Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ตลาดอสังหาฯ เชียงรายทรุดหนัก พิษน้ำท่วมหนักคาดฟื้นตัวปี 2569

 

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2567 กรุงเทพธุรกิจได้ให้ข้อมูลว่า นายชินะ สุทธาธนโชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงราย เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงราย โดยระบุว่า จากข้อมูลของสำนักงานที่ดินพบว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2567 (ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงสิงหาคม) มูลค่าและจำนวนการโอนกรรมสิทธิ์ในจังหวัดเชียงรายลดลงประมาณ 20-25% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา รวมทั้งตัวเลขการปฏิเสธสินเชื่อของสถาบันการเงินที่สูงถึง 70-80% ของผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อ ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงรายซบเซาอย่างชัดเจน

เชียงรายถือเป็นจังหวัดเมืองรองที่มีขนาดเศรษฐกิจเล็ก ต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวและเกษตรกรรมเป็นหลัก เมื่อเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัว ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในการขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและไม่กล้าตัดสินใจเป็นหนี้ระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มบ้านระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ซึ่งปัจจุบันผลกระทบเริ่มลุกลามไปถึงกลุ่มบ้านระดับราคา 4-5 ล้านบาทแล้ว

นายชินะกล่าวว่า เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่เกิดขึ้นในจังหวัดเชียงรายในปีนี้ ซึ่งถือว่าหนักที่สุดในรอบ 70 ปี เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในแง่ของผลกระทบเชิงจิตวิทยาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลา 3-6 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงรายคาดว่าน่าจะทรงตัวได้ในปี 2568 และอาจฟื้นตัวกลับมาอีกครั้งในปี 2569

จากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 พบว่ามีจำนวนที่อยู่อาศัยในจังหวัดเชียงรายที่เสนอขายทั้งสิ้น 2,758 หน่วย ลดลงร้อยละ 11.9 จากปีที่แล้ว มูลค่ารวมอยู่ที่ 10,872 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13.0 ทั้งหมดเป็นโครงการบ้านจัดสรร โดยไม่มีการเปิดขายโครงการอาคารชุดใหม่ในช่วงนี้ ในจำนวนดังกล่าว พบว่ามีโครงการที่เปิดขายใหม่เพียง 47 หน่วย ลดลงถึงร้อยละ 90.3 คิดเป็นมูลค่า 155 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 92.2 หน่วยขายใหม่มีเพียง 102 หน่วย ลดลงร้อยละ 55.5 มูลค่า 372 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 61.1

สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ที่อยู่อาศัยเหลือขายในจังหวัดเชียงรายมีจำนวนถึง 2,656 หน่วย ลดลงร้อยละ 8.5 คิดเป็นมูลค่า 10,499 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.0 ทำเลที่อยู่อาศัยที่เสนอขายสูงสุดในจังหวัดเชียงรายคือ โซนอำเภอเมืองเชียงราย มีจำนวน 1,338 หน่วย มูลค่า 5,884 ล้านบาท ตามด้วยโซนสนามบิน-มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มีจำนวน 1,245 หน่วย มูลค่า 4,377 ล้านบาท และโซนอำเภอแม่สาย มีจำนวน 159 หน่วย มูลค่า 543 ล้านบาท ทั้งหมดอยู่ในกลุ่มระดับราคา 2-5 ล้านบาท โดยเป็นที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ไม่มีโครงการอาคารชุดเสนอขายในพื้นที่เลย

นายชินะกล่าวปิดท้ายว่า แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงรายจะซบเซาลงในช่วงนี้ แต่ยังมีความหวังว่าตลาดจะเริ่มฟื้นตัวในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดในอนาคต

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงราย / กรุงเทพธุรกิจ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

ธอส. ฉลองครบรอบ 70 ปี ปล่อยสินเชื่อใหม่ ได้แล้วกว่า 162,760 ล้านบาท

 

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ฉลองครบรอบสถาปนา 70 ปี ในการเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 4.4 ล้านครอบครัว ล่าสุด ณ วันที่ 19 กันยายน 2566 สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้สูงถึง 162,760 ล้านบาท คิดเป็น 70% ของเป้าสินเชื่อปล่อยใหม่ทั้งปี พร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐ ช่วยเหลือคนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมากขึ้น พร้อมออกโปรโมชันผลิตภัณฑ์ทางการเงินฉลองครบรอบ 70 ปี โดยได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก นำโดย สินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ 6 เดือนแรกเพียง 0.70% ต่อปี, เงินฝากออมทรัพย์อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 7.70% ต่อปี, สลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดขาลเพิ่มพูน ปี 2566 เพิ่มผลตอบแทนหน้าสลากเป็น 1.40% ต่อปี และบ้านมือสอง ธอส. ลดราคาสูงสุด 50% กว่า 500 รายการ พร้อมรับบัตรกำนัลแทนเงินสดมูลค่า 7,000 บาท ในงานมหกรรมบ้านมือสอง ธอส. ออนไลน์ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2566

นายกฤษณ์ เสสะเวช กรรมการธนาคาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันครบรอบสถาปนา 70 ปี ธอส. ในวันที่ 24 กันยายน 2566 ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ได้มีบทบาทในการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ผ่านการปล่อยสินเชื่อให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 4.4 ล้านครอบครัว และในปี 2566 ที่เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว ธอส. จึงยังคงมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ โดย ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2566 สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้กว่า 151,813 ล้านบาท จำนวน 121,016 บัญชี คิดเป็น 64.47% ของเป้าหมายสินเชื่อใหม่ในปี 2566 ที่ตั้งไว้ที่ 235,480 ล้านบาท ส่งผลให้เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2565 ธอส. มียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,658,128 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.74% มีสินทรัพย์รวม 1,698,448 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.35% เงินฝากรวม 1,452,142 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.52% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 71,389 ล้านบาท หรืออยู่ที่ 4.31% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้น 0.57% จากสิ้นปี 2565 ที่มี NPL อยู่ที่ 3.74% ของยอดสินเชื่อรวม โดยได้มีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ 140,725 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 197.12% สะท้อนความมั่นคงและความพร้อมในการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 15.18% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด และล่าสุด ณ วันที่ 19 กันยายน 2566 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้กว่า 162,760 ล้านบาท คิดเป็น 70% ของเป้าหมายสินเชื่อใหม่ในปี 2566 ส่วนสภาพคล่องในปัจจุบันเพียงพอเพื่อปล่อยสินเชื่อใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ธอส. ยังพร้อมดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล โดยจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อสนับสนุนให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ผู้ด้อยโอกาส และผู้ที่เข้าไม่ถึงแหล่งทุน นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Loan) โดย ณ วันที่ 19 กันยายน 2566 ได้ปล่อยสินเชื่อ Green Loan จำนวนมาก อาทิ สินเชื่อบ้านอยู่เย็น เป็นสุข ปี 2566 มีลูกค้าได้รับสินเชื่อแล้ว จำนวน 6,170 บัญชี วงเงิน 8,514.02 ล้านบาท, สินเชื่อบ้านเบอร์ 5 ลูกค้าได้รับสินเชื่อแล้วจำนวน 270 บัญชี วงเงิน 519.22 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อ Green Loan สูงถึง 120.44% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7,500 ล้านบาท รวมถึงโครงการสินเชื่อเพื่ออาคารคาร์บอนต่ำ (Project Loan For Carbon Reduction Building) สำหรับผู้ประกอบการ ซึ่งธนาคารอนุมัติวงเงินกู้แล้วจำนวน 7 โครงการ วงเงินรวม 259.50 ล้านบาท คิดเป็น 28.83% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 900 ล้านบาท และอยู่ระหว่างดำเนินการพิจารณาสินเชื่ออีกจำนวน 9 โครงการ วงเงินรวม 850 ล้านบาท สะท้อนบทบาท ธอส. มุ่งสู่การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน (The Best Housing & Sustainable Bank) โดยให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่อ Green Loan ต่อไป

ทั้งนี้ เพื่อสนองนโยบายของรัฐอย่างต่อเนื่อง และฉลองครบรอบวันสถาปนา 70 ปี ธอส. ได้จัดทำโปรโมชันสุดพิเศษสำหรับลูกค้า ทั้งด้านสินเชื่อ เงินฝาก สลากออมทรัพย์ และบ้านมือสอง ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างมาก  โดยเฉพาะสินเชื่อบ้าน 70 ปี ธอส. อัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่นาน 3 ปีแรก โดยเดือนที่ 1 – 6 เท่ากับ 0.70% ต่อปี เดือนที่ 7 – 24 เท่ากับ 2.70% ต่อปี ปีที่ 3 เท่ากับ 3.70% ต่อปี หรือเฉลี่ย  3 ปีแรกเพียง 2.70% สำหรับลูกค้าที่ต้องการสินเชื่อเพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม หรือไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น กรณีกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระต่อเดือนเพียง 3,500 บาท นานถึง 2 ปี!! ผลปรากฏว่า มีลูกค้าให้ความสนใจยื่นขอสินเชื่อแล้ว 5,555.76 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 9 วันเท่านั้น! ขณะเดียวกันสำหรับลูกค้าที่ขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านมือหนึ่งและบ้านมือสอง วงเงินขอกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท ธอส.มอบโปรโมชันค่าธรรมเนียม โดยลดภาระค่าใช้จ่ายจากการที่ธนาคารรับภาระค่าธรรมเนียมแทนผู้กู้ ได้แก่ ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการจำนอง ในอัตรา 0.01% ของวงเงินจำนองและไม่เกินตามที่จ่ายจริง สำหรับลูกค้าที่ทำนิติกรรมแล้วเสร็จ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน – 30 พฤศจิกายน 2566 และค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ หรือห้องชุด ไม่เกิน 25% ของค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ หรือห้องชุด ทั้งนี้ ต้องไม่เกิน 0.25% ของวงเงินจำนอง สำหรับลูกค้าที่ทำนิติกรรมแล้วเสร็จ ตั้งแต่วันที่ 1 – 29 กันยายน 2566 (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด)

ด้านเงินฝากออมทรัพย์ครบรอบ 70 ปี ธอส. อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดสูงสุดถึง 7.70% ต่อปี โดยตั้งแต่วันที่เปิดบัญชีถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 0.70% ต่อปี และตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 30 กันยายน 2568 จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 7.70% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยรวมสูงถึง 2.43 – 2.53% ต่อปี บุคคลธรรมดาไม่เสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด)

ส่วนการจำหน่ายสลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดขาลเพิ่มพูน ปี 2566 ผ่านช่องทาง Mobile Application : GHB  ALL GEN  และ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หน่วยละ 1,000 บาท ฝากครบ 3 ปี รับผลตอบแทนหน้าสลากเพิ่มขึ้นอีก 0.25% ต่อปี หรือ สูงถึง 1.40% ต่อปี (เงื่อนไขรับผลตอบแทนเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) พร้อมกันนี้ ยังมีโอกาสลุ้นรางวัลที่ 1 มูลค่ารางวัลสูงถึง 2 ล้านบาท ทุกเดือนรวม 36 ครั้ง โดยมียอดจำหน่าย ณ วันที่ 19 กันยายน 2566 จำนวน 1,949.18 ล้านบาท และ บ้านมือสองฉลองครบรอบ 70 ปี ธอส. ที่มอบบัตรกำนัลแทนเงินสดมูลค่า 7,000 บาท สำหรับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์บ้านมือสอง ธอส. ในงานมหกรรมบ้านมือสอง ธอส. ออนไลน์ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2566 (GHB ALL HOME ONLINE 2023) ผ่านทาง Application : GHB ALL HOME หรือเว็บไซต์บ้านมือสองของธนาคาร www.ghbhomecenter.com ระหว่างวันที่ 22 – 26 กันยายน 2566 จำนวน 14 รายแรก แบ่งเป็น ซื้อทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 7 รายแรก และทรัพย์ในเขตภูมิภาค 7 รายแรก ที่ทำสัญญาภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยในงานจะได้พบกับทรัพย์เด่นทั่วประเทศกว่า 500 รายการ ลดสูงสุดถึง 50% ของราคาประเมิน พร้อมรับสิทธิ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำสุด นานสูงสุดถึง 24 เดือน โดยผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Mobile Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News