Categories
TOP STORIES

ผู้เสียหาย “สินมั่นคงประกันภัย” แจ้งกองทุนประกันวินาศภัย ใน 60 วัน

 

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เซ็นลงนามคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1364/2567 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของ “บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน)” โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 59 (1) (2) (4) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป 

 

ซึ่งถือว่าเป็นการปิดฉากบริษัทประกันวินาศภัยของประเทศไทยรายที่ 5 ที่ปิดกิจการจากผลกระทบจากการขายประกันภัยโควิด โดย 4 บริษัทก่อนหน้านี้ที่ปิดตัวไป ประกอบด้วย

1.บริษัทเอเชียประกันภัย

2.บริษัทเดอะวันประกันภัย

3.บริษัทไทยประกันภัย

4.บริษัทอาคเนย์ประกันภัย

 

 

โดยคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คณะกรรมการ คปภ.) อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 มีคำสั่งคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยที่ 19/2567 ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2567 แต่งตั้งกองทุนประกันวินาศภัยเป็นผู้ชำระบัญชี บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน)

 

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ขอชี้แจงข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และความเป็นมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตลอดจนการเตรียมมาตรการต่าง ๆ เพื่อรองรับไม่ให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบ

 

เนื่องจากปรากฏหลักฐานต่อนายทะเบียนว่า บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีฐานะและการดำเนินการอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน ดังปรากฏข้อเท็จจริง ตามที่นายทะเบียนได้ออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 36/2565 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ให้บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) “บริษัท” แก้ไขฐานะและการดำเนินการตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 โดยกำหนดให้บริษัทเพิ่มทุนและแก้ไขฐานะการเงินให้เพียงพอต่อภาระผูกพันและให้มีอัตราส่วนของเงินกองทุนเพียงพอตามที่กฎหมายกำหนดภายใน 1 ปี 

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ดำเนินการเพิ่มทุนและแก้ไขฐานะการเงินให้เป็นไปตามคำสั่งนายทะเบียนดังกล่าว แต่กลับอาศัยกระบวนการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและแจ้งคำสั่งดังกล่าวให้คู่ความทุกฝ่ายทราบผลคำสั่งตามกฎหมายแล้ว อำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สิน จึงกลับไปเป็นของผู้บริหารของบริษัท และผู้ถือหุ้นของบริษัท ทำให้บริษัทสามารถเคลื่อนย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สินของบริษัทได้ ประกอบกับบริษัทมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน และมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด

 

บริษัทจึงมีฐานะและการดำเนินการอยู่ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน คณะกรรมการ คปภ. จึงเห็นชอบให้นายทะเบียนใช้อำนาจตามมาตรา 52 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 สั่งให้บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 48/2566 เรื่อง ให้บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ตามมาตรา 52 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2566

นอกจากนี้ ได้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าบริษัทมีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน จัดสรรเงินสำรองตามมาตรา 23 ไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด และจัดสรรสินทรัพย์ไว้สำหรับหนี้สินและภาระผูกพันตามมาตรา 27/4 ไม่เพียงพอตามที่กฎหมายกำหนด มีสินทรัพย์สภาพคล่องไม่เพียงพอสำหรับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 ต่ำกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด แสดงให้เห็นว่า บริษัทมีฐานะการเงินไม่มั่นคงและไม่เพียงพอต่อภาระผูกพัน

 

รวมถึงบริษัทไม่มีแนวทางในการแก้ไขฐานะการเงิน มีประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทนที่ต้องจ่ายโดยไม่มีเหตุอันสมควรอันทำให้ผู้เอาประกันภัยและประชาชนได้รับความเสียหาย อันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งกฎหมายหลายประการ บริษัทไม่มีความสามารถและความพร้อมที่จะรับประกันภัยและประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยได้ต่อไป 

 

ทั้งนี้ หากให้ประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยต่อไป จะทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนหรือผู้เอาประกันภัย ตลอดจนความน่าเชื่อถือของธุรกิจประกันภัย ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 59 (1) (2) (4) และ (5) แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 มีคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป

 

เนื่องจาก การเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นปัญหาฐานะการเงินและการจัดการภายในของบริษัทจึงจะไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางการเงินหรือสภาพคล่องของบริษัทประกันวินาศภัยอื่น หรือธุรกิจประกันภัยในภาพรวมแต่อย่างใด ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ได้เตรียมมาตรการต่าง ๆ เพื่อรองรับมิให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบแล้ว

 

ทั้งนี้ ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัยของบริษัท และเจ้าหนี้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัยให้ยื่นขอรับชำระหนี้ต่อกองทุนประกันวินาศภัย ในฐานะผู้ชำระบัญชีของบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ภายใน 60 วันนับแต่วันที่กองทุนประกันวินาศภัยประกาศกำหนด โดยการยื่นจะดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ทั้งนี้ กองทุนประกันวินาศภัยในฐานะผู้ชำระบัญชี จะประกาศแจ้งให้ทราบถึงกำหนดวัน เวลา และวิธีการยื่นคำทวงหนี้อีกครั้ง เพื่อให้บรรดาเจ้าหนี้ของบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยื่นคำทวงหนี้ต่อผู้ชำระบัญชีตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนดไว้ในมาตรา 61/3 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

 

ดังนั้น จึงขอให้บรรดาเจ้าหนี้ของบริษัทโปรดติดตามประกาศของกองทุนประกันวินาศภัยอย่างใกล้ชิด ได้ที่เว็บไซต์กองทุนประกันวินาศภัย www.gif.or.th  และ Facebook Fanpage “กองทุนประกันวินาศภัย” โดยการจัดตั้งกองทุนประกันวินาศภัยขึ้นมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัย ในกรณีที่บริษัทถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย โดยเจ้าหนี้ฯ มีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากสัญญาประกันภัยจากกองทุนประกันวินาศภัย ซึ่งเมื่อรวมกับจำนวนที่ได้รับการเฉลี่ยจากหลักทรัพย์ประกันและเงินสำรองที่วางไว้กับนายทะเบียนแล้ว ไม่เกินรายละ 1 ล้านบาท

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

คปภ. ช่วยเหลือด้านประกันภัย โรงเรียนวัดเนินปอ จ.พิจิตร กรณีพายุพัดถล่มหลังคาโดม

คปภ. ช่วยเหลือด้านประกันภัย โรงเรียนวัดเนินปอ จ.พิจิตร กรณีพายุพัดถล่มหลังคาโดม

Facebook
Twitter
Email
Print
จากกรณีพายุฝนกระหน่ำและลูกเห็บตก บริเวณบ้านเนินปอ จ.พิจิตร ความแรงลมได้พัดหลังคาโดมของโรงเรียนวัดเนินปอ พังถล่มลงมาทับนักเรียน โค้ชฝึกสอนฟุตบอล และประชาชนที่หลบฝนอยู่ในบริเวณดังกล่าว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย และบาดเจ็บ 18 ราย

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีพายุฝนกระหน่ำและลูกเห็บตก บริเวณบ้านเนินปอ หมู่ 1 ตำบลเนินปอ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ต้นไม้ล้ม อาคารบ้านเรือนของชาวบ้านพังเสียหายจำนวนมาก และความแรงลมได้พัดหลังคาโดมของโรงเรียนวัดเนินปอ พังถล่มลงมาทับนักเรียน โค้ชฝึกสอนฟุตบอล และประชาชนที่หลบฝนอยู่ในบริเวณดังกล่าว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย และบาดเจ็บ 18 ราย โดยผู้บาดเจ็บถูกนำส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสามง่าม 13 ราย และโรงพยาบาลพิจิตร จำนวน 5 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 นั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 2 (นครสวรรค์) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดพิจิตร ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจสอบการทำประกันภัยพร้อมทั้งติดตามรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วนผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งให้ลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม

ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดพิจิตร ซึ่งได้ลงพื้นที่ทันทีพบว่า ผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตทั้ง 7 ราย ประกอบด้วย นักเรียนโรงเรียนวัดเนินปอ 2 ราย โค้ชฝึกสอนฟุตบอล 1 ราย ประชาชน 2 ราย และนักเรียนโรงเรียนเนินปอรังนกชนูทิศ 2 ราย และจากการตรวจสอบการทำประกันภัยเบื้องต้นพบว่าโรงเรียนวัดเนินปอ ทำประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ไว้กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 โดยกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองสำหรับเป็นค่ารักษาพยาบาลตามจริงไม่เกินวงเงินจำนวน 6,000 บาท ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตภายนอกโรงเรียนจำนวน 60,000 บาทต่อราย และความคุ้มครองกรณีนักเรียนเสียชีวิตภายในโรงเรียนจำนวน 120,000 บาทต่อราย

สำหรับการติดตามค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ สำนักงาน คปภ. จังหวัดพิจิตร ได้ประสานงานไปยังบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) แล้ว ซึ่งบริษัทตกลงจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตในวันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม 2566 โดยนักเรียนโรงเรียนวัดเนินปอ 2 ราย จะได้รับค่าสินไหมทดแทนรายละ 120,000 บาท ส่วนโค้ชฝึกสอนฟุตบอลจะได้รับค่าสินไหมทดแทนจำนวน 560,000 บาท โดยได้รับความคุ้มครองจากบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) จำนวน 60,000 บาท และจากการทำประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลไว้กับบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 27 มกราคม 2566 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 26 มกราคม 2567 โดยกรมธรรม์ประกันภัยให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต จำนวน 500,000 บาท  ในส่วนของนักเรียนโรงเรียนเนินปอรังนกชนูทิศ 2 ราย ตรวจสอบพบว่าทางโรงเรียนฯ ได้ทำประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ไว้กับบริษัท ชับบ์สามัคคีประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 โดยกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองสำหรับเป็นค่ารักษาพยาบาลตามจริงไม่เกินวงเงินจำนวน 10,000 บาท และความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตจำนวน 100,000 บาท ซึ่งบริษัทตกลงจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้ประสบภัยที่เสียชีวิต จำนวน 2 รายๆ ละ 100,000 บาท  และประชาชน 2 ราย ที่เสียชีวิตด้วยนั้น ในเบื้องต้นจากการตรวจสอบยังไม่พบข้อมูลการทำประกันภัยแต่อย่างใด ทั้งนี้หากตรวจสอบพบว่ามีการทำประกันภัยภายหลัง สำนักงาน คปภ. จะช่วยประสานงานอำนวยความสะดวกและติดตามอย่างใกล้ชิดให้บริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรมต่อไป สำหรับผู้บาดเจ็บ 18 ราย ที่เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสามง่าม และโรงพยาบาลพิจิตร ทางสำนักงาน คปภ. จังหวัดพิจิตร ได้ประสานบริษัทประกันภัยและโรงพยาบาล เพื่อรับรองสิทธิค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้บาดเจ็บที่มีสิทธิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. จะบูรณาการการทำงานร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมว่าผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้มีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ ไว้ด้วยหรือไม่ หากตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ประสบภัยมีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกก็จะช่วยประสานงานให้ได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้

“สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากภัยธรรมชาติในครั้งนี้ และพร้อมจะดูแลในด้านประกันภัยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลาและกับทุกคน เพื่อความอุ่นใจควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านประกันภัย ติดต่อสายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

Facebook
Twitter
Email
Print

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงาน คปภ. 

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
FEATURED NEWS NEWS

คปภ. ชวนใช้บริการ “กูรูประกันภัย” กรมธรรม์ออนไลน์ เผยมีผู้ใช้ทะลุ 179,082 ครั้ง

กรมศุลกากร อัญเชิญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

Facebook
Twitter
Email
Print

สำนักงาน คปภ. พัฒนาและต่อยอดเว็บไซต์เพื่อเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ประกันภัย ภายใต้ชื่อ “กูรูประกันภัย” (https://guruprakanphai.oic.or.th) เพื่อรองรับสังคมไทยที่ก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล

ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงาน คปภ. ได้มีการปรับตัวให้เข้าสู่ยุค Next Normal อย่างต่อเนื่องด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินการทั้งด้านการกำกับและส่งเสริมภาคธุรกิจประกันภัย การคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยให้มีความสะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการเข้าถึงข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์และการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ  โดยเฉพาะการเข้าถึงข้อมูลการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกและเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้มีความเหมาะสมกับตนเองและครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ดังนั้น สำนักงาน คปภ. จึงได้พัฒนาและต่อยอดเว็บไซต์เพื่อเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ประกันภัยภายใต้ชื่อ “กูรูประกันภัย” (https://guruprakanphai.oic.or.th) เพื่อรองรับสังคมไทยที่ก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจที่จะเข้าถึงผู้เอาประกันภัยผ่านการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น โดยสำนักงาน คปภ. กำหนดให้บริษัทประกันภัย นายหน้าประกันภัยและธนาคารที่ทำการเสนอขายประกันภัยผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (Online) ต้องขึ้นทะเบียนกิจกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าระบบสารสนเทศมีความมั่นคงปลอดภัย และต่อมาได้พัฒนาระบบเว็บไซต์เพื่อตรวจสอบการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการที่ขายกรมธรรม์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ระบบค้นหาและเปรียบเทียบแบบประกันภัย และระบบการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประกันภัยและการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความมั่นคงปลอดภัย ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์และเกิดความเชื่อมั่นต่อประชาชนในการทำธุรกรรมประกันภัยผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยเว็บไซต์กูรูประกันภัย นอกจากประชาชนสามารถเข้าไปใช้บริการผ่านทาง https://guruprakanphai.oic.or.th แล้ว ยังสามารถเข้าไปใช้บริการผ่านทางเว็บไซต์ https://www.oic.or.th/th/consumer โดยกด link เข้าไปใน banner กูรูประกันภัยได้อีกทาง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งนับตั้งแต่เปิดให้บริการในปี 2563 จนถึงปัจจุบันมีประชาชนเข้าไปใช้บริการเว็บไซต์กูรูประกันภัยแล้ว จำนวนกว่า 179,082 ครั้ง

เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า เว็บไซต์กูรูประกันภัย ถือเป็นช่องทางสำคัญในการเข้าถึงข้อมูลการเปรียบเทียบ ผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่าง ๆ  ประกอบด้วย 3 ระบบ คือ ระบบแรก ตรวจสอบการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการที่ขายกรมธรรม์ทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนที่สนใจซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ สามารถตรวจสอบรายชื่อบริษัทประกันภัย นายหน้าประกันภัย และธนาคาร ที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ดำเนินกิจกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ตามประกาศสำนักงาน คปภ. ก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์

ระบบที่ 2 ประชาชนผู้เอาประกันภัยสามารถค้นหาและเปรียบเทียบแบบประกันภัย เพื่อส่งเสริมกลไกทางการตลาด การแข่งขันทางด้านราคา และเป็นการให้ข้อมูลแก่ประชาชนที่สนใจได้รับข้อมูลที่สามารถนำมาใช้ในการประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เบี้ยประกันภัย เงื่อนไขการประกันภัย และข้อยกเว้น โดยปัจจุบันระบบเปรียบเทียบของเว็บไซต์นี้ สามารถเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ประกันภัย ประกอบด้วย ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันภัยการเดินทาง และประกันชีวิต โดยผู้สนใจสามารถกำหนดปัจจัยในการพิจารณาผลิตภัณฑ์ประกันภัยได้ เพื่อให้ตรงความต้องการของตนเอง

สำหรับระบบค้นหาผลิตภัณฑ์ประกันภัย ผู้สนใจสามารถค้นหาแบบประกันภัยได้ ทั้งประเภทผลิตภัณฑ์ประกันภัย ชื่อแบบประกันภัย ชื่อบริษัทประกันภัย

ระบบที่ 3 ระบบการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันภัยและการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลและส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ประกันภัยต่าง ๆ และการซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยทางอิเล็กทรอนิกส์

นอกจากการจัดทำเว็บไซต์กูรูประกันภัยแล้ว สำนักงาน คปภ. ยังได้จัดทำ OIC Gateway ซึ่งเป็นระบบให้ผู้เอาประกันภัยสามารถมาตรวจสอบข้อมูลกรมธรรม์ประกันภัยที่ผู้เอาประกันภัยซื้อ เช่น เลขที่กรมธรรม์ประกันภัย บริษัทที่รับประกันภัย ระยะเวลาคุ้มครอง และข้อมูลความคุ้มครองเบื้องต้น และปัจจุบันระบบดังกล่าวยังได้มีการพัฒนา เพื่อเพิ่มความสามารถสามารถในการแสดงข้อมูลให้ผู้เอาประกันภัยทราบมากขึ้น เช่น สรุปจำนวนเงินเอาประกันภัยทั้งหมด สิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นต้น

“สำนักงาน คปภ. มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบประกันภัยได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเหมาะสมกับความเสี่ยง โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาพัฒนาการให้บริการประชาชนด้านประกันภัยอย่างเต็มรูปแบบเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงอยากเชิญชวนประชาชนที่มีความสนใจจะเลือกผลิตภัณฑ์ประกันภัยประเภทต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระเบี้ยและความต้องการที่แท้จริง สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์กูรูประกันภัยเพื่อศึกษาข้อมูลก่อนการพิจารณาตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ประกันภัย” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

Facebook
Twitter
Email
Print

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงาน คปภ.

Facebook
Twitter
Email
Print
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE