Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายรับมือ น้ำท่วม-แล้งวิกฤต วอนรัฐเร่งแผนเยียวยา

เชียงรายเร่งวางมาตรการรับมือน้ำท่วม-ภัยแล้ง เนื่องในวันน้ำโลก 2568

กรุงเทพฯ, 22 มีนาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านทรัพยากรน้ำท่ามกลางสถานการณ์โลกร้อนที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในบริบทของ “วันน้ำโลก” ซึ่งตรงกับวันที่ 22 มีนาคมของทุกปี องค์การสหประชาชาติได้กำหนดหัวข้อปีนี้ว่า “การอนุรักษ์ธารน้ำแข็ง” (Glacier Preservation) เพื่อเน้นย้ำถึงบทบาทของธารน้ำแข็งในฐานะแหล่งกักเก็บน้ำจืดธรรมชาติของโลก

รัฐเร่งผลักดันแผนรับมือฤดูฝนปี 2568

นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานวันน้ำโลก พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างการจัดทำแผนรับมือน้ำฝนในปีนี้ โดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เตรียมนำเสนอแผนต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำ (กนช.) ในวันที่ 9 เมษายน 2568 เพื่อวางมาตรการเพิ่มเติมอย่างครอบคลุม ทั้งการระบายน้ำ พื้นที่กักเก็บ และงบประมาณรองรับ

เอลนีโญ-ลานีญาส่งผลกระทบต่อฤดูฝน

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะเอลนีโญ-ลานีญาที่เปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง ทำให้การคาดการณ์ปริมาณฝนยากลำบาก ปีนี้ฝนจะมาเร็วกว่าปกติ โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และมีแนวโน้มตกมากกว่าค่าปกติ พร้อมทั้งเผยว่าได้เตรียม 9 มาตรการเพื่อรับมือฤดูฝนปี 2568 ล่วงหน้าแล้ว

น้ำท่วมเชียงรายปี 2567 ยังไร้แผนแก้ไขยั่งยืน

ในเวทีเสวนา “Climate Change Adaptation” ร.ต.อ. เด่นวุฒิ จันต๊ะขันติ นายก อบต.เกาะช้าง จังหวัดเชียงราย ระบุว่า ครบรอบ 1 ปีของน้ำท่วมใหญ่ในอำเภอแม่สาย แต่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ชาวบ้านกว่า 300 ล้านบาทยังไม่ได้รับการเยียวยาเต็มจำนวน และการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำในแม่น้ำสายและแม่น้ำลวกฝั่งเมียนมายังไม่คืบหน้า

ปัญหางบประมาณท้องถิ่นขัดขวางการแก้ปัญหา

ร.ต.อ. เด่นวุฒิ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า งบประมาณในระดับท้องถิ่นมีเพียง 6-7 ล้านบาทต่อปี ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับการแก้ไขปัญหาโครงสร้างพื้นฐานอย่างการขุดลอกแม่น้ำหรือตลิ่งถาวร พร้อมตั้งคำถามถึงความไม่สมดุลของงบรัฐที่โครงการใหญ่ใช้งบหมื่นล้าน แต่กลับปล่อยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้รับงบจำกัด

การเตือนภัยยังไม่ทั่วถึงทั่วประเทศ

นายสมปอง รัศมิทัด นายก อบต.บางยอ จ.สมุทรปราการ เผยว่า แม้จะมีประตูระบายน้ำกว่า 34 จุด แต่ไม่มีระบบบริหารจัดการชัดเจน ทำให้พื้นที่บางกระเจ้าเผชิญกับน้ำทะเลหนุนถึง 8 เดือนต่อปี ขณะเดียวกัน ด้านพื้นที่ชายแดนใต้ นายดอเลาะอาลี สาแม ประธานเครือข่ายเตือนภัย กล่าวว่า แม้เครือข่ายจะสามารถแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าได้ถึง 7 วัน แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากหน่วยงาน

กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศผลักดันแผนปรับตัวระดับประเทศ

นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หน่วยงานได้ร่วมกันทำข้อตกลงกับอีก 6 หน่วยงานเพื่อร่วมกันผลักดันแผนปรับตัว ทั้งในมิติของน้ำ การเกษตร ความมั่นคงทางอาหาร และการย้ายถิ่นฐาน คาดว่าแผนปฏิบัติการจะสามารถดำเนินการจริงในระยะเวลาอันใกล้

เสียงจากประชาชน: ต้องการข้อมูล ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วม

นางสาวเข็มอัปสร สิริสุขะ ผู้แทนประชาสัมพันธ์ สทนช. กล่าวว่า ประชาชนต้องตระหนักถึงปัญหาน้ำในระดับชีวิตประจำวัน ด้วยการเข้าถึงข้อมูลและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการลดก๊าซเรือนกระจกและการดูแลพื้นที่ป่าอย่างยั่งยืน

ความเคลื่อนไหวฝั่งเมียนมา: เสริมคันดิน-ขุดลอกแม่น้ำสาย

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางการเมียนมาเร่งดำเนินการเสริมคันดินริมแม่น้ำสายบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1 อย่างต่อเนื่อง ตามข้อตกลงร่วมกับรัฐบาลไทย โดยใช้ดินที่ขุดลอกจากแม่น้ำสายมาเสริมแนวตลิ่ง แต่อีก 45 จุดในฝั่งไทยยังไม่สามารถดำเนินการได้เพราะต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำออกให้หมดก่อน

ผลกระทบที่ยังหลงเหลือในเชียงราย

ที่ตลาดสายลมจอยและตลาดดอยเวา ชาวบ้านได้เริ่มฟื้นฟูบ้านและร้านค้ากลับมาเปิดอีกครั้ง แต่ยังไม่คึกคักเท่าก่อนน้ำท่วม นางเพ็ญ ส่องแสง ผู้ประกอบการในตลาดดอยเวาเล่าว่า บ้านในชุมชนเหมืองแดงเสียหายหนัก ใช้เวลานานในการล้างดินโคลน และยังไม่มีเงินเยียวยาค่าล้างบ้านแม้จะมีข่าวว่ารัฐอนุมัติเงินเพิ่มครอบครัวละ 10,000 บาทแล้วก็ตาม

จังหวัดเชียงรายจัดสรรงบเยียวยาเกือบ 300 ล้านบาท

สำนักงาน ปภ.จังหวัดเชียงราย รายงานว่า จังหวัดได้จัดสรรเงินทดรองราชการให้ อำเภอแม่สาย 134.7 ล้านบาท และ อำเภอเมืองเชียงราย 157.3 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นกว่า 292 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือด้านค่าครองชีพและค่าล้างบ้านหลังน้ำท่วมปลายปี 2567 โดยมีกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการภายใน 15 วัน พร้อมส่งรายงานผลใช้จ่ายให้จังหวัดรับทราบ

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง

  • ค่าความเค็มสูงสุดในแม่น้ำเจ้าพระยา (ปี 2564): 3.2 กรัมต่อลิตร (ที่มา: กรมทรัพยากรน้ำ)
  • ความเสียหายจากอุทกภัยปี 2567 ที่เชียงราย: 6,046 ล้านบาท (ที่มา: ปภ. จ.เชียงราย)
  • งบประมาณเยียวยาในแม่สาย: 134,776,273 บาท (ที่มา: สำนักงานจังหวัดเชียงราย)
  • จำนวนจุดรุกล้ำแม่น้ำสายที่ยังไม่รื้อถอน: 45 จุด (ที่มา: สำนักข่าวท้องถิ่น)

ทัศนคติจากทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายประชาชน: ต้องการเห็นแผนแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างเป็นรูปธรรมและได้รับการเยียวยาอย่างทั่วถึง รู้สึกว่าการช่วยเหลือยังล่าช้าและไม่เท่าเทียม

ฝ่ายภาครัฐ: ยืนยันว่ามีการจัดสรรงบประมาณและมาตรการรับมือในทุกระดับ พร้อมผลักดันแผนงานระยะยาวเพื่อการปรับตัวอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI WORLD PULSE

ขุดลอกแม่น้ำสาย! ไทย-เมียนมา คืนพื้นที่ ป้องกันน้ำท่วมแม่สาย

ไทยและเมียนมาร่วมมือขุดลอกลำน้ำสาย คืนพื้นที่ลำน้ำ ป้องกันอุทกภัยในพื้นที่ชายแดน

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 การขุดลอกและรื้อถอนสิ่งกีดขวางในแม่น้ำสาย บริเวณอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยการดำเนินการครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลเมียนมา เพื่อลดปัญหาอุทกภัยและปรับปรุงระบบระบายน้ำของแม่น้ำสายให้สามารถรองรับปริมาณน้ำในฤดูฝนได้ดีขึ้น

ฝ่ายเมียนมาเป็นผู้รับผิดชอบการขุดลอกตั้งแต่ต้นแม่น้ำสายไปจนถึงจุดเชื่อมของแม่น้ำสายกับแม่น้ำรวก ซึ่งอยู่ในบริเวณบ้านป่าแดง ตำบลเกาะช้าง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ขณะที่ทางการไทยสนับสนุนด้านเทคนิคและร่วมมือกับวิศวกรผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบพนังกั้นน้ำให้มีความมั่นคงถาวร ป้องกันการกัดเซาะและการสูญเสียดินแดนชายฝั่งของทั้งสองประเทศ

ความคืบหน้าการหารือไทย-เมียนมา แก้ปัญหาการรุกล้ำลำน้ำสาย

การหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและเมียนมาเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 โดยมี พลโท ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร และนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นตัวแทนฝ่ายไทย ขณะที่ฝ่ายเมียนมามี พลจัตวา โซหล่าย ผู้บัญชาการภาคสามเหลี่ยม และ นายอูมินโก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดท่าขี้เหล็ก เป็นตัวแทนหลักในการเจรจา

หนึ่งในมาตรการสำคัญที่ได้รับความเห็นชอบจากทั้งสองฝ่าย คือ การติดตั้งเครื่องมือแจ้งเตือนระดับน้ำหรือเครื่องโทรมาตรอัตโนมัติ จำนวน 4 จุด ได้แก่ บ้านโจตาดา บ้านดอยต่อคำ สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 และสะพานข้ามแม่น้ำรวก ซึ่งคาดว่าจะสามารถแจ้งเตือนอุทกภัยล่วงหน้าได้ 8 – 10 ชั่วโมง

นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังเสนอให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำลำน้ำ พร้อมทั้งการขุดลอกแม่น้ำให้สามารถรองรับน้ำได้มากขึ้น โดยคณะอนุกรรมการร่วมไทย-เมียนมา (Sub JCR) ได้รับมอบหมายให้ดำเนินแผนการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2567 ทั้งนี้ ฝ่ายเมียนมาแจ้งว่าได้สำรวจสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำลำน้ำแล้วจำนวน 33 บริเวณ และพร้อมทำการรื้อถอนทันทีที่ได้รับคำสั่งจากรัฐบาลกลาง

รายละเอียดพื้นที่ตำบลเกาะช้าง

ตำบลเกาะช้าง ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีอาณาเขตติดต่อกับ

  • ทิศเหนือ: ประเทศเมียนมา โดยมีแม่น้ำรวกเป็นแนวกั้นอาณาเขต
  • ทิศใต้: ตำบลศรีเมืองชุม อำเภอแม่สาย
  • ทิศตะวันออก: ตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน
  • ทิศตะวันตก: ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย

ตำบลเกาะช้างมีพื้นที่ประมาณ 47.35 ตารางกิโลเมตร หรือราว 29,593 ไร่ โดยใช้ประโยชน์ที่ดินดังนี้

  • พื้นที่อยู่อาศัย: 30.82%
  • พื้นที่เกษตรกรรม: 65.23%
  • พื้นที่สาธารณะ: 8.66%

เนื่องจากพื้นที่นี้อยู่ติดแม่น้ำรวกและแม่น้ำสาย ทำให้เกิดปัญหาอุทกภัยเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนเมื่อระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากการไหลบ่าของน้ำจากเมียนมาและจีน การขุดลอกลำน้ำและการก่อสร้างพนังกั้นน้ำจึงเป็นแนวทางสำคัญในการป้องกันภัยพิบัติและรักษาความมั่นคงของพื้นที่ชายแดน

สร้างพนังกั้นน้ำสาย ทลายกำแพงเก่า เตรียมขุดลอกป้องกันน้ำท่วม

จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เริ่มดำเนินการตามข้อตกลงไทย-เมียนมา ในการสร้างพนังกั้นและขุดลอกแม่น้ำสาย เพื่อป้องกันอุทกภัย โดยนำเครื่องจักรเข้าทลายกำแพงหินเก่าและเตรียมสร้างกำแพงหินคอนกรีตสูงกว่า 2 เมตร

รายงานข่าวระบุว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างไทยและเมียนมา เพื่อป้องกันอุทกภัยที่เคยเกิดขึ้นครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 2567 โดยเมียนมาได้นำเครื่องจักรเข้าทลายกำแพงหินเก่าบริเวณริมฝั่งแม่น้ำสาย ตั้งแต่ชุมชนปงถุนจนถึงบริเวณใกล้สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 รวม 3 จุด จากนั้น มีกำหนดจะสร้างกำแพงหินคอนกรีตสูงประมาณ 17.6 ฟุต หรือ 2 เมตรกว่า เพื่อป้องกันน้ำทะลักและตลิ่งพังทลาย

แนวการสร้างพนังมีระยะทาง 3.960 กิโลเมตร

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการขุดลอกแม่น้ำสายตามข้อตกลง ระยะทาง 14.45 กิโลเมตร แต่มีการแบ่งเป็นโซนๆ เอาไว้แล้ว โดยมีโซนที่ 1 ระยะทาง 12.39 กิโลเมตร และโซน 2 ระยะทาง 2.06 กิโลเมตร ส่วนแนวการสร้างพนังมีระยะทาง 3.960 กิโลเมตร นอกจากนี้ จะมีการขุดลอกแม่น้ำรวก ระยะทาง 30.89 กิโลเมตร ซึ่งมีข้อตกลงว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค. 2568 ด้วยงบประมาณประมาณ 100 ล้านบาท

สร้างเขื่อนริมน้ำสาย ป้องกันน้ำท่วมแม่สาย

นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ทางการเมียนมาได้เริ่มดำเนินการขุดลอกและทำลายสิ่งกีดขวางในแม่น้ำสาย ฝั่งตรงข้ามท่าขี้เหล็กติดกับสะพานแห่งที่ 1 ตามข้อตกลงไทย-เมียนมา เพื่อป้องกันอุทกภัย โดยทางการเมียนมาจะเป็นผู้รับผิดชอบการขุดลอกแม่น้ำสาย ตั้งแต่ต้นแม่น้ำสายไปถึงจุดเชื่อมกับแม่น้ำรวก บริเวณบ้านป่าแดง ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย

นอกจากนี้ เมียนมาได้เริ่มก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งบริเวณแม่น้ำสาย จังหวัดท่าขี้เหล็ก ตรงข้ามกับอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จำนวน 3 จุด ดังนี้:

  • จุดที่ 1 บริเวณใต้สะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1: ระยะความยาว 60 ฟุต X 2 ฟุต x 17.6 ฟุต
  • จุดที่ 2 บริเวณใต้สะพานข้ามแม่น้ำสายแห่งที่ 1 (จุดที่ 2): ระยะความยาว 140 ฟุต x 2 ฟุต x 17.6 ฟุต
  • จุดที่ 3 บริเวณหลังโรงแรมอารัว: ระยะความยาว 180 ฟุต x 2 ฟุต x 17.6 ฟุต

การดำเนินการครั้งนี้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างไทยและเมียนมา เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเป็นประจำในพื้นที่ชายแดน และป้องกันการกัดเซาะตลิ่ง

สถานการณ์และผลกระทบของปัญหาการรุกล้ำลำน้ำสาย

ผลกระทบจากอุทกภัยในช่วงปี 2567 ทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งในเขตอำเภอแม่สายและเมืองท่าขี้เหล็กของเมียนมา จากการสำรวจพบว่า

  • มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายกว่า 6,980 หลัง
  • ดินโคลนท่วมขังในพื้นที่ชุมชน 5 โซน ได้แก่ บ้านสายลมจอย บ้านเกาะทราย บ้านไม้ลุงขน บ้านเหมืองแดง และบ้านปิยพร
  • พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำสายและแม่น้ำรวกสูญเสียดินแดนจากการกัดเซาะกว่า 20 ไร่

นายอำเภอแม่สายแจ้งต่อนายกรัฐมนตรีว่า ปัจจุบันทางการเมียนมารอเพียงคำสั่งจากรัฐบาลกลางเท่านั้น หากมีคำสั่งอย่างเป็นทางการ การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างริมฝั่งแม่น้ำสายจะสามารถดำเนินการได้โดยทันที เพื่อให้ลำน้ำสามารถระบายน้ำได้สะดวกขึ้น และลดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในระยะยาว

ข้อมูลทางสถิติและข้อคิดเห็นจากทั้งสองฝ่าย

จากสถิติย้อนหลังของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พื้นที่แม่สายเผชิญกับอุทกภัยรุนแรงถึง 3 ครั้ง ได้แก่ ปี 2562, 2565 และ 2567 โดยมีปริมาณน้ำท่วมขังเฉลี่ย 1.5 – 2 เมตร ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนและพื้นที่เกษตรกรรมคิดเป็นมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท

ฝ่ายสนับสนุนโครงการนี้ให้ความเห็นว่า การขุดลอกแม่น้ำสายและแม่น้ำรวกเป็นมาตรการที่จำเป็นเพื่อป้องกันอุทกภัยและลดปัญหาการสูญเสียดินแดนของทั้งสองประเทศ ในขณะที่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมองว่าการรื้อถอนอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยและเมียนมายังคงเดินหน้าหาแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ เพื่อให้แม่น้ำสายและแม่น้ำรวกสามารถทำหน้าที่ระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงของอุทกภัยในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย , mgronline , ท้องถิ่นนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

‘เซ็นทรัล’ มอบสถานีเตือนภัยน้ำท่วม เชื่อมสัมพันธ์ไทย-เมียนมา

เซ็นทรัลมอบสถานีเตือนภัยน้ำท่วมให้เมียนมา พร้อมฟื้นฟูชุมชนแม่สาย

เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 กลุ่มเซ็นทรัล ได้สนับสนุนงบประมาณจำนวน 1,000,000 บาท เพื่อส่งมอบสถานีโทรมาตรอัตโนมัติสำหรับการเตือนภัยน้ำท่วมให้แก่ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 1 อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยความร่วมมือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการฟื้นฟูและสนับสนุนการเตือนภัยน้ำท่วมในพื้นที่แม่สายและท่าขี้เหล็ก

ในงานนี้มีตัวแทนสำคัญจากกลุ่มเซ็นทรัล ได้แก่ คุณสมกมล จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส คุณสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย คุณณรงค์ ประทินสุขอำไพ ผู้จัดการเขต ร้านซุปเปอร์สปอร์ต ภาคเหนือ และ คุณนราวิขญ์ วงค์ปิน ผู้จัดการฝ่ายขายสินค้าโรบินสัน สาขาเชียงราย ร่วมกับ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เป็นประธานในพิธี

สนับสนุนการติดตั้งสถานีเตือนภัยน้ำหลาก

สถานีโทรมาตรอัตโนมัตินี้ถูกติดตั้งจำนวน 4 สถานี โดยแบ่งเป็นฝั่งเมียนมา 3 สถานี ได้แก่ บ้านโจตาดา บ้านดอยต่อคำ และสะพานอูทูนอ่อง ในเขตบ้านสบสาย และฝั่งไทย 1 สถานี ณ สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 1

พันโท ตั้น หล่าย วิน ผู้บังคับการกองบังคับการยุทธศาสตร์ท่าขี้เหล็ก เมียนมา กล่าวขอบคุณฝ่ายไทยในนามประชาชนเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่เมื่อเดือนกันยายน-ตุลาคม 2567 โดยสถานีโทรมาตรจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแจ้งเตือนล่วงหน้าและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ฟื้นฟูชุมชน

นอกจากการสนับสนุนสถานีเตือนภัยแล้ว มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยังจัดกิจกรรม “คืนพื้นที่ คืนความสุขให้ประชาชน” มอบสิ่งของจำเป็น เช่น ผ้าห่ม 500 ผืน อุปกรณ์กีฬา 10 ชุด ชุดเครื่องครัว และผ้าขนหนู รวมมูลค่า 137,793 บาท เพื่อช่วยฟื้นฟูจิตใจชาวบ้านในชุมชนถ้ำผาจมและชุมชนตลาดสายลมจอย

ความร่วมมือเชิงพื้นที่เพื่อป้องกันภัย

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย กล่าวว่าการดำเนินโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือในระดับภูมิภาค โดยสถานีโทรมาตรอัตโนมัติได้ถูกขยายไปยัง สปป.ลาว และเมียนมา ซึ่งจะช่วยแจ้งเตือนล่วงหน้าแก่ชุมชนเครือข่ายในพื้นที่เสี่ยงภัย

โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานหลายภาคส่วน เช่น กระทรวงมหาดไทย สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลจากสถานีโทรมาตรและส่งต่อไปยังชุมชนเพื่อการเตรียมพร้อม

ผลักดันมาตรการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน

การติดตั้งสถานีโทรมาตรในพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก เช่น บริเวณลำน้ำสาย ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดผลกระทบจากภัยพิบัติ พร้อมทั้งวางแผนสนับสนุนอุปกรณ์ช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น รถพยาบาลยกสูงและการจัดอบรมทีมกู้ภัยในอนาคต

ความร่วมมือนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและเมียนมา พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการร่วมมือระหว่างหน่วยงานในระดับท้องถิ่นและระดับชาติในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในภูมิภาคอย่างยั่งยืน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายยกระดับจัดการน้ำท่วม แก้ปัญหาด้วย PDOSS

เสียงสะท้อนจากท้องถิ่น สู่แนวทางจัดการน้ำท่วมแม่สาย

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้ร่วมเสวนาในหัวข้อ “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับการจัดการปัญหาน้ำท่วมแม่สาย” ซึ่งเป็นกิจกรรมสำคัญที่มีการระดมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในท้องถิ่น โดยมีผู้ดำเนินรายการคือ ผศ. ดร.ปฐวี โชติอนันต์ จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

ผู้ร่วมเสวนาและหัวข้ออภิปราย

การเสวนาครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญหลายท่านร่วมเวที ได้แก่

  • นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย
  • ร.ต.อ.เด่นวุฒิ จันต๊ะขัติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะช้าง
  • ผู้แทนนายกเทศมนตรีตำบลเวียงพางคำ
  • อ.ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการจากสำนักงานนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

ปัญหาน้ำท่วมและการแก้ไข

นางอทิตาธร เล่าถึงเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงราย ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงถึง 16 อำเภอจากทั้งหมด 18 อำเภอของจังหวัด เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและพื้นที่การเกษตรของประชาชนเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญที่นำมาสู่การวางแผนรับมือในอนาคต

ศูนย์บริหารจัดการสาธารณภัยแบบเบ็ดเสร็จ (Public Disasters One Stop Service: PDOSS) คือแนวคิดที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย อบจ.เชียงราย เพื่อจัดการปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อภัยพิบัติในอนาคต วัตถุประสงค์หลักของศูนย์นี้ ได้แก่

  1. การพัฒนาระบบเตือนภัยพิบัติให้ทันสมัย
  2. การบริหารจัดการโครงข่ายระบบระบายน้ำ
  3. ฐานข้อมูลสาธารณภัยแบบเปิดเพื่อการใช้งานที่สะดวก
  4. ระบบการเยียวยาแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ
  5. ระบบรายงานและรับแจ้งเหตุแบบ Real Time

การประสานความร่วมมือ

นางอทิตาธร ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐ ท้องถิ่น และภาคประชาสังคม เพื่อสร้างแนวทางการป้องกันภัยพิบัติที่ยั่งยืน ทั้งในด้านการเยียวยาและการลดผลกระทบจากเหตุการณ์ในอนาคต

การตอบสนองและความคาดหวัง

เวทีเสวนาครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการเสนอแนะแนวทางปฏิบัติจริงเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่แม่สายได้รับการป้องกันและฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ

การจัดตั้ง PDOSS ถือเป็นความพยายามที่จะยกระดับการบริหารจัดการภัยพิบัติในจังหวัดเชียงราย โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในชุมชน ลดความเสียหาย และเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน

อบจ.เชียงราย พร้อมทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าเดิมให้กับแม่สายและจังหวัดเชียงรายโดยรวม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

อนุทินสั่งรับมือพายุหม่านหยี่ เร่งฟื้นฟูน้ำท่วมแม่สาย

“มหาดไทยเตรียมพร้อมรับมือพายุหม่านหยี่ เร่งฟื้นฟูพื้นที่น้ำท่วมแม่สาย”

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ณ กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์พายุหม่านหยี่ที่กำลังส่งผลกระทบต่อพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย โดยกล่าวว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้เตรียมแผนเผชิญเหตุและแผนรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้สามารถรับมือกับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยพิบัติที่จะมาถึง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยง เช่น พื้นที่ลาดเชิงเขาที่อาจเกิดดินถล่ม หรือถนนที่อาจถูกน้ำท่วมขังจนทำให้การสัญจรถูกตัดขาดได้ ทางกระทรวงได้กำชับให้มีการตั้งจุดตรวจเตือนให้กับผู้สัญจรไปมา พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังในจุดเสี่ยง พร้อมทั้งมีการเตรียมอุปกรณ์และเครื่องจักรเพื่อช่วยเคลียร์พื้นที่และซ่อมแซมถนนที่อาจได้รับความเสียหาย

การฟื้นฟูพื้นที่แม่สาย จังหวัดเชียงราย

นอกจากนี้ นายอนุทินยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการฟื้นฟูพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา โดยปัจจุบันทางกรมโยธาธิการและผังเมืองได้เสนอแนวทางการวางผังเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ดังกล่าว โดยมุ่งเน้นการสร้างฝายและเขื่อนถาวรเพื่อป้องกันน้ำท่วมในอนาคต ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการออกแบบและดำเนินการ

นายอนุทินระบุว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่เกิดปัญหา โดยเฉพาะในตลาดสายลมจอย ซึ่งเป็นจุดที่เกิดการลุกล้ำพื้นที่สาธารณะ ทำให้เกิดการอุดตันของทางน้ำ และเป็นสาเหตุให้น้ำไม่สามารถระบายได้ตามปกติ กระทรวงมหาดไทยจึงมีแผนที่จะเร่งเวนคืนพื้นที่ดังกล่าวเพื่อนำไปสร้างระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การเตรียมความพร้อมรับมือพายุหม่านหยี่

นายอนุทินเน้นย้ำว่าการเตรียมการรับมือพายุหม่านหยี่จะต้องเป็นไปอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการประสานงานระหว่างหน่วยงานในระดับจังหวัดและท้องถิ่น ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ทุกจังหวัดเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำหลากและดินถล่มที่จะเกิดขึ้น โดยให้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง และเตรียมความพร้อมในการระดมกำลังคนและอุปกรณ์สำหรับการช่วยเหลือประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบ

นอกจากนี้ กระทรวงยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตรวจสอบความพร้อมของเครื่องจักร อุปกรณ์ และยานพาหนะที่ใช้ในการบรรเทาสาธารณภัย พร้อมทั้งเตรียมการช่วยเหลือประชาชนในกรณีที่เกิดอุทกภัย เช่น การจัดหาถุงยังชีพ และสิ่งของจำเป็นเพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยทันที

แนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาว

นายอนุทินกล่าวเพิ่มเติมว่า ทางรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยการพัฒนาระบบระบายน้ำและการวางผังเมืองให้สามารถรองรับน้ำหลากได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความเสี่ยงของน้ำท่วมในอนาคต นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้ชุมชนในพื้นที่เสี่ยงภัยมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุที่ได้วางไว้ เพื่อให้สามารถลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน และเพื่อให้การฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายสามารถดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

จากการเตรียมความพร้อมและการดำเนินการอย่างต่อเนื่องของหน่วยงานภาครัฐ ทำให้ประชาชนสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับการดูแลและช่วยเหลือในกรณีที่เกิดภัยพิบัติ โดยนายอนุทินได้ย้ำว่า การร่วมมือของทุกภาคส่วนจะเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายเร่งฟื้นฟูแม่สาย เตรียมส่งคืนพื้นที่ 28 ต.ค. นี้

ผู้ว่าฯ เชียงรายตรวจติดตามการฟื้นฟูพื้นที่อุทกภัย เตรียมส่งคืนพื้นที่ 28 ตุลาคมนี้

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้าในการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยในอำเภอแม่สาย ผลการดำเนินงานเป็นไปตามแผน คาดว่าจะสามารถส่งคืนพื้นที่ในวันที่ 28 ตุลาคมนี้

การลงพื้นที่ตรวจสอบของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย

นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายสิทธิศักดิ์ อินใจคำ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้าในการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยในเขตอำเภอแม่สาย โดยเฉพาะบริเวณบ้านถ้ำผาจม ตลาดสายลมจอย ตำบลเวียงพางคำ และชุมชนสำคัญอื่น ๆ ในพื้นที่

ความคืบหน้าในการฟื้นฟูพื้นที่อุทกภัย

ผลการฟื้นฟูพื้นที่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการล้างถนนและทำความสะอาดพื้นที่เพื่อให้การสัญจรกลับมาปกติแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการฟื้นฟูบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะในบริเวณตลาดสายลมจอย ซึ่งมีจำนวนบ้านพักอาศัยทั้งหมด 66 หลังคาเรือน ที่ถูกฟื้นฟูโดยความร่วมมือระหว่างหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ และภาคเอกชน

กิจกรรม Big Cleaning Day เพื่อความสะอาดและปลอดภัย

ในวันนี้ ทางคณะผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายยังได้จัดกิจกรรม Big Cleaning Day เพื่อทำความสะอาดถนนและพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สัญจรไปมาได้อย่างสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น

ส่งคืนพื้นที่ภายในวันที่ 28 ตุลาคม

การฟื้นฟูพื้นที่อุทกภัยในอำเภอแม่สายมีความคืบหน้าไปมาก และคาดว่าจะสามารถส่งคืนพื้นที่ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อดำเนินการฟื้นฟูในระยะต่อไปได้ภายในวันที่ 28 ตุลาคมนี้

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

ลาก่อนความทรงจำ ‘บ้านถ้ำผาจม’ ตัดใจทุบบ้านหลังน้ำท่วมหนักที่แม่สาย

บ้านพังทั้งหลัง น้ำท่วมแม่สายสร้างความเสียหาย ชาวบ้านรอความช่วยเหลือด่วน

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับบ้านเรือนและชุมชนในบริเวณดังกล่าว โดยมีผู้ใช้โซเชียลที่ชื่อว่า อนันต์ ปุระ โพสต์ภาพบ้านของตนที่จำเป็นต้องรื้อทิ้งหลังน้ำท่วม เนื่องจากโครงสร้างพังเสียหายทั้งหลัง คานรับน้ำหนักหัก ทำให้ไม่สามารถซ่อมแซมได้ จึงต้องทำเรื่องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการสร้างบ้านใหม่

บ้านพังทั้งหลัง น้ำท่วมกระหน่ำเสียหายยับเยิน

บ้านหลายหลังในเขต บ้านถ้ำผาจม ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และพื้นที่โดยรอบถูกน้ำท่วมอย่างหนัก หลายครอบครัวต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง บางครอบครัวต้องรื้อถอนบ้านทั้งหลังเนื่องจากโครงสร้างพังเสียหายเกินกว่าจะซ่อมแซมได้ ส่งผลให้ชาวบ้านต้องอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวหรือบ้านญาติเป็นการชั่วคราว ขณะที่บางครอบครัวเลือกที่จะกางเต็นท์อยู่หน้าบ้านตัวเองเพื่อดูแลทรัพย์สินที่ยังหลงเหลืออยู่

ชาวบ้านแม่สายเผยความเดือดร้อน รอการช่วยเหลือ

อนันต์ ปุระ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประสบภัย ได้โพสต์ข้อความสะท้อนความรู้สึกผ่านโซเชียลมีเดียว่า “บ้านหลังเก่าไป บ้านหลังใหม่มา แต่กว่าจะได้บ้านใหม่กลับมาไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ติดต่อหน่วยงานใด ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก” เขาเล่าว่าตอนนี้ได้รับความช่วยเหลือเบื้องต้นจาก มูลนิธิพึ่ง(ภา)ยามยาก และ มูลนิธิทรรมนัส พรหมเผ่า ที่เข้ามาสนับสนุนตั้งแต่วันแรกของน้ำท่วม แต่ปัญหาที่เผชิญอยู่ตอนนี้คือการสร้างบ้านใหม่ที่ต้องใช้งบประมาณสูงและยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลืออย่างเป็นทางการ

หน่วยงานมูลนิธิและภาคเอกชนเข้าช่วยเหลือ แต่ยังไม่เพียงพอ

แม้จะมีมูลนิธิต่าง ๆ เช่น มูลนิธิไอแคร์ และ มูลนิธิพึ่ง(ภา)ยามยาก เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของการจัดหาสิ่งของจำเป็นและการฟื้นฟูเบื้องต้น แต่การสร้างบ้านใหม่และการซ่อมแซมโครงสร้างนั้นต้องอาศัยงบประมาณและผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐเข้ามาร่วมมือกัน เพื่อให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากบางพื้นที่มีปัญหาเรื่องการกัดเซาะของน้ำและดินโคลนจำนวนมาก ทำให้การก่อสร้างหรือซ่อมแซมในพื้นที่ดังกล่าวมีความเสี่ยงสูง

บ้านถล่ม โครงสร้างเสียหาย ซ่อมแซมไม่ได้ต้องรื้อถอนใหม่

ปัญหาสำคัญที่ชาวบ้านแม่สายต้องเผชิญในขณะนี้คือ การรื้อถอนและสร้างบ้านใหม่เนื่องจากบ้านที่ได้รับความเสียหายมีโครงสร้างที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้ โดยเฉพาะบ้านที่อยู่ใกล้กับลำน้ำแม่สายซึ่งมีการกัดเซาะของน้ำอย่างรุนแรง ทำให้โครงสร้างเสียหายถึงขั้นต้องรื้อถอนทั้งหมด ชาวบ้านบางส่วนระบุว่า หากไม่มีการสร้างกำแพงกั้นน้ำหรือการจัดการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ น้ำท่วมในอนาคตก็อาจสร้างความเสียหายซ้ำอีกครั้ง

เรียกร้องความช่วยเหลือจากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ชาวบ้านในพื้นที่จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ กรมโยธาธิการและผังเมือง ลงพื้นที่สำรวจและจัดทำแผนฟื้นฟูโดยด่วน เพื่อช่วยซ่อมแซมบ้านเรือนและระบบโครงสร้างต่าง ๆ รวมถึงการปรับปรุงเส้นทางน้ำและสร้างกำแพงกั้นน้ำในจุดที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการยื่นขอความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการจากหน่วยงานภาครัฐ

ชาวบ้านยังรอความช่วยเหลือ บ้านพังทลายชีวิตต้องเริ่มใหม่

ปัจจุบันชาวบ้านในพื้นที่แม่สายยังคงรอคอยความช่วยเหลือและการเยียวยาอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการสนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างบ้านใหม่และการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้สามารถรองรับสถานการณ์น้ำท่วมในอนาคตได้ แม้จะมีความช่วยเหลือจากภาคเอกชนและมูลนิธิต่าง ๆ แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ชาวบ้านหลายครอบครัวยังต้องอยู่ในสภาพความเป็นอยู่ที่ลำบาก ไม่มีบ้านพักอาศัยถาวร และไม่มีทรัพย์สินใด ๆ เหลืออยู่

บทสรุป: ชุมชนแม่สายยังรอความช่วยเหลือ ฟื้นฟูบ้านและชีวิตใหม่

วิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้นอกจากจะทำให้บ้านเรือนประชาชนในอำเภอแม่สายได้รับความเสียหายอย่างหนักแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อจิตใจและความเป็นอยู่ของคนในชุมชนอย่างมาก การฟื้นฟูบ้านเรือนและการสร้างความมั่นคงให้กับชุมชนต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ชุมชนแม่สายสามารถกลับมาเป็นชุมชนที่เข้มแข็งได้อีกครั้ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อนันต์ ปุระ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

อนุทินลงพื้นที่เชียงราย-เชียงใหม่ ชง ครม. ค่าล้างโคลนเพิ่ม 1 หมื่นบาท

 

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2567 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะติดตาม สถานการณ์น้ำ การให้ความช่วยเหลือและการฟื้นฟู ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมี นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับและรายงานสถานการณ์ในพื้นที่

โดยจุดแรก รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมา ที่สะพานข้ามแม่น้ำสาย แห่งที่ 1 เพื่อดูสถานการณ์แม่น้ำสาย การสูบน้ำออกจากชุมชน และการเสริมบิ๊กแบ็ค และฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ การช่วยเหลือและฟื้นฟูในแต่ละจุด จากหน่วยงานกองการช่าง และกำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน หรือ อส. โดยนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและ เจ้าหน้าที่ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
 
รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า จากที่ได้ฟังการรายงานจากทางเจ้าหน้าที่ คาดว่าจะสามารถเคลียร์พื้นที่ได้ภายในไม่เกินสิ้นเดือนนี้ แต่จะทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ มีจุดที่หนักหน่อยก็คือที่ตลาดสายลมจอย ที่น้ำทะลักเช้าไปมากจนสร้างความเสียหาย ซึ่งมีความเห็นใจผู้ประกอบการ เพราะว่าทราบมาว่าสินค้าได้รับความเสียหาย ซึ่งจะต้องพิจารณาต่อไปว่าจะหาวิธีช่วยเหลืออย่างไร
 
“ในเรื่องของการเยียวยา ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย ในวันอังคารนี้ ก็มีการเสนอให้ ครม. พิจารณาปรับเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ซึ่งเป็นไปตามคำบัญชาของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ว่าจะให้การเยียวยาในระดับสูงสุดก็คือ 9,000 บาทต่อครัวเรือน และก็ยังมีเงินที่ตอนนี้ทางกรมป้องกันสาธารณภัยได้ตั้งเรื่องและได้รับความเห็นชอบจากกรมบัญชีกลางแล้วคือ ค่าล้างโคลนบ้านละ 10,000 บาท ต่อหลัง ซึ่งเป็นการที่เราพยายามจะหาความช่วยเหลือมาให้ประชาชนให้มากที่สุด
 
จากนั้น คณะ ได้ลงพื้นที่ติดตามการฟื้นฟูบ้านเรือน ที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัย ที่บ้านเหมืองแดง หมู่ที่ 2 ตำบลแม่สาย พร้อมให้กำลังใจผู้ประสบภัย แลดูการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการดูดโคลนจากท่อระบายน้ำ
และให้กำลังใจ กำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน หรือ อส. ที่มาช่วยปฏิบัติภารกิจฟื้นฟูทำความสะอาดบ้านเรือน โดยได้ทักทาย อส. ที่มาจาก จังหวัดบุรีรัมย์ ที่มาทั้งหมด 60 นาย ที่มาปฎิบัติการเป็นวันที่ 8 วัน แล้ว และจะอยู่จนเสร็จภารกิจ และทักทายให้กำลังใจ อส. ที่มาจากจังหวัดแพร่ ซึ่งมาช่วยในภารกิจนี้ทั้งหมด 33 นาย มาตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน และจะอยู่จนเสร็จภารกิจ เช่นเดียวกัน
 
ซึ่งชุมชนบ้านเมืองแดง ซอย 8 แห่งนี้ยังมีน้ำขังอยู่ ประมาณ 20 เซนติเมตร และ ให้กำลังใจ อส. ที่มาจากจังหวัดต่างๆ
จากนั้น ได้เดินทางมาที่วัดปิยะพร มอบเสื้อ จำนวน 1200 ตัว และอุปกรณ์เครื่องนอนเครื่องใช้ ให้ อส. ที่มาช่วยเหลือฟื้นฟูจาก 6 จังหวัด รวม 300 นาย พร้อมร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับกำลังพล อส. ด้วย และเดินทางไปดูสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดเชียงใหม่ต่อไป
 
สำหรับ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ส่วนหน้า) จังหวัดเชียงราย (มท.4) ได้ลงพื้นที่ชุมชนไม้ลุงขน เพื่อมอบถุงยังชีพ แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย และตรวจเยี่ยมให้กำลังใจทหาร จากหน่วยในกองทัพภาคที่ 3 ทั้ง มทบ.37 ,มทบ.34, มทบ.32, มทบ.33, ร17/3, ร.17/4, รวม 530 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่เหล่านี้ รับผิดชอบดูแลพื้นที่โซนชุมชนไม้ลุงขน พร้อมกันนี้ได้มอบอาหารแห้งและเครื่องดื่มชูกำลังให้แก่ จนท.ทหาร ด้วย
 
รับมอบสิ่งของอุปโภคบริโภค จาก คุณเยาวเรศ ชินวัตร และสมาคมฮงสุน ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 เชียงราย เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดเชียงราย
 
จากนั้นได้เดินทางร่วมกับ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยวาการกลาโหม ได้เดินทางต่อไปยังศูนย์อำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ต.กึ้ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เพื่อประสานการช่วยเหลือประชาชน นักท่องเที่ยว และช้างจำนวน 126 เชือก
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIAL & LIFESTYLE

นายกฯ ตรวจพื้นที่น้ำท่วมแม่สาย จ.เชียงราย พร้อมทีมแพทย์ช่วยประชาชน”

 

เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 07.00 – 12.00 น. ณ โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย พ.อ. กิติพันธ์ เฮงสนั่นกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราช ร่วมกับหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (มทบ.37) และหน่วยงานในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ให้การต้อนรับ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมการฟื้นฟูความเสียหายจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายหมู่บ้านและพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง

น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงและทีมงาน ได้เดินทางเข้าตรวจสอบสถานการณ์ในพื้นที่โดยละเอียด เพื่อประเมินความเสียหายและวางแผนการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันในการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาฉุกเฉินเพื่อความปลอดภัยของประชาชนเป็นอันดับแรก โดยเน้นการอพยพผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่เสี่ยง และจัดหาสถานที่พักพิงชั่วคราวที่มีความปลอดภัย นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างละเอียด ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ถนน สะพาน ระบบสาธารณูปโภค และพื้นที่การเกษตร เพื่อให้การฟื้นฟูดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมในทุกด้าน

ในระหว่างการตรวจเยี่ยม น.ส. แพทองธาร ยังได้พบปะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานช่วยเหลือการฟื้นฟู พร้อมทั้งสอบถามถึงความต้องการเร่งด่วนและปัญหาต่าง ๆ ที่พบระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อจัดลำดับความสำคัญในการแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด นอกจากนี้ โรงพยาบาลค่ายเม็งรายมหาราชยังได้จัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการตรวจสุขภาพและให้คำแนะนำด้านสุขภาพแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย รวมทั้งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครผู้ปฏิบัติงานช่วยเหลือการฟื้นฟู เพื่อดูแลสุขภาพและป้องกันการเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีสภาพอากาศแปรปรวนและภาวะน้ำท่วมขัง

โดยทีมแพทย์ได้เน้นการตรวจสุขภาพเบื้องต้น เช่น การตรวจความดันโลหิต การตรวจหาโรคทางเดินหายใจ และโรคผิวหนัง รวมถึงการแจกจ่ายยาสามัญประจำบ้านและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ เช่น หน้ากากอนามัย และเจลล้างมือ เพื่อป้องกันโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นหลังน้ำท่วม เช่น โรคฉี่หนู โรคตาแดง และโรคน้ำกัดเท้า นอกจากนี้ยังได้ให้ความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในช่วงหลังน้ำลด เพื่อให้ประชาชนสามารถดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัวได้อย่างถูกวิธี

น.ส. แพทองธาร ชินวัตร ได้กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการฟื้นฟูความเสียหายจากอุทกภัยในครั้งนี้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติในเร็ววัน โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนการฟื้นฟูระยะยาว เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากน้ำท่วมในอนาคต โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น อ.แม่สาย และพื้นที่ลุ่มน้ำอื่น ๆ ในจังหวัดเชียงราย และใกล้เคียง

นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น ในการฟื้นฟูและป้องกันการเกิดอุทกภัยในระยะยาว โดยการจัดทำระบบการเตือนภัยล่วงหน้า การจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่ม และการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในการรับมือกับภัยพิบัติต่าง ๆ เพื่อให้สามารถปรับตัวและฟื้นฟูได้อย่างยั่งยืน

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ขณะนี้ยังคงมีบางพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังและต้องการความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมทันที เพื่อให้การฟื้นฟูดำเนินไปอย่างรวดเร็วและครอบคลุมทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ในขณะเดียวกันประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงก็ได้มีการร่วมมือกันให้ความช่วยเหลือผ่านการบริจาคสิ่งของและเงินสนับสนุน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงเวลาวิกฤตนี้

การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมครั้งนี้ของ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร ไม่เพียงแต่แสดงถึงความห่วงใยของรัฐบาลที่มีต่อประชาชน แต่ยังเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานทุกคนที่ทุ่มเทและเสียสละในการช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำว่า “เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” และพร้อมจะให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ปลัดกระทรวงมหาดไทยลงพื้นที่เชียงราย สั่งการเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม แม่สายยังวิกฤต

 

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 เวลา 08.00 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในเขตอำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยในเขตเทศบาลนครเชียงราย ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว ถือเป็นข่าวดีสำหรับชาวบ้านในพื้นที่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ บริเวณถนนพหลโยธินช่วงห้าแยกพญามังราย ที่เคยมีน้ำท่วมสูงเมื่อวานนี้ ล่าสุด ระดับน้ำลดลงไปกว่า 1 เมตร อย่างไรก็ตาม ถนนบริเวณรอบๆ ยังคงมีโคลนและซากรถที่ถูกน้ำพัดพามากีดขวาง ส่งผลให้ยังไม่สามารถสัญจรผ่านได้สะดวก แต่สถานการณ์โดยรวมดีขึ้นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ได้เริ่มเข้าพื้นที่ที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถเข้าถึงได้ เพราะกระแสน้ำไหลเชี่ยว เช่น พื้นที่ตรอกซอกซอยบางจุด

สำหรับพื้นที่วัดร่องเสือเต้น ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของประชาชนจำนวนมาก ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายและเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย ได้เข้าไปช่วยเหลือจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งจำเป็นต่างๆ ให้ประชาชนแล้ว

นายสุทธิพงษ์ ยังกล่าวถึงสถานการณ์บริเวณสะพานพญาเม็งราย ซึ่งยังคงมีน้ำท่วมขังในระดับที่สูงอยู่ รถเล็กยังไม่สามารถสัญจรผ่านได้สะดวก และหากไม่มีฝนตกลงมาอีก ระดับน้ำจะลดลงอย่างต่อเนื่อง และสามารถใช้งานเส้นทางได้ตามปกติในอีก 1-2 วัน

ในส่วนของอำเภอแม่สาย ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้รับรายงานว่าระดับน้ำในพื้นที่ลดลง แต่ระดับน้ำในแม่น้ำแม่สายยังคงสูงอยู่ เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดฝนตกหนัก จึงยังคงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในย่านตลาดสายลมจอย ที่ยังคงมีน้ำท่วมและกระแสน้ำไหลเชี่ยว ทำให้การเข้าถึงพื้นที่ยังเป็นไปได้ยาก

นายสุทธิพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ภายใต้การนำของนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ทำงานอย่างเต็มที่ร่วมกับทีมงานจากหลายฝ่าย ทั้งราชการ สมาคม มูลนิธิ และหน่วยงานต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน ในขณะเดียวกัน มีการดำเนินการทำความสะอาดและฟื้นฟูพื้นที่ที่น้ำลดลงแล้วอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการจัดการกับสิ่งกีดขวางที่ปิดกั้นเส้นทางน้ำ

สำหรับการเดินทางภายในจังหวัดเชียงราย เส้นทางจากจังหวัดพะเยาเข้าสู่จังหวัดเชียงราย ผ่านอำเภอพาน สามารถใช้ได้ตามปกติแล้ว ส่วนเส้นทางภายในเทศบาลนครเชียงราย ยังคงต้องรอการฟื้นฟูให้พร้อมใช้งาน ขณะที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ได้กลับมาเปิดให้บริการตามปกติแล้ว

ในช่วงท้าย นายสุทธิพงษ์ได้ให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งขอให้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยและพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด หากมีความต้องการขอความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงรายหมายเลข 1567

ในเวลา 09.00 น. นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ได้เดินทางไปยังศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย และรับมอบรองเท้าบูทจากนายจักรภัทร แสนภูธร หัวหน้าศูนย์ข่าวภาคเหนือ เพจอีจัน เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News