Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เวียงเชียงรุ้งเร่งเครื่อง “วิ่งเลาะเวียง” โมเดลท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อุ่นเครื่องเศรษฐกิจชุมชน

เวียงเชียงรุ้งเร่งเครื่อง “วิ่งเลาะเวียง” ปลายฝนต้นหนาว โมเดลท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ–เศรษฐกิจชุมชน ที่ออกสตาร์ทด้วยความพร้อมและความหวัง

เชียงราย, 7 ตุลาคม 2568 — ลมเย็นแรกของฤดูกาลกำลังเลียบไหล่เขาทางตะวันออกของเชียงราย ขณะเดียวกัน “อำเภอเวียงเชียงรุ้ง” ก็กำลังเร่งฝีเท้าสู่จุดปล่อยตัวครั้งสำคัญของการท่องเที่ยวฤดูหนาว ด้วยกิจกรรมวิ่งถนนขนาดกลางที่วางเป้าหมายไว้ชัดเจนทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์พื้นที่ นั่นคือ วิ่งเลาะเวียง 4 เมืองล้านนาตะวันออก จังหวัดเชียงราย ตอน เวียงเชียงรุ้ง” ซึ่งกำหนดจัดระหว่างวันที่ 22–23 พฤศจิกายน 2568โรงเรียนอนุบาลเวียงเชียงรุ้ง โดยมีนักวิ่งลงทะเบียนแล้ว 728 คน พร้อมเส้นทาง 4 ระยะ ที่ตั้งใจ “ให้ทุกคนวิ่งได้” ตั้งแต่งานสายกิน–เที่ยวไปจนถึงมาราธอนเต็มระยะ

ภาพรวมทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน หากแต่เป็นผลของการ “บูรณาการจริงจัง” ระหว่างภาครัฐ–เอกชน–ชุมชนท้องถิ่น สะท้อนจากการประชุมเตรียมความพร้อมเมื่อ 7 ตุลาคม 2568 ที่ The Estretto Restaurant ซึ่งมี นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย, นายภาณุพันธ์ เอี่ยมอุบลสุวรรณ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพะเยา และ นางสาวมินทิรา ภดาประสงค์ นายอำเภอเวียงเชียงรุ้ง ร่วมเป็นประธาน พร้อมผู้เกี่ยวข้องรอบด้าน แนวทางที่วางไว้ชัดเจน ใช้กีฬาเป็นเข็มทิศให้การท่องเที่ยวปลายปี อุ่นเครื่องเศรษฐกิจชุมชน” ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยและประสบการณ์ที่ดี

เล่าจากห้องประชุมสู่เส้นทางจริง เมื่อ “วิ่ง” ไม่ได้แปลว่าแค่กิโลเมตร

สาระจากการเตรียมงาน มี 3 แกนหลัก

  1. มาตรฐานความปลอดภัยและบริการ
    คณะทำงานให้ความสำคัญกับการจัดการเส้นทาง จุดบริการน้ำ จุดพยาบาล และการจราจรตลอดคอร์ส โดยยึดแนวปฏิบัติการแข่งขันวิ่งถนนสมัยใหม่ เช่น การกระจายจุดให้น้ำตามสภาพภูมิประเทศ, การประสานงานหน่วยกู้ชีพท้องถิ่น, การกำหนดจุดตัด (cut-off) ให้เหมาะสมกับทุกระยะ และการสื่อสารระยะจริง–ระดับความยากให้ผู้เข้าร่วมทราบล่วงหน้า
  2. ดีไซน์ระยะทาง “ครอบคลุมทุกคน”
    • Kilo Run 2.5 กม. โจทย์คือ “ชวนคนทั้งบ้านมาเคลื่อนไหว” ได้วิ่ง ได้ชิม ได้ถ่ายรูป
    • Fun Run 5 กม. ระยะยอดนิยมสำหรับผู้เริ่มวิ่งและนักท่องเที่ยว
    • Half Marathon 21 กม. จับกลุ่มนักวิ่งประสบการณ์กลาง ที่ต้องการวิวชนบท–นาข้าว–เนินสวย
    • Marathon 42 กม. สำหรับนักวิ่งจริงจังที่มองหาเส้นทางธรรมชาติในภาคเหนือปลายฝนต้นหนาว

รูปแบบรางวัลถูกออกแบบให้ “ปลอดแรงกดดันแต่จูงใจ” 100 คนแรกของแต่ละระยะ (ยกเว้น Kilo Run) รับเสื้อ Finisher ขณะที่ Kilo Run แจก กระบอกน้ำที่ระลึก เพื่อย้ำภาพ “งานของทุกคน”

  1. บรรยากาศนอกสนามที่คิดเผื่อ
    วันที่ 22 พฤศจิกายน เวลา 19.00 น. จะมี มินิคอนเสิร์ต “ศาล สานศิลป์” เติมสีสันช่วงรับนักวิ่งนอกพื้นที่และครอบครัว ให้ “ค่ำคืนก่อนวิ่ง” เป็นพื้นที่ของการพักผ่อน พบปะ และจับจ่ายในท้องถิ่น

ทำไม “เวียงเชียงรุ้ง” ต้องวิ่ง เศรษฐกิจ–สุขภาพ–อัตลักษณ์ ในงานเดียว

เศรษฐกิจชุมชน แม้จำนวนผู้เข้าร่วม 728 คนจะไม่ใช่งานใหญ่ระดับหมื่น แต่ด้วย สัดส่วนผู้ติดตาม และ การพักค้างคืน (โดยเฉพาะผู้ลงฮาล์ฟ–มาราธอน) เงินใช้จ่ายจะกระจายไปยัง ที่พักโฮมสเตย์–รีสอร์ทขนาดเล็ก–ร้านอาหาร–คาเฟ่–รถรับจ้าง–ร้านค้าชุมชน ตลอดสุดสัปดาห์ ก่อนถึงไฮซีซันปลายปี การแข่งขันในเดือนพฤศจิกายนจึงถูกวางให้เป็น “ตัวอุ่นเครื่องกระแสท่องเที่ยว” ช่วยให้ผู้ประกอบการได้ลองแพ็กเกจ–ชิมเมนู–ทดสอบบริการ ก่อนเข้าสู่คริสต์มาส–ปีใหม่ สุขภาพและทุนทางสังคม การวิ่งไม่ได้หมายถึง “นักกีฬา” เท่านั้น แต่คือการขยับร่างกายของคนทุกวัยตามคำแนะนำสากล เช่น องค์การอนามัยโลก (WHO) ที่แนะนำการมีกิจกรรมแอโรบิกอย่างน้อย 150–300 นาที/สัปดาห์ สำหรับผู้ใหญ่ งานวิ่งชุมชนที่ออกแบบให้เข้าถึงทุกกลุ่มจึงเป็น เครื่องมือสร้างวินัยสุขภาพ และ “ทุนทางสังคม” ที่คนในพื้นที่ ซ้อม–วิ่ง–เชียร์ ร่วมกัน

สาม, อัตลักษณ์และภาพจำ
“ล้านนาตะวันออก” มี ภูมิทัศน์ชนบท–ไร่นา–สายหมอก ที่ต่างจากเมืองใหญ่ การจับ “เลนธรรมชาติ” มาอยู่ในเส้นทาง และการจัดกิจกรรมวัฒนธรรมขนาดย่อมในบริเวณงาน จะทำให้ผู้มาเยือน จดจำรสชาติท้องถิ่น ผ่านสิ่งเล็ก ๆ เสียงเกราะไม้เรียกนกยามเช้า, กลิ่นกาแฟคั่วอุ่น ๆ ริมทาง, ผ้าทอและงานคราฟต์ชุมชน นี่คือ soft power ที่ไม่ต้องตะโกน

กลไกความพร้อม เมื่อ “บูรณาการ” ไม่ใช่คำสวยหรู

จากเอกสารการประชุม 7 ตุลาคม 2568 แนวทางปฏิบัติถูกไล่ชัดเป็นข้อ ๆ

  • เส้นทางและจราจร การสำรวจเส้นทางร่วมกับอปท. ทต./อบต. และสถานศึกษา เพื่อกำหนดจุดเสี่ยงทางแยก–ทางโค้ง–สะพาน พร้อมแผนปิด–เปิดช่องทางชั่วคราวให้กระทบชุมชนน้อยที่สุด
  • การแพทย์ฉุกเฉิน ประสานหน่วยกู้ชีพท้องถิ่น จุดปฐมพยาบาลเคลื่อนที่, ระบบวิทยุสื่อสาร, รถพยาบาลสแตนด์บายตามจุดระยะ 5–7 กม., และกระบวนการส่งต่อ รพ.ใกล้ที่สุด
  • สิ่งแวดล้อม ใช้วัสดุลดขยะ–คัดแยกขยะงาน, สนับสนุนแก้ว/ขวดส่วนตัว, ออกแบบจุดให้น้ำที่ลด Single-use, และกำหนดทีมเก็บกวาดหลังขบวนสุดท้าย
  • การสื่อสารผู้ร่วมงาน แผนประชาสัมพันธ์เส้นทาง–เวลาปิดถนน–จุดจอดรถ–รถรับส่ง (shuttle) ชัดเจน, แผนสภาพอากาศ–แผนปรับเวลา (หากมี) เพื่อความปลอดภัยเป็นหลัก
  • มิติชุมชน บูธชุมชน–ตลาดเล็ก ๆ ในพื้นที่จัดงาน ให้ชาวบ้านนำสินค้าพื้นถิ่น–อาหารท้องถิ่นมาจำหน่าย สร้างการมีส่วนร่วมพร้อมรายได้เสริม

ในเชิงมาตรฐาน งานวิ่งที่ดีในพื้นที่ต่างจังหวัดยุคนี้ ต้องทำให้คนในพื้นที่ “อยู่ร่วมกับงาน” อย่างราบรื่น มากกว่ารู้สึกว่าถูก “ปิดถนนให้คนนอกมาวิ่ง” เวียงเชียงรุ้งกำลังเดินในเส้นทางนี้

4 ระยะ 4 ประสบการณ์ ออกแบบให้ “เข้าถึง–สวย–ปลอดภัย”

แม้รายละเอียดระดับจุด กม. จะประกาศใกล้วันงาน แต่กรอบใหญ่ของประสบการณ์ถูกวางไว้พร้อม

  • Kilo Run 2.5 กม. — โฟกัสครอบครัว/มือใหม่ เดินสลับวิ่งได้ สนามถ่ายภาพเยอะ จุดให้น้ำ 1 จุดเพียงพอ เน้นอาสาสมัครให้กำลังใจ
  • Fun Run 5 กม. — วิ่งวนผ่านชุมชน–ทุ่งนา ทางเรียบ–เนินน้อย วิ่งกลางเช้าอากาศเย็น รับเส้นชัยพร้อมกิจกรรมสันทนาการ
  • Half Marathon 21 กม. — ระยะ “เวียงเชียงรุ้งในเช้าวันจริง” เจอเนินยาวบ้าง วิวโล่ง–ทุ่ง–เส้นทางชนบท ต้องบริหารพลัง น้ำ/เกลือแร่ทุก 2–3 กม.
  • Marathon 42 กม. — งานสำหรับนักวิ่งจริงจัง เส้นทางหลากหลายภูมิประเทศ ต้องวางแผน pace–พลังงาน–อากาศ งานบริการควรใส่จุดน้ำ–เจล–ห้องน้ำเคลื่อนที่ถี่กว่าปกติ

การให้ เสื้อ Finisher แก่ 100 คนแรก ของแต่ละระยะ (ยกเว้น Kilo Run) เป็นการวางสิ่งจูงใจที่ “ชัด แต่ไม่กดดัน” เพราะเกียรติยศยังอยู่ที่การ “ข้ามเส้นชัยอย่างปลอดภัย” มากกว่าการไล่จับเวลา

นอกเส้นทาง ดนตรี–อาหาร–วัฒนธรรม ที่ยกมารวมไว้ในสุดสัปดาห์เดียว

คอนเสิร์ต ศาล สานศิลป์” คืนก่อนแข่ง คือหัวใจดึงนักวิ่ง–ผู้ติดตามให้อยู่กับพื้นที่นานขึ้น เกิดการจับจ่าย–เข้าพัก–ใช้บริการในชุมชน นอกจากนี้ ฝ่ายจัดยังวาง พื้นที่ชิม–ช้อปของดีเวียงเชียงรุ้ง ทั้งกาแฟพื้นถิ่น–ผักผลไม้ตามฤดูกาล–อาหารล้านนาง่าย ๆ ให้เป็น “สนามพบปะ” ของคนใน–คนนอก สร้างประสบการณ์รวมที่น่าจดจำ

คิดล่วงหน้าเรื่องความเสี่ยง อากาศ–ความพร้อม–การแพ้กลูโคส

ช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศเช้าเย็น–บ่ายร้อนแดด ถ้าฟ้าเปิด การสูญเสียเหงื่ออาจสูงกว่าที่คิด โดยเฉพาะนักวิ่งมาราธอน–ฮาล์ฟ การจัดการ น้ำ–เกลือแร่–จุดพยาบาล–รถพยาบาล จึงเป็นหัวใจ นอกจากนี้ กลุ่มเสี่ยง (เช่น ผู้มีโรคประจำตัว, เคยเป็นลมแดด, ภาวะน้ำตาลต่ำ) ต้องได้รับคำแนะนำให้ เตรียมตัว–แจ้งอาสาฯ–พกยาประจำตัว รวมถึงการเผยแพร่ คู่มือเตรียมตัว 7–14 วันก่อนแข่ง เพื่อให้ทุกคนถึงเส้นชัยด้วยความปลอดภัย

ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ตัวคูณที่เกิดจริงในชุมชน

งานวิ่งขนาด 700–1,000 คน มักสร้างการใช้จ่ายต่อหัวที่กระจายไปยังที่พัก–อาหาร–เดินทาง–ของที่ระลึก หากบริหาร ตลาดชุมชน ให้เชื่อมกับงานหลักอย่างเหมาะสม จะเกิด เงินใหม่” เข้าชุมชน แท้จริง (ไม่ใช่แค่หมุนภายใน) ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนท้องถิ่น (คาเฟ่–รีสอร์ท) สามารถใช้โอกาสนี้ พล็อตแพ็กเกจปลายปี ให้กับนักวิ่งที่ “กลับมาอีก” ในช่วงไฮซีซัน การสร้าง ฐานลูกค้าซ้ำ (repeaters) คืองานเงียบ ๆ ที่คุ้มค่าที่สุด

เวียงเชียงรุ้งในแผนที่ท่องเที่ยวเชียงราย เติมช่องว่าง “ธรรมชาติใกล้–จริง–อบอุ่น”

เชียงรายมีแม่เหล็กท่องเที่ยวระดับประเทศอยู่แล้ว ทั้งวัดร่องขุ่น–ไร่ชา–ดอยแม่สลอง–ดอยตุง จึงเป็นธรรมดาที่ “อำเภอใหม่ ๆ” ต้อง หาเลนเฉพาะ ของตน งานวิ่งชุมชนที่ดี ทำให้ “พื้นที่ที่คนยังไม่คุ้น” ได้โอกาสโชว์ ถนนโล่ง–ทุ่งนา–วิถีบ้าน แบบไม่ยัดเยียด เวียงเชียงรุ้งกำลังวางตำแหน่งตนเองในเลนนั้น ธรรมชาติจริงมากกว่าฉาก, ผู้คนจริงมากกว่ารีวิว, และ ประสบการณ์อบอุ่นมากกว่าเช็กอิน

เสียงที่ยังไม่ต้องเป็นคำพูด ความร่วมมือคือหัวใจ

แม้การประชุมครั้งล่าสุดไม่ได้เปิดเผยคำกล่าวอย่างเป็นทางการของผู้บริหารต่อสาธารณะ แต่สารที่ส่งออกมาชัดเจนอยู่แล้วจาก รูปแบบการทำงาน—เวียงเชียงรุ้งไม่ได้กำลังจัด “งานของใครคนหนึ่ง” หากกำลังจัด “งานของพื้นที่” ที่ทุกหน่วยต้อง เกาะเกี่ยวกัน ตั้งแต่ อบจ./อบต., โรงเรียน, โรงพยาบาล, ตำรวจทางหลวง, ผู้ใหญ่บ้าน, ชมรมอาสาสมัคร, ผู้ประกอบการท่องเที่ยว, ไปจนถึงชาวบ้านที่เปิดบ้านเป็นจุดบริการหรือลูกมือข้างทาง

ความสำเร็จของงานวิ่ง จึงมักไม่ได้จบที่จำนวนผู้เข้าเส้นชัย หากจบที่ว่า วันรุ่งขึ้น ชุมชนยังยิ้มให้กันได้เหมือนเดิม และพร้อมเปิดบ้านรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง—ซึ่งคือ “ความยั่งยืน” แบบจับต้องได้

ข้อเสนอแนะเชิงระบบ ให้ “วิ่งเลาะเวียง” เป็นสินทรัพย์ระยะยาว

  1. สร้างมาตรฐานซ้ำได้ (Repeatable Standard)
    บันทึกคู่มือจัดการเส้นทาง–จราจร–แพทย์–อาสาสมัคร–สิ่งแวดล้อม ให้ทีมรุ่นต่อไปทำซ้ำได้โดยไม่เริ่มจากศูนย์
  2. เก็บข้อมูลจริง (Event Intelligence)
    เก็บข้อมูลอายุ–ภูมิลำเนา–พฤติกรรมจับจ่าย–ระยะพักคืน–ความพึงพอใจ เพื่อนำไปออกแบบแพ็กเกจท่องเที่ยวและสปอนเซอร์ปีหน้า
  3. เชื่อมการศึกษา–สุขภาพ (Schools x Health)
    ใช้งานวิ่งเป็นตัวคูณให้โรงเรียนในพื้นที่สร้างชมรมวิ่ง–ชมรมอาสาฯ ต่อเนื่อง สร้างทุนสุขภาพเยาวชน
  4. ยั่งยืนสิ่งแวดล้อม (Green Race)
    ลด single-use อย่างจริงจัง, จัดคัดแยกขยะ, ส่งเสริมรีฟิล, และรายงาน “คาร์บอนฟุตพริ้นต์” คร่าว ๆ หลังจบงาน เพื่อเป็นโมเดลงานสีเขียวของจังหวัด

เชิญชวนด้วยความพร้อมใจ 22–23 พฤศจิกายนนี้ พบกันที่เวียงเชียงรุ้ง

  • สถานที่: โรงเรียนอนุบาลเวียงเชียงรุ้ง
  • ระยะ: 2.5 กม. (Kilo Run) / 5 กม. (Fun Run) / 21 กม. (Half) / 42 กม. (Full)
  • ของที่ระลึก: ผู้เข้าเส้นชัย 100 คนแรกของแต่ละระยะ (ยกเว้น Kilo Run) รับเสื้อ Finisher / Kilo Run รับกระบอกน้ำที่ระลึก
  • กิจกรรมพิเศษ: มินิคอนเสิร์ต ศาล สานศิลป์” วันที่ 22 พ.ย. เวลา 19.00 น.
  • หัวใจของงาน: วิ่งอย่างปลอดภัย เคารพชุมชน สนับสนุนของดีท้องถิ่น และพากันกลับบ้านด้วยรอยยิ้ม

เวียงเชียงรุ้งอาจไม่ได้อยู่กลางแผนที่ท่องเที่ยวหลักของเชียงราย แต่ในสุดสัปดาห์ปลายฝนต้นหนาวนี้ เมืองเล็กกำลังเปิดทางให้ทุกคนได้ “เลาะ” พื้นที่ที่เงียบงามด้วยรองเท้าคู่เดิม และหัวใจที่ตั้งใจจะวิ่งเพื่อสุขภาพ เพื่อชุมชน และเพื่อความจำดี ๆ ร่วมกัน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย
  •  สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพะเยา
  • ที่ว่าการอำเภอเวียงเชียงรุ้ง
  • องค์การอนามัยโลก (WHO)
  • กรมการท่องเที่ยว
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

“ละอ่อนแม่สาย” คว้าใจคนไทย 9 นาทีสะกดทั้งสนาม บทเรียนนอกสกอร์บอร์ดไทยลีก

ถึงผลการแข่งขันจะไม่ดั่งใจภายใน 90 นาที แต่ไม่ถึง 9 นาทีที่สะกดทั้งสนาม ‘ละอ่อนแม่สาย’ คว้าใจคนไทย — เชียร์ลีดเดอร์ 100 ชีวิตจากชายแดน เปิดสนามไทยลีกที่เชียงราย

เชียงราย, 6 ตุลาคม 2568 — ค่ำคืนไทยลีก 1 ที่สิงห์ สเตเดียม ปกติแล้ว มักถูกตัดสินด้วยลูกยิง ลีลาฟุตบอล และเสียงเฮจากอัฒจันทร์ ทว่าในนัดที่สโมสร สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เปิดบ้านพบ ระยอง เอฟซี (แข่งเมื่อ 4 ต.ค. 2568) ภาพจำที่ยังค้างอยู่ในสายตาผู้คนจำนวนไม่น้อย ไม่ได้มีแค่ประตูชัยของ เรียวมะ อิโตะ หากยังมี “การแสดงเปิดสนาม” อันพร้อมเพรียงของเยาวชนชายแดนจาก โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ ที่เดินทางมาร่วมสร้างสีสันและพลังบวกให้กับจังหวัดและกับฟุตบอลไทยอย่างน่าจดจำ

แม้ผลการแข่งขันจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเจ้าถิ่น 0–1 และทำให้ “กว่างโซ้งมหาภัย”หยุดอยู่ที่ 9 คะแนน รั้งอันดับ 7 ขณะที่ทีมเยือน “ม้านิลมังกร” เก็บชัยสองนัดติดขึ้นไปรวม 11 คะแนน ยึดอันดับ 4 บนตาราง BYD SEALION 6 ลีกหนึ่ง แต่ในอีกด้านหนึ่ง เกมนัดนี้ได้ “ผู้ชนะใจคนดู” ที่ไม่ได้ลงเตะ นั่นคือ เยาวชนกว่า 100 ชีวิต ซึ่งระเบิดพลังการแสดงเชียร์ลีดเดอร์และกิจกรรมของชมรม To Be Number One บนพรมหญ้าสีเขียวให้ผู้ชมในสนาม 9,166 คน และแฟนบอลทั่วประเทศที่ติดตามผ่านการถ่ายทอดสดจำนวนไม่น้อยกว่าหลักล้าน ได้เห็น “พลังการรวมใจ” ในแบบที่ฟุตบอลเท่านั้นจะเปิดพื้นที่ให้เกิดขึ้นได้

5–9 นาทีที่คุ้มค่ากว่า 90 นาที เวลาเล็ก ๆ บนเวทีใหญ่ ที่เปลี่ยนชีวิตเด็ก ๆ ได้จริง

บนกระดาษแผนงาน ความยาวการแสดงก่อนเกมฟุตบอลมักถูกกำกับให้กระชับ 5 ถึงไม่ถึง 9 นาที เพื่อให้พิธีการทั้งหมดคล่องตัว ก่อนเข้าสู่จังหวะการแข่งขันจริง แต่สำหรับเด็ก ๆ จากชายแดนไกลอย่างแม่สาย เวลานี้คือ “สังเวียนครั้งหนึ่งในชีวิต” ที่ต้องแลกมาด้วยการซ้อมต่อเนื่องและการเดินทางไกล เกือบ 100 กิโลเมตรไป–กลับ เพื่อให้ทีมออกสเต็ปได้พร้อมเพรียงที่สุดในเสี้ยวเวลาที่มีจำกัด

นายเสกสรร ทุนอินทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ พร้อมคณะผู้บริหาร คณะครู และบุคลากร ได้นำนักเรียนทีมเชียร์ลีดเดอร์และสมาชิกชมรม To Be Number One ร่วมกิจกรรมเปิดสนามครั้งนี้ จุดหมายปลายทางไม่ใช่เพียง “ความสวยงามบนคลิปวิดีโอ” แต่คือการมอบเวทีจริงให้เยาวชนได้ (1) แสดงศักยภาพการแสดง ที่ฝึกฝนหนักมาอย่างต่อเนื่อง (2) เรียนรู้การทำงานเป็นทีมในสถานการณ์จริง ท่ามกลางแรงกดดันของเวลาและสายตาคนดูจำนวนมาก และ (3) ส่งต่อภาพจำเชิงบวกของโรงเรียน–ชุมชน–จังหวัด ให้ผู้ชมทั้งในและนอกสนาม

เวลาสั้น ๆ กลับหนุนให้ทุกวินาทีมี “วินัยและความหมาย” สูงขึ้น ใครที่เคยยืนอยู่หน้าผู้ชมหลายพันคนจะรู้ว่าการก้าวแรกบนสนามสำคัญแค่ไหนเพราะจากนาทีนั้น เด็ก ๆ ต้องเป็นทั้งนักแสดง นักสื่อสาร และทูตเยาวชนของบ้านเกิดในคราวเดียวกัน

จากอัฒจันทร์สู่ชุมชน ฟุตบอลเป็นมากกว่ากีฬา

สิ่งที่เกิดขึ้นในสิงห์ สเตเดียม คืนวันนั้นสะท้อนภาพใหญ่ของฟุตบอลไทยในฐานะ “เวทีสาธารณะ” ที่เชื่อมคนหลากวัย หลากพื้นที่ ไว้ด้วยกันในสนามมี 22 คนไล่ล่าลูกบอลเพื่อชัยชนะ แต่รอบสนามมีผู้คนนับพันที่อยากเห็นชุมชนของตนเป็นที่รู้จักในทางบวก การเปิดพื้นที่ให้เยาวชนชายแดนอย่างแม่สายมาร่วมสร้างสีสันจึงไม่ใช่เพียงพิธีการ แต่มันคือ บทเรียนพลเมือง (Civic Lesson) ภาคสนามที่จับต้องได้

  • สำหรับ เด็ก ๆ ได้รับประสบการณ์ครั้งใหญ่ในบรรยากาศระดับลีกอาชีพ รู้จักวินัยต่อเวลา ความรับผิดชอบต่อทีม และความภาคภูมิใจของการเป็นตัวแทนโรงเรียน
  • สำหรับ คุณครูและผู้ปกครอง เห็นผลของการฝึกซ้อมยาวนานแปรเป็นรอยยิ้ม ความเชื่อมั่น และแรงบันดาลใจชุดใหม่ให้กับลูกศิษย์–ลูกหลาน
  • สำหรับ สโมสรและลีก สะท้อนบทบาทสังคมของกีฬาอาชีพ ที่ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ผลการแข่งขัน แต่ยังรวมถึงการเป็น “สะพาน” ระหว่างคนดูกับเยาวชนในชุมชนอย่างแท้จริง

เสียงจากสนาม การขอบคุณที่ก้องไกลกว่าเสียงนกหวีด

หลังเกม สโมสรเจ้าบ้านได้สื่อสารขอบคุณ “9,166 เสียงเชียร์” ที่ยังคงแน่นสนาม พร้อมย้ำว่าพลังของทุกคนคือแรงขับเคลื่อนให้ทีมก้าวต่อ แม้ค่ำคืนนี้คะแนนจะไม่เพิ่มเติมบนตารางก็ตาม ข้อความเรียบง่ายนั้นเมื่อถูกส่งต่อบนสื่อสังคมกลายเป็นการ ยอมรับร่วมกัน ระหว่างทีมกับเมือง ว่า “เรา” ยังเดินไปด้วยกัน และหนึ่งในแรงใจสำคัญที่ถูกพูดถึงคือ การแสดงของน้อง ๆ จากแม่สาย ที่สะกดทั้งสนามก่อนเกม

‘To Be Number One’  คลับเยาวชนที่ชวนเด็กขึ้นเวทีจริง

ชมรม To Be Number One ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนของการแสดงครั้งนี้ ทำงานกับเยาวชนไทยมายาวนานในบทบาทเครือข่ายป้องกันภัยยาเสพติดเชิงบวก โดยใช้กิจกรรมสร้างสรรค์ดนตรี การเต้น การเชียร์เป็นเครื่องมือ “ดึงพลังที่ใช่” ออกจากเด็กแต่ละคน จุดเด่นคือ “ให้โอกาสขึ้นเวทีจริง” อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรงกับแก่นของการแสดงเปิดสนามนัดนี้แบบพอดิบพอดี

เมื่อเด็ก ๆ ได้ยืนในพื้นที่ที่ผู้ชม “ฟังจริง ดูจริง เชียร์จริง” ทักษะที่ฝึกในห้องซ้อมจะแปรเป็นความมั่นใจและความสามารถในการสื่อสารสาธารณะ ซึ่งจะติดตัวเขากลับไปสู่โรงเรียน ครอบครัว และชุมชน

ระยะทางเกือบ 100 กิโลเมตร…แลกกับบทเรียนที่ไม่มีในตำรา

แม่สาย—เชียงราย—สิงห์ สเตเดียม เส้นทางไป–กลับเกือบ 100 กิโลเมตร ไม่ใช่การเดินทางใกล้ ๆ สำหรับคณะนักเรียน–ครู–ผู้ดูแลกว่าร้อยชีวิต แต่ประสบการณ์หนนี้ทำให้ “ระยะทาง” กลายเป็น “มูลค่า” เด็ก ๆ ได้เห็นการทำงานของทีมอาชีพเบื้องหลังเกม ทั้งเรื่องเวลา ความปลอดภัย ลำดับพิธีการ การกำกับเสียง–แสง–จังหวะ ทุกอย่างคือ จริง และต้อง แม่น เมื่อก้าวลงสู่สนาม

สำหรับครูและผู้บริหารโรงเรียน การพาเด็กมาร่วมเวทีระดับประเทศคือ “การลงทุนทางโอกาส” ที่คุ้มค่ายิ่งเมื่อเห็นผลลัพธ์เป็นแววตาและความมั่นใจของผู้เรียนที่ชัดขึ้นกว่าตอนซ้อมอยู่ในโรงยิมที่บ้าน

แมตช์รีแคป ฟุตบอลตัดสินกันด้วยหนึ่งประตู แต่เรื่องเล่าตัดสินในหัวใจ

ด้านเกมการแข่งขัน ระยอง เอฟซี คว้าชัยด้วยประตูของ เรียวมะ อิโตะ ช่วยให้ทีมเยือนเก็บสามคะแนนสำคัญ และทำสถิติชนะสองนัดติด ขยับมี 11 แต้ม ขึ้นไปยึดอันดับ 4 ของตาราง ขณะที่เจ้าถิ่น สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เก็บไว้ที่ 9 แต้ม รั้งอันดับ 7 แม้ในมุมกีฬา นี่คือผลที่แฟน “กว่างโซ้ง” อยากลืม แต่ในมุมของเมือง นี่คือเกมที่ตอกย้ำว่าชัยชนะไม่จำเป็นต้องอยู่แค่บนสกอร์บอร์ดการได้เห็นเด็ก ๆ จากชายแดนของเราโชว์ความสามารถต่อหน้าคนทั้งประเทศ ก็เพียงพอให้ค่ำคืนนี้มีความหมาย

จากสนามสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ เมื่อกีฬา–การแสดง–การท่องเที่ยวต่อกันติด

เหตุการณ์แบบนี้สะท้อน เศรษฐกิจร่วมเวที” ของเชียงราย กีฬาอาชีพดึงดูดผู้ชมเข้าพื้นที่ การแสดงสร้างสีสันและเนื้อหาให้สื่อ สุดท้ายผู้คนใช้เวลาในเมืองยาวขึ้น กิน–เที่ยว–พัก และกลับไปเล่าให้เพื่อนฟัง การเปิดพื้นที่ให้เยาวชนชายแดนจึงไม่ใช่เรื่อง “ใจดี” เท่านั้น แต่ยังเป็น นโยบายวัฒนธรรมเชิงเศรษฐกิจ ระดับจังหวัดทุกครั้งที่เด็ก ๆ ขึ้นเวทีใหญ่ เมืองได้ “แบรนด์” เพิ่ม และผู้ชมได้ “เรื่องเล่า” กลับบ้าน

คำกล่าว–ข้อเท็จจริงที่ยึดโยง

  • การเข้าร่วมของคณะนักเรียน–ครูจากโรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ นำโดย นายเสกสรร ทุนอินทร์ เป็นการร่วมแสดงเปิดสนามตามกำหนดการนัดเหย้าของสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด วันที่ 4 ตุลาคม 2568
  • กิจกรรมหลักมาจาก ทีมเชียร์ลีดเดอร์ และ ชมรม To Be Number One ของโรงเรียน โดยมีการเตรียมการ–ซ้อม และประสานงานร่วมกับทางสโมสรและผู้จัดการแข่งขัน
  • ผู้ชมในสนามที่ประกาศขอบคุณหลังเกมคือ 9,166 คน ขณะที่ยอดการรับชมถ่ายทอดสดรวมถึงคลิปไฮไลต์ที่กระจายบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ มีจำนวนรวมระดับ ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านครั้ง ตามการสื่อสารภาคสนามและบนสื่อสังคมของผู้เกี่ยวข้อง
  • ผลการแข่งขัน ระยอง เอฟซี 1–0 สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ผู้ทำประตู เรียวมะ อิโตะ; อันดับคะแนนหลังจบเกม (ที่สื่อสารในวันแข่งขัน) ระยอง 11 คะแนน (อันดับ 4), สิงห์ เชียงราย 9 คะแนน (อันดับ 7) บนตาราง BYD SEALION 6 ลีกหนึ่ง

วิธีทำให้ “นาทีเปิดสนาม” เกิดผลระยะยาว

  1. ยกระดับเป็นโปรแกรมรายฤดูกาล – ถ้าทุกเกมเหย้าหรือทุกเดือนมี “โรงเรียน–เยาวชน–ชุมชน” มาผัดเปลี่ยนขึ้นเวที การพัฒนาเยาวชนเชิงวัฒนธรรมจะต่อเนื่อง มีแรงจูงใจ และสร้างฐานผู้ชมรุ่นใหม่ให้ลีก
  2. หนุนความร่วมมือระหว่างโรงเรียน–สโมสร – ตั้ง “โควตาเยาวชนชายแดน/ชนเผ่า” เพื่อให้หลากหลายวัฒนธรรมในเชียงรายมีโอกาสเล่าเรื่องของตนเอง
  3. ต่อยอดสื่อการเรียนรู้ – ถอดคลิปเบื้องหลังการเตรียมงานเป็น “ชุดบทเรียนทักษะชีวิต” ให้โรงเรียนอื่น ๆ ดูเป็นต้นแบบตั้งแต่การวางแผนเวลา ทีมเวิร์ก ไปจนถึงมารยาทเวที
  4. เชื่อมสู่การท่องเที่ยวชุมชน – เมื่อมีทีมเยาวชนจากอำเภอต่าง ๆ มาขึ้นเวที ให้ข้อมูล “เส้นทางท่องเที่ยวชุมชน” ของพื้นที่นั้นบนสื่อของสโมสร เพื่อกระจายคน–รายได้ออกจากตัวเมือง

เราจะชนะอย่างไรในวันที่สกอร์ไม่เข้าข้าง

ในคืนที่สกอร์ไม่เป็นใจ เมืองยังคง “ชนะใจ” คนดูด้วยเรื่องเล่าของเยาวชน นี่คือบทเรียนสำหรับหลายจังหวัดเมื่อกีฬาเปิดเวทีให้วัฒนธรรมท้องถิ่นและเยาวชนได้เปล่งเสียง เมืองทั้งเมืองจะกลายเป็นผู้เล่นคนที่ 12 ที่ทรงพลัง และไม่ว่าเกมจะจบแค่ไหน เมืองจะยังเติบโตด้วยความร่วมมือและความหวังของคนรุ่นใหม่

เยาวชนแม่สายแสดงให้เห็นว่าเวลาไม่ถึง 9 นาที หากวางแผน ซ้อมจริง และได้เวทีก็พอจะสะกดสนามทั้งสนามได้ และในหลายความหมาย นั่นอาจ “คุ้มค่า” กว่า 90 นาทีสำหรับอนาคตของจังหวัดและประเทศ

สรุปไฮไลต์ข่าว (Key Points)

  • ไทยลีก 1 คู่ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด พบ ระยอง เอฟซี ที่สิงห์ สเตเดียม (4 ต.ค. 2568) ทีมเยือนชนะ 1–0 ผู้ทำประตู เรียวมะ อิโตะ
  • หลังเกม ระยอง 11 คะแนน (อันดับ 4), เชียงราย 9 คะแนน (อันดับ 7) ในศึก BYD SEALION 6 ลีกหนึ่ง
  • ไฮไลต์นอกสนาม เยาวชนกว่า 100 คน จาก โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ (ทีมเชียร์ลีดเดอร์ + ชมรม To Be Number One) เปิดสนามต่อหน้าผู้ชม 9,166 คน และผู้ชมออนไลน์รวมระดับ ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านครั้ง
  • ความหมายเชิงสังคม กีฬาอาชีพเป็นเวทีให้เยาวชนชายแดนได้ประสบการณ์จริง เสริมทักษะชีวิต ทีมเวิร์ก และเป็นการสื่อสารภาพลักษณ์จังหวัดในมิติสร้างสรรค์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด (Singha Chiangrai United)
  • โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ (อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

อบจ.เชียงราย เปิดศึก CR-PAO VOLLEYBALL CUP 2025 ใช้กีฬาวอลเลย์บอลเชื่อมสัมพันธ์ 4 องค์กร

อบจ.เชียงราย เปิดศึก CR-PAO VOLLEYBALL CUP 2025 ใช้กีฬาวอลเลย์บอลเชื่อมสัมพันธ์ 4 องค์กร ดันสุขภาพดี-ประสิทธิภาพงานพุ่ง

เชียงราย, 28 กันยายน 2568  – องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ได้แสดงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสุขภาพและความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดกิจกรรมกีฬา CR-PAO VOLLEYBALL CUP 2025 ขึ้น เพื่อใช้กีฬาวอลเลย์บอลเป็นสื่อกลางในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือและส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ โดยการแข่งขันครั้งนี้ได้รวมพลังของ 4 องค์กรหลักในจังหวัดเข้าไว้ด้วยกันอย่างคึกคัก

การรวมพลัง 4 เสาหลักของเชียงราย

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2568 นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ได้เป็นประธานเปิดการแข่งขัน ณ โรงยิมเนเซียม สนามกีฬากลาง อบจ.เชียงราย โดยมีผู้บริหาร สมาชิกสภา อบจ. และผู้แทนจากสถาบันการศึกษาเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง .

การแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นในรูปแบบกระชับมิตร แต่ยังคงความเข้มข้นของกีฬาวอลเลย์บอลเต็มรูปแบบ โดยมีทีมเข้าร่วมทั้งหมด 4 ทีม ซึ่งเป็นตัวแทนขององค์กรสำคัญในจังหวัด:

  1. ทีมมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
  2. ทีมมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
  3. ทีมเทศบาลนครเชียงราย
  4. ทีมองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย กล่าวว่า โครงการ CR-PAO VOLLEYBALL CUP 2025 ไม่ได้ถูกมองเป็นเพียงเวทีการแข่งขันกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างเสริมสุขภาพกายและใจของผู้เข้าร่วมการแข่งขัน อีกทั้งยังเป็นช่องทางสำคัญในการ สร้างเครือข่ายความร่วมมือ ของหน่วยงานในจังหวัดเชียงราย ซึ่งจะนำไปสู่การทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่

เทศบาลนครเชียงรายคว้าแชมป์หญิง

การแข่งขันดำเนินไปอย่างสนุกสนานและเข้มข้น ซึ่งผลการแข่งขันได้สะท้อนถึงการเตรียมความพร้อมและความมุ่งมั่นของบุคลากรจากแต่ละองค์กร:

  • รุ่นทั่วไปหญิง:
    • ชนะเลิศ: ทีมเทศบาลนครเชียงราย
    • รองชนะเลิศ: ทีมองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • รุ่นทั่วไปชาย:
    • ชนะเลิศ: ทีมองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
    • รองชนะเลิศ: ทีมเทศบาลนครเชียงราย

กีฬาคือเครื่องมือสร้างคุณภาพชีวิต

การจัดกิจกรรมกีฬาโดยหน่วยงานท้องถิ่นอย่าง อบจ.เชียงราย ถือเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลด้านการส่งเสริมสุขภาพและการออกกำลังกาย แต่ในบริบทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การใช้กีฬาเป็นสื่อกลางมีความสำคัญมากกว่าแค่การออกกำลังกาย:

  1. สร้างความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงาน (Inter-agency Networking): การแข่งขันวอลเลย์บอลเป็นช่องทางที่บุคลากรจากต่างองค์กรได้ใช้เวลาร่วมกันในบรรยากาศที่เป็นกันเองและสนุกสนาน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความคุ้นเคยและเปิดโอกาสให้เกิดการประสานงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างองค์กรที่มีภารกิจซับซ้อนร่วมกันอย่างมหาวิทยาลัย เทศบาล และ อบจ.
  2. การพัฒนาคุณภาพชีวิตบุคลากร: โครงการนี้สนับสนุนให้บุคลากรภาครัฐใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ลดความตึงเครียดจากการทำงาน และมีสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ อบจ.เชียงราย ที่ต้องการเป็นองค์กรที่ใส่ใจและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคลากรอย่างยั่งยืน

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของ อบจ.เชียงราย ที่พร้อมสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคลากรและประชาชน ด้วยการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสุขภาพที่แข็งแรง เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีในสังคม และเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)
  • มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
  • เทศบาลนครเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SPORT

สะเทือนอาเซียน! ฟีฟ่าลงดาบคดี “7 แข้งโอนสัญชาติ” เสี่ยงโมฆะเกมชนะเวียดนาม 4–0

สะเทือนอาเซียน! ฟีฟ่าลงดาบคดี “7 แข้งโอนสัญชาติ” เขย่าวงการลูกหนังมาเลเซีย—เปิดสมรภูมิกฎหมายสิทธิ์ทีมชาติ เสี่ยงลามถึง “โมฆะ–ปรับแพ้” เกมชนะเวียดนาม 4–0

กัวลาลัมเปอร์/มาเลเซีย, 26 กันยายน 2568 — เหตุการณ์ที่วันหนึ่งถูกจารึกเป็น “คืนแห่งความสุข” ของแฟนบอลเสือเหลือง กลับกำลังกลายเป็น “คดีตัวอย่าง” วัดกล้ามนุษย์กับกติกาโลก เมื่อรายงานว่า สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้พิจารณาลงโทษ สมาคมฟุตบอลมาเลเซีย (FAM) และผู้เล่น “โอนสัญชาติ” 7 ราย ฐาน ปลอมแปลง/ใช้เอกสารที่ไม่ชอบด้วยระเบียบ เพื่อให้ได้สิทธิ์ลงสนามทีมชาติ นำไปสู่โทษปรับ–โทษแบนระดับบุคคล และความเสี่ยง “โยกคะแนน” ในเกม เอเชียนคัพ 2027 รอบคัดเลือก ที่มาเลเซียเปิดบ้านชนะเวียดนาม 4–0 เมื่อ 10 มิถุนายน 2025 — สกอร์ที่เคยปลุกความหวังทั้งประเทศ กำลังถูกเครื่องหมายคำถามขนาดใหญ่ปักทับอยู่

ตัวเลขตามรายงาน: FAM ถูกปรับ 350,000 ฟรังก์สวิส ขณะที่ผู้เล่นทั้ง 7 คน ถูก พักงานจากกิจกรรมฟุตบอล 12 เดือน และ ปรับคนละ 2,000 ฟรังก์สวิส โดยคดี “สิทธิ์เป็นตัวแทนทีมชาติ” (Player eligibility) ซึ่งกระทบผลการแข่งขัน ถูกส่งต่อให้ FIFA Football Tribunal พิจารณาในประเด็น “โมฆะ/ปรับแพ้” เป็นการเฉพาะ

แม้ในชั้นข่าว FAM เคยยืนยันต่อสาธารณะว่า ผู้เล่นทั้งหมด “ลงทะเบียนถูกต้อง” และหลังเกม 4–0 ก็ไม่ต่างจากชัยชนะทางความเชื่อมั่น แต่การไต่สวนวินัยของฟีฟ่าตั้งคำถามต่อ ที่มาของเอกสาร/การตีความสิทธิ์ อย่างเป็นระบบ และหากคณะตุลาการฟุตบอลตัดสินว่า “สิทธิ์ไม่ชอบด้วยระเบียบ” ผลลัพธ์อาจย้อนแย้งความทรงจำทั้งแมตช์—จาก “ชนะ 4–0” สู่ “แพ้เทคนิค 0–3” ตามสูตรกติกาที่ใช้กันทั่วโลกในคดีลักษณะนี้

หมายเหตุด้านบรรณาธิการ: ขณะเผยแพร่ข่าวนี้ ฝ่ายข่าวตรวจพบเพียงหลักฐานยืนยัน “ผลการแข่งขัน–วันแข่ง” จากสื่อต่างประเทศสายหลัก แต่ยัง ไม่พบ เอกสารประกาศโทษ ฉบับเป็นทางการ บนช่องทางสาธารณะของฟีฟ่า/เอเอฟซี จึงรายงานโดยแยก “ข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้” ออกจาก “รายละเอียดบทลงโทษตามรายงาน” และระบุชัดว่า “คำพิพากษา/คำสั่งสุดท้าย” ต้องอ้างอิงเอกสารทางการของฟีฟ่าเป็นที่ยุติ

จาก 90 นาทีอันสมบูรณ์แบบ สู่สนามกฎหมายที่เข้มกว่าสนามหญ้า

คืนวันที่ 10 มิ.ย. 2025 คือค่ำคืนที่ “เสือเหลือง” พุ่งชนแบบไร้รอยขีดข่วน ชนะเวียดนามอย่างขาดลอย 4–0 ในรอบคัดเลือกเอเชียนคัพ 2027 ท่ามกลางเสียงเชียร์ที่เชื่อว่าทีมชาติกลับมายืนบนทางแห่งความหวังอีกครั้ง แต่หลังเสียงนกหวีดสุดท้าย ข่าวลือเริ่มลอยเหนือมาเลเซียนซูเปอร์ลีก—คู่แข่งในภูมิภาคยื่นคำร้องต่อฟีฟ่า ว่าผู้เล่นโอนสัญชาติ 7 ราย ขาดคุณสมบัติตามกติกาสิทธิ์ทีมชาติ

รายชื่อที่ถูกระบุในเอกสารคดี (ตามรายงานที่เผยแพร่) ได้แก่

  1. Gabriel Felipe Arrocha 2) Facundo Tomás Garcés 3) Rodrigo Julián Holgado 4) Imanol Javier Machuca 5) João Vitor Brandão Figueiredo 6) Jon Irazabal Iraurgui 7) Héctor Alejandro Hevel Serrano

FAM ออกท่าทีเชิงปฏิเสธตั้งแต่แรก โดยยืนกรานว่า “ขึ้นทะเบียนถูกต้องทั้งหมด” และชี้ว่ามีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครบถ้วน ขณะเดียวกัน ฝ่ายที่ร้องเรียน ชี้เป้าตรงไปที่ กระบวนการโอนสัญชาติ/เส้นทางสิทธิ์ตามเชื้อสาย–พำนัก–ประวัติลงเล่น” ที่อาจไม่ผ่านเงื่อนไขของกฎ ข้อ 5–8 ว่าด้วยสิทธิ์การเล่นทีมชาติใน Regulations Governing the Application of the FIFA Statutes ซึ่งเป็น “รัฐธรรมนูญลูกหนังโลก” ในเรื่องนี้

เมื่อลูกบอลถูกส่งต่อให้ “กฎหมายกีฬา” ฟ้องร้อง–ตอบโต้ จึงต้องอาศัย พยานเอกสาร–ไทม์ไลน์ชีวิต–ประวัติการลงเล่นระดับทีมชาติ/เยาวชน ของผู้เล่นแต่ละคน ประกอบกับ กฎหมายสัญชาติ ภายในของมาเลเซีย และหลักฐานการพำนักถาวร—แทบทุกช่องโหว่ถูกขยายใต้แว่นขยายระดับฟีฟ่า

กรอบกติกาสิทธิ์ทีมชาติไม่ใช่เรื่องความสามารถล้วน ๆ แต่คือ “ชุดเงื่อนไขทางกฎหมาย”

ฟีฟ่า ใส่ใจเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ เพราะมันเกี่ยวกับ ความเสมอภาคในการแข่งขัน และ อัตลักษณ์ของทีมชาติ ตัวบทสำคัญอยู่ที่ข้อ 5–8 ของข้อบังคับฟีฟ่า—อธิบายว่า นักเตะจะเล่นให้ชาติใดได้บ้างภายใต้เงื่อนไข เช่น

  • ความเป็น พลเมือง ของประเทศนั้นตามกฎหมาย
  • หลักฐาน สายสัมพันธ์โดยกำเนิด/เชื้อสาย (บิดา–มารดา–ปู่ย่า/ตายาย)
  • เงื่อนไข พำนักระยะยาว นับปีอย่างต่อเนื่อง
  • ข้อจำกัดเรื่องการ เปลี่ยนสังกัดทีมชาติ (switch) หลังลงเล่นอย่างเป็นทางการให้ชาติหนึ่งไปแล้ว

หากฝ่าฝืน—หรือใช้ เอกสาร/ถ้อยคำที่ทำให้เข้าใจผิด เพื่อให้ได้สิทธิ์—คดีจะเข้า ระเบียบวินัยฟีฟ่า (FIFA Disciplinary Code) ที่ให้บทลงโทษตั้งแต่ ปรับ–แบน–โมฆะผล–ปรับแพ้ ไปจนถึง ลงโทษสมาคม หากพบว่า “มีส่วนรู้เห็น/บกพร่องร้ายแรง” ต่อการกำกับดูแลเอกสารและการขึ้นทะเบียนนักเตะในทีมชาติ (นี่คือกรอบสำคัญที่อธิบายว่า ทำไมคดีประเภทนี้จึง “แรง” เสมอ)

บทลงโทษตามรายงาน ตัวเลขที่สะเทือน และ “เส้นตาย 10 วัน” ของ FAM

ตามรายงานที่ถูกอ้างถึงในครั้งนี้ คณะกรรมการวินัยฟีฟ่า มีคำสั่ง ปรับ FAM 350,000 ฟรังก์สวิส ขณะที่ผู้เล่น 7 รายถูก พักงานกิจกรรมฟุตบอล 12 เดือน และ ปรับคนละ 2,000 ฟรังก์สวิส โดยเปิดโอกาสให้ อุทธรณ์ภายใน 10 วัน หลังรับทราบคำตัดสิน

ส่วน ข้อพิพาทผลการแข่งขัน ถูกส่งต่อให้ ศาลฟุตบอลฟีฟ่า ดำเนินการแยกต่างหาก—ซึ่งตามธรรมเนียมคดีสิทธิ์ไม่ชอบ มักลงเอยด้วยมาตรการ ปรับแพ้ 0–3” หากยืนยันการผิดกติกาอย่างสิ้นสงสัย (แต่จะใช้กับทุกแมตช์ที่นักเตะไม่มีสิทธิ์ลงเล่นหรือเฉพาะนัดที่มีการร้อง—ขึ้นกับ “คำขอ” และ “ข้อเท็จจริงเฉพาะคดี”)

ย้ำอีกครั้ง: รายละเอียดเชิงตัวเลข–คำพิพากษาฉบับเต็ม ต้องยึด ประกาศอย่างเป็นทางการของฟีฟ่า เป็นที่สุด ซึ่งฝ่ายข่าวยังไม่พบเอกสารดังกล่าวบนช่องทางสาธารณะ ณ เวลายกร่างข่าวนี้ จึงรายงานโดยอาศัยกรอบกติกาทางการของฟีฟ่าในการอธิบายผลลัพธ์ “ที่เป็นไปได้” ควบคู่กับข้อมูลที่ผู้เกี่ยวข้องเผยแพร่

ผลกระทบ 4 ชั้น คะแนน–ภาพลักษณ์–ขุมกำลัง–ภูมิรัฐศาสตร์ลูกหนังอาเซียน

  1. คะแนนและเส้นทางเอเชียนคัพ — ถ้าศาลฟุตบอลมีมติ “ปรับแพ้” คะแนนในกลุ่มจะเปลี่ยนทิศทันที แผนการผ่านเข้ารอบที่วางไว้ต้องทบทวนใหม่ และอาจ “โดมิโน่” ไปยังแมตช์อื่นที่ผู้เล่นเหล่านี้ลงสนาม
  2. ภาพลักษณ์และธรรมาภิบาล FAM — วิกฤตนี้ท้าทาย “ระบบกำกับดูแลเอกสาร” ของทีมชาติ เริ่มตั้งแต่ กระบวนการคัดกรองสิทธิ์ ไปจนถึง ความโปร่งใส ในการสื่อสารกับสาธารณะ ภายใต้สายตาสมาชิกฟีฟ่าทั่วโลก
  3. ขุมกำลังทีมชาติ — การ แบน 12 เดือน (ตามรายงาน) เท่ากับตัด “ผังผู้เล่น” ในช่วงเปลี่ยนผ่านโค้ช/แผนงานระยะกลางทันที เงื่อนไขนี้อาจบีบให้ทีมชาติเร่ง ปั้นแข้งท้องถิ่น–ดาวรุ่ง เติมเต็มช่องว่าง
  4. ภูมิรัฐศาสตร์ลูกหนังอาเซียน — ชาติในอาเซียนหลายประเทศหันมาใช้ “โมเดลโอนสัญชาติ/เชื้อสาย” เพื่อยกระดับทีมชาติ กรณีนี้จะกลายเป็น บทเรียน เรื่อง มาตรฐานพิสูจน์สิทธิ์ (due diligence) และ ปิดช่องโหว่เอกสาร หากตั้ง “บรรทัดฐานใหม่” แรงเกินคาด อาจทำให้สมาคมต่าง ๆ ต้อง ปรับปรุงระบบ KYC ฝ่ายทีมชาติ เข้มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

ความหวัง–ความกังวล และคำถาม 3 ข้อที่ FAM ต้องตอบ

แม้ FAM จะมีสิทธิ์อุทธรณ์ แต่โจทย์ที่ต้องตอบต่อสาธารณะมีอย่างน้อย 3 ข้อ

  • หนึ่ง: ระบบพิสูจน์สิทธิ์ทำงานอย่างไร ตั้งแต่ด่านลีก–ด่านสมาคม–ด่านทีมชาติ ใครเป็นผู้รับรองขั้นสุดท้าย
  • สอง: ความสอดคล้องของ “กฎหมายสัญชาติภายใน” กับ “เกณฑ์สิทธิ์ทีมชาติของฟีฟ่า” มีช่องว่างตรงไหน
  • สาม: แผนเยียวยาผลกระทบ หากคำตัดสินรอบสุดท้ายทำให้ผลการแข่งขันต้องถูกแก้ไข—FAM จะจัดการผลทางกีฬา/สังคม/เศรษฐกิจแฟนฟุตบอลอย่างไร

บนมิติของแฟนบอล คำถามที่ดังก้องคือ “ชัยชนะ 4–0” ควรถูกจำได้อย่างไร หากท้ายที่สุดมันถูกเครื่องหมายดอกจัน (*) ต่อท้าย—นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องของสกอร์บอร์ด แต่คือ ความศรัทธาในความยุติธรรมของเกม ที่ทุกคนร่วมกันรักษา

ทางออกเชิงระบบ จากวิกฤตสู่มาตรฐานใหม่ของอาเซียน

หากมองในเชิงโครงสร้าง วิกฤตคราวนี้อาจเป็น โอกาสในการยกระดับมาตรฐานภูมิภาค ข้อเสนอเชิงระบบที่เป็นไปได้ เช่น

  • ตั้ง “ศูนย์พิสูจน์สิทธิ์อาเซียน” (ASEAN Eligibility Hub) ร่วมกันระหว่างสมาคมสมาชิก เพื่อตรวจสอบข้ามชาติ–แลกข้อมูลทะเบียนราษฎร/ถาวรพำนัก และประวัติทีมชาติ/เยาวชน
  • บังคับใช้ “สองชั้น”: ชั้นสมาคม (FA) ตรวจร่างเอกสารกับฝ่ายกฎหมายโดยตรง และชั้นลีก/ทีมชาติ (Sporting) ตรวจซ้ำก่อนส่งรายชื่อ
  • สื่อสารเชิงรุก: เผยแพร่หลักเกณฑ์–ไทม์ไลน์–เช็กลิสต์สิทธิ์สาธารณะ ลดความสับสนประชาชน และป้องกัน “ความเชื่อผิด ๆ” ในโลกโซเชียล

ท้ายที่สุด ฟุตบอลเป็นเกมของความหวัง แต่ความหวังนั้นต้อง ผูกกับกติกา และ ความโปร่งใส อย่างแน่นหนา—ไม่เช่นนั้น “ชัยชนะวันนี้” อาจกลายเป็น “คำถามคาใจ” ในวันพรุ่งนี้

สรุปย่อสำหรับผู้บริหาร/ผู้กำหนดนโยบาย

  • คดีนี้เป็น stress test ระบบพิสูจน์สิทธิ์ทีมชาติในอาเซียน
  • หากคำตัดสินสุดท้ายยืนยันความผิด—คาด ปรับ–แบน–ปรับแพ้ ตามกรอบฟีฟ่า
  • FAM ต้องเร่ง: (1) แผนอุทธรณ์ (2) ตรวจสอบภายในอิสระ (3) แผนเยียวยา/สื่อสาร
  • สมาคมในภูมิภาคควรนำไป ยกระดับกระบวนการ KYC ฝ่ายทีมชาติ เพื่อคุ้มกันวิกฤตรูปแบบเดียวกัน

เชิงบรรณาธิการและความโปร่งใสของข้อมูล

เพื่อไม่ให้สาธารณะสับสน ฝ่ายข่าวยืนยันว่า ผลการแข่งขัน มาเลเซีย 4–0 เวียดนาม วันที่ 10 มิ.ย. 2025 มีหลักฐานยืนยันจากสื่อกระแสหลักด้านกีฬา ขณะที่ รายละเอียดคำตัดสินวินัยเฉพาะคดี ในเชิงเอกสารทางการของฟีฟ่าที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ยังอยู่ระหว่างการสืบค้น/รอยืนยัน ในชั่วโมงข่าวนี้ เราจึงรายงาน กรอบบทลงโทษที่เป็นไปได้ พร้อมระบุว่า คำวินิจฉัยสุดท้าย ต้องอ้าง แถลง/คำพิพากษา ของฟีฟ่าเท่านั้น หากฟีฟ่าเผยแพร่เอกสารภายหลัง ฝ่ายข่าวพร้อมอัปเดตความคืบหน้าโดยอิงเอกสารทางการทันที

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • บันทึกการแข่งขันและบริบทนัด มาเลเซีย–เวียดนาม (10 มิ.ย. 2025): ESPN match/event record (ยืนยันวัน–สกอร์–บริบทแข่งขัน).
  • กรอบกติกาฟีฟ่า: สิทธิ์การเล่นทีมชาติ (Eligibility to play for representative teams) — ข้อ 5–8 ในข้อบังคับฟีฟ่า (Regulations Governing the Application of the FIFA Statutes) อธิบายเกณฑ์สัญชาติ–เชื้อสาย–พำนัก–การเปลี่ยนทีมชาติ. (แหล่งสรุปอ้างอิงความเข้าใจสาธารณะ)
  • FIFA Disciplinary Code (แนวทางบทลงโทษ) — ครอบคลุม “forgery/falsification” และมาตรการทางวินัยที่อาจใช้กับสมาคม/นักเตะ (ปรับ–แบน–ปรับแพ้–โมฆะผล) ใช้เป็นกรอบอธิบายเพดานบทลงโทษที่เป็นไปได้.
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

“เจเจ” ภพธรรม พรคต เด็ก ม.4 สร้างประวัติศาสตร์ไทยลีกอายุน้อยสุดอันดับ 3

เจเจ–ภพธรรม พรคต ก้าวแรกบนเส้นทางใหญ่ของ “เด็ก ม.4” ที่เขียนชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ไทยลีก และบทเรียนการปั้นเยาวชนฉบับเชียงราย

เชียงราย, 24 กันยายน 2568 — นาทีที่ 88 บนสกอร์บอร์ด “สิงห์ เชียงราย สเตเดียม” ตัวเลขยังชี้ว่าเจ้าถิ่นนำ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 1–0 เสียงเชียร์ดังสลับกับเสียงนกหวีดชี้นำเกม เมื่อชื่อ “ภพธรรม พรคต” ปรากฏบนป้ายเปลี่ยนตัว เด็กหนุ่มหมายเลข 37 ผู้ยังไม่ครบ 16 ปีเต็ม ก้าวข้ามเส้นขาวที่ตัดขอบสนาม เหยียบพื้นหญ้าไทยลีกครั้งแรกช่วงเวลาสั้นๆ แต่หนักแน่นพอจะบันทึกลงในหน้าประวัติศาสตร์

ค่ำคืนวันที่ 21 กันยายน 2568 ไม่ได้เป็นเพียงชัยชนะนัดที่ 5 ของไทยลีก 1 ฤดูกาล 2025/26 หากยังเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องเล่าชิ้นใหม่ในวัฒนธรรมการสร้างดาวรุ่งของฟุตบอลไทย โดย เจเจ” ภพธรรม พรคต กลายเป็นนักเตะ อายุน้อยที่สุดอันดับ 3 ที่ได้ลงเล่นลีกสูงสุดของประเทศ ด้วยวัย 15 ปี 11 เดือน 16 วัน เป็นรองเพียง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา (15 ปี 8 เดือน 22–23 วัน) และ เอกนิษฐ์ ปัญญา (15 ปี 11 เดือน 5 วัน) รุ่นพี่เลือดกว่างโซ้งผู้เคยแจ้งเกิดจากสโมสรเดียวกัน

และใช่หมายเลข 37 บนหลังเสื้อของเขา คือหมายเลขเดียวกับที่เอกนิษฐ์เคยสวมเมื่อตอนเริ่มต้น สัญลักษณ์เล็กๆ ที่ต่อสายใยจากอดีตสู่ปัจจุบัน ชวนให้ตั้งคำถามว่า “เบอร์นี้” จะยิ่งใหญ่เพราะใครสวม หรือ “คนสวม” จะทำให้หมายเลขนี้มีน้ำหนักกว่าเดิม

ก้าวเล็กๆ ที่มีความหมายยิ่งใหญ่นาทีที่ 88 สู่ทำเนียบประวัติศาสตร์

จังหวะเปลี่ยนตัวของ โค้ชวอ” วรวุฒิ วังสวัสดิ์ ไม่ใช่เพียงการถอด–ใส่เพื่อถนอมแรงกำลังหลัก แต่คือการ “ส่งสัญญาณ” ถึงปรัชญาของสโมสรที่ยืนยันมาตลอดว่า โอกาสของเยาวชน ต้องเกิดขึ้นบนสนามจริง ไม่ใช่เพียงในแผ่นพับโรดแมปการพัฒนา

แม้เวลาบนพรมหญ้าจะมีเพียงไม่กี่นาที แต่มันมากพอสำหรับการจารชื่อ ภพธรรม พรคต เข้าสู่ทำเนียบ “แข้งอายุน้อยสุดที่ลงเล่นไทยลีก” ต่อท้ายสองชื่อใหญ่ของฟุตบอลไทยยุคใหม่ ศุภณัฏฐ์ และ เอกนิษฐ์ ความหมายของสถิติจึงไปไกลกว่าตัวเลข มันคือ “ไฟเขียว” ให้เด็กอีกมากมายเชื่อว่าประตูสู่ลีกสูงสุดไม่ได้ถูกล็อกด้วยอายุ หากแต่ด้วย มาตรฐานฝีเท้า–วินัย–ความพร้อมทางใจ

เส้นทางไม่ธรรมดาจากอะคาเดมี–โรงเรียนเครือข่าย สู่ทีมชาติชุดเล็ก

เบื้องหลัง “ก้าวแรก” บนไทยลีกของเจเจ มีเส้นทางเตรียมการที่ต่อเนื่อง หลายปี ผ่านระบบพัฒนาแบบ “สามประสาน” ระหว่าง อะคาเดมีสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด, สโมสรเชียงราย ซิตี้ & StarPower Academy และ โรงเรียนทวีเอสซี วิทยา สถาบันการศึกษาที่ทำงานเคียงข้างสโมสรในบทบาท “โรงเรียน–ทีม” เพื่อยกระดับทั้งทักษะในสนามและวินัยนอกสนาม

  • ผลงาน–เวทีเยาวชน เจเจเคยคว้ารางวัล MVP (Man of the Match) ในการแข่งขันฟุตบอล 11 คน รายการ “รวมโชค Youth Fighter #U16” สะท้อนให้เห็นถึง “อิมแพ็กต์” ในระดับรุ่นอายุที่สม่ำเสมอ
  • การเปิดโลก–คัดตัวต่างประเทศ เขามีชื่อเข้าร่วมคัดเลือกในกิจกรรม “PPTV ร่วมกับ BDMS Presents Bundesliga Dream เตะ ล่า ฝัน” เพื่อเฟ้นหาทีมตัวแทนเยาวชนไปสัมผัสประสบการณ์ฟุตบอลเยอรมนี (คัดเลือกที่ศูนย์พัฒนาศักยภาพกีฬาฟุตบอล ม.กรุงเทพธนบุรี เมื่อ 28 กรกฎาคม 2567)
  • เส้นทางทีมชาติ–ค้นหาช้างเผือก รายชื่อ 44 คนสุดท้าย ภายใต้โครงการ FIFA TDS Talent ID 2025 “ค้นป่าหาช้างเผือก” และการเข้าเก็บตัวกับ ทีมชาติไทย U17 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อเตรียมสู่ศึก AFC U-17 Asian Cup 2026 Qualifiers คืออีกสองหมุดหมายที่ยืนยันว่าเขาอยู่ในเรดาร์การพัฒนาเยาวชนของประเทศ

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นด้วย “โชค” หากเกิดจาก การฝึกซ้อมเข้ม–วิถีชีวิตมืออาชีพตั้งแต่วัยมัธยม และ “ระบบสนับสนุน” ที่ชัด—ทั้งสโมสรและโรงเรียน โดย คุณสุธาสินี เหล่ารุ่งโรจน์ ผู้บริหารโรงเรียนทวีเอสซี วิทยา ถึงกับโพสต์แสดงความภูมิใจว่า

“ขึ้นยานแม่ไปอีก 1 คน~ Wonderkid U16 เจเจ 16ปี รุ่น52 อยู่กินนอนด้วยกันมา 3-4 ปี ภูมิใจมากค่ะ ขอบคุณประธานฮั่น ที่ให้โอกาสน้องได้ลงนัดแรกค่ะ”

ข้อความสั้นๆ แต่สะท้อน 3 แกนคิดชัดเจน เวลา (3–4 ปีของการบ่มเพาะ), วัฒนธรรมร่วม (อยู่–กิน–ซ้อมเป็นทีม), และ โอกาส (หน้าที่ของสโมสรคือเปิดประตูสู่ทีมชุดใหญ่)

เชียงราย–เมืองแห่งการปั้น เมื่อหมายเลข 37 มี “ความทรงจำ” เป็นแรงผลัก

สถิติของเจเจหนีไม่พ้นการถูกเทียบกับ เอกนิษฐ์ ปัญญา—ดาวเตะที่เติบโตจากระบบเดียวกัน จนไปไกลถึงทีมชาติชุดใหญ่และเจลีก ความคล้ายคลึงจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็น “ผลลัพธ์เชิงระบบ” ของสโมสรที่ กล้าคืนพื้นที่เกมจริงให้เยาวชน ภายใต้กรอบวินัยและมาตรฐานที่คุมเข้ม

  • บทบาทในสนาม: เจเจเป็นกองกลางสไตล์ “เชื่อมเกม” ที่ดูนิ่งเกินวัย จุดเด่นคือการจ่ายบอลสั้น–กลางสะอาด การเลือกตำแหน่งรับ–ส่งเพื่อเปิดมุมเล่น และการไม่ตื่นกับสปีดเกมที่สูงขึ้น
  • บทบาทนอกสนาม: นักเรียน ม.4 ที่ต้องจัดสมดุลการเรียน–ซ้อม–แข่งขัน—นี่คือความท้าทายสำคัญของเยาวชนอาชีพ และคือเหตุผลที่ระบบ “โรงเรียน–อะคาเดมี” ของเชียงรายถูกยกเป็นต้นแบบในแง่การ ดูแลทั้งคนและนักกีฬา

นัยสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ “จะเป็นเอกนิษฐ์คนต่อไปหรือไม่” แต่อยู่ที่ เจเจจะเป็น “ภพธรรม พรคต” ในเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเองได้อย่างไร—เส้นทางที่ต้องเดินด้วยวินัย–ตัวเลขการซ้อม–และความมุ่งมั่นมากกว่าภาพจำ

นาทีที่ 88 "ประธานฮั่น" มิตติ ติยะไพรัช เปลี่ยนตัว เจเจ เข้าสนาม ในวัย 15 ปี 11 เดือน 16 วัน

ทำเนียบแข้งอายุน้อยสุดในไทยลีกตัวเลขที่เล่า “ปรัชญา” ของทั้งลีก

การที่ไทยลีกบันทึกชื่อของเจเจในฐานะนักเตะอายุน้อยสุดอันดับ 3 ต่อจาก ศุภณัฏฐ์ และ เอกนิษฐ์ แปลความเป็นสองชั้น

  1. เชิงสโมสร: สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด รักษาเส้นทางพัฒนาเยาวชนให้เชื่อมกับทีมชุดใหญ่จริง ไม่ใช่เพียงรูปธรรมบนเอกสาร
  2. เชิงลีก: ไทยลีกพร้อมเปิดโอกาสให้เยาวชนลงเล่น หากผ่านมาตรฐานและสมควรได้เวลา

นี่คือสิ่งที่ สโมสร–ลีก–แฟนบอล ต้องร่วมกันประคับประคอง เพราะสถิติเหล่านี้จะมีค่า ก็ต่อเมื่อ เวลาในสนาม ค่อยๆ งอกเงยเป็น คุณภาพการเล่น ไม่ใช่ “เช็คอินสถิติ” แล้วหายไป

เกมที่มากกว่าชัยชนะ 1–0 บทเรียนการใช้งานเยาวชนในนาทีสำคัญ

การส่งเจเจลงในช่วงนำแบบ “เฉือน” สะท้อนความเชื่อใจของสตาฟฟ์โค้ชต่อความคุมเกมของเด็ก มันคือบททดสอบความนิ่ง—บีจี ปทุมฯ เป็นทีมที่มีแรงปะทะสูงและสปีดยามไล่ตีเสมอ หากเยาวชน “ตกใจจังหวะ” ก็เสี่ยงโดนเพรสแล้วเสียบอลในพื้นที่อันตราย

การผ่านนาทีท้ายๆ แบบไม่เสียรูปทรง จึงเป็น “เคสสตัดดี้” สำหรับการใช้งานเยาวชน ให้เวลาในเงื่อนไขกดดันที่คุมความเสี่ยงได้, ประเมินผลจาก “คุณภาพการตัดสินใจ” มากกว่า “ไฮไลต์จังหวะเดียว” และค่อยๆ ขยายเวลาเมื่อเห็นความพร้อมต่อเนื่อง

ผลสะเทือนเชิงระบบ แรงบันดาลใจ–ความคาดหวัง–มาตรฐานใหม่ของอะคาเดมี

ทุกครั้งที่มี “เด็ก ม.ปลาย” ข้ามขึ้นไทยลีก วงแหวนคลื่นจะวิ่งไปไกลกว่าสโมสร

  • ต่อเยาวชนในระบบ: เห็น “ทางขึ้น” ชัดเจน—ซ้อมหนัก = มีโอกาสจริง
  • ต่อผู้ปกครอง–โรงเรียน: มั่นใจว่าการเลือกเส้นทางกีฬาไม่ใช่การทิ้งการศึกษา หากไปคู่กันได้
  • ต่อตลาดนักเตะ: สโมสรที่ปั้นเก่ง จะมี “ทุนมนุษย์” เป็นสินทรัพย์ สำคัญทั้งในเชิงกีฬาและเศรษฐกิจ (รักษาไว้ใช้เอง หรือกลายเป็นดีลในอนาคต)
  • ต่อไทยลีก–ทีมชาติ: ยกระดับฐานกว้างของผู้เล่นอายุ 15–19 ปี ที่มี “เวลาแข่งขันจริง” เร็วขึ้น

ทั้งหมดนี้ต้องพ่วงด้วย มาตรฐานคุ้มครองนักกีฬาเยาวชน—การจัดการภาระซ้อม–เรียน–พักผ่อน, การโภชนาการ, การฟื้นฟูร่างกาย, และ “การสื่อสาร” ที่ไม่กดเด็กด้วยความคาดหวังเกินวัย

ตัวเลขชวนคิด เวลา–คุณภาพ–รอยต่อสู่ฤดูกาลแรกเต็มใบ

แม้การเดบิวต์ของเจเจจะมีเวลาเล่นไม่มาก แต่ในเชิงพัฒนา นาทีคุณภาพ” (Quality Minutes) สำคัญกว่าจำนวนรวม—นาทีที่ใช้ในเกมจริงกับคู่แข่งแกร่ง มีค่าทางการเรียนรู้มากกว่านาทีจำนวนมากในเกมต่ำแรงกดดัน

สิ่งที่ควรจับตาต่อจากนี้คือ

  • จำนวนเกม–นาทีสะสม: สโมสรจะค่อยๆ เปิดพื้นที่แค่ไหน—ถ้วยลีก, ลีกคัพ, เอฟเอคัพ
  • บทบาทเชิงแท็กติก: เริ่มจาก “เชื่อมเกมปลอดภัย” ไปสู่ “จ่ายคิลเลอร์–วิ่งสอด–เพรสซิ่ง” ตามพัฒนาการ
  • การดูแลภาระเรียน: โรงเรียน–สโมสรจะวางตารางอย่างไรให้ ผลการเรียนไม่สะดุด และ ร่างกายไม่โอเวอร์โหลด

หากองค์ประกอบเหล่านี้ลงล็อก ฤดูกาลหน้าอาจเป็น “ฤดูกาลแรกเต็มใบ” ที่เจเจไต่ระดับไปสู่บทบาทหมุนเวียนอย่างมีนัยสำคัญ

เสียงสะท้อนจากระบบ “โอกาส” ที่ต้องมาพร้อม “แนวทาง”

ในมุมโครงสร้างฟุตบอลไทย “โอกาส” ให้เยาวชนลงเล่นคือจุดเริ่มต้น แต่ต้องตามด้วย “แนวทางพัฒนา” ที่ยึดมั่น ไม่เช่นนั้นเด็กจะติดกับ กับดักสถิติ มากกว่า การเติบโตแท้จริง

  1. การโค้ชรายบุคคล (Individual Development Plan) — แผนพัฒนารายเดือน–รายไตรมาสที่ชัดเจน
  2. สภาพแวดล้อมการซ้อมคุณภาพสูง — ซ้อมกับทีมชุดใหญ่, สแคริมเมจสปีดจริง, โค้ชเทคนิคเฉพาะตำแหน่ง
  3. การส่งเสริมด้านจิตวิทยาการกีฬา — รับมือความคาดหวัง สื่อสารกับสังคม–สื่อ–แฟนคลับอย่างเป็นมืออาชีพ
  4. พี่เลี้ยงในทีม — รุ่นพี่สายเดียวกันคอยแนะนำ ทั้งในและนอกสนาม

ระบบแบบนี้คือความต่างระหว่าง “ดาวรุ่งวูบวาบ” กับ “ตัวหลักระยะยาว”

เชียงราย–แบบเรียนของการเชื่อม “โรงเรียน–อะคาเดมี–สโมสร”

หากถอดบทเรียนจากเคสเจเจ สิ่งที่เห็นเด่นชัดคือ โมเดลความร่วมมือ โรงเรียนที่เข้าใจภารกิจพัฒนา คน+นักกีฬา”, อะคาเดมีที่จัดหลักสูตรฝึกซ้อมสอดคล้องกับคาแรกเตอร์สโมสร, และทีมชุดใหญ่ที่เปิดทางให้เด็กได้สัมผัสเกมจริงอย่างมีกรอบ

นี่คือ “สามเหลี่ยม” ที่หลายสโมสรอยากทำ แต่ไม่ง่าย—ต้องมี ความต่อเนื่อง, ความไว้วางใจ, และเป้าหมายร่วม ที่เป็นรูปธรรม ซึ่งเชียงรายพิสูจน์มาแล้วกับ เอกนิษฐ์ และกำลังเริ่มบทใหม่กับ ภพธรรม

จากนาทีที่ 88 สู่เส้นทาง 10 ปีข้างหน้า—ใครๆ ก็พูดถึง “พรสวรรค์” แต่สิ่งชี้ชะตาคือ “พรแสวงที่ทำทุกวัน”

เมื่อเสียงนกหวีดจบเกมดังขึ้น สถิติถูกบันทึกเรียบร้อย—สิงห์ เชียงรายฯ 1–0 บีจี ปทุมฯ และชื่อ ภพธรรม พรคต ถูกเติมลงในทำเนียบฟุตบอลไทยอย่างภาคภูมิ แต่หลังจากนี้คือ “ชีวิตจริง” ของดาวรุ่งวัย 15 ปี 11 เดือน 16 วัน ที่ต้องเผชิญการซ้อมหนักกว่าวันก่อน, ต้องรักษาความนิ่งท่ามกลางแววตาคาดหวัง, และต้องเติบโตทั้งในฐานะนักเตะ–นักเรียน–ลูกหลานของชุมชนฟุตบอลเชียงราย

สำหรับสโมสร–โรงเรียน–และลีก ค่ำคืนนี้ย้ำชัดว่า ระบบที่ดี สร้าง “โอกาส” ให้เกิดขึ้นได้จริง ส่วน “ปลายทาง” จะไปไกลแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ วินัยและรายละเอียดเล็กๆ ที่เก็บทุกวัน

สำหรับแฟนบอล—เก็บชื่อ เจเจ” ภพธรรม พรคต ไว้ในสมุดเช็คชื่อดาวรุ่งของคุณ เขาอาจไม่การันตีว่าเป็น “เอกนิษฐ์ 2” แต่ถ้าเดินต่อบนเส้นทางที่ใช่ เราอาจได้เห็น “ภพธรรม” ในเวอร์ชันที่ทำให้หมายเลข 37 หนักแน่นขึ้นอีกชั้น—ด้วยผลงานของเขาเอง

ไทม์ไลน์–ข้อมูลสำคัญ (สรุป)

  • ชื่อ–อายุ: ภพธรรม พรคต (“เจเจ”) — 15 ปี 11 เดือน 16 วัน ตอนเดบิวต์ไทยลีก
  • สโมสร: สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด (หมายเลข 37)
  • เกมเดบิวต์: ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2025/26 นัดที่ 5 — 21 ก.ย. 2568
  • ผลการแข่งขัน: สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ชนะ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 1–0
  • ทำเนียบอายุน้อยสุดไทยลีก (Top 3):
    1. ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา — 15 ปี 8 เดือน 22–23 วัน
    2. เอกนิษฐ์ ปัญญา — 15 ปี 11 เดือน 5 วัน
    3. ภพธรรม พรคต — 15 ปี 11 เดือน 16 วัน
  • เส้นทางเยาวชน: StarPower Academy / อะคาเดมีสิงห์เชียงรายฯ / สโมสรเชียงราย ซิตี้ / โรงเรียนทวีเอสซี วิทยา
  • เวทีคัดตัว–ทีมชาติ: FIFA TDS Talent ID 2025 (44 คนสุดท้าย), เก็บตัวทีมชาติไทย U17 (มิถุนายน 2568)
  • รางวัลสำคัญ: MVP รายการ “รวมโชค Youth Fighter #U16”
เจเจ “ภพธรรม พรคต” กับ คุณสุธาสินี เหล่ารุ่งโรจน์ ผู้บริหารโรงเรียนทวีเอสซี วิทยา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด (Singha Chiangrai United)
  • ไทยลีก (Thai League Co., Ltd.)
  • สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ (FA Thailand)
  • FIFA – Talent Development Scheme (TDS)
  • โรงเรียนทวีเอสซี วิทยา
  • StarPower Academy / สโมสรเชียงราย ซิตี้
  • PPTV x BDMS Presents Bundesliga Dream
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SPORT

เหลือ 3 เดือนสุดท้าย ซีเกมส์ 33 กมธ.วุฒิสภา “เร่งเครื่อง” ถามความพร้อมประเทศเจ้าภาพ

3 เดือนสุดท้ายก่อนซีเกมส์ ครั้งที่ 33: กมธ.วุฒิสภา “เร่งเครื่อง” จี้รัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ คนใหม่ สางปมจัดการ–สื่อสาร–ที่พัก ขีดเส้นความพร้อมประเทศเจ้าภาพ

กรุงเทพฯ, 21 กันยายน 2568 – “เหลือเวลาอีกเพียง 3 เดือน” ประโยคสั้นๆ ที่หนักแน่นพอจะสะท้อนแรงกดดันต่อทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ของไทยปลายปีนี้ ขณะที่สปอร์ตไลต์จากทั้งภูมิภาคกำลังกวาดสายตามาที่เรา—คณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและการกีฬา วุฒิสภา (กมธ.) ออกโรงย้ำสัญญาณเตือนให้ฝ่ายบริหาร “เร่งแก้จุดคอขวด” โดยเฉพาะงานสื่อสารภาพลักษณ์เจ้าภาพ การบริหารศูนย์ถ่ายทอดสด ตลอดจนการจัดการที่พัก–ความปลอดภัยนักกีฬาและกองเชียร์ในช่วงไฮซีซัน

น้ำเสียงจริงจังของ นายจำลอง อนันตสุข สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะโฆษก กมธ.ฯ หลังการเชิญ นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เข้าชี้แจง 2–3 ครั้ง บอกเล่า “ภาพรวมที่น่าเป็นห่วง” ทั้งในเชิงระบบและจังหวะเวลา โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบสัญลักษณ์งาน (โลโก–มาสคอต) ในช่วงกระชั้นชิด การตัดสินใจว่าจ้างเอกชนบริหารงานถ่ายทอดสดแทนหน่วยงานรัฐที่มีทรัพยากรพร้อมใช้ และภารกิจสำคัญอย่าง การสำรองที่พัก ในเดือนธันวาคมซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวสูงสุดของไทยที่ “ยังไม่เริ่มต้นอย่างที่ควร” รวมถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ต้องชัดเจนยิ่งขึ้น

“ที่ผ่านมา รัฐบาลไม่เข้มแข็ง ปล่อยปัญหานี้จนเหลือเวลาแค่ 3 เดือนสุดท้าย มิหนำซ้ำยังเปลี่ยนโลโกและมาสคอตซึ่งไม่ควร เพราะต้องใช้ประชาสัมพันธ์… ส่วนเรื่องถ่ายทอดสด กกท.ไปจ้างเอกชน ทั้งที่กรมประชาสัมพันธ์มีพื้นที่และทรัพยากรเพียงพอ… เรื่องที่พักก็ยังไม่จอง ทั้งที่ธันวาคมเป็นไฮซีซัน” — นายจำลอง อนันตสุข กล่าวย้ำประเด็นต่อ กมธ.ฯ

เข็มนาฬิกาเดินต่อเนื่อง ขณะที่ “สมการความพร้อม” ยังมีหลายตัวแปรรอการปลดล็อก—และนี่คือภาพรวมเชิงลึกของโจทย์ท้าทายที่ถูกตั้งไว้ตรงหน้า “รัฐบาลชุดใหม่–รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา” ผู้ต้องรับไม้ต่อในโค้งสุดท้าย

โจทย์เร่งด่วน 3 ประการ สื่อสาร–ถ่ายทอด–ที่พัก/ความปลอดภัย

1) การสื่อสารสาธารณะ (Public Communications) และงานสัญลักษณ์เจ้าภาพ

กีฬามหกรรมต้องการ “เรื่องเล่าเดียวกัน” (single narrative) เพื่อรวมพลังสังคมและตรึงใจผู้ชมในภูมิภาค การเปลี่ยนโลโก–มาสคอตในโค้งท้าย ไม่เพียงทำให้กระบวนการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์สะดุด แต่ยังส่งผลต่อ “สื่อสนับสนุนเชิงสิทธิประโยชน์” (sponsorship signage & collaterals) ที่ต้องรีดีไซน์–รีพิมพ์ ซึ่งเท่ากับเวลา–งบประมาณสูญเสียเพิ่มโดยไม่จำเป็น จุดนี้ กมธ.ฯ ระบุชัดว่า “ไม่ควรเกิดขึ้นกับประเทศเจ้าภาพ” และเสนอ ให้ยุติความไม่แน่นอน ด้วยการประกาศแบบใช้อย่างเป็นทางการ พร้อมคู่มือการใช้สัญลักษณ์ (brand guideline) ที่ทำให้ทุกหน่วยงานเดินหน้าไปในทิศทางเดียว

2) การถ่ายทอดสดและศูนย์สื่อ

กมธ.ฯ ตั้งข้อสังเกตการที่ กกท. ว่าจ้างเอกชน ดูแลศูนย์การถ่ายทอดสด ทั้งที่หน่วยงานรัฐด้านสื่อสารสาธารณะมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมรองรับ การบริหารความเสี่ยงในงานระดับภูมิภาคจำเป็นต้องมี “แผนสำรองหลายชั้น” (redundancy) ทั้งลิงก์สัญญาณ สนาม–IBC (International Broadcast Center)–สตูดิโอ และการประสานงานสิทธิถ่ายทอดในประเทศ–ต่างประเทศ การใช้ทรัพยากรของรัฐ “เท่าที่มีพร้อมใช้งาน” จะช่วยควบคุมมาตรฐานและความต่อเนื่องของสัญญาณ รวมถึงป้องกันการทับซ้อนหน้าที่และค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน

3) ที่พักและความปลอดภัยในช่วงไฮซีซัน

ธันวาคมคือ “พีค” ของการท่องเที่ยวไทย—ห้องพักมีจำกัดและราคาแปรผันสูง การยัง ไม่ได้สำรองที่พัก ให้คณะนักกีฬา–เจ้าหน้าที่–สหพันธ์–สื่อมวลชน ในระดับที่เพียงพอ อาจนำไปสู่ “คอขวดเชิงโลจิสติกส์” และความไม่พึงพอใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควบคู่กับประเด็น มาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่ง กมธ.ฯ เสนอให้เพิ่มกล้องวงจรปิดในพื้นที่เสี่ยง จัดทีมรักษาความปลอดภัยแบบผสม (ตำรวจ–ทหาร–อาสาสมัคร–สหพันธรัฐกีฬา) และแผนจัดการฝูงชน โดยเฉพาะการแข่งขันที่อ่อนไหวต่อ “อารมณ์เชียร์” ท่ามกลางบริบทภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาค

งบประมาณ “ตั้งไว้ไม่พอ–รอพึ่งงบกลาง” กับความเสี่ยงเชิงเวลา

อีกปมที่ กมธ.ฯ หยิบยกคือเรื่องงบประมาณ “ตั้งทิ้งไว้ไม่เพียงพอ” และมีแนวโน้มต้องใช้งบกลาง ซึ่งตามขั้นตอนย่อม ทำให้ทุกกระบวนการช้าลง โดยเฉพาะงานที่ต้อง “ล็อก” สัญญากับเอกชน เช่น ระบบเทคนิคถ่ายทอดสัญญาณ มาตรการ IT/ไซเบอร์ซีเคียวริตี้ การอัปเกรดสถานที่ การติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกชั่วคราว และการจ้างบุคลากรเฉพาะทาง “ทุกวันคือโอกาสต้นทุน” ที่อาจเพิ่มขึ้นแบบทบต้นทบดอก หากการตัดสินใจล่าช้าไปเพียงไม่กี่สัปดาห์

ภาพใหญ่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไทยในฐานะเจ้าภาพ “ซีเกมส์ 33” กับกรอบเวลาจริง

แม้แรงกดดันจะสูง แต่ “กรอบเวลา–กรอบงาน” ของไทยในฐานะเจ้าภาพยังชัดเจนตามปฏิทินกีฬาในภูมิภาค ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 กำหนดจัดระหว่าง 9–20 ธันวาคม 2568 โดยไทยเป็นเจ้าภาพหลักด้วยแนวคิด “Green, Clean, Friendly” และวางผังจัดการแข่งขันใน กรุงเทพมหานคร–ชลบุรี–สงขลา เป็นหลัก พร้อมเมืองร่วมจัดบางชนิดกีฬา ทั้งนี้ กกท.ได้รายงานภาพรวมต่อสาธารณะหลายครั้งตลอดปีที่ผ่านมา โดยย้ำบริบทความพร้อมของสถานที่แข่งขัน โครงสร้างพื้นฐาน และการประสานหน่วยงานท้องถิ่น–ภาคเอกชนเพื่อรองรับมหกรรมกีฬา

การที่สหพันธ์กีฬานานาชาติและระดับทวีป—รวมถึงสหพันธ์มวยปล้ำโลก (UWW)—ระบุประเทศไทยเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ 2025 ในเอกสารทางการ และการตั้ง “คณะกรรมการจัดการแข่งขัน” (Organizing Committee) คือหมุดหมายว่าสังคมกีฬาโลก “นับถอยหลังร่วมกันกับไทย” แล้ว ที่เหลืออยู่คือการปิดจุดเสี่ยงให้เร็วที่สุดเพื่อลดความไม่แน่นอนในสายตาผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

น้ำหนักคำถามจาก กมธ.ฯ สู่ “กรอบปฏิบัติ” สำหรับรัฐมนตรีฯ คนใหม่

คีย์แมสเสจของ กมธ.ฯ ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคนใหม่ชัดเจน 3 ขั้นตอน

  1. จัดโต๊ะหารือด่วน ระหว่าง (กกท.–กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา–กระทรวงมหาดไทย/ผู้ว่าฯ เมืองเจ้าภาพ–สำนักงานตำรวจแห่งชาติ–กระทรวงดิจิทัลฯ–กรมประชาสัมพันธ์–การไฟฟ้า/การประปาฯ–ขนส่ง/รฟม./รฟท.–การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนรายสำคัญ) เพื่อเคลียร์ “แผนแม่บทโค้งสุดท้าย” ให้มีเจ้าภาพงานแต่ละสายชัดเจน, เส้นตาย, ตัวชี้วัดความก้าวหน้า (KPI) รายสัปดาห์
  2. ล็อกสัญญา–ล็อกพื้นที่–ล็อกคน
    • สัญญาสนับสนุนเทคนิคหลัก: ศูนย์ถ่ายทอด, ระบบเวลา/ผลการแข่งขัน, ระบบขายบัตร, แพลตฟอร์มข้อมูล, ซัพพลายความปลอดภัย
    • พื้นที่: โรงแรมหลัก–โรงแรมสำรอง, โซน IBC, ศูนย์สื่อ, เส้นทางขบวน–รถรับส่ง
    • คน: บุคลากรเทคนิค, อาสาสมัคร, ทีมล่าม, ทีมแพทย์ฉุกเฉิน–เวชศาสตร์การกีฬา, ทีมความปลอดภัยสนาม/โรงแรม/จุดคมนาคม
  3. ระบบรายงานความก้าวหน้า รายสัปดาห์ต่อ กมธ.ฯ และศูนย์บัญชาการซีเกมส์ (War Room) ของฝ่ายบริหาร โดย กมธ.ฯ ระบุว่าจะ เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือทุกสัปดาห์ และลงพื้นที่ตรวจจริง เพื่อคุมคุณภาพ–เวลา และช่วย “ปลดล็อกอุปสรรค” ที่กระทบภาพรวม

ซีเกมส์” ไม่ใช่แค่งานกีฬา มาตรวัดความสามารถจัดการมหกรรมระดับภูมิภาค

ประเด็นที่หลายคนมองข้ามคือ “ผลลัพธ์นอกสนาม” ซีเกมส์คือเวทีทดสอบขีดความสามารถโครงสร้างพื้นฐานอีเวนต์ของไทย ตั้งแต่สนาม–ระบบขนส่ง–ความปลอดภัย–การสื่อสารสาธารณะ–เศรษฐกิจท่องเที่ยว–เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ไปจนถึง ความเชื่อมั่นนักลงทุนอุตสาหกรรมอีเวนต์–ไมซ์ หากเราจัดการ “ประสบการณ์รวม” (End-to-End Experience) ได้อย่างมืออาชีพ—ตั้งแต่การขอวีซ่า, การต้อนรับที่สนามบิน, เส้นทางขนส่ง, การเช็กอินโรงแรม, โภชนาการฮาลาล/มังสวิรัติ/อัลเลอร์จี, ไปจนถึงการสื่อสารสองภาษา—เราจะยกระดับ “ตราประทับคุณภาพ” ประเทศเจ้าภาพในสายตาภูมิภาค

ในมุมนี้ การตัดสินใจเรื่อง ศูนย์ถ่ายทอด และ เอกภาพการสื่อสาร จึงไม่ใช่รายละเอียดปลีกย่อย แต่คือ “โครงหลัก” ที่ส่งผลต่อการรับรู้คุณภาพซีเกมส์ของไทยทั้งงาน

เสียงเตือนเรื่องความปลอดภัย แผนเชิงรุกที่ต้องชัด–ซ้อมจริง

ข้อเสนอของ กมธ.ฯ ให้ ติดตั้งกล้องวงจรปิด ในจุดเสี่ยง, จัด ทีมรักษาความปลอดภัยผสม และแผน แยกกองเชียร์ ในบางแมตช์ ไม่ได้เกิดจากความกังวลเกินเหตุ แต่สอดคล้องกับมาตรฐานการจัดการแข่งขันยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ Crowd Management และ Risk-Based Policing โดยเฉพาะในสนามที่มีแฟนกีฬาเข้มข้น นอกจากนี้ แผนการแพทย์ฉุกเฉิน–การคัดแยกผู้บาดเจ็บ (Triage)–เส้นทางขนย้ายผู้ป่วย–และการสื่อสารวิทยุระหว่างหน่วย ต้อง “ซ้อมสถานการณ์จริง” หลายรอบล่วงหน้า เพื่อให้ทุกคนรู้ตำแหน่ง–หน้าที่–คำสั่ง–และจุดรวมพลอย่างแม่นยำ

งบฯ–เวลา สมการที่ต้องคุมให้ได้ใน 12 สัปดาห์

ประโยคที่ว่า “งบไม่พอ–จะขอใช้งบกลาง” ทำงานได้ในเชิงทฤษฎี แต่ในเชิงปฏิบัติ “เวลาอนุมัติ–เบิกจ่าย–จัดซื้อ–ติดตั้ง–ทดสอบ” คือวงจรที่แทบไม่เหลือช่องว่างผิดพลาด การบริหารงบประมาณในโค้งสุดท้ายจึงต้อง

  • จัดลำดับความสำคัญ (Prioritization): อะไรคือ “ต้องมี” เพื่อความปลอดภัย–ฟังก์ชันหลัก อะไรคือ “ควรมี” เพื่อยกระดับประสบการณ์ และอะไรคือ “อยากมี” ที่เลื่อนได้
  • ใช้สัญญาแบบผลลัพธ์เป็นตัวตั้ง (Outcome-based) กับผู้รับจ้าง เพื่อผูก KPI กับ “วันจริง”
  • ตั้งกองปฏิบัติการรวมศูนย์ (Integrated Command) ที่มีอำนาจตัดสินใจเร็ว–รายงานตรง–เบิกจ่ายได้ตามกรอบกฎหมาย

ภาพสะท้อนจากเวที กมธ. จากการตรวจสอบสู่ “ความร่วมมือ”

แม้โทนคำพูดของนายจำลองจะเข้ม แต่ในตอนท้าย เขาย้ำชัดเจนว่า กมธ.ฯ พร้อมสนับสนุนรัฐบาล และจะทำงานเชิงรุก—เปิดโต๊ะทุกสัปดาห์ ลงพื้นที่สถานที่แข่งขัน เพื่อช่วยให้ซีเกมส์ครั้งนี้ “เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ” มากกว่าเป็นเวทีตำหนิซ้ำเติม

“ต้องให้กำลังใจรัฐบาลชุดนี้ด้วย และเราจะช่วยให้กีฬาในครั้งนี้เป็นความภาคภูมิใจของประชาชนทั้งประเทศ” — นายจำลอง อนันตสุข ย้ำบทบาท กมธ.ฯ

สิ่งที่สังคมคาดหวัง ความชัดเจนภายใน “วัน–สัปดาห์” ไม่ใช่ “เดือน”

เมื่อเวลาคือทรัพยากรที่แพงที่สุด ความชัดเจนภายใน 7–14 วัน ข้างหน้า จะเป็นตัวคูณความสำเร็จของโครงการอย่างมีนัยสำคัญ

  • ประกาศสัญลักษณ์ทางการ พร้อมคู่มือใช้งาน–แผนสื่อ
  • ปิดดีลที่พักหลัก–สำรอง ครอบคลุมทีมชาติ–เจ้าหน้าที่–สหพันธ์–สื่อ
  • ตัดสินใจผู้รับผิดชอบศูนย์ถ่ายทอด–ระบบสัญญาณ พร้อมแผนสำรอง
  • เปิด War Room รายสัปดาห์ และเผยแพร่ “แดชบอร์ดความก้าวหน้า” ต่อสาธารณะในระดับที่เหมาะสม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและชวนอาสาสมัครทั่วประเทศเข้าร่วม

กมธ.ฯ ยืนยัน จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าหารือทุกสัปดาห์ และลงพื้นที่สนามแข่งขัน เพื่อให้ “เส้นตาย” กลายเป็น “เส้นชัยร่วมกัน” ของทุกคน

โค้งสุดท้ายที่ต้อง “เดินพร้อมกัน”

ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ไม่ใช่เพียงบทพิสูจน์นักกีฬาบนโพเดียม แต่คือ บทพิสูจน์กำลังของระบบ ตั้งแต่นโยบาย–ปฏิบัติการ–ความร่วมมือรัฐ–เอกชน–ท้องถิ่น—ที่จะบอกกับภูมิภาคว่า “ไทยยังยืนหนึ่งในฐานะเจ้าภาพอีเวนต์มหกรรมระดับอาเซียน” ได้หรือไม่

สัญญาณเตือนจาก กมธ.วุฒิสภา ในวันนี้จึงไม่ใช่ “เสียงตำหนิ” หากคือ “เสียงกลอง” ที่ตีจังหวะให้ทุกฟากฝ่ายเร่งก้าวเท้าเข้าหากัน—เพื่อให้ 3 เดือนสุดท้าย กลายเป็นช่วงเวลาของการ “เก็บงานอย่างมีวินัย–ปิดจุดเสี่ยงอย่างมืออาชีพ–และเล่าเรื่องประเทศไทยอย่างภาคภูมิ” บนเวทีกีฬาของเพื่อนบ้านทั้งภูมิภาค

เมื่อเส้นชัยอยู่ไม่ไกล—สิ่งที่ต้องทำคือ วิ่งให้เป็นทีม เดินให้เป็น “ขบวนเจ้าภาพ” ที่มั่นใจ และจัดการรายละเอียดให้เรียบร้อยตั้งแต่วันนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เชียงรายเปิดศึกบาส 3×3 ชิงถ้วยพระราชทาน

เชียงรายจัดศึกบาสเกตบอล 3×3 “UTCC Championship 2025” ระดับภูมิภาค คึกคัก สานฝันเยาวชนสู่เวทีระดับชาติ

เชียงราย, 31 พฤษภาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และหอการค้าไทย เปิดศึกบาสเกตบอลสามคน “3×3 UTCC Championship 2025” รอบคัดเลือกระดับภูมิภาค ณ ยิมเนเซียม 1 สนามกีฬากลางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยมี นายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการกีฬาบาสเกตบอลเยาวชนไทย

เสริมสร้างโอกาสและศักยภาพเยาวชนผ่านกีฬา

งานแข่งขันบาสเกตบอล 3×3 UTCC Championship 2025 ครั้งนี้ เป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่มุ่งหวังจะส่งเสริมให้เยาวชนในแต่ละภูมิภาคได้มีเวทีแสดงออกถึงศักยภาพทางด้านกีฬา เสริมสร้างทักษะชีวิต ความสามัคคี น้ำใจนักกีฬา และทักษะการทำงานเป็นทีม ภายใต้ความร่วมมือระหว่างหอการค้าไทยและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาเยาวชนไทยให้มีโอกาสเติบโตอย่างรอบด้าน

แนวคิดและวัตถุประสงค์การจัดงาน

นายนิทัศน์ ศรีรัตนประสิทธิ์ ประธาน YEC เชียงราย ในฐานะผู้แทนคณะกรรมการจัดงาน ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์หลักของการแข่งขันในครั้งนี้ว่า ต้องการสนับสนุนให้เยาวชนได้แสดงศักยภาพด้านกีฬา ส่งเสริมการออกกำลังกายอย่างสร้างสรรค์ พร้อมกับปลูกฝังคุณลักษณะที่ดีงาม ผ่านกีฬาบาสเกตบอล 3×3 ซึ่งได้รับความนิยมและขยายตัวอย่างรวดเร็วในกลุ่มเยาวชนทั่วประเทศ โดยการแข่งขันระดับภูมิภาคนี้ ถือเป็นหนึ่งในแปดสนามที่จัดขึ้นครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย

พิธีเปิดและบรรยากาศการแข่งขัน

ในพิธีเปิดการแข่งขัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักจากกองเชียร์ ครูผู้ฝึกสอน ผู้ปกครอง และนักกีฬาที่เดินทางมาจากหลายจังหวัดในภาคเหนือ รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง ทุกคนต่างมีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการลงสนามแข่งขันเพื่อคว้าชัยชนะและสิทธิ์เข้าแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศต่อไป

รองนายก อบจ.เชียงราย กล่าวในพิธีเปิดว่า “องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้อย่างเต็มที่ เพราะนอกจากจะส่งเสริมสุขภาพและศักยภาพเยาวชนแล้ว ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างเยาวชนจากหลายพื้นที่ ให้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้ซึ่งกันและกัน”

รูปแบบและประเภทการแข่งขัน

การแข่งขันแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

  • รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ชาย
  • รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี หญิง
  • รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ชาย

โดยทีมชายเปิดรับสมัคร 24 ทีม ส่วนทีมหญิงรับสมัคร 12 ทีม เพื่อคัดเลือกตัวแทนไปแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อันทรงเกียรติยิ่งใหญ่

บทบาทของกีฬาในการพัฒนาเยาวชน

บาสเกตบอล 3×3 นับเป็นรูปแบบกีฬาที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มเยาวชน เพราะกติกาเข้าใจง่าย ใช้พื้นที่แข่งขันน้อย เหมาะสมกับยุคสมัยที่ต้องการความคล่องตัว นอกจากนี้ ยังเป็นกีฬาที่สร้างเสริมทักษะการสื่อสาร ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และความสามัคคีในทีมได้เป็นอย่างดี

จากสถิติของสมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย พบว่า จำนวนทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันบาสเกตบอล 3×3 ทั่วประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 15% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงการเติบโตของความนิยมในกลุ่มเยาวชนไทย

ผลลัพธ์และแนวโน้มในอนาคต

การแข่งขันบาสเกตบอล 3×3 UTCC Championship 2025 รอบคัดเลือกครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเวทีแข่งขันชิงชัยเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชน ก่อให้เกิดโอกาสในการค้นหานักกีฬาดาวรุ่งรุ่นใหม่ที่จะก้าวไปสู่ทีมชาติไทยในอนาคต ขณะเดียวกันยังมีส่วนช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย โดยมีผู้เดินทางเข้าร่วมงานกว่า 600 คน ซึ่งคาดว่าตลอดการแข่งขันจะสร้างรายได้ให้กับธุรกิจท้องถิ่น อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร และการขนส่งไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท

การส่งต่อคุณค่าผ่านกิจกรรมกีฬา

การจัดการแข่งขันบาสเกตบอล 3×3 ในระดับภูมิภาคครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงพลังของกีฬาในการขับเคลื่อนสังคมเยาวชนไทย ให้รู้จักการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ อยู่ร่วมกันอย่างมีน้ำใจ และกล้าที่จะแข่งขันอย่างสุจริต พร้อมเตรียมความพร้อมสู่เวทีระดับประเทศและระดับนานาชาติในอนาคต

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • จำนวนผู้เข้าร่วมและชมการแข่งขันตลอดทั้งรอบคัดเลือกในเชียงรายประมาณ 600 คน (ข้อมูลโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย)
  • การแข่งขันระดับภูมิภาคจัดขึ้น 8 สนามทั่วประเทศ โดยมีทีมชายสมัคร 24 ทีม และทีมหญิง 12 ทีมต่อสนาม (อ้างอิง: สมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย)
  • สถิติการเพิ่มขึ้นของทีมบาสเกตบอล 3×3 เฉลี่ยปีละ 15% ใน 3 ปีที่ผ่านมา (ที่มา: สมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย)
  • การแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นรางวัลสูงสุดสำหรับการแข่งขันบาสเกตบอล 3×3 เยาวชนในไทย (อ้างอิง: สมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
  • หอการค้าไทย
  • YEC เชียงราย
  • สมาคมกีฬาบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เทควันโดเชียงรายพร้อม ชิงแชมป์ประเทศไทยที่พัทยา

นายก อบจ.เชียงราย พบปะให้กำลังใจนักกีฬาเทควันโดตัวแทนจังหวัด ก่อนลุยศึก G H Bank 2568

เชียงราย, 31 มีนาคม 2568 – นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ได้ให้การต้อนรับและพบปะเพื่อให้กำลังใจแก่นักกีฬาเทควันโดตัวแทนจังหวัดเชียงราย ซึ่งเตรียมเข้าร่วมการแข่งขันกีฬา “G H Bank เทควันโดชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568” ประเภทต่อสู้ โดยพิธีดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 31 มีนาคม 2568 เวลา 10:00 น. ณ ห้องรับรองนายก อบจ.เชียงราย โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และตัวแทนจากสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยเข้าร่วม

การแข่งขัน “G H Bank เทควันโดชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-8 เมษายน 2568 ณ อาคารกรีฑาในร่ม ศูนย์กีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี เป็นรายการสำคัญที่เปิดโอกาสให้นักกีฬาเทควันโดทั่วประเทศได้แสดงศักยภาพและพัฒนาทักษะด้านกีฬา โดยนางอทิตาธรได้กล่าวชื่นชมน้อง ๆ นักกีฬาที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อเป็นตัวแทนของจังหวัดเชียงราย พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแข่งขันครั้งนี้ที่ไม่เพียงเป็นเวทีในการชิงชัย แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดและพัฒนานักกีฬาเยาวชนสู่ระดับชาติในอนาคต

ความสำคัญของการแข่งขันและการเตรียมความพร้อม

การแข่งขันกีฬาเทควันโดชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยเมืองพัทยา ร่วมกับสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนของ G H Bank (ธนาคารอาคารสงเคราะห์) โดยมุ่งเน้นประเภทการแข่งขันแบบ “ต่อสู้” หรือ “เคียวรูกิ” ซึ่งเป็นรูปแบบที่เน้นทักษะการเคลื่อนไหว ความแข็งแกร่ง และกลยุทธ์ในการต่อสู้ ซึ่งเป็นที่นิยมและได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในวงการกีฬาเทควันโด

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวในพิธีว่า “การที่นักกีฬาเยาวชนจากจังหวัดเชียงรายได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนเข้าร่วมการแข่งขันระดับชาติครั้งนี้ เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ และแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเททั้งของตัวน้อง ๆ เองและทีมผู้ฝึกสอน อบจ.เชียงรายพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้นักกีฬาของเรามีขวัญกำลังใจและความพร้อมในการแข่งขัน รวมถึงหวังว่าน้อง ๆ จะสามารถคว้าชัยชนะกลับมาเป็นเกียรติยศให้กับจังหวัดของเรา”

การแข่งขันครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้นักกีฬาเทควันโดทั่วประเทศได้มีเวทีในการแสดงความสามารถ พัฒนาทักษะกีฬาของตนเอง และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ อีกทั้งยังเป็นโอกาสสำคัญในการคัดเลือกนักกีฬาที่มีศักยภาพเพื่อก้าวสู่การเป็นตัวแทนทีมชาติไทยในอนาคต นอกจากนี้ การจัดการแข่งขันยังมีเป้าหมายเพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของเมืองพัทยาให้เป็น “เมืองแห่งกีฬา” และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ซึ่งคาดว่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นในจังหวัดชลบุรี

ในการเตรียมความพร้อม ตัวแทนจากสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยได้นำเสนอรูปแบบการจัดการแข่งขันในที่ประชุม ณ ศาลาว่าการจังหวัดชลบุรี โดยระบุว่า การแข่งขันครั้งนี้จะมีนักกีฬาและผู้ติดตามเข้าร่วมมากกว่า 3,000 คน ซึ่งถือเป็นจำนวนที่ค่อนข้างสูง สะท้อนถึงความนิยมและความสำคัญของรายการนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้วางแผนจัดการในด้านต่าง ๆ อย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่จัดการแข่งขัน ที่พัก ความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อให้การแข่งขันดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยและบรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้

การสนับสนุนจาก อบจ.เชียงราย

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ยังได้กล่าวถึงบทบาทของ อบจ.เชียงรายในการสนับสนุนกีฬาเยาวชน โดยระบุว่า อบจ.ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนากีฬาในระดับท้องถิ่นมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการจัดสรรงบประมาณสำหรับการฝึกซ้อม อุปกรณ์กีฬา และการเดินทางไปแข่งขันในรายการต่าง ๆ ซึ่งการแข่งขัน G H Bank เทควันโดชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในเวทีที่ อบจ.เชียงรายให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้นักกีฬามีโอกาสพัฒนาศักยภาพและสร้างผลงานในระดับชาติ

“น้อง ๆ นักกีฬาเทควันโดเหล่านี้คืออนาคตของวงการกีฬาไทย และเป็นความหวังของจังหวัดเชียงราย เราเชื่อมั่นในความสามารถของน้อง ๆ และหวังว่าการแข่งขันครั้งนี้จะเป็นบันไดก้าวแรกสู่ความสำเร็จในระดับที่สูงขึ้นต่อไป” นายก อบจ.เชียงรายกล่าว

รายละเอียดการแข่งขัน

การแข่งขัน G H Bank เทควันโดชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2568 จะจัดขึ้น ณ อาคารกรีฑาในร่ม ศูนย์กีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 4-8 เมษายน 2568 โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็นรุ่นต่าง ๆ ตามน้ำหนักและเพศ ซึ่งนักกีฬาจากจังหวัดเชียงรายจะเข้าร่วมในประเภทต่อสู้ (เคียวรูกิ) ที่เน้นการใช้ทักษะการโจมตีและป้องกันตัวอย่างแม่นยำ

การแข่งขันครั้งนี้จะมีทั้งนักกีฬาเยาวชนและนักกีฬาทั่วไปจากทั่วประเทศเข้าร่วม ซึ่งคาดว่าจะเป็นเวทีที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอันดุเดือดและน่าติดตาม โดยสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยได้กำหนดมาตรฐานการตัดสินและกฎกติกาให้สอดคล้องกับการแข่งขันระดับสากล เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักกีฬาที่มีโอกาสก้าวไปสู่การแข่งขันในระดับนานาชาติต่อไป

ผลกระทบต่อเมืองพัทยาและชลบุรี

การจัดการแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อนักกีฬาเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อเมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรีในภาพรวม ด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมกว่า 3,000 คน ซึ่งรวมถึงนักกีฬา ทีมผู้ฝึกสอน ผู้ปกครอง และผู้ชม คาดว่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการใช้จ่ายในด้านที่พัก อาหาร และการท่องเที่ยว โดยเมืองพัทยาได้ตั้งเป้าหมายให้การแข่งขันครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างภาพลักษณ์ให้เป็น “เมืองแห่งกีฬา” ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักกีฬาจากทั่วประเทศให้เข้ามาเยี่ยมชมและใช้บริการในอนาคต

ทัศนคติเป็นกลางต่อความเห็นทั้งสองฝ่าย

การแข่งขันครั้งนี้ได้เกิดการถกเถียงในหมู่ผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในแง่ของการสนับสนุนนักกีฬาเยาวชน ฝ่ายหนึ่งมองว่า การที่ อบจ.เชียงรายและหน่วยงานท้องถิ่นให้การสนับสนุนนักกีฬาเทควันโดอย่างเต็มที่ เป็นสิ่งที่น่ายกย่องและช่วยสร้างโอกาสให้เยาวชนในจังหวัดได้พัฒนาทักษะและมีเวทีแสดงความสามารถ ซึ่งอาจนำไปสู่การเป็นนักกีฬามืออาชีพในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนหันมาใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ แทนการหมกมุ่นกับสิ่งที่ไม่เหมาะสม

ในทางกลับกัน อีกฝ่ายหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า การให้ความสำคัญกับกีฬาเทควันโดเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการพัฒนากีฬาในภาพรวมของจังหวัดเชียงราย โดยชี้ว่า งบประมาณที่ใช้ในการสนับสนุนควรกระจายไปยังกีฬาชนิดอื่น ๆ ด้วย เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมและครอบคลุมเยาวชนที่มีความสนใจหลากหลาย รวมถึงมองว่าการแข่งขันระดับชาติอาจสร้างความกดดันให้กับนักกีฬาเยาวชนมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อสภาพจิตใจหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

จากมุมมองที่เป็นกลาง การสนับสนุนของ อบจ.เชียงรายมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมกีฬาและสร้างโอกาสให้เยาวชน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนากีฬาของชาติ อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอแนะที่ให้มีการกระจายงบประมาณไปยังกีฬาชนิดอื่น ๆ ก็มีความสมเหตุสมผล เพื่อให้เกิดความหลากหลายและตอบสนองความต้องการของเยาวชนในวงกว้าง การตัดสินใจในเรื่องนี้ควรพิจารณาจากความพร้อมของทรัพยากรและความสนใจของเยาวชนในจังหวัด โดยไม่ควรตัดสินว่าฝ่ายใดถูกหรือผิด แต่ควรมองหาความสมดุลที่เหมาะสมในการพัฒนากีฬาทั้งระบบ

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  1. จำนวนนักกีฬาเทควันโดในประเทศไทย: จากข้อมูลของสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ในปี 2566 มีนักกีฬาเทควันโดที่ลงทะเบียนทั่วประเทศประมาณ 15,000 คน โดยร้อยละ 60 เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี (ที่มา: สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย, รายงานประจำปี 2566)
  2. การจัดการแข่งขันกีฬาระดับชาติ: สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยระบุว่า ในช่วงปี 2565-2567 มีการจัดการแข่งขันกีฬาระดับชาติ 85 รายการ โดยร้อยละ 40 จัดในจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เช่น ชลบุรี (ที่มา: การกีฬาแห่งประเทศไทย, สถิติการแข่งขัน 2567)
  3. ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวเชิงกีฬา: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานว่า ในปี 2566 การท่องเที่ยวเชิงกีฬาสร้างรายได้ให้จังหวัดชลบุรีกว่า 2,500 ล้านบาท จากการจัดการแข่งขันและกิจกรรมกีฬาต่าง ๆ (ที่มา: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, รายงานเศรษฐกิจกีฬา 2566)

สรุป

การพบปะและให้กำลังใจนักกีฬาเทควันโดตัวแทนจังหวัดเชียงรายของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย แสดงถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนเยาวชนให้พัฒนาทักษะกีฬาและสร้างชื่อเสียงให้จังหวัด การแข่งขัน G H Bank เทควันโดชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย 2568 จะเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้นักกีฬาได้แสดงศักยภาพ ขณะเดียวกันก็ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์เมืองพัทยาในฐานะเมืองแห่งกีฬาและการท่องเที่ยว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • อบจ.เชียงราย
  • สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย
  • การกีฬาแห่งประเทศไทย
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
SPORT

ซีเกมส์ 2025 ไทยใช้สนามหลวงเปิดงาน เข้าชมฟรี เชียร์กีฬาให้สุดใจ!

ไทยยืนยันใช้สนามหลวงจัดพิธีเปิดซีเกมส์ 2025 เปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประชุมความพร้อม ยืนยันเปิดให้ชมฟรี ยกเว้นบางชนิดกีฬา

กรุงเทพฯ, 26 กุมภาพันธ์ 2568 – นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขัน กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 พ.ศ. 2568 (SEA Games 2025) และ การแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 พ.ศ. 2568 ณ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมีผู้บริหารระดับสูงและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

ยืนยันใช้สนามหลวงจัดพิธีเปิด ราชมังคลากีฬาสถานเป็นสถานที่ปิดการแข่งขัน

ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้ สนามหลวงเป็นสถานที่จัดพิธีเปิด กีฬาซีเกมส์ 2025 เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมและสามารถชมพิธีเปิดได้ฟรี โดยพิธีปิดจะจัดที่ ราชมังคลากีฬาสถาน เนื่องจากความหลากหลายของพิธีการและความสะดวกด้านสถานที่

นายสรวงศ์ เทียนทอง กล่าวว่าการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญของไทยในการสร้างกระแสการรับรู้เกี่ยวกับกีฬาให้กับประชาชน “เราต้องการให้คนไทยได้เรียนรู้เกี่ยวกับกฎ กติกา และวิธีการเล่นของกีฬาชนิดต่าง ๆ เพื่อให้สามารถรับชมการแข่งขันได้อย่างสนุกสนาน”

เพิ่มกีฬามิกซ์มาเชียลอาร์ท (MMA) เป็นกีฬาสาธิต

ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ บรรจุกีฬามิกซ์มาเชียลอาร์ท (Mixed Martial Arts-MMA) เข้าเป็นกีฬาสาธิต โดยไม่คิดเหรียญรางวัล ซึ่งจะมีการแข่งขัน 4 ประเภท ได้แก่:

  1. ประเภท Modern ชาย
  2. ประเภท Modern หญิง
  3. ประเภท Traditional ชาย
  4. ประเภท Traditional หญิง

ตั้งศูนย์ ‘ไทยเฮาส์’ ดูแลนักกีฬา เพิ่มการอำนวยความสะดวกให้ผู้เข้าร่วมแข่งขัน

นายสรวงศ์เสนอแนวคิด สร้างศูนย์ ‘ไทยเฮาส์’ เพื่อดูแลนักกีฬาทั้งไทยและต่างชาติที่เข้าร่วมแข่งขัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการด้านสุขภาพและความสะดวกสบายกับนักกีฬาทุกชาติที่มาเข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งอาจขยายการให้บริการไปยังนักกีฬาจากประเทศอื่น ๆ ด้วย

เปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี ยกเว้นบางชนิดกีฬา

หนึ่งในไฮไลท์ของซีเกมส์ครั้งนี้คือ ประชาชนสามารถเข้าชมการแข่งขันได้ฟรี โดยรัฐบาลต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมและสนับสนุนกีฬาไทยให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม บางชนิดกีฬาที่ได้รับความนิยมสูง อาจต้องมีการจำหน่ายบัตรเข้าชม เพื่อบริหารจัดการจำนวนผู้เข้าชมให้เป็นระเบียบ

สถิติและข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับซีเกมส์ 2025

  • สนามหลวงเป็นสถานที่จัดพิธีเปิดครั้งแรกของกีฬาซีเกมส์
  • พิธีปิดจะจัดที่ราชมังคลากีฬาสถาน
  • มีกีฬาทั้งหมดกว่า 40 ชนิดในมหกรรมซีเกมส์ 2025
  • ประชาชนสามารถเข้าชมฟรี ยกเว้นกีฬายอดนิยมบางประเภทที่อาจมีค่าบัตรเข้าชม

การแข่งขันซีเกมส์ 2025 เป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะได้แสดงศักยภาพในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับอาเซียน โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วม พร้อมยกระดับมาตรฐานการจัดการแข่งขันให้ดีที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI AUTOMOTIVE

บิดทั่วเชียงราย 939 กม. สุดท้าทาย IRON MAN RALLY 2025

IRON MAN NIGHT RALLY 2025 เริ่มแล้ว! ผู้ว่าฯ เชียงรายปล่อยตัวนักแข่งส่งเสริมการท่องเที่ยว

เปิดประสบการณ์ขับขี่มอเตอร์ไซค์บนเส้นทางสุดท้าทาย พร้อมเน้นย้ำมาตรการความปลอดภัยตลอดการแข่งขัน

เชียงราย, 22 กุมภาพันธ์ 2568จังหวัดเชียงรายเปิดตัวการแข่งขัน Iron Man Night Rally 2025 & Explorers Rally 2025 อย่างเป็นทางการ โดยมี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีปล่อยตัวผู้เข้าร่วมกิจกรรม ณ โรงแรม เฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น อำเภอเมืองเชียงราย พร้อมเน้นย้ำถึง มาตรการความปลอดภัยในการขับขี่ และ การส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตระดับนานาชาติ

ในพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ศาสตรเมธี ดร.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ และ ดร.ปรีชา อนุรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย รวมถึงตัวแทนจากฝ่ายจัดการแข่งขันและผู้เข้าร่วมการแข่งขันกว่า 300 คนเข้าร่วม

IRON MAN NIGHT RALLY 2025: การแข่งขันสุดโหดบนเส้นทางเชียงราย

การแข่งขัน Iron Man Night Rally 2025 ถือเป็นรายการแข่งขันที่ท้าทายที่สุดรายการหนึ่งของประเทศไทย โดยนักแข่งต้องขับขี่มอเตอร์ไซค์ในระยะทางรวม 939 กิโลเมตร ซึ่ง กว่า 70% ของเส้นทางอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ที่มีความหลากหลายของภูมิประเทศ ทั้งเส้นทางภูเขาสูงชัน โค้งหักศอก และทางเรียบสลับพื้นที่ป่า

ไฮไลต์ของเส้นทางการแข่งขัน ได้แก่:  ดอยแม่สลอง – เส้นทางขึ้นดอยที่มีโค้งต่อเนื่องหลายร้อยโค้ง ภูชี้ฟ้า – ถนนลัดเลาะผ่านแนวภูเขาที่สามารถมองเห็นทะเลหมอก สามเหลี่ยมทองคำ – เส้นทางบรรจบสามประเทศ ไทย-ลาว-เมียนมา อุทยานแห่งชาติดอยหลวง – ท้าทายด้วยเส้นทางลัดเลาะป่าธรรมชาติ เส้นทางดอยตุง – พื้นที่สูงชันที่ต้องใช้ทักษะและสมาธิขั้นสูง

ผู้เข้าร่วมแข่งขันต้องเผชิญกับการขับขี่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันตลอดการแข่งขัน ทั้งถนนที่มีแสงสว่างจำกัด โค้งอันตราย และอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงตามระดับความสูง

ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยสำหรับนักแข่ง

ก่อนออกเดินทาง ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด โดยผู้ว่าฯ เชียงราย ได้กล่าวเน้นย้ำถึง มาตรการความปลอดภัยสำคัญ ที่นักแข่งต้องปฏิบัติ ดังนี้:

  1. ตรวจสอบสภาพรถและอุปกรณ์ให้พร้อมก่อนออกเดินทาง
  2. เช็กระบบไฟส่องสว่าง กระจกมองข้าง และกระจกมองหลัง
  3. ศึกษาทำความเข้าใจเส้นทางล่วงหน้า
  4. ระมัดระวังเส้นทางที่มีแสงสว่างจำกัดและจุดอันตราย
  5. รักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้า ใช้ความเร็วให้เหมาะสม
  6. ใช้ไฟสูงและไฟสปอร์ตไลท์อย่างถูกต้องเพื่อลดอุบัติเหตุ
  7. หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับขี่
  8. งดฟังเพลงหรือทำกิจกรรมที่ทำให้เสียสมาธิ
  9. เตรียมชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟฉาย อุปกรณ์ปฐมพยาบาล น้ำดื่ม และที่ปะลมยาง

การขับขี่ที่ปลอดภัยไม่ใช่เพียงแค่ทักษะของนักแข่ง แต่หมายถึงการเตรียมตัวให้พร้อมทั้งร่างกาย อุปกรณ์ และความเข้าใจในเส้นทาง” นายชรินทร์ กล่าว

ส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านมอเตอร์สปอร์ต

การแข่งขัน Iron Man Night Rally 2025 ไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขันที่ท้าทายสำหรับผู้รักมอเตอร์ไซค์เท่านั้น แต่ยังเป็น เครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย ด้วยเส้นทางที่ผ่านแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ นักแข่งและผู้ร่วมชมการแข่งขันจะได้สัมผัส ความสวยงามของธรรมชาติ วัฒนธรรมล้านนา และวิถีชีวิตของชาวเชียงราย

นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมครั้งนี้ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น เช่น:

  • กระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงกีฬา – ดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วประเทศ
  • เพิ่มรายได้ให้กับชุมชน – โรงแรม ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดได้รับประโยชน์
  • สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น – ผู้ผลิตสินค้า OTOP และของที่ระลึกสามารถจำหน่ายสินค้าให้นักแข่งและนักท่องเที่ยว

เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง และกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตระดับประเทศเช่นนี้ จะช่วยให้เชียงรายเป็นที่รู้จักในฐานะจุดหมายปลายทางของนักเดินทางสายผจญภัยมากขึ้น” นายชรินทร์ กล่าวเสริม

สร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการขับขี่

นอกเหนือจากการแข่งขัน Iron Man Night Rally 2025 แล้ว ผู้ว่าฯ เชียงรายยังกล่าวถึง ความสำคัญของการส่งเสริมวัฒนธรรมการขับขี่ปลอดภัย โดยเน้นให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไป

ทุกท่านที่เข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้ ต่างก็มีอุปกรณ์สวมใส่เพื่อความปลอดภัย มีทักษะการขับขี่ที่ดี ซึ่งจะช่วยสร้างจิตสำนึกในการใช้รถใช้ถนนให้กับเยาวชนเชียงราย รวมถึงประชาชนทั่วไป” ผู้ว่าฯ กล่าว

ตัวอย่างอุปกรณ์ที่นักแข่งต้องใช้ ได้แก่:

  • หมวกกันน็อคมาตรฐานสูง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะ
  • ชุดขับขี่พร้อมสนับศอกและสนับเข่า ลดความรุนแรงของอุบัติเหตุ
  • รองเท้าหุ้มข้อเพื่อการทรงตัวที่ดีขึ้น

สรุป

  • การแข่งขัน Iron Man Night Rally 2025 เป็นรายการมอเตอร์สปอร์ตที่ท้าทายระยะทางรวม 939 กิโลเมตร
  • ผู้ว่าฯ เชียงรายเป็นประธานเปิดงานและปล่อยตัวผู้เข้าแข่งขัน
  • เส้นทางแข่งขันกว่า 70% อยู่ในพื้นที่เชียงราย ผ่านแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ
  • มาตรการความปลอดภัยถูกเน้นย้ำอย่างเข้มงวด
  • กิจกรรมนี้ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของเชียงราย
  • เป็นโอกาสในการสร้างจิตสำนึกด้านการขับขี่ปลอดภัยให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไป

การแข่งขัน Iron Man Night Rally 2025 จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ แต่ยังเป็น แพลตฟอร์มสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัย และกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE