
กองกำลัง BGF เตรียมส่งชาวต่างด้าวกว่า 7,000 คน กลับประเทศ ผ่านไทย
จีนเตรียมรับพลเมืองกลับประเทศ ไทยประสานการส่งตัวผ่านแม่สอด
เมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง, 7 มีนาคม 2568 – ความคืบหน้ากรณีที่กองกำลังพิทักษ์ชายแดน (BGF) ของเมียนมา เตรียมส่งตัวชาวต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง จำนวนกว่า 7,000 คน ให้กับประเทศไทย หลังจากไม่สามารถดูแลบุคคลเหล่านี้ได้ ขณะนี้ประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมรับตัว โดยรอเพียงคำสั่งอย่างเป็นทางการจากหน่วยเหนือ
ขั้นตอนการส่งตัวชาวต่างชาติผ่านประเทศไทย
พันโทหน่าย มอซอ โฆษกกองกำลัง BGF เปิดเผยว่า ได้ตรวจเยี่ยมชาวต่างชาติที่อยู่ภายในศูนย์บัญชาการรักษาความปลอดภัย BGF เมืองเมียวดี ซึ่งตรงข้ามกับบ้านริมเมย อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยการส่งตัวบุคคลเหล่านี้จะเริ่มขึ้นตามกำหนดการดังนี้:
- 6 มีนาคม 2568 จำนวน 456 คน
- 7 มีนาคม 2568 จำนวน 456 คน
- 8 มีนาคม 2568 จำนวน 456 คน
- 9 มีนาคม 2568 จำนวน 71 คน
ทั้งนี้ หากสถานทูตของแต่ละประเทศมีการประสานงานเข้ามา การส่งตัวกลับประเทศต้นทางจะดำเนินการทันที โดยเฉพาะทางการจีน ซึ่งได้เตรียมเครื่องบินรับพลเมืองของตนเองกลับประเทศผ่านท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด
ไทยเตรียมความพร้อมรับตัวชาวจีน 1,439 คน ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2
จังหวัดตากและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมในการรับตัวชาวจีนจำนวน 1,439 คน จากเมืองเมียวดีมายังอำเภอแม่สอด โดยจะเดินทางผ่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 บ้านวังตะเคียนใต้ หมู่ 7 ตำบลท่าสายลวด เจ้าหน้าที่ตำรวจจีนและเจ้าหน้าที่สถานทูตจะใช้รถบัสรับตัวบุคคลเหล่านี้จากเมียวดีและนำส่งไปขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด ตั้งแต่วันที่ 6-9 มีนาคม 2568
การตรวจสอบและกระบวนการทางกฎหมายของไทย
ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ได้กำหนดแนวทางดำเนินการกับชาวต่างชาติที่ถูกส่งตัวกลับ โดยมีขั้นตอนดังนี้:
- การรับตัวบุคคลจากเมืองเมียวดี – รถบัสเช่าเหมาลำจากจีนเดินทางผ่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 โดยมีเจ้าหน้าที่สถานทูตและตำรวจจีนติดตาม พร้อมออกบัตรหมายเลขให้ตรงกับบัญชีรายชื่อ
- การดำเนินการของหน่วยงานไทย – กองกำลังเฉพาะกิจราชมนูดูแลความปลอดภัยของบุคคลที่ถูกส่งตัว (จัดเจ้าหน้าที่ 1 นายต่อบุคคลต่างชาติ 1 คน) และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแจ้งปฏิเสธการเข้าเมือง เนื่องจากเป็นบุคคลต้องห้ามเข้าราชอาณาจักร ตามมาตรา 12 (7) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 และแจ้งคำสั่งให้ออกจากราชอาณาจักรตามแบบ ตม. 35
- การบันทึกข้อมูลและส่งตัวกลับประเทศ – เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจะเก็บอัตลักษณ์บุคคลเพื่อดำเนินการบันทึกลงระบบแบล็กลิสต์ (Blacklist) ของ สตม. และจัดเตรียมกระบวนการส่งตัวกลับประเทศ โดยบุคคลเหล่านี้จะถูกส่งไปยังสนามบินแม่สอด และเดินทางออกจากประเทศไทยโดยทันที
การคืนทรัพย์สินและการช่วยเหลือชาวต่างชาติ
พันโทหน่าย มอซอ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ทางกองกำลัง BGF ได้คืนโทรศัพท์มือถือให้แก่ชาวต่างชาติที่สามารถแสดงตนเป็นเจ้าของ โดยมีการตรวจสอบผ่านล่ามที่สามารถสื่อสารภาษาต่างประเทศได้ นอกจากนี้ ยังมีการสอบถามถึงกรณีที่มีการทำร้ายร่างกายบุคคลเหล่านี้ พบว่าหลายคนได้รับบาดเจ็บจากพนักงานรักษาความปลอดภัยของกลุ่มบริษัทที่ว่าจ้างให้ดูแลพวกเขา ซึ่งทาง BGF กำลังตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด
สถิติและแนวโน้มการส่งตัวชาวต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ
ตามรายงานของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ในปี 2567 มีชาวต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางไซเบอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถูกส่งกลับประเทศต้นทางผ่านประเทศไทยมากกว่า 10,000 คน โดยส่วนใหญ่มาจากจีน เมียนมา และกัมพูชา ขณะที่ในปี 2568 คาดว่าจำนวนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากการกวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเข้มข้นขึ้น
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า การส่งตัวบุคคลเหล่านี้กลับประเทศเป็นแนวทางที่ดีในการลดปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับมาตรการดูแลสิทธิมนุษยชนของผู้ถูกส่งตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่องค์กรสิทธิมนุษยชนในระดับสากลติดตามอย่างใกล้ชิด
โดยสรุป การประสานความร่วมมือระหว่างไทย จีน และเมียนมา ในการส่งตัวชาวต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมไซเบอร์กลับประเทศ นับเป็นก้าวสำคัญในการควบคุมอาชญากรรมข้ามชาติ และสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีการเฝ้าระวังและพัฒนากลไกที่สามารถรักษาสิทธิมนุษยชนของบุคคลเหล่านี้ได้อย่างเหมาะสมต่อไป
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์