Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

สิงห์ เชียงรายฯ โวย! เลื่อนแข่งกลางสายฝนเสียหาย 4 แสน ใครรับผิดชอบ? จี้ไทยลีกทบทวนมาตรฐาน

ฝนกระหน่ำทำพิษ! ไทยลีก “ราชบุรี–เชียงราย” เลื่อนการแข่งขันกลางสายฝน “บิ๊กฮั่น” ไลฟ์เดือด จี้ทบทวนมาตรฐานตัดสิน—โค้ชทีมชาติชวดเช็กฟอร์มแข้ง

ราชบุรี, 1 พฤศจิกายน 2568 — ฟุตบอลไทยลีก ฤดูกาล 2025/26 นัดที่ 10 ระหว่าง ราชบุรี เอฟซี เปิดรัง ราชบุรี สเตเดียม ต้อนรับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ต้องยุติกลางสายฝนและประกาศ “เลื่อนการแข่งขัน” อย่างเป็นทางการ หลังผู้ควบคุมการแข่งขันประเมินว่าสนาม “ยังไม่อยู่ในสภาพปลอดภัย” แม้จะเลื่อนเวลาคิกออฟจาก 18.00 น. ออกไปครั้งละ 30 นาทีรวม 3 ครั้ง จนถึง 19.30 น. ก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวลุกลามเป็นประเด็นถกเถียงในโลกกีฬา เมื่อ บิ๊กฮั่น” มิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ออกมาไลฟ์สดเดินสำรวจสภาพสนาม พร้อมตั้งคำถามถึง “มาตรฐานการตัดสิน” และผลกระทบด้านต้นทุนของสโมสรทีมเยือนที่ต้องเดินทางไกล “เสียหาย 3–4 แสนบาท ใครรับผิดชอบ?”

ลำดับเหตุการณ์ 90 นาทีแห่งการรอคอยที่จบลงด้วยประกาศเลื่อน

ก่อนเกมจะเริ่ม ฟ้าฝนเทลงมาอย่างหนักต่อเนื่องเหนือเมืองโอ่ง ส่งผลให้พื้นสนามหลายจุดชุ่มน้ำและเส้นสนามเลือน ผู้ควบคุมการแข่งขันจึงประกาศ เลื่อนคิกออฟ 30 นาที เพื่อให้เจ้าหน้าที่สนามเร่งระบายน้ำ–ตีเส้นใหม่ ทว่าฝนยังตกเป็นระยะ จึงเกิดการเลื่อนครั้งที่ 2 และ 3 ขยับจาก 18.00 น. ไป 18.30 น., 19.00 น. และสุดท้าย 19.30 น. ก่อนมีมติ “เลื่อนการแข่งขันออกไป” เพื่อความปลอดภัยของนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และผู้ชม

ฝ่ายจัดการแข่งขันแจ้งว่า โปรแกรมใหม่ของเกมนี้จะถูกส่งเข้าสู่การพิจารณาของ คณะกรรมการวินัยและมารยาท สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เพื่อกำหนดวัน–เวลาแข่งขันใหม่ตามระเบียบต่อไป ขณะที่แฟนบอลทั้งสองทีมซึ่งรอคอยในสนามและหน้าจอโทรทัศน์ต้องผิดหวังถ้วนหน้า

มุมมองเชียงราย “ทีมเยือน” เสียหายและตั้งคำถามต่อมาตรฐาน

เหตุการณ์ที่ราชบุรีซึ่งจัดการแข่งขันรายการ BYD SEALION 6 ลีก 1 จุดชนวนความไม่พอใจฝั่งเชียงรายอย่างชัดเจน หลังประกาศเลื่อนเพียงไม่นาน มิตติ ติยะไพรัช หรือ “บิ๊กฮั่น” เปิดไลฟ์สดจากบริเวณข้างสนาม เดินย่ำน้ำให้เห็นสภาพจริง พร้อมเตะลูกบอลให้กล้องเห็นการ “กลิ้ง–ลื่นไหล” ของลูกฟุตบอลในหลายจุด เพื่อยืนยันว่าทีมของตน “พร้อมลงแข่ง” โดยมีสาระสำคัญ 3 ประเด็นใหญ่ที่ถูกตั้งคำถามดังนี้

  1. ผลกระทบทางเศรษฐกิจ — มิตติระบุว่า เชียงรายต้องยกพลลงใต้ล่วงหน้าอย่างน้อยสองวัน ทำให้มีค่าใช้จ่ายด้านเดินทาง–ที่พัก–โภชนาการ–อุปกรณ์–สตาฟฟ์ เป็นเงิน กว่า 300,000–400,000 บาท ซึ่งในกรณีเลื่อนการแข่งขัน สโมสรไม่มีสิทธิ์เรียกค่าเสียหาย ทั้งที่ “ไม่ได้เป็นฝ่ายร้องขอเลื่อน” และ “ยืนยันพร้อมแข่ง”
  2. มาตรฐานการตัดสิน — มิตติกล่าวหาว่าเหตุผลที่อ้างว่า “ไม่สามารถพาสซิ่งบอลบริเวณหน้าประตูได้อย่างปลอดภัย” นั้น “เถียงกันได้” เพราะจากการทดสอบในสนาม “ลูกบอลวิ่งมากกว่า 80% ของพื้นที่” อีกทั้งในอดีต “สนามที่แย่กว่านี้ยังแข่งได้” พร้อมตั้งคำถามว่าเกณฑ์ “สนามน้ำขัง–พาสซิ่งบอลไม่ได้” ถูกใช้สม่ำเสมอแค่ไหนในทุกแมตช์
  3. รูปแบบตัดสินใจ — ประธานเชียงรายตั้งข้อสังเกตถึงการ “โทรรายงาน–ขอความเห็น” จากบุคคลที่สมาคมฯ ทั้งที่ “คนหน้างาน” คือแมตช์คอมฯ และผู้ตัดสินเห็นสภาพจริงหน้างานอยู่แล้ว ทำให้เกิดภาพ “เร่งตัดจบ” โดยไม่เปิดโอกาสให้ประเมินสภาพสนามอีกครั้ง หากปล่อยเวลาให้ระบายน้ำต่อเนื่อง

สาระในไลฟ์ยังสะท้อนความผิดหวังในเชิงอารมณ์ต่อ “แฟนบอลที่เดินทางไกล–นักเตะที่ซ้อมมา–ต้นทุนทีมเยือน” พร้อมทิ้งท้ายว่าหากมาตรฐานยังเป็นเช่นนี้ “ต่อจากนี้ทุกทีมจงปกป้องสิทธิ์ตัวเอง” เพราะ “เราอยู่ในประเทศที่ฝนตกหนักเป็นเรื่องปกติ”

มุมราชบุรีและฝ่ายจัด “ความปลอดภัยมาก่อน”

แม้ราชบุรี เอฟซีและผู้ควบคุมการแข่งขันไม่ได้ออกแถลงการณ์แบบยืดยาวในค่ำคืนเดียวกัน แต่ข้อเท็จจริงที่สะท้อนผ่านการปฏิบัติชัดเจนคือ ความปลอดภัย เป็นเหตุผลหลักของการตัดสินใจ ทั้งจากความเสี่ยงเรื่องการลื่น–การเบรก–การปะทะในพื้นเปียกแฉะ โดยเฉพาะบริเวณ “กรอบเขตโทษ–หน้าประตู” ที่เป็นจุดอันตรายสูง อีกทั้งเส้นสนามที่เลือนย่อมกระทบต่อการตัดสินจังหวะสำคัญ เช่น ล้ำหน้า–จุดโทษ–บอลออกเส้น

