงสังคมมนุษย์ ว่ามหาสมุทรที่อุ่นขึ้นกำลังรื้อฟื้นสมดุลใหม่กับน้ำแข็งที่เราเคยคิดว่า “นิ่ง” การรับมือจึงต้องพ้นไปจากการจ้อง “ก้อนน้ำแข็ง” ก้อนใดก้อนหนึ่ง หากต้องมองระบบทั้งหมด—แนวน้ำแข็งที่หนุนธารน้ำแข็ง, มหาสมุทรที่เก็บความร้อน, ห่วงโซ่ชีวภาพที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลง และเมืองชายฝั่งที่เป็นแนวหน้าในการรับแรงกระแทก
ดังนั้น นอกเหนือจากการเฝ้าติดตามอย่างเป็นระบบ สิ่งที่เราต้องการคือ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลและการปรับตัว, และ การสื่อสารวิทยาศาสตร์ที่ซื่อสัตย์และเข้าใจง่าย—เพื่อให้สังคมตัดสินใจบนความจริง ไม่ใช่ความกลัวหรือความเข้าใจคลาดเคลื่อน ยักษ์น้ำแข็งอาจแหลกสลาย แต่ข้อความจากมันชัดเจน—เวลาของการผัดวันประกันพรุ่งหมดแล้ว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • British Antarctic Survey (BAS)
  • British Antarctic Survey (Newsroom)
  • NASA Earth Observatory
  • NASA Earth Observatory
  • NSIDC (National Snow & Ice Data Center)
  • NOAA Climate
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ENVIRONMENT

ภูเขาน้ำแข็งยักษ์เกยตื้นสัตว์นับล้านรอด

ภูเขาน้ำแข็ง A23a เกยตื้นนอกเกาะเซาท์จอร์เจีย นักวิทยาศาสตร์ชี้กระทบระบบนิเวศระยะสั้น

ภูเขาน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลกเกยตื้นในเขตน้ำตื้นของมหาสมุทรแอตแลนติกใต้

เซาท์จอร์เจีย – วันที่ 9 มีนาคม 2568 British Antarctic Survey (BAS) รายงานว่า ภูเขาน้ำแข็ง A23a ซึ่งเป็นภูเขาน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เกยตื้นอยู่ในเขตน้ำตื้น ห่างจากชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะเซาท์จอร์เจียประมาณ 80 กิโลเมตร โดยเกาะแห่งนี้เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าจำนวนมาก เช่น เพนกวินและแมวน้ำหลายล้านตัว

ภูเขาน้ำแข็ง A23a มีขนาด ใหญ่เป็นสองเท่าของมหานครลอนดอน และมีน้ำหนักเกือบ ล้านล้านตัน หลังจากแตกตัวออกจากหิ้งน้ำแข็งฟิลช์เนอร์-รอนน์ (Filchner-Ronne Ice Shelf) ของทวีปแอนตาร์กติกามาตั้งแต่ปี 1986 และติดอยู่กับพื้นมหาสมุทรเป็นเวลานานกว่า 30 ปี ก่อนจะหลุดออกมาและเริ่มเคลื่อนตัวขึ้นเหนือในปี 2020

ผลกระทบต่อระบบนิเวศและอุตสาหกรรมประมง

ผลกระทบต่อเพนกวินและแมวน้ำ

นักวิทยาศาสตร์เคยแสดงความกังวลว่า การเคลื่อนที่ของภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อแหล่งอาหารของสัตว์ในพื้นที่ โดยเฉพาะ เพนกวินมะกะโรนี (Macaroni Penguin) ซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ อย่างไรก็ตาม ลอรา เทย์เลอร์ (Laura Taylor) นักวิทยาศาสตร์ของ BAS ระบุว่า ฤดูผสมพันธุ์ของเพนกวินและแมวน้ำกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว จึงคาดว่าผลกระทบต่อสัตว์เหล่านี้จะมีน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้

ผลกระทบต่อระบบนิเวศใต้ทะเล

การเกยตื้นของภูเขาน้ำแข็งในเขตน้ำตื้นอาจสร้างความเสียหายต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บริเวณก้นทะเล เช่น ปะการัง ฟองน้ำ และทากทะเล อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์นาดีน จอห์นสัน (Prof Nadine Johnston) จาก BAS ระบุว่า การละลายของ A23a จะช่วยปล่อยสารอาหารปริมาณมหาศาลสู่มหาสมุทร ซึ่งจะช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับระบบนิเวศ

กระบวนการละลายของภูเขาน้ำแข็งและผลกระทบต่อมหาสมุทร

ภูเขาน้ำแข็ง A23a มีความสูงถึง 300 เมตร และเริ่มแสดงสัญญาณของการสลายตัว โดยนักวิทยาศาสตร์คาดว่า บางส่วนของภูเขาน้ำแข็งอาจแตกตัวออกมาในไม่ช้า ซึ่งกระบวนการนี้อาจใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปี โดยปัจจุบัน ขนาดของภูเขาน้ำแข็งลดลงจาก 3,900 ตารางกิโลเมตร เหลือเพียง 3,234 ตารางกิโลเมตร

แพลงก์ตอนพืชบ่งชี้สารอาหารจากภูเขาน้ำแข็ง

หนึ่งในสัญญาณที่บ่งบอกว่าภูเขาน้ำแข็ง A23a กำลังปล่อยสารอาหารคือ การเพิ่มขึ้นของแพลงก์ตอนพืช (Phytoplankton bloom) ซึ่งทำให้เกิดแถบสีเขียวรอบๆ ภูเขาน้ำแข็ง ปรากฏการณ์นี้สามารถตรวจสอบได้จาก ภาพถ่ายดาวเทียม และมีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศในมหาสมุทร

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเพิ่มขึ้นของภูเขาน้ำแข็งแตกตัว

แม้วงจรชีวิตของภูเขาน้ำแข็งจะเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้มีภูเขาน้ำแข็งแตกตัวจากทวีปแอนตาร์กติกามากขึ้น โดยอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในมหาสมุทรส่งผลให้:

  • ภูเขาน้ำแข็งแตกตัวเร็วขึ้น
  • กระแสน้ำอุ่นทำให้ภูเขาน้ำแข็งละลายเร็วขึ้น
  • ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อชายฝั่งทั่วโลก

สถิติที่เกี่ยวข้องกับภูเขาน้ำแข็งและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ข้อมูลจาก National Snow and Ice Data Center (NSIDC) ปี 2567 ระบุว่า:

  • ปัจจุบัน มีภูเขาน้ำแข็งมากกว่า 60 ลูก ที่มีขนาดใหญ่กว่า 10 ตารางกิโลเมตร ในมหาสมุทรแอนตาร์กติกา
  • อุณหภูมิเฉลี่ยของมหาสมุทรแอนตาร์กติกาเพิ่มขึ้น 1.5°C ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา
  • การละลายของน้ำแข็งแอนตาร์กติกา ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเฉลี่ย 3.5 มิลลิเมตรต่อปี

ความคิดเห็นจากทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับผลกระทบของ A23a

ฝ่ายสนับสนุนมองว่า:

  • การละลายของ A23a ช่วยเพิ่มสารอาหารในมหาสมุทร ซึ่งจะทำให้เกิดการเติบโตของแพลงก์ตอนและช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล
  • การเกยตื้นของภูเขาน้ำแข็งไม่ส่งผลกระทบต่อเพนกวินและแมวน้ำมากนัก เนื่องจากสัตว์เหล่านี้สามารถปรับตัวและหาอาหารในพื้นที่อื่นได้
  • เป็นกระบวนการธรรมชาติของระบบนิเวศแอนตาร์กติกา ซึ่งเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในอดีต

ฝ่ายคัดค้านแสดงความกังวลว่า:

  • อาจสร้างอุปสรรคต่ออุตสาหกรรมประมง เนื่องจากการแตกตัวของน้ำแข็งอาจทำให้เกิดสิ่งกีดขวางในเส้นทางเดินเรือ
  • กระทบต่อสัตว์ทะเลขนาดเล็กและระบบนิเวศใต้ทะเล โดยเฉพาะปะการัง ฟองน้ำ และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นมหาสมุทร
  • เป็นผลพวงจากภาวะโลกร้อน ซึ่งอาจทำให้เกิดภูเขาน้ำแข็งแตกตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต

บทสรุป: ความสำคัญของการติดตามผลกระทบในระยะยาว

การเกยตื้นของภูเขาน้ำแข็ง A23a เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ที่สำคัญทางธรณีวิทยาและสิ่งแวดล้อม นักวิทยาศาสตร์ยังคงเฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงของภูเขาน้ำแข็งอย่างใกล้ชิด ทั้งในแง่ของ ผลกระทบต่อระบบนิเวศในมหาสมุทร และความเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในอนาคต

ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการฟื้นฟูระบบนิเวศ หรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับการเดินเรือและสัตว์ป่า การศึกษาเกี่ยวกับ A23a จะเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้โลกสามารถเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : bbc / Brian Matthews / Reuters

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE