Categories
EDITORIAL

ไขข้อข้องใจ นิสิต-นักศึกษา ต่างกันอย่างไรในมหาวิทยาลัยไทย

ความแตกต่างระหว่างคำว่า “นิสิต” และ “นักศึกษา” ในสถาบันการศึกษาไทย

ในประเทศไทย คำว่า “นิสิต” และ “นักศึกษา” ถูกใช้เรียกผู้เรียนในระดับอุดมศึกษา แต่มีความแตกต่างกันทั้งในเชิงประวัติศาสตร์และการใช้งานในปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนถึงลักษณะเฉพาะของแต่ละสถาบันการศึกษา

ที่มาของคำว่า “นิสิต” และ “นักศึกษา”

คำว่า นิสิต” มีรากฐานมาจากภาษาบาลี หมายถึง “ผู้อาศัยกับอุปัชฌาย์” ซึ่งในอดีตหมายถึงผู้เรียนที่พักอาศัยในบริเวณมหาวิทยาลัย เช่น ในยุคเริ่มแรกของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2459 ผู้เรียนจะต้องพักอาศัยอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย ทำให้มีการเรียกผู้เรียนว่า “นิสิต” สะท้อนถึงลักษณะการเรียนรู้แบบดั้งเดิมที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกันในบริเวณมหาวิทยาลัย

ส่วนคำว่า นักศึกษา” เริ่มต้นใช้ในปี พ.ศ. 2477 พร้อมการก่อตั้ง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเปิดแห่งแรกของไทย ผู้เรียนที่นี่ไม่จำเป็นต้องพักอาศัยในมหาวิทยาลัย คำว่า “นักศึกษา” จึงถูกใช้เพื่อแยกแยะลักษณะผู้เรียนที่มีความเป็นอิสระมากขึ้น

มหาวิทยาลัยในประเทศไทยที่ใช้คำว่า “นิสิต”

แม้ว่าคำว่า “นิสิต” จะเลือนหายไปในสถาบันใหม่ ๆ แต่ยังคงถูกใช้ในมหาวิทยาลัยที่ก่อตั้งมานาน เช่น

  1. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  2. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  3. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
  4. มหาวิทยาลัยนเรศวร
  5. มหาวิทยาลัยบูรพา
  6. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
  7. มหาวิทยาลัยทักษิณ
  8. มหาวิทยาลัยพะเยา
  9. มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต
  10. มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น
  11. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

มหาวิทยาลัยเหล่านี้ยังคงรักษาประเพณีดั้งเดิมและวัฒนธรรมการเรียนรู้ร่วมกันในลักษณะของการใช้ชีวิตแบบนิสิต

ความหมายของ “นิสิต” และ “นักศึกษา” ตามพจนานุกรม

  • นิสิต
    หมายถึงผู้ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยบางแห่ง หรือศิษย์ที่เล่าเรียนและอาศัยอยู่ในสำนักของครู
  • นักศึกษา
    หมายถึงผู้ศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย หรือในสถานศึกษาระดับสูง

เหตุผลในการใช้คำเรียกที่แตกต่างกัน

การเลือกใช้คำว่า นิสิต” หรือ นักศึกษา” ขึ้นอยู่กับประวัติศาสตร์และปรัชญาการศึกษาในแต่ละสถาบัน ตัวอย่างเช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยังคงใช้คำว่า “นิสิต” เพื่อสะท้อนถึงเอกลักษณ์ที่ผู้เรียนต้องมีการพักอาศัยและใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย ในขณะที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เลือกใช้คำว่า “นักศึกษา” เพื่อสะท้อนถึงความเป็นประชาธิปไตยและการเปิดกว้าง

ความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน

ในปัจจุบัน การใช้คำว่า “นักศึกษา” กลายเป็นที่นิยมในมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ เพราะแสดงถึงความทันสมัยและอิสระของผู้เรียน ขณะที่คำว่า “นิสิต” ยังคงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมหาวิทยาลัยดั้งเดิมเพียงไม่กี่แห่ง

สรุปความแตกต่างระหว่าง “นิสิต” และ “นักศึกษา”

  1. นิสิต: ใช้ในมหาวิทยาลัยที่มีประเพณีให้ผู้เรียนอาศัยอยู่ในมหาวิทยาลัย เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  2. นักศึกษา: ใช้ในมหาวิทยาลัยที่เปิดกว้าง และไม่จำเป็นต้องมีการพักอาศัยในมหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

แม้ว่าคำสองคำนี้จะมีความหมายและประวัติที่แตกต่างกัน แต่ทั้ง “นิสิต” และ “นักศึกษา” ต่างก็เป็นผู้แสวงหาความรู้ในระดับอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาตนเองและสังคมในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : campus / มหาวิทยาลัยพะเยา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
NEWS NEWS UPDATE

ม.พะเยา แชมป์ 2 ปีติด ใช้หนี้คืน กยศ. ม.แม่ฟ้าหลวง เชียงราย อันดับ 7

 
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2567  รองศาสตราจารย์ ดร.สุภกร พงศบางโพธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา มอบหมายให้ ดร.วุฒิชัย ไชยรินคำ รองอธิการบดีฝ่ายคุณภาพนิสิต เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยพะเยา เข้ารับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีอัตราชำระหนี้ กยศ. ดีที่สุดอันดับ 1 ของประเทศต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จัดพิธีมอบประกาศเกียรติคุณแก่สถานศึกษาระดับอุดมศึกษา 25 แห่งและระดับอาชีวศึกษา 25 แห่ง ที่มีอัตราชำระหนี้ดีที่สุดของประเทศ เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติ และสร้างขวัญกำลังใจในการดำเนินงานของสถานศึกษา โดยมีนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง และประธานกรรมการ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาเป็นผู้มอบรางวัล ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ 4 ชั้น 4 กระทรวงการคลัง
 

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า “จากการที่กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาได้จัดอันดับข้อมูลสถิติการชำระหนี้ของสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาและระดับอาชีวศึกษาทั่วประเทศที่มีผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนกองทุน จึงได้จัดพิธีมอบประกาศเกียรติคุณแก่สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาและระดับอาชีวศึกษาที่มีอัตราการชำระหนี้ดีที่สุด 25 อันดับแรกของประเทศ ประจำปี 2566 รวมจำนวนทั้งสิ้น 50 แห่ง เพื่อเป็นการยกย่องเชิดซูเกียรติ และสร้างขวัญกำลังใจในการดำเนินงานของสถานศึกษาที่เข้าร่วมการดำเนินงานกองทุน โดยสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีอัตราการชำระหนี้ดีที่สุดอันดับที่ 1 ได้แก่

มหาวิทยาลัยพะเยา และได้เรียงลำดับรายชื่อสถานศึกษา 25 อันดับ ดังนี้

1.มหาวิทยาลัยพะเยา

2. มหาวิทยาลัยศิลปากร

3.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร

4. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา

5.มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

6. มหาวิทยาลัยนเรศวร

7.มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง 8. มหาวิทยาลัยมหิดล

9.มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 10. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

11.มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 12. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

13.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 14.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ

15.มหาวิทยาลัยบูรพา 16. มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

17.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ 18. สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์

19.สถบันเทคโนโลยีพระจอมกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 20. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก

21.มหาวิทยาลัยขอนแก่น 22. มหาวิทยาลัยทักษิณ

23.มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 24. มหาวิทยาลัยเทคนโลยีราชมงคลอีสาน

25.มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

 

สำหรับ สถานศึกษาระดับอาชีวศึกษา ที่มีอัตราการชำระหนี้ดีที่สุดอันดับที่ 1 ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคลำปาง และได้เรียงลำดับรายชื่อสถานศึกษา 25 อันดับ ดังนี้

1. วิทยาลัยเทคนิคลำปาง   

2. วิทยาลัยเทคนิคสว่างแดนดิน  

3. วิทยาลัยเทคนิคอุตรดิตถ์   

4. วิทยาลัยเทคนิคเดชอุดม 

5. วิทยาลัยเทคนิคเชียงราย         

6. วิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์

7. วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง  

8. วิทยาลัยอาชีวศึกษาเชียงราย

9. วิทยาลัยเทคนิคสกลนคร   

10. วิทยาลัยเทคนิคชุมแพ

11. วิทยาลัยเทคนิคนางรอง    

12. วิทยาลัยเทคนิคน่าน   

13. วิทยาลัยเทคนิคสุโขทัย    

14. วิทยาลัยเทคนิคแพร่

15. วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุตรดิตถ์     

16. วิทยาลัยเทคนิคเลย 

17. วิทยาลัยเทคนิคอุบลราชธานี 

18. วิทยาลัยการอาชีพนวมินทราชินีมุกดาหาร 

19. วิทยาลัยเทคนิคเพชรบูรณ์   

20. วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุโขทัย               

21. วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร   

22. วิทยาลัยเทคนิคระยอง 

23. วิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชร  

24. วิทยาลัยเทคนิคอำนาจเจริญ 

25. วิทยาลัยเทคนิคพะเยา 

 

ทั้งนี้ มีสถานศึกษาที่เข้าร่วมดำเนินงานกับกองทุนทั่วประเทศกว่า 4,000 แห่ง ซึ่งสถานศึกษาทุกแห่งล้วนเป็นกำลังสำคัญในการสร้างคนให้มีความรู้ ความสามารถ อีกทั้ง ยังช่วยปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้แก่นักศึกษา ผู้กู้ยืมมีจิตสำนึกและความรับผิดชอบในการชำระเงินคืนกองทุน เพื่อส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้ผู้กู้ยืมรุ่นต่อไป โดยกองทุนคาดหวังให้สถานศึกษาทุกแห่งได้มีการรณรงค์ส่งเสริมในเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องอันจะส่งผลให้กองทุนเป็นทุนหมุนเวียนที่ให้โอกาสทางการศึกษา เพื่อพัฒนาทุนมนุษย์และสร้างอนาคตให้คนไทย ซึ่งเป็นกำลังสำคัญให้กับประเทศชาติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News