Categories
SOCIETY & POLITICS

ไทย-ลาว จับมือแน่น ปราบแก๊งคอลฯ-ยาเสพติด

ไทย-ลาวกระชับความร่วมมือ ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์-ยาเสพติด พร้อมขยายการค้าสู่ 11,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2027

เชียงราย, 20 กุมภาพันธ์ 2568 – นายกรัฐมนตรีไทยและลาวเห็นพ้องขยายความร่วมมือด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในโอกาสเฉลิมฉลอง 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต พร้อมตั้งเป้าขยายการค้าทวิภาคีแตะ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2027

ผู้นำไทย-ลาวหารือ ย้ำกระชับความสัมพันธ์ในทุกมิติ

วันนี้ (20 กุมภาพันธ์ 2568) เวลา 10.15 น. ณ สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ให้การต้อนรับนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ

ภายหลังตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ นายกรัฐมนตรีทั้งสองเดินเข้าสู่ตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อหารือเบื้องต้นและลงนามในสมุดเยี่ยม ก่อนเข้าหารืออย่างเป็นทางการ ณ ตึกภักดีบดินทร์ โดยมีคณะรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศเข้าร่วม

ความมั่นคงชายแดน: จับมือสกัดอาชญากรรมข้ามชาติ

หนึ่งในประเด็นหลักของการหารือคือความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติด และการค้ามนุษย์

ปราบปรามยาเสพติดร่วมกัน

ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องว่าจำเป็นต้องเร่งปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดบริเวณชายแดน โดยไทยเสนอแนวทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรอง การขยายผลการสืบสวน และการสนับสนุนโครงการชุมชนปลอดยาเสพติดผ่านการปลูกพืชทดแทน

กวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ไทยและลาวต่างให้ความสำคัญกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชนทั้งสองประเทศ โดยไทยเสนอให้ลาวแต่งตั้งหน่วยงานหลักเพื่อทำงานร่วมกับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นายกรัฐมนตรีไทยชื่นชมปฏิบัติการของทางการลาวในการกวาดล้างขบวนการหลอกลวงทางออนไลน์ในแขวงบ่อแก้วเมื่อปีที่ผ่านมา และเสนอแนวทางการป้องกันการใช้ทรัพยากรของทั้งสองประเทศในทางที่ผิด

ปัญหาหมอกควันข้ามแดน: เร่งขยายความร่วมมือแก้ไขไฟป่า

ผู้นำไทย-ลาวเห็นพ้องว่าปัญหาหมอกควันข้ามแดนต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยนายกรัฐมนตรีลาวชื่นชมไทยที่สนับสนุนอุปกรณ์ตรวจสอบจุดความร้อน ส่งผลให้จำนวนจุดความร้อนและระดับหมอกควันในพื้นที่ลดลง

ไทยเสนอให้มีการตั้งห้องปฏิบัติการติดตามสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันร่วมกัน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีจาก GISTDA ของไทยในการตรวจวัดคุณภาพอากาศและแจ้งเตือนล่วงหน้า

เป้าหมายการค้าทวิภาคี 11,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2027

ขยายโอกาสทางการค้าและโลจิสติกส์

ไทยและลาวตั้งเป้าขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันจาก 8,000 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบันเป็น 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2027 โดยเน้นย้ำการพัฒนาเส้นทางคมนาคมและลดอุปสรรคทางการค้า

นายกรัฐมนตรีไทยขอบคุณลาวที่ช่วยแก้ปัญหาการขนส่งสินค้าเกษตร โดยเฉพาะผลไม้ ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ขณะที่นายกรัฐมนตรีลาวย้ำความร่วมมือในการลดปัญหาการเผาในภาคเกษตรที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม

โลจิสติกส์: เชื่อมไทย-ลาว-จีน เสริมเศรษฐกิจภูมิภาค

นายกรัฐมนตรีลาวยินดีกับความคืบหน้าการก่อสร้าง สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) ซึ่งจะมีการเชื่อมกึ่งกลางสะพานเร็ว ๆ นี้ และคาดว่าจะเปิดใช้งานปลายปีนี้

ไทยยังเสนอแนวทางพัฒนาเส้นทางโลจิสติกส์สู่จีน โดยสนับสนุนการสร้างสะพานรถไฟแห่งใหม่ที่ หนองคาย-เวียงจันทน์ เพื่อรองรับปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น

ความร่วมมือด้านประชาชนและการศึกษา

ไทยและลาวร่วมเปิดตัวตราสัญลักษณ์เฉลิมฉลอง 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต และประกาศโครงการมอบ ทุนการศึกษา 75 ทุน ให้กับนักศึกษา สปป.ลาว เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของทั้งสองประเทศ

ความร่วมมือในระดับภูมิภาค

ไทยยินดีที่ลาวประสบความสำเร็จในการดำรงตำแหน่ง ประธานอาเซียน เมื่อปีที่แล้ว และเชิญนายกรัฐมนตรีลาวเข้าร่วม ประชุมสุดยอดความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC Summit) ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพปลายปีนี้

สรุป: ไทย-ลาวเดินหน้าความร่วมมือระยะยาว

การหารือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ไทย-ลาว ทั้งในด้านความมั่นคง การค้า สิ่งแวดล้อม และการศึกษา เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้รับประโยชน์สูงสุด และร่วมกันก้าวไปสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

นายกฯ สั่งปราบยาเสพติดระดมตรวจฉี่กลุ่มเสี่ยง-เด็ก 16 ขึ้น ปีไปทั่วประเทศ

 

เมื่อวันที่ 2 ก.ค.2567 ที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบนโยบายการบูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดระยะเร่งด่วน

 

โดยมีนายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายจักรพงษ์ แสงมณี รมต.ประจำสำนักนายกฯ หัวหน้าส่วนราชการ และนักศึกษาใหม่ภาคปกติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เข้ารับฟังนโยบาย

 

นายกฯ กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่ง ว่า การแก้ปัญหายาเสพติด ถือเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งตั้งแต่เข้าสู่การเมือง หาเสียงพบประชาชนเกือบทุกจังหวัด นอกจากปัญหาปากท้อง ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือยาเสพติด โดยเฉพาะยาบ้ามีการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน แม้รัฐบาลจะจัดการผู้ค้ายา จับยาบ้าได้มากกว่า 4 เท่าในช่วงที่ผ่านมา แต่การใช้ยายังมีต่อเนื่อง ราคายาบ้ายังไม่ขึ้น การที่ราคาคงที่แสดงว่ามีซัพพลายเยอะมาก ฉะนั้น เรื่องนี้ถือว่าสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง

นายเศรษฐา กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ ยาเสพติดเป็นต้นตอความสูญเสียหลายอย่าง ทั้งอาชีพ การถูกจำคุก หรือสูญเสียชีวิต จึงขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันอย่างเต็มที่ ปราบยาเสพติดให้หมดไป ร่วมมือกันขจัดยาเสพติดให้สิ้นซากไปจากพื้นที่ที่เรารับผิดชอบกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

 

นายเศรษฐา กล่าวว่า ทุกหน่วยงานจะต้องร่วมใจกันแก้ไขปัญหาผ่านนโยบายบูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดระยะเร่งด่วน 3 เดือน ดังนี้ 1.ให้ผู้ว่าฯทุกจังหวัดเป็น CEO ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด ร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นายก อบจ. ทำให้ทุกภาคส่วนในพื้นที่เกิดการขับเคลื่อนงานป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกัน

 

2.ตัดวงจรการค้ายาเสพติดรายสำคัญ ปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่ เอ็กซเรย์ทุกพื้นที่ด้วยการระดมกำลังตรวจปัสสาวะของกลุ่มเสี่ยงตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไปทุกหมู่บ้าน และแยกผู้เสพออกมาให้ได้รับการบำบัด

ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และกระทรวงกลาโหม ขยายผลการจับกุมผู้ขายเพื่อดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างจริงจังและเด็ดขาด

นายเศรษฐา กล่าวว่า ร่วมกันค้นหาผู้มีอาการจิตเวชจากยาเสพติดและให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม นำเข้าบำบัดรักษาและให้มีระบบติดตามดูแลช่วยเหลือเฝ้าระวัง หลังจากรักษาอาการและกลับเข้ามาสู่ชุมชน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมสนับสนุนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดูแลไม่ให้บุคคลเหล่านั้นกลับไปสู่วงจรยาเสพติดอีก

ให้ควบคุมปัจจัยเสี่ยงจากระเบียบสังคมในพื้นที่สถานบันเทิง สถานบริการ สถานประกอบการ คล้ายสถานบันเทิง และบริเวณรอบสถานศึกษา ให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นแรงในการแพร่ระบาดยาเสพติด สร้างมาตรฐานในชุมชนและมาตรฐานทางสังคมให้เป็นพลังต่อต้านยาเสพติดอย่างกว้างขวาง

“การแก้ไขปัญหายาเสพติด ต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชนลุกขึ้นมาต่อสู้ ร่วมกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องแจ้งเบาะแส เฝ้าระวัง ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนช่วยกันแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะ 25 จังหวัดเร่งด่วน”นายเศรษฐา กล่าว

ขณะที่ตัวแทนนักศึกษา กล่าวขอบคุณนายกฯ ที่ได้ให้เกียรติมามอบนโยบายการบูรณาการการแก้ไขปัญหายาเสพติดระยะเร่งด่วนแก่นักศึกษา ซึ่งการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ หรือการใช้ยาเสพติด เป็นภัยร้ายแรงที่อยู่ใกล้ตัวนักศึกษา โดยนักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จะนำนโยบายของนายกฯ ไปปฏิบัติเพื่อผลดีต่อตนเอง ครอบครัว และประเทศต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News