Categories
NEWS UPDATE

อินไซต์นักดื่มกาแฟพบภาคเหนือ ชื่นชอบคั่วอ่อน แหล่งปลูกพันธุ์อาราบิก้า

 

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2567 นางสาวณัฏฐ์รดา คุณะวิวัฒนานนท์ นายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) ในประเทศไทยมีมูลค่ารวมกว่า 2,000 ล้านบาท คิดเป็น 10% ของตลาดกาแฟพรีเมียมทั้งหมดที่มีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดกาแฟรวมทั้งหมดที่สูงถึง 100,000 ล้านบาท ซึ่งตลาดกาแฟพิเศษมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 25% ในช่วงปี 2564-2566 สวนทางกับตลาดกาแฟพรีเมียมที่เติบโตเฉลี่ยเพียง 8.55% ต่อปี

การเติบโตของกาแฟพิเศษในประเทศไทยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของความต้องการบริโภคกาแฟคุณภาพสูงและความนิยมในการเปิดร้านกาแฟพิเศษทั้งในเมืองและภูมิภาคต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีจำนวนบาริสต้าและผู้ประกอบการที่เข้ามาในตลาดมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดกาแฟพิเศษขยายตัวอย่างรวดเร็ว

จากข้อมูลของ Euromonitor International รายงานว่า การบริโภคกาแฟในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจาก 30,000 ตันต่อปี เป็น 90,000 ตันต่อปี ในระยะเวลา 10 ปี ซึ่งเฉลี่ยคนไทยบริโภคกาแฟวันละ 1.5 แก้ว สะท้อนถึงความนิยมในการบริโภคกาแฟที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ตลาดกาแฟยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

นางสาวณัฏฐ์รดา กล่าวเพิ่มเติมว่า สมาคมกาแฟพิเศษไทยได้วางกลยุทธ์เพื่อยกระดับคุณภาพกาแฟไทย โดยการส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟให้เน้นการผลิตกาแฟคุณภาพสูงผ่านโครงการประกวดกาแฟพิเศษ รวมถึงการส่งเสริมเทคโนโลยีและความรู้ในการผลิตกาแฟปลอดโรคเพื่อให้ได้กาแฟที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน GAP และได้รับการยอมรับในระดับสากล

ทั้งนี้ ทางสมาคมฯ ได้ร่วมมือกับเซ็นทรัลพัฒนาในการจัดงาน “Thailand Coffee Hub” ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 2-8 ตุลาคม 2567 โดยมีการรวบรวมกาแฟจากทั่วประเทศและกาแฟท้องถิ่นจากพื้นที่ต่าง ๆ มาแสดงและจัดจำหน่ายภายในงาน คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 150,000 คน เพิ่มขึ้น 50% จากปีที่ผ่านมา

นางขวัญแก้ว สิริจินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า เซ็นทรัลพัฒนาวางกลยุทธ์สนับสนุนธุรกิจโลคอลและภูมิภาคให้ก้าวสู่ตลาดโลก (Support Local & Cross-Region) โดยตั้งเป้าผลักดันงานเทศกาลกาแฟไทยให้กลายเป็น “World Coffee Event Destination” ที่ดึงดูดนักดื่มกาแฟจากทั่วโลก เพื่อช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงและศักยภาพของอุตสาหกรรมกาแฟไทยในเวทีระดับโลก

สำหรับแนวโน้มของตลาดกาแฟในปี 2567 พบว่า ราคากาแฟในตลาดโลกเริ่มปรับตัวลดลงประมาณ 20-30% เนื่องจากผลผลิตจากประเทศผู้ผลิตรายใหญ่อย่างบราซิลเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ต้นทุนการนำเข้ากาแฟลดลง ซึ่งส่งผลให้ราคาเมล็ดกาแฟในประเทศมีแนวโน้มถูกลงตาม

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดกาแฟพิเศษยังคงเข้มข้นและเป็นตลาดแบบ “Red Ocean” ที่มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงจำเป็นต้องมุ่งเน้นการผลิตกาแฟคุณภาพสูงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า

ในแง่การผลิตกาแฟไทย ประเทศไทยยังคงผลิตกาแฟได้เพียง 40,000-50,000 ตันต่อปี แต่ความต้องการบริโภคสูงถึง 100,000 ตัน ทำให้ต้องมีการนำเข้ากาแฟจากต่างประเทศเพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้น การพัฒนาคุณภาพการผลิตจึงเป็นทางรอดของเกษตรกรและผู้ผลิตกาแฟไทยในการยกระดับสินค้าสู่ตลาดพรีเมียม

 

ทั้งนี้ เมื่อประเมินภาพรวมการดื่มกาแฟของคนไทย พบว่า เฉลี่ยประมาณ 1.5 แก้วต่อวัน โดยเมื่อมาสำรวจฐานนักดื่มกาแฟไทย ในแต่ละภูมิภาค จะชื่นชอบการดื่มกาแฟที่มีรสชาติแตกต่างกันคือ 

  • ภาคเหนือกาแฟ ชื่นชอบกาแฟคั่วอ่อน ตามแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้า
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชื่นชอบ กาแฟที่มีรสเปรี้ยวผสม
  • ภาคใต้ ชื่นชอบกาแฟคั่วเข้ม ตามแหล่งปลูกกาแฟพันธุ์โรบัสต้า
  • ภาคกลาง และกทม. ชื่นชอบกาแฟรสชาติ หลากหลาย 
  • ภาคตะวันออก ยังไม่มีชัดเจน 
  • เทรนด์ภาพรวมคนไทยสนใจดื่มกาแฟ “อเมริกาโน่” มากขึ้น จากเดิม 4-5 ปีเน้นกาแฟใส่นม เนื่องจากความสนใจสุขภาพสูงขึ้น

สมาคมกาแฟพิเศษไทยจึงมุ่งมั่นที่จะผลักดันกาแฟไทยสู่เวทีโลก พร้อมทั้งสร้าง Coffee Ecosystem ที่เข้มแข็งตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ เพื่อให้แบรนด์กาแฟไทยก้าวสู่การเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และกลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านกาแฟระดับโลกต่อไป.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ / กรุงเทพธุรกิจ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

กาแฟไทยโตต่อเนื่อง หลังปี 66 ขยายตัวมูลค่าพุ่ง 4.5 พันล้านบาท

 

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2567 นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ติดตามข้อมูลการค้าของสินค้ากาแฟ พบว่าตลาดกาแฟไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นแนวโน้มและโอกาสที่ดีในการปรับปรุงกลยุทธ์เพื่อเร่งพัฒนาตลาดกาแฟของไทย

บริษัทสำรวจข้อมูลทางการตลาดระดับโลก Euromonitor International รายงานมูลค่าตลาดกาแฟไทย พบว่ากาแฟเป็นสินค้าที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น โดยมูลค่าตลาดกาแฟไทยเติบโตต่อเนื่อง ในช่วงระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2564 – 2566 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 8.55% ต่อปี ขณะที่ล่าสุดปี 2566 มีมูลค่าตลาด 34,470.3 ล้านบาท ขยายตัว 7.34% ปี 2565 ขยายตัว 9.78% และเมื่อพิจารณายอดขายตามประเภทกาแฟ ในปี 2566 พบว่ากาแฟสำเร็จรูปมีมูลค่าตลาดสูงถึง 28,951.3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 84% ของมูลค่าตลาดกาแฟในประเทศ และกาแฟสดมีมูลค่าตลาด 5,519.1 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 16% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มวัยทำงาน สภาพอากาศที่ร้อนของไทย และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่ต้องการความสะดวกในการบริโภคเครื่องดื่ม  

 

กระแสความต้องการบริโภคกาแฟในไทยที่เพิ่มขึ้น ความต้องการบริโภคเครื่องดื่มสำเร็จรูปที่หลากหลาย ประกอบกับสภาพอากาศร้อน ถือเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ความต้องการกาแฟเย็นจากร้านสะดวกซื้อ กาแฟสำเร็จรูปแบบ RTD (Ready To Drink) และกาแฟบรรจุขวดพร้อมทานเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบและดื่มด่ำกับบรรยากาศในการดื่มกาแฟสดที่ได้เห็นความพิถีพิถันในการชงกาแฟก็ทำให้กาแฟสดเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายเหล่านี้ เกิดจากการที่ผู้ประกอบการเริ่มศึกษาและเรียนรู้ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี 

 

ในปี 2566 ประเทศไทยมีผลผลิตกาแฟ 16,575 ตัน แบ่งเป็นพันธุ์อาราบิก้า และโรบัสตา 48.2% และ 51.8% ตามลำดับ เมื่อพิจารณามูลค่าการนำเข้ากาแฟ พบว่าการนำเข้ากาแฟของไทยเติบโตต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน โดยในปี 25661 ไทยมีมูลค่าการนำเข้ากาแฟ 338.42 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 12.90% เมื่อเทียบกับปี 2565 ประมาณ 299.77 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นการนำเข้า 

 

(1) กาแฟดิบ (พิกัดศุลกากร 090111 และ 090112) 184.76 ล้านเหรียญสหรัฐ (62,171.01 ตัน) 
(2) กาแฟคั่ว (พิกัดศุลกากร 090121 และ 090122) 27.55 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,647.14 ตัน) 
(3) กาแฟสำเร็จรูป (พิกัดศุลกากร 210111 และ 210112) 126.11 ล้านเหรียญสหรัฐ (15,947.11 ตัน) 

 

สำหรับในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค. – มี.ค.) ไทยมีมูลค่าการนำเข้ากาแฟ 76.3 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็น (1) กาแฟดิบ 31.21 ล้านเหรียญสหรัฐ (2) กาแฟคั่ว 6.15 ล้านเหรียญสหรัฐ และ (3) กาแฟสำเร็จรูป 38.94 ล้านเหรียญสหรัฐ 

 

นอกจากนี้ พบว่า มูลค่าการส่งออกกาแฟของไทยก็ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน โดยในปี 2566 ไทยมีมูลค่าการส่งออกกาแฟ 125.89 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 15.59% เมื่อเทียบกับปี 2565 (108.92 ล้านเหรียญสหรัฐ) แบ่งเป็นการส่งออก

 

(1) กาแฟดิบ 2.20 ล้านเหรียญสหรัฐ (255.18 ตัน) 
(2) กาแฟคั่ว 2.75 ล้านเหรียญสหรัฐ (243.23 ตัน)
(3 )กาแฟสำเร็จรูป 120.95 ล้านเหรียญสหรัฐ (24,517.72 ตัน)

 

สำหรับในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2567 (ม.ค. – มี.ค.) ไทยมีมูลค่าการส่งออกกาแฟ 34.18 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,237,316,000 บาท
 
แบ่งเป็น
(1) กาแฟดิบ 0.21 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7,602,000.00 บาท
(2) กาแฟคั่ว 1.24 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 36,207,500 บาท
(3) กาแฟสำเร็จรูป 32.72 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,184,709,400 บาท

 

จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่า ไทยมีการนำเข้ากาแฟดิบในปริมาณมาก เพื่อบริโภคในประเทศและแปรรูปส่งออกเป็นกาแฟสำเร็จรูป แสดงให้ถึงศักยภาพด้านการแปรรูปกาแฟของไทย โดยในปี 2566 ตลาดส่งออกกาแฟสำเร็จรูปอันดับหนึ่งของไทย คือ กัมพูชา รองลงมา ได้แก่ สปป.ลาว และฟิลิปปินส์ ส่วนด้านการนำเข้า ไทยนำเข้าเมล็ดกาแฟดิบจากเวียดนามมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ อินโดนีเซีย และ สปป.ลาว 

 

นายพูนพงษ์กล่าวทิ้งท้ายว่า ตลาดกาแฟของไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งการบริโภคในประเทศ และการแปรรูปเพื่อส่งออก ประเทศไทยมีศักยภาพในการแปรรูปกาแฟดิบเป็นกาแฟสำเร็จรูปเพื่อการส่งออก ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสุขภาพและความยั่งยืนมากขึ้น ดังนั้น ผู้ผลิตและผู้ประกอบการไทยต้องให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว และปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง พร้อมกับนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่รักษ์โลกมาใช้ในขั้นตอนการผลิต เพื่อสามารถพัฒนากาแฟที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และสอดคล้องกับระเบียบการค้าโลกใหม่ที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งจะช่วยให้การส่งออกกาแฟไทยไปยังตลาดคู่ค้าใหม่ ๆ มีโอกาสขยายตัว เนื่องจากตลาดกาแฟยังมีช่องว่างในการเติบโตอีกมากทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดโลก

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News