Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลเชียงรายรับมอบ “ผนังกั้นน้ำยางพาราเคลื่อนที่ได้” เสริมแกร่งรับมืออุทกภัยเมือง

เทศบาลนครเชียงรายรับมอบ “ผนังกั้นน้ำยางพาราเคลื่อนที่ได้” จากภาคเอกชน เสริมแกร่งระบบรับมืออุทกภัยเมือง

เชียงราย, 6 สิงหาคม 2568 – จากบทเรียนอุทกภัย สู่แนวทางใหม่ในการสร้างเมืองปลอดภัย ท่ามกลางสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและความถี่ของภัยพิบัติที่เพิ่มสูงขึ้น จังหวัดเชียงรายซึ่งเผชิญปัญหาอุทกภัยซ้ำซากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้ก้าวสู่การเตรียมความพร้อมเชิงรุกด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุด “ผนังกั้นน้ำยางพาราเคลื่อนที่ได้” ซึ่งเทศบาลนครเชียงรายได้รับมอบจากภาคเอกชนเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา

การส่งมอบอุปกรณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่สำนักงานเทศบาลนครเชียงราย โดย พ.จ.อ. อัษฎางค์ วิเศษวงศ์ษา ปลัดเทศบาล เป็นผู้แทนรับมอบจากนายแก่นฟ้า แสนเมือง นักวิจัยอิสระ และนายเกริกพล แสนเมือง กรรมการผู้จัดการบริษัท อีโวเทค จำกัด ผู้พัฒนาผนังกั้นน้ำรูปแบบใหม่ ที่ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับภูมิประเทศของเมืองไทย และสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ฉุกเฉิน

อุปกรณ์ที่ได้รับมอบ ได้แก่ ผนังกั้นน้ำยางพาราเคลื่อนที่ได้จำนวน 4 ชุด และเครื่องสูบน้ำชนิดหอยโข่ง ซึ่งจะถูกนำไปติดตั้งและใช้งานในจุดเสี่ยงของพื้นที่เขตเมืองที่มีแนวโน้มจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันในช่วงฤดูฝนนี้

นวัตกรรมฝีมือคนไทย ทางเลือกใหม่ที่เหนือกว่ากระสอบทราย

ในอดีต การป้องกันน้ำท่วมในระดับชุมชนมักใช้วิธีแบบดั้งเดิม เช่น การวางแนวกระสอบทราย ซึ่งใช้แรงงานจำนวนมาก ติดตั้งช้า และไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ผนังกั้นน้ำยางพาราเคลื่อนที่ได้จึงเข้ามาเติมเต็มในจุดอ่อนดังกล่าว

คุณสมบัติเด่นของผนังกั้นน้ำยางพารา

  • ติดตั้งง่ายภายในไม่กี่นาที ด้วยโครงสร้างสำเร็จรูป ความยาวชุดละ 10 เมตร กั้นระดับน้ำได้สูงถึง 60 ซม.
  • น้ำหนักเบาและเคลื่อนย้ายสะดวก ทำให้สามารถนำไปวางใช้งานตามจุดเสี่ยงต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว
  • วัสดุผลิตจากยางพาราไทย สนับสนุนเกษตรกรชาวสวนยาง และเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตภาคเกษตรกรรม
  • สามารถใช้ซ้ำได้หลายครั้ง ลดของเสีย และต้นทุนในการจัดการวัสดุป้องกันน้ำท่วมในระยะยาว

นวัตกรรมนี้ยังสะท้อนถึงศักยภาพของนักวิจัยไทยในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชน และสอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ที่รัฐบาลผลักดัน

แบบอย่างความร่วมมือเมื่อรัฐจับมือเอกชน สร้างระบบรับมือภัยพิบัติที่ยั่งยืน

นายเกริกพล แสนเมือง ได้กล่าวในการส่งมอบว่า “เราไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นแค่ผู้ผลิตอุปกรณ์ แต่เราอยากเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างระบบความปลอดภัยให้กับเมือง โดยเฉพาะเชียงรายที่มีความเสี่ยงจากอุทกภัยเป็นประจำ”

ด้านเทศบาลนครเชียงรายยืนยันว่า การได้รับอุปกรณ์ในครั้งนี้จะทำให้หน่วยงานมีความพร้อมมากขึ้นในการวางแนวป้องกันน้ำท่วมฉับพลัน โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจ ถนนสายหลัก และพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น

นอกจากนี้ ยังมีแผนจะจัดฝึกอบรมเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครในพื้นที่ให้สามารถติดตั้งและใช้งานอุปกรณ์ได้อย่างคล่องแคล่ว เพื่อให้สามารถใช้งานจริงได้ทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

นวัตกรรมท้องถิ่นที่สร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ

กรณีการรับมอบผนังกั้นน้ำในครั้งนี้สะท้อนประเด็นสำคัญ 3 ประการที่ควรจับตา:

  1. การบริหารจัดการภัยพิบัติเชิงรุกในระดับท้องถิ่น

เทศบาลนครเชียงรายได้แสดงให้เห็นว่าไม่รอให้เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนจึงเตรียมการ แต่เริ่มจัดหาและเสริมอุปกรณ์ไว้ล่วงหน้า เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

  1. ภาคเอกชนไทยมีศักยภาพในการสร้างนวัตกรรมที่ใช้งานได้จริง

ผลิตภัณฑ์อย่างผนังกั้นน้ำยางพารา ไม่ได้เป็นแค่ผลงานวิจัยในห้องทดลอง แต่ถูกนำไปใช้งานจริงในชุมชน เสริมศักยภาพของระบบป้องกันภัย และยังเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจฐานราก

  1. ความร่วมมือข้ามภาคส่วน คือกุญแจสำคัญในการสร้างเมืองปลอดภัย

กรณีนี้แสดงให้เห็นว่า หากภาครัฐสามารถเปิดพื้นที่ให้ภาคเอกชนและนักวิจัยเข้ามามีบทบาทสนับสนุน เชียงรายก็สามารถพัฒนาระบบรับมือภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพสูงได้ แม้มีงบประมาณจำกัด

ประโยชน์สู่ประชาชนรับมือภัยพิบัติด้วยความมั่นใจ

ผลลัพธ์สำคัญที่สุดจากการรับมอบผนังกั้นน้ำในครั้งนี้ คือ ความมั่นใจของประชาชนในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครเชียงรายที่มีทั้งแหล่งเศรษฐกิจ โรงเรียน สถานพยาบาล และบ้านเรือนประชาชนอยู่หนาแน่น

  • เมื่อเกิดน้ำหลากจากฝนตกหนักหรือแม่น้ำกกเอ่อล้น สามารถนำผนังกั้นน้ำไปติดตั้งได้ทันที ลดความเสียหายและป้องกันการตัดขาดเส้นทางคมนาคม
  • ลดภาระของเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่ไม่ต้องใช้แรงงานบรรจุกระสอบทรายจำนวนมาก
  • ประชาชนสามารถมั่นใจได้ว่า เมืองมีเครื่องมือที่ทันสมัยพร้อมรับมือทุกสถานการณ์

 “นวัตกรรมไทย” คือทางรอดของเมืองไทยในยุคภัยพิบัติถี่ขึ้น

ในขณะที่ภัยพิบัติเกิดขึ้นบ่อยครั้งและมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น การจัดการที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่การเตรียมเจ้าหน้าที่ให้พร้อม แต่คือการมีเครื่องมือที่ทันสมัยและเหมาะสมกับบริบทจริงของพื้นที่

กรณีการรับมอบ “ผนังกั้นน้ำยางพาราแบบเคลื่อนที่ได้” โดยเทศบาลนครเชียงราย จึงเป็นตัวอย่างของความสำเร็จในการผสานนโยบายของรัฐ นวัตกรรมจากเอกชน และความต้องการของประชาชนเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างระบบรับมือภัยพิบัติที่ตอบโจทย์ ทันเวลา และยั่งยืนในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เทศบาลนครเชียงราย
  • บริษัท อีโวเทค จำกัด
  • รายงานการรับมอบอุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วม ณ เทศบาลนครเชียงราย วันที่ 5 สิงหาคม 2568
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย
  • ข้อมูลด้านวัสดุนวัตกรรมยางพารา จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

‘ม.พะเยา’ คว้าเหรียญทอง เวทีนานาชาติ “แม่อิงชิโบริ” ศิลปะคราฟท์สีย้อมผ้าธรรมชาติ

บพท. นำ 3 นวัตกรรมเด่นคว้ารางวัลระดับโลก ในงาน KIDE 2024 ณ ไต้หวัน

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) นำโดย ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ บพท. พร้อมทีมผู้บริหารและนักวิจัย คัดเลือก 3 ผลงานนวัตกรรมเด่นส่งเข้าร่วมประกวดในงาน 2024 Kaohsiung International Invention and Design EXPO (KIDE 2024) ณ เมืองเกาสง ไต้หวัน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 ธันวาคม 2567 งานนี้เป็นเวทีระดับนานาชาติที่รวมนวัตกรรมกว่า 500 ผลงานจาก 30 ประเทศทั่วโลก

ผลงานนวัตกรรมจากประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจาก บพท. และคว้ารางวัลทั้ง 3 ผลงาน ประกอบด้วย:

รางวัลเหรียญทอง (GOLD MEDAL): “แม่อิงชิโบริ” ศิลปะคราฟท์สีย้อมผ้าธรรมชาติ

พัฒนาโดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยพะเยา นำโดย เอกรินทร์ ลัทธศักย์ศิริ และคณะ ผลงานนี้ผสานภูมิปัญญาล้านนาเข้ากับศาสตร์ญี่ปุ่น เกิดเป็นลวดลายอัตลักษณ์ของแต่ละชุมชน ผ่านเทคนิคการพิมพ์ลายผ้าและนวัตกรรมที่ช่วยลด Carbon Footprint โดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน

รางวัลเหรียญเงิน (SILVER MEDAL) และรางวัลพิเศษ (Special Award) จากประเทศโปแลนด์:

“เครื่องเพิ่มความชื้นและลดอุณหภูมิจากโอ่งมังกร”
นวัตกรรมที่ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน สร้างความชื้นต่ำและลดอุณหภูมิในโรงเรือน ทำให้สามารถผลิตเห็ดในและนอกฤดูกาลได้ เพิ่มผลผลิตและรายได้ของคนในชุมชน งานวิจัยนี้มุ่งเน้นการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากและลดความเหลื่อมล้ำ

รางวัลเหรียญเงิน (SILVER MEDAL): “บ้านปลามีชีวิต”

นวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศน้ำ ออกแบบให้เป็นแหล่งอยู่อาศัยของสัตว์น้ำ มีอายุการใช้งานยาวนาน ลดการซ่อมแซม และช่วยเพิ่มจำนวนสัตว์น้ำในชุมชน ทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยว

ขยายผลนวัตกรรม ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน

ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการ บพท. กล่าวว่า ความสำเร็จจากการประกวดในครั้งนี้สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในการสร้างนวัตกรรมที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ชุมชน นวัตกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ แต่ยังสร้างโอกาสในการเข้าสู่ตลาดโลก เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรต่างชาติ

ในปี 2568 บพท. วางแผนขยายผลนวัตกรรมเหล่านี้สู่การใช้งานจริงในชุมชน พร้อมทั้งสร้างพื้นที่เรียนรู้และพัฒนาขีดความสามารถให้กับชุมชนต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับเศรษฐกิจฐานราก

งาน KIDE 2024: เวทีโชว์ศักยภาพระดับโลก

งาน KIDE 2024 เป็นเวทีนานาชาติที่รวมผลงานวิจัยและนวัตกรรมจากทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ เปิดโอกาสในการพัฒนานวัตกรรม และเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างประเทศ ความสำเร็จของทีมวิจัยไทยในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย แต่ยังช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือในระดับสากล

การคว้ารางวัลในเวทีนี้เป็นกำลังใจสำคัญสำหรับนักวิจัยและผู้พัฒนานวัตกรรมในประเทศไทยที่จะมุ่งมั่นสร้างผลงานที่มีคุณค่าและยั่งยืนต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE