Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายเลือกตั้งคึกคัก 2 ทีมใหญ่ชิงนายกเทศมนตรี

สนามเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงรายคึกคัก! เปิดรับสมัครวันแรกสองทีมใหญ่ลงชิงชัย

เชียงราย, 31 มีนาคม 2568 – บรรยากาศที่สำนักงานเทศบาลนครเชียงรายเต็มไปด้วยความคึกคัก ในวันแรกของการเปิดรับสมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) ทั้ง 4 เขต รวม 24 คน โดยมีผู้สมัครเดินทางมาเตรียมพร้อมรอสมัครตั้งแต่เช้าก่อนเวลาเปิดรับสมัครในเวลา 08.30 น.

สองทีมใหญ่เปิดศึกชิงตำแหน่ง

การเลือกตั้งในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีสองทีมหลักที่ประกาศลงสมัครแข่งขัน ได้แก่ ทีมของ นายวันชัย จงสุทธานามณี อดีตนายกเทศมนตรีนครเชียงราย และ ทีมของ พรรคประชาชน นำโดย นายศราวุธ สุตะวงค์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ซึ่งต่างก็ประกาศเจตนารมณ์ในการพัฒนาเชียงรายอย่างเต็มที่

การจับสลากหมายเลขสมัคร

เมื่อถึงเวลาเปิดรับสมัคร ทั้งสองทีมไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องหมายเลขสมัคร ทำให้ พ.จ.อ.อัษฎางค์ วิเศษวงศ์ษา ปลัดเทศบาลนครเชียงราย ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้ง ต้องให้มีการจับสลากเพื่อกำหนดหมายเลขสมัคร ผลการจับสลากปรากฏว่า

  • นายศราวุธ สุตะวงค์ จากพรรคประชาชน จับได้ หมายเลข 1 ท่ามกลางเสียงเฮจากกองเชียร์ที่มาร่วมให้กำลังใจ
  • นายวันชัย จงสุทธานามณี ได้รับ หมายเลข 2 พร้อมทีมสมาชิกสภาเทศบาลที่ได้รับหมายเลข 7-12
  • ขณะที่ ทีมของพรรคประชาชน ทีมสมาชิกสภาเทศบาลได้รับหมายเลข 1-6 ตามลำดับ

นโยบายและวิสัยทัศน์ของผู้สมัคร

นายวันชัย จงสุทธานามณี ระบุว่า เขามุ่งเน้นการสานต่อโครงการพัฒนาเมืองเชียงรายที่ได้ริเริ่มไว้ในช่วงดำรงตำแหน่งก่อนหน้านี้ โดยมีเป้าหมายในการสร้างรายได้เสริมให้กับประชาชน เพิ่มโครงสร้างพื้นฐาน และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นจุดเด่นของจังหวัดเชียงราย

นายศราวุธ สุตะวงค์ จากพรรคประชาชน ชูนโยบาย “4 เสาหลัก” ในการพัฒนาเชียงราย ประกอบด้วย:

  1. เศรษฐกิจดี – ส่งเสริมการค้าขายให้มีความต่อเนื่องตลอดทั้งปี
  2. เชียงรายปลอดภัย – สร้างความมั่นคงในด้านชีวิต ความเป็นอยู่ และการลงทุน
  3. สุขภาวะที่ดี – ประชาชนทุกกลุ่มวัยสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพ
  4. เชียงรายเมืองเดินได้ – ปรับปรุงโครงสร้างเมืองให้เอื้อต่อการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยว

บรรยากาศการเลือกตั้ง

กองเชียร์ของทั้งสองทีมต่างส่งเสียงเชียร์ มอบพวงมาลัยและดอกกุหลาบแดงให้กำลังใจผู้สมัครของตนอย่างคึกคัก ขณะที่เจ้าหน้าที่เทศบาลนครเชียงรายได้อำนวยความสะดวกให้กับผู้สมัครและประชาชนที่เดินทางมาร่วมให้กำลังใจอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง

จากการสำรวจข้อมูลการเลือกตั้งท้องถิ่นในประเทศไทย พบว่าในช่วงปี 2565-2567 มีอัตราการใช้สิทธิ์เลือกตั้งเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 65-70% โดยเฉพาะการเลือกตั้งในเขตเมืองที่มีการแข่งขันสูงมักมีผู้มาใช้สิทธิ์มากขึ้น การเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงรายในครั้งนี้ คาดการณ์ว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิ์อย่างคึกคัก เนื่องจากมีผู้สมัครที่มีชื่อเสียงและมีฐานเสียงสนับสนุนอย่างแข็งแกร่ง

ทัศนคติและความคิดเห็นที่แตกต่าง

  • ฝ่ายสนับสนุนทีมวันชัย จงสุทธานามณี เชื่อว่าการมีผู้นำที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการบริหารเมืองจะสามารถสานต่อโครงการที่มีอยู่และพัฒนาเมืองเชียงรายให้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
  • ฝ่ายสนับสนุนทีมศราวุธ สุตะวงค์ มองว่าการเปลี่ยนแปลงผู้นำและแนวทางการบริหารใหม่จะทำให้เกิดการพัฒนาที่หลากหลายและสามารถแก้ไขปัญหาที่ยังคงค้างคาอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับประชาชนในการเลือกผู้นำที่มีความสามารถ และพร้อมที่จะทำงานเพื่อประโยชน์สูงสุดของชุมชน การเลือกตั้งในครั้งนี้จะมีขึ้นในวันที่ 30 เมษายน 2568 ขอเชิญชวนประชาชนชาวเชียงรายออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงเพื่อกำหนดอนาคตของเมืองเชียงรายต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
  • สำนักงานเทศบาลนครเชียงราย
  • รายงานข่าวจากสื่อท้องถิ่นและสำนักข่าวหลัก
  • ข้อมูลการสำรวจจากศูนย์วิจัยการเลือกตั้งแห่งประเทศไทย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

เชียงรายรอเยียวยาผู้นำฝ่ายค้าน ทวงเงินรัฐ

เชียงรายเร่งรับมือน้ำท่วมปี 2568 ฝ่ายค้านลงพื้นที่ติดตามแผนฟื้นฟู-ทวงเงินเยียวยาประชาชน

ติดตามแผนรับมืออุทกภัยและฟื้นฟูพื้นที่ชายแดน

เชียงราย, 14 มีนาคม 2568 – คณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมด้วย นายชิตวัน ชินอนุวัฒน์, นางสาวจุฬาลักษณ์ ขันสุธรรม, นายฐากูร ยะแสง, นางสาวสิริลภัส กองตระการ, นายเจษฎา ดนตรีเสนาะ, นายปารมี ไวจงเจริญ, และนายกรุณพล เทียนสุวรรณ ลงพื้นที่ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามแผนรับมือน้ำท่วมปี 2568 และแนวทางการฟื้นฟูพื้นที่หลังเหตุการณ์อุทกภัยใหญ่ในปี 2567

แผนป้องกันน้ำท่วมแม่สายและแนวทางขุดลอกลุ่มน้ำ

นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย รายงานต่อคณะผู้แทนเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ โดยระบุว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดน้ำท่วมซ้ำซากมาจาก ลำน้ำตื้นเขิน, สิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำชายแดน และปริมาณฝนที่ตกหนักเกินค่าเฉลี่ย ทำให้ต้องมีการขุดลอกลำน้ำสายและลำน้ำรวกอย่างต่อเนื่อง

ความร่วมมือไทย-เมียนมาในการขุดลอกลำน้ำสาย

ปัจจุบัน ฝ่ายเมียนมา ได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำแผ่นดินไปแล้ว 20 จุด ส่วนไทยรื้อถอนไปแล้ว 7 จุด และอยู่ระหว่างรอการอนุมัติงบประมาณขุดลอกแม่น้ำสายจากรัฐบาลเมียนมา คาดว่าจะได้รับอนุมัติในเดือนเมษายน 2568 ขณะที่ ฝ่ายไทย ได้จัดสรรงบประมาณ 70 ล้านบาท สำหรับขุดลอกลำน้ำรวก ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการขออนุมัติจากสำนักงบประมาณ

ปัญหาเหมืองแร่และผลกระทบต่ออุทกภัย

นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย ชี้ว่า การทำเหมืองแร่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลำน้ำตื้นเขิน เนื่องจากการขุดเหมืองส่งผลให้ตะกอนดินไหลลงสู่ลำน้ำ และทำให้ต้องมีการขุดลอกแม่น้ำทุกปีเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วม หากไม่มีการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด ปัญหาน้ำท่วมก็จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปัญหาการเยียวยาผู้ประสบภัย: เงินยังไม่ถึงมือประชาชน

นางสาวจุฬาลักษณ์ ขันสุธรรม สส. เชียงราย พรรคประชาชน ตั้งคำถามเกี่ยวกับ เงินเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งยังคงล่าช้าอยู่ในกระบวนการของรัฐบาล โดยงบประมาณการฟื้นฟูที่ เทศบาลและอำเภอเชียงรายเสนอจำนวน 134 ล้านบาท ต้องรอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งทำให้การจ่ายเงินช่วยเหลือล่าช้าและประชาชนเดือดร้อน

ขณะเดียวกัน เกษตรกรในพื้นที่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 197 ล้านบาท สำหรับการฟื้นฟูพื้นที่เพาะปลูกที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

ขาดระบบเตือนภัยลำน้ำกกและแนวทางพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย รายงานว่าระบบเตือนภัยในพื้นที่ ยังไม่ครอบคลุม โดยแม่น้ำกกมีต้นน้ำมาจากเมียนมาและไหลผ่านเมืองเชียงราย ซึ่งปัจจุบันใช้ สถานีวัดระดับน้ำโทรมาตรเพียง 2 แห่ง ได้แก่ที่ อำเภอเมืองเชียงราย และบ้านท่าตอน ซึ่งยังไม่เพียงพอในการคาดการณ์และแจ้งเตือนภัยน้ำท่วม

ทาง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) ได้วางแผน ติดตั้งสถานีวัดระดับน้ำเพิ่มเติม 4 จุด และอยู่ระหว่างขออนุมัติงบประมาณเพื่อเสริมสร้างระบบเตือนภัยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

แผนขุดลอกลำน้ำและพัฒนาโครงสร้างป้องกันน้ำท่วม

กรมชลประทานเชียงราย รายงานว่า ได้มีการศึกษาแนวทางระบายน้ำ 2 แนวทาง เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ ได้แก่:

  1. แนวทางที่ 1 ขุดลอกแม่น้ำกกและทำทางระบายน้ำอ้อมสนามบิน ลงสู่แม่น้ำกกตอนปลาย
  2. แนวทางที่ 2 ขุดลอกแม่น้ำกกให้ไหลผ่านฝั่งขวาของเมืองเชียงรายไปยังถนนบายพาส เพื่อลดความเสี่ยงของการท่วมตัวเมือง

นอกจากนี้ อำเภอแม่สาย มีแผนขุดลอกลำน้ำความยาว 2,800 เมตร ร่วมกับกรมการทหารช่างและรัฐบาลเมียนมา เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อนเข้าฤดูฝน

ความท้าทายในการแก้ปัญหา: มีแผนแต่ขาดงบประมาณ

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ระบุว่า จังหวัดมีแผนรับมืออุทกภัยอย่างชัดเจนในทุกพื้นที่ แต่ปัญหาหลักคือ ขาดงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล ทำให้โครงการสำคัญหลายโครงการไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทางด้าน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่าปัญหาสำคัญคือระบบการจัดสรรงบประมาณที่ รวมศูนย์อยู่ที่รัฐบาลกลาง ซึ่งทำให้กระบวนการอนุมัติล่าช้า พรรคประชาชนจึงเสนอให้มีการกระจายอำนาจการบริหารงบประมาณไปยังจังหวัดมากขึ้น เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดและทันท่วงที

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • พื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในเชียงรายปี 2567: มากกว่า 35,000 ครัวเรือน
  • งบประมาณที่ต้องการใช้ในการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย: 134 ล้านบาท
  • จำนวนครัวเรือนที่รอรับเงินเยียวยา 9,000 บาทต่อครัวเรือน: 35,000 ครัวเรือน
  • แผนขุดลอกแม่น้ำกกและลำน้ำสายที่ต้องใช้ภายในปี 2568: กว่า 3,500 เมตร

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย / กรมชลประทาน / สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

พรรคประชาชน คิกออฟ “อบจ.ลำพูน” เปิดเวที “ทาวน์ฮอลล์”

ลำพูนเปิดทาวน์ฮอลล์! ฟังความเห็นชาวบ้าน พัฒนาเมือง

ลำพูน, 16 กุมภาพันธ์ 2568 – พรรคประชาชนเดินหน้าสานต่อแผนพัฒนาลำพูน ด้วยการจัดงาน “หละปูนเมือง หละปูนม่วน จวนกั๋นสร้าง” ทาวน์ฮอลล์รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน เพื่อกำหนดแนวทางพัฒนาจังหวัดให้เติบโตอย่างยั่งยืน งานจัดขึ้นที่โรงแรมแกรนด์ปา อำเภอเมืองลำพูน นำโดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และวีระเดช ภู่พิสิฐ ว่าที่นายก อบจ.ลำพูน มีประชาชนจากทั่วจังหวัดเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

รับฟังปัญหาประชาชนผ่านทาวน์ฮอลล์

ณัฐพงษ์กล่าวขอบคุณชาวลำพูนที่ไว้วางใจให้พรรคประชาชนเข้ามาบริหารจังหวัด และให้คำมั่นว่าการบริหาร อบจ. จะเน้นการพัฒนาที่ตอบโจทย์ประชาชน โดยแม้ลำพูนจะมีงบประมาณจำกัดเพียง 550 ล้านบาทต่อปี อบจ.สามารถดำเนินนโยบายที่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อคุณภาพชีวิต เช่น

  • การสร้างสนามกีฬากลางจังหวัด เป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับประชาชนทุกวัย
  • พัฒนาระบบ telemedicine หรือ “หมอตู้” เพื่อช่วยให้พื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์
  • ยกระดับคุณภาพน้ำประปา เพื่อให้ประชาชนมีน้ำสะอาดใช้เพียงพอ
  • ปรับปรุงคุณภาพโรงเรียน อบจ. ให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมในจังหวัด
  • พัฒนาระบบรับเรื่องร้องเรียนออนไลน์และ e-service เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ประชาชน

แนวคิด “เดิน 3 จริง” ของว่าที่นายก อบจ.

วีระเดชกล่าวว่า การสร้างลำพูนให้น่าอยู่ไม่สามารถทำได้โดยลำพังคนเดียว จึงต้องอาศัยแนวทาง “เดิน 3 จริง” ได้แก่

  1. ประชาชนจริง – รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนโดยตรง
  2. พื้นที่จริง – ลงพื้นที่สำรวจปัญหาในสถานที่จริง
  3. สถานการณ์จริง – วิเคราะห์ปัญหาจากสถานการณ์จริง ไม่มีการสร้างภาพ

“ผมจะไม่ทำงานในห้องแอร์เพียงอย่างเดียว แต่จะลงพื้นที่พบประชาชนในสถานการณ์จริง ไม่มีพิธีรีตองหรือการจัดฉาก เพื่อให้การแก้ปัญหามีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างตรงจุด” วีระเดชกล่าว

เกมประชาบุรี: ประชาชนร่วมออกแบบงบประมาณ

หนึ่งในกิจกรรมสำคัญของงานคือ ประชาบุรี” เกมจำลองการตัดสินใจใช้งบประมาณ 77 ล้านบาทของ อบจ.ลำพูน โดยประชาชนสามารถเลือกแนวทางการพัฒนาจังหวัดในด้านต่าง ๆ เช่น:

  • การสร้างระบบขนส่งมวลชนที่ทั่วถึง
  • การเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
  • การพัฒนาโรงเรียนและคุณภาพการศึกษา
  • การส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • การสร้างลานกีฬาและพื้นที่กิจกรรมกลางแจ้ง
  • การเพิ่มบริการ e-service บนเว็บไซต์ อบจ.

นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งกลุ่มระดมสมองในประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตประชาชน ได้แก่:

  1. ระบบขนส่งมวลชนที่ทั่วถึงทั้งจังหวัด
  2. การศึกษาและการพัฒนาโรงเรียน
  3. ระบบสาธารณสุข และการดูแลผู้สูงอายุ
  4. การรับมือกับภัยพิบัติ ไฟป่า น้ำท่วม น้ำแล้ง และ PM2.5
  5. การพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า และการส่งเสริมการท่องเที่ยว
  6. การเกษตรก้าวหน้าและการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร

แนวทางพัฒนาลำพูนที่ประชาชนต้องการ

ผลการระดมสมองชี้ให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับ การพัฒนาเศรษฐกิจและการค้า เป็นลำดับแรก รองลงมาคือ การพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เนื่องจากลำพูนมีประชากรสูงวัยจำนวนมาก และหลายพื้นที่อยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาล ทำให้มีความต้องการ telemedicine เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ง่ายขึ้น

สรุป

พรรคประชาชนตั้งเป้าพัฒนา ลำพูนให้เป็นจังหวัดต้นแบบ ผ่านการบริหารที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และมีส่วนร่วมจากประชาชน ด้วยหลัก เดิน 3 จริง” และมาตรการพัฒนาเมืองที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มคน หากดำเนินโครงการเหล่านี้ได้สำเร็จ ลำพูนจะเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า อบจ.ที่มีประสิทธิภาพสามารถพลิกโฉมจังหวัดให้เจริญก้าวหน้าได้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : พรรคประชาชน – People’s Party

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News