ในระเบียบสากล ฟีฟ่ากำหนดให้ ผู้ตัดสิน/ผู้ควบคุมการแข่งขัน มีอำนาจสูงสุดในการพิจารณา “เริ่ม–หยุด–ยุติ–เลื่อน” แมตช์ หากประเมินแล้ว “สภาพสนามหรือสภาพอากาศไม่ปลอดภัย” ต่อผู้เล่นและผู้เกี่ยวข้อง การพิจารณามักคำนึงถึงคุณภาพผิวสนาม การระบายน้ำ ทัศนวิสัย และความพร้อมของอุปกรณ์–บุคลากรสนาม โดยเฉพาะในประเทศเขตร้อนที่ฝนกระหน่ำแบบรวดเร็ว การ “รอดูสถานการณ์” ครั้งละ 30 นาทีจึงนิยมใช้เป็นแนวปฏิบัติ ซึ่งครั้งนี้ก็ดำเนินไปครบ 3 รอบก่อนสรุปเลื่อน

ผลสะเทือนเชิงระบบ จากเชียงราย…สู่ภาคเหนือ…และทั้งไทยลีก

  • มุม เชียงราย — ทีมเยือน–เมืองเหนือแบกรับต้นทุน–โอกาสที่หายไป

การเดินทางไกลหลายร้อยกิโลเมตรส่งผลคูณกับค่าใช้จ่ายทุกประเภท แฟนบอลกว่างโซ้งที่ซื้อตั๋ว–เดินทาง–จองที่พักล่วงหน้า “เสียโอกาส” ทั้งเวลาและเงิน ขณะที่ความพร้อมของทีมในสัปดาห์ถัดไปถูกรบกวนด้วยโปรแกรมที่อาจถูก “แทรกวันที่ใหม่” ซึ่งยังไม่แน่นอน นอกจากนี้ เชียงรายยังตั้งใจใช้เกมนี้เป็น “บททดสอบ” ในช่วงสำคัญของฤดูกาล หากต้องเลื่อน ย่อมส่งผลต่อจังหวะฟอร์มรวมถึงการบริหารสภาพร่างกายนักเตะ

ในเชิงภาพลักษณ์ต่อจังหวัดเชียงราย เหตุการณ์นี้สะท้อนเสียงเรียกร้องจากภาคเหนือไปยังฟุตบอลไทยโดยรวมว่า มาตรฐานต้องชัด–ใช้ได้เท่ากันทุกสนาม ทุกทีม” ไม่เช่นนั้นทีมจากนอกศูนย์กลางจะรู้สึก “เป็นฝ่ายเสียเปรียบ” ทั้งที่ลงทุนลงแรงเท่ากัน

  • 2 มุม ภาคเหนือ — ผลต่อระบบพัฒนาและแรงจูงใจของผู้เล่น

เกมใหญ่ๆ ระหว่างทีมแถวบนอย่างเชียงรายที่ถูกเลื่อน ทำให้ “สเกาต์–ทีมงานทีมชาติ–สื่อ” พลาดโอกาสประเมินผู้เล่นจากเหนือจริงในสถานการณ์กดดัน โดยเฉพาะเมื่อ แอนโธนี ฮัดสัน เฮดโค้ชทีมชาติไทยคนใหม่ ตั้งใจมาดูฟอร์มแข้งที่อยู่ในลิสต์ ก่อนต้อง “เบนเป้า” ไปชมเกมที่ทรู บีจี สเตเดียมในวันถัดไป การเลื่อนครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องคะแนน แต่คือ “โอกาสในทีมชาติ” ของนักเตะฝั่งเหนือที่หดหายไปด้วย

  • มุม ไทยลีกทั้งระบบ — ตารางแข่ง–ถ่ายทอดสด–ผู้ชมต่างจังหวัด

การเลื่อนในนาทีท้ายส่งผลต่อ “ผังถ่ายทอดสด” “สปอนเซอร์ไทม์” และความเชื่อมั่นของผู้ชมต่างจังหวัดที่วางแผนตามคิกออฟเป๊ะๆ ยิ่งในยุคที่ไทยลีกเดินหน้า commercialize สูงขึ้น การยืนยันมาตรฐานสนามในสภาวะฝน—ตั้งแต่ระบบระบายน้ำ แผนสำรองตีเส้น เรื่อยถึงเครื่องมือปั๊มน้ำ—จึงเป็น “การลงทุนคุ้มค่า” เพื่อปิดความเสี่ยงเชิงธุรกิจ

โค้ชทีมชาติชวดเช็กฟอร์ม “ข้อมูล” คือทรัพยากรที่หายไป

ในมุมของ แอนโธนี ฮัดสัน เหตุเลื่อนทำให้ “แผนงานสอดส่องฟอร์ม” ต้องสลับสนามกะทันหัน โค้ชใหม่ที่กำลังเร่งเก็บข้อมูลผู้เล่นท้องถิ่นเพื่อสร้างโครงกระดูกทีมชาติ—โดยเฉพาะตำแหน่งที่ต้องการประเมินภายใต้แรงกดดันจริง—ย่อมเสีย “หน่วยข้อมูล” ไปหนึ่งแมตช์เต็มๆ แม้จะชดเชยด้วยการไปชมเกมอื่นในวันรุ่งขึ้น แต่ “บริบทคู่แข่ง–แทคติกเฉพาะ” ที่วางไว้เพื่อดูเชิงผู้เล่นเชียงราย–ราชบุรี ย่อมไม่เหมือนเดิม และผลักภาระการตัดสินใจไปอยู่บน “เทปย้อนหลัง–ข้อมูลสถิติ” มากกว่าการเห็นของจริง

กรอบกติกา “30+30” กับอำนาจตัดสินของคนหน้างาน

จากคำอธิบายในไลฟ์ของมิตติ มีการอ้างถึงแนวปฏิบัติ “30+30” และเสริมว่าบางครั้งการรอ “2 ชั่วโมง” ก็พบเห็นในเกมระดับทวีป ประเด็นนี้สะท้อนโจทย์ใหญ่ของสมาคมฯ และผู้จัดลีกว่า จะวาง “มาตรฐานสนามฝน” อย่างไรให้ทั้งชัด–ยืดหยุ่น–ยุติธรรม เพราะสภาพภูมิอากาศไทยมีโอกาสเกิดฝนไล่ระดับ–ฝนสลับหยุด–น้ำระบายทันทีหลังหยุดตก ซึ่งในเชิงการจัดการอาจต้องกำหนด “เช็กลิสต์” ที่จับต้องได้ เช่น

  • เกณฑ์การประเมิน “พาสซิ่งบอล” ในโซนอันตราย (หน้าประตู/กรอบโทษ)
  • เวลารอสูงสุดต่อรอบ และจำนวนรอบสูงสุดที่ยอมรับได้
  • อุปกรณ์–บุคลากรสนามที่ “ต้องมี” และ “ต้องพร้อม” สำหรับฝนหนัก โดยเฉพาะการตีเส้นใหม่ การดูด–ปั๊มน้ำ
  • กระบวนการสื่อสารกับสโมสร–ผู้ชมในสนาม และผู้ถ่ายทอดสด ให้เข้าใจสถานการณ์ตรงกัน

การมีเกณฑ์ชัดช่วยลด “ความรู้สึกสองมาตรฐาน” และปัดข้อครหาว่า “การโทรจากส่วนกลาง” มีอิทธิพลเหนือ “การประเมินของคนหน้างาน”

เสียงจากแฟนบอล ความคาดหวังเรื่องความต่อเนื่องและความยุติธรรม

แฟนบอลราชบุรีจำนวนไม่น้อยยอมรับการเลื่อนด้วยเหตุผลความปลอดภัย แต่ก็อยากเห็น “การตัดสินใจที่รวดเร็วกว่านี้” เพื่อให้ผู้ชมทั้งใน–นอกสนามวางแผนการเดินทาง–การใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ขณะที่แฟนเชียงรายซึ่งเดินทางไกลสะท้อนความเจ็บปวดเรื่อง ค่าใช้จ่ายและเวลา หากเกิดเหตุซ้ำบ่อยครั้ง ความศรัทธาต่อระบบจัดการแข่งขันอาจถูกสั่นคลอน การสื่อสารที่โปร่งใสและมาตรฐานเดียวกันทั้งลีกจึงเป็น “จุดยืน” ที่แฟนบอลเรียกร้องร่วมกัน

ทำอย่างไรให้ “เราฝนตกได้…แต่ยังแข่งได้อย่างมีมาตรฐาน”

  1. มาตรฐานสนามฝน (Rain Protocol) ฉบับไทยลีก — จัดทำเอกสารสาธารณะ ระบุขั้นตอน–เกณฑ์–บทบาทของทุกฝ่าย ตั้งแต่ผู้จัดการสนาม–ผู้ควบคุมการแข่งขัน–ผู้ตัดสิน–สโมสรเจ้าบ้าน–ทีมเยือน และการสื่อสารกับผู้ชม โดยยึดกรอบสากลของฟีฟ่า/เอเอฟซี ปรับให้เหมาะสมกับสภาพอากาศไทย
  2. อัปเกรดอุปกรณ์สนาม — สนับสนุนงบ/กองทุนร่วมไทยลีก–สโมสร เพื่อจัดหาเครื่องดูดน้ำ–พัดลมสนาม–สารปรับสภาพผิวหญ้า–ชอล์กตีเส้นกันน้ำ พร้อมอบรมทีมงานภาคสนามให้ปฏิบัติการรวดเร็ว
  3. กำหนด “หน้าต่างเลื่อน” และ “วันสำรอง” ในผังก่อนฤดูกาล — ลดความเสียหายเชิงผังถ่ายทอดสด–ตั๋ว–สปอนเซอร์ และทำให้ทั้งลีกบริหารความเสี่ยงร่วมกัน
  4. ระบบชดเชยบางส่วน สำหรับสโมสรทีมเยือนกรณีเลื่อนจากเหตุสุดวิสัย โดยมีเงื่อนไขตรวจสอบได้ เพื่อสร้างความรู้สึก “ร่วมรับผิดชอบ” ในระบบ
  5. พัฒนาแดชบอร์ดสภาพอากาศ–สนาม ที่ทีมงานลีก–สโมสร–ผู้ชม เข้าถึงแบบเรียลไทม์ เพื่อคาดการณ์–แจ้งเตือนล่วงหน้า

ข้อเสนอเหล่านี้ไม่ใช่การชี้นิ้วไปที่สนามใดสนามหนึ่ง แต่เพื่อยกระดับทั้งระบบให้ “พร้อมอยู่กับฝน” ซึ่งเป็นความจริงตามภูมิอากาศไทย

บทเรียนจากคืนฝนราชบุรี—ความปลอดภัย, มาตรฐาน, และความรู้สึกเป็นธรรม

คืนที่ราชบุรีคือ “บททดสอบ” สำคัญของไทยลีกใน 3 แกนหลัก

1.ความปลอดภัย  การยุติการแข่งขันอาจไม่ถูกใจทุกฝ่าย แต่ “ชีวิต–สุขภาพนักกีฬา” มาก่อนเสมอ นี่คือหลักสากลที่ทุกลีกยึดถือ 2.มาตรฐาน เมื่อสภาพฝนคือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ความชัดเจนของเกณฑ์–ขั้นตอน–อำนาจตัดสิน จึงเป็นคำตอบเดียวที่จะลดข้อถกเถียง และสร้างความรู้สึกว่า “ทุกทีมถูกปฏิบัติอย่างเท่าเทียม” 3.ความรู้สึกเป็นธรรมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย — แฟนบอล, สโมสรทีมเยือน, ผู้ถ่ายทอดสด ล้วนมีต้นทุนที่ต้องรับ หากระบบสื่อสาร–การชดเชย–การกำหนดวันสำรองทำได้ดี ความเชื่อมั่นต่อฟุตบอลไทยจะยิ่งแข็งแรง

จากมุมเชียงราย เหตุการณ์นี้ส่งเสียงดังชัดว่า ภาคเหนือขอความชัดเจน” เพื่อให้การลงทุน–แรงเชียร์–เส้นทางทีมชาติของผู้เล่น ไม่เสียเปรียบเพียงเพราะฝน” ขณะที่จากมุมราชบุรีและผู้จัดเกม ประเด็นนี้ย้ำเตือนว่าทุกสนามต้องเตรียม “แผนฝน” อย่างมืออาชีพ เพราะฤดูกาลยาวไกล และ “อีกหลายค่ำคืนฝนอาจกำลังรออยู่”

บรรทัดสุดท้าย แมตช์นี้ไม่ได้จบด้วยสกอร์ แต่จบด้วย คำถาม ที่ทั้งลีกต้องร่วมกันตอบ ก่อนที่เกมจะเตะกันใหม่ในวันที่กำหนดอีกครั้ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
  • ไทยลีก (BYD SEALION 6 ลีก 1)
  • สโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด
  • มิตติ ติยะไพรัช
  • แมตช์เดย์ ราชบุรี เอฟซี vs สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SPORT

AIS ยืนยัน ดูบอลไทยลีกฟรี 3 พันธมิตรทุ่ม 500 ล้านบาท

AIS-GULF-JAS ประกาศคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไทยลีก 4 ฤดูกาลเต็ม ดูฟรีทั่วประเทศ ยกระดับฟุตบอลไทยสู่มาตรฐานโลก

กรุงเทพฯ,10 มิถุนายน 2568 – ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคใหม่ของการพัฒนาวงการฟุตบอลอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อ 3 พันธมิตรยักษ์ใหญ่แห่งวงการดิจิทัล เทคโนโลยี และพลังงาน ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS, บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ร่วมกันประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ คว้าสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพของประเทศไทยอย่างครอบคลุมทุกระดับ

พิธีแถลงข่าวจัดขึ้นที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ โดยมี “มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของทั้งสามบริษัท ได้แก่ นายสารัชถ์ รัตนาวะดี (GULF), นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ (AIS) และ ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา (JAS) ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในการผลักดันฟุตบอลไทยให้เข้าถึงผู้ชมทุกกลุ่ม ด้วยระบบการถ่ายทอดสดความคมชัดระดับ HD ผ่านช่องทางที่ครอบคลุมทั้งทีวีและดิจิทัลแพลตฟอร์ม

ประกาศชัด คนไทยดูบอลฟรีทั้งประเทศ

หนึ่งในไฮไลต์ของงาน คือคำยืนยันจากนายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ AIS ว่า “วันนี้ขอประกาศอย่างเป็นทางการว่า คนไทยทุกคนจะสามารถรับชมการแข่งขันไทยลีกได้ฟรี” โดยการรับชมจะสามารถทำได้ผ่าน AIS PLAY บนมือถือหรือเน็ตบ้าน และผ่านสถานีโทรทัศน์ MONO29 รวมถึงแพลตฟอร์ม Monomax ซึ่ง JAS เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ถือเป็นการปักหมุดให้ไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ประชาชนสามารถชมฟุตบอลลีกอาชีพได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

500 ล้านบาทต่อปี กับภารกิจยกระดับลีกฟุตบอลไทย

“มาดามแป้ง” เปิดเผยว่า การประมูลครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงของฟุตบอลไทย โดยพันธมิตรทั้ง 3 รายยินดีจ่ายค่าลิขสิทธิ์รวม 350 ล้านบาทต่อปี และยังร่วมออกค่าโปรดักชั่นอีก 150 ล้านบาท รวมมูลค่าการสนับสนุนสูงถึง 500 ล้านบาทต่อปี เป็นเวลา 4 ฤดูกาล ตั้งแต่ปี 2025/26 – 2028/29 พร้อมออปชันต่ออายุอีก 2 ฤดูกาล

ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการวางรากฐานให้กับระบบถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีกทั้ง ไทยลีก 1, ไทยลีก 2, ไทยลีก 3, ฟุตบอลถ้วย (เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ), ฟุตบอลหญิงลีก, ฟุตบอลเยาวชน U-21 และอื่น ๆ ที่ไม่เคยได้รับการเผยแพร่เต็มรูปแบบเช่นนี้มาก่อน

จากสนามสู่ทุกครัวเรือน วิสัยทัศน์จากพันธมิตรหลัก

นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ซีอีโอ GULF กล่าวถึงบทบาทของตนว่า “ฟุตบอลก็เหมือนโรงงานขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยผู้เล่น โค้ช เจ้าหน้าที่ และแฟนบอลรวมหลายหมื่นชีวิต GULF ต้องการเป็นแรงสนับสนุนเพื่อให้ทุกคนในระบบนี้เดินหน้าต่อไปได้” พร้อมระบุว่า ความตั้งใจของ GULF คือให้การถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยเข้าถึงทุกคนทั่วประเทศอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในไทยลีก 2 และ 3 ที่มักถูกละเลยในอดีต

ขณะที่ ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา จาก JAS เน้นย้ำว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะไม่เพียงเป็นเรื่องของการถ่ายทอดสดเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายร่วมกับ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ในการส่งเสริมศักยภาพของฟุตบอลไทยใน 3 ด้าน ได้แก่ นักกีฬา, ผู้ตัดสิน, และ ผู้ฝึกสอน เพื่อยกระดับมาตรฐานทั้งระบบ โดยเน้นความยั่งยืนและการพัฒนาในระยะยาว

เมื่อฟุตบอลไทยไม่ใช่แค่กีฬา แต่คือระบบนิเวศน์เศรษฐกิจและวัฒนธรรม

การประกาศครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของวงการกีฬาไทย เพราะฟุตบอลไม่ใช่เพียงเกมกีฬา แต่ยังเป็นกลไกเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงผู้ประกอบการรายย่อย ชุมชนท้องถิ่น แฟนบอล และภาคอุตสาหกรรมบันเทิงในวงกว้าง

การเปิดให้คนไทยรับชมฟรี อาจส่งผลต่อรูปแบบรายได้ของสมาคมฯ ในระยะสั้น แต่ในระยะยาวจะช่วยเพิ่มฐานผู้ชม เกิดการกระจายรายได้จากสินค้าและบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน เช่น ตั๋วเข้าชม สนามกีฬา อีเวนต์เชิงกีฬา และการค้าปลีก

ในขณะเดียวกัน การที่พันธมิตรด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ของประเทศ เช่น AIS และ JAS เข้ามาเป็นผู้ขับเคลื่อน ย่อมส่งผลให้คุณภาพของระบบการถ่ายทอดสด และช่องทางการเข้าถึงได้รับการยกระดับแบบก้าวกระโดด ไม่ว่าจะผ่านเน็ตมือถือ, สมาร์ตทีวี หรือแอปพลิเคชัน OTT

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ
  • บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
  • บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
  • บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
  • สถานีโทรทัศน์ MONO29 และแพลตฟอร์ม Monomax
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

นิด้าโพล เผยผลสำรวจ 5 อันดับ ทีมบอลของอังกฤษ – ไทย ที่ชื่นชอบ

 

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2567 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฤดูกาล 2024 – 2025 และฟุตบอลไทยลีก 1 ฤดูกาล 2567-2568” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 6-9 สิงหาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,500 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฤดูกาล 2024-2025 และฟุตบอลไทยลีก 1 ฤดูกาล 2567-2568  การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

 

          จากการสำรวจเมื่อถามถึงการติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 50.04 ระบุว่า ไม่ติดตาม ขณะที่ร้อยละ 49.96   ระบุว่า ติดตาม โดยตัวอย่างที่ติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (จำนวน 1,249 หน่วยตัวอย่าง) ร้อยละ 80.78 ระบุว่า ติดตามเป็นครั้งคราว และร้อยละ 19.22 ระบุว่า ติดตามสม่ำเสมอ

 

          เมื่อถามตัวอย่างที่ติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ (จำนวน 1,249 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับทีมที่ชื่นชอบมากที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฤดูกาล 2024-2025 พบว่า

  1. ร้อยละ 27 ระบุว่า ทีมลิเวอร์พูล (Liverpool) รองลงมา
  2. ร้อยละ 90 ระบุว่า ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United)
  3. ร้อยละ 89 ระบุว่า ทีมอาร์เซนอล (Arsenal)
  4. ร้อยละ 81 ระบุว่า ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City)
  5. ร้อยละ 16  ระบุว่า ทีมเชลซี (Chelsea)
  6. ร้อยละ 68 ระบุว่า ทีมเลสเตอร์ ซิตี้ (Leicester City)
  7. ร้อยละ 52 ระบุว่า ทีมอื่น ๆ ได้แก่ ทีมนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (Newcastle United) ทีมน็อตติงแฮม ฟอเรสต์ (Nottingham Forest) ทีมท็อตแนม ฮอตสปอร์ส (Tottenham Hotspur) ทีมแอสตัน วิลลา (Aston Villa) ทีมเอฟเวอร์ตัน (Everton) ทีมไบรตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน (Brighton & Hove Albion) ทีมเวสต์แฮม ยูไนเต็ด (West Ham United) และทีมวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส (Wolverhampton Wanderers)
  8. และร้อยละ 77 ระบุว่า ไม่ชอบทีมใดเป็นพิเศษ

 

          สำหรับการติดตามฟุตบอลไทยลีก 1 พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 58.04 ระบุว่า ไม่ติดตาม ขณะที่ร้อยละ 41.96 ระบุว่า ติดตามโดยตัวอย่างที่ติดตามฟุตบอลไทยลีก 1 (จำนวน 1,049 หน่วยตัวอย่าง) ร้อยละ 86.65 ระบุว่า ติดตามเป็นครั้งคราว และร้อยละ 13.35 ระบุว่าติดตามสม่ำเสมอ

 

          เมื่อถามตัวอย่างที่ติดตามฟุตบอลไทยลีก 1 (จำนวน 1,049 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับทีมที่ชื่นชอบมากที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 1 ฤดูกาล 2567-2568 พบว่า

  1. ร้อยละ 75 ระบุว่า ทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
  2. ร้อยละ 96 ระบุว่า ทีมเมืองทอง ยูไนเต็ด
  3. ร้อยละ 53 ระบุว่า ทีมการท่าเรือ เอฟซี
  4. ร้อยละ 48 ระบุว่า ทีมบีจี ปทุม ยูไนเต็ด
  5. ร้อยละ 34 ระบุว่า ทีมสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และทีมนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ในสัดส่วนที่เท่ากัน
  6. ร้อยละ 00 ระบุว่า ทีมขอนแก่น ยูไนเต็ด
  7. ร้อยละ 91 ระบุว่า ทีมราชบุรี เอฟซี
  8. ร้อยละ 05 ระบุว่า ทีมสุโขทัย เอฟซี
  9. ร้อยละ 76 ระบุว่า ทีมอื่น ๆ ได้แก่ ทีมระยอง เอฟซี ทีมหนองบัวพิชญ เอฟซี ทีมทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมอุทัยธานี เอฟซี ทีมลำพูน วอริเออร์ ทีมพีที ประจวบ และทีมนครปฐม ยูไนเต็ด
  10. และร้อยละ 88 ระบุว่า ไม่ชอบทีมใดเป็นพิเศษ

 

          เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.48 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.60 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 17.80 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.40 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.92 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.80 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก ตัวอย่าง ร้อยละ 48.20 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.80 เป็นเพศหญิง

 

          ตัวอย่าง ร้อยละ 16.16 มีอายุ 15-25 ปี ร้อยละ 17.16 มีอายุ 26-35 ปี ร้อยละ 17.48 มีอายุ 36-45 ปี ร้อยละ 25.44 มีอายุ 46-59 ปี และร้อยละ 23.76 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 96.00 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 3.24 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.76 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ ตัวอย่าง ร้อยละ 38.20 สถานภาพโสด ร้อยละ 59.96 สมรส และร้อยละ 1.84 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่

 

          ตัวอย่าง ร้อยละ 16.52 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 38.04 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 8.72 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 30.92 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 5.80 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า 

 

          ตัวอย่าง ร้อยละ 10.08 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 17.48 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 21.92 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 8.84 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 13.72 ประกอบอาชีพ รับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 19.92 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 8.04 เป็นนักเรียน/นักศึกษา

 

          ตัวอย่าง ร้อยละ 23.76 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 16.48 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 29.76 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 10.08 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 5.40 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 5.56 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 8.96 ไม่ระบุรายได้

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News