Categories
AROUND CHIANG RAI

ผู้ว่าฯ เชียงรายเปิด “Biz Shop” ณ ตลาดล้านเมือง รวบรวม 116 ผลิตภัณฑ์สู่ตลาดสากล

ผู้ว่าฯ เปิด “Biz Shop เชียงราย” ที่ตลาดล้านเมือง เปิดประตูสินค้าเด่น 116 ผลิตภัณฑ์ สร้างศูนย์รวมแรงบันดาลใจผู้ประกอบการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากด้วยพลังเครือข่าย

เชียงราย, 7 พฤศจิกายน 2568 — “คนเชียงราย ร่วมใจ สร้างเศรษฐกิจเข้มแข็ง” ไม่ได้เป็นเพียงถ้อยคำเชิงสัญลักษณ์ แต่เริ่มกลายเป็นพลังการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากที่จับต้องได้ เมื่อจังหวัดเชียงรายเปิดร้าน “Biz Shop เชียงราย” อย่างเป็นทางการ ณ ตลาดล้านเมือง ศูนย์กลางกระจายสินค้าและโลจิสติกส์ของเมือง โดยมี นายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน เครือข่ายผู้ประกอบการ และสื่อมวลชน ร่วมเป็นสักขีพยาน

พื้นที่ตั้ง “ตลาดล้านเมือง” อยู่โซนตะวันออกของตัวเมือง เชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมสำคัญของจังหวัดและเป็นแหล่งค้าส่งที่คึกคัก ช่วยให้ร้านใหม่แห่งนี้เข้าถึงทั้งผู้บริโภคในจังหวัด นักท่องเที่ยว และผู้ซื้อจากต่างพื้นที่ได้อย่างสะดวก สอดคล้องบทบาทตลาดที่ถูกพัฒนาให้เป็นฮับสินค้าเกษตร–ของฝากในพื้นที่ต่อเนื่องหลายปีที่ผ่านมา

จาก “เครือข่าย” สู่ “หน้าร้าน” — ทำไม Biz Shop จึงสำคัญ

หัวใจของโครงการนี้ คือการรวมพลัง เครือข่ายธุรกิจ Biz Club จังหวัดเชียงราย ให้มี “หน้าร้านกลาง” ที่คัดเลือกสินค้าดี–สินค้าเด่นของสมาชิกมาวางจำหน่ายอย่างเป็นระบบ ขณะเดียวกันยังทำหน้าที่เป็น “พื้นที่เรียนรู้ร่วมกัน” เพื่อยกระดับมาตรฐานสินค้า แพ็กเกจจิ้ง การสร้างแบรนด์ และทักษะด้านดิจิทัลของผู้ประกอบการรายย่อย

แนวคิด Biz Club เองถือกำเนิดและขับเคลื่อนในกำกับดูแลของกระทรวงพาณิชย์ ผ่านกลไกกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ที่เน้น “เครือข่าย–การจับคู่ธุรกิจ–การยกระดับมาตรฐาน” เป็นวิถีทางให้ SMEs เติบโตต่อเนื่องในระยะยาว โครงข่ายนี้ปรับตัวตามบริบทจังหวัด เพื่อให้ตอบโจทย์เศรษฐกิจฐานรากและเอกลักษณ์ท้องถิ่นได้ดีที่สุด

พิธีเปิดที่มากกว่า “ตัดริบบิ้น” วาระเชื่อมคน–เชื่อมตลาด–เชื่อมอนาคต

บรรยากาศพิธีเปิดเรียบง่ายแต่แฝงพลังความร่วมมือ ผู้ว่าราชการจังหวัดย้ำว่า “Biz Shop เชียงราย” คือก้าวสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น เพราะเป็นทั้งเวทีแสดงศักยภาพสินค้า โอกาสขยายตลาด และพื้นที่ทดลองโมเดลธุรกิจร่วมกันของผู้ประกอบการรายย่อย ภายใต้เป้าหมาย “มั่นคง–มั่งคั่ง–ยั่งยืน”

ด้าน นายศรันย์ เนมหาวรรณ์ ประธานเครือข่ายธุรกิจ Biz Club จังหวัดเชียงราย อธิบายเจตนารมณ์ชัดเจนว่า ร้านแห่งนี้ไม่ใช่แค่ช่องทางจำหน่ายของฝากและของที่ระลึก แต่จะพัฒนาเป็น ศูนย์กลางแห่งแรงบันดาลใจและการสร้างสรรค์” ให้ผู้ประกอบการในเครือข่ายและชุมชนได้ทดลองแนวคิดใหม่ ๆ ร่วมกัน ปัจจุบันมีสมาชิกนำสินค้าเข้าจำหน่าย 22 ราย รวม 116 ผลิตภัณฑ์ ครอบคลุมทั้งอาหาร–เครื่องดื่มแปรรูป งานหัตถกรรม–สิ่งทอ เครื่องสำอางจากสมุนไพร และผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ที่ดึงอัตลักษณ์ล้านนาตะวันออกอย่างโดดเด่น

คำกล่าวชูประเด็น
“เชียงรายมีสินค้าดีและผู้ประกอบการที่มีหัวใจนักสู้ เราต้องช่วยกันทำให้สินค้าคุณภาพเหล่านี้ได้ ‘พื้นที่’ และ ‘โอกาส’ ที่สมศักดิ์ศรี ทั้งหน้าร้านมาตรฐาน การตลาดดิจิทัล และการเชื่อมโยงกับห่วงโซ่ท่องเที่ยว–โลจิสติกส์ เพื่อให้เม็ดเงินหมุนกลับสู่ชุมชนอย่างแท้จริง” — ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย (ในพิธีเปิด)

ทำเลคือ “ตัวคูณ” ตลาดล้านเมืองในฐานะจุดยุทธศาสตร์การค้า

การเลือกตั้งร้านใน ตลาดล้านเมือง มีนัยสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เพราะนอกจากเป็นแหล่งค้าส่งและจุดกระจายสินค้าที่ผู้ค้าในพื้นที่คุ้นเคย ยังอยู่บนเส้นทางที่นักท่องเที่ยวและผู้ซื้อจากต่างอำเภอ–ต่างจังหวัดสัญจรผ่าน จึงช่วยลดต้นทุนการกระจายสินค้าและเพิ่มโอกาสการมองเห็น (visibility) อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งสอดรับกับโครงสร้างเศรษฐกิจเชียงรายที่พึ่งพาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม–ธรรมชาติ และการค้าชายแดน ซึ่งความคึกคักของ “หน้าร้านรวม” จะสร้างแรงดึงดูดให้ทัวร์–รถเช่า–ไกด์ท้องถิ่นบรรจุจุดหมายนี้ไว้ในเส้นทางได้ง่ายขึ้น

ภาพใหญ่เศรษฐกิจ ทำไม “ศูนย์รวม SME” จึงจำเป็นในเวลานี้

โครงสร้างเศรษฐกิจไทยพึ่งพา SMEs ในสัดส่วนสูงมาโดยตลอด และในระดับประเทศ SMEs สร้างมูลค่าเศรษฐกิจในสัดส่วนสำคัญของจีดีพี ขณะที่ภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงรายมีฐาน SMEs ด้านเกษตรแปรรูป–ท่องเที่ยว–ค้าปลีกกระจายตัวจำนวนมาก การมี “หน้าร้านรวม” ที่ทำหน้าที่เป็น โชว์รูม + แพลตฟอร์มฝึกทักษะ + จุดกระจาย จึงช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองกับตลาด และย่นระยะห่างระหว่าง “ผู้ผลิตรายย่อย” กับ “ผู้ซื้อปลายทาง” ได้จริง ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางยุทธศาสตร์ของหน่วยงานพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมระดับชาติที่ผลักดันให้ผู้ประกอบการยกระดับมาตรฐาน สร้างนวัตกรรม และเข้าถึงตลาดใหม่อย่างต่อเนื่อง

ในมิติ “ดีมานด์” ฝั่งการท่องเที่ยวถือเป็นเครื่องจักรสำคัญของเชียงรายมาอย่างยาวนาน รายงานภาครัฐก่อนโควิดระบุว่า จังหวัดเคยต้อนรับนักท่องเที่ยวทะลุ หนึ่งล้านคน และสร้างรายได้หลายพันล้านบาทต่อปี ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนศักยภาพฐานผู้ซื้อที่ชัดเจน ซึ่งหากจับคู่กับ “สินค้าท้องถิ่นคุณภาพ–เล่าเรื่องได้–มีจุดต่างชัดเจน” ย่อมต่อยอดเป็นมูลค่าทางการค้าได้อีกมาก

116 ผลิตภัณฑ์ คัดจาก “อัตลักษณ์” สู่ “มาตรฐาน”

สาระสำคัญของ Biz Shop อยู่ที่กระบวนการคัดเลือกและจัดแสดงสินค้าให้ “เล่าเรื่องเชียงราย” ได้อย่างครบถ้วน โดยทีมคัดเลือกให้ความสำคัญกับ 4 แกนหลัก

  1. แหล่งที่มาและภูมิปัญญา – เน้นวัตถุดิบจากพื้นที่ (เช่น ชา–กาแฟ–สมุนไพร–ผลไม้พื้นถิ่น) และลวดลาย/เทคนิคงานหัตถกรรมที่สะท้อนชุมชน
  2. มาตรฐาน–ความปลอดภัย – ผลิตภัณฑ์อาหาร–เครื่องดื่ม และเครื่องสำอางต้องเดินหน้าสู่มาตรฐาน อย./มผช./อย.ฮาลาล (หากเกี่ยวข้อง) เพื่อขยายตลาดกว้างขึ้น
  3. แพ็กเกจจิ้ง–การสื่อสาร – ปรับภาพลักษณ์ให้ “พร้อมวางขาย” ทั้งบนชั้นหน้าร้านและแพลตฟอร์มออนไลน์
  4. การตั้งราคา–มูลค่าเพิ่ม – ช่วยวางตำแหน่งสินค้า (positioning) ให้สอดคล้องกลุ่มเป้าหมาย เช่น นักท่องเที่ยวคุณภาพ, นักเดินทางระยะยาว, พรีเมียมซูวีเนียร์ ฯลฯ

ผู้ประกอบการหลายรายเป็น “รุ่นใหม่กลับบ้าน” นำความรู้ด้านการตลาดดิจิทัลมาผสมกับทรัพยากรในพื้นที่ ผลลัพธ์คือสินค้าเชิงสร้างสรรค์ที่ “อัพมูลค่า” จากของดีชุมชน เช่น ขนม–ของหวานอินสไปร์จากชาเขียวดอยสูง, งานทอ–ย้อมสีธรรมชาติ, กาแฟสเปเชียลตี้สายพันธุ์ท้องถิ่น, สกินแคร์สมุนไพรล้านนา, หรือ ของใช้ทำมือ ที่ตีโจทย์ของฝากร่วมสมัย

โอกาส–ความท้าทาย และจุดคานงัดสู่ความยั่งยืน

1) ทำเล + เครือข่าย = ตัวคูณการตลาด
การตั้งร้านในตลาดล้านเมืองทำให้ Biz Shop อยู่ “กลางทาง” ของทั้งผู้บริโภคท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อผสานกับเครือข่าย Biz Club ที่มีสมาชิกหลากหลาย จะเกิดเอฟเฟกต์เครือข่าย (network effect) ช่วยเพิ่มจำนวนสินค้าใหม่หมุนเวียน และดึงผู้เข้าชมซ้ำ

2) เชื่อม “หน้าร้าน–ออนไลน์–ท่องเที่ยว” ให้เป็นหนึ่งเดียว
การจัดการสต็อกให้ทันฤดูกาลท่องเที่ยว, ทำ QR Storytelling (สแกนอ่านเรื่องราวชุมชน–มาตรฐาน–วิธีใช้), การทำ pre-order/ส่งถึงที่พัก และการเชื่อมกับเส้นทางท่องเที่ยว (เช่น ทัวร์กาแฟ–ไร่ชา–งานศิลปะ) จะทำให้มูลค่าต่อหัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลและฤดูกาลท่องเที่ยวปลายปีที่เชียงรายคึกคัก

3) ขยับมาตรฐานเพื่อไป “นอกจังหวัด–นอกประเทศ”
การยกระดับมาตรฐานสินค้า (FDA/มผช./HALAL/Organic ฯลฯ) และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สอดคล้องกฎระเบียบปลายทาง จะเปิดทางให้สินค้าบางกลุ่มเข้าสู่โมเดิร์นเทรด/สนามบิน/ดีลเลอร์เพื่อนบ้านได้ง่ายขึ้น ซึ่งแนวทางนี้สอดคล้องกับบทบาทของเครือข่าย Biz Club ที่ทำหน้าที่เป็น “แพลตฟอร์มบ่มเพาะมาตรฐานและการจับคู่ธุรกิจ” อยู่แล้ว

4) ใช้ข้อมูลตลาดจริง ตั้ง “คีย์เพอร์ฟอร์แมนซ์” ที่วัดได้
เพื่อให้โครงการลงหลักปักฐานแกร่ง ควรมีตัวชี้วัด เช่น จำนวนผู้เยี่ยมชม/วัน, สัดส่วนลูกค้าท้องถิ่น–นักท่องเที่ยว, อัตรา conversion เป็นยอดขาย, ต้นทุนโลจิสติกส์ต่อชิ้น ฯลฯ และทบทวนทุกไตรมาส พร้อมยืดหยุ่นสัดส่วนสินค้าให้ตอบพฤติกรรมผู้ซื้อ

5) หนุนด้วย “การเล่าเรื่องจังหวัด” และข้อมูลท่องเที่ยว
เชียงรายมีฐานนักท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวต่อเนื่องหลังโรคระบาด การนำสถิติตามฤดูกาล/อำเภอ/แหล่งท่องเที่ยวมาเป็น “คัมภีร์วางแผนสินค้า” จะทำให้การผลิต–การสต็อก–แคมเปญการตลาดแม่นขึ้น และดึงดูดกลุ่มคุณภาพได้มากขึ้น (เช่น นักเดินทางระยะยาว, กลุ่มครอบครัว, นักท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม)

เสียงจากผู้ประกอบการ พื้นที่ที่ทำให้ “ตัวเล็ก” ไม่โดดเดี่ยว

“ได้เรียนรู้เรื่องมาตรฐานและการตั้งราคาที่สะท้อนคุณค่า ทำให้กล้าขยับไปตลาดใหม่มากขึ้น และมีเพื่อนร่วมทางให้ปรึกษา” — ผู้ประกอบการงานหัตถกรรมย้อมคราม

“จากเดิมขายออนไลน์อย่างเดียว พอมีหน้าร้าน ทำให้ลูกค้าจับต้อง กลิ่น–รส–เรื่องราวของสินค้าเราได้ ยอดสั่งซ้ำเพิ่มขึ้นชัดเจน” — ผู้ประกอบการชากาแฟแปรรูป

เสียงสะท้อนเหล่านี้สะท้อน “งานหลังบ้าน” ของ Biz Shop ที่ไม่ได้มีเพียงการวางสินค้า แต่รวมถึงการโค้ชจุดอ่อน–ต่อยอดจุดแข็ง ทำภาพ–ทำคำ–ทำแพ็กเกจจิ้ง–วางบาร์โค้ด/QR ให้พร้อมขายบนทุกแพลตฟอร์ม

ตัวเลขชวนคิด

  • 116 ผลิตภัณฑ์ จาก 22 ผู้ประกอบการ ฐานตั้งต้นที่พร้อมเติบโตทั้งเชิงปริมาณ–คุณภาพ
  • ฮับการค้า ทำเลตลาดล้านเมืองช่วยลดต้นทุนกระจายสินค้าและเชื่อมเส้นทางท่องเที่ยวได้โดยตรง
  • SMEs = กระดูกสันหลังเศรษฐกิจ แนวโน้มเชิงยุทธศาสตร์ประเทศยังย้ำบทบาท SMEs และการยกระดับมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง
  • ดีมานด์จากท่องเที่ยว เชียงรายเคยรองรับนักท่องเที่ยวมากกว่าล้านคน/ปี รายได้หลายพันล้านบาท—ฐานลูกค้าที่พร้อมเปลี่ยน “ของดีท้องถิ่น” เป็น “มูลค่าเพิ่ม” ได้จริง

จากร้านเล็กในตลาด สู่โมเดลพัฒนา “เมืองสินค้าและคุณภาพ”

การเปิด “Biz Shop เชียงราย” มิใช่แค่ข่าวเศรษฐกิจท้องถิ่นธรรมดา หากเป็น โมเดลความร่วมมือ ที่จับต้องได้ ระหว่างภาครัฐ–เอกชน–เครือข่ายผู้ประกอบการ ที่ต่างมีบทบาทของตนอย่างชัดเจน “หน้าร้านรวม” ทำหน้าที่เป็นทั้ง เครื่องขยายเสียง (amplifier) ให้ของดีท้องถิ่นดังไกล เป็น ห้องทดลอง (sandbox) ให้ผู้ประกอบการได้ฝึก–ได้ล้ม–ได้ลุก และเป็น เครื่องมือคืนรายได้ ให้ชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม

เมื่อบวก “ทำเลที่ใช่” เข้ากับ “เครือข่ายที่แข็งแรง” และ “การจัดการความรู้ที่ต่อเนื่อง” เชียงรายย่อมมีโอกาสก้าวไปสู่ภาพฝัน เมืองสินค้าและคุณภาพ” ที่ผู้ประกอบการตัวเล็กไม่รู้สึกโดดเดี่ยว และผู้บริโภคมั่นใจว่า ทุกชิ้นที่ซื้อคือเรื่องเล่าที่มีมาตรฐานรองรับ

บทสรุปสั้น

  • ร้านนี้คือ เครื่องมือกลาง ที่รวมคน–รวมสินค้าดี–รวมโอกาส
  • ทำเลตลาดล้านเมืองช่วย “เชื่อมดีมานด์” จากท่องเที่ยว–ค้าส่งได้จริง
  • หากรักษามาตรฐานสินค้า–วัดผลเชิงธุรกิจ–เล่าเรื่องให้ถึงใจ ผู้ประกอบการจะยืนระยะได้ และรายได้จะหมุนกลับสู่ชุมชนตามเป้าหมาย “คนเชียงราย ร่วมใจ สร้างเศรษฐกิจเข้มแข็ง”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • Biz Club ภายใต้กระทรวงพาณิชย์/DBD
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พาณิชย์ลงพื้นที่ช่วยเกษตรกรขายสับปะรด-หอมใหญ่

รมว.พาณิชย์ ติดตามโครงการชูใจ วัยเก๋า 60+ เยี่ยมตลาดล้านเมือง เชียงราย

เชียงราย, 12 กุมภาพันธ์ 2568 – นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะลงพื้นที่ตลาดล้านเมือง จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามโครงการ “ชูใจ วัยเก๋า 60+” ซึ่งเป็นโครงการที่สนับสนุนให้ผู้สูงอายุสามารถใช้เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคภายในตลาด โดยมีบรรยากาศการจับจ่ายที่คึกคักจากประชาชนและผู้สูงวัยที่ได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 10,000 บาทจากรัฐบาล

รมว.พาณิชย์ลงพื้นที่ ตรวจสอบราคาสินค้า และพบปะประชาชน

นายพิชัย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ อาทิ นายคุณากร ปรีชาชนะชัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้รับการต้อนรับจาก นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และ นายไพโรจน์ หาญพิทักษ์วงศ์ ผู้จัดการตลาด พร้อมทั้งพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนจำนวนมากที่เดินทางมาจับจ่ายใช้สอยภายในตลาด

รมว.พาณิชย์ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้าในตลาด โดยเฉพาะสินค้าสด เช่น ผักสด ผลไม้ และเนื้อสัตว์ เพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาที่เป็นธรรม นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบด้านเศรษฐกิจและนโยบายช่วยเหลือผู้สูงอายุจากภาครัฐ

กระทรวงพาณิชย์หนุนเกษตรกร รับซื้อหอมหัวใหญ่-สับปะรดภูแล

นอกจากการติดตามโครงการ “ชูใจ วัยเก๋า 60+” แล้ว นายพิชัยยังได้ตรวจสอบสถานการณ์การจำหน่ายหอมหัวใหญ่และสับปะรดภูแล ซึ่งเป็นสินค้าทางการเกษตรที่สำคัญของภาคเหนือ โดยกรมการค้าภายในได้ประสานความร่วมมือกับภาคเอกชน 23 ราย เช่น Tops, Go Wholesale, The Mall, Makro, Lotus’s, Big C รวมถึงสถานีบริการน้ำมัน PT, OR, Bangchak, Shell และ Susco เพื่อรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในพื้นที่เชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน

ปล่อยขบวนคาราวาน 60 ตัน ขยายตลาดสับปะรดภูแลสู่ต่างประเทศ

ภายในงาน กระทรวงพาณิชย์ยังได้จัดกิจกรรมปล่อยขบวนคาราวานสินค้าสับปะรดภูแลจำนวน 60 ตัน เพื่อนำไปแปรรูปและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจีน ขณะที่การรับซื้อหอมหัวใหญ่เริ่มต้นจากสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่บ้านกาดพัฒนา อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 100 ตัน และจะทยอยรับซื้อเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง

แนวทางบริหารจัดการผลผลิตเกษตรกรไทย

กระทรวงพาณิชย์สั่งการให้กรมการค้าภายในติดตามและประเมินสถานการณ์การผลิตและการตลาดของหอมหัวใหญ่และสับปะรดภูแลร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเร่งกระจายผลผลิตออกนอกพื้นที่ ผ่านร้านธงฟ้า โมบายธงฟ้า และช่องทางค้าปลีกต่างๆ เพื่อป้องกันปัญหาราคาตกต่ำและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกร

สับปะรดภูแลและหอมหัวใหญ่ ออกสู่ตลาดช่วงใด?

  • สับปะรดภูแล : ออกสู่ตลาดมากช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน และธันวาคม-กุมภาพันธ์
  • หอมหัวใหญ่ : ออกสู่ตลาดมากช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม

สรุป

การลงพื้นที่ของ รมว.พาณิชย์ครั้งนี้ สะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลในการช่วยเหลือทั้งผู้บริโภคและเกษตรกร โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและเกษตรกรผู้ปลูกหอมหัวใหญ่และสับปะรดภูแล ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชนในการขยายตลาดและรับซื้อผลผลิตอย่างต่อเนื่อง นโยบายดังกล่าวคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและสร้างเสถียรภาพทางการตลาดให้กับสินค้าการเกษตรในพื้นที่ภาคเหนือของไทย

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. โครงการชูใจ วัยเก๋า 60+ คืออะไร?โครงการนี้เป็นโครงการสนับสนุนผู้สูงอายุที่ได้รับเงินช่วยเหลือ 10,000 บาทจากรัฐบาล ให้สามารถนำไปใช้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในตลาดต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการ

 

  1. ทำไมกระทรวงพาณิชย์ถึงสนับสนุนการรับซื้อสับปะรดภูแลและหอมหัวใหญ่?เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถขายผลผลิตได้ในราคาที่เหมาะสม และป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาด

 

  1. ตลาดล้านเมืองมีจุดเด่นอะไร?ตลาดล้านเมืองเป็นตลาดกลางที่ได้รับการส่งเสริมจากกรมการค้าภายใน มีสินค้าสดที่มีคุณภาพและราคายุติธรรม

 

  1. ขบวนคาราวานสินค้าสับปะรดภูแลคืออะไร?เป็นโครงการที่ช่วยส่งออกและกระจายสับปะรดภูแลไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจีน

 

  1. สับปะรดภูแลและหอมหัวใหญ่ออกสู่ตลาดช่วงใด?สับปะรดภูแลออกสู่ตลาดมากช่วงเมษายน-มิถุนายน และธันวาคม-กุมภาพันธ์ ส่วนหอมหัวใหญ่ออกสู่ตลาดมากช่วงกุมภาพันธ์-มีนาคม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พิพัฒน์’บุก ‘ตลาดล้านเมือง’ เชียงราย ชวนพ่อค้า-แม่ค้าเข้าประกันตน ม.40

 

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน และสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ร่วมลงพื้นที่ตลาดล้านเมือง จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2567 โดยมี นายไพโรจน์ หาญพิทักษ์วงศ์ ผู้จัดการตลาดล้านเมือง รวมถึงพ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ร่วมให้การต้อนรับ

 

สำหรับตลาดล้านเมือง นับเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ โดยมีพื้นที่กว่า 260 ไร่ มีร้านค้า 1,432 แผง ซึ่งมีพ่อค้าแม่ค้า และผู้ประกอบอาชีพอิสระกว่า 10,000 คน โดยทางคณะยังได้ร่วมกันลงพื้นที่เยี่ยมบ้านให้กำลังใจ และมอบสิ่งของ เครื่องอุปโภค บริโภค ให้ผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพถึงบ้านพัก ซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดเชียงราย พร้อมกันนี้ทางเจ้าหน้าที่จากสำนักงานฯ ยังได้ร่วมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามกฎหมายของผู้ประกันตนอีกด้วย

 

นายพิพัฒน์ เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนพร้อมผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.เชียงราย ในงาน “มาตรา 40 ทั่วไทย อาชีพอิสระอุ่นใจ ให้ประกันสังคมดูแล” ซึ่งตนและ สปส. ได้มาเชิญชวนพ่อค้า แม่ค้า ในตลาดล้านเมือง ตลอดจนกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ และประชาชนทั่วไป เข้ามาสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 เพื่อให้ทุกท่านได้รับความคุ้มครอง รับสิทธิประโยชน์ เช่น กรณีประสบอุบัติเหตุ เจ็บป่วย หรือทุพพลภาพ ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้, กรณีเสียชีวิต ได้รับค่าทำศพ, กรณีชราภาพ ได้รับบำเหน็จชราภาพทุกเดือน, กรณีจ่ายเงินสมทบครบ 180 เดือน รับเงินเพิ่ม 10,000 บาท และรับเงินสงเคราะห์บุตรทุกเดือน เป็นต้น

 

ด้าน น.ส.จีระภา บุญรัตน์ รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า ในวันนี้ รมว.แรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงานและ สปส. ยังได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านให้กำลังใจและมอบสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภคให้แก่ นายเชาวลิต สิทธิภา อายุ 66 ปี ซึ่งเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่อาศัยอยู่กับภรรยาและบุตรใน ต.สันทราย อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งทุพพลภาพจากโรคความดันโลหิตสูง เป็นเหตุให้เส้นเลือดในสมองแตก ร่างกายข้างขวาเป็นอัมพาต สูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของร่างกายร้อยละ 75 โดยได้รับสิทธิเป็นผู้ทุพพลภาพตั้งแต่วันที่ 18 พ.ย. 2547 ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เดือนละ 2,400 บาท ตลอดชีวิต โดยได้นำความห่วงใย พร้อมกับได้พูดคุยเพื่อให้กำลังใจ สอบถามถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประกันตนและครอบครัว

น.ส.จีระภา กล่าวว่า ทาง สปส. กระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญในการสร้างหลักประกันในการดำรงชีวิตของผู้ใช้แรงงานทุกคน ตามนโยบาย “สร้างรากฐานเศรษฐกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการคุ้มครองแรงงาน” ดูแลผู้ประกันตนให้ได้รับสิทธิประโยชน์อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพ ไม่ว่าจะเกิดจากความเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด เพื่อสร้างหลักประกันทางสังคมที่มั่นคง และทำให้ผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างเท่าเทียมกับทุกๆ คนต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงแรงงาน 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News