Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มทบ.37 เลี้ยงส่งพลทหาร ปลดประจำการ อบอุ่น

มทบ.37 จัดเลี้ยงอาหารพิเศษบำรุงขวัญพลทหารกองประจำการก่อนปลดประจำการ สร้างความสัมพันธ์และกำลังใจเพื่อชาติ

เชียงราย, 29 เมษายน 2568 – มณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) ค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย จัดกิจกรรมเลี้ยงอาหารมื้อพิเศษและมอบกำลังใจแก่พลทหารกองประจำการที่ครบกำหนดปลดประจำการ รวมถึงกำลังพลที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบแทนความทุ่มเท เสียสละ และความเข้มแข็งในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา กิจกรรมนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกองทัพบกในการดูแลขวัญกำลังใจของทหาร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการรักษาความมั่นคงของชาติ

ความสำคัญของพลทหารกองประจำการ

พลทหารกองประจำการถือเป็นกำลังสำคัญของกองทัพบกไทย ด้วยภารกิจที่หลากหลาย ตั้งแต่การรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน การช่วยเหลือประชาชนในยามภัยพิบัติ ไปจนถึงการสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคงภายใน ในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้แนวชายแดนไทย-เมียนมาและไทย-ลาว พลทหารกองประจำการมีบทบาทสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยและความสงบสุขของประชาชน

ตลอดระยะเวลาการรับราชการ พลทหารเหล่านี้ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งด้านร่างกายและจิตใจ การฝึกฝนอย่างเข้มข้น ภารกิจที่ต้องปฏิบัติในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก และการอยู่ห่างจากครอบครัวเป็นสิ่งที่ทดสอบความอดทนและความมุ่งมั่นของพวกเขา การจัดกิจกรรมเพื่อบำรุงขวัญและให้กำลังใจก่อนปลดประจำการจึงเป็นวิธีหนึ่งที่กองทัพบกแสดงความขอบคุณและยกย่องความเสียสละของกำลังพลเหล่านี้

กิจกรรมเลี้ยงอาหารพิเศษและมอบกำลังใจ

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 เวลา 17.30 น. พลตรีจักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 (ผบ.มทบ.37) พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูง ได้แก่ รองผู้บัญชาการ มทบ.37, หัวหน้าฝ่ายอำนวยการ, หัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ, และผู้บังคับบัญชาหน่วยขึ้นตรง ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเลี้ยงอาหารมื้อพิเศษ ณ โรงประกอบเลี้ยง มทบ.37 ค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย

กิจกรรมนี้มีวัตถุประสงค์หลัก 3 ประการ ดังนี้:

  1. ตอบแทนความทุ่มเทเสียสละ เพื่อยกย่องพลทหารกองประจำการที่ครบกำหนดปลดประจำการในวันที่ 30 เมษายน 2568 ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งและเสียสละตลอดระยะเวลาการรับราชการ
  2. บำรุงขวัญและกำลังใจ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้แก่พลทหารที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงนายทหารและนายสิบที่รับผิดชอบในการปกครองและดูแลกำลังพล
  3. เสริมสร้างความสัมพันธ์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาให้มีความใกล้ชิดและเป็นเสมือนครอบครัวเดียวกัน

ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีจำนวนทั้งสิ้น 253 นาย ประกอบด้วย

  • พลทหารกองประจำการที่ครบกำหนดปลดประจำการ
  • พลทหารกองประจำการที่ยังไม่ปลดประจำการ
  • นายทหารและนายสิบที่รับผิดชอบในการปกครองและดูแลกำลังพล

บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเอง คณะผู้บังคับบัญชาทุกระดับได้ร่วมรับประทานอาหารกับพลทหารกองประจำการ พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมอบคำแนะนำอย่างใกล้ชิด เมนูอาหารที่จัดเลี้ยงได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้เหมาะสมกับโอกาสพิเศษและเป็นที่ชื่นชอบของกำลังพล ซึ่งช่วยสร้างความผ่อนคลายและรอยยิ้มให้แก่ผู้เข้าร่วม

พลตรีจักรวีร์กล่าวในงานว่า “พลทหารกองประจำการทุกนายคือกำลังสำคัญของชาติ ความทุ่มเทและเสียสละของทุกคนในการปกป้องความมั่นคงและช่วยเหลือประชาชนเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ กิจกรรมในวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราแสดงความขอบคุณ และหวังว่าทุกคนจะนำประสบการณ์ที่ได้รับไปใช้ในชีวิตต่อไป”

ความหมายและผลกระทบของกิจกรรม

กิจกรรมเลี้ยงอาหารพิเศษครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการบำรุงขวัญกำลังใจเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความรู้สึกภาคภูมิใจในหมู่พลทหารกองประจำการที่กำลังจะปลดประจำการ รวมถึงกระตุ้นให้กำลังพลที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่มีความมุ่งมั่นในการทำงานต่อไป การที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาร่วมรับประทานอาหารและพูดคุยอย่างเป็นกันเองช่วยลดช่องว่างระหว่างลำดับชั้นในกองทัพ และสร้างความรู้สึกว่าทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวทหาร

สำหรับพลทหารที่ครบกำหนดปลดประจำการ กิจกรรมนี้เป็นการปิดฉากการรับราชการด้วยความทรงจำที่ดีและความรู้สึกถึงคุณค่าในสิ่งที่พวกเขาได้ทำเพื่อชาติ ส่วนพลทหารที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่ การได้รับกำลังใจจากผู้บังคับบัญชาจะช่วยเสริมสร้างความมุ่งมั่นในการปฏิบัติภารกิจต่อไป โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความท้าทายด้านความมั่นคงอย่างจังหวัดเชียงราย

นอกจากนี้ กิจกรรมดังกล่าวยังส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของกองทัพบกในสายตาประชาชน การแสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ต่อสวัสดิการและขวัญกำลังใจของทหารกองประจำการช่วยสร้างความเชื่อมั่นในหมู่ครอบครัวและชุมชนว่า กองทัพบกให้ความสำคัญกับบุคลากรทุกระดับ และมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของกำลังพล

ความสำคัญของขวัญกำลังใจในกองทัพ

การบำรุงขวัญและกำลังใจเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของกองทัพ โดยเฉพาะในหมู่พลทหารกองประจำการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชนที่เพิ่งจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาและเข้าสู่การรับราชการทหารด้วยความสมัครใจหรือจากการเกณฑ์ทหาร การที่พลทหารต้องเผชิญกับความกดดันจากภารกิจและการใช้ชีวิตในระเบียบวินัยทหารอาจส่งผลต่อสภาพจิตใจได้ การจัดกิจกรรมที่แสดงถึงความเอาใจใส่จากผู้บังคับบัญชาจึงมีบทบาทสำคัญในการลดความตึงเครียดและสร้างแรงจูงใจ

มิติด้านจิตใจ การได้รับการยกย่องและกำลังใจจากผู้บังคับบัญชาช่วยให้พลทหารรู้สึกถึงคุณค่าในงานที่ทำ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตนเอง การที่ผู้บังคับบัญชาร่วมรับประทานอาหารและพูดคุยอย่างใกล้ชิดยังช่วยสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของหน่วย ทำให้พลทหารรู้สึกว่าได้รับการยอมรับและสนับสนุน

มิติด้านความสัมพันธ์ กิจกรรมนี้ช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นพื้นฐานของการทำงานเป็นทีมในกองทัพ ความสัมพันธ์ที่ดีจะนำไปสู่การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพและการปฏิบัติภารกิจที่ราบรื่นยิ่งขึ้น

มิติด้านภาพลักษณ์ ในยุคที่สังคมให้ความสนใจกับการปฏิบัติต่อทหารกองประจำการมากขึ้น การจัดกิจกรรมที่แสดงถึงความเอาใจใส่ต่อสวัสดิการและขวัญกำลังใจช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับกองทัพบก และอาจส่งผลให้เยาวชนมีความสนใจในการสมัครเป็นทหารกองประจำการมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การบำรุงขวัญกำลังใจไม่ควรจำกัดอยู่เพียงกิจกรรมครั้งคราวเท่านั้น แต่ควรมีการพัฒนาระบบสวัสดิการที่ยั่งยืน เช่น การปรับปรุงสภาพที่พัก การให้โอกาสทางการศึกษา และการสนับสนุนด้านอาชีพหลังปลดประจำการ เพื่อให้พลทหารรู้สึกว่าการรับราชการทหารเป็นโอกาสในการพัฒนาตนเองและมีอนาคตที่มั่นคง

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  1. จำนวนพลทหารกองประจำการในประเทศไทย ในปี 2567 กองทัพบกไทยมีพลทหารกองประจำการประมาณ 60,000–70,000 นายต่อปี โดยมีการเกณฑ์ทหารและรับสมัครทหารกองประจำการในรอบเดือนเมษายนและพฤศจิกายน (ที่มา: รายงานประจำปี 2567, กองทัพบกไทย)
  2. ระยะเวลาการรับราชการ พลทหารกองประจำการมีระยะเวลาการรับราชการ 2 ปีสำหรับผู้ที่ถูกเกณฑ์ และ 1 ปีสำหรับผู้สมัครใจ (ที่มา: กฎหมายการเกณฑ์ทหาร, กระทรวงกลาโหม)
  3. ผลกระทบของขวัญกำลังใจต่อประสิทธิภาพ การวิจัยจากสถาบันวิจัยกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า การบำรุงขวัญกำลังใจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทหารได้ถึง 20–30% โดยเฉพาะในหน่วยที่ต้องปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย (ที่มา: Defense Research Institute, 2023)
  4. การสนับสนุนหลังปลดประจำการ จากการสำรวจของกระทรวงกลาโหมในปี 2566 พบว่า 65% ของพลทหารกองประจำการต้องการการสนับสนุนด้านการฝึกอาชีพหรือการศึกษาต่อหลังปลดประจำการ (ที่มา: รายงานการสำรวจความต้องการของทหารกองประจำการ, 2566

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กองทัพบกไทย

  • กระทรวงกลาโหม

  • Defense Research Institute

  • มณฑลทหารบกที่ 37 ค่ายเม็งรายมหาราช
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

‘บุญส่ง’ แจ้งคอนเสิร์ตช่วยทหารผ่านศึก ให้สังเกตุผู้จำหน่ายบัตรต้องมีใบอนุญาต

สมาคมทหารผ่านศึกและทหารกองหนุนเชียงรายชี้แจงกรณีมิจฉาชีพแอบอ้างจัดคอนเสิร์ตการกุศล

เชียงราย, 24 เมษายน 2568 – จากเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนกในหมู่ประชาชนจังหวัดเชียงราย เมื่อมีบุคคลแต่งกายชุดทหารและอ้างตัวเป็นนายทหารยศพันเอกขอรับบริจาคและจำหน่ายบัตรคอนเสิร์ตตามบ้านเรือน สมาคมทหารผ่านศึกและทหารกองหนุนเชียงรายได้ออกมาชี้แจงถึงความโปร่งใสในการจัดกิจกรรมดนตรีการกุศล พร้อมเตือนประชาชนให้ระวังมิจฉาชีพที่อาจแอบอ้างชื่อสมาคมเพื่อหลอกลวง ขณะที่หน่วยงานทหารและตำรวจเร่งตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด

จุดเริ่มต้นความกังวลจากโซเชียลมีเดีย

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 จากโพสต์บนโซเชียลมีเดียในกลุ่มชุมชนจังหวัดเชียงราย ซึ่งระบุว่ามีชายบุคคลหนึ่งแต่งกายด้วยชุดทหาร อ้างตัวเป็น “พันเอกนพพล” จากกองทัพบก เข้าไปเคาะประตูบ้านประชาชนในหมู่บ้านดอยสะเก็น อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อขอรับบริจาคและจำหน่ายบัตรคอนเสิร์ตการกุศล โพสต์ดังกล่าวตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของบุคคลนี้ โดยระบุว่า “ไม่รู้ว่าเป็นมิจฉาชีพหรือมีกิจกรรมนี้จริง ถ้าเป็นมิจฉาชีพเข้ามาในบ้านแบบนี้ คนเฒ่าคนแก่จะทำอย่างไร น่ากลัวมาก” โพสต์นี้ได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว สร้างความกังวลในหมู่ประชาชนถึงความปลอดภัยและความโปร่งใสของการระดมทุนในนามกิจกรรมการกุศล

จากการตรวจสอบเบื้องต้นโดยทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ พบว่าบุคคลดังกล่าวใช้ยานพาหนะที่มีป้ายทะเบียน 2ขอ-72xx กรุงเทพมหานคร ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลยานพาหนะพบว่าเจ้าของชื่อนายกัมพล (ขอสงวนนามสกุล) มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสงขลา และเคยมีประวัติการแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อหลอกลวงจำหน่ายบัตรการกุศลเมื่อปี 2553 ข้อมูลนี้ยิ่งเพิ่มความสงสัยว่าบุคคลดังกล่าวอาจเป็นมิจฉาชีพที่แสวงหาผลประโยชน์จากความไว้วางใจของประชาชน

การตรวจสอบจากหน่วยงานทหาร

ทีมข่าวได้ประสานงานไปยังศูนย์ข่าวชุดควบคุมรักษาความสงบเรียบร้อยที่ 17 กองพันที่ 3 (ศขช.ร.17 พัน.3) เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ทางศูนย์ยืนยันว่าไม่มีนายทหารชื่อ “พันเอกนพพล” สังกัดกองทัพบกที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการขอรับบริจาคหรือจำหน่ายบัตรคอนเสิร์ตในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และไม่มีนโยบายให้กำลังพลออกปฏิบัติภารกิจในลักษณะดังกล่าว การกระทำของบุคคลนี้จึงมีแนวโน้มเป็นการแอบอ้างเพื่อหลอกลวงประชาชน ศูนย์ฯ ได้ประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในพื้นที่เพื่อติดตามตัวบุคคลดังกล่าวและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

การชี้แจงจากสมาคมทหารผ่านศึกและทหารกองหนุนเชียงราย

เพื่อคลายความกังวลของประชาชนและยืนยันความโปร่งใสในการดำเนินงาน จ่าสิบเอกบุญส่ง ศรีจุมปา ปฏิบัติหน้าที่นายกสมาคมทหารผ่านศึกและทหารกองหนุนเชียงราย พร้อมด้วยพลตรีสุวิทย์ วังยาว ที่ปรึกษาสมาคมฯ และคณะกรรมการสมาคม ได้จัดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 ณ โรงแรมเชียงรายแกรนด์รูม เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมแสดงดนตรีรำวง (มินิคอนเสิร์ต) การกุศล ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ณ หอประชุมสุพรรณิการ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ตั้งแต่เวลา 12.00–16.00 น. โดยมีศิลปิน “แนนซี่ ท็อปไลน์” ร่วมแสดง พร้อมกิจกรรมบันเทิงอื่นๆ อีกมากมาย

จ่าสิบเอกบุญส่งย้ำว่า การจำหน่ายบัตรเข้าชมงานเป็นไปด้วยความสมัครใจ โดยไม่มี การข่มขู่ บังคับ หรือเคี่ยวเข็ญใดๆ และอยู่ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการสมาคมอย่างใกล้ชิด ประชาชนสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 084-6117047 และ 081-3720643 หรือติดต่อโดยตรงที่สมาคมฯ สำหรับผู้ที่ประสงค์จะบริจาคเงินหรือสิ่งของเพื่อสนับสนุนกิจกรรมสงเคราะห์สมาชิกสมาคม

พลตรีสุวิทย์ วังยาว กล่าวว่า สมาคมทหารผ่านศึกและทหารกองหนุนเชียงรายเป็นองค์การสงเคราะห์ที่มุ่งดูแลทหารผ่านศึก ทหารนอกประจำการ และครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีเกียรติ และศักดิ์ศรี รวมถึงให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนในพื้นที่ รายได้จากกิจกรรมครั้งนี้จะนำไปจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือสมาชิกที่ขาดแคลนที่อยู่อาศัย ซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ จัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับสมาชิกที่ป่วยระยะยาว และให้การสงเคราะห์เมื่อสมาชิกเสียชีวิต

วัตถุประสงค์ของกิจกรรมและการบริหารจัดการ

การจัดงานดนตรีการกุศลครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อระดมทุนสนับสนุนการสงเคราะห์และสวัสดิการของสมาชิกสมาคมฯ ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 500 คนในจังหวัดเชียงราย โดยในแต่ละปี สมาคมฯ มีค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือสมาชิกที่ป่วย เจ็บ หรืออยู่ในสภาวะลำบากประมาณ 30,000–40,000 บาท รวมถึงการสงเคราะห์ครอบครัวและจัดการศพอีก 30,000–40,000 บาท นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังมีบทบาทในการช่วยเหลือชุมชน เช่น การมอบสิ่งของให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมและภัยหนาวในพื้นที่

จ่าสิบเอกบุญส่งระบุว่า รายได้จากการจำหน่ายบัตรและการรับบริจาคจะถูกบริหารจัดการอย่างโปร่งใส โดยมีคณะกรรมการสมาคมฯ เป็นผู้กำกับดูแล และจะมีการรายงานผลการใช้จ่ายให้สมาชิกและผู้สนับสนุนทราบ สมาคมฯ ยังได้กำหนดแนวทางการจำหน่ายบัตรอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจะต้องแสดงบัตรประจำตัวและเอกสารรับรองจากสมาคมฯ เพื่อป้องกันการแอบอ้าง

การคลี่คลายปมและแนวทางป้องกัน

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สมาคมฯ ได้ออกคำเตือนให้ประชาชนตรวจสอบบัตรประจำตัวของเจ้าหน้าที่ที่มาขอรับบริจาคหรือจำหน่ายบัตร และติดต่อสมาคมฯ โดยตรงหากมีข้อสงสัย เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ทางสมาคมฯ ยังได้ประสานงานกับหน่วยงานทหารและตำรวจในพื้นที่เพื่อติดตามตัวบุคคลที่แอบอ้าง และดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่ศูนย์ข่าวทหาร (ศขช.ร.17 พัน.3) ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลที่แต่งกายเลียนแบบทหาร เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อีก

นอกจากนี้ สมาคมฯ ได้วางแผนประชาสัมพันธ์กิจกรรมอย่างต่อเนื่องผ่านช่องทางที่เป็นทางการ เช่น เพจเฟซบุ๊กของสมาคมฯ และสื่อท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องและมั่นใจในความโปร่งใสของการจัดงาน การจัดงานครั้งนี้ไม่เพียงมุ่งหวังการระดมทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างความสามัคคีในชุมชนและส่งเสริมภาพลักษณ์ของสมาคมฯ ในฐานะองค์กรที่มุ่งมั่นช่วยเหลือสังคม

การวิเคราะห์ความท้าทายและโอกาส

กรณีมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อสมาคมฯ เพื่อหลอกลวงประชาชนสะท้อนถึงความท้าทายในการบริหารจัดการกิจกรรมการกุศล โดยเฉพาะในยุคที่โซเชียลมีเดียสามารถแพร่กระจายข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว การที่บุคคลแอบอ้างแต่งกายชุดทหารและใช้ชื่อยศชั้นผู้ใหญ่ ทำให้เกิดความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือของทั้งสมาคมฯ และกองทัพ รวมถึงสร้างความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่อาจไม่สามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือได้

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้เป็นโอกาสให้สมาคมฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกระดับมาตรการป้องกันการแอบอ้าง เช่น การใช้ระบบยืนยันตัวตนที่ชัดเจน การเพิ่มช่องทางการสื่อสารที่เป็นทางการ และการรณรงค์ให้ประชาชนมีความรู้ในการตรวจสอบข้อมูล การที่สมาคมฯ ออกมาชี้แจงอย่างทันท่วงทีและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แสดงถึงความรับผิดชอบและความมุ่งมั่นในการรักษาความไว้วางใจจากประชาชน

ทัศนคติเป็นกลางต่อความเห็นทั้งสองฝั่ง

ความกังวลของประชาชน
ประชาชนที่ได้รับผลกระทบและผู้ที่ติดตามข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดียมีความกังวลอย่างมากต่อความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของการระดมทุน การที่มิจฉาชีพสามารถแต่งกายเลียนแบบทหารและเข้าไปถึงบ้านเรือนได้ สร้างความรู้สึกไม่มั่นคง โดยเฉพาะในชุมชนที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่เพียงลำพัง ความกังวลนี้สมเหตุสมผล เนื่องจากประวัติของผู้ต้องสงสัยที่เคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันเมื่อปี 2553 บ่งชี้ถึงความจำเป็นในการเพิ่มมาตรการป้องกัน

การยืนยันความโปร่งใสของสมาคมฯ
สมาคมทหารผ่านศึกและทหารกองหนุนเชียงรายยืนยันว่ากิจกรรมดนตรีการกุศลเป็นโครงการที่ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายและมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือสมาชิกที่เดือดร้อน การที่สมาคมฯ ออกมาชี้แจงและให้ช่องทางการติดต่อสอบถาม รวมถึงการกำหนดแนวทางการจำหน่ายบัตรที่ชัดเจน แสดงถึงความพยายามในการรักษาความโปร่งใสและป้องกันการแอบอ้าง

ทัศนคติเป็นกลาง ความกังวลของประชาชนเป็นสิ่งที่เข้าใจได้และควรได้รับการแก้ไขผ่านการเพิ่มมาตรการตรวจสอบและการสื่อสารที่ชัดเจนจากสมาคมฯ ขณะเดียวกัน สมาคมฯ ได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการชี้แจงและดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การแก้ไขปัญหาควรเน้นที่การป้องกันการแอบอ้างในอนาคต การให้ความรู้แก่ประชาชน และการรักษาความโปร่งใสในการบริหารจัดการกองทุน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมั่นใจในกระบวนการ

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  1. จำนวนทหารผ่านศึกในไทย: องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์รายงานว่า ในปี 2567 มีทหารผ่านศึกและครอบครัวที่ได้รับการสงเคราะห์ทั่วประเทศประมาณ 50,000 คน (ที่มา: รายงานประจำปี 2567, องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก)
  2. คดีแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ: สำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า ในปี 2566 มีคดีที่เกี่ยวข้องกับการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อหลอกลวงประชาชนทั่วประเทศ 1,200 คดี (ที่มา: รายงานอาชญากรรม, สตช., 2566)
  3. การจัดกิจกรรมการกุศล: กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานว่า ในปี 2567 มีการจัดกิจกรรมการกุศลที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย 3,500 งาน โดยร้อยละ 10 เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (ที่มา: รายงานกิจกรรมการกุศล, มพม., 2567)
  4. ความเสียหายจากมิจฉาชีพ: ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) ระบุว่า ในปี 2566 ความเสียหายจากมิจฉาชีพที่หลอกลวงผ่านการแอบอ้างหน่วยงานมีมูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท (ที่มา: รายงานอาชญากรรมออนไลน์, ศปอส.ตร., 2566)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
  • กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
  • ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
  • ศขช.ร.17 พัน.3
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ส่งมอบหน้าที่ มทบ.37 ‘พล.ต.บุญญฤทธิ์’ ส่งต่อ ‘พล.ต.จักรวีร์’

มณฑลทหารบกที่ 37 จัดพิธีรับ-ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการ ย้ำความต่อเนื่องของภารกิจเพื่อประชาชนและความมั่นคงของชาติ

พิธีรับ-ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

เชียงราย – วันที่ 4 เมษายน 2568 ณ กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) ได้จัดพิธีรับ-ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการระหว่าง พลตรี บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ซึ่งพ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 และพลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการคนใหม่ โดยมีพิธีการครบถ้วนตามแบบธรรมเนียมทหาร

พิธีเริ่มต้นด้วยการประกอบพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหน่วย ได้แก่ พระมหาจักรพรรดิธรรมราชา พระพุทธมารวิชัยไตรรัตนาธิคุณ และพระบรมราชานุสาวรีย์พญามังรายมหาราช ณ ลานหน้าบก.มทบ.37 รวมถึงศาลพระภูมิเจ้าที่ ณ ดอยเจดีย์ เพื่อความเป็นสิริมงคล

พิธีมอบการบังคับบัญชาอย่างสมเกียรติ

ภายหลังพิธีสักการะ เป็นพิธีลงนามเอกสารรับ-ส่งหน้าที่ ณ ห้องประชุมพญามังราย และพิธีมอบการบังคับบัญชาที่ลานหน้ากองบัญชาการ โดยมีนายทหารระดับสูง ข้าราชการ ลูกจ้าง และกำลังพลในสังกัดเข้าร่วมเป็นสักขีพยานจำนวนมาก บรรยากาศเป็นไปอย่างสง่างาม แสดงถึงระเบียบวินัย ความสามัคคี และการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่นของหน่วยทหาร

คำกล่าวอำลาอย่างอบอุ่นของผู้บัญชาการคนเดิม

พลตรี บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ได้กล่าวแสดงความรู้สึกในการอำลาตำแหน่งว่า “เป็นเกียรติสูงสุดที่ได้มีโอกาสรับราชการในมณฑลทหารบกที่ 37 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมมุ่งมั่นทุ่มเทอย่างเต็มกำลัง ทั้งกายและใจ เพื่อให้หน่วยมีศักยภาพสูงสุดในการปฏิบัติภารกิจ ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคง การสนับสนุนพัฒนาประเทศ หรือการเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส ผมเชื่อมั่นว่าผู้บัญชาการคนใหม่จะนำพาหน่วยไปสู่ความก้าวหน้าที่ยิ่งกว่าเดิม”

ผบ.มทบ.37 คนใหม่มุ่งพัฒนาและรับมือบริบทความมั่นคงยุคใหม่

พลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการคนใหม่ ได้แสดงเจตนารมณ์ในการรับหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น โดยระบุว่า จะสานต่อภารกิจของมณฑลทหารบกที่ 37 อย่างเต็มกำลัง พร้อมปรับบทบาทของหน่วยให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของบริบทด้านความมั่นคง และเน้นการพัฒนาศักยภาพกำลังพลทุกระดับ ให้สามารถปฏิบัติภารกิจทั้งในภาวะปกติและวิกฤตได้อย่างเข้มแข็ง มีความพร้อมในทุกด้าน

มณฑลทหารบกที่ 37 กับบทบาทสำคัญในพื้นที่ภาคเหนือ

มทบ.37 เป็นหน่วยทหารในสังกัดกองทัพบก ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบในเขตจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง โดยมีบทบาทสำคัญในการรักษาความสงบเรียบร้อย การสนับสนุนการปฏิบัติการร่วมกับตำรวจ ฝ่ายปกครอง และองค์กรภาคประชาชน รวมถึงการเข้าช่วยเหลือประชาชนในยามเกิดภัยธรรมชาติและสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ

ที่ผ่านมา มทบ.37 มีภารกิจสนับสนุนด้านการแพทย์ฉุกเฉิน การอพยพผู้ประสบภัยน้ำท่วม รวมถึงการช่วยเหลือในสถานการณ์หมอกควันไฟป่าในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นปัญหาซ้ำซากในช่วงต้นปีของทุกปี

ความเห็นจากทั้งสองมุมมอง สะท้อนความคาดหวังที่แตกต่าง

จากฝั่ง ผู้สนับสนุนภารกิจทหาร เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้บัญชาการเป็นสิ่งจำเป็นตามวาระ และควรมองเป็นโอกาสในการปรับปรุงแนวทางปฏิบัติงานให้ทันยุคทันเหตุการณ์ โดยเฉพาะในยุคที่ภัยคุกคามมีความหลากหลายทั้งรูปแบบและเทคโนโลยี พร้อมทั้งเสนอให้ มทบ.37 เพิ่มความร่วมมือกับชุมชนในการแก้ไขปัญหาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

ขณะที่ ฝั่งภาคประชาชนบางส่วน มองว่า ควรมีการเปิดเผยแผนยุทธศาสตร์ของหน่วยอย่างโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนเข้าใจบทบาทของทหารในยุคสมัยใหม่มากขึ้น และแนะนำให้หน่วยงานของกองทัพมีส่วนร่วมในการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก เช่น การฝึกอาชีพให้กับประชาชน และการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ขาดแคลน

ข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มบทบาทและความสัมพันธ์กับประชาชน

ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงเสนอว่า มณฑลทหารบกที่ 37 ควรขยายบทบาทสู่การเป็น “หน่วยทหารของประชาชนอย่างแท้จริง” โดยเน้นการพัฒนาเชิงรุก สร้างพันธมิตรกับภาคเอกชนและภาคประชาสังคม เพื่อเสริมความมั่นคงทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม

การจัดอบรมเยาวชนเพื่อเสริมสร้างคุณธรรม ความมีวินัย และการปลูกฝังจิตสำนึกรักชาติควรได้รับการสนับสนุนต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงช่วยลดพฤติกรรมเสี่ยงในกลุ่มเยาวชน แต่ยังเสริมสร้าง “กำลังสำรอง” ทางสังคมให้กับประเทศในระยะยาว

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • ข้อมูลจากกองทัพบก ระบุว่า มีการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับนายพลประจำปี เฉลี่ย 500 ตำแหน่งต่อปี
  • จังหวัดเชียงราย มีหน่วยงานทหารประจำการ 7 หน่วยหลัก ซึ่งรวมถึง มณฑลทหารบกที่ 37 (ที่มา: ศูนย์ข้อมูลภูมิภาค กองทัพบก)
  • ผลสำรวจโดยสถาบันพระปกเกล้า ปี 2567 พบว่า ร้อยละ 76.2 ของประชาชน เห็นว่าทหารมีบทบาทในการพัฒนาชุมชนที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
  • อัตราความพึงพอใจต่อการปฏิบัติงานของทหารในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน สูงถึง ร้อยละ 82.5 (ที่มา: ศูนย์วิจัยความคิดเห็นสาธารณะ ม.เชียงใหม่)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กองทัพบก
  • ศูนย์ข้อมูลภูมิภาค กองทัพบก
  • สถาบันพระปกเกล้า
  • มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • มณฑลทหารบกที่ 37 จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ฝึกเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศในภาวะไฟป่าและฝุ่น PM 2.5

กองทัพอากาศฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศในภาวะไฟป่าและฝุ่น PM 2.5

เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 กองทัพอากาศได้จัดการฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกบินควบคุมไฟป่าและหมอกควันประจำปี 2568 โดยมีการจัดฝึกในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาภาวะไฟป่าและฝุ่นควัน PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

การฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ

ในการฝึกครั้งนี้ กองทัพอากาศได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์และโรงพยาบาลเชียงรายราม โดยมีการฝึกการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศด้วยอากาศยานจริง ทั้งเฮลิคอปเตอร์แบบ EC-725 ของกองทัพอากาศและเฮลิคอปเตอร์แบบ H130 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเครื่องบินที่สามารถใช้ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในสถานการณ์ฉุกเฉิน

การฝึกครั้งนี้ใช้สถานการณ์สมมติในการฝึกการแก้ไขปัญหาภาวะฉุกเฉิน ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่ไฟป่าหรือหมอกควัน PM 2.5 ทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลหรือพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย การฝึกนี้จึงมุ่งเน้นให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

การร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ

การฝึกในครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศและโรงพยาบาลทั้งสองแห่ง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งหวังให้สามารถใช้ทักษะที่ได้ฝึกมาในครั้งนี้ในการจัดการปัญหาภัยพิบัติในอนาคต โดยเฉพาะในเรื่องของการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (HADR) ในภาคเหนือและพื้นที่อื่นๆ ที่ประสบปัญหาภัยพิบัติ

ฝูงบิน 416 มุ่งมั่นพัฒนา

การฝึกปฏิบัติการครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการฝึกทักษะการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังเป็นการพัฒนาหน่วยงานและทักษะของข้าราชการในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการบรรเทาภัยพิบัติ ฝูงบิน 416 ของกองทัพอากาศจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและเสริมสร้างความสามารถในการช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะในช่วงที่ไฟป่าและหมอกควันมีความรุนแรง การฝึกในครั้งนี้ถือเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนในภาคเหนือและทั่วประเทศมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของการฝึกในครั้งนี้

ฝึกการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศในครั้งนี้มีความสำคัญต่อการสร้างมาตรฐานในการบรรเทาภัยพิบัติและการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยเฉพาะในกรณีของไฟป่าและมลพิษจากฝุ่น PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน กองทัพอากาศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องร่วมมือกันในการพัฒนาระบบการช่วยเหลือให้เกิดความมีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

สรุป

การฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศที่จัดขึ้นในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมเพื่อจัดการกับภัยพิบัติในภาคเหนือ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดไฟป่าและปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน การฝึกนี้ช่วยเสริมสร้างทักษะของบุคลากรทางการแพทย์และกองทัพอากาศ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE