Categories
TOP STORIES

โมเดอร์นาระงับวัคซีน RSV ในเด็กเล็กหลังพบปัญหารุนแรง

โมเดอร์นาระงับการพัฒนาวัคซีน RSV สำหรับทารก หลังพบปัญหาร้ายแรงจากการทดลองทางคลินิก

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการระงับการพัฒนาวัคซีน RSV สำหรับเด็กเล็ก โดยบริษัทโมเดอร์นา หลังพบปัญหาร้ายแรงในระหว่างการทดลองทางคลินิก

ผลการทดลองที่ก่อให้เกิดความกังวล

โมเดอร์นาได้ทดลองวัคซีน RSV ชนิด mRNA สองรูปแบบ ได้แก่ วัคซีนป้องกัน RSV เพียงอย่างเดียว และวัคซีนแบบผสมที่ป้องกัน RSV และไวรัส hMPV ที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน แต่ผลการทดลองในทารกอายุ 5-7 เดือนกลับพบว่า ทารก 5 คนจาก 40 คนที่ได้รับวัคซีน RSV เกิดการติดเชื้อ RSV รุนแรง เทียบกับ 1 คนจาก 20 คนในกลุ่มที่ได้รับยาหลอก ในส่วนของวัคซีนผสม ทารก 3 คนจาก 27 คนป่วยหนักจากการติดเชื้อ hMPV ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับยาหลอกไม่พบผู้ป่วยรายใด

เหตุการณ์นี้ทำให้ต้องหยุดการทดลองวัคซีนทั้งสองรูปแบบเพื่อป้องกันความเสี่ยงเพิ่มเติม

ย้อนรอยความผิดพลาดในอดีต

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นักวิทยาศาสตร์หวนคิดถึงการทดลองวัคซีน RSV ในช่วงทศวรรษ 1960 ซึ่งพบว่า 80% ของเด็กที่ได้รับวัคซีนในครั้งนั้นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย เนื่องจากวัคซีนกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ ทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า “โรคที่รุนแรงจากวัคซีน” (Vaccine-Associated Enhanced Disease – VAED)

แม้ในปัจจุบันเทคโนโลยี mRNA จะมีประสิทธิภาพในวัคซีนสำหรับผู้ใหญ่ เช่น วัคซีนโควิด-19 แต่ระบบภูมิคุ้มกันของทารกยังไม่พัฒนาสมบูรณ์ ส่งผลให้การตอบสนองต่อวัคซีนอาจนำไปสู่ภาวะ VAED ได้

การหยุดทดลองวัคซีนในทารก

องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ได้ประกาศระงับการทดลองวัคซีน RSV สำหรับทารกที่ใช้แอนติเจนและเทคโนโลยี mRNA ถึง 11 โครงการ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ขณะเดียวกันยังมีการพัฒนาวัคซีนอีก 15 โครงการที่ใช้เชื้อ RSV ที่ถูกทำให้อ่อนแรงลง โดยมีเป้าหมายให้เลียนแบบการติดเชื้อตามธรรมชาติในทารก เพื่อไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรครุนแรง

ความสำคัญของวัคซีน RSV

โรค RSV เป็นสาเหตุหลักของการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในทารก โดยเฉพาะในประเทศที่ขาดแคลนทรัพยากรทางการแพทย์ แม้ในประเทศพัฒนาแล้วจะมีวัคซีนสำหรับผู้ใหญ่และสตรีมีครรภ์ที่ช่วยถ่ายทอดภูมิคุ้มกันสู่ลูกน้อย แต่ภูมิคุ้มกันนี้คงอยู่เพียง 6 เดือนแรก ทำให้จำเป็นต้องมีวัคซีนสำหรับเด็กโดยเฉพาะ

แนวทางการพัฒนาวัคซีนในอนาคต

นักวิจัยเชื่อว่าการลงทุนในงานวิจัยพื้นฐานและความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันในเด็กเล็กจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาวัคซีน RSV ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อปกป้องเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนถึง 5 ปี และลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อรุนแรงในอนาคต

สรุป

การระงับการพัฒนาวัคซีน RSV ของโมเดอร์นาเป็นการตัดสินใจเพื่อความปลอดภัยของเด็กเล็ก แม้จะเป็นความล้มเหลวในระยะสั้น แต่นับเป็นโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมที่ดีขึ้นในอนาคต โดยการวิจัยยังคงดำเนินต่อไปเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาและสร้างวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคน

แหล่งอ้างอิง

  • science.org
  • FDA Advisory Reports
  • บทความจากนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำในสาขาไวรัสวิทยา
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
HEALTH

กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดิบ จะถูกดูดน้ำย่อยในลำไส้ ทำให้ร่างกายขาดน้ำ ไม่เป็นความจริง

วันที่ 28 มิถุนายน 2566  ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยข่าวปลอม อย่าแชร์! กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดิบ จะถูกดูดน้ำย่อยในลำไส้ ทำให้ร่างกายขาดน้ำ


ตามที่มีการแชร์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดิบ จะถูกดูดน้ำย่อยในลำไส้ ทำให้ร่างกายขาดน้ำ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

 

กรณีที่มีบทความเตือนโดยระบุว่า กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดิบจะดูดน้ำย่อยในลำไส้ ทำให้เกิดอาการขาดน้ำ จนเกิดภาวะช็อกได้นั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า การกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดิบ ไม่สามารถดูดน้ำย่อยในลำไส้ได้ และไม่ทำให้ร่างกายขาดน้ำ เนื่องจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทำมาจากแป้งและทำให้สุกด้วยน้ำร้อน ก่อนจะนำไปทอดในน้ำมัน หรือนำไปอบแห้ง แล้วถึงจะนำมาต้มอีกที


ซึ่งเมื่อนำมาเติมน้ำร้อน หรือต้ม เส้นบะหมี่จะดูดน้ำและพองตัวในระดับหนึ่ง รวมทั้งมีความอ่อนนุ่ม เหมาะแก่การบริโภค หากนำมากินดิบ เมื่อบริโภคเข้าไปในร่างกายก็เหมือนกับการกินแป้งหรือขนมปัง จึงไม่สามารถไปดูดน้ำย่อยในลำไส้ และทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ แต่การกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดิบอาจทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้องได้


ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th หรือโทร. 1556


บทสรุปของเรื่องนี้คือ : การกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดิบ ไม่สามารถดูดน้ำย่อยในลำไส้ได้ และไม่ทำให้ร่างกายขาดน้ำ เป็นเสมือนการกินแป้ง หรือขนมปัง อาจทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้องได้

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News