Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ส่งมอบพื้นที่ ‘เชียงราย’ ฟื้นฟู หลังน้ำลด ร่วมใจช่วยประชาชน

การส่งมอบพื้นที่ฟื้นฟูเชียงรายหลังอุทกภัย: ความช่วยเหลือจากกองทัพไทยเพื่อการฟื้นฟูสู่ระยะที่สอง

การฟื้นฟูเชียงรายหลังเหตุการณ์อุทกภัยใหญ่

ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมานายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานในพิธีส่งมอบพื้นที่ที่ได้รับการฟื้นฟูจากเหตุการณ์อุทกภัยให้กับหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อดำเนินการฟื้นฟูระยะที่สองต่อไปที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

ความสำคัญของการฟื้นฟูระยะที่สอง

การฟื้นฟูในระยะที่สองนี้จะเน้นที่การซ่อมแซมและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มีความแข็งแรง เพื่อเตรียมความพร้อมในอนาคตหากเกิดภัยพิบัติอีกครั้ง รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่หลังเหตุการณ์น้ำลด เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและความมั่นคงในพื้นที่เชียงราย

ภารกิจและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน

การฟื้นฟูครั้งนี้ได้มีการสนับสนุนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งโรงครัวเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย การกู้บ้านเรือนและชุมชนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการทำความสะอาดเส้นทางคมนาคมให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอย่างรวดเร็ว

กองทัพไทย: ผู้สนับสนุนการฟื้นฟูที่แข็งแกร่ง

บทบาทของกองทัพไทยในภารกิจนี้โดดเด่นอย่างยิ่ง ด้วยการสนับสนุนกำลังพล อุปกรณ์และความช่วยเหลืออย่างครบถ้วน การตักดินโคลนออกจากบ้านเรือน การทำความสะอาดถนน ตลอดจนการสร้างบ้านน็อคดาวน์เพื่อรองรับผู้ประสบภัยที่บ้านเสียหายอย่างหนัก

การฟื้นฟูและการส่งมอบที่เสร็จสมบูรณ์ 100%

ในพิธีส่งมอบพื้นที่ นายภูมิธรรม ได้มอบป้ายสัญลักษณ์ให้แก่นายกเทศมนตรีตำบลแม่สายและตำบลเวียงพางคำ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นฟูที่สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย โดยในครั้งนี้มีการช่วยฟื้นฟูบ้านเรือนจำนวน 819 หลังจากที่ได้รับผลกระทบ และครัวเรือนผู้ประสบภัยยังได้รับการสนับสนุนวัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น จักรเย็บผ้า เก้าอี้ตัดผม เพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ

การฟื้นฟูระยะที่สอง: การพัฒนาเชิงโครงสร้างและส่งเสริมการท่องเที่ยว

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจฟื้นฟูในระยะแรก การฟื้นฟูระยะที่สองจะเน้นด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน และส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่เชียงราย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวกลับมาเยือนอีกครั้ง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่และสร้างงานให้กับประชาชนในระยะยาว

บทสรุป: ก้าวไปข้างหน้าเพื่ออนาคตที่มั่นคง

การช่วยเหลือและความเอื้อเฟื้อจากกองทัพไทยและทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูครั้งนี้ เป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีที่ช่วยให้ชาวแม่สายได้กลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง พร้อมกันนี้รัฐบาลยังได้ยืนยันว่าภาครัฐจะไม่ทอดทิ้งผู้ประสบภัย โดยจะทำงานต่อไปเพื่อให้ชาวเชียงรายได้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ชาวบ้านซาบซึ้งใจ ‘หน่วยทหาร’ ช่วยฟื้นฟูแม่สายหลังน้ำท่วม

แม่สายไม่ทิ้งกัน: ทหารไทยฟื้นฟูพื้นที่หลังอุทกภัย ชาวบ้านขอบคุณจากใจ

ทหารไทยรวมพลังฟื้นฟูแม่สายหลังน้ำท่วมครั้งใหญ่

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้แสดงความขอบคุณหน่วยทหารที่เข้าช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ หลังประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ โดยหน่วยงาน ศอ.จอส.พระราชทาน ภาค 3 ร่วมกับบก.ควบคุมบริหารสถานการณ์ จ.เชียงราย นำโดย พล.ต. บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผอ.ศอ.จอส.พระราชทาน และผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มทบ.37 ได้ประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อฟื้นฟูสภาพบ้านเรือนและเส้นทางคมนาคมที่ได้รับผลกระทบ

การฟื้นฟูพื้นที่และจัดส่งสิ่งของบริจาคแก่ผู้ประสบภัย

มณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) ได้ส่งกำลังพลสนับสนุนการฟื้นฟูบ้านเรือนและพื้นที่ในชุมชน โดยร่วมกับเพจอีจันในการจัดส่งสิ่งของจำเป็น อาทิ ที่นอน เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า และเตาแก๊ส เพื่อให้แก่ผู้ประสบภัยในบ้านเหมืองแดงที่ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือไว้ล่วงหน้า

นอกจากนี้ หน่วยทหารจาก มทบ.34 ยังได้เข้าฟื้นฟูห้องแถวที่ได้รับความเสียหายในซอยอีก้ออย่างต่อเนื่อง ขณะที่กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 กองพันที่ 20 (ป.21 พัน.20) ได้ส่งทหารช่วยทำความสะอาดเศษดินโคลนและขยะบนถนนซอยเกาะสวรรค์ ซอย 3 และซอย 12 เพื่อฟื้นฟูสภาพถนนให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ

ความคืบหน้าในการฟื้นฟูพื้นที่ชุมชน

สำหรับการฟื้นฟูที่อยู่อาศัยในชุมชนไม้ลุงขน ร.17 พัน.3 ได้ดำเนินการขุดลอกดินโคลนออกจากบ้าน ขนย้ายอุปกรณ์ต่างๆ และเคลียร์พื้นที่ถนนที่ได้รับผลกระทบ จนสามารถฟื้นฟูได้ครบทุกจุดแล้ว ขณะที่ ร.17 พัน.4 ทำการฟื้นฟูห้องเช่าที่เสียหายทั้ง 4 ห้องในซอยอีก้อเสร็จสมบูรณ์ มว.บรรเทาสาธารณภัย ร.14 พัน.3 ได้เข้าทำความสะอาดดินโคลนที่ขอบถนนในจุดที่เครื่องจักรเข้าถึงได้ยาก พร้อมเก็บขยะทั้งหมดบริเวณถนนไม้ลุงขน

ทหารทำงานไม่หยุดหย่อน รักษาความเชื่อมั่นของประชาชน

พล.ต. บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผบ.ศบภ.มทบ.37 กล่าวย้ำถึงความสำคัญของการช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤต “พวกเราคือกำลังสำคัญของกองทัพบก ทำงานอย่างเต็มกำลังมาตั้งแต่วันแรก เราได้รับความชื่นชมและความขอบคุณจากชาวอำเภอแม่สายและทั่วประเทศ ซึ่งการช่วยเหลือครั้งนี้ไม่ได้เพียงแค่ฟื้นฟูบ้านเรือน แต่ยังฟื้นฟูใจประชาชนที่สูญเสียจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้ด้วย พวกเราคือฮีโร่ของประชาชน”

การเข้าช่วยเหลือของทหารในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ฟื้นฟูความเป็นอยู่ของชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย แต่ยังสะท้อนถึงความร่วมแรงร่วมใจและการทำงานร่วมกันอย่างเต็มกำลังเพื่อนำความสงบสุขกลับคืนสู่ชุมชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รมช.มหาดไทยติดตามซ่อมสะพานเชียงราย ฟื้นฟูชุมชน

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่มส่วนหน้า (ศปช.ส่วนหน้า) จังหวัดเชียงราย ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าในการซ่อมแซมคอสะพาน ชร.007 ที่ชำรุดจากอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และการติดตั้งสะพานเบลีย์ (Bailey Bridge) ชั่วคราวที่สะพานมิตรภาพแม่ยาว-ดอยฮาง เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถสัญจรไปมาได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ มีผู้ร่วมติดตามการดำเนินการหลายท่าน อาทิ นายอารุณ ปินตา ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 15 เชียงราย นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย และนายธีรพงษ์ มีศรี ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทเชียงราย ซึ่งทั้งหมดได้ร่วมกันตรวจสอบความคืบหน้าและประสานงานในการฟื้นฟูเส้นทางการคมนาคมที่ได้รับความเสียหาย

การซ่อมแซมคอสะพาน ชร.007 และสะพานเบลีย์

นางสาวธีรรัตน์ ระบุว่า ทางแขวงทางหลวงชนบทเชียงรายได้เร่งนำเครื่องจักรและเครื่องมือเข้ามาซ่อมแซมคอสะพาน ชร.007 ที่ถูกน้ำกัดเซาะจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก ขณะนี้การซ่อมแซมคอสะพานสามารถเปิดให้รถยนต์ขนาดเล็กผ่านไปมาได้แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นความคืบหน้าที่ดีในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น

สำหรับสะพานมิตรภาพแม่ยาว-ดอยฮาง ทางแขวงทางหลวงชนบทเชียงรายได้เริ่มดำเนินการติดตั้งสะพานเบลีย์ชั่วคราว เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้เส้นทางนี้ได้ในระหว่างที่ซ่อมแซมสะพานหลัก นางสาวธีรรัตน์ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการติดตั้งให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกและปลอดภัย พร้อมเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังและคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก

ติดตามการฟื้นฟูชุมชนทวีรัตน์และมอบถุงยังชีพ

นอกจากการติดตามการซ่อมแซมสะพานแล้ว นางสาวธีรรัตน์ ยังได้ลงพื้นที่ชุมชนทวีรัตน์ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการฟื้นฟูชุมชนหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยในครั้งนี้ได้มีการมอบถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 15 เชียงราย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงราย (กอ.รมน. จ.เชียงราย) และผู้นำชุมชนในพื้นที่ ร่วมมอบถุงยังชีพและให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัย

นางสาวธีรรัตน์ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางอำเภอเมืองเชียงรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันในการฟื้นฟูชุมชนทวีรัตน์ และจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ประสบภัยทุกครัวเรือนได้รับเงินเยียวยาอย่างทั่วถึง รวมถึงการดูแลด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ ยังย้ำว่ารัฐบาลจะไม่ทอดทิ้งพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยในครั้งนี้ และพร้อมที่จะสนับสนุนการฟื้นฟูในทุกด้าน

ความสำคัญของการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานและการช่วยเหลือประชาชน

การซ่อมแซมสะพานและการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมครั้งนี้ ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่จำเป็นเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและปัญหาการจราจรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย การติดตั้งสะพานเบลีย์ชั่วคราวจะเป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยให้ชาวบ้านสามารถเดินทางไปมาได้สะดวก ในขณะที่การซ่อมแซมสะพานหลักยังคงดำเนินต่อไป

การลงพื้นที่และติดตามงานของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยในครั้งนี้ ชี้ให้เห็นถึงความร่วมมือของทุกหน่วยงานในการฟื้นฟูและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานและการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระดับชุมชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ศปช. เร่งฟื้นฟูเส้นทาง-สาธารณูปโภค เชียงใหม่และเชียงราย หลังน้ำท่วมใหญ่

 

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2567 เวลา 18.30 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยส่วนหน้า (ศปช.) ได้แถลงความคืบหน้าการฟื้นฟูเส้นทางคมนาคมและสาธารณูปโภคในพื้นที่ภาคเหนือ หลังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย โดยทางศปช. ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมเร่งฟื้นฟูระบบขนส่ง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและสามารถลำเลียงความช่วยเหลือเข้าสู่พื้นที่ได้อย่างเต็มศักยภาพ

สถานีขนส่งและรถไฟสายเหนือกลับมาเปิดใช้งานได้ตามปกติ

นายจิรายุ เปิดเผยว่า สถานีขนส่งเชียงใหม่ แห่งที่ 2 และ แห่งที่ 3 ได้กลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติแล้ว เช่นเดียวกับ รถไฟสายเหนือเส้นทางกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ ที่สามารถเดินรถได้ตามกำหนด โดยเส้นทางคมนาคมหลักในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่และอำเภอสารภีได้รับการซ่อมแซมและสามารถเปิดใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้การเดินทางและการลำเลียงสินค้ากลับมาสู่สภาพเดิม

การจ่ายน้ำประปาและไฟฟ้าให้ประชาชน

ด้านการจ่ายน้ำประปา นายจิรายุกล่าวว่า การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สาขาเชียงใหม่ ได้เร่งดำเนินการซ่อมแซมสถานีผลิตน้ำป่าตันจนสามารถจ่ายน้ำได้กว่าร้อยละ 97.97 ของผู้ใช้บริการทั้งหมด รวม 136,616 ครัวเรือน ขณะที่ในพื้นที่เชียงรายได้ซ่อมแซมระบบประปาไปแล้ว 337 จุด จากทั้งหมด 423 จุด คิดเป็นร้อยละ 79.7 คาดว่าจะสามารถจ่ายน้ำได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ภายในวันจันทร์นี้

สำหรับการจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่ภาคเหนือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เขต 1 ภาคเหนือ ได้ดำเนินการแก้ไขระบบไฟฟ้าในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย จนสามารถจ่ายไฟได้เกือบทั้งหมด โดยในจังหวัดเชียงใหม่มีบ้านเรือนที่ได้รับไฟฟ้าแล้วร้อยละ 95 เหลือเพียงบางส่วนในอำเภอสารภี ที่ยังคงต้องรอการซ่อมแซมเนื่องจากน้ำยังท่วมขัง ส่วนที่เชียงรายสามารถจ่ายไฟได้ร้อยละ 99.5 เหลือเพียง 300 ครัวเรือนในอำเภอแม่สายที่อยู่ติดลำน้ำสาย ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากน้ำท่วม

 
รัฐมนตรีมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมหนุนเครือข่าย OTOP

ในวันเดียวกันนี้ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธาน ศปช. ส่วนหน้า และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางลงพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามสถานการณ์และมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตาม “โครงการพัฒนาชุมชน รวมใจ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม” ใน 7 อำเภอ รวมถึงมอบ เงินกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์ฯ ให้กับครอบครัวเด็กที่ประสบภัยน้ำท่วม จำนวน 247 ทุน ทุนละ 1,500 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 370,500 บาท

นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ลงพื้นที่เยี่ยมเครือข่าย OTOP และผู้ประกอบการท้องถิ่นในชุมชนเหมืองแดง อำเภอแม่สาย ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมมอบถุงยังชีพและอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านเรือน โดยรัฐมนตรีฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การพัฒนาและสนับสนุนเครือข่าย OTOP จะเป็นแนวทางในการสร้างรายได้ใหม่หลังสถานการณ์น้ำท่วมผ่านพ้นไป”

เร่งฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภค เพื่อคืนความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชาชน

ศปช. ยังมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เร่งฟื้นฟูเส้นทางและสาธารณูปโภคในทุกพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว โดยเน้นการซ่อมแซมระบบประปา ระบบไฟฟ้า และเส้นทางคมนาคมในจุดที่ได้รับผลกระทบหนัก เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานและเพื่อให้การดำเนินชีวิตประจำวันกลับสู่ภาวะปกติ

“เราต้องการให้ประชาชนมั่นใจว่า ศปช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งฟื้นฟูทุกอย่างให้กลับมาสู่สภาพปกติให้เร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคน” นายจิรายุกล่าวทิ้งท้าย

บทสรุป: ศปช. เร่งฟื้นฟูทุกด้าน คืนความปกติให้ประชาชน

ศปช. ยังคงเดินหน้าฟื้นฟูเส้นทางและระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่น้ำท่วม พร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อคืนความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชาชนในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายอย่างครอบคลุมและรวดเร็วที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ชาวป่าแดงร่วมมือเทศบาล ล้างถนนคืนความสะอาดชุมชน

 

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 เวลา 06.00 น. ที่ชุมชนป่าแดง อ.เมือง จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่เทศบาลนครเชียงรายนำโดย นางนัยนา อินทจักร์ รักษาการหัวหน้าสำนักปลัดเทศบาลนครเชียงราย พร้อมทีมงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รับมอบหมายจาก นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ให้ลงพื้นที่ร่วมกับประชาชนชุมชนป่าแดง เพื่อทำความสะอาดถนนและพื้นที่สาธารณะที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

น้ำท่วมทิ้งคราบโคลนและสิ่งปนเปื้อน สร้างความเดือดร้อนให้ชุมชน

จากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งล่าสุด น้ำที่ไหลผ่านชุมชนป่าแดงได้พัดพาเอา ดิน โคลน และเศษซากต่าง ๆ มาทิ้งไว้บนถนน ทำให้เกิดคราบสกปรกจำนวนมาก ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะและมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ การลงพื้นที่ในครั้งนี้จึงมุ่งเน้นไปที่การ ล้างทำความสะอาดถนน ขจัดคราบดินโคลน และกำจัดสิ่งปนเปื้อน เพื่อคืนความสะอาดและความปลอดภัยให้กับประชาชนในชุมชน

การทำความสะอาดร่วมกัน สร้างความสามัคคีในชุมชน

กิจกรรมทำความสะอาดครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การฟื้นฟูสภาพแวดล้อม แต่ยังเป็นการสร้างความสามัคคีและความร่วมมือระหว่าง เจ้าหน้าที่เทศบาลและประชาชนในพื้นที่ โดยมีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ มาร่วมกันทำความสะอาดอย่างขยันขันแข็ง ตั้งแต่การกวาดถนน ฉีดน้ำล้างพื้น และขนย้ายเศษซากที่ปนเปื้อนไปทิ้งในจุดทิ้งขยะที่เตรียมไว้

“การร่วมแรงร่วมใจกันทำความสะอาดในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ถนนในชุมชนกลับมาสะอาดอีกครั้ง แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนบ้านและเจ้าหน้าที่อีกด้วย” นางนัยนา อินทจักร์ กล่าวพร้อมรอยยิ้ม โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการร่วมกันดูแลพื้นที่สาธารณะ เพื่อให้ชุมชนกลับมาเป็นสถานที่ที่น่าอยู่อีกครั้ง

กิจกรรมทำความสะอาด ส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิต

การทำความสะอาดครั้งนี้ยังมีเป้าหมายในการ ลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรค โดยเฉพาะโรคที่อาจมากับน้ำและสิ่งสกปรก เช่น โรคน้ำกัดเท้า โรคผิวหนัง รวมถึงการป้องกันสัตว์มีพิษต่าง ๆ ที่อาจซ่อนตัวในเศษซากดินโคลน ทั้งนี้ ทางเทศบาลได้จัดเตรียม น้ำยาฆ่าเชื้อและน้ำยาดับกลิ่น เพื่อล้างถนนและพื้นที่สาธารณะ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุขและปลอดภัย

เทศบาลนครเชียงรายยืนยัน พร้อมดูแลชุมชนอย่างต่อเนื่อง

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้ออกมายืนยันว่า ทางเทศบาลจะไม่หยุดเพียงแค่การทำความสะอาดถนนในครั้งนี้ แต่ยังมีแผนที่จะฟื้นฟูพื้นที่ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้การสนับสนุนอุปกรณ์ทำความสะอาดและความช่วยเหลือต่าง ๆ แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

“ความปลอดภัยและสุขอนามัยของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เราจึงพร้อมให้การสนับสนุนและอยู่เคียงข้างพี่น้องชาวเชียงรายทุกคนจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ” นายวันชัยกล่าวเสริม พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมแรงร่วมใจกันในครั้งนี้

บทสรุป: คืนความสะอาด สร้างความสามัคคี ชุมชนป่าแดงน่าอยู่

การล้างถนนและทำความสะอาดพื้นที่ในครั้งนี้ไม่เพียงแค่ช่วยให้ชุมชนป่าแดงกลับมาสะอาด แต่ยังส่งเสริมให้ประชาชนเกิดความร่วมมือกันในการดูแลพื้นที่สาธารณะ และสร้างความสามัคคีให้กับชุมชนอีกด้วย ทั้งนี้ทางเทศบาลนครเชียงรายยังคงมีแผนการฟื้นฟูชุมชนและการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ชาวบ้านสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณภาพต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

‘ตุ๊กตาหมีเกย’ วาดหวัง ฟื้นฟู ชูใจ เจียงฮายบ้านเฮา โดย อ.สืบสกุล

 

อาจารย์สืบสกุล กิจนุกร จากสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และผู้ก่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติเชียงราย ได้ริเริ่มโครงการ “หมีเกย วาดหวัง” เพื่อฟื้นฟูจิตใจของผู้ประสบภัยหลังเกิดมหาอุทกภัยในตัวเมืองเชียงราย ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2567 โดยโครงการนี้เริ่มต้นจากการเก็บตุ๊กตาหมีตัวแรกที่ถูกทิ้งไว้ริมขอบกำแพง จากนั้นขยายเป็นการรวบรวมตุ๊กตาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทั้งหมดกว่า 200 ตัวเพื่อนำมาทำความสะอาดและหาวิธีส่งคืนเจ้าของเดิม

 “ผมตระหนักดีว่าจะมีหนทางใดที่ช่วยฟื้นฟูจิตใจผู้สูญเสียให้กลับมามีความหวังอีกครั้ง”
 จากหมีเกยสู่การสร้างความหวัง

ผลงานที่อาจารย์ได้ริเริ่มเป็นท่านแรกนี้ ทางโครงการ “วาดหวัง” จะขอนำไปเสนอในงาน UCCN (UNESCO Creative Cities Network) ที่จัดขึ้น ณ เมืองอาซาฮิกาวะ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 21-25 ตุลาคม 2567 โดยมีเป้าหมายเพื่อแสดงถึงการฟื้นฟูจิตใจและการสร้างความหวังให้กับเด็กๆ และครอบครัวในเชียงรายที่สูญเสียข้าวของสำคัญหลังน้ำท่วม

“ผมจะเล่าผ่านเรื่องราวของตุ๊กตาหมีเกย วาดหวัง ฟื้นฟู ชูใจ เจียงฮาย บ้านเฮา”

อาจารย์สืบสกุลเล่าว่า ตุ๊กตาหลายตัวที่เก็บได้มักอยู่ในสภาพเปื้อนโคลน บางตัวเปรอะเปื้อนจนแทบจำไม่ได้ แต่ทุกครั้งที่ตุ๊กตาได้รับการทำความสะอาดและจัดแสดง ผู้คนที่พบเห็นกลับมีความยินดีและซาบซึ้งกับสิ่งเล็กๆ ที่ถูกสร้างขึ้นจากสิ่งของที่เคยสูญเสีย

พลังของชุมชนและการมีส่วนร่วม
 

นอกจากการเก็บและทำความสะอาดตุ๊กตา โครงการยังมีการเชิญชวนแรงงานข้ามชาติชาวเมียนมาและนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครกว่า 600 คน ช่วยกันล้างบ้านและฟื้นฟูชุมชนในพื้นที่ประสบภัยทั่วเชียงราย รวมถึงช่วยกันจัดเก็บขยะน้ำท่วมกว่า 50,000 ตัน เพื่อให้บ้านและชุมชนกลับมามีสภาพพร้อมใช้งานอีกครั้ง

โครงการนี้ไม่ได้เพียงแต่ให้ความสำคัญกับการคืนสภาพบ้านเรือน แต่ยังเน้นการฟื้นฟูจิตใจและสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่ต้องเผชิญกับการสูญเสียครั้งใหญ่

 ตุ๊กตากลับบ้านและการประมูลเพื่อฟื้นฟูชุมชน
 

โครงการได้กำหนดจัดแสดงตุ๊กตาที่เก็บมาได้ทั้งหมดในงาน “จดหมายเหตุฉบับประชาชน มหาอุทกภัยเชียงราย 2567” ที่ขัวศิลปะ จ.เชียงราย ในวันที่ 19 ตุลาคม 2567 เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าของเดิมมาตามหาตุ๊กตาของตนเอง โดยจะมีการเก็บรักษาและตามหาเจ้าของจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 หากยังมีตุ๊กตาที่ไม่ได้รับการติดต่อกลับ โครงการจะนำตุ๊กตาเหล่านั้นไปประมูลเพื่อนำรายได้เข้าสู่กองทุนฟื้นฟูชุมชนและเมืองเชียงรายต่อไป

อาจารย์สืบสกุลยังกล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการนี้จะไม่หยุดเพียงแค่การฟื้นฟูชุมชนเท่านั้น แต่ยังมีแผนในการพัฒนาความร่วมมือกับกลุ่มศิลปิน นักธุรกิจ และหน่วยงานท้องถิ่นในเชียงราย เพื่อสร้างเครือข่ายการช่วยเหลือและการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต โดยตั้งเป้าหมายให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมและสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“ผมตระหนักดีว่าจะมีหนทางใดที่ช่วยฟื้นฟูจิตใจผู้สูญเสียให้กลับมามีความหวังอีกครั้ง”

อาจารย์สืบสกุลเล่าให้ฟังอีกว่า ทุกวันๆ ที่ออกไปทางานร่วมกับอาสาสมัคร ผมพบว่าประชาชนจ่อมจมอยู่ในความเศร้าโศก ท้อแท้ และสิ้นหวัง เนื่องจากการล้างบ้านเป็นงานหนักและใช้เวลานานหลายวัน อีกทั้งขยะน้าท่วมคือข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจาวัน ตั้งแต่ของชิ้นใหญ่เช่นทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เตียง โซฟา ที่นอนไปจนถึงของชิ้นเล็กๆ เช่น ของเล่น และตุ๊กตาผ้า ข้าวของทั้งหมดที่จมน้าและกองโคลนคือทรัพย์สิน ความรัก และความผูกพันของผู้คน นอกเหนือจากการล้างบ้านแล้ว

 การร่วมมือระดับสากลและแนวทางในอนาคต
 

การนำเสนอ “โครงการวาดหวัง” ในเวที UCCN ณ ประเทศญี่ปุ่น ช่วยให้เชียงรายได้รับการยอมรับในระดับสากลและกลายเป็นเมืองตัวอย่างในการฟื้นฟูจิตใจผู้ประสบภัยหลังภัยพิบัติ โครงการนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากองค์กรท้องถิ่น เช่น Chiang Rai Creative City Network, มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติเชียงราย และกลุ่มศิลปินเชียงราย

อาจารย์สืบสกุลสรุปว่า สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่เพียงแค่การจัดการภัยพิบัติ แต่คือการสร้างขวัญกำลังใจและความหวังให้กลับคืนสู่ผู้ประสบภัย เพราะทุกคนต่างมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูชุมชนและสร้างอนาคตใหม่ให้กับบ้านเกิดของตนเอง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อาจารย์สืบสกุล กิจนุกร สำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ผบ.มทบ.37 มอบเงินช่วยเหลือกำลังพลค่ายเม็งรายฯ หลังประสบอุทกภัยครั้งใหญ่

 

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 น. พลตรี บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 (ผบ.มทบ.37) เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือให้แก่กำลังพลและครอบครัวที่ประสบอุทกภัย ทั้งในและนอกค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย รวมจำนวนทั้งสิ้น 385 ครอบครัว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเสริมสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ โดยงบประมาณดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือกำลังพลที่ประสบภัยในครั้งนี้

สำหรับการมอบเงินช่วยเหลือครั้งนี้ สืบเนื่องจากที่ พลเอก เจริญชัย หินเธาว์ อดีต ผบ.ทบ. ได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนในช่วงเกิดอุทกภัยก่อนหน้านี้ และได้รับทราบถึงความเดือดร้อนของกำลังพลและครอบครัวหลายครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จึงได้จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อนำมาช่วยเหลือและสร้างขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ทหารและครอบครัว

ทั้งนี้ ในวันที่ 2 ตุลาคม 2567 พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกท่านปัจจุบัน ได้รับมอบหมายให้ส่งมอบงบประมาณดังกล่าวให้กับ พลตรี บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน เพื่อดำเนินการแจกจ่ายให้กับกำลังพลที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ค่ายเม็งรายมหาราชและบริเวณใกล้เคียง

การมอบเงินช่วยเหลือในครั้งนี้จัดขึ้นที่อาคารเสนาบันเทิง มณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ และกำลังพลเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน นอกจากการมอบเงินช่วยเหลือแล้ว พลตรี บุญญฤทธิ์ ยังได้กล่าวให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่และครอบครัว พร้อมย้ำให้ทุกคนมีกำลังใจและความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง

“ท่าน พลเอก เจริญชัย ได้ฝากความห่วงใยและความขอบคุณมายังกำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤติ ขอให้ทุกคนรักษาความดีนี้ไว้ และเดินหน้าทำความดีเพื่อสังคมและประเทศชาติ” พลตรี บุญญฤทธิ์ กล่าวระหว่างพิธีมอบเงินช่วยเหลือ

นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำถึงบทบาทของทหารในการเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะในยามที่เกิดภัยพิบัติ ทหารเป็นหนึ่งในหน่วยงานสำคัญที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที ทั้งการช่วยอพยพ การจัดหาอาหาร น้ำดื่ม และการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลด ซึ่งการช่วยเหลือเหล่านี้ต้องอาศัยทั้งแรงกายและแรงใจของกำลังพลทุกคน

ในส่วนของสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ยังมีหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะในเขตอำเภอแม่สาย อำเภอเชียงแสน และอำเภอเวียงป่าเป้า ที่ระดับน้ำยังคงสูงและมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมซ้ำอีกในช่วงนี้ ทางมณฑลทหารบกที่ 37 จึงได้จัดกำลังพลพร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากการให้ความช่วยเหลือด้านเงินสนับสนุนแล้ว พลตรี บุญญฤทธิ์ ยังได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานในค่ายเม็งรายมหาราช เตรียมความพร้อมด้านแผนการป้องกันน้ำท่วม รวมถึงการเตรียมความพร้อมของกำลังพลในการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีการประสานงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นและภาคเอกชนในพื้นที่ เพื่อให้ความช่วยเหลือสามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว

ทั้งนี้ การมอบเงินช่วยเหลือในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับกำลังพลที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังเป็นการแสดงถึงความห่วงใยจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่มีต่อกำลังพลทุกนาย และเป็นกำลังใจสำคัญให้กับครอบครัวทหารในการฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่หลังจากประสบภัยพิบัติครั้งนี้

ท้ายที่สุด พลตรี บุญญฤทธิ์ ได้ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือกำลังพลและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ และย้ำว่าจะเดินหน้าปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้จังหวัดเชียงรายและพื้นที่โดยรอบกลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มณฑลทหารบกที่ 37

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลนครเชียงรายจัด Big Cleaning ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำท่วม คืนความสุขชุมชน

 

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เทศบาลนครเชียงรายได้จัดกิจกรรม “Big Cleaning” เพื่อฟื้นฟูเมืองเชียงรายและคืนความสุขให้กับประชาชน หลังประสบปัญหาน้ำท่วมและฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของตัวเมือง โดยกิจกรรมนี้จัดขึ้นภายใต้การนำของ นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ซึ่งมอบหมายให้ ดร.ปรีชา อนุรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครเชียงราย เข้าร่วมปฏิบัติการทำความสะอาดครั้งใหญ่ ร่วมกับพระอาจารย์เอกชัย สิริญาโณ เจ้าอาวาสวัดใหม่ศรีร่มเย็น ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย และจิตอาสาชาวเชียงรายจำนวนมาก

กิจกรรมครั้งนี้เริ่มต้นจากบริเวณสี่แยกสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย ยาวไปจนถึงขัวพญามังราย ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญของตัวเมือง โดยมีการแบ่งหน้าที่การทำความสะอาดในแต่ละจุด เพื่อให้ทุกพื้นที่ได้รับการปรับปรุงและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ ทีมงานและจิตอาสาได้ช่วยกันเก็บกวาดขยะ ฉีดล้างทำความสะอาดพื้นถนน ตัดแต่งกิ่งไม้ รวมถึงจัดการสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ที่เกิดจากน้ำท่วมขัง ทำให้สภาพถนนและพื้นที่สาธารณะกลับมาสะอาดและน่าใช้งานอีกครั้ง

พระอาจารย์เอกชัย สิริญาโณ ซึ่งได้ร่วมลงพื้นที่ทำความสะอาดด้วยตนเอง ได้กล่าวให้กำลังใจผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคน พร้อมทั้งย้ำถึงความสำคัญของการมีจิตสาธารณะและการร่วมมือร่วมใจของคนในชุมชนเพื่อฟื้นฟูเมืองให้กลับมาสวยงามเช่นเดิม พระอาจารย์ยังได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่ทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อให้ชุมชนกลับมาเป็นระเบียบเรียบร้อยในเวลาอันรวดเร็ว

ดร.ปรีชา อนุรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย เปิดเผยว่า หลังจากเกิดน้ำท่วมหนักในพื้นที่เมืองเชียงราย หลายพื้นที่ได้รับความเสียหาย ทั้งถนน ตรอกซอกซอย และพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ การจัดกิจกรรม “Big Cleaning” ในครั้งนี้ จึงมีเป้าหมายหลักเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย และทำให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอย่างรวดเร็วที่สุด โดยนอกจากการทำความสะอาดถนนและสถานที่สาธารณะแล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลชุมชนและร่วมกันรักษาความสะอาดของพื้นที่สาธารณะอย่างต่อเนื่อง

ในระหว่างการดำเนินกิจกรรม เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บกวาดขยะ เศษดิน โคลน และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ตกค้างจากการเกิดน้ำท่วม พร้อมทั้งมีการติดตั้งป้ายแจ้งเตือนประชาชนเกี่ยวกับจุดเสี่ยงน้ำท่วมในพื้นที่ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์น้ำท่วมในอนาคต กิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งครั้งนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการจัดหารถฉีดน้ำแรงดันสูง เครื่องมือทำความสะอาด และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครบถ้วน

ดร.ปรีชา อนุรักษ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “เทศบาลนครเชียงรายมีความตั้งใจที่จะทำให้เมืองเชียงรายกลับมามีสภาพแวดล้อมที่ดีเหมือนเดิม และขอขอบคุณประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ ถือเป็นการแสดงพลังความสามัคคีที่ดีของชุมชนเชียงราย เพราะนอกจากจะเป็นการทำความสะอาดและฟื้นฟูพื้นที่แล้ว ยังเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบให้สามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน”

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาจังหวัดเชียงรายเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมในหลายอำเภอ เนื่องจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำในแม่น้ำสายหลักและคลองย่อยเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดน้ำเอ่อท่วมบ้านเรือน พื้นที่เกษตรกรรม และโครงสร้างพื้นฐานในหลายจุด ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง การฟื้นฟูสภาพแวดล้อมจึงมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อให้ชุมชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

กิจกรรม “Big Cleaning” ในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญของเทศบาลนครเชียงรายที่มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาดและปลอดภัยให้กับชุมชน โดยทางเทศบาลได้วางแผนจัดกิจกรรมทำความสะอาดและฟื้นฟูในพื้นที่อื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ในตัวเมืองเชียงราย แต่รวมถึงเขตชุมชนใกล้เคียงด้วย

เทศบาลยังได้ประกาศเชิญชวนประชาชนทุกคนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลและรักษาพื้นที่สาธารณะในชุมชนของตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เมืองเชียงรายมีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น โดยขอให้ติดตามประกาศกิจกรรมครั้งต่อไปจากทางเทศบาลนครเชียงรายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย และมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับเมืองเชียงรายร่วมกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

หอการค้าฯ ชี้น้ำท่วม เสียหายกว่า 3 หมื่นล้านบาท “เชียงราย” หนักสุด

 

เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในปัจจุบันขยายวงกว้างไปยัง 33 จังหวัดทั้งทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่ว่าจะเป็น เชียงราย พะเยา สุโขทัย หนองคาย นครพนม พิจิตร สกลนคร พิษณุโลก และอุดรธานี เป็นต้น จากมวลน้ำที่ไหลผ่านเข้าสู่ภาคกลางประกอบกับแนวโน้มที่ฝนจะตกเพิ่มต่อเนื่องอีกระลอก ทำให้หลายจังหวัดยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดน้ำท่วม

โดยเฉพาะปริมาณฝนที่คาดว่าจะมีการตกหลังเขื่อนในช่วงเดือนต.ค.ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมเพิ่มเติมได้ ดังนั้น ทุกภาคส่วนยังจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์น้ำต่อไปอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน รัฐบาลควรเร่งจัดทำแผนเชิงป้องกันไว้ล่วงหน้าที่ชัดเจนก็จะช่วยลดผลกระทบและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนและเศรษฐกิจได้มาก

โดยหอการค้าไทยและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินมูลค่าความเสียหายแล้ว ประมาณ 29,845 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 0.17% ของ GDP (ข้อมูล ณ 28 ก.ย. 67) ซึ่งภาพรวมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมรวมทั้งสิ้นประมาณ 3 ล้านไร่ โดยแบ่งเป็นพื้นที่การเกษตร 1,166,992 ไร่ และพื้นที่อื่นๆ 1,826,812 ไร่

ทั้งนี้ จากการประเมิน พบว่า ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมีมูลค่าความเสียหายรวมถึง 24,553 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 82.3% ของความเสียหายทั้งหมด รองลงมาเป็นภาคบริการ เสียหาย 5,121 ล้านบาท

ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมเสียหายราว 171 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับความเสียหายในภาคเศรษฐกิจอื่นๆ เนื่องจากมีการเตรียมการรับมือกับสถานการณ์น้ำได้ดี สำหรับจังหวัดที่ได้รับผลกระทบและมูลค่าความเสียหายมากที่สุด 3 อันดับ ได้แก่ เชียงราย มีมูลค่าความเสียหายรวม 6,412 ล้านบาท รองลงมาคือ พะเยา 3,292 ล้านบาท สุโขทัย 3,042 ล้านบาท

นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งที่เกิดขึ้นถี่และขยายวงกว้างมากขึ้น อีกทั้งยังสร้างผลกระทบโดยตรงต่อผลผลิตของภาคการเกษตรที่เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ขณะที่รัฐบาลต้องใช้งบประมาณในการบรรเทาความเสียหายและเยียวยาประชาชนในส่วนนี้กว่าปีละแสนล้านบาท

ดังนั้น หอการค้าฯ จึงเห็นว่าประเทศไทยควรมีการทบทวนและวางแผนการบริหารจัดการน้ำเป็นระบบ โดยได้จัดทำข้อเสนอทั้งเชิงนโยบายด้านโครงสร้างพื้นฐานและแนวทางการบริหารจัดการน้ำ (Infrastructure and Water Management) รวมถึงข้อเสนอเชิงสนับสนุน เช่น ศึกษา ปัญหาอุปสรรคด้านการบริหารจัดการน้ำในส่วนภูมิภาค เพื่อสะท้อนแนวทางแก้ไขปัญหาเชิงพื้นที่อย่างครอบคลุม

การจัดตั้ง War Room ของรัฐบาลเพื่อสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงการเปิดโอกาสให้เอกชนร่วมลงทุนกับรัฐในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำ แนวทางการเติมน้ำใต้ดิน เพื่อเป็นการบริหารจัดการน้ำในช่วงขาดแคลน รวมทั้งแนวทางอนุรักษ์น้ำรองรับการอุปโภค บริโภค และการใช้เชิงพาณิชย์ อย่างยั่งยืน

นายอธิป พีชานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาเครือข่ายสมาคมการค้า กล่าวว่า  ได้ระดมความช่วยเหลือ ทั้งเงินสนับสนุน สิ่งของอุปโภค-บริโภค ยา-เวชภัณฑ์ อาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงอุปกรณ์ในการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่ได้รับความเสียหาย มูลค่ารวมกว่า 5.7 ล้านบาท เพื่อนำความช่วยเหลือไปยังจังหวัดที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นการเร่งด่วน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FOOD

Triple C คาเฟ่ริมน้ำกกเชียงราย พร้อมสู้ครั้งใหม่ หลังน้ำท่วมใหญ่

 

คาเฟ่ใต้ต้นฉำฉายักษ์ ริมแม่น้ำกก กับ Triple C Campsite & Cafe ฟื้นตัวหลังน้ำท่วมหนัก

เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้ลงพื้นที่สำรวจร้าน Triple C Campsite & Cafe (ทริปเปิ้ล ซี แคมป์ไซต์ แอนด์ คาเฟ่) คาเฟ่บรรยากาศดี ริมแม่น้ำกกในตัวเมืองเชียงราย ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำท่วมเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567

คาเฟ่แห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่แสนสงบร่มรื่น มีสนามเด็กเล่น บ่อทรายขนาดเล็ก และพื้นที่กว้างขวางที่เหมาะกับครอบครัวและเด็กๆ นอกจากนี้ยังมีวิวแม่น้ำกกที่สวยงามและบรรยากาศสดชื่น แต่ด้วยสถานการณ์น้ำกกล้นตลิ่งจากฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน ส่งผลให้ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเข้าท่วมพื้นที่คาเฟ่

 

ทางทีมข่าวได้พูดคุยกับ คุณฟ้า เจ้าของร้าน Triple C Campsite & Cafe เธอเล่าให้ฟังว่า “น้ำเริ่มเข้ามาตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน คืนนั้นเทศบาลมีการเปิดไซเรนเตือนภัย แต่ตอนนั้นระดับน้ำยังดูไม่น่ากลัวมากนัก วันนั้นเป็นวันหยุดของร้านพอดีเลยไม่มีพนักงานช่วยขนของ ฉันเองก็ท้องแก่ เลยทำอะไรไม่ค่อยได้ ทำได้แค่พาแมว 9 ตัว กับกระต่าย 2 ตัวออกมาเท่านั้น”

คุณฟ้าเล่าต่อว่า ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในคืนนั้น น้ำบนถนนหน้าร้านท่วมถึงอก ส่วนในร้านน้ำสูงประมาณต้นขา แม้ว่าร้านจะยกพื้นสูงกว่าถนน แต่ก็ยังไม่พ้นที่จะได้รับความเสียหาย เครื่องใช้ไฟฟ้าเกือบทั้งหมดในร้านเสียหาย รวมถึงเปียโนอายุกว่า 100 ปี และรถคลาสสิคอย่าง Land Rover และ Ford Transit ก็จมไปครึ่งคัน มูลค่าความเสียหายโดยประมาณอยู่ที่ 400,000-500,000 บาท

 

หลังน้ำลดลง ร้านก็เริ่มทำการฟื้นฟูพื้นที่และสวนทันที คุณฟ้าเล่าให้ฟังเพิ่มเติมว่า “วันนี้ (25 กันยายน 2567) เราเริ่มลงสวนใหม่แล้วค่ะ เพราะอยากเปิดร้านให้เร็วที่สุด เราคาดว่าวันที่ 27 กันยายน 2567 จะทดลองเปิดขายเฉพาะเครื่องดื่ม และเปิดให้นั่งได้ในโซนภายในอาคาร ส่วนโซนนอกอาคารและสวนจะต้องใช้เวลาอีกนิด แต่เราหวังว่าจะพร้อมให้บริการเต็มรูปแบบในวันที่ 15 ตุลาคม 2567 โดยจะมีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม เค้ก และเบเกอรี่เหมือนเดิม”

นอกจากการฟื้นฟูร้าน Triple C Campsite & Cafe ยังได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือชุมชนที่ประสบภัยด้วยการบริจาคอุปกรณ์ทำความสะอาดให้กับชาวบ้าน คุณฟ้ากล่าวว่า “ครั้งนี้หนักมากค่ะ หลายๆ ร้านในเชียงรายก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน หวังว่าช่วงหน้าไฮซีซั่นที่กำลังจะมาถึงจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและค้าขายในพื้นที่ได้บ้าง”

 

ร้าน Triple C Campsite & Cafe เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 09:00-17:00 น. โดยจะหยุดทุกวันพุธ ยกเว้นวันพุธที่ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ ร้านตั้งอยู่ใกล้สะพานขัวพญามังราย หากเดินทางจากแยก สภ.เมืองเชียงราย มุ่งหน้าสู่ตลาดบ้านใหม่ ให้ลงสะพานขัวพญามังรายแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยบ้านใหม่ ซอย 21 ขับเข้ามาตามป้ายร้าน

คุณฟ้าทิ้งท้ายด้วยความหวังว่า “ตอนนี้กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายและสภาพเศรษฐกิจหลังจากนี้ค่ะ เพราะก่อนน้ำท่วมหลายร้านในเชียงรายก็เงียบอยู่แล้ว หวังว่าการฟื้นตัวของร้านจะกลับมาได้ไวๆ และขอเชิญชวนลูกค้าทุกท่านแวะมาพักผ่อนที่ร้านของเรา เมื่อเรากลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งค่ะ”

 

การเดินทางมายังร้าน Triple C Campsite & Cafe

  • ร้านใกล้สะพานขัวพญามังราย, ซอยบ้านใหม่ 21, เชียงราย
  • พิกัด : https://g.co/kgs/4vPhzZT 
  • เปิดบริการ: ทุกวัน 09:00-17:00 น. (หยุดวันพุธ)
  • เบอร์โทรศัพท์: 091-594-6669

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News