Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

เปิดไทม์ไลน์ “ผู้ว่าฯ สั้นที่สุด?” 14 วันที่เชียงราย กับบทบาทที่ทิ้งไว้ให้เมืองชายแดนเหนือ

“14 วันในเชียงราย” กับบทบาท–ผลกระทบจากคำสั่งโยกย้ายกลางคันของ “รัฐพล นราดิศร” และโจทย์ใหญ่ที่ทิ้งไว้ให้เมืองชายแดนเหนือ

เชียงราย, 16 ตุลาคม 2568 — เมื่อเสียงนาฬิกาการเมืองดังขึ้นอีกครั้ง หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 ตุลาคม มีมติแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทยระดับสูง 45 ราย ตามข้อเสนอของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หนึ่งในนั้นคือคำสั่งให้ นายรัฐพล นราดิศร พ้นจากตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ที่เพิ่งเข้ารับหน้าที่เมื่อ 1 ตุลาคม 2568 และแต่งตั้งให้ไปรับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่แทน ขณะที่ นายทศพล เผื่อนอุดม พ้นจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ไปดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย

ข่าวนี้ทำให้เกิดคำถามพร้อม ๆ กันสองสาย สายแรก—“14 วันในเชียงราย” ผู้ว่าฯ รัฐพล ทำอะไรไว้บ้าง? และสายถัดมา—การเปลี่ยนตัวกลางคันส่งผลอย่างไรต่อโจทย์เร่งด่วนของจังหวัดชายแดนเหนือ ที่กำลังเผชิญทั้งปัญหา “สารปนเปื้อนในแม่น้ำกก” งานบูรณาการด้านน้ำท่วม และโมเมนตัมเศรษฐกิจ–การท่องเที่ยวปลายปีซึ่งเป็นไฮซีซัน

บทความนี้ชวนผู้อ่านถอดรหัส “ไทม์ไลน์ 14 วัน” ของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายคนล่าสุดที่กำลังจะกลายเป็น “อดีต” อย่างรวดเร็ว พร้อมวิเคราะห์ผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อจังหวัด และตั้งคำถามว่า ระบบ” ที่ดีพอจะทำให้งานเดินต่อได้แม้ตัวบุคคลเปลี่ยนหน้า—อยู่ตรงไหน

สัปดาห์ที่ 1: สัญลักษณ์–สื่อสาร–ลงพื้นที่น้ำท่วม

1 ต.ค. 2568 — วันแรกของการปฏิบัติหน้าที่ นายรัฐพล นราดิศร เดินตามธรรมเนียมปฏิบัติ ขึ้นไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำบุญสืบชะตาจวนผู้ว่าฯ ต่อด้วยการเป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ รัชกาลที่ 4 และลงพื้นที่ตรวจแนวป้องกันน้ำท่วมที่ อำเภอแม่สาย จุดชายแดนที่ทุกฤดูฝนต้องจับตา—การออกสตาร์ตเช่นนี้สะท้อนแนวทาง “จัดวาระงานพิเศษภาคสนาม” ให้เห็นในวันแรก

2 ต.ค. — เข้าพบกราบนมัสการพระมหาเถระในพื้นที่ เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นสัญลักษณ์การสร้างความไว้วางใจและพลังทางสังคมวัฒนธรรม สำหรับจังหวัดที่ศาสนาและประเพณีคือฐานทุนทางสังคมสำคัญ

3 ต.ค. — เปิดรายการ ผู้ว่าฯ เชียงราย…พบประชาชน” ถือเป็นสัญญาณว่า ผู้บริหารจังหวัดตั้งใจใช้ “แพลตฟอร์มสื่อสารตรง” เพื่ออัปเดตงาน–รับฟังปัญหา การสื่อสารเชิงรุกในช่วงตั้งไข่ของการทำงาน—ยิ่งสำคัญต่อพื้นที่ที่มีหลายวาระเร่งด่วนคาบเกี่ยวหลายหน่วยงาน

4 ต.ค. — ลงพื้นที่ร่วมกับ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ติดตามงานและผลักดันการพัฒนาแหล่งน้ำ–การเกษตรที่ อำเภอเชียงแสน อำเภอการค้าที่เป็นประตูเศรษฐกิจชายแดนสู่ลุ่มแม่น้ำโขง การเชื่อมต่อ “นโยบายกลาง–ปฏิบัติการพื้นที่” ตั้งแต่วันแรก ๆ คือจุดแข็งที่ควรจับตาหากไม่มีคำสั่งโยกย้ายกลางคัน

5 ต.ค. — แสดงความยินดีกับ โรงแรมเดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี ที่ได้รับรางวัล “Hall of Fame” Thailand Tourism Awards 2025 (กินรี) สะท้อนการให้ความสำคัญกับ ภาคบริการ–การท่องเที่ยว ที่กำลังเข้าสู่ฤดูกาลทอง และเป็นเครื่องยนต์รายได้หลักของเชียงรายในช่วงปลายปี

ภาพรวมสัปดาห์แรก วางฐาน “สามมิติ” — (1) พิธีการ–ความชอบธรรมทางสังคม (2) ช่องทางสื่อสารตรงกับประชาชน และ (3) ลงพื้นที่เศรษฐกิจ–น้ำ–ชายแดน เพื่อผูกนโยบายกับพื้นที่จริง

สัปดาห์ที่ 2: บูรณาการ “สารปนเปื้อน–จิตอาสา–บอร์ดนโยบายกลาง” ก่อนชัทดาวน์ด้วยคำสั่งโยกย้าย

6 ต.ค. — พบหารือ รักษาการผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย และคณะสื่อมวลชนเรื่องแนวทางพัฒนาจังหวัด ยืนยัน “สนามบิน–โลจิสติกส์การบิน” เป็นโครงสร้างขับเคลื่อนนักท่องเที่ยว–การลงทุน และเยี่ยมให้กำลังใจ มิสเตอร์เวอร์นอน แฮร์รี่ อันสเวิร์ธ (หนึ่งในฮีโร่ถ้ำหลวง) ที่รักษาตัวที่ โรงพยาบาลแม่จัน แสดงบทบาท “เจ้าภาพเมือง” ที่ไม่ลืมทุนทางมนุษย์และเครือข่ายโลกที่โยงกับเชียงราย

8 ต.ค. — นำชาวพุทธร่วมพิธี ตักบาตรเทโวโรหณะ วันออกพรรษา เชื่อม “มิติอัตลักษณ์” กับ “มิตินโยบาย” ให้ชัดว่าการพัฒนาจังหวัดบนฐานวัฒนธรรมจะเดินคู่กัน

9 ต.ค. — เข้าร่วมประชุมกับ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อติดตาม–เร่งรัดการแก้ปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก นี่คือวาระเร่งด่วนสูงสุดของเมืองในปีนี้ เพราะส่งผลซ้อนทับทั้ง สุขภาพ–ประปาชุมชน–เศรษฐกิจประมง–ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และ ภาพลักษณ์การท่องเที่ยว การที่ผู้ว่าฯ พาโจทย์นี้ขึ้นโต๊ะนโยบายระดับรองนายกฯ ภายในสัปดาห์สอง สื่อถึงการขยับคันโยกให้ “การเมืองส่วนกลาง” ลงน้ำหนักกับปัญหา

10 ต.ค. — นำกิจกรรม จิตอาสาพัฒนา” ทำความสะอาด สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย ถวายเป็นพระราชกุศล ร.9 และเข้าร่วมประชุมทางไกลโครงการ คนละครึ่ง พลัส” ซึ่งเกี่ยวพันกับมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ–ท่องเที่ยวภายในประเทศ—ประเด็นที่เชียงรายกำลังรอรับอานิสงส์

11 ต.ค. — ต้อนรับ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ เพื่อนำนโยบายลงพื้นที่และรับรายงานปัญหาจังหวัด โดยเฉพาะ สารปนเปื้อนในแหล่งน้ำ—การบูรณาการแบบ “เกษตร–น้ำ–สุขภาพ” เริ่มปรากฏในรูปของการประชุมร่วมหลายระดับ

13 ต.ค. — เป็นประธานทำบุญตักบาตรและวางพวงมาลาถวายราชสักการะ “วันนวมินทรมหาราช” (ร.9) วันสำคัญของแผ่นดินที่ทุกจังหวัดจัดงานคู่กันทั้งมิติพิธีการและงานสาธารณะประโยชน์

14 ต.ค. — ให้การต้อนรับคณะ นักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 84 บรรยายสรุปภาพรวมและศักยภาพจังหวัด ก่อนคณะลงพื้นที่ศึกษาดูงาน 3 อำเภอชายแดนสำคัญ—ในวันเดียวกันนั้นเองคือ “วันประกาศมติ ครม.” ให้ผู้ว่าฯ รัฐพลย้ายไปเชียงใหม่

ความหมายของสัปดาห์ที่สอง เห็นภาพการ “ล็อกคีย์วาระ” 3 เรื่องใหญ่—(1) สารปนเปื้อนในแม่น้ำกก (2) การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ–ท่องเที่ยวปลายปี (3) การจัดการทรัพยากร–สาธารณูปโภค—ผ่านการประชุมกับรองนายกฯ สองกระทรวงหลัก และการทำงานกับสนามบิน เมือง ชุมชน

14 วัน…มากพอจะเห็นทิศทาง แต่สั้นเกินจะเห็นผลลัพธ์

การประเมิน “ผลงาน” ภายใต้เวลาจำกัดเพียง 14 วัน ย่อมไม่แฟร์ หากจะตัดสินด้วย “ผลลัพธ์สุดท้าย” เพราะหลายเรื่องเป็น “ระบบ–ข้ามหน่วยงาน” ต้องใช้หลายเดือนจึงจะเห็นผลเชิงประจักษ์ อย่างไรก็ดี จากไทม์ไลน์ที่ปรากฏ เราเห็น ทิศทางการทำงาน ที่วางคานไว้แล้ว ได้แก่

  1. การยกวาระสารปนเปื้อนแม่น้ำกกขึ้นระดับนโยบาย — ภายใต้สถานการณ์ที่ตรวจพบสารโลหะหนักในน้ำประปาหมู่บ้านบางแห่ง ผัก และปลา (แม้หลายตัวอย่าง “ไม่เกินมาตรฐาน” แต่มีความเสี่ยงสะสม) การขับเคลื่อนที่โต๊ะรองนายกฯ–กระทรวงทรัพยากรฯ ช่วย “ล็อกอำนาจ” ทางงบประมาณ–วิชาการ–บุคลากรจากส่วนกลางให้ลงสู่พื้นที่ได้เร็วขึ้น
  2. เศรษฐกิจท่องเที่ยวปลายปี — การสื่อสารกับสนามบิน–ภาคการท่องเที่ยว และการต่อกุญแจเชื่อมมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ช่วยรักษา “โมเมนตัมไฮซีซัน” ที่เชียงรายต้องการมากที่สุดในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
  3. พื้นที่สาธารณะ–จิตอาสา — บทบาทเชิงสัญลักษณ์ที่ทำให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม สร้าง “ทุนทางสังคม” เพื่อแบกงานยาว ๆ เช่น การจัดการขยะ–รักษาพื้นที่สีเขียว–ขับเคลื่อนเมืองน่าอยู่

ผลกระทบจากการเปลี่ยนตัว งานจะสะดุดหรือระบบจะรับได้?

คำถามเชิงโครงสร้าง ที่ต้องตอบไม่ใช่แค่ “ใคร” เป็นผู้ว่าฯ แต่คือ “ระบบจังหวัด” เข้มแข็งพอหรือไม่ที่จะทำให้ 4 ห้องเครื่อง เดินต่อเนื่องแม้ตัวบุคคลเปลี่ยนกลางคัน

  • ห้องเครื่องที่ 1 สารปนเปื้อนในแม่น้ำกก
    งานนี้ต้องพึ่ง สามมิติแบบสวมซ้อน — (ก) วิทยาศาสตร์–ห้องแล็บ (การตรวจคุณภาพน้ำ/ปลา/ผักแบบเปิดเผยต่อเนื่อง, การคัดกรองสุขภาพกลุ่มเสี่ยง) (ข) ประปาชุมชน–แหล่งน้ำสำรอง (บาดาล/ผิวดินสำรอง, บริหารต้นทุนน้ำ) และ (ค) การทูตข้ามพรมแดนกับประเทศเพื่อนบ้านเรื่องกิจกรรมต้นน้ำ หาก “ห้องแล็บ–แผนสำรอง–กลไกเจรจา” ไม่หยุด งานก็ไปต่อแม้เปลี่ยนตัวผู้ว่าฯ
  • ห้องเครื่องที่ 2 ป้องกันล่วงหน้าน้ำหลาก–ท่วมซ้ำ
    จังหวัดกำลังเดินหน้า Flood Mark–Mobile Mapping System (MMS) เพื่อทำ Flood Map มาตรฐาน ข้อมูลนี้เป็น “ทรัพยากรไม่ขึ้นกับตัวบุคคล” ขอเพียง ศูนย์ข้อมูล–หน่วยประสาน เดินเอกสาร–งบประมาณ–การติดตั้งหมุด–การอ่านแผนที่ให้ชุมชนเข้าใจต่อเนื่อง
  • ห้องเครื่องที่ 3 เศรษฐกิจ–ท่องเที่ยว
    ฤดูกาลท่องเที่ยว—โดยเฉพาะงานเทศกาลปลายปี–ปีใหม่—ต้องการ “ความชัดเจน–ความปลอดภัย–ความเชื่อมั่น” พร้อมกัน การสื่อสารเชิงรุกเรื่องคุณภาพน้ำ–อาหาร–สุขอนามัย จะเป็นคีย์เวิร์ดการตลาดของเชียงรายในช่วงนี้มากกว่าภาพสวยเพียงอย่างเดียว
  • ห้องเครื่องที่ 4 พื้นที่สาธารณะ–การมีส่วนร่วม
    โครงการจิตอาสา–พัฒนาพื้นที่ริมน้ำ–สวนสาธารณะ ต้องถูกร้อยเข้ากับ “นโยบายสุขภาวะเมือง” และ “เศรษฐกิจฐานราก” ให้มากกว่าเป็นงานปลุกใจ ความต่อเนื่องของกิจกรรมคือปัจจัยชี้วัดว่าระบบไหลลื่นจริงหรืออิงเฉพาะผู้นำคนใดคนหนึ่ง

สถิติสั้นที่สุด?” ข้อสังเกตที่ยังต้องตรวจทาน

มีการตั้งข้อสังเกตในพื้นที่ว่า หากยึดวันที่เข้ารับตำแหน่ง 1 ต.ค. ถึงวันที่มีมติ ครม. 14 ต.ค. และหากคำสั่งโยกย้ายมีผลปฏิบัติทันที อาจทำให้ นายรัฐพล นราดิศร กลายเป็นหนึ่งในผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายที่ดำรงตำแหน่งสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ร่วมสมัย มีการอ้างอิงถึงกรณี นายประหยัด สมานมิตร ผู้ว่าฯ เชียงราย ที่ดำรงตำแหน่ง 4 เดือน 20 วัน (1 พ.ค. 2513 – 20 ก.ย. 2513) ก่อนเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่จากเหตุซุ่มโจมตีที่บ้านห้วยกว้าน อ.เชียงแสน

อย่างไรก็ดี การตัดสินว่า “สั้นที่สุด” จำเป็นต้องตรวจทานเอกสารราชการ–เอกสารจดหมายเหตุอย่างเป็นทางการ และนับ “วันที่มีผลคำสั่ง” ตามรูปแบบทางปกครอง ไม่ใช่เพียง “วันที่มีมติ” เท่านั้น เพื่อความถูกต้องเชิงหลักฐาน—จึงควรถือเป็น ข้อสังเกต ที่ต้องให้หน่วยงานวิชาการท้องถิ่น–หอจดหมายเหตุ หรือกระทรวงมหาดไทย ตรวจทานอย่างเป็นทางการ

จากเชียงรายสู่เชียงใหม่ ความหมายในระดับพื้นที่

การโยกย้ายทันทีของผู้ว่าฯ รัฐพลไปเชียงใหม่ ทำให้เกิด “สองเวคเตอร์” ที่ต่างทิศกัน

  • เชียงราย ต้องการความต่อเนื่องของงาน—โดยเฉพาะโครงสร้างข้อมูลน้ำ–สุขภาวะ–เศรษฐกิจชายแดน—ที่ได้เริ่มต้นขยับในสองสัปดาห์แรก
  • เชียงใหม่ กำลังรอผู้ว่าฯ ใหม่ที่เข้าใจโจทย์ของมหานครท่องเที่ยว–เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และการจัดการปัญหาฝุ่นควัน–คุณภาพอากาศ–การใช้ที่ดิน—ซึ่งต้องการความเป็น “ซีอีโอจังหวัด” สูง

ในทางนโยบายภาพใหญ่ การโยกย้ายระดับสูง 45 ราย ถูกอธิบายว่าเป็นส่วนหนึ่งของการจัดวางกำลัง คน–งาน–พื้นที่” ให้สอดรับกับยุทธศาสตร์เร่งด่วนของรัฐบาลกลาง—คำถามที่ตามมา คือ ตัวชี้วัด” ที่จะทำให้ประชาชนสัมผัสได้ว่าการโยกย้ายนี้ทำให้งานเดินเร็วขึ้นจริงคืออะไร และจะสื่อสาร “ผลลัพธ์” ให้สังคมตรวจสอบได้อย่างไร

ข้อเสนอเชิงระบบ ทำอย่างไรให้งานเดินแม้ผู้นำเปลี่ยน

  1. ทำ “พิมพ์เขียวงานเร่งด่วนจังหวัด” แบบ 90–120 วัน
    สรุป “4 ห้องเครื่อง”—สารปนเปื้อน–น้ำท่วม–ท่องเที่ยว–มีส่วนร่วม—ใส่ Milestones–KPIs–เจ้าภาพ–คู่ปฏิบัติ ชัดเจน แผนนี้ควรเผยแพร่สาธารณะให้ติดตามได้
  2. ตั้ง “ศูนย์ข้อมูลน้ำ–สุขภาวะ” จังหวัด
    รวมผลตรวจคุณภาพน้ำ/ปลา/ผัก (แยกชนิดสาร เช่น ตะกั่ว สารหนู ปรอท) และแหล่งน้ำดิบ—อัปเดตรายสัปดาห์ เปิดข้อมูลแบบอ่านง่าย ลดความกำกวมของถ้อยคำทางเทคนิค
  3. เร่ง “Flood Mark–MMS–Flood Map” ให้เสร็จก่อนฤดูฝนหน้า
    แผนที่เฉพาะกิจแสดงเส้นทางน้ำ–จุดวิกฤต–ระดับน้ำสูงสุดที่ผ่านมา ให้ประชาชนและท้องถิ่นใช้วางแผน รับมือเชิงรุก
  4. สื่อสารความปลอดภัย–เศรษฐกิจท่องเที่ยว
    ควบคู่การตลาดปลายปี สิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องรู้คือ “มาตรฐานความปลอดภัยด้านน้ำ–อาหาร–สาธารณสุข” เผยแพร่ลิสต์สถานประกอบการที่ผ่านมาตรฐาน/พื้นที่ริมน้ำที่ได้รับการปรับปรุง–ตรวจสอบแล้ว
  5. กลไกข้ามพรมแดนเรื่องต้นน้ำ
    ผลักดันวงเจรจาไทย–เมียนมาเรื่องการเฝ้าระวัง–แจ้งเตือน–การสอบสวนกรณีสารปนเปื้อน ให้มี ช่องทางสื่อสารฉุกเฉิน ระหว่างหน่วยงานปฏิบัติการสองฝั่ง

 “คน” เปลี่ยนได้ แต่ “ระบบ” ต้องเดินหน้า

14 วัน อาจสั้นเกินกว่าจะให้คำว่า “สำเร็จ” แต่ เพียงพอ ที่จะเห็นว่าเชียงรายกำลังจัดวางงานเร่งด่วนอย่างไร การโยกย้ายกลางคันของผู้ว่าฯ รัฐพลจึงเป็นบททดสอบสำคัญว่า “ระบบจังหวัด” มีวุฒิภาวะมากพอหรือยังที่จะพางานเดินต่อ โดยไม่สะดุด—ถ้าพิมพ์เขียว–ข้อมูล–การสื่อสาร–การมีส่วนร่วม เดินไปพร้อมกัน “ตัวบุคคล” จะกลายเป็นตัวเร่ง ไม่ใช่ “คอขวด”

ในฐานะจังหวัดชายแดนที่เป็นทั้ง ประตูการค้า–การท่องเที่ยว–ประตูธรรมชาติ เชียงรายจำเป็นต้องมี ระบบนิเวศการบริหาร ที่ไม่ขึ้นกับชื่อใคร และทั้งหมดนี้เริ่มได้จาก “วันนี้”—วันที่คนเชียงราย–ภาคส่วนต่าง ๆ ยืนยันร่วมกัน ว่า งานสำคัญต้องไปต่อ ไม่ว่าป้ายหน้าจวนผู้ว่าฯ จะเปลี่ยนชื่อเป็นใครก็ตาม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • เขียนโดย : กันณพงศ์ ก.บัวเกษร
  • เรียบเรียง : มนรัตน์ ก.บัวเกษร
  • มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 ตุลาคม 2568 — กรณีเห็นชอบตามเสนอของกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้ง–โยกย้ายข้าราชการระดับสูง 45 ราย (อ้างถึงเอกสารชี้แจงอย่างเป็นทางการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี/กระทรวงมหาดไทย)
  • กระทรวงมหาดไทย — หนังสือ/ข่าวประชาสัมพันธ์คำสั่งแต่งตั้ง–โยกย้าย นายรัฐพล นราดิศร จากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายไปผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และการแต่งตั้ง นายทศพล เผื่อนอุดม เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
  • กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม / กรมทรัพยากรน้ำบาดาล
  • สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสาธารณสุข/ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 1 เชียงราย
  • กรมประมง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

พรรคประชาชน คิกออฟ “อบจ.ลำพูน” เปิดเวที “ทาวน์ฮอลล์”

ลำพูนเปิดทาวน์ฮอลล์! ฟังความเห็นชาวบ้าน พัฒนาเมือง

ลำพูน, 16 กุมภาพันธ์ 2568 – พรรคประชาชนเดินหน้าสานต่อแผนพัฒนาลำพูน ด้วยการจัดงาน “หละปูนเมือง หละปูนม่วน จวนกั๋นสร้าง” ทาวน์ฮอลล์รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน เพื่อกำหนดแนวทางพัฒนาจังหวัดให้เติบโตอย่างยั่งยืน งานจัดขึ้นที่โรงแรมแกรนด์ปา อำเภอเมืองลำพูน นำโดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และวีระเดช ภู่พิสิฐ ว่าที่นายก อบจ.ลำพูน มีประชาชนจากทั่วจังหวัดเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

รับฟังปัญหาประชาชนผ่านทาวน์ฮอลล์

ณัฐพงษ์กล่าวขอบคุณชาวลำพูนที่ไว้วางใจให้พรรคประชาชนเข้ามาบริหารจังหวัด และให้คำมั่นว่าการบริหาร อบจ. จะเน้นการพัฒนาที่ตอบโจทย์ประชาชน โดยแม้ลำพูนจะมีงบประมาณจำกัดเพียง 550 ล้านบาทต่อปี อบจ.สามารถดำเนินนโยบายที่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อคุณภาพชีวิต เช่น

  • การสร้างสนามกีฬากลางจังหวัด เป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับประชาชนทุกวัย
  • พัฒนาระบบ telemedicine หรือ “หมอตู้” เพื่อช่วยให้พื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์
  • ยกระดับคุณภาพน้ำประปา เพื่อให้ประชาชนมีน้ำสะอาดใช้เพียงพอ
  • ปรับปรุงคุณภาพโรงเรียน อบจ. ให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมในจังหวัด
  • พัฒนาระบบรับเรื่องร้องเรียนออนไลน์และ e-service เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ประชาชน

แนวคิด “เดิน 3 จริง” ของว่าที่นายก อบจ.

วีระเดชกล่าวว่า การสร้างลำพูนให้น่าอยู่ไม่สามารถทำได้โดยลำพังคนเดียว จึงต้องอาศัยแนวทาง “เดิน 3 จริง” ได้แก่

  1. ประชาชนจริง – รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนโดยตรง
  2. พื้นที่จริง – ลงพื้นที่สำรวจปัญหาในสถานที่จริง
  3. สถานการณ์จริง – วิเคราะห์ปัญหาจากสถานการณ์จริง ไม่มีการสร้างภาพ

“ผมจะไม่ทำงานในห้องแอร์เพียงอย่างเดียว แต่จะลงพื้นที่พบประชาชนในสถานการณ์จริง ไม่มีพิธีรีตองหรือการจัดฉาก เพื่อให้การแก้ปัญหามีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างตรงจุด” วีระเดชกล่าว

เกมประชาบุรี: ประชาชนร่วมออกแบบงบประมาณ

หนึ่งในกิจกรรมสำคัญของงานคือ ประชาบุรี” เกมจำลองการตัดสินใจใช้งบประมาณ 77 ล้านบาทของ อบจ.ลำพูน โดยประชาชนสามารถเลือกแนวทางการพัฒนาจังหวัดในด้านต่าง ๆ เช่น:

  • การสร้างระบบขนส่งมวลชนที่ทั่วถึง
  • การเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ
  • การพัฒนาโรงเรียนและคุณภาพการศึกษา
  • การส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • การสร้างลานกีฬาและพื้นที่กิจกรรมกลางแจ้ง
  • การเพิ่มบริการ e-service บนเว็บไซต์ อบจ.

นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งกลุ่มระดมสมองในประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตประชาชน ได้แก่:

  1. ระบบขนส่งมวลชนที่ทั่วถึงทั้งจังหวัด
  2. การศึกษาและการพัฒนาโรงเรียน
  3. ระบบสาธารณสุข และการดูแลผู้สูงอายุ
  4. การรับมือกับภัยพิบัติ ไฟป่า น้ำท่วม น้ำแล้ง และ PM2.5
  5. การพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า และการส่งเสริมการท่องเที่ยว
  6. การเกษตรก้าวหน้าและการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร

แนวทางพัฒนาลำพูนที่ประชาชนต้องการ

ผลการระดมสมองชี้ให้เห็นว่า ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับ การพัฒนาเศรษฐกิจและการค้า เป็นลำดับแรก รองลงมาคือ การพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เนื่องจากลำพูนมีประชากรสูงวัยจำนวนมาก และหลายพื้นที่อยู่ห่างไกลจากโรงพยาบาล ทำให้มีความต้องการ telemedicine เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ง่ายขึ้น

สรุป

พรรคประชาชนตั้งเป้าพัฒนา ลำพูนให้เป็นจังหวัดต้นแบบ ผ่านการบริหารที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และมีส่วนร่วมจากประชาชน ด้วยหลัก เดิน 3 จริง” และมาตรการพัฒนาเมืองที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มคน หากดำเนินโครงการเหล่านี้ได้สำเร็จ ลำพูนจะเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า อบจ.ที่มีประสิทธิภาพสามารถพลิกโฉมจังหวัดให้เจริญก้าวหน้าได้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : พรรคประชาชน – People’s Party

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

กกต.สั่ง ‘เชียงราย’ เลือกตั้งใหม่ หลังเจอลงคะแนนซ้ำ 2 หน่วย

กกต. สั่งเลือกตั้งใหม่ 22 หน่วยใน 11 จังหวัด หลังพบความคลาดเคลื่อนของบัตรลงคะแนน

กรุงเทพฯ, วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568  – สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้มีการออกเสียงลงคะแนนใหม่ใน 22 หน่วยเลือกตั้ง กระจายอยู่ใน 11 จังหวัด หลังตรวจพบ จำนวนบัตรลงคะแนนไม่ตรงกับผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และนายก อบจ. เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 โดยกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568

ซึ่งเชียงรายจะเลือกตั้งใหม่ “เฉพาะแค่ 2 หน่วย” นี้เท่านั้น เลือกตั้ง
1. อำเภอเมืองเชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 3 หน่วยเลือกตั้งที่ 31 ออกเสียงลงคะแนนใหม่ทั้ง ส.อบจ. และ นายก อบจ.
2.อำเภอเมืองเชียงราย เขตเลือกตั้งที่ 5 หน่วยเลือกตั้งที่ 49 ออกเสียงลงคะแนนใหม่เฉพาะ ส.อบจ.
 

เหตุผลและกระบวนการตรวจสอบของ กกต.

กกต. แจ้งว่าคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งได้รายงานปัญหาดังกล่าว ตามมาตรา 105 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หลังจากที่ตรวจสอบแล้วพบว่าจำนวนบัตรเลือกตั้งไม่ตรงกับยอดผู้มาใช้สิทธิ แม้จะดำเนินการตรวจสอบซ้ำแล้ว แต่ยังคงมีข้อคลาดเคลื่อน จึงมีมติให้มีการเลือกตั้งใหม่ในหน่วยที่มีปัญหา

รายชื่อ 22 หน่วยเลือกตั้งที่ต้องเลือกตั้งใหม่

การเลือกตั้งใหม่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้:

กลุ่มที่ 1: เลือกตั้งใหม่ทั้งนายก อบจ. และสมาชิกสภา อบจ.

  • สุพรรณบุรี: อ.บางปลาม้า ต.กฤษณา เขต 3 หน่วยเลือกตั้ง 2
  • เชียงราย: อ.เมืองเชียงราย ต.รอบเวียง เขต 5 หน่วยเลือกตั้ง 31

กลุ่มที่ 2: เลือกตั้งใหม่เฉพาะนายก อบจ.

  • พิจิตร: อ.เมืองพิจิตร ต.ไผ่ขวาง เขต 2 หน่วยเลือกตั้ง 2
  • ลำปาง: อ.เมืองปาน ต.ทุ่งกว๋าว เขต 1 หน่วยเลือกตั้ง 7
  • สุพรรณบุรี: อ.เมืองสุพรรณบุรี ต.รั้วใหญ่ เขต 1 หน่วยเลือกตั้ง 33
  • สุพรรณบุรี: อ.เมืองสุพรรณบุรี ต.ดอนกำยาน เขต 2 หน่วยเลือกตั้ง 9

กลุ่มที่ 3: เลือกตั้งใหม่เฉพาะสมาชิกสภา อบจ.

  • พิจิตร: อ.ตะพานหิน ต.ทับหมัน เขต 3 หน่วยเลือกตั้ง 7
  • เชียงราย: อ.เมืองเชียงราย ต.รอบเวียง เขต 5 หน่วยเลือกตั้ง 49
  • ระยอง: อ.เมืองระยอง ต.เทศบาลนครระยอง เขต 5 หน่วยเลือกตั้ง 2
  • ระยอง: อ.เมืองระยอง ต.เทศบาลนครระยอง เขต 6 หน่วยเลือกตั้ง 9
  • ระยอง: อ.บ้านฉาง ต.พลา เขต 1 หน่วยเลือกตั้ง 2
  • ระยอง: อ.นิคมพัฒนา ต.มาบข่า เขต 1 หน่วยเลือกตั้ง 6
  • นครนายก: อ.ปากพลี ต.บางปลากลาง เขต 2 หน่วยเลือกตั้ง 4
  • ฉะเชิงเทรา: อ.บ้านโพธิ์ ต.ดอนทราย เขต 1 หน่วยเลือกตั้ง 2
  • ชลบุรี: อ.เมืองชลบุรี ต.อ่างศิลา เขต 7 หน่วยเลือกตั้ง 3
  • ชลบุรี: อ.เมืองชลบุรี ต.แสนสุข เขต 7 หน่วยเลือกตั้ง 40
  • สมุทรสาคร: อ.กระทุ่มแบน ต.อ้อมน้อย เขต 3 หน่วยเลือกตั้ง 13
  • นนทบุรี: อ.บางใหญ่ ต.เสาธงหิน เขต 5 หน่วยเลือกตั้ง 6
  • นนทบุรี: อ.บางบัวทอง ต.บางรักใหญ่ เขต 1 หน่วยเลือกตั้ง 3
  • ปัตตานี: อ.เมืองปัตตานี ต.บานา เขต 4 หน่วยเลือกตั้ง 11
  • สุพรรณบุรี: อ.เมืองสุพรรณบุรี ต.ดอนตาล เขต 3 หน่วยเลือกตั้ง 1
  • สุพรรณบุรี: อ.เมืองสุพรรณบุรี ต.บ้านโพธิ์ เขต 4 หน่วยเลือกตั้ง 7

มาตรการและข้อควรระวังในการเลือกตั้งใหม่

กกต. ขอให้ประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งใน 22 หน่วยเลือกตั้งดังกล่าว ออกมาใช้สิทธิ์อีกครั้งในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 โดยขอให้ทุกฝ่าย ปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างโปร่งใส

ทั้งนี้ กกต. ยืนยันว่าจะดำเนินมาตรการเฝ้าระวังการทุจริตเลือกตั้งอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งเปิดช่องทางให้ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสการซื้อสิทธิ์ขายเสียงผ่าน สายด่วน กกต. 1444 หรือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ภาพแรก ‘นายกนก’ หลังคว้าชัย อบจ.เชียงราย พร้อมขอบคุณชาวเชียงราย

ผลการเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงราย 2568: อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ คว้าชัยด้วยคะแนนเสียงที่มั่นคง

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (นายกอบจ.) ประจำปี 2568 ปรากฏว่า นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ผู้สมัครอิสระหมายเลข 1 คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งในครั้งนี้อย่างไม่เป็นทางการ โดยการเคลื่อนไหวแรกของนางอทิตาธรหลังจากได้รับชัยชนะคือการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยโพสต์ภาพขณะทำบุญในตอนเช้า พร้อมข้อความว่า “ตื่นเช้าใส่บาตรทำบุญตามปรกติของชีวิต อนุโมทนาบุญกับประชาชนชาวเชียงรายทุกท่านด้วยค่ะ ขอบคุณพี่น้องประชาชนเชียงรายทุกท่านที่ออกมาใช้สิทธิใช้เสียงในการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ เพราะแสดงถึงพลังสำคัญที่ผลักดันให้เชียงรายก้าวไปข้างหน้าในระบอบประชาธิปไตย”

นอกจากนี้ นางอทิตาธรยังได้โพสต์ข้อความขอบคุณทุกกำลังใจและการสนับสนุนที่ได้รับระหว่างการหาเสียงครั้งนี้ โดยกล่าวว่า “ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกแรงสนับสนุนที่ทำให้การเดินทางครั้งนี้มีความหมาย เส้นทางข้างหน้ายังเต็มไปด้วยโอกาส และภารกิจสำคัญที่เราต้องมาร่วมกันสร้างเชียงรายให้เป็นเมืองแห่งความสุข สุขทั้งผู้อยู่ สุขทั้งผู้มาเยือน และเตรียมบ้านหลังนี้เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นต่อไป ได้อยู่อย่างภาคภูมิใจ เชียงรายต้องไปต่อ และนกจะเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ให้ทุกนโยบายเกิดขึ้นจริงเพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงให้เชียงราย”

จากผลการเลือกตั้งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นางอทิตาธร ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในจังหวัดเชียงราย และแม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่สัญญาณแห่งความมั่นคงในการได้เป็นนายกอบจ.เชียงรายในครั้งนี้ก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างดี

การเคลื่อนไหวของผู้สมัครและบทบาทของทายาทการเมือง

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ในฐานะผู้สมัครอิสระ ได้รับการสนับสนุนจากทายาทการเมืองหลายคนในจังหวัดเชียงราย ซึ่งได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือและสนับสนุนการหาเสียงของเธออย่างเต็มที่ โดยเฉพาะจากลูกๆ ของตระกูลวันไชยธนวงค์ที่ร่วมเดินสายหาเสียงและเชื่อมโยงการติดต่อสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่ การมีส่วนร่วมของทายาทการเมืองทำให้การหาเสียงครั้งนี้มีพลังและความเชื่อมโยงระหว่างผู้สมัครและประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเข้ามามีบทบาทของลูกๆ ของตระกูลการเมืองไม่เพียงแต่ช่วยเหลือในด้านการหาเสียงเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างกำลังใจให้กับนางอทิตาธรในการต่อสู้ในศึกการเมืองท้องถิ่นครั้งนี้ โดยเฉพาะในช่วงที่การหาเสียงเป็นไปอย่างหนักหน่วงและท้าทายที่สุด

การมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้งท้องถิ่น

ผลการเลือกตั้งที่แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมที่สูงจากประชาชนในจังหวัดเชียงราย สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตัวและความสนใจในเรื่องของการเมืองท้องถิ่นที่มีผลต่อการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเลือกผู้นำท้องถิ่น แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการพัฒนาของจังหวัดเชียงราย

ความเคลื่อนไหวในการเลือกตั้งครั้งนี้ยังทำให้เห็นถึงความสำคัญของการมีตัวแทนที่มาจากการสนับสนุนจากประชาชน โดยเฉพาะเมื่อผู้สมัครต้องเข้าใจปัญหาของชาวบ้านและสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง

การเตรียมตัวเพื่อการพัฒนาเชียงรายในอนาคต

หลังจากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวถึงแผนการทำงานของเธอในอนาคตว่า “เราจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อพัฒนาเชียงรายให้เป็นเมืองที่มีความสุข สำหรับผู้อยู่และผู้มาเยือน การพัฒนาในทุกๆ ด้านจะต้องมุ่งไปสู่การสร้างสรรค์และเป็นเมืองที่ทุกคนสามารถอยู่อาศัยได้อย่างภาคภูมิใจ เราจะทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่เพื่อให้ทุกนโยบายเกิดขึ้นจริง”

นางอทิตาธรยังกล่าวเสริมว่า การพัฒนาเชียงรายจะต้องทำให้จังหวัดนี้เป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับประชาชนทุกคน และจะมีการส่งเสริมการท่องเที่ยว การพัฒนาเศรษฐกิจ และการดูแลสังคมให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน

บทสรุป

การเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงราย 2568 ที่ผ่านมา นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างล้นหลามและสามารถคว้าชัยชนะได้อย่างไม่เป็นทางการ แม้ผลการเลือกตั้งยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ประชาชนเชียงรายแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความหวังในการพัฒนาท้องถิ่นที่ดีขึ้น ผ่านการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งและการสนับสนุนผู้สมัครที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาจังหวัด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

การเลือกตั้งอบจ.เชียงรายปี 2568 เริ่มต้นอย่างคึกคัก

บรรยากาศการเลือกตั้ง ส.อบจ. และนายก อบจ.เชียงราย ปี 2568

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (ส.อบจ.) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ที่หน่วยเลือกตั้งโรงยิมเนเซียม 1 สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย เริ่มขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ โดยบรรยากาศการเลือกตั้งในช่วงก่อนเปิดหีบมีประชาชนทยอยมาเข้าแถวรอเลือกตั้งกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหน่วยเลือกตั้งที่ 24 ตั้งอยู่ในตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย ก็เป็นหนึ่งในหน่วยที่มีการเข้าร่วมคึกคักจากประชาชนในท้องถิ่น

การเลือกตั้งในครั้งนี้มีกระแสการตื่นตัวจากประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิ์อย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและวัยทำงานที่มากันตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อเข้าคูหาเลือกตั้งและเลือกผู้แทนของตนเอง สำหรับบรรยากาศโดยรวมการเลือกตั้งนั้นเป็นไปอย่างเรียบร้อย

การสังเกตการณ์ของผู้ว่าฯ เชียงราย

ในช่วงเช้า นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และหัวหน้าส่วนราชการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมการเปิดหน่วยเลือกตั้งที่โรงยิมเนเซียม 1 สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย เพื่อสังเกตการณ์การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกอบจ.เชียงราย โดยผู้ว่าฯ เชียงรายได้กล่าวเชิญชวนประชาชนชาวเชียงรายออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างคึกคักเพื่อส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตย

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งและหน่วยเลือกตั้ง

จังหวัดเชียงรายมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดกว่า 9 แสนคน โดยมีหน่วยเลือกตั้งทั่วจังหวัดทั้งหมด 1,993 หน่วย และทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จังหวัดเชียงรายได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีผู้มาลงคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่า 75% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการคาดว่าจะทราบในเวลาประมาณ 22:00 น. ของวันเดียวกัน

การเปิดหีบและการควบคุมการเลือกตั้ง

จากการรายงานของ กกต. เชียงราย แจ้งว่า หน่วยเลือกตั้งทั้ง 1,993 หน่วยได้เปิดหีบเลือกตั้งตรงตามเวลา 08.00 น. และการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยเลือกตั้ง และศูนย์ประสานงานการเลือกตั้ง ส.อบจ. และนายก อบจ.เชียงราย ณ อาคารคชสาร อบจ.เชียงราย เป็นไปอย่างเรียบร้อยทุกประการ โดยการเปิดหีบเลือกตั้งในช่วงเช้าสามารถดำเนินการได้โดยไม่มีปัญหาหรืออุปสรรค

เหตุการณ์ฉีกบัตรเลือกตั้ง

ท่ามกลางบรรยากาศการเลือกตั้งที่เป็นไปอย่างเรียบร้อย ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น โดยในหน่วยเลือกตั้งที่ 7 ป่าซาง บ้านแม่คี หมู่ที่ 7 ตำบลป่าซาง อำเภอแม่จัน ได้มีเหตุการณ์ฉีกบัตรเลือกตั้งเกิดขึ้น ซึ่งเบื้องต้นพบว่าเป็นชายอายุ 27 ปี เดินทางจะไปลงคะแนนเหมือนคนอื่นๆ ภายในศาลาเอนกประสงค์หมู่บ้านแม่คี ยื่นบัตรประจำตัวประชาชนและลงชื่อจะลงคะแนนเสียงแล้ว แต่กลับถือบัตรเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงราย ซึ่งมีสีเหลืองและทำการฉีกจนเสียหายภายในคูหาเลือกตั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งได้เข้าไปควบคุมตัวและประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จัน ให้เข้าไปดำเนินการ

เบื้องต้นพบมีบัตรเลือกตั้งได้รับความเสียหายจริงและเมื่อสอบถามชายคนดังกล่าวก็ให้การเบื้องต้นว่า ตัวเองไม่อยากจะเลือกบุคคลใดเป็นนายก อบจ. เชียงราย จึงไม่รู้จะกากบาทลงในช่องหมายเลขของผู้สมัครคนใด ดังนั้นจึงตัดสินใจฉีกทิ้ง
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าการกระทำดังกล่าวถือว่าไม่ถูกต้องจึงได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางบัตรที่เสียหายนำส่ง สภ.แม่จัน เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย.

การส่งเสริมการใช้สิทธิเลือกตั้ง

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายยังกล่าวถึงความสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยเน้นย้ำว่า “การเลือกตั้งเป็นโอกาสของประชาชนในการเลือกผู้นำท้องถิ่น ซึ่งเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยประชาชนมีสิทธิ์ในการตัดสินใจเลือกผู้นำที่พวกเขาต้องการ” เขากล่าวต่อไปว่า การใช้สิทธิเลือกตั้งไม่เพียงแต่เป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบในฐานะพลเมือง แต่ยังเป็นการส่งเสริมการพัฒนาในระดับท้องถิ่นอีกด้วย

บทสรุป

การเลือกตั้ง ส.อบจ. และนายก อบจ.เชียงรายในปี 2568 เป็นการเลือกตั้งที่สำคัญ โดยมีประชาชนทยอยออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งตั้งแต่เช้า บรรยากาศโดยรวมเป็นไปอย่างเรียบร้อยและราบรื่น แม้จะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในบางหน่วยเลือกตั้ง แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว การเลือกตั้งในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกผู้นำท้องถิ่นที่จะเป็นตัวแทนในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
SOCIETY & POLITICS

ACT ชวนผู้สมัครนายก อบจ.แสดงจุดยืนต้านโกง สร้างท้องถิ่นโปร่งใส

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดจดหมายเชิญผู้สมัครนายก อบจ. ร่วมต้านโกง

เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT พร้อมด้วยภาคีเครือข่าย ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกเชิญชวนผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปี 2568 แสดงเจตนารมณ์ต่อต้านคอร์รัปชันในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ โดยในจดหมายดังกล่าวย้ำความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบและติดตามความโปร่งใสของงบประมาณท้องถิ่น

ความกังวลของประชาชนต่อปัญหาคอร์รัปชันใน อบจ.

นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดเผยผลสำรวจจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่ระบุว่าประชาชนกว่า 93.6% ต้องการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาคอร์รัปชันใน อบจ. โดยกว่า 95% ของประชาชนรับรู้ว่ามีการโกงกินงบประมาณท้องถิ่นที่มหาศาล ทั้งที่งบประมาณรวมของ อบจ. ทั่วประเทศสูงถึง 80,000 ล้านบาทต่อปี

ปัญหาดังกล่าวสะท้อนออกมาผ่านความหน่ายการเมืองของประชาชน ซึ่งปรากฏชัดจากการเลือกตั้ง อบจ. ครั้งก่อนที่มีผู้มาใช้สิทธิ์เพียง 48-53% เท่านั้น โดยหลายคนมองว่า นักการเมืองท้องถิ่นมักขาดความโปร่งใสและมุ่งเน้นผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าการพัฒนาท้องถิ่น

เชิญผู้สมัครร่วมแสดงเจตนารมณ์

องค์กรฯ ได้เชิญชวนผู้สมัครนายก อบจ. ผ่านแบบตอบรับออนไลน์ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ต่อต้านคอร์รัปชันในกระบวนการเลือกตั้งและการปฏิบัติหน้าที่ โดยสามารถส่งกลับได้ภายในวันที่ 24 มกราคม 2568 ข้อมูลทั้งหมดจะถูกเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบก่อนถึงวันเลือกตั้ง

นายมานะระบุว่า การเชิญผู้สมัครร่วมแสดงจุดยืนครั้งนี้เป็นการให้ประชาชนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกตั้งผู้ที่พร้อมดูแลผลประโยชน์ของท้องถิ่นอย่างโปร่งใสและซื่อสัตย์ พร้อมระบุว่า “การแสดงเจตนารมณ์ครั้งนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างการเปลี่ยนแปลงในท้องถิ่น”

เสียงสะท้อนจากประชาชน

แคมเปญรณรงค์ “พลิกชีวิตมหาศาล” โดยองค์กรฯ และภาคีเครือข่ายได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะคลิปวิดีโอและโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียที่มีผู้ชมกว่า 4.5 ล้านวิว ความคิดเห็นที่สะท้อนออกมาแบ่งเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่

  1. ความเหนื่อยหน่ายการเมือง: ประชาชนรู้สึกสิ้นหวังกับการเมืองท้องถิ่น เช่น “เห็นอยู่ว่าเลือกมาแล้วไม่ได้พัฒนาอะไรเลย แต่ยังเลือกคนเดิม”
  2. ความไม่เชื่อมั่นในระบบเลือกตั้ง: หลายคนตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของ กกต. และนักการเมือง
  3. ความหวังในการเปลี่ยนแปลง: ประชาชนบางส่วนเสนอแนะแนวทางแก้ไข เช่น “ไม่ขายเสียง ไม่เลือกคนทุจริต”

ขับเคลื่อนความโปร่งใสเพื่ออนาคตท้องถิ่น

องค์กรฯ ได้ร่วมมือกับหลายหน่วยงาน เช่น สถาบันพระปกเกล้า, สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช), และกองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย เพื่อสนับสนุนประชาชนในการตรวจสอบความโปร่งใสของงบประมาณ อบจ. พร้อมทั้งผลักดันแคมเปญสร้างจิตสำนึกการเลือกตั้งอย่างมีคุณภาพ

“บทบาทของ อบจ. มีความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนท้องถิ่น การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ประชาชนจะได้ร่วมกำหนดอนาคตของพื้นที่ตนเอง” นายมานะกล่าว

นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า องค์กรและภาคีได้ร่วมกันออกจดหมายเปิดผนึก ลงวันที่ 21 มกราคม 2568 เรียนเชิญผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปี 2568 ร่วมแสดงเจตนารมณ์ต่อต้านคอร์รัปชัน ผ่านเครือข่ายและสื่อมวลชนโดยสามารถสื่อสารและส่งกลับมาผ่านแบบตอบรับออนไลน์ https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScFYOtvPjszGqx09mcl7Hg-BitDnRBwRJuAAjPujhdzuzB42w/viewform ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 24 มกราคม หรือก่อนวันเลือกตั้ง 1 ก.พ.ศกนี้ เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบในช่วงโค้งสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

สรุป

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เชิญชวนผู้สมัครนายก อบจ. ร่วมแสดงจุดยืนต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อสร้างความโปร่งใสในกระบวนการเลือกตั้งและการบริหารงบประมาณท้องถิ่น พร้อมย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายจัด Big Day เชิญชวนประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ.

กิจกรรมรณรงค์เชิญชวนใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิก อบจ. เชียงราย พร้อมกันทั่วจังหวัด

เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568 ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย (ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังแรก) ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายรุจติศักดิ์ รังสี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์เชิญชวนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง (Big Day) สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยมีนายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นักเรียน นักศึกษา และกลุ่มพลังมวลชนกว่า 800 คน เข้าร่วมงานเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง

การจัดกิจกรรมครั้งนี้สอดคล้องกับเป้าหมายของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มุ่งหวังให้ผู้มีสิทธิออกมาใช้สิทธิเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายการใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างน้อยร้อยละ 75 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง รวมถึงส่งเสริมความโปร่งใสในการเลือกตั้ง ด้วยการไม่ขายสิทธิ ไม่ซื้อเสียง และปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด

การจัดกิจกรรมสร้างการมีส่วนร่วม

ในงานรณรงค์ครั้งนี้ ได้มีการจัดขบวนพาเหรดและกิจกรรมเพื่อกระตุ้นความสนใจของประชาชน ได้แก่

  1. ขบวนพาเหรดวงโยธวาทิต
    โดยวงโยธวาทิตจากโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมสร้างบรรยากาศด้วยเสียงเพลงปลุกเร้าความสนใจ
  2. ขบวนนักเรียนและนักศึกษา
    กลุ่มนักเรียนจากโรงเรียนสามัคคีวิทยาคม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย และสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดเชียงราย รวมถึงศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอเมืองเชียงราย ร่วมเดินขบวนประชาสัมพันธ์
  3. ขบวนผู้นำชุมชนและพลังมวลชน
    กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และกลุ่มผู้นำชุมชนในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย เข้าร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก เพื่อแสดงพลังของประชาชนที่พร้อมออกมาใช้สิทธิ

วัตถุประสงค์ของกิจกรรม

นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญ ดังนี้:

  1. กระตุ้นการรับรู้
    เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
  2. ส่งเสริมความโปร่งใส
    รณรงค์ให้ประชาชนปฏิเสธการขายสิทธิ และปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งอย่างถูกต้อง
  3. สร้างการมีส่วนร่วมทางการเมือง
    กระตุ้นให้ประชาชนในทุกภาคส่วนเข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่น

กิจกรรมพร้อมกันใน 18 อำเภอ

กิจกรรม Big Day ครั้งนี้จัดขึ้นพร้อมกันใน 18 อำเภอทั่วจังหวัดเชียงราย โดยมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อสร้างการตระหนักรู้ในวงกว้าง และกระตุ้นให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิในวันเลือกตั้ง 1 กุมภาพันธ์ 2568

นายรุจติศักดิ์ รังสี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวในพิธีเปิดว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญของประชาชนในการเลือกบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาบริหารจังหวัดเชียงราย และหวังว่าการรณรงค์ในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิของตนเองอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างอนาคตที่ดียิ่งขึ้นให้กับจังหวัดเชียงราย

ข้อมูลเสริม:

สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งในจังหวัดเชียงราย สามารถตรวจสอบหน่วยเลือกตั้งและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย หรือผ่านช่องทางออนไลน์ของ กกต.

การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการส่งเสริมประชาธิปไตยและการพัฒนาท้องถิ่น ขอเชิญชวนประชาชนทุกคนออกมาใช้สิทธิของตนเอง เพื่อร่วมสร้างอนาคตที่ดียิ่งขึ้นสำหรับจังหวัดเชียงราย.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
TOP STORIES

โพลชี้ประชาชนกังวลทุจริต-ขัดแย้ง ในการเลือกตั้ง อบจ. 2568

การวิเคราะห์ผลโพลและสถานการณ์เลือกตั้ง อบจ. 2568: บ้านใหญ่ปะทะบ้านใหม่ โจทย์ใหญ่ของการพัฒนาท้องถิ่น

วันที่ 23 มกราคม 2568 สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD) โดย ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธาน IFD โพลและเซอร์เวย์ และนางจิตติมา บุญวิทยา ผู้อำนวยการ IFD โพลแอนด์เซอร์เวย์ ได้ร่วมกันแถลงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนในหัวข้อ “ประชาชนหวั่นเลือกตั้ง อบจ. ถูกแทรกแซง-ทุจริต-ขัดแย้ง-พัฒนาท้องถิ่นสะดุด” ผลสำรวจดังกล่าวเก็บข้อมูลจากประชาชน 1,222 คนที่มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 15-20 มกราคม 2568 ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างเชิงชั้น 5 ขั้นตอน (Stratified Five-Stage Random Sampling) โดยมีค่าความคลาดเคลื่อน ±3% และความเชื่อมั่น 95%

ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน

ผลโพลชี้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่เลือกนายกฯ อบจ. จากคุณสมบัติ 5 ประการ ได้แก่:

  1. เข้าใจปัญหาท้องถิ่น
  2. มีวิสัยทัศน์-นโยบายที่จับต้องได้
  3. ผลงานและประสบการณ์บริหารท้องถิ่น
  4. ประวัติที่ดี
  5. สังกัดพรรคที่ชื่นชอบ

อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังคงมีความกังวลต่อการเลือกตั้ง อบจ. โดยเฉพาะการแทรกแซงจากพรรคการเมืองระดับชาติ การทุจริต และการทำงานเพื่อผลประโยชน์ของพรรคหรือกลุ่มพวกพ้อง ทั้งนี้ ความกังวลดังกล่าวครอบคลุมทั้งผู้สมัครจากบ้านใหญ่และบ้านใหม่ โดยในกรณีของบ้านใหญ่ ประชาชนกังวลเรื่องการทุจริตและการผูกขาดการพัฒนา ส่วนบ้านใหม่ถูกตั้งคำถามในด้านประสบการณ์และความสามารถในการปฏิบัติตามที่หาเสียงไว้

การวิเคราะห์ 10 ประเด็นสำคัญโดย ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์

  1. การเชื่อมโยงการเมืองระดับชาติและท้องถิ่น
    พรรคการเมืองระดับชาติใช้เวทีเลือกตั้ง อบจ. เป็นฐานสร้างคะแนนนิยมและเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งระดับชาติในปี 2570
  2. ความเข้าใจท้องถิ่นเป็นปัจจัยสำคัญ
    การรู้จักปัญหาและความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นมีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน
  3. นโยบายพัฒนาท้องถิ่นถูกลดความสำคัญ
    การเลือกตั้ง อบจ. ถูกครอบงำด้วยนโยบายระดับชาติ ทำให้การพัฒนาท้องถิ่นขาดความโดดเด่น
  4. การพัฒนาท้องถิ่นถูกฉุดรั้งด้วยเกมการเมือง
    การโจมตีระหว่างพรรคการเมืองและกลุ่มบ้านใหญ่-บ้านใหม่ อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่
  5. พรรคการเมืองเลือกสนับสนุนบ้านใหญ่ที่ทรงอิทธิพลที่สุด
    ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ การเลือกตั้งในจังหวัดอุบลราชธานี
  6. กระสุน-กระแส-ความคุ้นเคย
    การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัย 3 ประการ ได้แก่ เงินทุน (กระสุน) กระแสนิยมระดับชาติ และความคุ้นเคยกับท้องถิ่น
  7. พรรครัฐบาลมีความได้เปรียบ
    พรรคบ้านใหญ่ที่มีอำนาจในระดับรัฐบาลสามารถใช้กลไกราชการสนับสนุนการเลือกตั้ง
  8. หัวคะแนนจัดตั้งชี้ผลการเลือกตั้ง
    หัวคะแนนที่สนับสนุนโดยเงินทุนมีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้ง
  9. การเลือกตั้งในชนบทช่วยบ้านใหญ่ได้เปรียบ
    ชุมชนบ้านไม้มีแนวโน้มออกมาใช้สิทธิ์มากกว่าชุมชนบ้านตึก ทำให้พรรคบ้านใหญ่ได้เปรียบ
  10. วันเลือกตั้งที่เอื้อต่อบ้านใหญ่
    การจัดการเลือกตั้งในวันเสาร์เพิ่มความได้เปรียบให้พรรคบ้านใหญ่

ข้อสรุป

การเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้เป็นสนามการต่อสู้ระหว่างบ้านใหญ่ (พรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย) และบ้านใหม่ (พรรคประชาชาติ) ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทการเมืองระดับชาติที่เข้ามามีอิทธิพลในระดับท้องถิ่น โดยผู้สมัครที่มีเงินทุนสนับสนุน กระแสนิยม และความคุ้นเคยในพื้นที่จะเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินชัยชนะ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE