Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

นักท่องเที่ยวต่างชาติสิงหาคม “ชะลอแรง” เชียงรายรับโจทย์ใหญ่ช่วงไฮซีซัน

นักท่องเที่ยวต่างชาติสิงหาคม “ชะลอแรง” เหลือ 2.58 ล้านคน รายได้ 1.19 แสนล้าน ลดสองหลัก—ถอดบทเรียนทั้งประเทศและโจทย์ใหญ่สำหรับเชียงรายรับไฮซีซัน

เชียงราย, 13 กันยายน 2568 – เช้าตรู่ปลายฤดูฝนที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เครื่องบินเที่ยวแรกแตะรันเวย์พร้อมผู้โดยสารต่างชาติกลุ่มเล็กๆ ที่ยิ้มให้หมอกขาวเหนือดอยตุง—ภาพเรียบง่ายที่สะท้อนความจริงอันซับซ้อนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในเดือนสิงหาคม: นักท่องเที่ยวต่างชาติ “ยังมา” แต่ “มาน้อยลง” ข้อมูลทางการยืนยันว่า 1–31 สิงหาคม 2568 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.58 ล้านคน ลดลง 12.81% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 119,000 ล้านบาท ลดลง 13.40% สถานการณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขเชิงมหภาค แต่กำลังกลายเป็นโจทย์ปลายเปิดให้ทุกจังหวัด โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม–ธรรมชาติอย่าง เชียงราย ต้องวางหมากรับไฮซีซันทันที

ภาพใหญ่ทั้งประเทศ เอเชียยังนำ, ยุโรปหนุน, อเมริกา–แอฟริกายังเล็ก

แผนที่แหล่งตลาดเดือนสิงหาคมสะท้อนทิศทางที่คุ้นเคยแต่เปราะบาง:

  • เอเชียและแปซิฟิก ครองสัดส่วนสูงสุด 72.77%
  • ยุโรป 19.17%
  • ตะวันออกกลาง 4.18%
  • อเมริกา 3.23%
  • แอฟริกา 0.65%

ความหมายเชิงนโยบายคือ ไทยยังพึ่งพาตลาดระยะใกล้เป็นหลัก ซึ่งตอบสนองไวต่อปัจจัย “ต้นทุน–ความสะดวก–ความเชื่อมั่น” (ค่าโดยสาร เที่ยวบินตรง มาตรการอำนวยความสะดวก และภาพลักษณ์ความปลอดภัย) หากหนึ่งในตัวแปรสะดุด ยอดทั้งระบบสะเทือนทันที ดังเช่นเดือนสิงหาคมที่ตัวเลขภาพรวมถดถอยสองหลัก

5 ชาติหลักยังขับเคลื่อนตลาด—จีนและมาเลเซียยืนหนึ่ง แต่พฤติกรรมเปลี่ยน

รายการ 5 ประเทศที่เดินทางเข้าไทยมากสุด เดือนสิงหาคม ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น (ตามลำดับ) พร้อมเม็ดเงินจับจ่ายที่ยังทรงอิทธิพลต่อเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทย

  • จีน 409,691 คน รายได้ 22,723 ล้านบาท
  • มาเลเซีย 391,777 คน รายได้ 7,742 ล้านบาท
  • อินเดีย 190,604 คน รายได้ 7,368 ล้านบาท
  • เกาหลีใต้ 133,995 คน รายได้ 5,449 ล้านบาท
  • ญี่ปุ่น 128,178 คน รายได้ 5,642 ล้านบาท

ตัวเลขยืนยันภาพ “ตลาดยังมา แต่ใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น” สะท้อนจากรายได้รวมประเทศที่ลดลงมากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว (หดตัว 13.40% เทียบกับ 12.81%) แปลว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัว/ทริปลดลงหรือโครงสร้างนักท่องเที่ยวเอียงไปสู่กลุ่มระยะสั้น–คุ้มค่า (value-seeking) มากขึ้น

 “เหตุชะลอ” ในมุมโครงสร้าง

  1. ความสามารถในการบิน (Air Capacity) – เที่ยวบินตรงยังกลับมาไม่เต็มที่ในหลายเส้นทางรอง ทำให้ค่าโดยสารสูงกว่าช่วงก่อนโควิด นักท่องเที่ยวระดับกลาง–ล่างชะลอการตัดสินใจ
  2. อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจประเทศต้นทาง – ตลาดเอเชียบางแห่งเผชิญกำลังซื้อหดตัว ผู้เดินทางเน้นโปรโมชั่นและฤดูกาลพีคที่แน่นอน
  3. การแข่งขันภูมิภาค – ประเทศเพื่อนบ้านเร่งนโยบายวีซ่า–เที่ยวบิน–แคมเปญราคาดึงดูดกลุ่มเดียวกัน ส่งผลให้นักเดินทางกระจายจุดหมาย

ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าศักยภาพไทยลดลง หากแต่ “สูตรเดิม” ไม่พอในปีที่ผู้บริโภคชั่งน้ำหนัก “ความคุ้มค่า + ความสะดวก + ความปลอดภัย + ความต่าง” มากกว่าที่เคย

เชื่อมโยงสู่เชียงราย เมืองปลายทางภาคเหนือที่มีทั้ง “ข้อได้เปรียบ” และ “ช่องโหว่”

ข้อได้เปรียบ

  • ภูมิทัศน์และฤดูกาลเด่น—หมอกหนาว งานไม้ดอก เดือนพฤศจิกายน–กุมภาพันธ์ คือทราฟฟิกหลัก
  • อัตลักษณ์ศิลปวัฒนธรรม—วัดร่องขุน, วัดร่องเสือเต้น, บ้านดำ, ชุมชนชาติพันธุ์, วิถีชา–กาแฟดอย
  • ทำเล สามเหลี่ยมทองคำ–เชียงแสน เชื่อมลาว–เมียนมา เสริมประสบการณ์ลุ่มน้ำโขง

ช่องโหว่ที่ต้องอุด

  • เที่ยวบินตรงจากตลาดหลักยังจำกัด (จีน/เกาหลี/ญี่ปุ่น) ทำให้พึ่ง “บินต่อเชียงใหม่” ซึ่งเพิ่มเวลาและต้นทุน
  • โครงสร้างบริการรายย่อยยังไม่สม่ำเสมอ—ภาษา, การชำระเงินดิจิทัลข้ามพรมแดน, ป้ายสื่อสารหลายภาษา, ห้องน้ำ–ความสะอาดมาตรฐานสากล
  • ไนท์อีโคโนมีและกิจกรรมช่วงเย็นยังมีช่องว่าง เมื่อเทียบเมืองท่องเที่ยวหลัก

บทสรุปเชิงกลยุทธ์ คือ เชียงรายต้อง “บีบความได้เปรียบให้สุด และลดแรงเสียดทานเล็กๆ ให้หายไป” เพื่อเปลี่ยนผู้โดยสารต่อเครื่อง/ทัวร์ข้ามจังหวัด ให้กลายเป็น “พักเชียงรายเพิ่ม 1 คืน” ให้ได้มากที่สุดในไฮซีซัน

จากตัวเลขระดับชาติ สู่ “แผนเล่นจริง” ของเชียงราย โฟกัส 5 ตลาดตามโครงสร้างเดือนสิงหา

1) จีน – ฐานใหญ่ที่ต้องชนะ ด้วยความสะดวก+ความเชื่อมั่น

  • สินค้า: แพ็กเกจ “หิมะแรกเหนือเมฆ”/“ชา–กาแฟ–ศิลปะใน 48 ชั่วโมง”, จุดถ่ายรูปและคาเฟ่โทนอบอุ่น, ประสบการณ์ชุมชนปลอดโรแมนซ์สแกม–ปลอดทัวร์บังคับซื้อ
  • บริการ: ป้าย–เมนูจีน, ไกด์จีน, รองรับ Alipay/WeChat Pay และ QR ข้ามแดน (ผ่านธนาคารไทย), ระบบขอคืนภาษีและชิปป์สินค้าถึงบ้าน
  • การสื่อสาร: ใช้โซเชียลจีน (WeChat/RED/Weibo) อินฟลูเอนเซอร์ “ทริปสั้นคุ้มค่า” เน้นเดินทางคู่เชียงใหม่หรือบินเข้าเชียงราย–ออกเชียงใหม่

2) มาเลเซีย – กลุ่มครอบครัว–เพื่อน เน้น “ความคุ้มค่าและฮาลาล”

  • สินค้า: เส้นทาง ฮาลาล–มุสลิม–โรดทริปเหนือ ร้านอาหารฮาลาล, มัสยิด, พื้นที่ละหมาดในแหล่งท่องเที่ยว
  • บริการ: ภาษา มาเลย์/อังกฤษ, ระบบจ่าย e-wallet ที่ชาวมาเลย์คุ้นเคย, โปรโมชั่น Long weekend ผูกกับสายการบินโลว์คอสต์
  • การสื่อสาร: คอนเทนต์ “หนาวใกล้–งบคุมได้” จุดขายวิวดอย–ชา–กาแฟ–ไนท์มาร์เก็ต

3) อินเดีย – กลุ่มรุ่นใหม่–ครอบครัว เน้น “ประสบการณ์และอาหาร”

  • สินค้า: เซ็ต Vegetarian/Jain-friendly, คาเฟ่วิวสวย–กิจกรรมถ่ายภาพ–แฟชั่น, โปรแกรมโรแมนติก/พรีเวดดิ้ง
  • บริการ: ภาษาอังกฤษคล่อง, ช่องทางชำระเงินสะดวก (UPI ยังไม่แพร่ในไทย—ใช้บัตร/QR), ทีมซัพพอร์ตเหตุฉุกเฉิน
  • การสื่อสาร: รีล–คลิปสั้น “อากาศเย็น–วิวอลัง–ถ่ายรูปสวยทุกมุม” บน Instagram/YouTube/Shorts

4) เกาหลีใต้ – ไลฟ์สไตล์–ธรรมชาติ–คาเฟ่

  • สินค้า: เส้นทาง Hygge in Chiang Rai คาเฟ่นั่งยาว–เส้นทางวิ่ง/ปั่น–ออนเซ็น/สปา–โฮมสเตย์อบอุ่น
  • บริการ: ป้าย–เมนูเกาหลี, พนักงานรู้วัฒนธรรมเกาหลี (เวลาอาหาร, รสชาติ, การเซอร์วิส)
  • การสื่อสาร: ใช้ Naver/Instagram, ภาพนิ่งโทนอบอุ่น–มินิมอล

5) ญี่ปุ่น – ความเรียบร้อย–มาตรฐาน–ความหมาย

  • สินค้า: ทัวร์เชิงวัฒนธรรมเล็กๆ คุณภาพสูง, ชิมชา–เซรามิก–งานฝีมือทำเองได้, เส้นทาง “เงียบ–สงบ”
  • บริการ: ความตรงเวลา–ความสะอาด–เสียงเบาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์, พนักงานกล่าวทักภาษาญี่ปุ่นพื้นฐาน
  • การสื่อสาร: รีวิวละเอียด, คู่มือภาษา/มารยาทในวัด–ชุมชน

10 มาตรการ “ทำได้ทันที” เพื่อการประทับใจในปีที่แรงซื้อหดตัว

  1. ป้ายหลายภาษา + QR คู่มือเมือง (ไทย–อังกฤษ–จีน–เกาหลี–ญี่ปุ่น) รวมแผนที่–เวลาเปิด–เลขฉุกเฉิน
  2. ยกระดับห้องน้ำสาธารณะ ตามมาตรฐาน TAT Hygienic Restroom ในทุกจุดท่องเที่ยวหลักและสถานีรถ–ท่าเรือ
  3. Payment Friendly – รับบัตร–QR ข้ามแดน (PromptPay Cross-Border, Alipay/WeChat Pay) พร้อมป้ายราคาชัดทุกเมนู
  4. Tourist Help Desk ฤดูกาลพีค – จุดช่วยเหลือ 2 ภาษาในไนท์บาซาร์/ท่าเรือเชียงแสน/วัดร่องขุน ช่วยแปล–ร้องเรียน–ตามของหาย
  5. Night Economy แบบครอบครัว – โซนดนตรีเบา–ศิลปินพื้นบ้าน–เวิร์กช็อปช่างฝีมือ เพิ่มกิจกรรมหลัง 18.00 น. ให้ “มีเหตุผลค้างเพิ่ม 1 คืน”
  6. Green Rules ชัดเจน – แนวทางท่องเที่ยวรับผิดชอบ (แยกขยะ–ลดพลาสติก–ไม่ไล่จับสัตว์–เคารพวิถีชุมชน) พร้อมการสื่อสารหลายภาษา
  7. ขนส่งเชื่อมจุดเด่น – รถชัทเทิลไลน์ “สนามบิน–เมือง–วัดร่องขุน–บ้านดำ–ไร่ชา–ไนท์มาร์เก็ต” รัดกุมต่อเวลา
  8. มาตรฐานความปลอดภัยกิจกรรม – ตรวจอุปกรณ์/ใบอนุญาตเรือ–รถ–แอดเวนเจอร์ขึ้นทะเบียน โปร่งใส
  9. ดาต้าเรียลไทม์ – เก็บ Occupancy–Visitor Flow ช่วงพีค เพื่อจัดระเบียบคิว–เปิด–ปิดทางเข้าอย่างยืดหยุ่น
  10. โปรแกรมฝึกพนักงาน 20 ชั่วโมง – ภาษา/มารยาทข้ามวัฒนธรรม/การจัดการข้อร้องเรียน เร่งร่วมกับสถาบันในพื้นที่

 “ให้เขารู้สึกว่าอยู่บ้านเดียวกัน”

ในปีที่นักท่องเที่ยว “เลือกมาก” เมืองที่ชนะไม่ใช่เมืองที่มีสถานที่สวยสุดเสมอไป แต่คือเมืองที่ ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเป็นคนในพื้นที่ชั่วคราว สำหรับเชียงราย นี่คือเสน่ห์ที่มีอยู่แล้ว—โฮมสเตย์ชุมชนชาวเขา ชา–กาแฟที่เจ้าของไร่ชงเอง งานศิลป์ร่วมสมัยที่เกิดขึ้นจากคนในท้องถิ่น—เพียงต้องเล่าเรื่องให้ถูกตลาดและเพิ่มความสะดวกให้ไร้รอยต่อ

ลองจินตนาการ “ทริป 48 ชั่วโมง” สำหรับคู่รักจีนหรือครอบครัวมาเลเซีย: ลงเครื่องเช้า–รับชัทเทิลไปคาเฟ่ไร่ชา–บ่ายเข้าพิพิธภัณฑ์ศิลป์ร่วมสมัย–เย็นเดินไนท์มาร์เก็ตฮาลาลเฟรนด์ลี่–เช้าวันถัดไปทำเวิร์กช็อปย้อมผ้าชุมชน–บ่ายล่องเรือโขง–ค่ำชมแสงเมืองเก่าเชียงแสน แล้วระบบจ่ายเงิน–การสื่อสาร–ความปลอดภัย ลื่นไหลไร้สะดุด พวกเขาจะบอกต่อโดยไม่ต้องขอ

มุมเศรษฐกิจท้องถิ่น “เม็ดเงินน้อยลง ต้องกระจายในเมืองให้ได้นานขึ้น”

เมื่อค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวมีแนวโน้มลดลง กลยุทธ์ของเชียงรายควรย้ายจาก “ไล่ล่าปริมาณ” สู่ “ขยายเวลาพัก + เพิ่มกิจกรรมสร้างมูลค่า”:

  • จาก 1–2 คืนเป็น 2–3 คืน ผ่าน Night Economy, เวิร์กช็อปทำจริง, ทริปชายแดน
  • เพิ่มสัดส่วนรายได้ชุมชน เช่น แพ็กเกจ ชา–กาแฟ–เซรามิก–สิ่งทอ ที่นักท่องเที่ยว “ลงมือทำและซื้อกลับ”
  • ใช้ บัตรเมือง (City Pass) รวมรถ–ค่าเข้า–คูปองร้านท้องถิ่น เพื่อทั้งเพิ่มความคุ้มค่าและกระจายเม็ดเงิน

การสื่อสารเชิงความเชื่อมั่น ความปลอดภัย–ความเป็นระเบียบคือสินค้าที่ขายได้

ในยุคที่โลกโซเชียลตัดสินใจเร็วกว่าป้ายบอกทาง เมืองต้องขาย “ความสบายใจ” ไปพร้อมกับวิวสวย:

  • ช่องทางทางการสองภาษา (Facebook/Line/WeChat/Naver) รายงานสภาพอากาศ–คุณภาพอากาศ–ถนน–งานเทศกาล แบบวันต่อวัน
  • ระบบรับแจ้งเหตุ–ของหาย One Touch ผ่าน QR เดียว แล้วกระจายไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • การสื่อสาร มารยาทในวัด–หมู่บ้าน ให้เข้าใจง่าย (เช่น แต่งกาย/ระดับเสียง/ถ่ายภาพ) ลดความขัดแย้งเล็กๆ ที่ทำลายประสบการณ์

ไฮซีซันใกล้เข้ามา เชียงรายควร “จัดทัพ 90 วัน”

30 วันแรก – เก็บกวาดพื้นฐาน: ห้องน้ำ–ป้าย–ซ่อมไฟ–ตรวจความปลอดภัยกิจกรรม, อบรมหน้าบ้าน (โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ ไกด์)
60 วันถัดมา – เปิดชัทเทิลรูท, ทดลอง Night Economy ทุกสุดสัปดาห์, เปิด Help Desk สองภาษา, เปิด City Pass รุ่นทดลอง
90 วัน – ลุยแคมเปญตลาดเป้าหมาย 5 ประเทศผ่านอินฟลูเอนเซอร์/เอเจนซี, เสนอแพ็กเกจ “เชียงใหม่–เชียงราย 4 วัน 3 คืน” เน้นภาพลักษณ์ “ภาคเหนือสะอาด–สงบ–ปลอดภัย–ชำระเงินง่าย”

ประเด็นนโยบายที่ควรหารือร่วมจังหวัด

  1. อำนวยความสะดวกเที่ยวบินตรงฤดูกาลหนาว จากเมืองรองในจีน–เกาหลี–ญี่ปุ่น พร้อมกำกับคุณภาพทัวร์
  2. มาตรฐานโฮมสเตย์–แอดเวนเจอร์ ระดับจังหวัดเดียวกัน ลดความเสี่ยงอุบัติเหตุ
  3. ข้อมูลท่องเที่ยวแบบเปิด (Open Data) ให้ผู้ประกอบการเข้าถึง เพื่อวางแผนราคา–บุคลากรอย่างมีข้อมูล
  4. สิ่งแวดล้อมเป็นวาระท่องเที่ยว – จัดการขยะในแหล่งท่องเที่ยว/เส้นทางยอดนิยม พร้อมมาตรการชัดเจนช่วงเทศกาล

ตัวเลขประเทศ “เตือนให้เข้ม” แต่ไม่ใช่เหตุให้ถอย

2.58 ล้านคนและรายได้ 1.19 แสนล้านบาทในสิงหาคมที่หดตัวสองหลัก เป็นสัญญาณเตือนว่า “การแข่งขันท่องเที่ยวปี 2568 ดุเดือด” เมืองที่ไปต่อได้ต้องอ่านเกมไว ปรับสินค้า–บริการให้เข้ากับความคาดหวังนักเดินทางยุคใหม่ และสร้างความสะดวก–สบายใจแบบไร้รอยต่อ

สำหรับ เชียงราย เมืองที่มีทั้งภูมิทัศน์งดงาม วัฒนธรรมเข้ม และเส้นเลือดใหญ่ชายแดน—หากทำการบ้านตามขั้นตอน (พื้นฐานแน่น/สินค้าแตกต่าง/จ่ายเงินง่าย/สื่อสารสองภาษา/ปลอดภัยรู้สึกดี) โอกาสพลิก “ผู้โดยสารต่อเครื่อง” ให้กลายเป็น “ผู้พัก 2–3 คืน” อยู่ไม่ไกล และเมื่อเขากลับบ้านพร้อมคำว่า “รู้สึกเหมือนอยู่บ้านเดียวกัน” เม็ดเงินที่หายไปย่อมมีทางกลับมา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (มท.): อินโฟกราฟิก “Tourism Situation in August 2025 – Inbound August” และสรุปสถานการณ์ท่องเที่ยว (ข้อมูล ณ 7 กันยายน 2568) ใช้ประกอบตัวเลขสำคัญ ได้แก่ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.58 ล้านคน (-12.81% YoY), รายได้ 1.19 แสนล้านบาท (-13.40% YoY), สัดส่วนภูมิภาค และ 5 ประเทศแหล่งตลาดหลักพร้อมรายได้.
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

‘สมพงศ์’ ย้ำคุมเข้มริมเขื่อนแม่สรวย ออกกฎเหล็ก รับนักท่องเที่ยว

เทศบาลตำบลเวียงสรวยออกระเบียบเข้มคุมซุ้มริมน้ำแม่สรวย รับนักท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์

เชียงราย, 26 มีนาคม 2568 – จากกระแสการใช้บริการซุ้มริมน้ำบริเวณเหนือสะพานหน้าอ่างเก็บน้ำแม่สรวย ตำบลแม่สรวย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ที่มีการเก็บค่าบริการต่าง ๆ และเกิดประเด็นเกี่ยวกับการใช้พื้นที่ของประชาชน ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้สัมภาษณ์นายสมพงศ์ เจาะเส็น นายกเทศมนตรีตำบลเวียงสรวย ผู้รับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าว เพื่อสอบถามถึงแนวทางการจัดการและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

นายสมพงศ์ เจาะเส็น เปิดเผยว่า ทางเทศบาลตำบลเวียงสรวยได้จัดการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการในพื้นที่ และออกระเบียบข้อบังคับเพื่อควบคุมการดำเนินงานของร้านค้าและซุ้มริมน้ำบริเวณลำน้ำท้ายเขื่อนแม่สรวย โดยระเบียบดังกล่าวครอบคลุมถึงการเก็บค่าบำรุงรักษาขยะ การกำหนดจุดต่าง ๆ ให้ชัดเจน และการบังคับให้ผู้ประกอบการทุกซุ้มต้องจัดให้มีเสื้อชูชีพสำหรับนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการล่องแพ เพื่อความปลอดภัย ส่วนการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น จะยึดตามกฎหมายทั่วไป โดยไม่มีข้อยกเว้นให้เป็นพื้นที่พิเศษ และกำหนดให้ทุกร้านค้าปิดให้บริการในเวลา 18:00 น. พร้อมกันทั้งหมด

ดูแลความปลอดภัยและสุขภาพของประชาชนและนักท่องเที่ยว

สำหรับกรณีที่ประชาชนรู้สึกว่าได้รับการเอาเปรียบจากร้านค้าหรือการให้บริการที่ไม่เป็นธรรม นายกเทศมนตรีตำบลเวียงสรวยยืนยันว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดบริเวณเขื่อนแม่สรวยเพื่อรับเรื่องร้องเรียน และประสานงานกับโรงพยาบาลแม่สรวย รวมถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแม่สรวย เพื่อดูแลความปลอดภัยและสุขภาพของประชาชนและนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังได้เตรียมแผนรับมือการจราจรในช่วงวันหยุดและเทศกาล โดยขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เพื่อความสะดวกในการเดินทาง

ในประเด็นเรื่องภัยแล้ง ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเคยแสดงความกังวลนั้น นายสมพงศ์ระบุว่า ได้ประสานงานกับกรมเจ้าท่าและกรมชลประทานในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเบื้องต้นยังคงยึดกำหนดการเดิม แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบทันที โดยคำนึงถึงปริมาณน้ำเป็นหลัก เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนที่ต้องการน้ำสำหรับการเกษตร

 

ปรับร้าน 5,000 บาท ถ้าผิดข้อปฏิบัติ

ผู้ประกอบการร้านค้า ผู้ประกอบการซุ้มริมน้ำ ลำ ลำแม่สรวยทุกร้าน ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับที่ทางกลุ่มและส่วน

ราชการกำหนดไว้เท่านั้น ตามข้อปฏิบัติทั้งหมดที่ได้ตกลง และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ทำขึ้นมา รวมถึงการ

กำหนดราคาอาหารและเครื่องดื่ม ถ้าผู้ประกอบการเจ้าไหนไม่ปฏิบัติดามนี้ เมื่อมีลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวมา

ร้องเรียน โดยสืบทราบแล้วว่าผู้ประกอบการผิดจากข้อปฏิบัตินี้จริงครั้งแรกให้ปรับเข้ากลุ่ม 5,000 บาท แต่ถ้า

ผิดเป็นครั้งที่สอง ให้ทางคณะกรรมการดำเนินารปิดร้านนั่นทันทีไม่ให้ประกอบกิจการในฤดูการนี้อีก

รายละเอียดระเบียบข้อบังคับสำหรับผู้ประกอบการเบื้องต้น

จากการประชุมเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ห้องประชุมเทศบาลตำบลเวียงสรวย มีมติร่วมกันกำหนดระเบียบข้อบังคับสำหรับผู้ประกอบการร้านค้าและซุ้มริมน้ำบริเวณลำน้ำแม่สรวย ดังนี้:

  1. การลงทะเบียน: ผู้ประกอบการทุกรายต้องแจ้งความประสงค์และลงทะเบียนก่อนตั้งร้านค้า พร้อมรับฟังระเบียบข้อบังคับ
  2. การจัดการขยะ: ร้านค้าและซุ้มริมน้ำต้องแยกขยะ ห้ามทิ้งลงน้ำโดยเด็ดขาด และต้องรักษาความสะอาด หากพบการสะสมขยะหรือมีกลิ่นเหม็นจนไม่ผ่านการตรวจจากสาธารณสุข จะถูกสั่งปิดร้านทันทีจนกว่าจะแก้ไข
  3. การตั้งซุ้ม: เมื่อสร้างซุ้มเสร็จ ต้องลงทะเบียนจำนวนซุ้มทันที
  4. การประชุม: จัดประชุมผู้ประกอบการตามความเหมาะสมหรือตามสถานการณ์
  5. ค่าบำรุงร้านค้า: ร้านค้าหน้ากว้างไม่เกิน 3 เมตร เก็บ 100 บาท หากเกิน 3 เมตร เก็บ 200 บาท
  6. ค่าบริการซุ้มริมน้ำ: ซุ้มหน้ากว้าง 2 เมตร เก็บ 100 บาท อัตราค่าบริการซุ้มกำหนดที่ 20 บาทต่อคน โดยไม่จำกัดเวลา
  7. ลานจอดรถ: พื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่ เก็บ 100 บาทต่อฤดูกาล หากเกิน 2 ไร่ เก็บ 300 บาท
  8. ห่วงยาง: ค่าบำรุง 500 บาทต่อฤดูกาล จำนวนไม่เกิน 20 ห่วงต่อผู้ประกอบการ
  9. ป้ายราคา: ต้องติดป้ายราคาอาหารและสินค้าอย่างชัดเจน หากไม่ปฏิบัติตามจะถูกสั่งหยุดดำเนินการจนกว่าจะแก้ไข
  10. การทะเลาะวิวาท: ห้ามผู้ประกอบการหรือพนักงานทะเลาะกับลูกค้า หากฝ่าฝืนปรับ 2,000 บาทต่อคน และดำเนินคดีตามกฎหมาย
  11. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์: ร้านค้าต้องติดป้ายห้ามจำหน่ายให้บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี
  12. การบริการ: ต้องให้บริการด้วยความเสมอภาคและสุภาพ หากพบการเอาเปรียบให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
  13. สิ่งผิดกฎหมาย: ห้ามจำหน่ายยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมาย หากพบจะถูกดำเนินคดีและห้ามประกอบการต่อ
  14. การวางโต๊ะ: ห้ามวางโต๊ะหรือเก้าอี้กลางลำน้ำ
  15. หน้าร้าน: ร้านค้าต้องตั้งในที่ดินเอกชน ห้ามรุกล้ำถนนหรือขวางการจราจร
  16. การเร่ขาย: ห้ามเร่ขายในลำน้ำ หากพบจะยึดของและให้ไปตั้งร้านตามระเบียบ
  17. ภาชนะ: ห้ามใช้โฟมหรือพลาสติก ใช้ภาชนะกระดาษหรือชานอ้อย ยกเว้นอาหารต้มหรือแกง
  18. เครื่องเสียง: ห้ามใช้รถติดเครื่องเสียงเปิดเพลงดังรบกวน
  19. การรดน้ำถนน: ผู้ประกอบการต้องรดน้ำถนนหน้าร้านเพื่อลดฝุ่น
  20. การส่งของ: รถส่งของต้องมาถึงก่อน 10:00 น. หากเกินเวลาให้รับเอง
  21. การปฏิบัติตามระเบียบ: ผู้ฝ่าฝืนครั้งแรกปรับ 5,000 บาท ครั้งที่สองปิดร้านทันที
  22. ราคาอาหารและเครื่องดื่ม: กำหนดราคาสูงสุด เช่น ปลาเผา 180 บาท, ส้มตำ 50-80 บาท, เบียร์ถาดละ 900-1,000 บาท

ความเป็นมาของการจัดระเบียบ

การจัดระเบียบนี้สืบเนื่องจากการประชุมเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีนายปฤษฎางค์ สามัคคีนิชย์ นายอำเภอแม่สรวย เป็นประธาน หลังจากเทศบาลตำบลเวียงสรวยได้รับคำร้องจากนายนิธิศ ชัยยา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 บ้านตีนดอย และนายสมหมาย สินเปียง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 13 บ้านริมทาง ขออนุญาตใช้พื้นที่เหนือสะพานหน้าอ่างเก็บน้ำแม่สรวย เพื่อจัดทำร้านค้าและซุ้มชั่วคราวสำหรับกิจกรรมล่องแพเปียก สร้างรายได้ให้ชุมชน โดยมีผู้ประกอบการจาก 2 หมู่บ้าน จำนวน 36 ราย ร่วมกับกลุ่มแพเปียกเดิม ซึ่งที่ประชุมมีมติอนุมัติ และมอบหมายให้เทศบาลตำบลเวียงสรวยจัดสรรล็อคให้เหมาะสม

นายอำเภอแม่สรวยฝากย้ำถึงการปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด รวมถึงการดูแลความปลอดภัย เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับการท่องเที่ยวอำเภอแม่สรวย ซึ่งเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการล่องแพและพักผ่อนคลายร้อน ด้วยลำน้ำที่ใสเย็นจากยอดดอย

ความสำคัญของการท่องเที่ยวแม่สรวย

การล่องแพเปียกบริเวณเขื่อนแม่สรวยเป็นกิจกรรมประจำปีที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้ชุมชน โดยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างจังหวัดเดินทางมาเป็นจำนวนมาก ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นทุกปีสะท้อนถึงความนิยมของแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ ซึ่งมีจุดเด่นคือน้ำใสเย็นจากต้นน้ำธรรมชาติ เหมาะสำหรับการพักผ่อนในช่วงฤดูร้อนและเทศกาลสงกรานต์

ความเห็นจากทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายผู้ประกอบการ

ผู้ประกอบการบางรายเห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว โดยมองว่าจะช่วยสร้างความปลอดภัยและเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม มีข้อกังวลเกี่ยวกับต้นทุนในการจัดเตรียมเสื้อชูชีพและการจัดการขยะ ซึ่งอาจเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย

ฝ่ายประชาชนและนักท่องเที่ยว

ในขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปส่วนใหญ่มองว่ามาตรการนี้เป็นสิ่งที่ดีและจำเป็น โดยเฉพาะการบังคับใช้เสื้อชูชีพเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ แต่บางส่วนยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอัตราค่าบริการที่อาจสูงเกินไป

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  1. ปริมาณนักท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย: จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย ปี 2566 พบว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงรายมีจำนวน 2.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มี 1.8 ล้านคน (ที่มา: ททท. สำนักงานเชียงราย)
  2. ผลกระทบจากน้ำท่วมในเชียงราย: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า ในปี 2567 จังหวัดเชียงรายเผชิญน้ำท่วมใน 12 อำเภอ ส่งผลกระทบต่อครัวเรือน 15,000 ครัวเรือน และพื้นที่เกษตร 50,000 ไร่ (ที่มา: ปภ. รายงานสถานการณ์น้ำท่วม 2567)
  3. การจัดการขยะจากการท่องเที่ยว: กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระบุว่า ในปี 2566 แหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยผลิตขยะเฉลี่ย 1.2 กิโลกรัมต่อนักท่องเที่ยว 1 คนต่อวัน (ที่มา: กรมควบคุมมลพิษ)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์
  • เทศบาลตำบลเวียงสรวย
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)
  • กรมควบคุมมลพิษ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

ซ่อมใหม่ “สะพานฮาแหล่จะ” แลนด์มาร์คเชียงราย เริ่มมีนา 68

อบจ.เชียงราย ร่วมลงนาม MOU ดำเนินโครงการซ่อมสร้างสะพานแขวนฮาแหล่จะ เชื่อมบ้านแคววัวดำ – บ้านผาเสริฐ

เชียงราย, 28 กุมภาพันธ์ 2568 – ผู้าื่อข่าวรายงานว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อดำเนินโครงการซ่อมสร้างสะพานแขวนฮาแหล่จะ เชื่อมระหว่างบ้านแคววัวดำ หมู่ 12 ตำบลแม่ยาว และบ้านผาเสริฐ หมู่ 6 ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยมีภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

พิธีลงนามจัดขึ้น ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยมี นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, นายปิยพันธุ์ ธนะโสภณ ประธานคณะกรรมการโครงการซ่อมสร้างสะพานแขวนฮาแหล่จะ, นายอภิรักษ์ อินต๊ะวัง นายกเทศมนตรีตำบลแม่ยาว, นายเอื้ออังกูร เทพสมรส นายกเทศมนตรีตำบลดอยฮาง และ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นที่ปรึกษาโครงการ

วัตถุประสงค์ของโครงการ

การซ่อมสร้างสะพานแขวนฮาแหล่จะเป็นไปเพื่อฟื้นฟูการใช้งานให้สามารถใช้สัญจรได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน

ปัจจุบันทางคณะกรรมการโครงการได้คัดเลือก บริษัท บีเทคกรุ๊ป จำกัด เป็นผู้รับจ้างก่อสร้างภายใต้งบประมาณ 6,170,000 บาท ซึ่งได้รับเงินบริจาคจากเอกชน 2 แห่ง ได้แก่:

  1. สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 โครงการ “ช่อง 8 ปันน้ำใจ” จำนวน 6,000,000 บาท
  2. โรงแรมโฆษะขอนแก่น และกลุ่ม Kosa Group จำนวน 170,000 บาท

รายละเอียดของการก่อสร้าง

โครงการนี้ประกอบด้วย:

  • การสร้างสะพานแขวนใหม่โดยใช้โครงสร้างลวดสลิงเดิม
  • การสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งเพื่อป้องกันน้ำกัดเซาะ
  • การปรับปรุงภูมิทัศน์ให้เอื้อต่อการเดินทางและการท่องเที่ยว

โครงการคาดว่าจะเริ่มต้นก่อสร้างภายในเดือนมีนาคม 2568 และแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2568 หากไม่มีอุปสรรคใดๆ

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม

เมื่อโครงการซ่อมสร้างสะพานฮาแหล่จะเสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่ต้องเดินทางไกลขึ้นเนื่องจากสะพานพัง รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของตำบลแม่ยาวและตำบลดอยฮาง โดยเฉพาะธุรกิจท้องถิ่น ร้านอาหาร และสินค้า OTOP ที่จะได้รับประโยชน์จากการที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น

ประโยชน์ของโครงการ

  • อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน: สะพานแขวนฮาแหล่จะเป็นเส้นทางหลักของชาวบ้านจากตำบลแม่ยาว, ตำบลดอยฮาง และตำบลห้วยชมภู ที่ต้องใช้ในการเดินทางไปทำงาน, ไปโรงเรียน และไปยังสถานพยาบาล
  • ลดระยะทางการเดินทาง: สะพานช่วยร่นระยะทางไปกลับได้ถึง 10 กิโลเมตร ทำให้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น
  • ส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว: คณะกรรมการโครงการตั้งเป้าหมายให้สะพานฮาแหล่จะเป็น แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจังหวัดเชียงราย ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนและสร้างรายได้ให้กับชุมชน

ความเป็นมาของสะพานแขวนฮาแหล่จะ

สะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2541 ด้วยเงินทุนสนับสนุนจากสถานทูตญี่ปุ่น เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชนบทไทย โดยสะพานเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งพืชผลทางการเกษตรและการเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ของชุมชน

อย่างไรก็ตาม สะพานได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 ที่ระดับน้ำในแม่น้ำกกเพิ่มสูงขึ้นจนสะพานพังเสียหาย ไม่สามารถใช้สัญจรได้ ส่งผลให้ประชาชนต้องใช้เส้นทางอ้อมที่มีระยะทางไกลขึ้นและอาจมีอันตรายในการเดินทาง

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

การซ่อมสร้างสะพานฮาแหล่จะครั้งนี้เป็นความร่วมมือจากจิตอาสา 100% จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนในพื้นที่ โดยคณะกรรมการโครงการและผู้เกี่ยวข้องต่างมุ่งมั่นให้สะพานกลับมาใช้งานได้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด

ทางคณะกรรมการโครงการซ่อมสร้างสะพานฮาแหล่จะขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนโครงการนี้ และมั่นใจว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จตามกำหนด และสะพานแขวนฮาแหล่จะจะกลับมาเป็นเส้นทางหลักที่ปลอดภัยและเป็นสัญลักษณ์แห่งการพัฒนาในจังหวัดเชียงรายต่อไป

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง:

  • สะพานแขวนฮาแหล่จะ ถูกสร้างขึ้นในปี 2541 และใช้สัญจรมากกว่า 1,000 คน/วัน ก่อนจะได้รับความเสียหายจากอุทกภัย
  • งบประมาณโครงการซ่อมสร้างสะพานแขวนฮาแหล่จะ 6,170,000 บาท ได้รับการสนับสนุนจาก 2 องค์กรเอกชน
  • สะพานแห่งนี้ช่วยร่นระยะทางเดินทางของประชาชนในพื้นที่ได้ถึง 10 กิโลเมตร
  • การซ่อมแซมคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน กรกฎาคม 2568 และคาดว่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น 20-30% ในปีแรกหลังเปิดใช้งาน

อ้างอิง: ข้อมูลจากคณะกรรมการโครงการซ่อมสร้างสะพานฮาแหล่จะ, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และเทศบาลตำบลแม่ยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายจัดงานปีใหม่ลาหู่นานาชาติ ครั้งที่ 2 สร้างความสามัคคีระดับโลก

งานสืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณีปีใหม่ลาหู่นานาชาติ ครั้งที่ 2 ส่งเสริมความสามัคคีชาติพันธุ์

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2568 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS จังหวัดเชียงราย นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน สืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณีปีใหม่ลาหู่นานาชาติ ครั้งที่ 2″ ประจำปี 2568 โดยมีเป้าหมายสำคัญเพื่อฟื้นฟู ส่งเสริม และอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาติพันธุ์ลาหู่ให้คงอยู่ต่อไป อีกทั้งเป็นการสร้างความตระหนักในคุณค่าของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแก่ชาติพันธุ์ลาหู่รุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังช่วยเผยแพร่ แลกเปลี่ยน และเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างชาติพันธุ์ลาหู่ในประเทศไทยและนานาชาติ

ภายในงานมีบุคคลสำคัญเข้าร่วม อาทิ นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม, นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์, นายกสมาคมและผู้บริหารสมาคมลาหู่นานาชาติ รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการและตัวแทนพี่น้องชาติพันธุ์ลาหู่จาก 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย เมียนมาร์ เวียดนาม จีน ออสเตรเลีย อเมริกา สปป.ลาว และสิงคโปร์

กิจกรรมภายในงาน

งานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-20 มกราคม 2568 ตั้งแต่เวลา 09.00-22.30 น. โดยมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมและการสาธิตภูมิปัญญาพื้นบ้านจากชาติพันธุ์ลาหู่ เช่น การแสดงดนตรีพื้นบ้าน การเต้นรำประเพณี งานฝีมือ และนิทรรศการวัฒนธรรม พร้อมทั้งมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวคิดเกี่ยวกับการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชาติพันธุ์ในแต่ละประเทศ

การจัดงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรภาคีเครือข่าย รวมถึงพี่น้องลาหู่จากทั่วโลกที่ร่วมบริจาคเพื่อสนับสนุนการจัดกิจกรรม โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย รวมถึงสร้างความสามัคคีและปรองดองในหมู่ชาติพันธุ์

ลาหู่ในประเทศไทย

ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรชาติพันธุ์ลาหู่ราว 150,000 คน อาศัยกระจายอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาร์กว่า 800 หมู่บ้าน จังหวัดที่มีประชากรลาหู่อาศัยอยู่มาก ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง เชียงใหม่ และตาก โดยชาติพันธุ์ลาหู่เป็นกลุ่มที่มีวัฒนธรรมโดดเด่น เช่น ภูมิปัญญาท้องถิ่นและประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนาน

นางสาวจิราพร สินธุไพร กล่าวในพิธีเปิดว่า “งานนี้ไม่เพียงส่งเสริมวัฒนธรรมแต่ยังสะท้อนถึงความสามัคคีและการยอมรับในความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับพี่น้องลาหู่รุ่นใหม่ที่จะตระหนักถึงคุณค่าของมรดกวัฒนธรรม เพื่อสืบสานและรักษาไว้ให้คงอยู่ต่อไป”

เป้าหมายการจัดงาน

  • อนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมของชาติพันธุ์ลาหู่
  • เชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างชาติพันธุ์ลาหู่ในระดับนานาชาติ
  • ส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในจังหวัดเชียงราย
  • สร้างแรงบันดาลใจให้รุ่นใหม่เห็นคุณค่าในวัฒนธรรมดั้งเดิม

งาน สืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณีปีใหม่ลาหู่นานาชาติ ครั้งที่ 2″ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยยกระดับเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางด้านศิลปวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระดับนานาชาติ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสความงดงามของวัฒนธรรมลาหู่ในรูปแบบที่หลากหลายและน่าประทับใจ.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI FOOD

เที่ยวฐานทหาร ‘เชียงราย’ ดื่มด่ำกาแฟ ชมวิวทะเลหมอก ‘เชียงราย’

“วิวสวย กาแฟเลิศรส” กองกำลังผาเมือง เชิญเที่ยวฐานทหารชมทะเลหมอก เชียงราย

เชียงราย – ตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนท้องถิ่น กองทัพภาคที่ 3 โดยกองกำลังผาเมือง ได้เปิดตัวสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ในเขตชายแดนไทย-เมียนมา ณ ฐานปฏิบัติการในจังหวัดเชียงราย ที่มีทั้งจุดชมวิวทะเลหมอก ร้านกาแฟ และลานกางเต็นท์ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวในฤดูหนาวนี้

จุดท่องเที่ยวใหม่ที่น่าสนใจ

กองกำลังผาเมืองได้พัฒนา 2 สถานที่สำคัญ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่มีทั้งความงดงามตามธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ชุมชนดังนี้:

  1. จุดชมวิวดอยช้างมูบ
    ตั้งอยู่ที่ตำบลโป่งงาม อำเภอแม่สาย ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 60 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมง 20 นาที ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบแห่งนี้เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมี Phamuang Coffee @DoichangMub ร้านกาแฟคุณภาพที่ใช้เมล็ดกาแฟจากชุมชนท้องถิ่น และพื้นที่ลานกางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
  2. จุดชมวิวด่านป่าสัก
    ตั้งอยู่ที่ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย เป็นจุดชมทะเลหมอกที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาของทั้งฝั่งไทยและเมียนมา ร้าน Phamuang Coffee Danpasak นำกาแฟคุณภาพสูง เช่น Phamuang Coffee และกาแฟม้าดอย มาบริการให้ผู้มาเยือนได้ลิ้มลองรสชาติกาแฟแท้ในบรรยากาศยามเช้าที่สดชื่น

สนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน

การเปิดตัวสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ไม่เพียงช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นให้มีรายได้เพิ่มขึ้นผ่านการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กาแฟและสินค้าชุมชน

เชิญชวนสัมผัสธรรมชาติในฤดูหนาว

แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 3 ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว ข้าราชการในสังกัดกองทัพ และประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด มาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ชมวิวทะเลหมอกที่งดงาม และลิ้มรสกาแฟคุณภาพในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความปลอดภัย

อย่าพลาดโอกาสที่จะสัมผัสธรรมชาติอันงดงามของเชียงรายในฤดูหนาวนี้ พร้อมสนับสนุนชุมชนในพื้นที่เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น

ข้อมูลเพิ่มเติม:

  • เวลาเปิดให้บริการ: ทุกวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น
  • การเดินทาง: ใช้ถนนหมายเลข 1 และ 1149 เพื่อเข้าถึงสถานที่ทั้งสองแห่ง
  • หมายเหตุ: นักท่องเที่ยวควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนการเดินทาง

สอบถามเพิ่มเติม: Phamuang Coffee Doichangmub

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Phamuang Coffee Doichangmub

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเปิด FAM Trip ชา-กาแฟ ดึงนักท่องเที่ยวสัมผัสเสน่ห์ท้องถิ่น

กิจกรรม FAM Trip เส้นทางชา กาแฟจากสวนสู่แก้ว ครั้งที่ 2

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดกิจกรรม FAM Trip เส้นทางชา กาแฟ จากสวนสู่แก้ว ครั้งที่ 2 ในโครงการ Coffee or Tea ฮับชาหรือกาแฟดีจ้าว ซึ่งจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ชาและกาแฟในจังหวัดเชียงราย อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวและกระจายรายได้สู่ชุมชน ผู้ประกอบการร้านกาแฟ และร้านอาหารต่าง ๆ ในพื้นที่ โดยมีผู้เข้าร่วมงานจากหลากหลายภาคส่วน อาทิ สื่อมวลชน เอเจนทัวร์ ผู้แทนจากส่วนราชการ และเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่ง

จุดประสงค์การจัดงาน

กิจกรรม FAM Trip เส้นทางชา กาแฟครั้งนี้ มีเป้าหมายหลักในการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวและสถานประกอบการของผู้ประกอบการชาและกาแฟในเชียงราย เพื่อสร้างการรับรู้ถึงคุณภาพของชาและกาแฟในจังหวัด และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับชาและกาแฟ รวมถึงเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในเส้นทางดอยแม่สลองสู่ตัวเมืองเชียงราย

เส้นทางกิจกรรม FAM Trip

กิจกรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-12 ธันวาคม 2567 โดยเส้นทางการเดินทางมีไฮไลต์ที่น่าสนใจดังนี้:

  1. ไร่ชาฉุยฟง อ.แม่ฟ้าหลวง
    คณะได้เยี่ยมชมไร่ชาที่มีชื่อเสียงของเชียงราย พร้อมชิมผลิตภัณฑ์จากชาอันเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้กระบวนการปลูก การดูแล และการแปรรูปชา เพื่อสร้างความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ของชุมชน

  2. ไร่กาแฟดอยผาหมี อ.แม่สาย
    คณะได้เยี่ยมชมไร่กาแฟบนดอยผาหมี ที่มีการผลิตกาแฟโดยใช้ภูมิปัญญาชุมชน เรียนรู้กระบวนการผลิตกาแฟตั้งแต่การปลูก เก็บเกี่ยว จนถึงการคั่ว และได้ลิ้มลองรสชาติกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่

  3. ร้านชาและกาแฟในอำเภอเมืองเชียงราย
    การเยี่ยมชมร้านค้าและชิมผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการในตัวเมืองเชียงราย เพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในพื้นที่

เชิญร่วมงาน Coffee or Tea ฮับชาหรือกาแฟดีจ้าว

ในโอกาสนี้ จังหวัดเชียงรายได้ประชาสัมพันธ์กิจกรรมใหญ่ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 4-5 มกราคม 2568สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ภายในงานจะมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น:

  • ชิมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชาและกาแฟจากหลากหลายแหล่ง
  • ชมภาพวาดศิลปะที่รังสรรค์โดยศิลปินในและนอกพื้นที่ เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย
  • กิจกรรมเวิร์กชอปเกี่ยวกับการชงชาและกาแฟ รวมถึงเทคนิคการสร้างสรรค์เครื่องดื่มพิเศษ

การส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

กิจกรรม FAM Trip และงาน Coffee or Tea เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการท้องถิ่น พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ตลอดจนพัฒนาภาพลักษณ์ของเชียงรายในฐานะแหล่งผลิตชาและกาแฟคุณภาพระดับประเทศ

งานดังกล่าวสะท้อนถึงศักยภาพของจังหวัดเชียงรายในด้านการเป็นศูนย์กลางของชาและกาแฟที่มีคุณภาพสูง รวมถึงการเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เปิดงานมหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย ปีที่ 10 สร้างสรรค์วัฒนธรรม

มหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย ปีที่ 10 โชว์วิถีชีวิตและวัฒนธรรมชาติพันธุ์

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2567 ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันเมล็ดคามีเลียและน้ำมันพืชอื่นๆ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน มหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย ครั้งที่ 10 ประจำปี 2567 งานนี้จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการแสดงศิลปะ วัฒนธรรม อัตลักษณ์ ภูมิปัญญา และวิถีชีวิตอันดีงามของกลุ่มชาติพันธุ์ รวมทั้งฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในแม่สายหลังเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา

การรวมพลังชาติพันธุ์ 11 กลุ่ม และเพื่อนบ้านอาเซียน

ในโอกาสครบ 1 ทศวรรษ การจัดงานได้เชิญกลุ่มชาติพันธุ์ 11 กลุ่มในอำเภอแม่สาย ได้แก่

1. ไท-ยวน 2. ไทลื้อ 3. ไทเขิน 4. ไทใหญ่ 5. ไตหย่า 6. จีนยูนนาน 7. อาข่า 8. ลาหู่ 9. ดาราอั้ง 10. ลัวะ 11. คะฉิ่น

นอกจากนี้ ยังมีชาติพันธุ์เพื่อนบ้านจาก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มาร่วมแสดงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมเฉพาะถิ่น เช่น ชาติพันธุ์ลาวบ้านท่าขันทอง และกลุ่มชาติพันธุ์บ้านม้งจาก 8 อำเภอในแม่ฟ้าหลวง

กิจกรรมในงาน

งานแบ่งเป็นหลายโซนที่เน้นการจัดแสดงวิถีชีวิตและประเพณี ได้แก่

  • โซนหมู่บ้านจำลองชาติพันธุ์ จัดแสดงวิถีชีวิต การละเล่น วัฒนธรรม และสินค้าหัตถกรรม
  • โซนอาหารสี่ภาค และ สินค้า OTOP
  • โซนลานขันโตก มีการแสดงกลางแจ้งจากกลุ่มชาติพันธุ์
  • การสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การแพทย์แผนโบราณ การทำอาหารประจำชาติพันธุ์

งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-11 ธันวาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น.

การส่งเสริมเศรษฐกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืน

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กล่าวในพิธีเปิดว่า การจัดงานมหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย ครั้งนี้เป็นตัวอย่างของการรวมพลังร่วมมือระหว่างหน่วยงานหลายภาคส่วนในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรม สร้างรายได้ให้ชุมชน และกระตุ้นการท่องเที่ยว

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวต้อนรับผู้ร่วมงาน พร้อมย้ำถึงความสำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมให้ยั่งยืน พร้อมสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่แม่สายให้กลับมามีชีวิตชีวาหลังอุทกภัยที่ผ่านมา

งานมหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สายครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นเวทีแสดงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของชาติพันธุ์ แต่ยังเป็นการสร้างความภาคภูมิใจและการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างชุมชนและผู้มาเยือน เป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาแม่สายให้เป็นพื้นที่ที่น่าอยู่และเต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
FEATURED NEWS TRAVEL

อนันตรา เชียงราย เปิดตัวต้นคริสต์มาสน้องโต ผสานศิลปะรักษ์โลก

อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ เชียงราย ร่วมกับดอยตุง สร้างสรรค์ต้นคริสต์มาส “น้องโต” รักษ์โลก ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 โรงแรมอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย ได้จับมือกับโครงการพัฒนาดอยตุง เปิดตัวต้นคริสต์มาสสุดสร้างสรรค์ในชื่อ “น้องโต” ประติมากรรมรักษ์โลกที่ผสานความเชื่อท้องถิ่นและวัฒนธรรมคริสต์มาส ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี โดยต้นคริสต์มาสดังกล่าวได้แรงบันดาลใจจาก “น้องโต” สัตว์มงคลในตำนานของชาวไทใหญ่ ที่มีศีรษะคล้ายกวางและลำตัวเหมือนสิงโต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความโชคดีและความเป็นสิริมงคล

ต้นคริสต์มาส “น้องโต” มีความสูงกว่า 6 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณโถงล็อบบี้ของโรงแรม ภายใต้แนวคิดรักษ์โลกที่เน้นการใช้วัสดุเหลือใช้จากโครงการพัฒนาดอยตุง เช่น เศษผ้าที่เหลือจากการทอผ้า และวัสดุเหลือใช้จากกระบวนการผลิต โดยทีมออกแบบได้นำเศษผ้ามาผูกติดกับโครงสร้างทีละชิ้นด้วยมือทั้งหมด รวมถึงเย็บเป็นเครื่องประดับตกแต่ง เช่น ลูกบอลกลมและกล่องของขวัญ เพิ่มสีสันและความสวยงาม

เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการรีไซเคิล พื้นโดยรอบต้นคริสต์มาสได้ตกแต่งด้วยเศษกิ่งไม้และใบไม้แห้งที่เก็บรวบรวมจากป่าในบริเวณใกล้เคียง สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นธรรมชาติ ช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับพื้นที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนโรงแรมในช่วงเทศกาล

นายสมชาย วัฒนธรรม ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรม กล่าวว่า “น้องโต” ไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีเท่านั้น แต่ยังสะท้อนความมุ่งมั่นของโรงแรมในเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านการสร้างสรรค์ผลงานที่ใช้วัสดุรีไซเคิล ตอกย้ำแนวคิดความยั่งยืนที่เรายึดมั่นเสมอมา”

นักท่องเที่ยวสามารถร่วมสัมผัสบรรยากาศเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ในสไตล์รักษ์โลก พร้อมเพลิดเพลินกับกิจกรรมและแพ็คเกจพิเศษที่อนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพักได้ที่โทร. 053-784-084

นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสร้างสรรค์ที่เชื่อมโยงวัฒนธรรมท้องถิ่นและนานาชาติได้อย่างลงตัว พร้อมส่งต่อความสุขและแรงบันดาลใจให้กับผู้มาเยือนในเทศกาลแห่งความสุขนี้.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : โรงแรมอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ แคมป์ช้าง แอนด์ รีสอร์ท เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายจัดงานปีใหม่ไตย ครั้งที่ 28 สืบสานวัฒนธรรมไทยใหญ่

เชียงรายจัดยิ่งใหญ่ งานอนุรักษ์วัฒนธรรมปีใหม่ไตย ครั้งที่ 28 เสริมสร้างความสามัคคี-กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18.30 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “โครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมปีใหม่ไตย” ประจำปี 2567 ครั้งที่ 28 ณ ลานสนามกลางบ้านเทอดไทย หมู่ 1 ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยมีนายเสน่ห์ ปัญญาดี ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นายก อบจ.เชียงราย ร่วมในพิธี พร้อมด้วยนายเชิดชาย ชาลี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเทอดไทย ผู้กล่าวรายงานการจัดงาน นอกจากนี้ยังมีนายอานนท์ ขันคำ ปลัดอาวุโส อำเภอแม่ฟ้าหลวง นายปิติ อ่วยยื่อ กำนันตำบลเทอดไทย รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมอย่างคับคั่ง

เผยแพร่วัฒนธรรมไตย-ส่งเสริมการท่องเที่ยว

งานอนุรักษ์วัฒนธรรมปีใหม่ไตยครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 28 เพื่อสืบสานและเผยแพร่ประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตดั้งเดิมของพี่น้องชาวไทยใหญ่ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งในกลุ่มประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีในชุมชน รวมถึงสานสัมพันธ์อันดีระหว่างชนเผ่าต่างๆ ในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง

เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

โครงการนี้ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ โดยเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมอันดีงามของชาวไทยใหญ่ให้คงอยู่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญต่อไป

กิจกรรมภายในงาน

งานอนุรักษ์วัฒนธรรมปีใหม่ไตยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2567 โดยภายในงานมีกิจกรรมหลากหลายที่สะท้อนวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวไทยใหญ่ เช่น

  • การแสดงวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ 7 ชนเผ่า
  • การแสดงชุดชนเผ่าไทยใหญ่
  • นิทรรศการภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิถีชีวิตชนเผ่าไทยใหญ่
  • การแข่งขันกีฬาพื้นเมือง
  • การแสดงดนตรีพื้นบ้านไทยใหญ่
  • การแสดงรำนก-รำโต
  • การแสดงจากนักร้องชนเผ่าไทยใหญ่

กิจกรรมทั้งหมดจัดขึ้น ณ ลานสนามกลางบ้านเทอดไทย หมู่ 1 ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายได้สนับสนุนงบประมาณเพื่อการจัดงานครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วง

เป้าหมายสำคัญ: อนุรักษ์วัฒนธรรมและสร้างรายได้ชุมชน

นางอทิตาธรกล่าวในพิธีเปิดว่า งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีไทยใหญ่ ให้คงอยู่คู่ชุมชนไทยใหญ่ และยังช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนจากการท่องเที่ยวและการจัดกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน

งานอนุรักษ์วัฒนธรรมปีใหม่ไตยไม่เพียงเป็นโอกาสสำหรับชาวไทยใหญ่ในการเฉลิมฉลองปีใหม่ แต่ยังเป็นพื้นที่แห่งการรวมตัวของคนในชุมชนเพื่อแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในมรดกวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI ENTERTAINMENT VIDEO

เชียงรายชวนสัมผัสความงดงาม “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024”

เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 งานที่รวมความงดงามของศิลปวัฒนธรรมและความสร้างสรรค์ของชาวเชียงรายไว้ในที่เดียว!”

“จุดเด่นในปีนี้ คือ ต้นคริสต์มาสหมอกพันวา งานคราฟต์สุดพิเศษที่รังสรรค์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้วยดอกไม้เมืองหนาวกว่า 9 สายพันธุ์ เช่น ดอกรองเท้านารีดอยตุง ดอกกุหลาบพันปี และดอกนางพญาเสือโคร่ง ผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกได้อย่างลงตัว

สัมผัสการแสดงพิเศษ ‘The Legendary of Flower’ โชว์ดนตรีสดสไตล์ Lanna Music & Orchestra ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเทศกาลนี้โดยเฉพาะ

“อย่าพลาดกับ กาสะลองไนท์มาร์เก็ต ตลาดกลางคืนที่รวบรวมอาหารพื้นเมืองล้านนา เมนูพิเศษจากดอกไม้นานาชนิด และอาหารหาทานยากจากพี่น้องชาติพันธุ์ 6 ชนเผ่า

“นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม 5 Senses Experience ที่มอบประสบการณ์ครบทุกประสาทสัมผัส ทั้งสัมผัสดอกไม้เมืองหนาว ร่วม Workshop จัดดอกไม้ และเพลิดเพลินกับเสียงดนตรีพื้นบ้าน”

“เทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและฟื้นฟูเศรษฐกิจเชียงรายในช่วงฤดูหนาว พร้อมยกระดับจังหวัดเชียงรายสู่การเป็น ‘ดินแดนแห่งศิลปะและดอกไม้’ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก”

“มาร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษในเทศกาล ‘สีสันกาสะลอง 2024’ ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มกราคม 2568 ที่ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย เข้าร่วมงานฟรี!” “แล้วเจอกันในงานเทศกาลสีสันกาสะลอง 2024 มาแอ่วเหนือ ชมดอกไม้ สัมผัสศิลปะ และสร้างความทรงจำดี ๆ ไปด้วยกัน!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE