Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

สกัดขบวนการ “ทะลุไทย”! ตำรวจท่องเที่ยวทลายรังแก๊งค์จีน 19 ราย คาดโยง “คอลเซ็นเตอร์”

สกัดขบวนการ “ทะลุไทย”! ตำรวจท่องเที่ยวเชียงรายทลายรังแก๊งค์จีน 19 ราย คาดโยง “คอลเซ็นเตอร์” ใช้ไทยเป็นทางผ่านหนีภัยกวาดล้าง ก่อนซัดทอดเตรียมข้ามไป สปป.ลาว

เชียงราย, 25 ตุลาคม 2568 –   ตำรวจท่องเที่ยวเชียงรายภายใต้ปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรรมบุกจับกลุ่มชาวจีน 19 คน ซุกซ่อนตัวในบ้านเช่า อ.เมืองเชียงราย หลังลักลอบเข้าไทยจากชายแดนแม่สอด คาดหนีภัยกวาดล้างอาชญากรรมจากเมียนมา ก่อนใช้ไทยเป็น “ทางผ่าน” สู่ สปป.ลาว เจ้าหน้าที่ตั้งข้อสงสัยอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวงออนไลน์ รวบหญิงไทยเจ้าของบ้านเช่าในข้อหาให้ความช่วยเหลือ

ตำรวจท่องเที่ยวเชียงรายเปิดปฏิบัติการ! ทลายเครือข่ายลักลอบเข้าเมืองและสกัดอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อคืนวันที่ 24 ตุลาคม 2568 สถานีตำรวจท่องเที่ยว 2 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 (ส.ทท.2 กก.2 บก.ทท.2) ได้รับรายงานกลุ่มคนต่างชาติต้องสงสัยจำนวนมากเช่าบ้านในพื้นที่ ต.ท่าสุด อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย จึงนำกำลังร่วมกับ ตม.เชียงราย เข้าตรวจสอบ

 

ในช่วงที่พื้นที่ชายแดนมีการกวาดล้างอย่างเข้มข้น กลุ่มคนต่างชาติกลุ่มนี้เปรียบเสมือน ผู้อพยพทางเศรษฐกิจ” ที่กำลังหาทางหลบหนีจากพื้นที่กวาดล้างในเมียนมา โดยใช้ประเทศไทยเป็น ทางเดินลับ” สู่ประเทศที่สามอย่าง สปป.ลาว การค้นพบพวกเขาในบ้านเช่าที่แม่นยำและเป็นระบบ แสดงให้เห็นถึงขบวนการลักลอบนำพาที่มีการจัดตั้งอย่างชัดเจน

พ.ต.ท.ธนวินท์ พวงมะลิ สว.ส.ทท.2 กก.2 บก.ทท.2 เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามข้อสั่งการของ พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผบช.ทท. และ พล.ต.ต.โอฬาร เอี่ยมประภาส ผบก.ทท.2 ภายใต้นโยบายระดมกวาดล้างอาชญากรรมในฐานความผิด 10 กลุ่มต้องห้าม ตามนโยบาย ผบ.ตร. ในห้วงวันที่ 18-25 ต.ค. 68

ผลการตรวจสอบและสถิติการจับกุม:

  • สถานที่: บ้านเลขที่ 12 บ้านพลูทอง หมู่ 11 ต.ท่าสุด อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย
  • ผู้ต้องหา: ชาวจีนชายอายุ 18-37 ปี รวม 19 คน
  • หลักฐาน: โทรศัพท์มือถือจำนวนมาก
  • สถานะการเข้าเมือง:
    • Overstay (อยู่เกินวีซ่า): 6 ราย (มีพาสปอร์ต)
    • ลักลอบเข้าเมือง: 13 ราย (ไม่มีเอกสารประจำตัว)

เส้นทางหลบหนีและจุดหมายปลายทาง “สปป.ลาว”

จากการสอบปากคำชาวจีนผ่านล่าม ได้ข้อมูลว่าทั้งหมดเดินทางมาจากชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก โดยการ ลักลอบเข้าช่องทางธรรมชาติ ก่อนจะมีคนนำมาพักที่เชียงราย และเตรียมจะมีคนมารับตัวไปส่งต่อเพื่อ ข้ามไปทำงานฝั่งประเทศ สปป.ลาว

พ.ต.ท.ธนวินท์ พวงมะลิ ยืนยันว่า เบื้องต้นทราบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ หลบหนีการกวาดล้างอย่างหนักจากประเทศเมียนมาทางด้านชายแดนด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก” และตั้งข้อสงสัยว่า อาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มทำงานหลอกลวงด้านออนไลน์อีกด้วย” การจับกุมครั้งนี้จึงเป็นการสกัดกั้นกลุ่มคนที่ลักลอบเข้าเมืองและอาจเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ

บทบาทของหญิงไทยและข้อกล่าวหา

  • ผู้ถูกจับกุม: น.ส.ชัชฎา อายุ 35 ปี (ชาว อ.แม่สรวย จ.เชียงราย)
  • หน้าที่: ให้การว่าตนเองมีหน้าที่เช่าบ้าน จัดหาอาหาร และทำความสะอาด โดยได้รับค่าจ้างเป็นรายหัว 200 บาทต่อวัน
  • ข้อกล่าวหาต่อ น.ส.ชัชฎา: ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม”

ความท้าทายของ “พรมแดนไทย”—ด่านสกัดอาชญากรรมข้ามชาติ

การจับกุมกลุ่มชาวจีน 19 คนในพื้นที่เชียงรายตอกย้ำถึงความท้าทายของประเทศไทยในฐานะ ทางผ่าน” สำคัญของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงออนไลน์ (Call Center Scam) ที่ถูกกวาดล้างอย่างหนักในประเทศเพื่อนบ้าน

ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตา:

  • ช่องทางธรรมชาติ: การลักลอบเข้าไทยจากชายแดนแม่สอด จ.ตาก (ฝั่งตะวันตก) เพื่อเดินทางต่อไปยัง สปป.ลาว (ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ) แสดงให้เห็นถึงเส้นทางขนย้ายมนุษย์ที่มีการวางแผนและครอบคลุมพื้นที่หลายจังหวัด
  • มาตรการสกัดกั้น: ความสำเร็จของตำรวจท่องเที่ยวและ ตม.เชียงราย ในครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยไปยังขบวนการลักลอบนำพา และเน้นย้ำความสำคัญของการทำงานข่าวเชิงรุกและบูรณาการระหว่างหน่วยงาน

เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาทั้งหมด และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านดู่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สถานีตำรวจท่องเที่ยว 2 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 2 (ส.ทท.2 กก.2 บก.ทท.2)
  •  ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดเชียงราย (ตม.เชียงราย)
  •  กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

ตำรวจท่องเที่ยวปัดเอี่ยวรับส่วยทัวร์ผี-ไกด์เถื่อน ลั่นฟันไม่เลี้ยง หากตรวจพบ

 

กลุ่มมัคคุเทศก์ภาษาจีน ร่วมถกตำรวจท่องเที่ยวหาแนวทางแก้ปัญหาบริษัททัวร์ผี-ไกด์เถื่อน ก่อนยิงตรงถาม “ตำรวจท่องเที่ยว มีเรียกรับส่วยหรือไม่” ด้าน ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ลั่น หากรู้ว่าใครรับส่วย จ่อลงโทษหนัก “ไล่ออกจากตำรวจ”
พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผู้บัญชาการบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นประธานในที่ประชุมการแก้ปัญหาทัวร์ผี ,ไกด์เถื่อน และบริษัทบริษัททัวร์นอมินี โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ,สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ,สมาคมผู้ประกอบการสัมพันธ์ไทยจีน ,สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย ,ชมรมไกด์ภาษาอินเดีย ,ชมรมไกด์ภาษาเวียดนาม ,ชมรมไกด์ภาษาเกาหลี และชมรมไกด์ภาษาจีน โดยมีนายสายชล ชื่นชู เป็นตัวแทน ที่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (16 มิ.ย.66)
โดยที่ประชุมได้หารือประเด็นสำคัญคือ 1.การประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต ,2.การประกอบอาชีพโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 3.การประกอบธุรกิจนำเที่ยวในลักษณะเป็นตัวแทนอำพราง ซึ่งหัวข้อเหล่านี้ทางกลุ่มมัคคุเทศก์ และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี และปัญหาเพิ่งจะเบาบางลงในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา
 
ซึ่งหลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง จึงทำให้กลุ่มทุนจีนเทา และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวที่ทำผิดกฎหมาย อาศัยจังหวะที่ตลาดการท่องเที่ยวของไทยเปิด เข้ามาก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงทำให้กลุ่มมัคคุเทศก์ และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวชาวไทย สงสัยว่าเหตุใดกลุ่มคนที่ทำผิดกฎหมายยังคงลอยนวลเต็มบ้านเต็มเมือง โดยไม่มีการปราบปรามตามยุทธวิธีที่วางไว้ก่อนที่ผู้แทนภาคเอกชนจะยิงคำถามถึง ผู้บัญชาการบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ว่า “ตำรวจท่องเที่ยวมีการเรียกรับส่วยจากผู้กระทำผิดกฎหมายเหล่านี้หรือไม่” จนทำให้ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ถึงกับตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ในยุคสมัยนี้ คงไม่มีใครทำอะไรแบบนี้ ถ้าใครไปทำแบบนี้ ก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง เพราะมีกฎระเบียบวางไว้ชัดเจนอยู่แล้ว”
 
ทั้งนี้ ผู้แทนภาคเอกชน มองว่า คำตอบที่ได้รับยังคงคลุมเครือ จึงฝากถึงผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ให้กำชับตำรวจในสังกัดเข้มงวดกวดขันในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องปรามไม่ให้กลุ่มคนที่กระทำการผิดกฎหมายเข้ามาก่อเหตุ ซึ่งเป็นการแย่งอาชีพคนไทย และความเสียหายให้กับภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยโดยรวม
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ข่าววงการท่องเที่ยว

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News