Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายร่วมพัฒนาวัฒนธรรมชุมชน หนุนท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

เชียงรายร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายวัฒนธรรม สืบสานศาสตร์พระราชา

เชียงราย, 9 กุมภาพันธ์ 2568 – เครือข่ายวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายเข้าร่วม โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายทางวัฒนธรรมและผู้นำชุมชนคุณธรรมฯ เพื่อ สืบสาน รักษา ต่อยอดศาสตร์พระราชา ประจำปีงบประมาณ 2568 ระหว่างวันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ 2568พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

กระทรวงวัฒนธรรมจัดโครงการนี้เพื่อ ส่งเสริมองค์ความรู้ด้านวัฒนธรรม สร้างชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยมี นางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายพัฐศิษฏ์ ธนชวาลย์ ผู้อำนวยการกองตรวจราชการ เป็นผู้กล่าวรายงาน และ นางศศิฑอณร์ สุวรรณมณี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม รวมถึงผู้แทนจาก 26 ชุมชน เข้าร่วมงาน

เสริมพลังชุมชน ผ่านการพัฒนาศักยภาพผู้นำ

กิจกรรมภายในโครงการประกอบด้วย การบรรยายและฝึกปฏิบัติด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนเชิงวัฒนธรรม ได้แก่:

  • แนวทางการพัฒนา “ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม” โดย หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม และวิทยากรจากกองตรวจราชการ
  • การบริหารจัดการการท่องเที่ยวให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว โดย ผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
  • กลยุทธ์การพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวและการตลาด โดย วิทยากรจากองค์กรด้านการพัฒนาท่องเที่ยว
  • เทคนิคการประชาสัมพันธ์และการสร้างเครือข่ายพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มโอกาสการดึงดูดนักท่องเที่ยวสู่ชุมชน

นอกจากนี้ คณะวิทยากรจาก พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ ยังได้ให้ความรู้เรื่อง การถ่ายทอดเรื่องราวและการเล่าเรื่อง (Storytelling) ให้เกิดแรงจูงใจในการท่องเที่ยว

เชียงรายส่งตัวแทนเข้าร่วม เสริมแกร่งเครือข่ายวัฒนธรรม

นาย พิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้ นายจิรัฏฐ์ ยุทธ์ธนประวิช นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ นำทีมผู้แทนชุมชน 3 คน ได้แก่ นางอิ่ม คำแสง, นางอ่อน ปัญญา และนายทิพย์ เมืองยอด เข้าร่วมกิจกรรมนี้เพื่อ เสริมสร้างศักยภาพและนำองค์ความรู้มาพัฒนาชุมชนเชียงราย

ยกระดับเศรษฐกิจฐานรากผ่านวัฒนธรรม

โครงการนี้ถือเป็น ก้าวสำคัญในการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดเพื่อสร้างมูลค่าให้แก่ชุมชน และเป็นแนวทางขับเคลื่อนให้เกิด ชุมชนท่องเที่ยวที่ยั่งยืน สอดรับกับนโยบายของกระทรวงวัฒนธรรมที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากผ่านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
SOCIETY & POLITICS

ม.พะเยา สืบสานสายใย เก็บดอกฝ้ายหลวง อนุรักษ์ฝ้ายพื้นเมือง

มหาวิทยาลัยพะเยาจัดกิจกรรม “สืบสานสายใย เก็บดอกฝ้ายหลวง” อนุรักษ์ฝ้ายพื้นเมืองและสืบสานประเพณี

พะเยา, 5 กุมภาพันธ์ 2568 –  มหาวิทยาลัยพะเยาจัดกิจกรรม “สืบสานสายใย เก็บดอกฝ้ายหลวง” ณ “สวนฝ้ายหลวง มหาวิทยาลัยพะเยา” โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.สุภกร พงศบางโพธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา เป็นประธานในพิธีเปิดป้าย “สวนฝ้ายหลวง มหาวิทยาลัยพะเยา” และร่วมเก็บดอกฝ้ายกับคณะผู้บริหาร บุคลากร นิสิต และเครือข่ายฝ้ายหลวง

ความร่วมมือในการอนุรักษ์ฝ้ายหลวง

กิจกรรม “สืบสานสายใย เก็บดอกฝ้ายหลวง” จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างกองกิจการนิสิต และโครงการวิจัย “โครงการวิจัยและพัฒนาฝ้ายหลวงเพื่อสร้างรายได้และความยั่งยืนสู่ชุมชน” ซึ่งได้รับทุนวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประจำปี พ.ศ. 2567 โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพันธุ์ฝ้ายหลวง ซึ่งเป็นฝ้ายพื้นเมืองประเภทฝ้ายยืนต้นในภาคเหนือ เพื่อรวบรวมอนุรักษ์พันธุ์ฝ้ายหลวง ตลอดจนส่งเสริมพัฒนายกระดับฝ้ายหลวงสู่เศรษฐกิจฐานรากของชุมชนท้องถิ่น

การเก็บดอกฝ้ายเพื่อสืบสานประเพณี

กิจกรรม “สืบสานสายใย เก็บดอกฝ้ายหลวง” เป็นการเก็บดอกฝ้ายที่กำลังออกผลผลิตเต็มที่ตามฤดูกาล เพื่อส่งมอบให้กับเครือข่ายวิจัยฝ้ายหลวงจาก 10 กลุ่มชุมชน นำไปจัดทำเป็น “ต้นฝ้ายหลวงปูรณฆฏะ” อันเป็นเครื่องสักการะที่จะใช้ในพิธีสรงน้ำและห่มผ้าพระธาตุเจ้าจอมทอง เวียงพะเยา เนื่องในประเพณีไหว้พระธาตุเดือนหกเป็งต่อไป

ประเพณีไหว้พระธาตุเดือนหกเป็ง

ประเพณีสรงน้ำและห่มผ้าพระธาตุจอมทอง ถือเป็นประเพณีที่ดีงามและเก่าแก่ของเมืองพะเยา จัดขึ้นในเดือน ๖ เป็ง (ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖) ตามปฏิทินของล้านนา ขบวนแห่เครื่องสักการะและผ้าห่มองค์พระธาตุ จะถูกนำขึ้นไปเพื่อสักการะองค์พระธาตุจอมทอง ซึ่งเป็นองค์พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดพะเยา มีอายุมากกว่า 700 ปี

ความสำคัญของดอกฝ้ายคำหรือดอกสุพรรณิการ์

ดอกฝ้ายคำ หรือดอกสุพรรณิการ์ มีถิ่นกำเนิดจากทวีปอเมริกาใต้ ดอกจะบานในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี มีความเชื่อกันว่า หากปลูกต้นสุพรรณิการ์ไว้ประจำบ้าน จะช่วยทำให้ผู้ปลูกได้รับความเจริญรุ่งเรืองทางด้านเงินทองและโภคทรัพย์

สรุป

กิจกรรม “สืบสานสายใย เก็บดอกฝ้ายหลวง” เป็นกิจกรรมที่สำคัญในการอนุรักษ์ฝ้ายหลวง ซึ่งเป็นฝ้ายพื้นเมืองของภาคเหนือ และเป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามของเมืองพะเยา นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : งานสื่อสารองค์กร ม.พะเยา

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

องค์มนตรีติดตามโครงการพระราชดำริที่เชียงราย

องค์มนตรีติดตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโป่งแงะในเชียงราย

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะที่โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโป่งแงะอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเชียงของ โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายอุดม ปกป้องบวรกุล นายอำเภอเชียงของ ร่วมให้การต้อนรับ

การเยี่ยมชมในครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อติดตามผลการดำเนินงานของโครงการที่มีความสำคัญในด้านการพัฒนาชุมชนและการเกษตรกรรมในพื้นที่ โดยองค์มนตรีได้เยี่ยมชมผลผลิตและผลิตภัณฑ์จากราษฎรในพื้นที่โครงการ พร้อมกับทำการปล่อยปลากระแห จำนวน 2,000 ตัว ปลานวลจันทร์ 500 ตัว และปลาบึก 19 ตัว ในแหล่งน้ำของหมู่บ้าน เพื่อนำไปสนับสนุนกิจกรรมการประมงในพื้นที่

พื้นที่โครงการและความสำคัญของโครงการ

อำเภอเชียงของ ตั้งอยู่ที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดเชียงราย เป็นพื้นที่ชายแดนที่มีอาณาเขตติดต่อกับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นระหว่างประเทศ โดยอำเภอเชียงของมีพื้นที่ปกครองแบ่งออกเป็น 7 ตำบล 102 หมู่บ้าน มีประชากรประมาณ 64,000 คน ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรมและประมง

อำเภอเชียงของมีความสำคัญในด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นพื้นที่ปลายทางของรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และตั้งอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแม่สาย เชียงแสน เชียงของ ซึ่งตำแหน่งนี้ถือเป็น “Logistic City” ที่สำคัญของประเทศ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการพัฒนาสังคมและชุมชนควบคู่กับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโป่งแงะและประโยชน์ที่ได้รับ

โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโป่งแงะอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ตั้งอยู่ในตำบลห้ายซ้อ หมู่บ้านเวียหมอก เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่มีประชากร 336 ครัวเรือน หรือประมาณ 2,036 คน ซึ่งเป็นหมู่บ้านหลักที่ได้รับประโยชน์จากอ่างเก็บน้ำนี้ ประชาชนในพื้นที่ใช้ประโยชน์จากน้ำในอ่างเก็บน้ำในการทำการเกษตรกรรม ทั้งการปลูกพืชผัก ทำไร่ ทำนา และทำสวน ผลกระทบจากโครงการนี้ได้ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นอย่างมาก

ในปีที่ผ่านมา ส่วนราชการ ภาคเอกชน และชุมชนได้ร่วมกันเพิ่มพื้นที่สีเขียวในพื้นที่โดยการปลูกป่าและต้นไม้ในโครงการต่างๆ เช่น โครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติในวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 และโครงการปลูกป่าลดก๊าซเรือนกระจกร่วมกับกรมป่าไม้และบริษัทต่างๆ ซึ่งจะช่วยลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคต

โครงการปลูกป่าลดก๊าซเรือนกระจก

ในปี 2564 โครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติในหมู่บ้านเวียหมอกได้ปลูกต้นไม้รวม 1,000 ต้น เช่น ต้นขี้เหล็ก มะขามป้อม ต้นเสี้ยวขาว และต้นพะยุง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสร้างพื้นที่สีเขียวและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ในปี 2565 ได้มีการดำเนินโครงการปลูกป่าลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจร่วมกับกรมป่าไม้และบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) โดยการปลูกป่าบนพื้นที่ 140.21 ไร่ และจะมีการดำเนินการต่อเนื่องจนถึงปี พ.ศ. 2574 ในปี 2567 มีโครงการปลูกป่าลดก๊าซเรือนกระจกเพิ่มเติมกับบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) บนพื้นที่ 144.38 ไร่ ซึ่งจะเสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2576

บทสรุป

โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโป่งแงะอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ตั้งอยู่ในอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ได้สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนในด้านการเกษตรและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำในการเกษตรกรรมและการพัฒนาพื้นที่สีเขียวผ่านโครงการปลูกป่าลดก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ ทั้งรัฐบาล ภาคเอกชน และชุมชนได้ช่วยสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและตรงตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 8 เปิดให้บริการประชาชนเชียงราย

กิจกรรมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 8 ประจำปี 2568 จังหวัดเชียงราย

เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 ที่ตลาดกลางเทศบาลตำบลป่าก่อดำ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เป็นประธานเปิดกิจกรรม “หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 8 ประจำปี 2568” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อให้บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชนในจังหวัดเชียงราย โดยกิจกรรมครั้งนี้มีการรวมกลุ่มของคณะบุคลากรทางการแพทย์และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อให้บริการด้านสุขภาพที่ครอบคลุมและเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ด้อยโอกาสและกลุ่มเปราะบางในชุมชน

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและความมุ่งมั่นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนองพระปณิธานในการรักษาพยาบาล ฟื้นฟูสุขภาพ และส่งเสริมสุขภาพแก่ประชาชนในจังหวัดเชียงราย ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้นและลดปัญหาสุขภาพในระยะยาว

การเปิดกิจกรรมและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ในกิจกรรมนี้มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก รวมทั้งนางวนิดา หล้าอ่อน รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย, นายแพทย์คงศักดิ์ ชัยชนะ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย, นายรุ่งโรจน์ ตันวุฒิ นายอำเภอแม่ลาว, หัวหน้าส่วนราชการ, ทหาร, ตำรวจ, ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น และอาสาสมัคร พอ.สว. พร้อมประชาชนในตำบลป่าก่อดำ ที่ให้ความร่วมมือในกิจกรรมอย่างดี

การจัดกิจกรรมครั้งนี้เน้นการให้บริการทางการแพทย์ต่างๆ ทั้งการตรวจสุขภาพเบื้องต้น การให้คำแนะนำด้านสุขภาพ และการรักษาพยาบาลทั่วไป รวมถึงการมอบสิ่งของและเครื่องมือทางการแพทย์ให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ

บูรณาการลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัด, รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย, ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์, นายอำเภอแม่ลาว และหัวหน้าส่วนราชการยังได้ร่วมลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุ จำนวน 5 ราย ในพื้นที่ตำบลป่าก่อดำ โดยมอบความช่วยเหลือและดูแลสุขภาพให้แก่ผู้ที่ต้องการการดูแลพิเศษ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับประชาชนในท้องถิ่น

การบริการที่เข้าถึงชุมชน

กิจกรรมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 8 เป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนใจและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการให้บริการที่เข้าถึงประชาชนในทุกกลุ่ม ทั้งในด้านการดูแลสุขภาพที่จำเป็นและการให้คำแนะนำในการป้องกันโรค รวมถึงการฟื้นฟูสุขภาพหลังการเจ็บป่วยหรือจากภาวะที่ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง

การให้บริการทางการแพทย์ที่ครอบคลุมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนโดยรวม ซึ่งทำให้ประชาชนรู้สึกถึงความห่วงใยจากภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ

ความสำคัญของการสนับสนุนและการดูแลจากภาครัฐ

การจัดกิจกรรมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จที่เกิดจากการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะจากหน่วยงานทางการแพทย์และองค์กรต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนการให้บริการในด้านสุขภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการแพทย์ในพื้นที่ห่างไกล แต่ยังช่วยให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ

บทสรุป

การเปิดกิจกรรม “หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 8 ประจำปี 2568” ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งการดำเนินงานของภาครัฐในการให้บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชน โดยเฉพาะผู้ด้อยโอกาสและกลุ่มเปราะบางในชุมชน เพื่อส่งเสริมสุขภาพและลดปัญหาสุขภาพในระยะยาว โดยกิจกรรมดังกล่าวได้รับการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดีและได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มฟล. นำบุญถวายผ้าพระกฐิน สืบสานประเพณี

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นำชุมชนร่วมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน สืบสานประเพณีอันดีงาม

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 บรรยากาศแห่งความศรัทธาและความสามัคคีเปี่ยมล้น ณ วัดเชตวัน (วัดพระนอน) อำเภอเมืองเชียงราย เมื่อมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ร่วมกับชุมชน และหน่วยงานภาครัฐ จัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2567 โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มัชฌิมา นราดิศร อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นประธานในพิธี และนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน

สืบทอดประเพณีอันดีงาม

พิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้ ถือเป็นประเพณีอันดีงามที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสนับสนุนพระพุทธศาสนา และส่งเสริมให้บุคลากร นักศึกษา และชุมชนได้ร่วมกันทำบุญกุศล นอกจากนี้ ยังเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

พระราชทานผ้าพระกฐินจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า

ผ้าพระกฐินที่นำมาถวายในครั้งนี้ เป็นพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ต่อพุทธศาสนิกชนชาวไทย และเป็นเกียรติอย่างสูงแก่ชาวจังหวัดเชียงราย

ยอดเงินบริจาคสูงเกินเป้าหมาย

จากการร่วมแรงร่วมใจของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง คณะศรัทธาวัดเชตวัน และพุทธศาสนิกชน ทำให้ยอดเงินบริจาคในการถวายผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้สูงถึง 1,515,824.29 บาท ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยแบ่งเป็นเงินบริจาคจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จำนวน 753,240.29 บาท และจากคณะศรัทธาวัดเชตวัน และพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธา จำนวน 762,584 บาท

ความสำคัญของการทำบุญ

การทำบุญถวายผ้าพระกฐิน เป็นการสร้างกุศลแก่ตนเองและครอบครัว นอกจากนี้ ยังเป็นการสนับสนุนพระภิกษุสามเณรในการปฏิบัติธรรม และช่วยให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองสืบไป

เสียงสะท้อนจากผู้เข้าร่วมพิธี

นายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้ รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง และขอชื่นชมมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงที่ได้จัดกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อสังคมเช่นนี้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มัชฌิมา นราดิศร อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า การจัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน เป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการพัฒนาคน พัฒนาสังคม และพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมให้บุคลากร นักศึกษา และชุมชน ได้ตระหนักถึงคุณค่าของพระพุทธศาสนา และร่วมกันทำบุญกุศล

บทส่งท้าย

พิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ไม่เพียงแต่เป็นการสืบทอดประเพณีอันดีงามเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีของชุมชน และความตั้งใจในการทำความดีของทุกคน ซึ่งจะนำมาซึ่งความสุข ความเจริญ และความสงบสุขแก่ทุกหมู่เหล่า

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายคว้ารางวัลเมืองสีเขียวระดับประเทศ

เชียงรายคว้ารางวัลเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนระดับดีเยี่ยม ก้าวสู่การเป็นเมืองน่าอยู่

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เทศบาลนครเชียงรายสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดอีกครั้ง หลังได้รับการประเมินผลให้เป็น “เมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนระดับดีเยี่ยม” ในการประเมินเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนระดับประเทศ ประจำปี 2567 ผลการประเมินดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเทศบาลนครเชียงรายในการพัฒนาเมืองให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีความยั่งยืน

ความสำเร็จจากการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ

การที่เทศบาลนครเชียงรายได้รับการประเมินให้เป็นเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนระดับดีเยี่ยมนั้น เกิดจากความมุ่งมั่นในการดำเนินงานตามกรอบความคิด “เมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน” ซึ่งประกอบด้วย 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ เมืองอยู่ดี คนมีสุข สิ่งแวดล้อมยั่งยืน และเมืองแห่งการเรียนรู้และการบริหารจัดการที่ดี โดยเทศบาลนครเชียงรายได้ดำเนินการตามองค์ประกอบทั้ง 4 อย่างอย่างครอบคลุม

การประเมินที่เข้มข้นและรอบด้าน

กระบวนการประเมินของเทศบาลนครเชียงรายเป็นไปอย่างเข้มข้นและรอบด้าน โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้พิจารณาข้อมูลและเอกสารผลงานที่เทศบาลนครเชียงรายส่งเข้าประกวด รวมถึงการลงพื้นที่ตรวจสอบผลงานจริง เช่น มหาวิทยาลัยวัยที่ 3 นครเชียงราย, บ่อบำบัดน้ำเสียเทศบาลนครเชียงราย และชุมชนดอยสะเก็น ป่าใจเมืองนครเชียงราย ซึ่งเป็นตัวอย่างของการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมและสามารถนำไปเป็นแบบอย่างได้

เป้าหมายสู่การเป็นเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนระดับประเทศ

การได้รับการประเมินระดับดีเยี่ยมในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของเทศบาลนครเชียงรายในการก้าวสู่การเป็นเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนระดับประเทศ โดยเทศบาลนครเชียงรายจะนำผลการประเมินนี้ไปปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป เพื่อให้เชียงรายเป็นเมืองที่น่าอยู่ มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีความยั่งยืนในระยะยาว

ความหมายของรางวัล

การได้รับรางวัล “เมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนยอดเยี่ยม ระดับประเทศ ประจำปี 2567” จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพราชสุดาสยามบรมราชกุมารี นับเป็นเกียรติสูงสุดของเทศบาลนครเชียงราย และเป็นแรงบันดาลใจให้หน่วยงานอื่นๆ ในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง

เสียงจากนายกเทศมนตรีนครเชียงราย

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า “ความสำเร็จในครั้งนี้เป็นผลมาจากความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนชาวเชียงราย ที่ร่วมกันสร้างสรรค์เมืองให้เป็นเมืองที่น่าอยู่และยั่งยืน ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนและร่วมกันสร้างสรรค์เมืองเชียงรายให้เป็นเมืองที่น่าอยู่”

การเผยแพร่ผลการประเมิน

ผลการประเมินดังกล่าว จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 และจะได้รับการเผยแพร่ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นแบบอย่างในการพัฒนาเมืองให้เป็นเมืองที่ยั่งยืน

บทสรุป

ความสำเร็จของเทศบาลนครเชียงรายในการได้รับการประเมินให้เป็นเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืนระดับดีเยี่ยม เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเมืองเชียงรายให้เป็นเมืองที่น่าอยู่และมีความยั่งยืนในระยะยาว การดำเนินงานตามหลักการของเมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน จะช่วยให้เชียงรายเป็นเมืองที่น่าอยู่ มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีความสามารถในการแข่งขันในระดับนานาชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศบาลนครเชียงราย ผนึกกำลัง พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

เชียงรายเดินหน้ายกระดับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างเศรษฐกิจฐานราก

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เทศบาลนครเชียงราย ร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการยกระดับการท่องเที่ยวและบริการเชิงสร้างสรรค์บนฐานภูมิปัญญาและวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

ในการนี้ นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ชุมชนดอยสะเก็น ชุมชนสันป่าก่อไทยใหญ่ และชุมชนป่างิ้ว เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการดังกล่าว โดยมีเป้าหมายหลักคือการนำเอาภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่นมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการทางการท่องเที่ยว

มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย: ผู้ขับเคลื่อนงานวิจัยและพัฒนา

มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ในฐานะหน่วยงานทางวิชาการ จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาโครงการ โดยจะนำองค์ความรู้ทางวิชาการมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการท่องเที่ยวให้มีความน่าสนใจและตอบสนองความต้องการของตลาด

ชุมชนท้องถิ่น: ผู้สร้างสรรค์และผู้ได้รับประโยชน์โดยตรง

ชุมชนท้องถิ่นทั้งสามแห่ง ได้แก่ ชุมชนดอยสะเก็น ชุมชนสันป่าก่อไทยใหญ่ และชุมชนป่างิ้ว จะมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการทางการท่องเที่ยว โดยนำเสนอเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของตนเอง ซึ่งจะส่งผลให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม: กุญแจสำคัญสู่การพัฒนาเศรษฐกิจ

การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย โดยการนำเสนอเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่หลากหลายของชุมชน จะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้มาเยือน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับชุมชน

ผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

โครงการนี้คาดว่าจะก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อจังหวัดเชียงราย ดังนี้

  • การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก: สร้างรายได้ให้กับชุมชนและผู้ประกอบการท้องถิ่น
  • การอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรม: ช่วยอนุรักษ์และสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน
  • การสร้างงาน: สร้างโอกาสทางการงานให้กับคนในชุมชน
  • การพัฒนาการท่องเที่ยว: ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนจังหวัดเชียงรายมากขึ้น

บทสรุป

โครงการยกระดับการท่องเที่ยวและบริการเชิงสร้างสรรค์บนฐานภูมิปัญญาและวัฒนธรรม เป็นโครงการที่สำคัญในการพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและยั่งยืน โดยการนำเอาศักยภาพของชุมชนและทรัพยากรทางวัฒนธรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม มอบเงินสร้างบ้านใหม่ “เวียงแก่น”

เชียงรายเดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มอบเงินก่อสร้างบ้านให้ผู้เสียหาย

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 หลังจากที่จังหวัดเชียงรายประสบปัญหาอุทกภัยรุนแรงเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมและดินสไลด์ ล่าสุดจังหวัดเชียงรายได้เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีการมอบเงินช่วยเหลือเพื่อสมทบค่าก่อสร้างบ้านให้กับผู้ที่บ้านได้รับความเสียหายทั้งหลัง

นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่อำเภอเวียงแก่น ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักจากอุทกภัย โดยเงินช่วยเหลือดังกล่าวมาจากเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ปี 2567 ซึ่งได้รับการบริจาคจากภาคเอกชน องค์กรเอกชน และประชาชนทั่วไป

นายสุพจน์ ลังกาวีระนันท์ นายอำเภอเวียงแก่น กล่าวว่า “การมอบเงินช่วยเหลือในครั้งนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยของภาครัฐและภาคเอกชนที่มีต่อพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย เราหวังว่าเงินจำนวนนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยได้ฟื้นฟูบ้านเรือนกลับมาอยู่อาศัยได้ตามปกติ”

สำหรับการจัดสรรเงินช่วยเหลือ

คณะทำงานฝ่ายพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยได้ดำเนินการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม โดยให้ความสำคัญกับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่บ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งหลัง

นอกจากอำเภอเวียงแก่นแล้ว

ยังมีอีก 2 อำเภอที่ได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติม ได้แก่ อำเภอแม่สาย และอำเภอแม่ฟ้าหลวง ซึ่งรวมแล้วมีผู้ได้รับการช่วยเหลือจำนวน 43 ครัวเรือน ด้วยวงเงินรวม 1,940,000 บาท

นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า “จังหวัดเชียงรายยังคงเดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันบริจาคเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ทำให้เราสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที”

สำหรับยอดเงินบริจาคของกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ปี 2567

ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 3,245,716.42 บาท และล่าสุดได้รับเงินบริจาคจากบริษัท ไทยยามาฮ่า ร่วมกับสินธานีกรุ๊ป เพิ่มเติมอีก 200,000 บาท

การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้

สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนในการฟื้นฟูและพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News