Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE LIFESTYLE

จากของเก่าสู่ของใหม่! “รชรินทร์” ชู “ธนาลัย กู๊ดกู้ดส์” ปลุกย่านเก่าธนาลัยด้วยงานดีไซน์

 “BACK TO THE FUTURE” จากอดีตสู่โอกาส นิทรรศการ จุดประกายศักยภาพย่านธนาลัยในเวียงเชียงราย สู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งอนาคต

เชียงราย, 9 สิงหาคม 2568 – ย่านธนาลัยและในเวียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องราวทางศิลปะ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์อันยาวนานของจังหวัดเชียงราย กำลังได้รับการพลิกโฉมสู่ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีชีวิตชีวา ผ่านการขับเคลื่อนของโครงการส่งเสริมศักยภาพและสร้างเครือข่ายนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ โดยมีจุดศูนย์กลางคือนิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” ที่ได้ฤกษ์เปิดม่านขึ้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ณ บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย งานนี้ไม่เพียงเป็นเพียงการจัดแสดงผลงาน แต่ยังเป็นเสมือนสะพานเชื่อมโยงอดีตอันรุ่งเรืองของย่านการค้าเก่าแก่แห่งนี้เข้ากับโอกาสใหม่ ๆ ในอนาคต เพื่อสร้างคุณค่าและแรงบันดาลใจให้กับชุมชนและผู้ประกอบการรุ่นใหม่

นิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่รวบรวมพลังสร้างสรรค์จากหลากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเครือข่ายศิลปิน นักสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการ ชุมชน รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของจังหวัดเชียงราย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เชียงใหม่ การรวมตัวกันของพันธมิตรเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการพัฒนาและต่อยอดแบรนด์กิจการดั้งเดิมของย่านธนาลัย ให้ก้าวสู่การเป็นธุรกิจสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ โดยยังคงรักษาไว้ซึ่งอัตลักษณ์และความเป็นพหุวัฒนธรรมอันเป็นเสน่ห์ของเมืองเชียงราย

แนวคิด (Re)made in Thanalai หรือ (รี)เมดอิน ธนาลัย

หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นและเป็นรูปธรรมที่สะท้อนนวคิด (Re)made in Thanalai หรือ (รี)เมดอิน ธนาลัย ส่วนชื่อคอลเลชั่นผลงานคือ Thanalai Good Goods หรือ ธนาลัย กู๊ดกู้ดส์ สิ่งที่มีอยู่ในย่านธนาลัยให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง คือผลงานของ คุณรชรินทร์ อินธุระ หนึ่งในนักสร้างสรรค์ที่เข้าร่วมจัดแสดง คุณรชรินทร์ได้นำเสนอผลงานภายใต้แนวคิด “ธนาลัย กู๊ดกู้ดส์ ” หรือ “ของดีธนาลัย” ซึ่งเป็นการโฟกัสไปที่ “การยกระดับสินค้า” เพื่อให้ย่านธนาลัยกลับมาคึกคักอีกครั้ง เขาได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์จัดองค์ประกอบของสิ่งของที่หาได้จากร้านค้าต่าง ๆ ในธนาลัย ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟตั้งโต๊ะ โคมไฟตั้งพื้น ชั้นวางของ โต๊ะเล่นกระดานหมากรุก หรือแม้กระทั่งพัด ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าสนใจและมีมูลค่าเพิ่ม แนวคิดนี้เป็นการนำเสนอ “ความเป็นไปได้ที่หลากหลายและความสนุกในการเอาไอเดียมาจับใช้” ในการเดินช้อปปิ้งและเดินเล่นในย่านธนาลัยจากมุมมองที่แตกต่าง

ผลงานของคุณรชรินทร์และนักสร้างสรรค์ท่านอื่น ๆ อาทิ เอกพงษ์ ใจบุญ, พุทธรักษ์ ดาษดา, สิริฉาย เอาฬาร และกลุ่มศิลปินไส้ติ่ง : โซไซตี้ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาดั้งเดิม มาผสานกับแนวคิดการออกแบบสมัยใหม่ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการตอบรับต่อเป้าหมายของโครงการในการส่งเสริมศักยภาพของนักสร้างสรรค์และสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่ง สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับสินค้าและบริการในพื้นที่ แต่ยังช่วยต่อยอดมรดกทางวัฒนธรรมให้คงอยู่และเป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้น

 

นิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม – 8 กันยายน 2568 เวลา 10.00 – 16.00 น. (หยุดวันจันทร์) ณ บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย จังหวัดเชียงราย นับเป็นโอกาสอันดีที่ประชาชนจะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของย่านธนาลัย และร่วมเป็นประจักษ์พยานถึงพลังแห่งการสร้างสรรค์ที่สามารถพลิกโฉมอดีตให้กลายเป็นโอกาสอันสดใสในอนาคต ทำให้เชียงรายยังคงเป็นเมืองแห่งศิลปะ วัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริง

รชรินทร์ อินธุระ” เผยแนวคิดพลิกโฉม “ธนาลัย” สู่ยุคใหม่ในนิทรรศการ “Back to the Future”

จุดประสงค์หลักของการนำเสนอผลงานเหล่านี้คือ เพื่อแสดงให้เห็นถึง “ความเป็นไปได้ที่หลากหลาย” และ “ความสนุก” ในการนำเสนอแนวคิดใหม่ๆ เพื่อประยุกต์ใช้ในการเดินช้อปปิ้งหรือเดินเล่นในธนาลัยจากอีกมุมมองหนึ่ง. คุณรชรินทร์หวังว่าแนวทางนี้จะ ก่อให้เกิดทิศทางที่น่าสนใจในอนาคต ซึ่งอาจส่งผลให้ นักออกแบบหรือผู้คนในพื้นที่ได้ร่วมมือกันสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ. แม้ว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตอาจไม่ได้มีรูปลักษณ์ตรงตามตัวอย่างที่จัดแสดง แต่ความตั้งใจสูงสุดคือการ สร้างความ “คึกคัก” ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ธนาลัยอย่างต่อเนื่อง

นายรชรินทร์ อินธุระ ศิลปินอีกท่านหนึ่ง ได้นำเสนอแนวคิดในการ "ยกระดับสินค้า" ของย่านธนาลัยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • โครงการส่งเสริมศักยภาพและสร้างเครือข่ายนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จังหวัดเชียงราย
  • มูลนิธิมดชนะภัย
  • สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เชียงใหม่
  • กลุ่มเครือข่ายศิลปิน นักสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการ ชุมชน และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน จังหวัดเชียงราย
  • นักสร้างสรรค์ผู้เข้าร่วมแสดงผลงาน (เอกพงษ์ ใจบุญ, พุทธรักษ์ ดาษดา, สิริฉาย เอาฬาร, กลุ่มศิลปิน ไส้ติ่ง : โซไซตี้, รชรินทร์ อินธุระ)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE LIFESTYLE

เชียงรายปลุกประวัติศาสตร์! ไส้ติ่ง โซไซตี้ นำเสนอ “ภาชนะทางความคิด” ในนิทรรศการ “ธนาลัย”

จังหวัดเชียงรายได้พลิกโฉมอดีตอันรุ่งโรจน์ของย่านการค้าเก่าแก่ “ธนาลัย” ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ผ่านการเปิดตัวนิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย”

เชียงราย, 9 สิงหาคม 2568 –  ภายใต้โครงการส่งเสริมศักยภาพและสร้างเครือข่ายนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ณ บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย. นิทรรศการนี้นับเป็นหมุดหมายสำคัญที่เชื่อมโยงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และเศรษฐกิจ เข้ากับวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ เพื่อขับเคลื่อนย่านธนาลัยสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีชีวิตชีวา.

จุดกำเนิดของ “ธนาลัย”  มรดกการค้าพหุวัฒนธรรม

ย่านถนนธนาลัยในจังหวัดเชียงรายมิได้เป็นเพียงแค่เส้นทางสัญจร แต่เป็นพื้นที่ที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องราวและแรงบันดาลใจ. นับตั้งแต่อดีต ถนนสายนี้เป็นย่านการค้าเก่าแก่ที่สะท้อนถึงความเป็นพหุวัฒนธรรมอันหลากหลายของเมืองเชียงรายได้อย่างชัดเจน. ที่นี่เป็นจุดบรรจบของเรื่องราวมากมาย ทั้งในมิติของชาติพันธุ์ ศาสนา และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ประวัติศาสตร์การค้า” ที่ฝังแน่นอยู่ในอาคาร ร้านค้า และวิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่ ซึ่งยังคงดำรงอยู่และเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับกาลเวลา. การพัฒนาการทางเศรษฐกิจและสังคม ศิลปะ วัฒนธรรม ตลอดจนการเติบโตของร้านค้าเก่าแก่ที่ส่งต่อมายังธุรกิจคนรุ่นใหม่ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่หล่อหลอมให้ธนาลัยเป็นย่านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น.

เบื้องหลังแนวคิด ปลุกประวัติศาสตร์ให้ “มีชีวิต”

หัวใจสำคัญของการจัดนิทรรศการครั้งนี้คือแนวคิดในการมองเห็นคุณค่าของประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และพยายามแปลงสารเหล่านั้นให้กลับมา “มีชีวิต” อีกครั้งในโลกปัจจุบัน. แนวคิดนี้ถูกขับเคลื่อนโดยกลุ่มเครือข่ายศิลปิน นักสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการ ชุมชน รวมถึงหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนของจังหวัดเชียงราย. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มศิลปิน ไส้ติ่ง โซไซตี้ (SIDETHINK SOCIETY) ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับพื้นที่ของประวัติศาสตร์ ซึ่งหมายถึงเรื่องเล่าที่ไม่ถูกบันทึกไว้อย่างเป็นทางการ แต่ถูกถ่ายทอดจากผู้คนผ่านสิ่งของ สถานที่ และวัฒนธรรมการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงเวลา. พวกเขาเชื่อมั่นว่าการเชื่อมโยงประวัติศาสตร์เข้ากับพหุวัฒนธรรมของย่านธนาลัยจะนำไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งว่า การค้าในแต่ละยุคสมัยนั้นมิได้เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนสินค้า แต่คือการแลกเปลี่ยนคุณค่า ความเชื่อ และความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน

ภาชนะทางความคิด”  การเดินทางสู่รากฐานแห่งความสัมพันธ์

นิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” ไม่ใช่เพียงการจัดแสดงผลงานทั่วไป แต่เป็นพื้นที่ที่ชวนให้ผู้เข้าชมได้ร่วมสำรวจและทำความเข้าใจแก่นแท้ของย่านธนาลัยผ่านมุมมองที่หลากหลาย. นอกเหนือจากการนำเสนอผลงานการออกแบบสร้างสรรค์จากแรงบันดาลใจในย่านธนาลัย ยังมีการจัดกิจกรรมในรูปแบบของการเสวนาแลกเปลี่ยนที่นำเสนอเรื่องราวตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมทั้งตั้งคำถามกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น.

หัวใจสำคัญของนิทรรศการคือ “ภาชนะทางความคิด” (ตามความหมายที่สื่อถึงการบรรจุความสัมพันธ์) ซึ่งเปรียบเสมือนพื้นที่แห่งการเก็บรวบรวมความทรงจำ วัตถุ สัญลักษณ์ และเรื่องราวของผู้คนในย่านธนาลัยไว้อย่างประณีต. กลุ่มศิลปิน ไส้ติ่ง โซไซตี้ ได้รวบรวมของเก่าและผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่จริงในย่านธนาลัยมาจัดแสดง เพื่อให้ผู้ชมได้สัมผัสและเชื่อมโยงกับเรื่องราวในอดีต. นิทรรศการนี้จึงเป็นมากกว่าการจัดแสดงวัตถุ แต่เป็น “พื้นที่ของการฟัง พื้นที่ของการมองย้อน และพื้นที่ของการพูดคุย” เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจอันลึกซึ้งว่า “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการร้อยเรียงอดีตเข้ากับปัจจุบันอย่างลึกซึ้ง ผ่านมุมมองที่เคารพต่อความหลากหลาย และเปิดโอกาสให้เรื่องเล่าเก่าๆ ได้กลับมามีความหมายใหม่อีกครั้ง.

ผลลัพธ์และประโยชน์ต่อประชาชน  จากอดีตสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีชีวิต

การจัดนิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของจังหวัดเชียงรายในการพัฒนาต่อยอดพื้นที่ที่มีประวัติศาสตร์ให้เป็นย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีชีวิตชีวา. ประโยชน์ที่ประชาชนทั่วไปจะได้รับจาก นิทรรศการนี้ทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการรักษาเรื่องราวและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของย่านธนาลัย. ผู้คนทั่วไป โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ จะได้เรียนรู้และเข้าใจรากฐานของเมืองเชียงราย รวมถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่หล่อหลอมพื้นที่นี้ ความภาคภูมิใจและอัตลักษณ์ชุมชนเมื่อประวัติศาสตร์ถูกนำมาเล่าใหม่ในรูปแบบที่เข้าถึงง่ายและน่าสนใจ จะช่วยให้คนในพื้นที่เกิดความผูกพันและภาคภูมิใจในถิ่นกำเนิดของตนเองมากขึ้น. นี่คือการสร้างอัตลักษณ์ชุมชนที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

นิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม ถึง 8 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 10.00 – 16.00 น. (หยุดวันจันทร์). นับเป็นโอกาสสำคัญที่ชาวเชียงรายและผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับมิติใหม่ของย่านธนาลัย ที่ซึ่งอดีตและปัจจุบันหลอมรวมกันเพื่อสร้างสรรค์อนาคตอันสดใส.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • โครงการส่งเสริมศักยภาพและสร้างเครือข่ายนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จังหวัดเชียงราย
  • กลุ่มเครือข่ายศิลปิน นักสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการ ชุมชน
  • สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เชียงใหม่
  • บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย จังหวัดเชียงราย
  • กลุ่มศิลปิน ไส้ติ่ง โซไซตี้ (SIDETHINK SOCIETY)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE LIFESTYLE

“วาดอดีต สู่อนาคต” ศิลปินสิริฉาย เอาฬาร ใช้ศิลปะปลุกชีวิตย่านเก่าเชียงราย

นิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” เปิดมิติใหม่ เชื่อมโยงรากเหง้าวัฒนธรรมสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ย่านเมืองเก่าเชียงราย สร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่านพลังงานศิลปะและความร่วมมือชุมชน

เชียงราย, 9 สิงหาคม 2568 – ท่ามกลางกระแสการพัฒนาที่มุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง จังหวัดเชียงรายได้ริเริ่มโครงการอันทรงคุณค่าที่หวนคืนสู่รากเหง้าและเรื่องราวในอดีต เพื่อนำมาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืน นั่นคือนิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” ซึ่งได้ฤกษ์เปิดฉากอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 15.00 น. ณ บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย จังหวัดเชียงราย นับเป็นหมุดหมายสำคัญที่ตอกย้ำศักยภาพของย่านธนาลัย ในฐานะย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีชีวิตชีวา

จากอดีตสู่ปัจจุบันการผลิบานของย่านธนาลัย

ย่านธนาลัยเป็นเสมือนหัวใจประวัติศาสตร์และศูนย์กลางการค้าเก่าแก่ของเมืองเชียงรายที่หลอมรวมความเป็นพหุวัฒนธรรมไว้อย่างกลมกลืน ตลอดเส้นทางนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวของศิลปะ วัฒนธรรม ร้านค้าเก่าแก่ที่ยืนหยัดมานานนับทศวรรษ รวมถึงธุรกิจคนรุ่นใหม่ที่ก้าวเข้ามาต่อยอดและพัฒนาแบรนด์กิจการดั้งเดิมสู่รูปแบบสร้างสรรค์ใหม่ๆ โจทย์สำคัญคือจะทำอย่างไรให้เรื่องราวอันทรงคุณค่าเหล่านี้ไม่เลือนหายไปตามกาลเวลา แต่กลับกลายเป็นแรงบันดาลใจและโอกาสใหม่ในการพัฒนาต่อยอดไปสู่ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีชีวิต

นิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” จึงถือกำเนิดขึ้นภายใต้โครงการส่งเสริมศักยภาพและสร้างเครือข่ายนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ในย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จังหวัดเชียงราย เป็นการรวมตัวของกลุ่มเครือข่ายศิลปิน นักสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการ ชุมชน รวมถึงหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดเชียงราย ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เชียงใหม่ เพื่อร่วมกันบอกเล่าเรื่องราว แรงบันดาลใจ และถ่ายทอดประสบการณ์ ความทรงจำ รวมถึงข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าผ่านผลงานการออกแบบสร้างสรรค์ ที่สะท้อนถึงพัฒนาการทางเศรษฐกิจและสังคมของย่านนี้

วาดอดีต สู่อนาคต”ศิลปะเชื่อมโยงหัวใจแห่งชุมชน

หัวใจหลักของการนำเสนอเรื่องราวในนิทรรศการนี้คือแนวคิด “Sketch the past, Draw the future” หรือ วาดอดีต สู่อนาคต” ซึ่งเป็นแนวคิดแกนหลักของ นางสาวสิริฉาย เอาฬาร ศิลปินหญิงผู้เปี่ยมด้วยความสนใจในการทำงานร่วมกับชุมชน เธอเชื่อว่าในโลกที่หมุนเร็ว ผู้คนต่างมุ่งไปข้างหน้า การหันกลับมามอง “ราก” ของผู้คนในย่านเก่าแก่ผ่านสายตาอันละเมียดละไมของศิลปะ จะสามารถสร้างความเชื่อมโยงและความเข้าใจระหว่างรุ่นได้อย่างลึกซึ้ง

หนึ่งในกิจกรรมเด่นที่สะท้อนแนวคิดนี้ได้อย่างเป็นรูปธรรมคือ โครงการ Food Sketch Tour ซึ่งเปรียบเสมือนสะพานเชื่อมโยงคนรุ่นใหม่เข้ากับผู้ประกอบการรุ่นอาวุโส โดยเฉพาะเจ้าของร้านอาหารท้องถิ่นเก่าแก่ที่มีเรื่องราวอันทรงคุณค่า แต่ยังขาดการบันทึกอย่างเป็นระบบ โครงการนี้เชื้อเชิญเยาวชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการ วาด” ภาพอาหารจากร้านเก่าแก่ และ ฟัง” เรื่องเล่าจากเจ้าของร้านผู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตยาวนาน

นางสาวสิริฉาย เอาฬาร เลือกที่จะหันกลับมามอง "ราก" ของผู้คนในย่านธนาลัยผ่านแนวคิด "Sketch the past, Draw the future" หรือ "วาดอดีต สู่ อนาคต". โครงการ "Food Sketch Tour"

ผ่านกิจกรรมนี้ เรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประวัติความเป็นมาของร้าน การเปลี่ยนแปลงของประเภทอาหารตามยุคสมัย หรือการปรับตัวของผู้ประกอบการจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ได้ถูกกลั่นกรองออกมาเป็นภาพวาดอาหาร ภาพเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความสวยงามทางศิลปะ แต่ยังอัดแน่นไปด้วยความทรงจำและความหมายที่ลึกซึ้ง สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นคือบทสนทนาระหว่างรุ่นที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและความอบอุ่น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

นิทรรศการที่ “ชวนชิม” เรื่องราวประสบการณ์ที่เข้าถึงได้ด้วยทุกประสาทสัมผัส

ความโดดเด่นของนิทรรศการนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่เนื้อหา แต่ยังรวมถึงรูปแบบการจัดแสดงผลงานที่สร้างสรรค์และไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะในส่วนของ นางสาวสิริฉาย เอาฬาร ภาพวาดจากศิลปินผู้เข้าร่วมกิจกรรม Food Sketch Tour ทั้งหมดจะถูกจัดวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะอาหารจริง ในบรรยากาศของ มื้อสร้างสรรค์” ซึ่งเชิญชวนให้ผู้ชมได้ ลิ้มรสเรื่องราว” ผ่านทั้งสายตาและการมีส่วนร่วมในประสบการณ์การกิน

นี่คือการนำเสนอศิลปะที่ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อมอง แต่เพื่อ “มีส่วนร่วม” และ “รู้สึก” เป็นการเปิดพื้นที่ให้ศิลปะเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนความเข้าใจและความสัมพันธ์ในสังคมอย่างแท้จริง แนวคิด “Sketch the past, Draw the future” จึงมิได้เป็นเพียงชื่อโครงการ หากแต่เป็นทัศนคติที่ใช้ศิลปะเชื่อมร้อยอดีตกับอนาคต ผ่านบทสนทนาเล็กๆ บนโต๊ะอาหาร ที่เต็มไปด้วยความหมาย ความทรงจำ และความหวัง

ประโยชน์ที่ประชาชนทั่วไปจะได้รับ การลงทุนในอนาคตของชุมชน

นิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” ไม่ได้เป็นเพียงการจัดแสดงงานศิลปะ แต่เป็นโครงการที่ส่งมอบคุณค่าและประโยชน์ที่จับต้องได้แก่ประชาชนในวงกว้างอย่างแท้จริง:

  • สำหรับชุมชนและผู้ประกอบการ: การจัดแสดงผลงานในครั้งนี้ช่วยยกระดับและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมถึงเรื่องราวอันทรงคุณค่าของร้านค้าเก่าแก่ ซึ่งหลายครั้งอาจถูกมองข้าม นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมให้ธุรกิจดั้งเดิมได้ต่อยอดสู่ธุรกิจสร้างสรรค์ใหม่ๆ สร้างมูลค่าเพิ่มและโอกาสทางเศรษฐกิจในระดับชุมชน ทำให้ย่านธนาลัยเป็นย่านที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาและเติบโตอย่างยั่งยืน
  • สำหรับเยาวชนและคนรุ่นใหม่: โครงการนี้เปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาจากผู้สูงอายุโดยตรง ผ่านกิจกรรมที่สร้างสรรค์และน่าสนใจ เป็นการบ่มเพาะความสัมพันธ์และความเข้าใจระหว่างช่วงวัย พร้อมทั้งเสริมสร้างทักษะด้านศิลปะและการทำงานร่วมกับชุมชน ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาในอนาคต
  • สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือน: นิทรรศการนำเสนอการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในรูปแบบใหม่ ที่ไม่เพียงแต่ได้ชม แต่ยังได้สัมผัสและมีส่วนร่วม ผู้มาเยือนจะได้เข้าถึงเรื่องราวและจิตวิญญาณของย่านธนาลัยอย่างลึกซึ้งผ่านศิลปะ อาหาร และประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป สร้างแรงบันดาลใจและเชื่อมโยงความรู้สึกกับท้องถิ่น
  • สำหรับจังหวัดเชียงราย: โครงการนี้เป็นการขับเคลื่อนให้เชียงรายก้าวสู่การเป็นเมืองแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างเป็นรูปธรรม การผนวกศิลปะเข้ากับการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจ ช่วยสร้างเอกลักษณ์และความน่าสนใจให้กับเมือง ดึงดูดทั้งนักลงทุน นักสร้างสรรค์ และนักท่องเที่ยว ก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวม

นิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” จึงไม่ใช่เพียงอดีตที่หวนคืนมา หากแต่เป็นบทเริ่มต้นของการสร้างสรรค์อนาคตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนสำหรับย่านธนาลัยและจังหวัดเชียงราย ด้วยพลังแห่งศิลปะและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการได้ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม – 8 กันยายน 2568 เวลา 10.00 – 16.00 น. (หยุดวันจันทร์) ณ บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย จังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • โครงการส่งเสริมศักยภาพและสร้างเครือข่ายนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จังหวัดเชียงราย
  • กลุ่มเครือข่ายศิลปิน นักสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการ ชุมชน
  • บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เชียงใหม่
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE LIFESTYLE

เหล็กดัดคืนชีพ! ศิลปินรุ่นใหม่สร้างงานจากความงามที่ถูกมองข้ามในย่านธนาลัย

เปิดมิติใหม่แห่งความคิดสร้างสรรค์: “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” นิทรรศการพลิกโฉมย่านประวัติศาสตร์เชียงราย สู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีชีวิตชีวา

เชียงราย, 9 สิงหาคม 2568 – เมื่อวานนี้ (8 สิงหาคม 2568) ณ บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย จังหวัดเชียงราย ได้มีการเปิดม่านนิทรรศการครั้งสำคัญในชื่อ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” ภายใต้โครงการส่งเสริมศักยภาพและสร้างเครือข่ายนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จังหวัดเชียงราย นิทรรศการนี้ไม่เพียงเป็นการรวบรวมผลงานศิลปะ หากแต่เป็นหมุดหมายของการชุบชีวิตอดีต ผสานกับวิสัยทัศน์เพื่ออนาคต เพื่อขับเคลื่อนย่านการค้าเก่าแก่ให้กลายเป็นพื้นที่สร้างสรรค์และแหล่งรวมแรงบันดาลใจที่ยังคงคุณค่าอย่างร่วมสมัย

ย่านธนาลัยและในเวียงของจังหวัดเชียงรายนั้น เป็นพื้นที่ที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องราวทางศิลปะ วัฒนธรรม และเป็นศูนย์รวมของร้านค้าเก่าแก่ที่ดำรงอยู่คู่กับธุรกิจของคนรุ่นใหม่ ในอดีต ย่านท่า นารายณ์ (ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “ธนาลัย”) ถือเป็นศูนย์กลางการค้าและความเจริญรุ่งเรือง นิทรรศการนี้จึงเข้ามาทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมร้อยเรื่องราวในอดีตสู่ปัจจุบัน โดยนำเสนอพัฒนาการทางเศรษฐกิจและสังคม ศิลปะ วัฒนธรรม ผสมผสานกับการร่วมมือกันระหว่างผู้ประกอบการรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ เพื่อพัฒนาและต่อยอดแบรนด์กิจการดั้งเดิมไปสู่ธุรกิจสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ ความพิเศษของโครงการนี้คือการถ่ายทอดประสบการณ์ ความทรงจำ และข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า เพื่อเปิดมุมมองสู่โอกาสใหม่ในการพัฒนาต่อยอดไปสู่การเป็นย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีชีวิต

ความงามที่ถูกมองข้าม” หัวใจสำคัญของการตีความใหม่จากเหล็กดัด

หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นและเป็นตัวอย่างสะท้อนแนวคิดหลักของนิทรรศการได้อย่างชัดเจนคือชิ้นงานชื่อ ธนาลัย” โดย นางสาวพุทธรักษ์ ดาษดา ศิลปินและนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ เธอได้หยิบยกแรงบันดาลใจจาก ความงามที่ถูกมองข้าม” ซึ่งปรากฏอยู่ในองค์ประกอบเล็กๆ ในสถาปัตยกรรมของเมืองเก่าเชียงราย นั่นคือ ลูกกรงเหล็กดัดหน้าต่าง” ที่พบเห็นได้มากมายในย่านธนาลัย เหล็กดัดเหล่านี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ส่วนประกอบทางสถาปัตยกรรม แต่ยังสะท้อนถึงรสนิยม ความตั้งใจ และภูมิปัญญาของผู้สร้างในยุคสมัยหนึ่ง รวมถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

นางสาวพุทธรักษ์ได้อธิบายถึงแรงบันดาลใจนี้ว่า จากการลงพื้นที่สำรวจย่านท่า นารายณ์ เธอได้พบเห็นเหล็กดัดเป็นจำนวนมาก ทั้งในส่วนของหน้าต่าง ประตู หรือแม้กระทั่งระเบียง ซึ่งนำไปสู่การเลือกใช้เทคนิคเหล็กดัดมาเป็นแกนหลักในการสร้างสรรค์ผลงาน โดยเปลี่ยนจากการทำงานภาพวาดหรือประติมากรรมแบบเดิมๆ ศิลปินได้ตีความลวดลายเหล็กดัดเหล่านี้ขึ้นใหม่ ผ่านการออกแบบในรูปแบบของ เหล็กดัดประดับฉากกั้นห้องแบบพับได้” ที่ไม่เพียงใช้งานได้จริง แต่ยังทำหน้าที่สื่อสารทางความคิดได้อย่างลึกซึ้ง กระบวนการสร้างสรรค์เริ่มต้นจากการสังเกตและเก็บข้อมูลรูปแบบของเหล็กดัดในย่านธนาลัยอย่างพิถีพิถัน จากนั้นจึงนำมาออกแบบร่างต้นแบบในขนาดเล็ก ก่อนจะขยายแบบให้เป็นสเกล 1:1 และดำเนินการดัดโลหะตามแบบ รวมถึงเชื่อมประกอบเข้าด้วยกันอย่างประณีต เพื่อให้ได้ลวดลายตรงตามจินตนาการของผู้สร้างสรรค์ และยังคงจิตวิญญาณของเหล็กดัดยุคเก่าไว้ได้อย่างร่วมสมัย นอกจากนี้ ผลงานยังผสมผสานธีมของพหุวัฒนธรรม โดยได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมจีน และลวดลายผ้ามาใช้ในการออกแบบฉากกั้น

จากศิลปะสู่จุดเริ่มต้นของการสนทนาและประโยชน์ต่อสาธารณะ

ผลงานชิ้นนี้ของพุทธรักษ์ ดาษดา ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงเพื่อความสวยงามเชิงประติมากรรมหรือการตกแต่งเท่านั้น แต่ยังตั้งใจให้เป็น จุดเริ่มต้นของการสนทนา” เกี่ยวกับการกลับมามองพื้นที่เก่าในเมืองด้วยสายตาใหม่ นี่คือหัวใจสำคัญที่นิทรรศการพยายามสื่อสารสู่สาธารณะ ผลงานศิลปะเหล่านี้ทำหน้าที่เชื้อเชิญให้ผู้คนร่วมกันจินตนาการถึงอนาคตของเมืองเก่า ว่าพื้นที่เหล่านี้สามารถถูกใช้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ เป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจ และเป็นพื้นที่ร่วมสมัยที่มีคุณค่าได้อย่างไรอีกครั้ง

ในมุมมองของประโยชน์ที่ประชาชนทั่วไปจะได้รับ นิทรรศการนี้เป็นมากกว่าการจัดแสดงงานศิลปะ แต่เป็นการกระตุ้นให้เกิดการตระหนักรู้ถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชุมชน ผ่านการนำเสนอที่เข้าถึงง่ายและน่าสนใจ การนำ “ความงามที่ถูกมองข้าม” อย่างเหล็กดัด มาสร้างสรรค์ใหม่ ทำให้ประชาชนได้เห็นว่าสิ่งเล็กๆ ในชีวิตประจำวันก็สามารถเป็นแรงบันดาลใจและมีคุณค่ามหาศาลได้ การจัดแสดงยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการคิดนอกกรอบ และการประยุกต์ใช้มรดกทางวัฒนธรรมเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ และพัฒนาศักยภาพของคนในพื้นที่ ทั้งศิลปิน ผู้ประกอบการ และชุมชน การเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้ร่วมสร้างสรรค์และต่อยอดธุรกิจดั้งเดิม ยังเป็นการรักษาอัตลักษณ์ของเมืองไว้พร้อมกับการเติบโตในยุคสมัยใหม่ นอกจากนี้ การที่นิทรรศการเป็นความร่วมมือระหว่างศิลปิน นักสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการ ชุมชน และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน สะท้อนให้เห็นถึงพลังของการรวมตัวกันเพื่อเป้าหมายร่วมกันในการยกระดับเชียงรายให้เป็นย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีชีวิตชีวาอย่างแท้จริง นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่า ศิลปะและวัฒนธรรมสามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเมือง และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชนได้อย่างไร

นิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม – 8 กันยายน 2568 เวลา 10.00 – 16.00 น. (หยุดวันจันทร์) ณ บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย จังหวัดเชียงราย จึงขอเชิญชวนประชาชนและผู้สนใจร่วมสัมผัสประสบการณ์และแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของย่านธนาลัย ที่จะเชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และชักชวนให้ร่วมกันจินตนาการถึงอนาคตของเมืองเชียงรายไปพร้อมกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ศิลปิน นางสาวพุทธรักษ์ ดาษดา
  • เอกสารเผยแพร่และข่าวประชาสัมพันธ์ของนิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย”
  • สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เชียงใหม่ (CEA Chiang Mai)
  • มูลนิธิมดชนะภัย
  • กลุ่มเครือข่ายศิลปิน นักสร้างสรรค์ ผู้ประกอบการ และชุมชน จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE LIFESTYLE

นิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE” ปลุกชีพย่าน “ธนาลัย” สู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์

นิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” เปิดมิติใหม่สู่การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในจังหวัดเชียงราย

เชียงราย, 9 สิงหาคม 2568 –ผสมผสานรากเหง้าทางวัฒนธรรมกับนวัตกรรมของคนรุ่นใหม่ หวังปลุกชีพย่านการค้าเก่าแก่ให้กลับมาคึกคัก พร้อมดึงดูดนักสร้างสรรค์และนักลงทุนสู่ถิ่นฐาน เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย จังหวัดเชียงราย ได้มีการเปิดนิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” อย่างเป็นทางการ. นิทรรศการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมศักยภาพและสร้างเครือข่ายนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ในย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จังหวัดเชียงราย. โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมืออันแข็งแกร่งระหว่างสำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์กร มหาชน) เชียงใหม่, นักสร้างสรรค์ท้องถิ่น, และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดเชียงราย. กิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอผลงานผ่านแนวคิดการออกแบบและกิจกรรมสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของย่านการค้าธนาลัย ตลอดจนถ่ายทอดประสบการณ์ ความทรงจำ และข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า.

พลิกฟื้นย่านเก่าแก่จากอดีตสู่โอกาสในอนาคต

ย่านธนาลัยและย่านในเวียง ถูกเลือกให้เป็นพื้นที่เป้าหมายสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมครั้งนี้ เนื่องจากเป็นย่านการค้าเก่าแก่ที่มีความคึกคักในอดีต และยังคงเป็นจุดเชื่อมต่อของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรม ทั้งพ่อค้าชาวจีน ชาวพม่า และกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐาน. พื้นที่เหล่านี้มีเสน่ห์เฉพาะตัวจากวิถีชีวิต อาคารเก่า ร้านค้าโบราณ รวมถึงทุนทางศิลปะวัฒนธรรมที่ยังคงมีชีวิตชีวา. สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์มองเห็นว่าย่านทั้งสองแห่งนี้มีศักยภาพที่แข็งแกร่งจากรากฐานทางวัฒนธรรม วิถีชีวิต ศิลปะที่สืบทอดกันมา รวมถึงอาคารสถาปัตยกรรมและวัดวาอารามเก่าแก่. ความหลากหลายทางวัฒนธรรมนี้เองถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญ และเป็นโอกาสในการพัฒนาต่อยอดสู่ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีชีวิต.

นายเอกพงษ์ ใจบุญ หัวหน้าโปรเจกต์ “Back to the future การละครั้งหนึ่ง ณ พนาลัย” ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ว่า โครงการนี้ไม่เพียงแค่ส่งเสริมเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นกระบวนการฟื้นฟู รักษา และต่อยอดมรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น เพื่อส่งต่อคุณค่าเหล่านี้สู่ “อนาคตอย่างยั่งยืน”. โดยมีเป้าหมายให้เชียงรายเป็นต้นแบบและเมืองต้นแบบสำคัญที่สามารถหลอมรวมอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเข้าด้วยกันได้อย่างกลมกลืน. หนึ่งในวัตถุประสงค์หลักคือการสร้างเครือข่ายของนักสร้างสรรค์และชุมชน เพื่อแสดงพลังในการขับเคลื่อนพื้นที่ไปสู่เป้าหมายเดียวกัน. นอกจากนี้ยังมุ่งสร้างการรับรู้ถึงศักยภาพของพื้นที่ เพื่อให้คนภายนอกและคนเชียงรายเองมองเห็นโอกาสในการต่อยอดสร้างอาชีพ สร้างเศรษฐกิจ และดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้กลับคืนถิ่นเพื่อลงทุนและพัฒนาพื้นที่. ในท้ายที่สุด นำไปสู่การเป็นย่านที่น่าอยู่ น่าลงทุน และน่าท่องเที่ยวในอนาคต.

ถักทอเรื่องราวผ่านผลงานศิลปะการตีความใหม่จากนักสร้างสรรค์

นิทรรศการครั้งนี้รวบรวมผลงานของนักสร้างสรรค์ 5 กลุ่ม/ท่าน ซึ่งแต่ละผลงานล้วนได้รับแรงบันดาลใจและสะท้อนเรื่องราวจากย่านธนาลัยในมุมมองที่แตกต่างกันออกไป.

นายเอกพงษ์ ใจบุญ ในฐานะศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงาน "Peony" (ดอกโบตั๋น)
นายเอกพงษ์ ใจบุญ

ในฐานะศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงาน “Peony” (ดอกโบตั๋น) ได้นำเสนอประติมากรรมนูนต่ำเชิงสัญลักษณ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากย่านธนาลัย ซึ่งในอดีตเคยเป็นย่านการค้าที่รุ่งเรืองและมีคนไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก. “ดอกโบตั๋น” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ ความมั่งคั่ง และความเจริญรุ่งเรืองในวัฒนธรรมจีน ถูกนำมาผสานกับองค์ประกอบศิลปกรรมของสถาปัตยกรรมดั้งเดิม เช่น ลายฉลุ ลายไม้แกะสลัก โดยใช้เทคนิคช่างไม้โบราณและวัสดุธรรมชาติอย่างไม้ตะเคียน ไม้แดง และไม้จำปี พร้อมประยุกต์การประกอบไม้ด้วยกาวและหมุดทองเหลือง. ผลงานนี้ไม่เพียงสะท้อนความงามเหนือกาลเวลา แต่ยังตีความ “ความมั่งคั่ง” ในความหมายใหม่ที่รวมถึงความมั่งคั่งทางจิตวิญญาณและความคิดสร้างสรรค์.

นางสาวพุทธรักษ์ ดาษดา นำเสนอผลงานชื่อ "ธนาลัย" โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก "เหล็กดัด"
นางสาวพุทธรักษ์ ดาษดา

 นำเสนอผลงานชื่อ “ธนาลัย” โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก “เหล็กดัด” ที่พบเห็นได้ทั่วไปในย่านธนาลัย ไม่ว่าจะเป็นหน้าต่าง ประตู หรือระเบียง. เธอได้เปลี่ยนเทคนิคจาก Painting และปั้น มาใช้เหล็กดัดในการสร้างสรรค์ฉากกั้นห้องแบบพับได้ โดยผสมผสานเรื่องราวของพหุวัฒนธรรมและลายผ้าเข้าด้วยกัน. ลวดลายเหล็กดัดเหล่านี้ไม่เพียงสะท้อนรสนิยมและภูมิปัญญาในอดีต แต่ยังแฝงไว้ด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์. ผลงานของเธอตั้งใจเป็น “จุดเริ่มต้นของการสนทนา” เพื่อชวนให้มองพื้นที่เก่าในเมืองด้วยสายตาใหม่ ว่าสามารถเป็นพื้นที่สร้างสรรค์และแรงบันดาลใจที่ร่วมสมัยได้อีกครั้ง.

นางสาวสิริฉาย เอาฬาร เลือกที่จะหันกลับมามอง "ราก" ของผู้คนในย่านธนาลัยผ่านแนวคิด "Sketch the past, Draw the future" หรือ "วาดอดีต สู่ อนาคต". โครงการ "Food Sketch Tour"
นางสาวสิริฉาย เอาฬาร

เลือกที่จะหันกลับมามอง “ราก” ของผู้คนในย่านธนาลัยผ่านแนวคิด “Sketch the past, Draw the future” หรือ “วาดอดีต สู่ อนาคต”. โครงการ “Food Sketch Tour” ของเธอเชิญชวนเยาวชนให้วาดภาพอาหารจากร้านเก่าแก่และรับฟังเรื่องเล่าจากเจ้าของร้านผู้ผ่านประสบการณ์ยาวนาน. กิจกรรมนี้สร้างบทสนทนาระหว่างรุ่นที่เต็มไปด้วยความเข้าใจและความอบอุ่น ซึ่งเรื่องเล่าเหล่านี้ถูกกลั่นกรองออกมาเป็นภาพวาดอาหารที่เปี่ยมด้วยความทรงจำและความหมาย. การจัดแสดงผลงานที่ไม่เหมือนใครนี้ โดยการจัดวางภาพวาดบนโต๊ะอาหารจริงใน “มื้อสร้างสรรค์” เชิญชวนผู้ชมให้ “ลิ้มรสเรื่องราว” ทั้งผ่านสายตาและประสบการณ์การกิน. แนวคิดนี้จึงไม่หยุดแค่การอนุรักษ์ปัญญาเก่าแก่ แต่เป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านการเชื่อมโยงคนต่างวัยและส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในระดับชุมชน.

กลุ่มศิลปิน ไส้ติ่ง โซไซตี้ (SIDETHINK SOCIETY) ให้ความสนใจกับ "ประวัติศาสตร์" ที่ไม่ถูกบันทึกไว้ในตำรา แต่ถ่ายทอดผ่านสิ่งของ สถานที่ และวิถีชีวิต.
กลุ่มศิลปิน ไส้ติ่ง โซไซตี้ (SIDETHINK SOCIETY)

 ให้ความสนใจกับ “ประวัติศาสตร์” ที่ไม่ถูกบันทึกไว้ในตำรา แต่ถ่ายทอดผ่านสิ่งของ สถานที่ และวิถีชีวิต. พวกเขามองเห็นคุณค่าของประวัติศาสตร์ท้องถิ่นในย่านธนาลัย ซึ่งเป็นจุดบรรจบของเรื่องราวมากมายทั้งมิติชาติพันธุ์ ศาสนา และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ “ประวัติศาสตร์การค้า” ที่สะท้อนผ่านอาคาร ร้านค้า และวิถีชีวิต. กลุ่มฯ ได้จัดกิจกรรม “การเสวนาแลกเปลี่ยน” เพื่อเชื่อมโยงประวัติศาสตร์กับพหุวัฒนธรรมของย่านธนาลัย. นอกจากการเสวนาแล้ว กลุ่มศิลปินยังได้รวบรวม “ของเก่า” และ “ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่จริง” ในย่านธนาลัย เพื่อนำมาจัดแสดงในนิทรรศการภายใต้ชื่อ “ลุ้นรรจความสัมพันธ์” ซึ่งเปรียบเสมือนภาชนะทางความคิดที่เก็บรวบรวมความทรงจำและเรื่องราวของผู้คน. แนวคิดนี้มุ่งเน้นว่า “เศรษฐกิจสร้างสรรค์” จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการร้อยเรียงอดีตเข้ากับปัจจุบันอย่างลึกซึ้ง เคารพต่อความหลากหลาย และเปิดโอกาสให้เรื่องเล่าเก่าๆ กลับมามีความหมายใหม่อีกครั้ง.

นายรชรินทร์ อินธุระ ศิลปินอีกท่านหนึ่ง ได้นำเสนอแนวคิดในการ "ยกระดับสินค้า" ของย่านธนาลัยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง.
นายรชรินทร์ อินธุระ

ศิลปินอีกท่านหนึ่ง ได้นำเสนอแนวคิดในการ “ยกระดับสินค้า” ของย่านธนาลัยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง. ภายใต้แนวคิด “Remake Thanalai” หรือ “ทนัย กู” (ของดีธนาลัย) เขาพยายามนำของที่มีอยู่ในร้านค้าต่างๆ มาจัดองค์ประกอบด้วยความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้กลายเป็นของใหม่ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น. ผลงานของเขา เช่น โคมไฟตั้งโต๊ะ โคมไฟตั้งพื้น ชั้นวางของ โต๊ะเล่นหมากรุก และพัด ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ผสมผสานจากของที่ได้จากร้านค้าในย่าน. จุดประสงค์หลักคือการนำเสนอความเป็นไปได้ที่หลากหลายและความสนุกในการเดินช้อปปิ้งในธนาลัยจากมุมมองใหม่ เพื่อให้เกิดแนวทางที่น่าสนใจในอนาคต สำหรับนักออกแบบหรือผู้คนในพื้นที่ที่จะร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และสร้างความคึกคักให้กับพื้นที่ต่อไป.

ประโยชน์ของประชาชนการฟื้นฟูที่จับต้องได้และการสร้างโอกาสใหม่

นิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” และโครงการที่เกี่ยวข้องนี้ นำมาซึ่งประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมต่อประชาชนในหลายมิติ:

  • การฟื้นฟูและรักษาเอกลักษณ์ของพื้นที่: ประชาชนในท้องถิ่นได้เห็นคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของตนเองได้รับการอนุรักษ์และต่อยอด. การนำเสนอเรื่องราวผ่านศิลปะช่วยให้วิถีชีวิต อาคารเก่าแก่ และวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของย่านธนาลัยได้รับการจดจำและส่งต่อสู่คนรุ่นใหม่.
  • การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและอาชีพ: โครงการนี้กระตุ้นให้เกิดการมองเห็นศักยภาพของพื้นที่ในแง่ของการสร้างสรรค์ ทำให้เกิดโอกาสในการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมท้องถิ่น. การที่คนรุ่นใหม่กลับมาลงทุนและสร้างสรรค์ธุรกิจในพื้นที่ย่อมส่งผลให้เกิดการจ้างงานและรายได้หมุนเวียนในชุมชน.
  • การกระตุ้นการท่องเที่ยว: ด้วยการนำเสนอเสน่ห์ของย่านธนาลัยในมุมมองใหม่ ผสมผสานศิลปะ ประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิต นิทรรศการนี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้มาเยี่ยมเยือน ทำให้พื้นที่กลับมามีชีวิตชีวาและคึกคักอีกครั้ง.
  • การเสริมสร้างเครือข่ายและความร่วมมือ: โครงการเปิดโอกาสให้ชุมชน ผู้ประกอบการ และนักสร้างสรรค์ ได้ทำงานร่วมกัน. นี่คือเวทีที่ประชาชนสามารถสะท้อนความคิดเห็นและร่วมกำหนดทิศทางการพัฒนาบ้านเกิดของตนเองผ่านความร่วมมือ. การสร้างเครือข่ายนี้จะนำไปสู่โครงการระยะยาวที่ยั่งยืน.
  • การเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจ: ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะเยาวชน ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของท้องถิ่นผ่านรูปแบบที่น่าสนใจและเข้าถึงง่าย. ผลงานศิลปะที่จัดแสดงยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้มองเห็นสิ่งรอบตัวด้วยมุมมองใหม่ และเปิดโอกาสให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในชีวิตประจำวัน.

นิทรรศการ “BACK TO THE FUTURE : กาลครั้งหนึ่ง ณ ธนาลัย” จึงไม่ได้เป็นเพียงการแสดงงานศิลปะ แต่เป็นต้นแบบของการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยมีเชียงรายเป็นศูนย์กลางในการหลอมรวมอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เพื่อสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับชุมชนและประเทศชาติ. นิทรรศการจะจัดแสดงไปจนถึงวันที่ 8 กันยายน 2568 เวลา 10.00 – 16.00 น. (หยุดวันจันทร์).

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เชียงใหม่
  • บ้านสิงหไคล มูลนิธิมดชนะภัย
  • นักสร้างสรรค์และศิลปินกลุ่มต่างๆ: นายเอกพงษ์ ใจบุญ, นางสาวพุทธรักษ์ ดาษดา, นางสาวสิริฉาย เอาฬาร, กลุ่มศิลปิน ไส้ติ่ง โซไซตี้, และนายรชรินทร์ อินธุระ
  • เครือข่ายศิลปิน ชุมชน ผู้ประกอบการ ร้านค้าในพื้นที่ย่าน
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

อาจารย์เฉลิมชัยหนุนเต็มที่ นิทรรศการ ‘Small Is All’ เชื่อมศิลปะสู่ชุมชน

เชียงรายจัดนิทรรศการศิลปะ “Small Is All” ดึงพลังงานศิลปินท้องถิ่น ปลุกกระแสงานศิลป์สู่สายตาสาธารณชน ศิลปินชื่อดัง อาจารย์เฉลิมชัย – สุวิทย์ ใจป้อม ร่วมส่งแรงบันดาลใจ

เชียงราย, 22 มิถุนายน 2568 – บรรยากาศงานศิลปะในจังหวัดเชียงรายยังคงคึกคักไม่เสื่อมคลาย ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย โดยนางรัตนา จงสุทธานามณี นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย ได้เป็นประธานเปิดนิทรรศการศิลปะ “Small Is All” ณ ชั้น G Central Art Gallery ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ภายใต้แนวคิด “เล็กแต่ครบ – ทุกอย่างซ่อนอยู่ในสิ่งเล็ก” เพื่อแสดงพลังสร้างสรรค์ของศิลปินและเยาวชนท้องถิ่น ภายในงานได้รับความสนใจจากคณะผู้บริหาร ผู้ทรงคุณวุฒิ นักเรียน และประชาชน เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

เวทีเชื่อมโยงงานศิลป์-ชีวิตประจำวัน ดึงศิลปินระดับประเทศรวมพลัง


ในพิธีเปิดได้รับเกียรติจากศิลปินแห่งชาติและบุคคลสำคัญในวงการศิลปะ อาทิ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติผู้เป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจของศิลปินล้านนา อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม ตัวแทนกลุ่มศิลปิน “กระชากเส้นเล่นสี” นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย นายโชติศิริ ดารายน นายกสมาคมสื่อมวลชนและนักประชาสัมพันธ์เชียงราย และนายสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ต่างมาร่วมสะท้อนคุณค่าและเป้าหมายของงานศิลป์ในสังคมเชียงรายอย่างอบอุ่น

นางรัตนา จงสุทธานามณี กล่าวว่า นิทรรศการ “Small Is All” ถือเป็นเวทีเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงงานศิลป์สู่ผู้คนในชีวิตประจำวัน สะท้อนความภาคภูมิใจในฐานะคนเชียงรายที่มีศิลปินรุ่นใหม่และศิลปินระดับประเทศอยู่ร่วมกันอย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ที่ทุ่มเทสร้างสรรค์ผลงานศิลป์ซึ่งกลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองเชียงรายทั้งวัดร่องขุ่นและหอนาฬิกาเมืองเชียงราย ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างศิลปิน ผู้นำท้องถิ่น และชุมชน ส่งผลให้เชียงรายกลายเป็นหมุดหมายด้านศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญในระดับประเทศและนานาชาติ

พลังศิลปะจากรุ่นสู่รุ่น – “เล็กแต่ครบ” ที่ยิ่งใหญ่ในหัวใจผู้สร้าง


อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เผยว่า งานศิลปะครั้งนี้เป็นกิจกรรมดีที่เชื่อมผู้คนกับงานศิลป์ในระดับ “ใกล้ตัว” ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างแท้จริง แม้จะเป็นผลงานขนาดเล็ก แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง สะท้อนความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการของศิลปินรุ่นใหม่และเยาวชน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้แสดงศักยภาพและเข้าร่วมกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจต่อยอดสู่การเป็นศิลปินในอนาคต

ด้านอาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม ตัวแทนกลุ่มศิลปิน “กระชากเส้นเล่นสี” เน้นย้ำว่า ผลงานชิ้นเล็กเหล่านี้ไม่ใช่แค่การแสดงออกทางศิลปะเท่านั้น แต่คือการสื่อสารความคิดและความฝันของแต่ละบุคคลสู่สายตาผู้ชม ภายในงานมีผลงานมากกว่า 300 ชิ้นจากศิลปินหลากวัย ทุกคนที่สนใจสามารถส่งผลงานขนาดเล็กเข้าร่วมได้อย่างอิสระ โดยเฉพาะผลงานของเด็กพิเศษที่เข้ามาเติมเต็มความงามให้กับงานศิลป์ในนิทรรศการนี้

นายสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย กล่าวถึงบทบาทของศูนย์ฯ ที่สนับสนุนศิลปินท้องถิ่นในการนำเสนอผลงานแก่สาธารณชน พร้อมสร้างพื้นที่สร้างสรรค์ใหม่ๆ ให้ศิลปินได้เติบโต

สร้างแรงบันดาลใจศิลปินรุ่นใหม่ – เชื่อมชุมชนผ่านศิลปะ


บรรยากาศในวันเปิดนิทรรศการอบอวลไปด้วยความอบอุ่น ผู้ร่วมงานได้เดินชมผลงานศิลปะขนาดเล็ก หลากหลายเทคนิค จากศิลปินทั้งเด็ก เยาวชน คนรุ่นใหม่ ไปจนถึงศิลปินอาชีพ ก่อให้เกิดบทสนทนาใหม่ ๆ เกี่ยวกับคุณค่าและความหมายของศิลปะในชีวิตและสังคมปัจจุบัน งาน “Small Is All” กลายเป็นพื้นที่ที่ทุกคนเข้าถึงได้ สะท้อนว่า “ศิลปะอยู่ในทุกสิ่งและทุกคนคือศิลปิน”

บทสรุป – ศิลปะเชียงรายคือพลังสร้างสรรค์สังคม


นิทรรศการ “Small Is All” ไม่ได้เป็นเพียงเวทีจัดแสดงผลงานศิลปะเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่บ่มเพาะแรงบันดาลใจสำหรับศิลปินรุ่นใหม่ ผลักดันศิลปะเป็นพลังขับเคลื่อนเชียงรายในฐานะเมืองสร้างสรรค์และแลนด์มาร์คด้านศิลปะของภาคเหนืออย่างแท้จริง

สอบถามรายละเอียดนิทรรศการและร่วมสนับสนุนศิลปะเชียงราย


นิทรรศการ “Small Is All” เปิดแสดงตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2568 ณ ชั้น G Central Art Gallery ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย
  • กลุ่มศิลปิน “กระชากเส้นเล่นสี”
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

นิทรรศการภาพถ่ายที่เชียงราย สะท้อนหลากหลายวัฒนธรรมไทย

เชียงรายเปิดนิทรรศการ “ภาพถ่ายพหุวัฒนธรรมในประเทศไทย” จุดประกายคุณค่าความหลากหลายในสังคมไทย

เชียงราย, 31 พฤษภาคม 2568 – สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เปิดงาน “นิทรรศการภาพถ่าย: พหุวัฒนธรรมในประเทศไทย” หนึ่งในโครงการสำคัญที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ภายใต้โครงการพัฒนาการสร้างสรรค์งานศิลปะร่วมสมัย เพื่อสร้างคุณค่าทางสังคม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ณ หอแก้วพิพิธภัณฑ์ของโบราณ อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง (ไร่แม่ฟ้าหลวง) โดยจัดแสดงอย่างต่อเนื่องระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม ถึง 31 สิงหาคม 2568

จุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์นิทรรศการ

พิธีเปิดนิทรรศการจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ โดยมีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้นำจากองค์กรสำคัญทั้งด้านศิลปะ วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และการศึกษา อาทิ อ.นคร พงษ์น้อย ผู้อำนวยการอุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง, ผู้แทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย, สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมขัวศิลปะเชียงราย, มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, ประธานชมรมเชียงรายโฟโต้, ศิลปินเชียงราย, ช่างภาพ, และสื่อมวลชนจำนวนมาก

คุณอภินันท์ บัวหภักดี หัวหน้าโครงการฯ อดีตบรรณาธิการอนุสาร อ.ส.ท. นักเขียนและช่างภาพผู้มากประสบการณ์ นำทีมช่างภาพมืออาชีพทั้ง 8 คน ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพถ่ายหายากกว่า 100 ภาพที่บันทึกการเดินทางบนแผ่นดินไทยตลอดกว่า 30 ปี

นิทรรศการที่หลอมรวมหลากหลายชาติพันธุ์บนผืนแผ่นดินไทย

นิทรรศการ “พหุวัฒนธรรม สยามสมัย รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย” ไม่เพียงนำเสนอภาพถ่ายสวยงาม แต่ยังถ่ายทอดวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี ภาษา และความเชื่อของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ จากขุนเขาดอยสูงถึงผืนน้ำกว้างไกล สู่ท้องทุ่งอันอุดมทั่วประเทศไทย ภาพแต่ละภาพคือเรื่องเล่าเกี่ยวกับความหลากหลายทางชาติพันธุ์ที่หล่อหลอมความเป็นไทยอย่างลึกซึ้ง ผู้ชมจะได้สัมผัสความงดงามแห่งความร่วมมือ ความเข้าใจ และการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขของคนทุกกลุ่มบนผืนแผ่นดิน “ขวานทอง” แห่งนี้

ภายในพิธีเปิดยังได้รับเกียรติจากกลุ่มชาติพันธุ์อาข่าจากอำเภอแม่จัน และกลุ่มชาติพันธุ์อาข่าบ้านเมืองรวง ซึ่งเป็นบุคคลในภาพถ่ายหายาก ร่วมสร้างสีสันในงาน ขณะเดียวกันมีการอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ถ่ายทอดเทคนิคและประสบการณ์จากช่างภาพชื่อดัง เพื่อเปิดมุมมองใหม่ด้านศิลปะและวัฒนธรรมแก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป

เสริมสร้างความเข้าใจและการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม

หัวใจสำคัญของโครงการนี้คือการสื่อสารให้เด็ก เยาวชน และประชาชน ตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของความหลากหลายทางวัฒนธรรม โครงการเน้นย้ำการเคารพในความแตกต่าง รู้รักสามัคคี และเกื้อกูลกันในทุกกลุ่มชาติพันธุ์ อันเป็นรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในสังคมไทย

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีเวทีเสวนาพหุวัฒนธรรม หัวข้อ “พหุวัฒนธรรมกับการท่องเที่ยว” โดยผู้นำด้านศิลปะและการท่องเที่ยว อาทิ นคร พงษ์น้อย ผู้อำนวยการอุทยานศิลปวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง, วิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย และอภินันท์ บัวหภักดี หัวหน้าโครงการฯ ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์

ถ่ายทอดเรื่องราวจากผู้สร้างสรรค์งานศิลป์

รายชื่อช่างภาพที่ร่วมสร้างสรรค์ผลงานประกอบด้วย อภินันท์ บัวหภักดี, นันทพัฒน์ สุรสิงห์โตทอง, อดุล ตัณฑโกศัย, จิระพงษ์ วงศ์วิวัฒน์, Taro Evolutions, ชนาธิป อินทรวิชะ, จิตติมา ผลเสวก และกิ่งทอง มหาพรไพศาล แต่ละคนมีผลงานเป็นที่ยอมรับในวงการภาพถ่ายและศิลปะร่วมสมัย

คุณอภินันท์ บัวหภักดี กล่าวว่า นิทรรศการนี้จัดแสดงขึ้นเพื่อเป็นเวทีให้ช่างภาพมืออาชีพได้เล่าความงามของชีวิตและวัฒนธรรมไทยผ่านภาพถ่าย ให้เยาวชนและประชาชนได้เปิดใจรับความหลากหลาย สร้างแรงบันดาลใจในการอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว

โอกาสสำหรับเยาวชนและนักท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

โครงการยังมุ่งเน้นให้เกิดการมีส่วนร่วมของเยาวชน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ด้วยการจัด workshop เรื่องเล่าจากภาพถ่ายท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยเชิญช่างภาพทั้งสายกล้องโปรและกล้องมือถือมาแบ่งปันเทคนิคและประสบการณ์ ผู้สนใจสามารถสมัครร่วมกิจกรรมได้ผ่าน QR Code และ Facebook Page ของโครงการ

นอกจากนี้ โครงการยังเตรียมจัดทำหนังสือภาพ (Photo book) “ชุมชนวัฒนธรรมในประเทศไทย พหุวัฒนธรรมสยามสมัยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย” ในรูปแบบ e-book เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงเนื้อหาเชิงลึกและภาพถ่ายหายาก คาดว่าจะเปิดให้ดาวน์โหลดได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้

สะท้อนผลลัพธ์และแนวโน้มเชิงวัฒนธรรมในอนาคต

การจัดนิทรรศการในครั้งนี้ นับเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ด้านวัฒนธรรมร่วมสมัยของจังหวัดเชียงรายและประเทศไทย กระตุ้นให้เกิดการรับรู้ถึงความงดงามของวัฒนธรรมหลากหลายชาติพันธุ์บนผืนแผ่นดินเดียวกัน ขณะเดียวกันยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ สร้างความเข้าใจอันดีในหมู่ประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า โครงการนี้ช่วยยกระดับความตระหนักรู้เรื่อง “พหุวัฒนธรรม” ให้แก่คนไทย โดยหวังว่าประสบการณ์จากนิทรรศการจะเป็นแรงผลักดันให้สังคมไทยเปิดกว้าง รับฟัง และยอมรับความแตกต่างอย่างสร้างสรรค์ เพื่อความสงบสุขและความมั่นคงทางสังคมในระยะยาว

สถิติและข้อมูลอ้างอิง

  • นิทรรศการภาพถ่าย “พหุวัฒนธรรมในประเทศไทย” เป็น 1 ใน 23 โครงการที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ประจำปี 2568
  • มีภาพถ่ายหายากจาก 8 ช่างภาพมืออาชีพมากกว่า 100 ภาพ แสดงต่อเนื่อง 3 เดือน (31 พฤษภาคม – 31 สิงหาคม 2568)
  • คาดว่ามีผู้เข้าร่วมงานในพิธีเปิดและกิจกรรมกว่า 500 คน (ข้อมูลจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย)
  • รายได้จากการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดเชียงรายเติบโตต่อเนื่องกว่า 8% ต่อปี (ที่มา: สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
  • อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง (ไร่แม่ฟ้าหลวง)
  • สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
  • เพจ Facebook: เที่ยวไปตามใจหนุ่มพเนจร / หนุ่ม พเนจร / นิทรรศการภาพถ่ายพหุวัฒนธรรมในประเทศไทย
  • สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

วธ. จับมือ 111 ศิลปินเชียงราย Art for Earth สะท้อนวิกฤตโลก

เชียงราย ART FOR EARTH 2025 ศิลปะร่วมสมัยเพื่อปลุกพลังสิ่งแวดล้อมและจิตสำนึกสังคม

เปิดม่านศิลปะร่วมสมัยกลางหุบเขาเชียงราย

เชียงราย,7 พฤษภาคม 2568 จังหวัดเชียงรายกลายเป็นศูนย์กลางแห่งพลังสร้างสรรค์ เมื่อกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับศิลปินร่วมสมัยกว่า 111 คน เปิดนิทรรศการ CHIANG RAI ART FOR EARTH 2025 ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย พร้อมด้วยผลงานศิลปะกว่า 140 ชิ้น ถ่ายทอดเรื่องราวด้านสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และผลกระทบจากภัยพิบัติผ่านมุมมองศิลปะที่ลึกซึ้ง

ศิลปะร่วมสมัย Soft Power ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและจิตวิญญาณ

นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้กล่าวในพิธีเปิดว่า รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนทุนวัฒนธรรมและสร้าง Soft Power ผ่านศิลปะร่วมสมัย เพื่อยกระดับบทบาทของประเทศไทยในระดับนานาชาติ การรวมตัวของศิลปินทั่วประเทศในโครงการนี้ ถือเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างเป็นรูปธรรม

ปลุกพลังเยาวชนผ่านศิลปะ เปลี่ยนโลกด้วยพู่กัน

โครงการครั้งนี้เปิดโอกาสให้เยาวชนและประชาชนได้เรียนรู้ผ่านการมีส่วนร่วมกับศิลปิน ไม่เพียงแต่เป็นผู้ชม แต่ยังเป็นผู้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับโลกร้อน น้ำท่วม ภัยพิบัติ และผลกระทบต่อชุมชน เช่น กรณีน้ำท่วมเชียงรายปี 2567 ที่ส่งผลกระทบประชาชนกว่า 500,000 คน และสร้างความเสียหายมากกว่า 5,000 ล้านบาท

รศ.ศรีวรรณ เจนหัตถการกิจ แรงบันดาลใจเบื้องหลังโครงการ

รองศาสตราจารย์ศรีวรรณ เจนหัตถการกิจ ศิลปินร่วมสมัยผู้มีบทบาทสำคัญต่อวงการศิลปะไทย เป็นผู้ริเริ่มแนวคิดการจัดนิทรรศการครั้งนี้ ด้วยความตั้งใจจะใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือสื่อสารปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนให้ง่ายต่อความเข้าใจและเข้าถึงจิตใจคนทุกกลุ่ม

กิจกรรมสร้างสรรค์และการเรียนรู้เพื่อสังคม

โครงการนี้ประกอบด้วยกิจกรรมมากมาย ได้แก่

  • การอบรมเชิงปฏิบัติการ
  • การเสวนาออนไลน์ทั่วประเทศ
  • การแสดงบทกวีและดนตรีสร้างแรงบันดาลใจ
  • นิทรรศการศิลปะร่วมสมัยในพื้นที่จริงและออนไลน์
  • การจัดทำหนังสือรวมผลงานเพื่อเผยแพร่ทั่วประเทศ

ศิลปะสร้างสังคม เปลี่ยนความคิด สู่วิธีปฏิบัติ

เป้าหมายของโครงการไม่ใช่แค่ความงามเชิงศิลป์ หากแต่ต้องการ

  1. สื่อสารปัญหาสิ่งแวดล้อมผ่านศิลปะ
  2. กระตุ้นการเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม
  3. สร้างเครือข่ายศิลปินและนักวิชาการ
  4. ยกระดับบทบาทของศิลปะร่วมสมัยเพื่อสังคม

พลังศิลปะในภาคเหนือ เชียงรายคือหัวใจ

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวต้อนรับด้วยความภาคภูมิใจว่า เชียงรายเป็นเมืองแห่งศิลปะ โดยเคยเป็นเจ้าภาพงาน Thailand Biennale Chiang Rai 2023 และโครงการ ART FOR EARTH ครั้งนี้ ได้สร้างแรงกระเพื่อมใหม่อีกครั้ง พร้อมพัฒนาเศรษฐกิจ การศึกษา การท่องเที่ยว และสร้างบุคลากรทางศิลปะรุ่นใหม่

สถานที่และระยะเวลาดำเนินการ

  • วันที่ 3 – 5 พฤษภาคม: ณ หอศิลป์ศรีดอนมูล อาร์ต สเปซ อ.เชียงแสน
  • วันที่ 7 – 31 พฤษภาคม: ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย

ศิลปะคือพลังที่เปลี่ยนแปลงโลกได้จริง

โครงการ CHIANG RAI ART FOR EARTH 2025 คือเวทีที่ศิลปินนำความรู้สึก ความคิด และพลังแห่งศิลปะมาหล่อหลอมเป็นพลังบวกให้สังคม ได้ตระหนักและลงมือแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • น้ำท่วมเชียงรายปี 2567 ส่งผลกระทบกว่า 500,000 คน
  • ความเสียหายจากน้ำท่วมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท (ที่มา: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
  • ค่าฝุ่น PM2.5 ในเขตเมืองเชียงรายในช่วงฤดูแล้งปี 2567 สูงกว่าค่ามาตรฐาน WHO กว่า 2.5 เท่า (ที่มา: กรมควบคุมมลพิษ)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมควบคุมมลพิษ (www.pcd.go.th)
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (www.disaster.go.th)
  • สำนักงานศิลปะร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม (www.ocac.go.th)
  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายเฟ้นหา 46 ศิลปิน คนรุ่นใหม่ ขัวศิลปะ

เชียงรายเปิดโครงการ “Artbridge Young Artist 2025” ปลุกพลังศิลปินรุ่นใหม่ สู่เวทีศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ

ประเทศไทย, 10 เมษายน 2568 – จังหวัดเชียงรายเดินหน้าส่งเสริมศิลปะร่วมสมัยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ได้มีการจัดพิธีเปิดโครงการ “ศิลปินรุ่นใหม่ขัวศิลปะ Artbridge Young Artist 2025” ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (Chiang Rai Contemporary Art Museum: CCAM) ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยมี อาจารย์นคร พงษ์น้อย ผู้อำนวยการอุทยานศิลปะและวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง เป็นประธานในพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ

ขัวศิลปะ จุดศูนย์กลางพลังสร้างสรรค์ของศิลปินเชียงราย

โครงการศิลปินรุ่นใหม่ขัวศิลปะ “Artbridge Young Artist 2025” จัดขึ้นโดย สมาคมขัวศิลปะ จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาศิลปินในภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายซึ่งมีรากฐานทางศิลปะเข้มแข็งมาอย่างยาวนาน โครงการในปีนี้จัดขึ้นระหว่างเดือนเมษายน – มิถุนายน 2568 โดยมีเป้าหมายเพื่อเปิดพื้นที่การแสดงออกทางศิลปะให้แก่ ศิลปินรุ่นใหม่จำนวน 46 คน ที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย พื้นที่แห่งนิเวศน์ศิลปะ

การจัดโครงการครั้งนี้มีสถานที่หลักอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM) ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางศิลปะร่วมสมัยแห่งใหม่ของภาคเหนือ โครงการมุ่งส่งเสริมให้ศิลปินรุ่นใหม่ได้พัฒนาผลงานภายใต้ “นิเวศน์แห่งศิลปะ” (Artistic Ecosystem) ซึ่งรวมถึงการฝึกปฏิบัติจริง การรับคำแนะนำจากศิลปินอาวุโส การนำเสนอผลงานสู่สาธารณะ และการเรียนรู้ผ่านเวิร์กชอปเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา

ภายในพิธีเปิด มีศิลปินอาวุโสและศิลปินเชียงรายผู้มีชื่อเสียงหลายท่านร่วมให้กำลังใจแก่เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และถ่ายทอดแรงบันดาลใจในการทำงานศิลปะอย่างใกล้ชิด

บทบาทของภาครัฐและท้องถิ่นในการผลักดันศิลปะร่วมสมัย

ภายในงานมีการมอบหนังสือสูจิบัตร Thailand Biennale Chiang Rai 2023 ให้แก่ศิลปินรุ่นใหม่ทั้ง 46 คน โดย นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางวนิดาพร ธิวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม และ นายวรพล จันทร์คง นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ เป็นผู้แทนมอบ เพื่อเป็นต้นทุนทางความรู้ที่ช่วยส่งเสริมวิสัยทัศน์และแนวคิดด้านศิลปะร่วมสมัย

การสนับสนุนดังกล่าวสะท้อนถึงแนวทางเชิงรุกของจังหวัดเชียงรายในการผลักดัน “Soft Power” ผ่านศิลปะและวัฒนธรรม โดยมุ่งหวังให้ศิลปินรุ่นใหม่มีบทบาทในการขับเคลื่อนเมืองแห่งศิลปะและสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่ยั่งยืน

เป้าหมายระยะยาว เชียงรายกับบทบาทบนเวทีศิลปะนานาชาติ

จังหวัดเชียงรายกำลังอยู่ในกระบวนการผลักดันเข้าสู่การเป็นสมาชิก เครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก (UNESCO Creative Cities Network) โดยใช้ศิลปะร่วมสมัยเป็นกลไกสำคัญ โครงการ Artbridge Young Artist ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ช่วยเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร ความรู้ และการสร้างผลงานที่มีคุณภาพระดับสากล เพื่อยกระดับเชียงรายสู่ศูนย์กลางศิลปะระดับภูมิภาคและระดับโลก

ศิลปินรุ่นใหม่ พลังแห่งความหวังในโลกศิลปะร่วมสมัย

ศิลปินรุ่นใหม่ที่ได้รับคัดเลือกในปี 2568 นี้ มีทั้งนักศึกษาศิลปะจากมหาวิทยาลัยในภาคเหนือ เยาวชนจากชุมชน และศิลปินอิสระจากพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยแต่ละคนจะได้รับโอกาสในการสร้างสรรค์ผลงานภายใต้การดูแลของพี่เลี้ยงศิลปินมืออาชีพ ทั้งยังมีโอกาสจัดแสดงนิทรรศการ ณ CCAM และมีส่วนร่วมในการสร้างกิจกรรมศิลปะในชุมชน

บทวิเคราะห์ ขัวศิลปะกับการสร้างระบบนิเวศศิลปะของภาคเหนือ

การจัดตั้งโครงการเชิงต่อเนื่องของสมาคมขัวศิลปะ เช่น Artbridge Young Artist ช่วยให้เชียงรายสามารถสร้าง ระบบนิเวศศิลปะ” (Art Ecosystem) ที่ประกอบด้วย

  • พื้นที่แสดงงานและแลกเปลี่ยน
  • กลไกการสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่
  • การบ่มเพาะศิลปินอย่างเป็นระบบ
  • การพัฒนาทุนวัฒนธรรมให้เกิดคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคม

ในภาพรวม การขับเคลื่อนของขัวศิลปะสะท้อนถึงแนวโน้มของจังหวัดเชียงรายที่จะกลายเป็น มหานครแห่งศิลปะร่วมสมัย ของภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในอนาคตอันใกล้

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว

  • จำนวนศิลปินรุ่นใหม่ที่เข้าร่วมโครงการ Artbridge Young Artist 2025: 46 คน
  • จำนวนผู้เข้าชมนิทรรศการศิลปะในเชียงราย ปี 2567: กว่า 180,000 คน (ข้อมูลจากสมาคมขัวศิลปะ)
  • มูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของเชียงรายในสาขาศิลปะร่วมสมัย ปี 2567: ประมาณ 87 ล้านบาท (สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย)
  • จำนวนพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรีในเชียงราย: 23 แห่ง (รวมทั้งภาครัฐและเอกชน)
  • นักท่องเที่ยวที่เดินทางเพื่อเยี่ยมชมงานศิลปะโดยตรงในจังหวัดเชียงราย: คิดเป็น 12.4% ของนักท่องเที่ยวทั้งจังหวัด (จากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด 6.19 ล้านคน ปี 2567)
  • งาน Thailand Biennale Chiang Rai 2023: มีผู้เข้าร่วมกว่า 350,000 คน ตลอดระยะเวลาจัดงาน (ข้อมูลจากกระทรวงวัฒนธรรม)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สมาคมขัวศิลปะ จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย
  • กระทรวงวัฒนธรรม
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย (CCAM)
  • ศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • รายงานผลการจัดงาน Thailand Biennale Chiang Rai 2023
  • UNESCO Creative Cities Network Thailand Coordination Unit
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
CULTURE

เปิดกรุสมบัติหมื่นล้าน ดร.ถวัลย์ ดัชนี“สมบัติชั่วนิรันดร์แห่งเอเชีย”

 

เปิดตัวปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ ที่จะพาดำดิ่งสู่โลกศิลปะ และทะยานสู่โลกอนาคตไปพร้อม ๆ กันกับสุดยอดนวัตกรรมการลงทุนด้านศิลปะครั้งแรกของโลก ART INVESTMENT CENTER ”The next level of passion investment” ศูนย์กลางการลงทุนด้านศิลปะ และของสะสมล้ำค่าแบบครบวงจร ที่จะเชื่อมทั้งสองโลกเข้าไว้ด้วยกัน กับสุดยอดแพลตฟอร์มอัจฉริยะแบบไร้ขีดจำกัด ระดับ The Ultimate Luxury Platforms พร้อมบริการครบจบทุกมิติในหนึ่งเดียวแบบ ONE-STOP SERVICE & ALL IN ONE SOLUTION OFFLINE / ONLINE / MOBILE ด้วยความร่วมมือระหว่าง ดร.ดอยธิเบศร์ ดัชนี CEO & Founder ART INVESTMENT CENTER ร่วมมือกับสุดยอดพันธมิตรทั้งภาครัฐ และเอกชนระดับแนวหน้าของประเทศ เพื่อแก้ปัญหาที่ไม่เคยมีทางออก เพื่อสร้างโอกาสที่ไม่เคยมีทางเลือก เพื่อเชื่อมโยงทุกเครือข่ายเพิ่มส่วนต่อขยาย สร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่มในผลงานศิลปะ และของสะสมล้ำค่า ส่งเสริมผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้กลายเป็นรายได้หลักของประเทศในอนาคต และเป็นเป้าหมายของนักลงทุนจากทั่วโลก “มาร่วมกันเปลี่ยนโลกใบเก่า ด้วยการสร้างระบบนิเวศใหม่” เพื่อเป็น “ต้นแบบนวัตกรรมสร้างสรรค์เพื่อสังคมอย่างยั่งยืน” ปักหมุดหมายให้ประเทศไทยเป็น “กรุสมบัติ ชั่วนิรันดร์ แห่งเอเชีย”

พร้อมร่วมชมนิทรรศการครั้งสำคัญ เพื่อฉลองวาระพิเศษในโอกาสความสัมพันธ์ครบรอบ 12 ปี ระหว่าง พิพิธภัณฑ์บ้านดำ และ สยามพิวรรธน์ กับ “The Eternal Treasure of Asia” “สมบัติชั่วนิรันดร์แห่งเอเชีย” เปิดกรุสมบัติหมื่นล้านจากพิพิธภัณฑ์และนักสะสมชั้นนำระดับโลก ที่รวบรวมสุดยอดของผลงานศิลปะของศิลปินแห่งชาติ ดร.ถวัลย์ ดัชนี ที่ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน ตลอดจนสุดยอดของสะสมล้ำค่าระดับ World-Class ที่หาชมยาก พร้อมเปิดโอกาสให้คนรักงานศิลป์ได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิดเฉพาะในงานนี้เท่านั้น! ณ Fashion Gallery ชั้น 1สยามพารากอน

งาน Grand Opening ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ กับการแสดงชุดเภรีกำนาทเฟือนฟ้าไหวตะวัน โดยคณะ Tiger Drumเปิดตัวคฑาสุริยคราสจักราวตาร กุญแจแห่งจักรวาล สร้างโดยศิลปิน อัฐพล คำวงษ์ ผู้สร้างโกศบรรจุอัฐิของอาจารย์ถวัลย์ นำแสดงโดย คณะ The Thais พร้อมทั้งมีแขกผู้มีเกียรติหลากหลายวงการ ศิลปิน และนักสะสมเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง เมื่อในวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา

ดร.ดอยธิเบศร์ ดัชนี CEO & Founder ART INVESTMENT CENTER เปิดเผยถึงสุดยอดนวัตกรรมแพลตฟอร์มอัจฉริยะแบบไร้ขีดจำกัด “ART INVESTMENT CENTER” ว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากการตกผลึกของปัญหาที่ไม่เคยมีทางออกที่สะสมมาเป็นเวลายาวนาน เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบเก่าได้ แต่เราสามารถสร้างระบบนิเวศใหม่ให้ดีขึ้นได้ ผมต้องการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และยั่งยืนให้กับวงการ โดยใช้ประสบการณ์ทั้งหมดในชีวิต บวกกับการเตรียมโครงการนี้เป็นเวลาหลายปีในการพัฒนาแพลตฟอร์มอัจฉริยะแบบไร้ขีดจำกัด ในรูปแบบ The Ultimate Luxury Platforms เพื่อเชื่อมโยงทั้งสองโลกเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งในแบบ OFFLINE และ ONLINE ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการซื้อขาย แลกเปลี่ยน หรือประมูลผลงานศิลปะที่ทั่วโลกให้การยอมรับ ทั้งยังเป็นแพลตฟอร์มแรกของโลกที่กล้าการันตีของแท้ 100% ทุกชิ้นงานที่ปรากฏบนแพลตฟอร์มนี้ เพราะเรามีการทำงานร่วมกับพันธมิตร และหน่วยงานหลายแห่ง ทั้งภาครัฐ และเอกชนในการตรวจสอบร่วมกัน อาทิ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ในการจดแจ้งลิขสิทธิ์ของศิลปิน และมีการทำใบรับรองถึงสองชั้น ถือเป็นกุญแจสองดอก ทั้งในโลกจริง และโลกบล็อกเชน จากนั้นจึงจะมีการ Invitation ชิ้นงานขึ้นมาบนแพลตฟอร์มต่อไป

“เราไม่ได้หวังเป็นธุรกิจใหญ่ที่ทำกำไร แต่เราสร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาที่ไม่เคยมีทางแก้ เราจึงจำเป็นต้องแก้ตั้งแต่ระดับโครงสร้าง โดยการสร้างระบบนิเวศที่ครบวงจร เพื่อให้เป็น “แพลตฟอร์มอัจฉริยะแบบไร้ขีดจำกัด” และเป็น “ต้นแบบนวัตกรรมสร้างสรรค์เพื่อสังคมอย่างยั่งยืน” ผ่าน 6 บริการหลัก ได้แก่ 1.ซื้อ 2.ขาย 3.แลกเปลี่ยน 4.ให้เช่า 5.บริจาค และ 
6.สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ต่างจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่เน้นการซื้อ-ขายอย่างเดียว แต่เรามีความหลากหลายที่เกิดจากความร่วมมือกับพันธมิตร เช่น “ทุกพื้นที่คือพื้นที่แห่งศิลป์” โดยสามารถให้เช่าผลงานของศิลปิน เพื่อนำไปประดับตามโครงการธุรกิจ โรงแรม โรงพยาบาล เรสซิเด้นท์ คอนโด หมู่บ้าน ร้านอาหาร คาเฟ่ และทำ E-Catalog ไว้ให้ และถ้ามีผู้สนใจซื้อ ทาง AIC ก็แบ่งผลกำไร 10% ให้กับโครงการ เป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการ และช่วยศิลปินได้มากมายเป็นต้น

นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเหลือศิลปินให้มีพื้นที่ในการแสดงผลงานของตัวเอง และช่องทางการประชาสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากการจัดนิทรรศการศิลปะ ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการจัดแสดงนิทรรศการในแต่ละครั้ง เราจะผลงานนำขึ้นแพลตฟอร์มออนไลน์ให้อีก 30 วัน สามารถเข้าชมบนโทรศัพท์มือถือได้ตลอด 24ชม. ที่สามารถชมได้ทุกที่บนโลก และยังมีบริการ Museum on mobile เป็นบริการพิเศษที่ส่งตรงถึงบ้านโดยเราจะนำผลงานศิลปะไปส่งให้พิจารณาถึงบ้าน พร้อมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา โดยในส่วนของการขายทุกผลงานที่เข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์ม AIC จะใช้มาตรฐานเดียวกันกับของทุกชิ้น โดยใช้หลักการ “ต้นแบบนวัตกรรมสร้างสรรค์เพื่อสังคมอย่างยั่งยืน” ของทุกชิ้นจะถูกหักรายได้ 35% โดยหัก 5% นำไปบริจาคสาธารณะกุศล  และ 10% นำไปแบ่งให้พันธมิตรที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งองคาพยพ ส่วนอีก 20% จะถูกใช้เป็นค่าบริหารจัดการแพลตฟอร์ม หรือสำหรับใครที่อยากนำผลงานศิลปะหรือของสะสมที่มีมาปล่อยเช่าหรือแลกเปลี่ยนผ่านแพลตฟอร์มก็สามารถทำได้เช่นกัน ในส่วนของ Digital Asset หรือ การลงทุนรูปแบบใหม่ในทรัพย์สินดิจิทัล ปัจจุบัน AIC มีโครงการความร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์ และ โทเคน เอกซ์ เพื่อพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมการลงทุนด้านศิลปะให้ก้าวไปอีกขั้น ซึ่งจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้” 

และในโอกาสพิเศษเพื่อร่วมฉลองวาระพิเศษครบรอบ 12 ปี ที่พิพิธภัณฑ์บ้านดำ (Baandam Museum) ร่วมกับ สยามพิวรรธน์ สร้างสรรค์ผลงานด้านทางศิลปวัฒนธรรมมากว่าทศวรรษ ไม่ว่าจะเป็น การจัดงานเปิดตัว โครงการเหรียญสุริยะภูมิจักรวาล ในปี 2555 – 2556, Immersive Art of Thawan Duchanee ในปี 2563 และ Thailand Digital Arts Festival ในปี 2565 ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ศิลปวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นท่ามกลางอาณาจักรสยามพิวรรธน์

โดยครั้งนี้เป็นการแสดงนิทรรศการครั้งสำคัญ  “The Eternal Treasure of Asia” “สมบัติชั่วนิรันดร์แห่งเอเชีย” เปิดกรุสมบัติหมื่นล้านจากพิพิธภัณฑ์ และนักสะสมชั้นนำระดับโลก ที่รวบรวมสุดยอดของผลงานศิลปะ ระดับ Masterpiece ศิลปินแห่งชาติ ดร.ถวัลย์ ดัชนี ที่ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน ตลอดจนสุดยอดของสะสมล้ำค่าระดับ World-Class หลากแขนง นำเสนอในมุมมองใหม่ โดยเล่าเรื่องราวผ่านวัตถุจัดแสดง เช่น “ตำนานเทพศาสตราวุธ ศาสตร์และศิลป์ จิตวิญญาณแห่งตะวันออก” จัดแสดงศาสตราวุธแห่งจิตวิญญาณ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และสุดยอดประติมากรรมยานยนต์เหนือกาลเวลา รวมสุดยอดรถยนต์คลาสสิค มอเตอร์ไซค์คลาสสิค ในตำนาน และซุปเปอร์คาร์ลิมิเต็ดหายาก และอื่นๆ อีกมากมาย 

สำหรับนิทรรศการ “The Eternal Treasure of Asia : สมบัติชั่วนิรันดร์แห่งเอเชีย” จัดแสดงให้ได้ชื่นชมอย่างใกล้ชิด โดยภายในนิทรรศการประกอบด้วย 

ศิลปะสร้างโลก ความรักปรากฏรูป ผลงานศิลปะระดับตำนาน ที่ไม่เคยนำมาจัดแสดงที่ไหนมาก่อน อาทิ ผลงานจิตรกรรมขนาดใหญ่ ”มารผจญ“ และภาพผลงานชุด “หนุมาน” ผลงานชุดสุดท้ายของถวัลย์ ดัชนี, ประติมากรรมรูปปั้นศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งวงการศิลปะไทยร่วมสมัย ผลงานปั้นของอาจารย์เขียน ยิ้มศิริ ผู้ที่อาจารย์ศิลป์เรียกว่า “ลูก” 

ศรัทธา ประติมา ปาฏิหาริย์ พลังแห่งวัตถุมงคลล้ำค่า มรดกทางภูมิปัญญาของสยามประเทศ “The Spirit of Siam” จัดแสดงพระเครื่องและเครื่องรางหายาก มรดกล้ำค่าทางวัฒนธรรมองค์สำคัญ อาทิ สุดยอดมีดหมอด้ามแกะ เทพศาสตรา หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ นครสวรรค์, สุดยอดพระขรรค์เขาควายเผือกหลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก เพชรบุรี, สุดยอดท้าวเวสสุวรรณวัดสุทัศนเทพวรารามวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ และท้าวเวสสุวรรณวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก

เทพศาสตราวุธ ศาสตร์และศิลป์แห่งจิตวิญญาณ จัดแสงดาบสำคัญในประวัติศาสตร์ และเรื่องราวของวิถีแห่ง Bushido อาทิ ชุดเกราะมังกร ตระกูลซามูไร ยานางิซาวะ ดาบโอดาจิ ดาบเทพเจ้ามังกร ถูกตีขึ้นใน ศตวรรษที่ 18 เพื่อถวายเทพเจ้า แห่ง โทโยคาวะอินาริ (วัดเมียวกอนจิ) ศาลเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ 1ใน 3 ที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่น จาก Japanese Sword Museum Thailand

ประติมากรรมยานยนต์เหนือกาลเวลา  รวมสุดยอดยานยนต์ ทั้งเรือ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์คลาสสิค และซุปเปอร์คาร์ น่าสะสม อาทิ เรือสปีดโบ้ทสุดคลาสสิก แบรนด์ Century เรือวินเทจ ปี 1954 เครื่อง V8, มอเตอร์ไซด์ Vincent (Black shadow) ปี 1953 ที่สามารถทำความเร็วได้ถึง 230 กม. / ชม. ซึ่งถือเป็นไฮเอนด์ของมอเตอร์ไซด์คลาสสิก, Ariel มอเตอร์ไซค์สายพันธุ์อังกฤษที่หายากและมีความสวยงาม, รถยนต์ Rolls-Royce “ลักษณ์ประทับ” เปิดประทุน ปี 1951 ซึ่งเป็นรุ่นที่หายาก, รถยนต์ Porsche 356A ปี 1958, รถซุปเปอร์คาร์  Ferrari Light Weight version “The Racing DNA” รุ่น Ferrari 360 Challenge Stardare,  Ferrari 430 Scuderia, Ferrari 458 Speciale, Fiat Abarth 695 TributoFerrari เป็นต้น

คฑาสุริยะศราสจักราวตาร  ผลงานศิลปะชิ้นสำคัญ แรงบันดาลใจจากกุญแจไขจักรวาล สู่ประติมากรรมโลหะล้ำค่า สร้างขึ้นครบรอบ 12 ปี     

แหวนพยัคฆินราชตะปบชาติอาชาไนย เปิดตัว Thawan X Parcthai ที่นำแรงบันดาลใจจากผลงานศิลปะกับงาน High Jewelry มาหลอมรวมไว้เป็นหนึ่งเดียว

ห้ามพลาด! การแสดงนิทรรศการครั้งสำคัญที่นักสะสมงานศิลป์และคนรักงานอาร์ต “The Eternal Treasure of Asia” “สมบัติชั่วนิรันดร์แห่งเอเชีย” ชมกรุสมบัติหมื่นล้านจากพิพิธภัณฑ์และนักสะสมชั้นนำระดับโลก ณ Fashion Gallery ชั้น 1สยามพารากอน ตั้งแต่วันนี้ถึง 1 กันยายนนี้ เท่านั้น!!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สยามพารากอน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News