Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

สดุดีวีรชนผู้กล้า! เชียงราย-พะเยาร่วมกิจกรรมรวมพลังทหารผ่านศึกปกป้องแผ่นดินไทย

เชียงราย-พะเยา รวมพลังทหารผ่านศึก โบกธงสดุดีวีรชนผู้กล้า สะท้อนพลังปกป้องแผ่นดิน

เชียงราย, 4 สิงหาคม 2568 – สดุดีวีรชน สะท้อนจิตวิญญาณรักชาติท่ามกลางความไม่สงบ ท่ามกลางสถานการณ์ชายแดนที่ยังคงเปราะบาง ทั้งทางภาคใต้และชายแดนด้านตะวันออกของประเทศ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกได้จัดกิจกรรม “รวมพลังทหารผ่านศึก เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย” ขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ โดยจังหวัดเชียงรายและพะเยาเป็นจุดหลักของกิจกรรม เพื่อรำลึกและสดุดีวีรชนผู้เสียสละ สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณรักชาติที่ยังคงลุกโชนในใจประชาชนและเหล่าทหารผ่านศึก

สองจังหวัดร่วมแสดงพลัง ณ สถานที่ประวัติศาสตร์

กิจกรรมหลักในพื้นที่จัดขึ้น ณ อนุสาวรีย์ผู้เสียสละ อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา และอนุสรณ์สถานสามผู้กล้า อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมีนางมณธิยา กำจาย รองหัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตเชียงราย เป็นผู้นำกิจกรรม พร้อมด้วยกำลังพลจาก ร.17 พัน 4, ทหารกองหนุน และทหารผ่านศึกเข้าร่วมอย่างคึกคัก

ผู้ร่วมกิจกรรมได้พร้อมใจกันร้องเพลงชาติและโบกธงไตรรงค์อย่างภาคภูมิใจ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสงบนิ่งปนพลังใจอันแน่วแน่ สะท้อนความพร้อมของประชาชนในการยืนหยัดร่วมกับผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย

จากเลือดเนื้อสู่จิตวิญญาณทหารไทย

กิจกรรมในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการรำลึกถึงความเสียสละในอดีต แต่ยังส่งต่อคุณค่าทางจิตใจและประวัติศาสตร์แก่คนรุ่นหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ประเทศยังคงเผชิญแรงกดดันจากเหตุการณ์ในพื้นที่ชายแดน การแสดงพลังผ่านสัญลักษณ์อย่างธงชาติและบทเพลงรักชาติ ได้กลายเป็นเสาหลักทางจิตใจที่ปลุกความภาคภูมิใจในหัวใจคนไทย

นางมณธิยา กล่าวว่า “การรวมพลังของทหารผ่านศึกทุกนายคือคำตอบว่าความรักชาติไม่มีวันหมดอายุ แม้หมดภารกิจในสมรภูมิ แต่หน้าที่ในการปกป้องจิตวิญญาณชาติยังคงดำรงอยู่”

ความหมายทางสังคมและนัยต่อความมั่นคง

นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และสังคมวิเคราะห์ว่า กิจกรรมเช่นนี้มีความสำคัญลึกซึ้งหลายด้าน ได้แก่:

  • การส่งต่อคุณค่าและความภาคภูมิใจ: การมีส่วนร่วมของทหารกองหนุนและทหารประจำการ เป็นการเชื่อมโยงคุณค่าแห่งการเสียสละจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ความหมายของคำว่า “ปกป้องแผ่นดิน” ยังคงชัดเจนในสำนึกของคนไทย
  • เสริมสร้างความมั่นคงทางจิตใจ: ท่ามกลางข่าวความรุนแรงชายแดน การจัดกิจกรรมที่มีสัญลักษณ์ร่วมแห่งชาติ เป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมพลังใจแก่ทั้งทหาร ครอบครัว และประชาชนในพื้นที่
  • ตอกย้ำความชอบธรรมของรัฐ: พลังร่วมจากภาคประชาชนในการแสดงออกถึงการปกป้องอธิปไตย ย่อมเป็นหลักฐานชัดเจนว่าประชาชนให้การสนับสนุนนโยบายด้านความมั่นคงของรัฐอย่างแท้จริง

สามัคคีคือรากฐานของความมั่นคง

การรวมพลังครั้งนี้ ยังมีนัยทางการเมืองที่ชัดเจน กล่าวคือ เป็นการยืนยันต่อสังคมและนานาชาติว่า คนไทยไม่เพิกเฉยต่อภัยคุกคามอธิปไตย ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใด ความสามัคคีและพลังประชาชนคือเกราะสำคัญในการปกป้องเส้นแบ่งแผ่นดินให้ปลอดภัยจากอิทธิพลภายนอก

สถานที่จัดกิจกรรมอย่างอนุสรณ์สถานชายแดน เปรียบเสมือนเครื่องเตือนใจคนรุ่นหลังว่า “สันติภาพมีราคา” และราคานั้นคือชีวิตของวีรชนที่ไม่อาจลืมเลือน

พลังทหารผ่านศึกพลังเงียบที่ยังคงเคลื่อนไหว

แม้หลายคนจะคิดว่าทหารผ่านศึกคือคนที่พ้นภารกิจแล้ว แต่กิจกรรมในครั้งนี้ได้พิสูจน์ว่า พวกเขายังมีบทบาทสำคัญในสังคม การเคลื่อนไหวอย่างสงบแต่มั่นคงของกลุ่มนี้ คือกำลังเสริมทางจิตใจของชาติ และอาจกลายเป็นพลังสนับสนุนทางนโยบายในยามจำเป็น

ผู้ร่วมกิจกรรมกว่า 3,000 นายทั่วประเทศ แสดงให้เห็นว่าทหารผ่านศึกคือเครือข่ายพลังใจที่ยังคงเข้มแข็ง ไม่เพียงแต่มีคุณค่าทางจิตใจ แต่ยังมีบทบาทในการสร้างความมั่นคงทางสังคมและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชน

จากกิจกรรมรำลึก สู่พลังที่เปลี่ยนสังคม

กิจกรรม “รวมพลังทหารผ่านศึก เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย” เป็นมากกว่าพิธีกรรมเชิงสัญลักษณ์ แต่เป็นการแสดงออกเชิงรูปธรรมว่าความรักชาติยังคงอยู่ในหัวใจของคนไทยทุกช่วงวัย และเป็นพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้อย่างแท้จริง

ความร่วมมือระหว่างองค์กรภาครัฐ ทหาร และประชาชนในกิจกรรมนี้ เป็นการแสดงพลังแบบสันติวิธีที่ทรงพลังยิ่ง การปกป้องอธิปไตยไม่จำเป็นต้องใช้เพียงกำลังอาวุธ แต่ใช้พลังใจ ความเข้าใจ และความร่วมมืออย่างแนบแน่นได้เช่นกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตเชียงราย
  • กองทัพบก ร.17 พัน 4
  • สำนักข่าวท้องถิ่นเชียงรายและพะเยา
  • การวิเคราะห์จากนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
  • รายงานกิจกรรมจากองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกแห่งประเทศไทย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มทบ.37 มอบกายอุปกรณ์เสริมทหารผ่านศึกเชียงราย

มทบ.37 ส่งมอบกายอุปกรณ์เสริมและเทียม แก่ทหารผ่านศึกพิการเชียงราย-พะเยา เสริมคุณภาพชีวิตด้วยบริการทางการแพทย์ครบวงจร

เชียงราย, 4 กรกฎาคม 2568 – มณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) เดินหน้าเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและศักดิ์ศรีให้กับทหารผ่านศึกพิการในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและพะเยา ผ่านภารกิจ “มอบกายอุปกรณ์เสริมและเทียม” ที่ศาลาอเนกประสงค์ สำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตเชียงราย โดยมีพลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการ มทบ.37 ในฐานะหัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตเชียงราย เป็นประธานในพิธีครั้งนี้

ภายในงานได้รับเกียรติจาก แพทย์หญิงจิตติมา ปรีชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และ นางมณธิยา กำจาย รองหัวหน้าสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตเชียงราย พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากกองออร์โธปิดิกส์และกายอุปกรณ์โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ร่วมลงพื้นที่ปฏิบัติหน้าที่ภาคสนาม จัดตั้งหน่วยบริการเคลื่อนที่เพื่อให้บริการตรวจประเมินและจัดทำกายอุปกรณ์เสริมและเทียมแก่ทหารผ่านศึกอย่างครบวงจร

เดินหน้านโยบาย “เข้าถึง-ทั่วถึง-อุ่นใจ” สู่ทหารผ่านศึกทุกพื้นที่

ภารกิจในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายสำคัญจากองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ที่เน้นการดูแลแบบเชิงรุก โดยนำหน่วยแพทย์ หน่วยทันตกรรม หน่วยกายภาพบำบัด และหน่วยจัดทำกายอุปกรณ์เคลื่อนที่ ออกให้บริการถึงท้องถิ่น เพื่อให้ทหารผ่านศึกและครอบครัวในพื้นที่ห่างไกลได้รับการดูแลสุขภาพอย่างทั่วถึงทั้งการตรวจรักษาโรคทั่วไป โรคกระดูกและข้อ บริการทันตกรรม ตลอดจนการให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง พร้อมสนับสนุนอุปกรณ์ช่วยเหลือความพิการและฟื้นฟูสมรรถภาพ

ในการให้บริการครั้งนี้ มีทหารผ่านศึกและครอบครัวเข้ารับบริการทั้งสิ้น 83 ราย แบ่งเป็นผู้ที่มารับคำปรึกษาและประเมินด้านกายอุปกรณ์เสริมและเทียม 16 ราย และผู้ที่ได้รับการสงเคราะห์กายอุปกรณ์แล้ว 67 ราย โดยอุปกรณ์ที่มอบให้ในครั้งนี้มีทั้งขาเทียมใต้เข่าแบบแกนในใช้กับฝ่าเท้าวิจัย S-pace จำนวน 5 ข้าง, ขาเทียมใต้เข่าแบบแกนใน 25 ข้าง, ขาเทียมเหนือเข่าแบบแกนใน 6 ข้าง, รถเข็นสำหรับผู้พิการ 9 คัน รวมถึงอุปกรณ์เสริมและเครื่องช่วยความพิการอื่น ๆ ที่จำเป็นเฉพาะบุคคล

กำลังใจ–ความห่วงใย” ที่ส่งถึงคนกล้า

พลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ กล่าวในพิธีว่า “ทหารผ่านศึกทุกคน คือผู้เสียสละที่ควรได้รับการดูแลอย่างสมศักดิ์ศรี กายอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ส่งมอบในวันนี้ไม่ใช่แค่เครื่องมือทางกายภาพ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของกำลังใจและความห่วงใยจากกองทัพ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก และองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกที่ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราตั้งใจให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระและเข้มแข็งในสังคม”

การแพทย์ครบวงจรถึงพื้นที่ – ฟื้นฟูสุขภาพ-จิตใจ-สังคม

กิจกรรมครั้งนี้ตอกย้ำพันธกิจขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกและโรงพยาบาลทหารผ่านศึกที่พร้อมลงพื้นที่ทำงานร่วมกับชุมชน โดยเน้นการฟื้นฟูทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม ด้วยการให้ความรู้ในการดูแลตนเอง การฝึกกายภาพบำบัด การประเมินความต้องการเฉพาะด้าน รวมถึงการให้คำแนะนำด้านสิทธิประโยชน์เพื่อเข้าถึงการรักษาและความช่วยเหลือต่อเนื่อง

ผู้รับกายอุปกรณ์ในวันนี้ต่างแสดงความซาบซึ้งในน้ำใจและความห่วงใยจากทุกภาคส่วน มีเสียงสะท้อนจากครอบครัวทหารผ่านศึกหลายรายว่า อุปกรณ์ที่ได้รับช่วยให้ผู้พิการสามารถกลับมาเคลื่อนไหวและมีชีวิตที่มั่นใจอีกครั้ง

วิเคราะห์ความสำคัญ–การขยายผลในอนาคต

การจัดกิจกรรมมอบกายอุปกรณ์และบริการทางการแพทย์เชิงรุกในพื้นที่ห่างไกล ไม่เพียงช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตทหารผ่านศึก แต่ยังสะท้อนถึงการขับเคลื่อนนโยบายรัฐในการสร้างสังคมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตลอดจนเป็นต้นแบบความร่วมมือข้ามหน่วยงานทั้งด้านสาธารณสุข สังคมสงเคราะห์ และชุมชนในพื้นที่

อนาคต การดำเนินโครงการในลักษณะนี้จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น ตามจำนวนผู้พิการสูงวัยและทหารผ่านศึกที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ ทั้งในมิติการรักษาพยาบาล การฟื้นฟูสมรรถภาพ และการคืนคุณภาพชีวิตอย่างสมศักดิ์ศรี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตเชียงราย

  • โรงพยาบาลทหารผ่านศึก

  • องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News