Categories
NEWS UPDATE

ไทยดึงนักท่องเที่ยว 35 ล้านคน สร้างรายได้ทะลุเป้า 1.8 ล้านล้านบาท

ไทยแลนด์ครองเป้าหมายการท่องเที่ยวปี 2567 เตรียมพร้อมสู่ปี Amazing Thailand Grand Tourism 2025

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติถึง 35,047,501 คน ในปี 2567 ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ สร้างรายได้กว่า 1.8 ล้านล้านบาท จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

มาตรการเสริมศักยภาพการท่องเที่ยว
ความสำเร็จในปี 2567 เป็นผลมาจากมาตรการที่หลากหลาย เช่น

  • ยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Exemption) สำหรับ 93 ประเทศ
  • ยกเว้นบัตร ตม.6 สำหรับ 16 ด่านชายแดนทางบกและน้ำ
  • ความร่วมมือกับสายการบินระหว่างประเทศในการเปิดเส้นทางบินใหม่ เพิ่มเที่ยวบิน และขยายความจุที่นั่งสายการบิน

โดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่น มีสายการบินเปิดเส้นทางบินใหม่ถึง 311 เที่ยวบิน เพิ่มความจุที่นั่งกว่า 70,000 ที่นั่ง

ตลาดนักท่องเที่ยวที่เติบโตสูง
ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทำสถิติสูงสุด (New High) เมื่อเทียบกับปี 2562 ได้แก่

  • จีน: 6,667,610 คน
  • มาเลเซีย: 4,898,496 คน
  • อินเดีย: 2,100,645 คน
  • เกาหลีใต้: 1,847,276 คน
  • รัสเซีย: 1,705,198 คน
    นอกจากนี้ ตลาดนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางและยุโรปยังคงเติบโตต่อเนื่อง

กิจกรรมเด่นดึงดูดนักท่องเที่ยว


ในปีที่ผ่านมา ททท. จัดกิจกรรมและอีเวนต์ระดับโลก เช่น

  • Amazing Thailand Countdown 2024
  • เทศกาลสงกรานต์ระดับชาติ
  • การท่องเที่ยวตามรอยซีรีส์และภาพยนตร์ไทย
  • โครงการ Amazing Thailand Passport Privileges

แผนงานปี 2568 สู่การเป็น Tourism Hub ของเอเชีย

ททท. วางเป้าหมายปี 2568 ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 36-39 ล้านคน สร้างรายได้ 1.98 – 2.23 ล้านล้านบาท ภายใต้แผนงาน Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 โดยเน้นเสน่ห์ไทยที่แตกต่าง เช่น

  • จัดอีเวนต์ระดับโลก
  • เสริมประสบการณ์การเดินทางใหม่
  • เพิ่มสิทธิพิเศษให้กับนักท่องเที่ยว
  • เชิญผู้มีชื่อเสียงระดับโลกเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์

การเปิดเส้นทางบินใหม่ในปี 2568
สายการบินจากทั่วโลกเตรียมเปิดเส้นทางใหม่ ได้แก่

  • Ruili Airlines: คุนหมิง-เชียงใหม่
  • British Airways: ลอนดอน-กรุงเทพฯ
  • Thai Airways: บรัสเซลส์-กรุงเทพฯ
  • Air Canada: แวนคูเวอร์-กรุงเทพฯ

การมุ่งสู่การเป็น Tourism Hub

การผสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงการเน้นความสะดวกและสิทธิพิเศษให้กับนักท่องเที่ยว จะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับภูมิภาคอย่างแท้จริง

บทสรุป

ความสำเร็จในปี 2567 เป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ที่สะท้อนถึงความสามารถในการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง โดยปี 2568 จะเป็นปีที่ประเทศไทยเดินหน้าสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมในการก้าวสู่การเป็น Tourism Hub ของเอเชีย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 31 ล้านคน สร้างรายได้มหาศาล

กระทรวงการท่องเที่ยวเผย นักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุ 31 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1.46 ล้านล้านบาท

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เปิดเผยสถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 24 พฤศจิกายน 2567 โดยพบว่าประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาแล้วทั้งสิ้น 31,313,787 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นมูลค่าประมาณ 1,466,408 ล้านบาท

นักท่องเที่ยว 5 อันดับแรกที่เดินทางเข้าไทย

  1. จีน จำนวน 6,096,010 คน
  2. มาเลเซีย จำนวน 4,443,173 คน
  3. อินเดีย จำนวน 1,868,802 คน
  4. เกาหลีใต้ จำนวน 1,647,328 คน
  5. รัสเซีย จำนวน 1,455,398 คน

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short Haul) มีการฟื้นตัวที่ชัดเจน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางสะสมมากกว่า 6 ล้านคน และชาวเกาหลีใต้ที่มีการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 14.28% จากสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกล (Long Haul) มีการชะลอตัวด้านการเดินทาง ซึ่งถือเป็นแนวโน้มปกติช่วงก่อนฤดูท่องเที่ยวในเดือนธันวาคม

จำนวนนักท่องเที่ยวประจำสัปดาห์ (18-24 พฤศจิกายน 2567)

  • จำนวนนักท่องเที่ยวรวม: 749,306 คน
  • เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า: 1,362 คน หรือ 0.18%
  • ค่าเฉลี่ยต่อวัน: 107,044 คน

5 อันดับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยประจำสัปดาห์

  1. จีน: 122,020 คน (+7.18%)
  2. มาเลเซีย: 81,886 คน (ปรับลดลงเล็กน้อย)
  3. รัสเซีย: 50,071 คน (+3.37%)
  4. อินเดีย: 46,259 คน (+1.88%)
  5. เกาหลีใต้: 38,959 คน (+14.28%)

ปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว

  1. เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว ของตลาดระยะไกล โดยเฉพาะภูมิภาคยุโรป
  2. เพิ่มจำนวนที่นั่งเข้าไทย (Seat Capacity) ซึ่งเพิ่มขึ้น 10% ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม
  3. มาตรการ Ease of Traveling เช่น การยกเว้นบัตร ตม.6 ในด่านทางบก
  4. การเพิ่มเที่ยวบิน โดยรัฐบาลได้กระตุ้นสายการบินให้เพิ่มจำนวนเที่ยวบิน

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม โดยเฉพาะกลุ่มตลาดยุโรปและตลาดระยะไกล เนื่องจากเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว และมาตรการส่งเสริมการเดินทางที่เอื้อต่อการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทย

การเติบโตของภาคการท่องเที่ยวในปี 2567 ช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่งขึ้น ทั้งในแง่ของรายได้จากนักท่องเที่ยวและการกระจายรายได้สู่ภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยว ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

Agoda เผยท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวแรง นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่เที่ยวไทย

ท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวแรง นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่เที่ยวไทย

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ภาคการท่องเที่ยวของไทยกำลังกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากหันมาเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยว

Agoda ชี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่ค้นหาที่พักในไทย

จากข้อมูลของ Agoda พบว่าการค้นหาที่พักในประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นถึง 18% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีการค้นหาเพิ่มขึ้นถึง 25% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเป็นกลุ่มหลัก

นักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ยังคงเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยมีอัตราการเติบโตของการค้นหาที่พักสูงถึง 21% 22% และ 21% ตามลำดับ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีนโยบายยกเว้นวีซ่า เช่น อินเดีย จีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน และซาอุดีอาระเบีย ก็มีการค้นหาที่พักเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ญี่ปุ่นยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนไทย

แม้ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางมาเที่ยวไทยกันมากขึ้น แต่คนไทยเองก็ยังคงนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีการค้นหาที่พักเพิ่มขึ้นถึง 26% โดยโตเกียวเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุด รองลงมาคือโอซาก้าและซัปโปโร

เวียดนามและจีน กลายเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ที่น่าสนใจ

นอกจากญี่ปุ่นแล้ว เวียดนามก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไทย โดยมีการค้นหาที่พักเพิ่มขึ้นถึง 5% และเมืองดานังก็กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นกัน ส่วนประเทศจีนก็มีการเติบโตของการค้นหาที่พักอย่างรวดเร็วถึง 206% ซึ่งเป็นผลมาจากการยกเว้นวีซ่าและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ท่องเที่ยวภายในประเทศคึกคัก กรุงเทพฯ ยังคงเป็นอันดับ 1

สำหรับการท่องเที่ยวภายในประเทศนั้น ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยมีการค้นหาที่พักเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยกรุงเทพมหานครยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสุด รองลงมาคือพัทยา และหัวหิน/ชะอำ

Agoda มั่นใจว่าการท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวเต็มที่

Agoda มองว่าการท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างเต็มที่ในปี 2568 และคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะสูงกว่า 39 ล้านคน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้

5 อันดับประเทศจุดหมายปลายทางต่างประเทศที่คนไทยนิยมมากที่สุด

1.ญี่ปุ่น

2.เวียดนาม

3.เขตปกครองพิเศษฮ่องกง

4.จีน

5.มาเลเซีย

 

5 อันดับเมืองจุดหมายปลายทางต่างประเทศที่คนไทยนิยมมากที่สุด

1.โตเกียว

2.โอซาก้า

3.โซล

4.ไทเป

5.ฮ่องกง

 

5 อันดับกิจกรรมที่คนไทยนิยมมากที่สุดในต่างประเทศ

1.ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ (สิงคโปร์)

2.พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ศิลปะ (สิงคโปร์)

3.ดิสนีย์แลนด์ (ฮ่องกง)

4.พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (สิงคโปร์)

5.ตั๋วท่องเที่ยวรอบโอซาก้า (ญี่ปุ่น)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อโกด้า (Agoda)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

นักท่องเที่ยวทะลุ 28 ล้าน สร้างรายได้ 1.3 ล้านล้านบาท

สถานการณ์ท่องเที่ยวไทยดีขึ้น ต้อนรับนักท่องเที่ยวทะลุ 28 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 1.3 ล้านล้านบาท

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยในปีนี้ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 27 ตุลาคม 2567 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกสะสมรวมกว่า 28,378,473 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติมูลค่ากว่า 1,325,359 ล้านบาท โดยนักท่องเที่ยวจาก 5 ประเทศที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยมากที่สุด ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย ซึ่งนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนมีจำนวนสูงสุดถึง 5,660,242 คน

แนวโน้มท่องเที่ยวช่วงไฮซีซัน กระแสเติบโตต่อเนื่อง 5 สัปดาห์

นายสรวงศ์กล่าวถึงการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (High season) ของภูมิภาคยุโรปและอเมริกา ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา (21-27 ตุลาคม) มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 5.15% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ส่วนนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short haul) โดยเฉพาะมาเลเซียซึ่งเป็นตลาดหลัก มีจำนวนผู้มาเยือนสะสมแล้วกว่า 4 ล้านคน

ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ดังกล่าว ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามารวมทั้งสิ้น 584,462 คน คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวเฉลี่ยวันละ 83,495 คน โดยนักท่องเที่ยวจาก 5 ประเทศหลัก ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย รัสเซีย และเกาหลีใต้

ปัจจัยส่งเสริมการท่องเที่ยวในไตรมาสสุดท้าย

การเติบโตของนักท่องเที่ยวในช่วงนี้ได้รับการสนับสนุนจากหลายปัจจัยสำคัญ อาทิ วันหยุดเทศกาลดิวาลีในหลายประเทศ เช่น มาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งช่วยกระตุ้นการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังได้มีมาตรการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง (Ease of traveling) ซึ่งรวมถึงการยกเว้นการกรอกบัตร ตม.6 ที่ด่านชายแดน เพื่อให้กระบวนการตรวจคนเข้าเมืองมีความรวดเร็วและลดภาระของนักท่องเที่ยว

นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวยังได้ประสานงานกับสายการบินต่าง ๆ เพื่อเพิ่มจำนวนเที่ยวบินเข้าสู่ประเทศไทย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวในช่วงปลายปีที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะเส้นทางระหว่างประเทศจากภูมิภาคยุโรป

การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว

นายสรวงศ์ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งยืนยันว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการเตรียมความพร้อมทั้งด้านสิ่งอำนวยความสะดวก และมาตรการรองรับนักท่องเที่ยว เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นประสบการณ์ที่ดี สร้างความประทับใจและปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน

การที่ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากในช่วงไฮซีซันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจภายในและสร้างอาชีพให้กับคนไทยในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งทางตรงและทางอ้อม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

ไทยเตรียมเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน นักท่องเที่ยวต่างชาติ 300 บาท

ไทยเตรียมจัดเก็บ “ค่าเหยียบแผ่นดิน” จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ

“ค่าเหยียบแผ่นดิน” ต้อนรับนักท่องเที่ยว เติมเต็มกองทุนดูแลการท่องเที่ยวไทย

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยแผนเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาการจัดเก็บ “ภาษีท่องเที่ยว” หรือที่รู้จักในชื่อ “ค่าเหยียบแผ่นดิน” โดยมีเป้าหมายที่จะเรียกเก็บจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย ในอัตรา 150-300 บาทต่อคน เพื่อนำเงินเข้ากองทุนสนับสนุนการดูแลนักท่องเที่ยวและส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

รายละเอียดการจัดเก็บและการบริหารกองทุนเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

แผนดังกล่าวได้กำหนดไว้ว่าภาษีท่องเที่ยวนี้จะถูกจัดเก็บตามวิธีการเดินทาง โดยเก็บจากการเดินทางทางอากาศที่ 300 บาทต่อคน และการเดินทางทางบกหรือทางน้ำที่ 150 บาทต่อคน ทั้งนี้ยังมีการจัดเตรียมระบบประกันที่ครอบคลุมสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเยือนไทย ด้วยวงเงินคุ้มครองการเสียชีวิต 1 ล้านบาท และวงเงินคุ้มครองการบาดเจ็บ 5 แสนบาท ซึ่งจะมีการเปิดประมูลบริษัทประกันเพื่อดูแลระบบการจัดเก็บประกันภัยนี้

เตรียมระบบจัดเก็บผ่านแอปพลิเคชันและธนาคารกรุงไทย

การเก็บค่าเหยียบแผ่นดินจะถูกเชื่อมโยงผ่านซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันซึ่งจะควบคุมดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญ ขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวได้ประสานกับธนาคารกรุงไทยเพื่อรองรับระบบการชำระเงิน โดยคาดว่าภาษีท่องเที่ยวในปีแรกจะสร้างรายได้ราว 36,000 ล้านบาทจากการคาดการณ์นักท่องเที่ยวกว่า 36 ล้านคน

ลดปัญหาการเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อรักษาภาพลักษณ์ท่องเที่ยว

ภาษีท่องเที่ยวใหม่นี้จะมีการเปิดใช้ในสองระยะ เพื่อให้การจัดเก็บทำได้อย่างราบรื่นและโปร่งใส ระยะแรกจะเน้นการเก็บเฉพาะนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยทางอากาศ ซึ่งครอบคลุมกว่า 70% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด ส่วนระยะที่สองจะเพิ่มการเก็บจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านทางบกและทางน้ำ พร้อมทั้งชี้แจงรายละเอียดเพื่อป้องกันการเลือกปฏิบัติ

เสริมสร้างความปลอดภัยและสิทธิประโยชน์สำหรับนักท่องเที่ยว

การใช้ระบบจัดเก็บค่าเหยียบแผ่นดินมีเป้าหมายหลักในการนำรายได้เข้าสู่กองทุนเพื่อดูแลและส่งเสริมความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของไทยให้แข็งแกร่งและตอบโจทย์นักท่องเที่ยวในปัจจุบัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา คาดเดือนนี้ ต่างชาติเข้าไทยเพิ่มขึ้นตามรอย MV ลิซ่า

 
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 67 ว่า ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาแตะระดับ 17,501,283 คน สร้างรายได้ประมาณ 825,541 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน (3,439,482 คน) มาเลเซีย (2,435,960 คน) อินเดีย (1,040,069 คน) เกาหลีใต้ (934,983 คน) และรัสเซีย (920,989 คน)

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวในเกือบทุกกลุ่ม โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะใกล้ (Short haul) มีจำนวน 499,554 คน หรือเพิ่มขึ้น 2.01% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ตามการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียตะวันออก อาทิ ไต้หวัน เกาหลี และจีน จากหลายปัจจัย เช่น การจัดงาน Pride month 2024 ตลอดจนมาตรการวีซ่าฟรี ที่ยังคงมีผลช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถตัดสินใจเดินทางได้ในเวลาอันสั้น

อีกทั้งนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long haul) มีจำนวน 170,276 คน หรือเพิ่มขึ้น 6.11% จากสัปดาห์ก่อนหน้า จากนักท่องเที่ยวหลายกลุ่ม อาทิ นักท่องเที่ยวภูมิภาคยุโรป ที่ขยายตัวเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว Summer holiday ส่งผลให้ในภาพรวมสัปดาห์นี้ (24-30 มิ.ย.) ไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 659,830 คน เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 19,083 คน หรือ 2.98% คิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยเฉลี่ยวันละ 94,262 คน

โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ จีน (133,304 คน) มาเลเซีย (92,060 คน) อินเดีย (41,621 คน) เกาหลีใต้ (30,824 คน) และไต้หวัน (27,188 คน) โดยนักท่องเที่ยวไต้หวัน เพิ่มขึ้น 15.41% เกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.36% จีน เพิ่มขึ้น 5.26% และมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.73% ในขณะที่นักท่องเที่ยวอินเดีย ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 9.48%

สำหรับในสัปดาห์ถัดไป (1-8 ก.ค.) คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น จากปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ Celebrity – induced tourism หรือการท่องเที่ยวตามรอย MV เพลง Rockstar ของลิซ่า และการเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว Summer holiday ของตลาดภูมิภาคยุโรป การมีมาตรการ Ease of traveling ของรัฐบาล ช่วยเพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทางสู่ไทย อาทิ การลงนามยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีน ที่มีผลช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว เพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และกระตุ้นให้สายการบิน เพิ่มจำนวนเที่ยวบิน รวมทั้งการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง (วีซ่าฟรี) ให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดีย ไต้หวัน และคาซัคสถาน และการยกเว้นบัตร ตม.6 ในด่านทางบก 8 ด่าน แก่นักท่องเที่ยวมาเลเซีย และลาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

‘สุริยะ’ ขานรับนโยบายเตรียมทำแผน รองรับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่นปลายปีนี้

 

เมื่อ10 มิ.ย. 2567  นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปจัดทำแผนรองรับนักท่องเที่ยวในทุกมิติ โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ปลายปี 2567 หรือไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้ สอดรับกับมาตรการลดภาษีท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด ที่คาดว่า จะมีจำนวนนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

 

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ไปดำเนินการจัดเตรียมการรองรับนักท่องเที่ยว ทั้งในส่วนของแผนเพิ่มจำนวนเครื่องบิน และเที่ยวบินให้เพียงพอต่อผู้โดยสารที่จะมาใช้บริการ ครอบคลุมผู้โดยสารระหว่างประเทศและในประเทศที่เดินทางผ่านเข้า-ออกท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท. ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่

 

“จากการรายงานของ ทอท. พบว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 มีจำนวนผู้โดยสารเข้า-ออก 6 ท่าอากาศยานรวม 9,503,475 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16.08% และมีจำนวนเที่ยวบิน 61,435 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 13.90% ขณะเดียวกัน ทอท. ยังได้คาดการณ์จำนวนผู้โดยสารในช่วงเดือนมิถุนายน – พฤศจิกายน 2567 มีจำนวนผู้โดยสารทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ รวมจำนวน 60.3 ล้านคน และมีจำนวนเที่ยวบิน 380,000 เที่ยวบิน ดังนั้น เชื่อว่า ในช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นด้านการท่องเที่ยว จึงมีแนวโน้มสูงว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”นายสุริยะกล่าว

 

นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ ทอท. จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงการบริหารจัดการการให้บริการในท่าอากาศยานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้โดยสารทุกคน ได้สัมผัสกับการบริการที่สะดวก ปลอดภัย และรวดเร็ว สร้างความความประทับใจ และเกิดภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ โดยได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการการให้บริการผู้โดยสารในขั้นตอนต่างๆ ทั้งในส่วนของผู้โดยสารขาเข้าและขาออก ให้เกิดความคล่องตัว ไม่ให้เกิดภาพความหนาแน่นในแต่ละจุดบริการ โดยเฉพาะในขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง และบริเวณสายพานรับกระเป๋า รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมด้วย

 

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สั่งการให้จัดเตรียมเพิ่มขบวนรถไฟ ทั้งเส้นปกติและขบวนพิเศษ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมแผนฯ โดยในเบื้องต้น จะเพิ่มขบวนนำเที่ยวเส้นทางสายวัฒนธรรมของไทย รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เพื่อสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย จากก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการในหลายเส้นทาง ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ในรูปแบบไปเช้า-เย็นกลับ (วันเดย์ทริป) เช่น ขบวนรถไฟนำเที่ยวน้ำตกไทรโยค, ขบวนรถไฟนำเที่ยวสวนสนประดิพัทธ์, ขบวนรถไฟนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นต้น

 

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้จัดทำแผนเตรียมความพร้อมขบวนรถไฟฟ้าและสถานีของโครงการรถไฟฟ้ามหานคร ทั้ง 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สายสีม่วง, สายสีชมพู และสายสีเหลือง เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสาร ในช่วงไฮซีซั่นไตรมาส 4/2567 เบื้องต้นได้เตรียมขบวนรถเสริมให้บริการในกรณีมีผู้โดยสารหนาแน่น พร้อมทั้ง จัดเตรียมช่องทางพิเศษสำหรับจำหน่ายเหรียญโดยสาร เตรียมไว้ในสถานีที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก

 

ขณะเดียวกัน จะทำการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลแก่ผู้โดยสารอย่างต่อเนื่อง โดยการประกาศทางเสียง ป้ายประชาสัมพันธ์ และจอแสดงผล ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อีกทั้ง ยังมุ่งเน้นด้านความปลอดภัยโดยจัดให้มีพนักงานสถานีเพิ่มเติม เพื่อให้มีเพียงพอและพร้อมปฏิบัติงานในสถานีที่คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการหนาแน่น รวมถึง มีระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดภายในสถานี และภายในขบวนรถไฟฟ้า ครอบคลุมทุกพื้นที่การให้บริการ และยังจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลความปลอดภัยบนสถานี และตรวจสัมภาระผู้โดยสาร ดังนั้น รฟม. มั่นใจว่าประชาชนผู้ใช้บริการจะได้รับความสะดวก ปลอดภัย ตลอดเส้นทาง

 

“ยืนยันว่า กระทรวงคมนาคม และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้การกำกับดูแล พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกในทุก ๆ ด้าน และทุกการคมนาคมต้องมีความปลอดภัยในระดับสูงสุด เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยหากทุกหน่วยงานฯ มีความคืบหน้าของแผนรองรับการท่องเที่ยวสำหรับมาตรการลดภาษีท่องเที่ยว สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลดังกล่าว จะดำเนินการรายงานต่อประชาชนให้ ทราบโดนทันที“ นายสุริยะ กล่าว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงคมนาคม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

‘นักท่องเที่ยวจีน’ พลิกกลับอันดับ 1 เที่ยวไทย ด้วยจำนวน 1.7 ล้านคน

 

เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุ สถิติ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เดินทางเข้าประเทศไทยในช่วง 3 เดือนแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 31 มี.ค. 2567 พบว่ามีจำนวนสะสม 9,370,297 คน เพิ่มขึ้น 44% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 454,653 ล้านบาท

 

จำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

1. จีน 1,756,337 คน

2. มาเลเซีย 1,168,574 คน

3. รัสเซีย 622,813 คน

4. เกาหลีใต้ 558,873 คน

5. อินเดีย 472,952 คน

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (25-31 มี.ค.) มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 644,328 คน ลดลง 1.07% จากสัปดาห์ก่อนหน้า 6,990 คน หรือคิดเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยเฉลี่ยวันละ 92,047 คน

 

ขณะที่ 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่ จีน 127,713 คน ลดลง 5.80% มาเลเซีย 62,419 คน เพิ่มขึ้น 5.03% รัสเซีย 40,276 คน ลดลง 8.10% อินเดีย 33,597 คน ลดลง 15.13% และสหราชอาณาจักร 33,089 คน เพิ่มขึ้น 44.08%

 

“นักท่องเที่ยวยุโรปและโอเชียเนียบางประเทศ โดยเฉพาะชาวสหราชอาณาจักรเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จากวันหยุดในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวสหราชอาณาจักรขยับขึ้นมาเป็นกลุ่มที่เดินทางเข้ามาเป็นอันดับ 5”

 

สัปดาห์ถัดไป (1-7 เม.ย.) คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาทรงตัว แต่ยังคงมีปัจจัยส่งเสริมการเดินทาง ได้แก่ การลงนามยกเว้นวีซ่าระหว่างไทย-จีน ที่มีผลช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยว เพิ่มการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และกระตุ้นให้สายการบิน เพิ่มจำนวนเที่ยวบิน รวมทั้งการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางหรือวีซ่าฟรี ให้แก่นักท่องเที่ยวอินเดีย ไต้หวัน และคาซัคสถาน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News