Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กองทัพภาค 3 พัฒนาแหล่งน้ำ! แก้ภัยแล้ง-น้ำท่วม ป่าแดด

แม่ทัพภาค 3 ลุยป่าแดด! แก้ภัยแล้ง-น้ำท่วม สร้างความมั่นคง

เชียงราย, 25 กุมภาพันธ์ 2568 – แม่ทัพภาคที่ 3 ลงพื้นที่ติดตามโครงการปรับปรุงแหล่งน้ำใน อ.ป่าแดด

พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้า “โครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ” ณ พื้นที่สาธารณะประโยชน์ หลงช้างตาย อำเภอป่าแดด จังหวัดเชียงราย โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างกองทัพบกและมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งมุ่งแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนตามแนวคิดที่ให้ชุมชนมีส่วนร่วม โดยคำนึงถึงลักษณะภูมิสังคมและความต้องการที่แท้จริงของประชาชนในพื้นที่

ประชาชนมีน้ำเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคและการเกษตร

โครงการดังกล่าวเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2559 และได้แสดงผลสำเร็จที่ชัดเจนในการลดปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเขตภาคเหนือของไทย ซึ่งในอดีตเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมและการขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง การดำเนินงานเน้นการพัฒนาระบบน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ประชาชนมีน้ำเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคและการเกษตร โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งที่มักสร้างความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกร

ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำ

สำหรับปีงบประมาณ 2567 กองทัพภาคที่ 3 ได้รับมอบหมายให้ดูแลโครงการปรับปรุงแหล่งน้ำใน 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย 9 โครงการ, จังหวัดพะเยา 4 โครงการ, จังหวัดลำพูน 2 โครงการ, จังหวัดขอนแก่น 6 โครงการ และจังหวัดชัยภูมิ 10 โครงการ รวมทั้งสิ้น 31 โครงการ การดำเนินงานเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 และมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2568 โดยมีการขุดดินทั้งหมด 3,058,018 ลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้ประชาชน 18,436 ครัวเรือน และพื้นที่เกษตรกรรม 1,507,515 ไร่ ได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม โครงการนี้ไม่เพียงช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำ แต่ยังเพิ่มความมั่นคงในชีวิตและรายได้ให้แก่ชุมชนเกษตรกรในระยะยาว

หน่วยทหารช่าง

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ตรวจสอบการทำงานของหน่วยทหารช่าง ซึ่งกองทัพภาคที่ 3 ได้มอบหมายให้หน่วยต่าง ๆ เข้าร่วมปฏิบัติงาน ประกอบด้วย กองพลพัฒนาที่ 3, กรมทหารช่างที่ 3, กองพันทหารช่างที่ 302 กรมทหารช่างที่ 3, กองพันทหารช่างที่ 4 กองพลทหารราบที่ 4 และกองพันทหารช่างที่ 8 กองพลทหารม้าที่ 1 หน่วยเหล่านี้ได้จัดกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้าปรับปรุงแหล่งน้ำอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้โครงการแล้วเสร็จตามกำหนดและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

การตอบรับอย่างดีจากชุมชน

นอกจากการติดตามความคืบหน้าโครงการแล้ว พลโท กิตติพงษ์ ยังได้มอบถุงยังชีพที่มีเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ประชาชนในพื้นที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในชีวิตประจำวัน พร้อมมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับโรงเรียนในชุมชน เพื่อส่งเสริมการออกกำลังกายและพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนในท้องถิ่น อีกทั้งยังได้เยี่ยมชมและให้กำลังใจแก่กำลังพลจากหน่วยทหารที่จัดตั้งจุดบริการเคลื่อนที่ในพื้นที่ โดยมีทั้งการซ่อมรถยนต์, เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง, บริการตัดผม และการให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชน ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากชุมชน


ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยกระดับคุณภาพชีวิต

อำเภอป่าแดด จังหวัดเชียงราย เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เผชิญปัญหาการจัดการน้ำมาอย่างยาวนาน เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มสลับกับเนินเขา และมีแม่น้ำพุงไหลผ่าน ซึ่งในอดีตมักเกิดน้ำท่วมในฤดูฝนและขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง โครงการปรับปรุงแหล่งน้ำในครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรที่ต้องพึ่งพาน้ำในการเพาะปลูกพืชผล เช่น ข้าว, ข้าวโพด, ถั่วลิสง และลำไย ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของพื้นที่


มุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงด้านน้ำและเศรษฐกิจฐานราก

การดำเนินงานของกองทัพภาคที่ 3 และมูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ ถือเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและชุมชนในการแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงด้านน้ำและเศรษฐกิจฐานรากให้แก่ประชาชนในเขตชนบท ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาท้องถิ่นและการเกษตรอย่างทั่วถึง

ในระหว่างการลงพื้นที่ แม่ทัพภาคที่ 3 ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลและรักษาแหล่งน้ำที่ได้รับการปรับปรุง เพื่อให้เกิดประโยชน์ในระยะยาว พร้อมทั้งยืนยันว่ากองทัพบกจะยังคงเดินหน้าสนับสนุนโครงการที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลที่มักถูกละเลยจากการพัฒนาในอดีต

โครงการนี้ยังสะท้อนถึงความพยายามในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำฝนและความถี่ของภัยพิบัติในประเทศไทย โดยการฟื้นฟูแหล่งน้ำจะช่วยเพิ่มความสามารถในการกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน และกระจายน้ำไปยังพื้นที่เกษตรในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรับมือกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต

สถิติที่เกี่ยวข้อง:

  • จากรายงานของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ปี 2567 พบว่า พื้นที่เกษตรกรรมในจังหวัดเชียงรายได้รับผลกระทบจากภัยแล้งเฉลี่ย 20-30% ของพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในอำเภอป่าแดดที่มีประชากรราว 6,494 คน (ข้อมูลจากเทศบาลตำบลป่าแดด ปี 2561) และพึ่งพาการเกษตรเป็นหลัก
  • ข้อมูลจากมูลนิธิอุทกพัฒน์ฯ ระบุว่า โครงการปรับปรุงแหล่งน้ำตั้งแต่ปี 2559 ได้ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำกักเก็บทั่วประเทศกว่า 150 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งผลดีต่อครัวเรือนกว่า 500,000 ครัวเรือน (ที่มา: รายงานประจำปี 2566 มูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

‘อัครา’ เปิดไฟฟ้าส่องสว่าง บ้านผาลั้ง พัฒนาชุมชนบนพื้นที่สูง

บ้านผาลั้งได้ไฟฟ้าแล้ว! ฉลอง 70 ปีแห่งการรอคอย รมช.เกษตรฯ นำความเจริญสู่ชุมชนบนพื้นที่สูง

ไฟฟ้าส่องสว่างสร้างโอกาส พัฒนาการศึกษา-เศรษฐกิจ หนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นควบคู่เทคโนโลยี

เชียงราย, 22 กุมภาพันธ์ 2568บ้านผาลั้ง หมู่ที่ 4 ตำบลห้วยชมภู อำเภอเมืองเชียงราย ฉลองครั้งใหญ่ในรอบ 70 ปี หลังได้รับการขยายเขตการใช้ไฟฟ้าเข้าสู่พื้นที่สำเร็จ โดยมี นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงานเฉลิมฉลอง ณ ลานอเนกประสงค์บ้านผาลั้ง พร้อมเน้นย้ำถึง การบูรณาการเทคโนโลยีและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่สูง

ในงานดังกล่าวมี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และชาวบ้านในพื้นที่เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของบ้านผาลั้งที่รอคอยไฟฟ้ามานานกว่า 7 ทศวรรษ

ไฟฟ้า: จุดประกายความหวังใหม่ให้บ้านผาลั้ง

นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า โครงการขยายเขตไฟฟ้าเข้าสู่บ้านผาลั้งครั้งนี้ เป็นมากกว่าการติดตั้งเสาไฟฟ้าและเดินสายส่ง แต่ถือเป็น การนำพาความหวัง โอกาส และความก้าวหน้ามาสู่ชุมชน โดยเฉพาะใน 3 ด้านสำคัญ ได้แก่

  • การศึกษา – ไฟฟ้าจะช่วยให้เด็กและเยาวชนมีโอกาสทางการศึกษาที่ดียิ่งขึ้น สามารถเรียนออนไลน์ เข้าถึงข้อมูลสารสนเทศ และเปิดโลกการเรียนรู้ให้กว้างขึ้น
  • เศรษฐกิจและอาชีพ – การมีไฟฟ้าจะช่วย เพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ เช่น การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร การพัฒนาหัตถกรรม และการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีที่ช่วยให้การทำเกษตรกรรมมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • สุขภาพและคุณภาพชีวิต – ไฟฟ้าจะช่วยให้ชุมชนมีน้ำสะอาดผ่านระบบสูบน้ำ มีไฟส่องสว่างในเวลากลางคืน ลดอุบัติเหตุ และช่วยให้บริการสาธารณสุขทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

“ไฟฟ้าไม่ใช่แค่แสงสว่าง แต่เป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนาและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ผมเชื่อว่า ไฟฟ้าจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้บ้านผาลั้งเติบโตอย่างยั่งยืน และช่วยให้พี่น้องชาวผาลั้งก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง” นายอัครากล่าว

ภูมิปัญญาท้องถิ่น + นวัตกรรม = ทางรอดของเศรษฐกิจบ้านผาลั้ง

นายอัครา ยังกล่าวถึงความสำคัญของการ ผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน

“บ้านผาลั้งเป็นแหล่งวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์และมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ภูมิปัญญาท้องถิ่นของพี่น้องชาวบ้านผาลั้ง คือสมบัติล้ำค่าที่สามารถพัฒนาให้กลายเป็นจุดแข็งทางเศรษฐกิจ เราต้องนำเทคโนโลยีมาช่วยให้ผลิตภัณฑ์และบริการมีคุณภาพดีขึ้น ขยายตลาดได้กว้างขึ้น และสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชุมชน”

ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่สามารถใช้ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มศักยภาพ ได้แก่:

  • เกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) – ใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติสำหรับการให้น้ำและปุ๋ย
  • การแปรรูปผลผลิต – เช่น การทำชา กาแฟ หรือผลิตภัณฑ์แปรรูปจากพืชท้องถิ่น
  • งานหัตถกรรมและของที่ระลึก – เช่น ผ้าทอพื้นเมือง เครื่องจักสาน และผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่

“ผมขอชื่นชมในความเข้มแข็งของพี่น้องชาวผาลั้ง ที่สามารถรักษาและสืบทอดภูมิปัญญาอันดีงามของบรรพบุรุษไว้ ผมเชื่อมั่นว่า หากเราผสมผสานภูมิปัญญากับเทคโนโลยีอย่างถูกต้อง บ้านผาลั้งจะสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดได้แน่นอน” รมช.เกษตรฯ กล่าว

บ้านผาลั้งเติบโตอย่างยั่งยืน: กระทรวงเกษตรฯ พร้อมให้การสนับสนุน

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) มีแผนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนบ้านผาลั้งในระยะยาว โดยเน้น 3 แนวทางหลัก ได้แก่

1️.ส่งเสริมอาชีพและพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน

  • พัฒนาระบบตลาดสินค้าเกษตร
  • สนับสนุนเงินทุนและองค์ความรู้ด้านการประกอบอาชีพ
  • สนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์

2.พัฒนาสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน

  • ขยายโครงข่ายไฟฟ้าและระบบน้ำประปาภูเขา
  • สนับสนุนการพัฒนาถนนและเส้นทางคมนาคม
  • พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการท่องเที่ยว

3.เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน

  • อบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากร
  • สนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์เซลล์
  • พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรภายนอกเพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ

สรุป

  • บ้านผาลั้งได้ไฟฟ้าแล้วหลังรอคอยกว่า 70 ปี
  • รมช.เกษตรฯ เปิดงานเฉลิมฉลองและเน้นย้ำความสำคัญของไฟฟ้าต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต
  • ไฟฟ้าช่วยเปิดโอกาสใหม่ด้านการศึกษา อาชีพ และสุขภาพของชุมชน
  • รัฐบาลส่งเสริมการผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจบ้านผาลั้ง
  • กระทรวงเกษตรฯ พร้อมสนับสนุนอาชีพ สาธารณูปโภค และความเข้มแข็งของชุมชนในระยะยาว

โครงการขยายไฟฟ้าสู่บ้านผาลั้ง ถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาพื้นที่สูง และเป็นตัวอย่างของความสำเร็จในการนำ พลังงานและเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งจะช่วยให้ชุมชนเติบโตอย่างยั่งยืนและมีอนาคตที่มั่นคงมากขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ทักษิณชูการเมืองท้องถิ่นฟื้นเศรษฐกิจเชียงราย ดึงพลังเพื่อไทยสู้ปี 2568

นายทักษิณปราศรัยเชียงราย ย้ำความสำคัญของการเมืองท้องถิ่น ฟื้นเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตประชาชน

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้ลงพื้นที่ปราศรัยช่วยหาเสียงในจังหวัดเชียงราย โดยมีประชาชนให้การต้อนรับอย่างล้นหลาม บรรยากาศที่สนามบินแม่ฟ้าหลวงเต็มไปด้วยผู้สนับสนุนที่สวมใส่เสื้อแดง ร่วมแสดงความยินดีและฟังการปราศรัยอย่างคึกคัก

เวทีปราศรัยแน่น 3 จุด

นายทักษิณขึ้นปราศรัยที่โรงเรียนปล้องวิทยาคม อำเภอเทิง, โรงเรียนห้วยซ้อวิทยาคม อำเภอเชียงของ และโรงเรียนแม่จันวิทยาคม อำเภอแม่จัน โดยมีประชาชนจากหลายพื้นที่มาร่วมรับฟังนับหมื่นคน นายทักษิณกล่าวถึงเหตุผลที่มาช่วยหาเสียงครั้งนี้ว่า ตนคิดถึงประชาชนชาวเชียงรายหลังไม่ได้พบปะกันกว่า 20 ปี อีกทั้งยังต้องการสนับสนุนนายยงยุทธ ติยะไพรัช น้องรักที่ร่วมสร้างพรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่ต้น และเพื่อสนับสนุนพรรคเพื่อไทยที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของตน เป็นนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค

ย้ำการเมืองท้องถิ่นสำคัญต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

นายทักษิณกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมองว่าการเมืองท้องถิ่นเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะสถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้มี ส.ส. มากกว่า 200 คนเหมือนในอดีต และระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ชนบทจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูโดยด่วน พร้อมระบุว่า หากเศรษฐกิจในต่างจังหวัดฟื้นตัว กรุงเทพฯ จะได้รับผลดีไปด้วย

นอกจากนี้ นายทักษิณยังเผยว่า เศรษฐกิจในปัจจุบันทรุดหนัก แต่เขามั่นใจว่าสามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาไม่นาน หากมีการบริหารจัดการที่ดี เน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และกระตุ้นเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ

ความคาดหวังจากการบริหารรัฐบาลเพื่อไทย

นายทักษิณกล่าวถึงการลดค่าไฟฟ้าให้เหลือ 3.70 บาทต่อหน่วยภายในปีนี้ รวมถึงการลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์ ค่าปุ๋ย และยารักษาโรคเพื่อช่วยประชาชน นอกจากนี้ยังชี้แจงว่ารัฐบาลเพื่อไทยกำลังเร่งดำเนินการปราบปรามยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการผูกขาดทางเศรษฐกิจ เพื่อช่วยให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ประชาชนขอให้นายทักษิณกลับมาเป็นนายกฯ

ในช่วงหนึ่งของการปราศรัย มีประชาชนตะโกนขอให้นายทักษิณกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่เขากล่าวว่า ตนแก่แล้วและขอสนับสนุนลูกสาวแทน พร้อมระบุว่าเคยมีทรัพย์สินมากถึง 60,000 ล้านบาท แต่หลังจากเผชิญปัญหาทางการเมือง ทำให้ทรัพย์สินลดลงจนเทียบเท่าประชาชนในเชียงราย

มุ่งหน้าสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์

นายทักษิณกล่าวถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยเฉพาะการพัฒนาคนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจใหม่ เช่น การผลักดันคนไทยไปเป็นนางแบบระดับโลก หรือการสนับสนุนบุคลากรที่มีความสามารถในด้านต่าง ๆ ผ่านการฝึกฝนและส่งเสริมศักยภาพ

สรุป

นายทักษิณ ชินวัตร แสดงจุดยืนสนับสนุนการเมืองท้องถิ่น พรรคเพื่อไทย และการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในทุกด้าน พร้อมให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะทำงานอย่างหนักเพื่อแก้ไขปัญหาที่สะสมมาหลายปี และสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับคนไทยทุกคน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ / เพจสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล สร้างสุขพัฒนาชุมชนป่าอ้อดอนชัย

ชาวบ้านตำบลป่าอ้อดอนชัยร่วมทอดผ้าป่าขยะ สร้างรายได้พัฒนาชุมชนและทุนการศึกษา

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ชาวบ้านจาก 21 หมู่บ้านในตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม “ทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล” โดยนำขยะรีไซเคิล เช่น ขวดน้ำพลาสติก กระป๋องอลูมิเนียม กระดาษ และลังเปล่า มาประดับตกแต่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง หรือรถซาเล้ง ให้สวยงาม ก่อนเคลื่อนขบวนกว่า 30 คันไปตามถนนสายต่าง ๆ ในชุมชน

หลังจากการเคลื่อนขบวน ชาวบ้านได้นำขยะรีไซเคิลทั้งหมดไปบริจาคที่ วัดสันมะนะ หมู่ 8 ตำบลป่าอ้อดอนชัย เพื่อร่วมทอดผ้าป่า และนำเงินที่ได้ไปพัฒนาชุมชน สนับสนุนทุนการศึกษา และช่วยเหลือผู้ยากไร้ รวมถึงผู้ป่วยติดเตียง โดยมี พระครูพินิตวิหารการ เจ้าอาวาสวัดสันมะนะ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และได้รับเกียรติจาก นายสุรฬ์พลฎ์ ดุรงคชยาอนุรักษ์ นายกเทศมนตรีตำบลป่าอ้อดอนชัย นายสุฐาน อ้ายขอดแก้ว กำนันตำบลป่าอ้อดอนชัย รวมถึงผู้นำท้องถิ่นและประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมกิจกรรม

พระครูพินิตวิหารการ กล่าวว่า โครงการธนาคารขยะของวัดสันมะนะดำเนินการมาแล้วกว่า 6 ปี โดยเชิญชวนชาวบ้านเก็บขยะในชุมชนมาร่วมแลกเป็นสิ่งของ หรือเงินปัจจัย เพื่อกระตุ้นให้เกิดความสามัคคีและสร้างรายได้ให้ชุมชน ขยะที่นำมาแลกจะถูกนำไปรีไซเคิล และรายได้จากกิจกรรมนี้นำไปพัฒนาวัด ชุมชน และสนับสนุนทุนการศึกษา ซึ่งในแต่ละปีสามารถสร้างรายได้ให้ชุมชนกว่า 100,000 บาท

ในปีนี้ การทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิลได้รับการสนับสนุนจาก ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย โดย นายมนตรี แก้วสอาด ผู้จัดการแผนก Facility Management พร้อมทีมผู้บริหารและพนักงานจิตอาสา ได้ร่วมกิจกรรมทอดผ้าป่าขยะครั้งนี้ด้วย โดยบริจาคเงินสมทบทุนจำนวน 5,000 บาท และขยะรีไซเคิล เช่น ขวดพลาสติกน้ำหนัก 55 กิโลกรัม

รายได้จากการทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิลครั้งนี้ จะถูกแบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ ได้แก่ สนับสนุน กองทุนหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลป่าอ้อดอนชัย สำหรับออกหน่วยเยี่ยมผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง และจัดสรรเป็นทุนการศึกษาให้เยาวชนในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมการศึกษาและความเป็นอยู่ที่ดีในระยะยาว

โครงการทอดผ้าป่าขยะรีไซเคิล ครั้งที่ 7 ประจำปี 2567 ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากชาวบ้านและภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ทำให้กิจกรรมนี้ไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะในชุมชน แต่ยังสร้างรายได้และความสามัคคีในชุมชน รวมถึงสร้างจิตสำนึกการรักษาสิ่งแวดล้อม และเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ชุมชนอื่น ๆ ที่สนใจนำไปปรับใช้ต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

องคมนตรีติดตามโครงการพัฒนาเกษตรบ้านธารทอง เชียงราย

องคมนตรีลงพื้นที่โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงบ้านธารทอง จ.เชียงราย ติดตามผลการดำเนินงาน

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานของ โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ตามพระราชดำริ บ้านธารทอง ตำบลแม่เงิน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, นายคฑสิทธิ์ เนื่องหล้า นายอำเภอเชียงแสน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ และผู้นำท้องถิ่นให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

ในโอกาสนี้ องคมนตรีได้อัญเชิญสิ่งของพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 89 ถุง มอบแก่ราษฎรบ้านธารทองและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมเยี่ยมชมผลผลิตและผลิตภัณฑ์จากโครงการ ซึ่งสะท้อนความสำเร็จของการพัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่โครงการ

ประวัติและความสำคัญของโครงการ

โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง บ้านธารทอง เกิดขึ้นตามพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2546 พระองค์ทรงเล็งเห็นถึงปัญหาการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติสบกกฝั่งขวา ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่ถูกทำลายจากการจับจองที่ทำกินโดยกลุ่มชาติพันธุ์

ด้วยพระกรุณาธิคุณ ทางราชการได้ดำเนินการอพยพกลุ่มราษฎรจากบ้านขุนน้ำคำมาสู่พื้นที่บ้านธารทอง และจัดตั้งสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงครอบคลุมพื้นที่กว่า 11,000 ไร่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ

  1. หยุดการทำลายป่า
  2. สร้างแหล่งจ้างงาน
  3. ผลิตอาหารปลอดภัย
  4. ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเกษตรที่ยั่งยืน

โครงการยังมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้สามารถอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างสมดุล และต่อยอดให้พื้นที่นี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในอนาคต

การติดตามและสนับสนุนกิจกรรม

นอกจากการมอบถุงพระราชทาน องคมนตรีและคณะยังเดินทางไปยังฐานปฏิบัติการบ้านธารทอง กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 327 เพื่อมอบถุงพระราชทานแก่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง จำนวน 45 ถุง พร้อมรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานในพื้นที่

โครงการนี้ได้สร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลผลิตเกษตร การสร้างรายได้อย่างยั่งยืน และการจัดระเบียบชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ นอกจากนี้ยังช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ลดปัญหาการบุกรุกป่าไม้ และเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน

ความสำเร็จและก้าวต่อไป

ผลผลิตจากโครงการ เช่น พืชผักปลอดสารพิษ ผลไม้เมืองหนาว และผลิตภัณฑ์แปรรูป ต่างได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพและความปลอดภัย โครงการยังคงมุ่งพัฒนาเพื่อเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านเกษตรกรรม และขยายผลสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สะท้อนวิถีชีวิตชุมชนอย่างยั่งยืน

การลงพื้นที่ขององคมนตรีครั้งนี้ตอกย้ำความสำเร็จของโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง บ้านธารทอง ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นต้นแบบของการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามแนวพระราชดำริ

ที่ตั้งโครงการ

โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง บ้านธารทอง
ตำบลแม่เงิน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

ประชาชนสามารถเยี่ยมชมและเรียนรู้การทำเกษตรที่ยั่งยืนได้ในพื้นที่ พร้อมสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติที่งดงามในเขตป่าสงวนแห่งชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เปิดอาคารเรียนฟัรดูอีน มัสยิดดอยวาวี เชียงราย เสริมศาสนาและชุมชน

การเปิดอาคารละหมาดหญิงและอาคารเรียนฟัรดูอีนฯ ณ มัสยิดอัฏฏออะห์ สร้างความสามัคคีและส่งเสริมการศึกษาในชุมชน

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.30 น. อาจารย์อรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารละหมาดหญิงและอาคารเรียนฟัรดูอีน ณ มัสยิดอัฏฏออะห์ ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย โดยมีการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชุมชนและบุคคลสำคัญมากมายที่มาร่วมงานในครั้งนี้

ภายในงานยังมีการร่วมพิธีเปิดโดย Mr. ALI k.m.c. chang (อาลี เค.เอ็ม.ซี. ชาง) ประธานคณะกรรมการอิสลามแห่งไต้หวัน พร้อมด้วยอาจารย์ประสาน ศรีเจริญ นายกสมาคมคุรุสัมพันธ์อิสลามแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ พลตำรวจตรีสุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย รวมถึงผู้แทนจากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายดำรงค์ศักดิ์ ยอดทองดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายสมจิต มุณีกร รองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดเชียงราย

เป้าหมายของการเปิดอาคารใหม่และการส่งเสริมการศึกษา

อาจารย์อรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี ได้กล่าวในพิธีเปิดว่า การสร้างอาคารละหมาดและอาคารเรียนฟัรดูอีนนี้ มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจในหลักศาสนาอิสลามแก่เยาวชนมุสลิมในพื้นที่ นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีและการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในชุมชนหลากหลายวัฒนธรรม โดยเฉพาะบนดอยวาวีซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทั้งชาติพันธุ์และศาสนา

จุฬาราชมนตรียังกล่าวชื่นชมการอยู่ร่วมกันของพี่น้องมุสลิมและคนไทยในพื้นที่เชียงราย ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงความเคารพซึ่งกันและกันอย่างเต็มเปี่ยม ทั้งนี้ถือเป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างสังคมพหุวัฒนธรรมที่ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ

การสนับสนุนจากภาครัฐและต่างประเทศ

ในพิธีเปิดครั้งนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวว่า การพัฒนาอาคารใหม่เพื่อการศึกษาและการละหมาดนี้ ได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ องค์กรศาสนา รวมถึงความร่วมมือจากหน่วยงานต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน ที่ได้ให้การสนับสนุนการพัฒนาศาสนาและวัฒนธรรมในประเทศไทย

Mr. ALI k.m.c. chang ได้กล่าวถึงการให้ความสำคัญของประเทศไทยต่อพี่น้องมุสลิม โดยชื่นชมการบริหารจัดการของประเทศไทยที่เปิดโอกาสให้ทุกศาสนาได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นความโชคดีของชาวมุสลิมไทยที่มีสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนศาสนาและวัฒนธรรมของตนเอง

การเสวนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

นอกจากพิธีเปิดอาคารใหม่แล้ว ยังมีการเสวนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างคณะกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทยและผู้เข้าร่วมงาน เกี่ยวกับแนวทางในการพัฒนาชุมชนมุสลิมในเชียงรายให้ยั่งยืน การพัฒนาด้านการศึกษาและการส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ทั้งนี้เพื่อให้ชุมชนมุสลิมในพื้นที่สามารถพัฒนาและเติบโตได้อย่างมั่นคง

สร้างอนาคตที่ดีผ่านการศึกษาและศาสนา

การเปิดอาคารเรียนฟัรดูอีนฯ และอาคารละหมาดหญิงในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการส่งเสริมการศึกษาและการพัฒนาทักษะให้แก่เยาวชนในพื้นที่ โดยเน้นให้เยาวชนมุสลิมมีโอกาสในการศึกษาและเรียนรู้ศาสนาอิสลาม รวมถึงการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนอย่างต่อเนื่อง

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวสรุปในงานว่า การเปิดอาคารใหม่ครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในสังคมพหุวัฒนธรรม

การเปิดอาคารละหมาดหญิงและอาคารเรียนฟัรดูอีนฯ ณ มัสยิดอัฏฏออะห์ในครั้งนี้ จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนมุสลิมในเชียงราย ทั้งด้านศาสนา การศึกษา และการพัฒนาที่ยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนังานวัฒนธรรมเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย ผลักดันแพทย์แผนไทย เสริมพลังชุมชนด้วยสมุนไพร

นายก อบจ.เชียงราย ร่วมบรรยายสัมมนาปาฐกถาชีวกโกมารภัจจ์ ครั้งที่ 8 ส่งเสริมแพทย์แผนไทยเพื่อพัฒนาท้องถิ่น

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ณ วิทยาลัยการแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย มีการจัดกิจกรรมสัมมนาปาฐกถาชีวกโกมารภัจจ์ ครั้งที่ 8 เนื่องในวันสถาปนาวิทยาลัยครบรอบ 22 ปี โดยมี นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.) และ ศาสตราจารย์คลินิก ดร.นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ “บทบาทของแพทย์แผนไทยในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล”

ส่งเสริมการบูรณาการแพทย์แผนไทยและการศึกษา

ในงานสัมมนาครั้งนี้ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการระหว่าง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่ได้โอนย้ายมาอยู่ภายใต้การดูแลของ อบจ.เชียงราย โดยปัจจุบันยังประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะ แพทย์แผนไทย ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพของชุมชน

นางอทิตาธร กล่าวว่า หากมีการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในการผลิตบุคลากรด้านการแพทย์พื้นบ้าน และสนับสนุนให้นักศึกษาที่จบการศึกษาได้กลับมาทำงานในบ้านเกิด จะช่วยส่งเสริมให้เกิดความรู้สึกรักถิ่นฐานและพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

การส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพรเพื่อการแพทย์

นอกจากการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์แล้ว นายก อบจ.เชียงราย ยังมีแนวคิดในการ ส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ปลูกพืชสมุนไพร เพื่อใช้ในทางการแพทย์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน โดยมีการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้ได้มาตรฐาน เพื่อให้สามารถเข้าสู่ตลาดโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

เปิดรับสมัครแพทย์แผนไทยระดับปฏิบัติการ

เพื่อตอบสนองต่อความต้องการบุคลากรทางการแพทย์ อบจ.เชียงราย ได้เปิดรับสมัครคัดเลือกตำแหน่ง แพทย์แผนไทยระดับปฏิบัติการ โดยไม่จำเป็นต้องสอบแข่งขัน ผู้ที่สนใจสามารถยื่นใบสมัครได้ด้วยตนเองตั้งแต่วันที่ 13 – 19 พฤศจิกายน 2567 ที่กองการเจ้าหน้าที่ ชั้น 3 อบจ.เชียงราย ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 053-175-352 ในวันและเวลาราชการ

ความร่วมมือในการส่งเสริมการแพทย์และเศรษฐกิจชุมชน

การสัมมนาครั้งนี้ยังได้พูดถึงการสนับสนุนให้ชุมชนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาสินค้าชุมชน โดยการปลูกพืชสมุนไพรจะไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ แต่ยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับจังหวัด ทำให้สินค้าท้องถิ่นของเชียงรายสามารถแข่งขันในตลาดสากลได้อย่างเต็มศักยภาพ

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. การสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้นเนื่องในโอกาสอะไร?
    จัดขึ้นเนื่องในวันสถาปนาวิทยาลัยการแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ครบรอบ 22 ปี

  2. เป้าหมายของการบูรณาการแพทย์แผนไทยกับการศึกษาในเชียงรายคืออะไร?
    เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์และสนับสนุนให้นักศึกษาที่จบการศึกษากลับมาทำงานในบ้านเกิด

  3. อบจ.เชียงรายมีแนวทางการพัฒนาชุมชนอย่างไร?
    ส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพรทางการแพทย์และตรวจสอบคุณภาพเพื่อให้สินค้าสามารถเข้าสู่ตลาดโลก

  4. เปิดรับสมัครตำแหน่งแพทย์แผนไทยเมื่อไหร่?
    ตั้งแต่วันที่ 13 – 19 พฤศจิกายน 2567 ที่กองการเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย

  5. ใครเป็นผู้บรรยายในงานสัมมนาครั้งนี้?
    นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย และ ศาสตราจารย์คลินิก ดร.นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายประชุมใหญ่ฟื้นฟูเศรษฐกิจ เตรียมแผนรับมือน้ำท่วม-พัฒนาชุมชน

เชียงรายขับเคลื่อนแผนฟื้นฟูระยะที่ 2 เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยและเศรษฐกิจท้องถิ่น

เชียงราย – เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567 จังหวัดเชียงรายได้จัดการประชุมคณะกรมการจังหวัดฯ ครั้งที่ 10/2567 ณ ห้องประชุมจอมกิตติ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย เพื่อรับทราบผลการดำเนินงานและแผนปฏิบัติการสำหรับการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย ระยะที่ 2 โดยมี นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุม

สรุปผลการดำเนินงานด้านต่าง ๆ

ในการประชุมครั้งนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจได้ร่วมกันรับชมสรุปรายงานผลการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ในรอบเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา เช่น สำนักงานคลังจังหวัดเชียงรายที่สรุปผลการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2567 และแนวทางการดำเนินงานเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2568 ส่วนสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงรายได้รายงานภาวะการค้าชายแดนและการค้าข้ามแดนในเดือนตุลาคมเช่นกัน

ความร่วมมือด้านสุขภาพและการท่องเที่ยว

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายร่วมกับสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงรายได้เตรียมจัดหน่วยแพทย์และพยาบาลในโครงการ “เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 โดยมีจุดปล่อยตัวนักวิ่ง ณ สวนตุงและโคมนครเชียงราย

นอกจากนี้ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เชียงราย ยังเตรียมจัดกิจกรรม “เหนือพร้อมเที่ยว เชียงรายพร้อมแอ่ว” เพื่อเปิดโครงการ “แอ่วเหนือคนละครึ่ง” ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ที่อุทยานไร่แม่ฟ้าหลวง

แผนฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยในระยะที่ 2: 3 ยุทธศาสตร์ 7 กลยุทธ์

จังหวัดเชียงรายได้ขับเคลื่อนแผนฟื้นฟูและเยียวยาพื้นที่ประสบอุทกภัยในระยะที่ 2 โดยแบ่งเป็น 3 ยุทธศาสตร์ 7 กลยุทธ์ ดังนี้:

  1. ยุทธศาสตร์การฟื้นฟูความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน

    • กลยุทธ์ที่ 1: การจัดระเบียบสังคม ปราบปรามอบายมุข และผู้มีอิทธิพล
    • กลยุทธ์ที่ 2: การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด
  2. ยุทธศาสตร์ฟื้นฟูเศรษฐกิจและดึงดูดนักท่องเที่ยว

    • กลยุทธ์ที่ 1: การสร้างอาชีพเพิ่มรายได้ให้ประชาชน
    • กลยุทธ์ที่ 2: ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
    • กลยุทธ์ที่ 3: จัดหาน้ำอุปโภคและบริโภคให้ทั่วถึง
  3. ยุทธศาสตร์ติดตามและเยียวยาความเสียหายจากอุทกภัย

    • กลยุทธ์ที่ 1: เร่งรัดการชดเชยและฟื้นฟูผู้ประสบภัย
    • กลยุทธ์ที่ 2: ติดตามการชดเชยความเสียหายของบ้านที่ถูกทำลายบางส่วนหรือทั้งหมด

การประชุมครั้งนี้สรุปผลและวางแนวทางการพัฒนาที่เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ประชาชนจังหวัดเชียงรายมีความปลอดภัยและได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม ทั้งด้านเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News