Categories
TOP STORIES

รัฐบาลปิดเว็บพนัน 8 หมื่นเคส 5 เดือน จับ “มินนี่” ซ้ำ

รัฐบาลเร่งปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ปิดเว็บผิดกฎหมายกว่า 80,000 รายการ ใน 5 เดือน

มาตรการเข้ม! ปิดเว็บพนัน หลอกลวง และเนื้อหาผิดกฎหมาย ป้องกันภัยไซเบอร์

ประเทศไทย, 7 มีนาคม 2568 – รัฐบาลไทยเดินหน้ามาตรการเข้มข้นในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) รายงานว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 – กุมภาพันธ์ 2568 ได้ดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาผิดกฎหมายแล้วกว่า 80,000 รายการ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 1.5 เท่า ถือเป็นมาตรการสำคัญในการป้องกันประชาชนจากภัยไซเบอร์

ผลการดำเนินงานและประเภทของเนื้อหาที่ถูกปิดกั้น

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ เปิดเผยว่า การดำเนินการนี้เป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร โดยเน้นตัดวงจรการก่ออาชญากรรมผ่านโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ผิดกฎหมาย ผลการปิดกั้นระหว่างเดือนตุลาคม 2567 – กุมภาพันธ์ 2568 มีดังนี้:

  • เว็บพนันออนไลน์ จำนวน 31,832 รายการ เพิ่มขึ้น 1.3 เท่า จากปีก่อน
  • เนื้อหาหลอกลวงออนไลน์ จำนวน 21,939 รายการ ลดลงจากปีก่อน 0.87 เท่า
  • เนื้อหาผิดกฎหมายอื่น ๆ จำนวน 26,898 รายการ เพิ่มขึ้นถึง 6.5 เท่า

นางสาวศศิกานต์ ระบุว่า การดำเนินการครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐในการเฝ้าระวังและกำจัดภัยไซเบอร์อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเดินหน้าปราบปรามและปิดกั้นเนื้อหาผิดกฎหมายต่อไป เพื่อความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของประชาชน

ปฏิบัติการจับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ “มินนี่” สะท้อนปัญหาการฟอกเงิน

นอกจากมาตรการปิดกั้นเว็บผิดกฎหมาย รัฐบาลยังดำเนินการปราบปรามขบวนการอาชญากรรมออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันและการฟอกเงิน เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เข้าจับกุม น.ส.ธันยนันท์ หรือ “มินนี่” พร้อมพวก รวม 10 ราย ฐานเปิดเว็บพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย 7 เว็บไซต์ ที่มีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท

ผู้ต้องหาถูกตั้งข้อหาจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ สมคบฟอกเงิน และร่วมกันฟอกเงิน โดยพบว่า 7 รายในเครือข่ายเป็นผู้บริหารที่เคยถูกดำเนินคดีมาก่อน แต่กลับมากระทำผิดซ้ำ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบว่าเครือข่ายดังกล่าวใช้เทคนิคเปลี่ยนชื่อโดเมน เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ และยังมีการถอนเงินจากบัญชีพนันออนไลน์ขณะผู้ต้องหาไปรายงานตัวที่ศาลในคดีเดิม

ย้อนรอยเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” จากปี 2566 สู่การจับกุมซ้ำในปี 2568

เจ้าหน้าที่พบว่า “มินนี่” เคยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2566 ในข้อหาจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์และฟอกเงิน โดยพบของกลางจำนวนมาก รวมถึงสมุดบัญชีธนาคารกว่า 100 รายการ เงินสด 920,000 บาท โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ที่ใช้ดำเนินการเว็บพนัน นอกจากนี้ ยังพบเงินหมุนเวียนในบัญชีมากกว่า 100 ล้านบาท แม้ถูกจับกุมและได้รับการประกันตัว แต่เธอกลับมาเปิดเว็บพนันใหม่ โดยเปลี่ยนชื่อโดเมนและย้ายฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อให้การดำเนินการไม่สะดุด

เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าเครือข่ายของเธอมีการดำเนินการผ่าน 7 เว็บไซต์ ใช้บัญชีม้าและแอดมินที่คอยดูแลระบบการเงิน โดยมีเงินหมุนเวียนภายในกลุ่มผู้ต้องหากว่า 200 ล้านบาท และยังพบพฤติกรรมการใช้กลยุทธ์ซับซ้อนเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่

บทลงโทษและแนวทางแก้ไขปัญหาเว็บพนันออนไลน์

รัฐบาลไทยตระหนักถึงปัญหาการแพร่ระบาดของเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจและสังคม การจับกุมและปิดกั้นเว็บพนันถือเป็นมาตรการสำคัญในการลดความเสียหายที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า ควรมีการเพิ่มโทษและมาตรการปราบปรามที่เข้มงวดขึ้น เพื่อป้องกันการกลับมากระทำผิดซ้ำ โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีในการติดตามและระบุตัวผู้กระทำผิด

สถิติการดำเนินคดีและแนวโน้มอาชญากรรมออนไลน์ในประเทศไทย

จากข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในปี 2567 มีการจับกุมคดีพนันออนไลน์กว่า 15,000 คดี และมีมูลค่าความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงินมากกว่า 500,000 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มปี 2568 คาดว่าจำนวนคดีจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีของกลุ่มอาชญากรมีความซับซ้อนขึ้น

ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ให้ความเห็นว่า รัฐบาลควรบูรณาการความร่วมมือกับองค์กรต่างประเทศ เพื่อช่วยติดตามเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติและเพิ่มการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านความปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงการพัฒนากฎหมายให้สามารถปิดกั้นและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยสรุป รัฐบาลไทยยังคงเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างเข้มข้น ทั้งการปิดกั้นเว็บผิดกฎหมายและการจับกุมผู้กระทำผิด แม้ว่าจะมีความท้าทายในด้านเทคนิคและกระบวนการบังคับใช้กฎหมาย แต่แนวทางที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ในขณะนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องประชาชนและสร้างความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ให้กับสังคมไทยในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
BREAKING NEWS

ข่าวเด่นน่าติดตามวันพุธที่ 18 ตุลาคม 2566

คลิกที่ภาพ

ข่าวเด่นน่าติดตาม วันพุธที่ 18 ตุลาคม 2566


1. กมธ. การเงิน แนะทบทวนเงื่อนไขใช้เงินดิจิทัล ชี้แอปเป๋าตังมีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องทำใหม่


2. “หมอยง” เผย พบผู้ป่วยหลายราย ติดเชื้อโควิด ร่วมกับไข้หวัดใหญ่


3. “สนธิญา” ยื่นเรื่องขอ “เศรษฐา” เชิญ “บิ๊กตู่” เป็นตัวแทนประเทศช่วยคุยซาอุฯ


4.ตร.ไซเบอร์ รับโอนคดีแก๊งหลอกขายไอโฟน 13 ให้เด็ก ม.6 ก่อนเหยื่อตัดสินใจสลด


5. ชาวบ้านลพบุรี ผวาหนัก หลังเจอกระสือ ตัวเป็นๆ ออกอาละวาด กินเครื่องในเป็ด-ไก่


6.ป.ป.ช.ภาค 9 ลุยตรวจ “อควาเรียมหอยสังข์” จ.สงขลา ประติมากรรมทุจริต 1,400 ล้าน


7.มาโน โพลกิ้ง กุนซือฟุตบอลทีมชาติไทย ชมนักเตะช้างศึกอุ่นเครื่องเสมอเอสโตเนีย 1-1


8. “เศรษฐา” ปลื้ม “ปูติน” ประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าว “ขอบคุณครับ” หลังเชิญเยือนไทยปีหน้า


9.โจ ไบเดน บินลงอิสราเอล ท่ามกลางสงครามและความตึงเครียด นายกฯเนทันยาฮูรับถึงที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

รวบแอดมินกลุ่มคลิปโป๊ เสื่อมหนักปล่อยขายคลิปเด็กทั้งไทยและเทศ

 
กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท.
นำโดย พ.ต.ท.วิเชียร คำชุมภู สว.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท., พ.ต.ท.ธนพงศ์ธัช อ่อนชูเหมรัต สว.ฯ, พ.ต.ต.เขมอธิษฐ์ ทองคำ สว.ฯ ได้ทำการสืบสวนพบการกระทำความผิด
ผ่านแอพพลิเคชันไลน์ (Line) เผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็กเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นในลักษณะ เพื่อประกอบการค้า โดยการเก็บเงินค่าสมาชิกเพื่อเข้ากลุ่มดูสื่อลามกอนาจารเด็ก ภายในกลุ่มไลน์ชื่อ “คลิปแบ่งปัน”
 
จากการตรวจสอบพบการประกาศเพื่อเข้ากลุ่มสื่อลามกอนาจารเด็กกลุ่มต่าง ๆ มีช่วงราคา ต่าง ๆ จึงให้สายลับแฝงตัวเข้ากลุ่มไลน์ซึ่งเป็นกลุ่มสื่อลามกอนาจารเด็ก เพื่อคุยถึงรายละเอียดการเข้ากลุ่มลับ
เมื่อสายลับทักไปจะมีการส่งตัวอย่างสื่อลามกอนาจารเด็ก และข้อความปรากฎ วิธีการชำระเงิน และกฎของกลุ่ม เมื่อชำระเงินจำนวน 200 บาท เข้าบัญชีทรูมันนี่วอลเล็ท ชื่อ นครินทร์ สวงขุนทด เมื่อสายลับเข้ากลุ่มไลน์ดังกล่าว พบว่ามีการส่งสื่อลามกอนาจารเด็กในกลุ่มจำนวนมาก และโน้ตไว้ในกลุ่มไลน์อีกส่วนหนึ่ง เมื่อสายลับได้แฝงตัวอยู่ในกลุ่มดังกล่าวเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว แอดมินได้ลบบัญชีไลน์ของสายลับออกจากกลุ่ม จากนั้นก็ได้มีการเชิญเข้ากลุ่มใหม่อีกครั้ง พบว่ามีการส่งสื่อลามกอนาจารเด็กในกลุ่มไลน์จำนวนมาก โดยมีทั้งเด็กไทยและต่างประเทศ จากนั้นได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า แอดมินกลุ่มไลน์ดังกล่าว คือ นายนครินทร์ สวงขุนทด พักอาศัยอยู่บ้านห้วยยาง ในพื้นที่หมู่ 4 ต.โคกสูง อ.เมืองชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ
 
ต่อมาวันที่ 7 มิถุนายน 2566 เวลาประมาณ 06.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นศาลจังหวัดชัยภูมิ เข้าตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าว พบนายนครินทร์ สวงขุนทุด พักอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว พร้อมของกลาง โทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 2 เครื่อง ,ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) 17 เม็ด, บัตร ATM 1 ใบ และ สมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม จึงทำการจับกุมตัวนายนครินทร์ฯ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่ากระทำความผิดฐาน “ครอบครอง และส่งต่อสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเพื่อความประสงค์แห่งการค้า, มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
 
ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท., พ.ต.อ.สุวัฒน์ เกิดแก้ว รอง ผบก.ตอท. และ พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. สั่งการ พ.ต.ท.วิเชียร คำชุมภู สว.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต., พ.ต.ท.ธนพงศ์ธัช อ่อนชูเหมรัต สว.ฯ, พ.ต.ต.เขมอธิษฐ์ ทองคำ สว.ฯ นำทีมสืบสวนดำเนินการจับกุม
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. – CCIB

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

ตำรวจเตือนภัยมิจฉาชีพ แนบลิงก์ปลอมผ่าน SMS

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยประชาชน กรณีมิจฉาชีพแนบลิงก์ปลอมผ่าน SMS โดยได้ข้อมูลเหยื่อจากการใช้ False Base Station (FBS) หรือ Stingray IMSI Catcher ดังนี้
 
ตามที่ บช.สอท. ได้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนกรณีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นธนาคารกสิกรไทย ส่งข้อความสั้น (SMS) ไปยังประชาชนหลายรายว่ามี ผู้เข้าสู่ระบบธนาคารของคุณจากอุปกรณ์อื่น โดยมิจฉาชีพใช้วิธีการส่งข้อความสั้น (SMS) โดยไม่ผ่านเครือข่ายของผู้ให้บริการ หรือที่เรียกว่า False Base Station (FBS) Attack ประกอบกับการสร้างความน่าเชื่อถือโดยการปลอมแปลงชื่อผู้ส่งข้อความเป็นชื่อของธนาคารดังกล่าว และใช้ข้อความที่มีลักษณะทำให้ผู้ที่ได้รับตกใจกลัว หลอกลวงให้กดลิงก์ปลอมที่แนบมา แล้วกดติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมที่ฝังมัลแวร์สามารถควบคุมโทรศัพท์มือถือและโอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียหายนั้น
 
ต่อมาเมื่อวันที่ 24 พ.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. ได้จับกุมตัวผู้ต้องหา 6 ราย พร้อมตรวจยึดของกลาง รถยนต์ที่มีการติดตั้งเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station) ซึ่งประกอบไปด้วย
1.แบตเตอรี่ (battery)
2.สายอากาศ (Antenna) 3.เครื่องคอมพิวเตอร์พกพา (Laptop) และ
4. IMSI-Catcher หรือ Stingray ในข้อหา “ ร่วมกัน ทำ มี ใช้ นําเข้า นําออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม 
 
โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 มาตรา 6, 11 ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตาม พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม มาตรา 67 (3), และเป็นอั้งยี่หรือซ่องโจร ตาม ป.อาญา มาตรา 209 ” ส่ง พงส.ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมิจฉาชีพได้ใช้การโจมตีแบบ False Base Station (FBS) หรือ Stingray IMSI Catcher อาศัยการยิงสัญญาณที่แรงกว่าเสาสัญญาณจริง ทำให้โทรศัพท์มือถือของเหยื่อเชื่อมต่อไปยังเสาปลอมแทน
 
จากการตรวจสอบในระบบการรับแจ้งความออนไลน์พบว่า ยังคงมีผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการได้รับข้อความแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน แจ้งว่าเป็นการสำรวจผู้เสียภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างให้อัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน หรือการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าแจ้งว่าจดเลขมิเตอร์ผิดชำระค่าไฟเกินจะคืนเงินให้ เป็นต้น
 
โฆษก บช.สอท. กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา บช.สอท. ได้เร่งระดมกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิด ตัดวงจรการก่ออาชญากรรมที่เป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน นอกจากนี้แล้วฝากเตือนไปยังประชาชนให้ระมัดระวังการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว เมื่อท่านได้รับข้อความสั้น (SMS) แนบลิงก์อ้างว่ามาจากหน่วยงานต่างๆ ให้ตรวจสอบให้ดีเสียก่อน อย่าหลงเชื่อเพียงเพราะเป็นข้อความที่ถูกส่งเข้ากล่องข้อความเดียวกับหน่วยงานนั้นๆ เนื่องจากมิจฉาชีพสามารถปลอมแปลงชื่อผู้ส่งได้ ทั้งนี้ในปัจจุบันทุกธนาคารได้ยกเลิกการส่งข้อความสั้น (SMS) แนบลิงก์ไปยังประชาชนแล้ว หากท่านได้รับข้อความใดๆ เชื่อได้ว่าเป็นมิจฉาชีพอย่างแน่นอน และไม่ว่ามิจฉาชีพจะมาในรูปแบบใดก็ตาม ให้ระมัดระวังและมีสติอยู่เสมอ โดยหากพบเห็นข้อความสั้น (SMS) แนบลิงก์เข้ามาในลักษณะดังกล่าวให้แจ้งเตือนไปยังบุคคลใกล้ชิด และหน่วยงานภาครัฐ หรือหน่วยงานนั้นๆ ให้ช่วยตรวจสอบทันที เพื่อลดการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
 
ทั้งนี้ ขอฝากประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงแนวทางการป้องกัน ดังนี้
1. ไม่กดลิงก์ที่เเนบมากับข้อความสั้น (SMS) หรือที่ส่งมาทางสื่อสังคมออนไลน์ ไม่กดลิงก์ติดตั้งแอปพลิเคชันต่างๆ เพราะอาจเป็นการดักรับข้อมูล หรือการฝังมัลแวร์ของมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มาพร้อมกับข้อความในลักษณะทำให้ตกใจ หรือเป็นกังวล เช่น ข้อมูลท่านรั่วไหล มีการเข้าถึงโทรศัพท์มือถือผิดปกติ
2. หากได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย และมีการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ให้ขอชื่อนามสกุล และหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อกลับของเจ้าหน้าที่ โดยให้แจ้งว่าจะติดต่อกลับไปภายหลัง
3. ตรวจก่อนว่ามาจากหน่วยงานนั้นๆ จริงหรือไม่ โดยการโทรศัพท์ไปสอบถามผ่านหมายเลขคอลเซ็นเตอร์ หรือผ่านเว็บไซต์ทางการของหน่วยงานนั้น โดยตรง รวมถึงตรวจสอบว่ามีการประกาศแจ้งเตือนการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวหรือไม่
4. ระวัง LINE Official Account ปลอม โดยสังเกตบัญชีที่ผ่านการรับรองจะมีสัญลักษณ์โล่สีเขียว หรือโล่สีน้ำเงิน หากเป็นโล่สีเทาหรือไม่มีโล่เลยจะเป็นบัญชีทั่วไปยังไม่ได้ผ่านการรับรอง ต้องตรวจสอบยืนยันให้ดีเสียก่อน
5. ไม่ติดตั้งโปรแกรม หรือแอปพลิเคชันที่ผู้อื่นส่งมาให้โดยเด็ดขาด แม้จะเป็นโปรแกรมที่รู้จักก็ตาม เพราะอาจเป็นแอปพลิเคชันปลอม โดยหากต้องการใช้งานให้ทำการติดตั้งผ่าน App Store หรือ Play Store เท่านั้น
6. ไม่อนุญาตให้ติดตั้งแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จัก หรือไฟล์ที่อาจเป็นอันตราย ไฟล์นามสกุล .Apk หรือซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย
7. ไม่อนุญาตให้เข้าถึงอุปกรณ์ และควบคุมอุปกรณ์ หรือโทรศัพท์มือถืออย่างเด็ดขาด
8. ไม่กรอกข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงินใดๆ ลงในลิงก์ หรือแอปพลิเคชันในลักษณะดังกล่าวโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งรหัสผ่าน 6 หลัก ที่ซ้ำกับรหัสแอปพลิเคชันของธนาคารต่างๆ
9. หากท่านติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมแล้ว ให้รีบทำการ Force Reset หรือการบังคับให้อุปกรณ์นั้นรีสตาร์ต (ส่วนใหญ่เป็นการกดปุ่ม Power พร้อมปุ่มปรับเสียงค้างไว้) ในกรณีเกิดอาการค้างไม่ตอบสนอง หรือเปิดโหมดเครื่องบิน (Airplane Mode) หรือปิดเครื่องเพื่อตัดสัญญาณไม่ให้โทรศัพท์สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ ถอดซิมการ์ดโทรศัพท์ออก หรือทำการปิด Wi-fi Router
10. อัปเดตระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์ หรืออุปกรณ์ให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
11. ปิดใช้งานการรองรับเครือข่าย 2G (เพื่อให้อุปกรณ์สามารถเชื่อมต่อได้เฉพาะเครือข่าย 3G และ 4G)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. – CCIB

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยออนไลน์ “ทำงานง่าย รายได้ดี ไม่มีอยู่จริง”

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยออนไลน์ “ทำงานง่าย รายได้ดี ไม่มีอยู่จริง”

Facebook
Twitter
Email
Print
วันที่ 7 มิถุนายน 2566 พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง  ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.  หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วยคณะทำงาน แถลงข่าวเตือนภัย  เนื่องจากยังมีประชาชนหลงเชื่อและถูกหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวอยู่ และมีการหลอกลวงในรูปแบบอื่นๆ อีกจำนวนมาก เนื่องจากในทุกรอบสัปดาห์ มีการรับแจ้งความออนไลน์คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ เป็นจำนวนมาก และอยู่ในลำดับที่ 2 ของทุกสัปดาห์ ซึ่ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เป็นห่วงพี่น้องประชาชน ที่อาจจะตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพโดยอาศัยความต้องการมีรายได้พิเศษของประชาชนเป็นกลโกงในการหลอกลวง
  
เนื่องจากยังมีประชาชนหลงเชื่อและถูกหลอกลวงในลักษณะดังกล่าวอยู่ และมีการหลอกลวงในรูปแบบอื่นๆ อีกจำนวนมาก
พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.กล่าวว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (28 พ.ค.-3 มิ.ย.2566) มีสถิติการรับแจ้งความคดีออนไลน์มากที่สุดยังเป็นคดีเดิมๆ 5 อันดับ ได้แก่ อันดับ 1) คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 2) คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 3) คดีหลอกลวงให้กู้เงิน 4) คดีข่มขู่ทางทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) และ 5) คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ สำหรับคดีออนไลน์ที่มิจฉาชีพนำมาหลอกลวงซ้ำเติมประชาชนในช่วงนี้ คือ คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ โดยมีรูปแบบการหลอกลวงมาก่อนหน้านี้ เช่น หลอกให้ทำงานหารายได้พิเศษในการสต๊อกสินค้าให้ศูนย์กระจายสินค้าของ Shopee Lazada โดยให้ผู้เสียหายกดไลค์ กดแชร์สินค้าที่กำหนด และโอนเงินค่าสินค้าเพื่อเป็นการสต๊อกสินค้า โดยอ้างว่าผู้เสียหายจะได้ค่าคอมมิชชัน ของราคาสินค้า, หลอกให้ทำงานกดสั่งสินค้าใส่ตะกร้าใน Shopee จากนั้นคนร้ายให้บันทึกหน้าจอส่งให้ดูพร้อมโอนเงินตามมูลค่าสินค้านั้นๆเข้าบัญชีคนร้าย โดยอ้างว่าผู้เสียหายจะได้ค่าคอมมิชชัน, หลอกลวงให้ทำงานหารายได้พิเศษจากการขายสินค้าใน Wish Shop โดยให้เลือกสินค้ามาขาย ตามเงื่อนไขและจำนวนที่จะทำให้ผ่านภารกิจ และต้องเติมเงินก่อนขายทุกครั้ง โดยอ้างว่าผู้เสียหายจะได้กำไรจากการขายสินค้า ซึ่งถือเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนต้องย้ำเตือนให้ประชาชนได้รับทราบ
พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท.บช.สอท. กล่าวถึงรายละเอียดภัยออนไลน์ที่มิจฉาชีพหลอกลวงให้ประชาชนโอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ ดังนี้

1. “หลอกให้สมัครงาน สุดท้ายอ้างคนเต็ม ให้ทำภารกิจลงทุนแทน” มิจฉาชีพโฆษณารับสมัครงาน
ทาง Facebook โดยใช้รูปและโปรไฟล์ที่น่าเชื่อถือชักชวนให้ทำงาน โดยมีเงื่อนไขในการสมัครงานง่าย รายได้ดี ผู้เสียหายหลงเชื่อทักสอบถามรายละเอียด มิจฉาชีพคนที่ 1 ให้เพิ่มเพื่อนไลน์มิจฉาชีพคนที่ 2 มิจฉาชีพคนที่ 2 อ้างว่ามีคนทำงานตามที่โฆษณาเต็มแล้ว เสนอให้ผู้เสียหายทำภารกิจซื้อพอร์ตหุ้นในเว็บไซต์ปลอม Liberator https://fhwbziuvdrldd.com/account/register (เปิดเมื่อ 2023-02-07) โดยจะได้ผลตอบแทน 20% ผู้เสียหายหลงเชื่อกดลิงก์สมัครและลงทุนในเว็บไซต์ตามคำแนะนำของมิจฉาชีพ ครั้งแรกลงทุน 100 บาท ได้ 130 บาท ถอนเงินออกได้ ครั้งที่สองลงทุน 300 บาท ถอนเงินออกได้ 390 บาท ครั้งที่ 3 ลงทุน 800 บาท จำนวนเงินขึ้นในเว็บไซต์ 960 บาท แต่ยังถอนไม่ได้ มิจฉาชีพแจ้งว่าต้องลงทุนเพิ่มอีก 6 ครั้ง ในแต่ละครั้งต้องลงทุนเพิ่มเป็น 2 เท่า ของครั้งก่อนผู้เสียหายลงทุนเพิ่มเรื่อยๆ สุดท้ายเมื่อทำเรื่องถอน มิจฉาชีพอ้างว่าสลิบไม่บันทึกตามที่แอดมินแจ้ง ต้องโอนเงินเพิ่มเพื่อแก้ไข และต่อมาก็อ้างข้อผิดพลาดต่างๆ และไม่คืนเงินให้ผู้เสียหาย
1.1 จุดสังเกต
1.1.1 มิจฉาชีพโฆษณารับสมัครงานทาง Facebook โดยมีเงื่อนไขง่าย รายได้ดี เพื่อจูงใจ
1.1.2 เมื่อผู้เสียหายกดลิงก์เพิ่มเพื่อนไลน์(Line) มิจฉาชีพจะอ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อให้ทำ
ภารกิจลงทุนในเว็บไซต์ที่มิจฉาชีพสร้างขึ้นมา โดยนำโลโก้บริษัทโบรกเกอร์ liberater มาใช้
1.1.3 บัญชีธนาคารที่ใช้โอนเงินเป็นชื่อบัญชีบุคคลธรรมดา ไม่ใช่บัญชีหน่วยงานหรือองค์กร
1.1.4 เว็บไซต์ของปลอมคือ https://fhwbziuvdrldd.com/account/register แต่เว็บไซต์
ของจริงคือ https://www.liberater.co.th
1.2 วิธีป้องกัน
1.2.1 มิจฉาชีพโฆษณาชักทางทาง Facebook จึงต้องตรวจสอบกฎเหล็ก Facebook ดังนี้
1) ตรวจสอบว่าเป็นบัญชีทางการ (Official) และมีเครื่องหมาย ✔ หรือไม่ หากเป็นของปลอมมักไม่ใช่บัญชีทางการและไม่มีเครื่องหมาย ✔ แสดง

2) ตรวจสอบการกดอิโมชันแสดงอารมณ์ หากเป็นของจริงจะมีการกดอิโมชันแสดงอารมณ์ด้านบวก หากเป็นของปลอมจะมีการกดอิโมชันแสดงอารมณ์ด้านลบ (โกรธ)

3) ตรวจสอบความโปร่งใสของเพจ
– ประวัติการสร้างเพจ : ของจริงจะสร้างเพจมานาน แต่ของปลอมมักสร้างเพจมาไม่นาน
– ประวัติการเปลี่ยนชื่อ : ของปลอมมักเปลี่ยนชื่อเพจบ่อยเพื่อหลอกไปเรื่อยๆ
– คนจัดการเพจ : ของจริงที่อยู่ของคนจัดการเพจมักอยู่ในประเทศที่สอดคล้องกับเพจ เช่น เพจของคนไทย คันจัดการเพจส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย แต่ของปลอมคนจัดการเพจมักมีที่อยู่ต่างประเทศ หรืออยู่หลายประเทศ
– ในข้อมูลเพิ่มเติมของเพจ(about) : ของปลอมมักสร้างยอดการกดถูกใจและผู้ติดตามใน about เพื่อให้เข้าใจผิดว่ามีการกดถูกใจและผู้ติดตามจำนวนมาก
1.2.2 มิจฉาชีพให้ทำภารกิจในเว็บไซต์ปลอม จึงไม่ควรกดลิงก์ดาวน์โหลดเว็บไซต์ที่มิจฉาชีพส่ง
มาให้ หากต้องการลงทุนควรเข้าเว็บไซต์ https://www.liberater.co.th
1.2.3 หากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชัน liberater ควรโหลดและติดตั้งจาก Google Play store
หรือ Apple Apps Store เท่านั้น ไม่ควรดาวน์โหลดจากลิงก์หรือข้อความที่มีคนส่งให้
1.2.4 ควรลงทุนในบริษัทหรือผู้ให้บริการในตลาดทุนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. โดย
ตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย https://www.set.or.th

2. “สมัครทำงานพิเศษ แต่ต้องเสียเงินค่าทำสัญญา ค่าบัตร ค่าประกันสินค้า” มิจฉาชีพเปิดเพจFacebook ปลอมโดยนำโลโก้กรมการจัดหางานมาประกอบการโฆษณารับสมัครพนักงานแพ็คสบู่ โดยได้ค่าตอบแทนสูง ตามแพคเกจ โดยมีแพคเกจเริ่มต้นที่ก้อนละ 10 บาท ชุดละ 400 ก้อน(บางกรณีหลอกจัดเตรียมสินค้าหรือแพคสินค้า) ผู้เสียหายหลงเชื่อทักแชทสนทนา มิจฉาชีพคนที่ 1 ให้เพิ่มเพื่อนไลน์มิจฉาชีพคนที่ 2 เพื่อแจ้งรายละเอียดการทำงาน มิจฉาชีพคนที่ 2 ให้ทำสัญญาเป็นเงิน 2,099 บาท ค่าบัตรพนักงาน 1,299 บาท และค่าประกันสินค้า 599 บาท โดยจะคืนเงินทั้งหมดเมื่อทำภารกิจสำเร็จ เมื่อผู้เสียหายโอนเงินให้ไปแล้ว จะอ้างเรื่องต่างๆ เพื่อให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่ม สุดท้ายปิดกั้นผู้เสียหายหรือปิดเพจหนีไป
2.1 จุดสังเกตุ
2.1.1 มิจฉาชีพโฆษณารับสมัครงานทาง Facebook โดยมีเงื่อนไขง่าย รายได้ดี เพื่อจูงใจ
2.1.2 เมื่อผู้เสียหายกดลิงก์เพิ่มเพื่อนไลน์(Line) มิจฉาชีพจะส่งแพคเกจที่มีโลโก้กรมการจัดหางานมาประกอบการหลอกลวงเพื่อให้น่าเชื่อถือ จากนั้นจะอ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อให้ทำภารกิจ แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายก่อนการทำงาน
1.1.3 บัญชีธนาคารที่ใช้โอนเงินเป็นชื่อบัญชีบุคคลธรรมดา ไม่ใช่บัญชีหน่วยงานหรือองค์กร
2.2 วิธีป้องกัน
2.2.1 มิจฉาชีพโฆษณาชักชวนทาง Facebook จึงควรตรวจสอบกฎเหล็ก Facebook ดังนี้
1) ตรวจสอบว่าเป็นบัญชีทางการ (Official) และมีเครื่องหมาย ✔ หรือไม่ เนื่องจากของปลอมมักไม่ใช่บัญชีทางการและไม่มีเครื่องหมาย ✔ แสดง
2) ตรวจสอบการกดอิโมชันแสดงอารมณ์ หากเป็นของจริงจะมีการกดอิโมชัน แสดงอารมณ์ด้านบวก หากเป็นของปลอมจะมีการกดอิโมชันแสดงอารมณ์ด้านลบ (โกรธ)
3) ตรวจสอบความโปร่งใสของเพจ
– ประวัติการสร้างเพจ : ของจริงจะสร้างเพจมานาน แต่ของปลอมมักสร้างเพจมาไม่นาน
– ประวัติการเปลี่ยนชื่อ : ของปลอมมักเปลี่ยนชื่อเพจบ่อยเพื่อหลอกไปเรื่อยๆ
– คนจัดการเพจ : ของจริงที่อยู่ของคนจัดการเพจมักอยู่ในประเทศที่สอดคล้องกับเพจ เช่น เพจของคนไทย คันจัดการเพจส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย แต่ของปลอมคนจัดการเพจมักมีที่อยู่ต่างประเทศ หรืออยู่หลายประเทศ
– ในข้อมูลเพิ่มเติมของเพจ(about) : ของปลอมมักสร้างยอดการกดถูกใจและผู้ติดตามใน about เพื่อให้เข้าใจผิดว่ามีการกดถูกใจและผู้ติดตามจำนวนมาก
2.2.2 หากต้องการทำงานให้เข้าเว็บไซต์ https://www.doe.go.th หรือทางแอปพลิเคชัน “ไทยมีงานทำ”กรณีมีข้อสงสัยให้ติดต่อสอบถามกรมการจัดหางาน หรือโทรสายด่วน 1506 กด 2
2.2.3 หากต้องการติดตั้งแอปพลิเคชัน “ไทยมีงานทำ” ควรโหลดและติดตั้งจาก Google Play
store หรือ Apple Apps Store เท่านั้น ไม่ควรดาวน์โหลดจากลิงก์หรือข้อความที่มีคนส่งให้

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ต้องการมีรายได้พิเศษอาจตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพหลอกลวงให้ทำงานในรูปแบบต่าง โดยมีเงื่อนไขในการสมัครงานง่าย รายได้ดี มาจูงใจให้อยากทำงาน จากนั้นมิจฉาชีพจะหลอกให้ทำภารกิจต่างๆ ตามที่กล่าวมาแล้ว สุดท้ายหลอกให้โอนเงิน วิธีการของมิจฉาชีพจะเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงไปเรื่อยๆ และอาจมาในรูปแบบ ดังนี้
1. มิจฉาชีพใช้ชื่อบัญชี RB Shopee VIP 034 ติดต่อผู้เสียหายทางแอปพลิเคชัน Telegram เพื่อ
หลอกให้ทำงานรีวิวสินค้าแล้วจะได้รับเงินค่าคอมมิชชั่นในการทำงาน ผู้เสียหายหลงเชื่อมิจฉาชีพจึงดึงเข้ากลุ่ม VIP 5 คน(หน้าม้า) มีเงื่อนไขต้องลงทุนทำภารกิจโดยให้โอนเงินเข้าพร้อมๆ กัน ในการโอนเงินนั้น หน้าม้าจะใช้สลิปปลอมส่งเข้ากลุ่มหลอกว่าโอนเงินแล้ว ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้าไป มิจฉาชีพจะอ้างว่าผู้เสียหายโอนผิดหลักเกณฑ์และอ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มไปเรื่อยๆ
2. มิจฉาชีพโฆษณารับสมัครงานทาง Facebook ชักชวนทำงานหารายได้พิเศษ เช่น ร้อยลูกปัด มัดยาง
คนท้องก็สามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้ ฯลฯ มีค่าคอมมิชชั่นตอบแทนสูง และมีการแอบอ้าง Jobthai โดยให้ทดลองทำงานกดโปรโมทขายสินค้าและโอนเงินเท่าจำนวนสินค้าที่กดโปรโมท ในตอนแรกจะได้รับเงินลงทุนพร้อมผลตอบแทนคืน ต่อมาจะให้กดลิงก์เข้าเว็บไซต์ทดลองงานในขั้นที่ 2 โดยต้องโอนเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายจะอ้างว่าทดลองงานไม่ผ่าน อ้างเหตุผลต่างๆ และต้องโอนเงินปิดระบบการทดลองงาน

จะเห็นได้ว่ามิจฉาชีพจะเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงให้ทำภารกิจไปเรื่อยๆ แต่ให้สังเกตุว่าในตอนแรกจะเสนอค่าตอบแทนจากการทำงานหารายได้พิเศษจำนวนมากๆ เพื่อให้หลงเชื่อ จากนั้นจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานหรือทำภารกิจเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้มิจฉาชีพไป จึงขอแจ้งเตือนให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารถึงวิธีการของมิจฉาชีพ และหากต้องการลงทุนในการเทรดหุ้น ควรลงทุนในบริษัทหรือผู้ให้บริการในตลาดทุนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. โดยตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย https://www.set.or.th กรณีต้องการทำงานหารายได้พิเศษ ควรติดต่อจากเว็บไซต์กระทรวงแรงงาน หรือกรมการจัดหางานได้ที่เว็บไซต์ https://www.doe.go.th หรือทางแอปพลิเคชัน “ไทยมีงานทำ”กรณีมีข้อสงสัยติดต่อสอบถามกรมการจัดหางาน หรือโทรสายด่วน 1506 กด 2 และเพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่ สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้จาก เว็บไซต์ และเพจ เตือนภัยออนไลน์ หรือโทรสายด่วน 1441

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS TOP STORIES

ตำรวจไซเบอร์ ทลายแหล่งผลิตซิมผี ขายชายแดนแม่สอด ส่งออกแล้วกว่าหมื่นซิม

ตำรวจไซเบอร์ ทลายแหล่งผลิตซิมผี ขายชายแดนแม่สอด ส่งออกแล้วกว่าหมื่นซิม

Facebook
Twitter
Email
Print
สืบเนื่องจากการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมลูกจ้างชาวเมียนมาอีก 2 คน เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2566 พร้อมของกลางซิมการ์ดที่ได้ลงทะเบียนพร้อมใช้งานกว่า 346 ซิม เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 จึงได้สืบสวนขยายผลไปถึงตัวการใหญ่ในการส่งซิมการ์ดโทรศัพท์ที่พร้อมใช้งานขายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน จนทราบว่าเฟสบุ๊คชื่อ “นู๋นุช ธรรศธนพร” มียอดผู้ติดตามกว่า 3.5 พันคน เป็นตัวการในการโพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพขณะที่กำลังนั่งลงทะเบียนเปิดใช้งาน (Activate) ประกาศขายซิมการ์ดโทรศัพท์
.
พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 ยังกล่าวอีกว่าปรากฏจากการสืบสวนเจ้าของบัญชีเฟสบุ๊คดังกล่าว คือ น.ส.ธรรศธนพร อายุ 38 ปี ชาวอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีพฤติกรรมในการนำบัตรประจำตัวประชาชนของผู้อื่นและบัตรบุคคลต่างด้าว (บัตรสีชมพู) มาลงทะเบียนซิมการ์ดเปิดใช้งาน (Activate) ส่งขายให้แก่บุคคลทั่วไปหรือพวกมิจฉาชีพ (แก๊งคอลเซ็นเตอร์) ที่กบดานอยู่ตามประเทศเพื่อนบ้าน นำไปใช้โทรหลอกกลวงประชาชนในประเทศไทย หรือพวกที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์นำไปใช้ติดต่อในการชักชวนให้ประชาชนทั่วไปมาเล่นพนันออนไลน์ ทั้งในและต่างประเทศ นำมาซึ่งความเสียหายมหาศาล
 
กระทั่งในวันที่ 18 พ.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 นำทีมสืบสวนพร้อมหมายค้นเข้าค้นบ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก โดย น.ส.ธรรศธนพร แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้านนำตรวจค้น พบซิมการ์ดโทรศัพท์ที่พร้อมใช้งาน กว่า 4,397 ซิม, โทรศัพท์เคลื่อนที่, สายแพรวงจรสำหรับต่อโทรศัพท์, อาวุธปืนรีวอลเวอร์ ยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน ขนาด.22 พร้อมกระสุนอีกกว่า 50 นัด จึงได้จับกุม น.ส.ธรรศธนพร ในความผิดฐาน “เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆเพื่อให้มีการซื้อหรือขายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลใดบุคคลหนึ่งแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้ และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
 
 เบื้องต้นผู้ต้องหารับว่าตนได้นำบัตรของบุคคลต่างด้าว (บัตรสีชมพู) มาลงทะเบียนซิมการ์ดโทรศัพท์จริง โดยประกอบอาชีพขายซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ได้ลงทะเบียนแล้วเป็นเวลากว่า 6 ปี และได้ขายไปแล้วหลายหมื่นซิม ก่อนที่กฎหมายประกาศใช้ แต่เมื่อได้ประกาศใช้แล้วและตนทราบว่าจะมีการกวดขันจับกุมซิมผี จึงเตรียมจะนำซิมผีดังกล่าวไปโยกย้ายซุกซ่อนไว้ที่อื่น หากแต่มาถูกจับเสียก่อน
 
ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.,พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท.,พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.อนุชา ศรีสำโรง ผกก.2 บก.สอท.4 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. – CCIB

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

โครงการจิตอาสา “ตำรวจไซเบอร์ปันน้ำใจ เด็กไทยห่างไกลภัยดิจิทัล”

โครงการจิตอาสา “ตำรวจไซเบอร์ปันน้ำใจ เด็กไทยห่างไกลภัยดิจิทัล”  โรงเรียนดอนทองราษฎร์วิทยา อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี

Facebook
Twitter
Email
Print

เมื่อวันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566  เวลา 09.00 – 13.00 น. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. มอบหมายให้ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท./ประธาน, พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2,

พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท. พร้อมด้วย คุณโยทะกา วัฒน์นครบัญชา ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจ บช.สอท. พร้อมคณะแม่บ้านตำรวจฯ และจิตอาสาในสังกัด บช.สอท. ร่วมกันจัดกิจกรรมจิตอาสา “ตำรวจไซเบอร์ปันน้ำใจ เด็กไทยห่างไกลภัยดิจิทัล”
.
โดยได้จัดวิทยากรบรรยายความรู้ในการป้องกันทางภัยไซเบอร์ให้แก่เด็กนักเรียน ร่วมกันมอบครื่องอุปโภคบริโภค เนื้อสัตว์แช่แข็ง อุปกรณ์ทำความสะอาด ถังเก็บน้ำขนาด 2,000 ลิตร กระดาษA4 เครื่องปั๊มลมยาง สิ่งของจำเป็นต่างๆ และร่วมกันทำความสะอาดบริเวณโรงเรียนและทาสีอาคารในส่วนที่ชำรุด
.
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกันประกอบอาหารกลางวันและจัดเลี้ยงเป็นมื้อพิเศษแก่เด็กนักเรียน ได้แก่ ข้าวหมูกรอบ ก๋วยเตี๋ยวหมูสับ ไอศกรีม และเครื่องดื่มอีกด้วย
.
ก่อนเสร็จสิ้นกิจกรรม ทางโรงเรียนได้จัดการแสดงท้องถิ่นของชาวเผ่าม้งจำนวน 2 ชุดการแสดงให้คณะจิตอาสาดูเพื่อแทนคำขอบคุณในกิจกรรมครั้งนี้ เป็นการสร้างความประทับใจให้แก่คณะจิตอาสาและเหล่าผู้ร่วมกิจกรรม
.
โดยจัดกิจกรรมขึ้น ณ โรงเรียนดอนทองราษฎร์วิทยา อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บช.สอท. – CCIB

 
Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE