“14 วันในเชียงราย” กับบทบาท–ผลกระทบจากคำสั่งโยกย้ายกลางคันของ “รัฐพล นราดิศร” และโจทย์ใหญ่ที่ทิ้งไว้ให้เมืองชายแดนเหนือ
เชียงราย, 16 ตุลาคม 2568 — เมื่อเสียงนาฬิกาการเมืองดังขึ้นอีกครั้ง หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 ตุลาคม มีมติแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทยระดับสูง 45 ราย ตามข้อเสนอของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หนึ่งในนั้นคือคำสั่งให้ นายรัฐพล นราดิศร พ้นจากตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ที่เพิ่งเข้ารับหน้าที่เมื่อ 1 ตุลาคม 2568 และแต่งตั้งให้ไปรับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่แทน ขณะที่ นายทศพล เผื่อนอุดม พ้นจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ไปดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
ข่าวนี้ทำให้เกิดคำถามพร้อม ๆ กันสองสาย สายแรก—“14 วันในเชียงราย” ผู้ว่าฯ รัฐพล ทำอะไรไว้บ้าง? และสายถัดมา—การเปลี่ยนตัวกลางคันส่งผลอย่างไรต่อโจทย์เร่งด่วนของจังหวัดชายแดนเหนือ ที่กำลังเผชิญทั้งปัญหา “สารปนเปื้อนในแม่น้ำกก” งานบูรณาการด้านน้ำท่วม และโมเมนตัมเศรษฐกิจ–การท่องเที่ยวปลายปีซึ่งเป็นไฮซีซัน
บทความนี้ชวนผู้อ่านถอดรหัส “ไทม์ไลน์ 14 วัน” ของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายคนล่าสุดที่กำลังจะกลายเป็น “อดีต” อย่างรวดเร็ว พร้อมวิเคราะห์ผลกระทบเชิงโครงสร้างต่อจังหวัด และตั้งคำถามว่า “ระบบ” ที่ดีพอจะทำให้งานเดินต่อได้แม้ตัวบุคคลเปลี่ยนหน้า—อยู่ตรงไหน
สัปดาห์ที่ 1: สัญลักษณ์–สื่อสาร–ลงพื้นที่น้ำท่วม
1 ต.ค. 2568 — วันแรกของการปฏิบัติหน้าที่ นายรัฐพล นราดิศร เดินตามธรรมเนียมปฏิบัติ ขึ้นไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำบุญสืบชะตาจวนผู้ว่าฯ ต่อด้วยการเป็นประธานในพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะ รัชกาลที่ 4 และลงพื้นที่ตรวจแนวป้องกันน้ำท่วมที่ อำเภอแม่สาย จุดชายแดนที่ทุกฤดูฝนต้องจับตา—การออกสตาร์ตเช่นนี้สะท้อนแนวทาง “จัดวาระงานพิเศษภาคสนาม” ให้เห็นในวันแรก
2 ต.ค. — เข้าพบกราบนมัสการพระมหาเถระในพื้นที่ เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นสัญลักษณ์การสร้างความไว้วางใจและพลังทางสังคมวัฒนธรรม สำหรับจังหวัดที่ศาสนาและประเพณีคือฐานทุนทางสังคมสำคัญ
3 ต.ค. — เปิดรายการ “ผู้ว่าฯ เชียงราย…พบประชาชน” ถือเป็นสัญญาณว่า ผู้บริหารจังหวัดตั้งใจใช้ “แพลตฟอร์มสื่อสารตรง” เพื่ออัปเดตงาน–รับฟังปัญหา การสื่อสารเชิงรุกในช่วงตั้งไข่ของการทำงาน—ยิ่งสำคัญต่อพื้นที่ที่มีหลายวาระเร่งด่วนคาบเกี่ยวหลายหน่วยงาน
4 ต.ค. — ลงพื้นที่ร่วมกับ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ติดตามงานและผลักดันการพัฒนาแหล่งน้ำ–การเกษตรที่ อำเภอเชียงแสน อำเภอการค้าที่เป็นประตูเศรษฐกิจชายแดนสู่ลุ่มแม่น้ำโขง การเชื่อมต่อ “นโยบายกลาง–ปฏิบัติการพื้นที่” ตั้งแต่วันแรก ๆ คือจุดแข็งที่ควรจับตาหากไม่มีคำสั่งโยกย้ายกลางคัน
5 ต.ค. — แสดงความยินดีกับ โรงแรมเดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี ที่ได้รับรางวัล “Hall of Fame” Thailand Tourism Awards 2025 (กินรี) สะท้อนการให้ความสำคัญกับ ภาคบริการ–การท่องเที่ยว ที่กำลังเข้าสู่ฤดูกาลทอง และเป็นเครื่องยนต์รายได้หลักของเชียงรายในช่วงปลายปี
ภาพรวมสัปดาห์แรก วางฐาน “สามมิติ” — (1) พิธีการ–ความชอบธรรมทางสังคม (2) ช่องทางสื่อสารตรงกับประชาชน และ (3) ลงพื้นที่เศรษฐกิจ–น้ำ–ชายแดน เพื่อผูกนโยบายกับพื้นที่จริง
สัปดาห์ที่ 2: บูรณาการ “สารปนเปื้อน–จิตอาสา–บอร์ดนโยบายกลาง” ก่อนชัทดาวน์ด้วยคำสั่งโยกย้าย
6 ต.ค. — พบหารือ รักษาการผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย และคณะสื่อมวลชนเรื่องแนวทางพัฒนาจังหวัด ยืนยัน “สนามบิน–โลจิสติกส์การบิน” เป็นโครงสร้างขับเคลื่อนนักท่องเที่ยว–การลงทุน และเยี่ยมให้กำลังใจ มิสเตอร์เวอร์นอน แฮร์รี่ อันสเวิร์ธ (หนึ่งในฮีโร่ถ้ำหลวง) ที่รักษาตัวที่ โรงพยาบาลแม่จัน แสดงบทบาท “เจ้าภาพเมือง” ที่ไม่ลืมทุนทางมนุษย์และเครือข่ายโลกที่โยงกับเชียงราย
8 ต.ค. — นำชาวพุทธร่วมพิธี ตักบาตรเทโวโรหณะ วันออกพรรษา เชื่อม “มิติอัตลักษณ์” กับ “มิตินโยบาย” ให้ชัดว่าการพัฒนาจังหวัดบนฐานวัฒนธรรมจะเดินคู่กัน
9 ต.ค. — เข้าร่วมประชุมกับ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อติดตาม–เร่งรัดการแก้ปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก นี่คือวาระเร่งด่วนสูงสุดของเมืองในปีนี้ เพราะส่งผลซ้อนทับทั้ง สุขภาพ–ประปาชุมชน–เศรษฐกิจประมง–ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และ ภาพลักษณ์การท่องเที่ยว การที่ผู้ว่าฯ พาโจทย์นี้ขึ้นโต๊ะนโยบายระดับรองนายกฯ ภายในสัปดาห์สอง สื่อถึงการขยับคันโยกให้ “การเมืองส่วนกลาง” ลงน้ำหนักกับปัญหา
10 ต.ค. — นำกิจกรรม “จิตอาสาพัฒนา” ทำความสะอาด สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย ถวายเป็นพระราชกุศล ร.9 และเข้าร่วมประชุมทางไกลโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ซึ่งเกี่ยวพันกับมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ–ท่องเที่ยวภายในประเทศ—ประเด็นที่เชียงรายกำลังรอรับอานิสงส์
11 ต.ค. — ต้อนรับ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ เพื่อนำนโยบายลงพื้นที่และรับรายงานปัญหาจังหวัด โดยเฉพาะ สารปนเปื้อนในแหล่งน้ำ—การบูรณาการแบบ “เกษตร–น้ำ–สุขภาพ” เริ่มปรากฏในรูปของการประชุมร่วมหลายระดับ
13 ต.ค. — เป็นประธานทำบุญตักบาตรและวางพวงมาลาถวายราชสักการะ “วันนวมินทรมหาราช” (ร.9) วันสำคัญของแผ่นดินที่ทุกจังหวัดจัดงานคู่กันทั้งมิติพิธีการและงานสาธารณะประโยชน์
14 ต.ค. — ให้การต้อนรับคณะ นักปกครองระดับสูง (นปส.) รุ่นที่ 84 บรรยายสรุปภาพรวมและศักยภาพจังหวัด ก่อนคณะลงพื้นที่ศึกษาดูงาน 3 อำเภอชายแดนสำคัญ—ในวันเดียวกันนั้นเองคือ “วันประกาศมติ ครม.” ให้ผู้ว่าฯ รัฐพลย้ายไปเชียงใหม่
ความหมายของสัปดาห์ที่สอง เห็นภาพการ “ล็อกคีย์วาระ” 3 เรื่องใหญ่—(1) สารปนเปื้อนในแม่น้ำกก (2) การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ–ท่องเที่ยวปลายปี (3) การจัดการทรัพยากร–สาธารณูปโภค—ผ่านการประชุมกับรองนายกฯ สองกระทรวงหลัก และการทำงานกับสนามบิน เมือง ชุมชน
14 วัน…มากพอจะเห็นทิศทาง แต่สั้นเกินจะเห็นผลลัพธ์
การประเมิน “ผลงาน” ภายใต้เวลาจำกัดเพียง 14 วัน ย่อมไม่แฟร์ หากจะตัดสินด้วย “ผลลัพธ์สุดท้าย” เพราะหลายเรื่องเป็น “ระบบ–ข้ามหน่วยงาน” ต้องใช้หลายเดือนจึงจะเห็นผลเชิงประจักษ์ อย่างไรก็ดี จากไทม์ไลน์ที่ปรากฏ เราเห็น ทิศทางการทำงาน ที่วางคานไว้แล้ว ได้แก่
- การยกวาระสารปนเปื้อนแม่น้ำกกขึ้นระดับนโยบาย — ภายใต้สถานการณ์ที่ตรวจพบสารโลหะหนักในน้ำประปาหมู่บ้านบางแห่ง ผัก และปลา (แม้หลายตัวอย่าง “ไม่เกินมาตรฐาน” แต่มีความเสี่ยงสะสม) การขับเคลื่อนที่โต๊ะรองนายกฯ–กระทรวงทรัพยากรฯ ช่วย “ล็อกอำนาจ” ทางงบประมาณ–วิชาการ–บุคลากรจากส่วนกลางให้ลงสู่พื้นที่ได้เร็วขึ้น
- เศรษฐกิจท่องเที่ยวปลายปี — การสื่อสารกับสนามบิน–ภาคการท่องเที่ยว และการต่อกุญแจเชื่อมมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ช่วยรักษา “โมเมนตัมไฮซีซัน” ที่เชียงรายต้องการมากที่สุดในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
- พื้นที่สาธารณะ–จิตอาสา — บทบาทเชิงสัญลักษณ์ที่ทำให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม สร้าง “ทุนทางสังคม” เพื่อแบกงานยาว ๆ เช่น การจัดการขยะ–รักษาพื้นที่สีเขียว–ขับเคลื่อนเมืองน่าอยู่
ผลกระทบจากการเปลี่ยนตัว งานจะสะดุดหรือระบบจะรับได้?
คำถามเชิงโครงสร้าง ที่ต้องตอบไม่ใช่แค่ “ใคร” เป็นผู้ว่าฯ แต่คือ “ระบบจังหวัด” เข้มแข็งพอหรือไม่ที่จะทำให้ 4 ห้องเครื่อง เดินต่อเนื่องแม้ตัวบุคคลเปลี่ยนกลางคัน
- ห้องเครื่องที่ 1 สารปนเปื้อนในแม่น้ำกก
งานนี้ต้องพึ่ง สามมิติแบบสวมซ้อน — (ก) วิทยาศาสตร์–ห้องแล็บ (การตรวจคุณภาพน้ำ/ปลา/ผักแบบเปิดเผยต่อเนื่อง, การคัดกรองสุขภาพกลุ่มเสี่ยง) (ข) ประปาชุมชน–แหล่งน้ำสำรอง (บาดาล/ผิวดินสำรอง, บริหารต้นทุนน้ำ) และ (ค) การทูตข้ามพรมแดนกับประเทศเพื่อนบ้านเรื่องกิจกรรมต้นน้ำ หาก “ห้องแล็บ–แผนสำรอง–กลไกเจรจา” ไม่หยุด งานก็ไปต่อแม้เปลี่ยนตัวผู้ว่าฯ - ห้องเครื่องที่ 2 ป้องกันล่วงหน้าน้ำหลาก–ท่วมซ้ำ
จังหวัดกำลังเดินหน้า Flood Mark–Mobile Mapping System (MMS) เพื่อทำ Flood Map มาตรฐาน ข้อมูลนี้เป็น “ทรัพยากรไม่ขึ้นกับตัวบุคคล” ขอเพียง ศูนย์ข้อมูล–หน่วยประสาน เดินเอกสาร–งบประมาณ–การติดตั้งหมุด–การอ่านแผนที่ให้ชุมชนเข้าใจต่อเนื่อง - ห้องเครื่องที่ 3 เศรษฐกิจ–ท่องเที่ยว
ฤดูกาลท่องเที่ยว—โดยเฉพาะงานเทศกาลปลายปี–ปีใหม่—ต้องการ “ความชัดเจน–ความปลอดภัย–ความเชื่อมั่น” พร้อมกัน การสื่อสารเชิงรุกเรื่องคุณภาพน้ำ–อาหาร–สุขอนามัย จะเป็นคีย์เวิร์ดการตลาดของเชียงรายในช่วงนี้มากกว่าภาพสวยเพียงอย่างเดียว - ห้องเครื่องที่ 4 พื้นที่สาธารณะ–การมีส่วนร่วม
โครงการจิตอาสา–พัฒนาพื้นที่ริมน้ำ–สวนสาธารณะ ต้องถูกร้อยเข้ากับ “นโยบายสุขภาวะเมือง” และ “เศรษฐกิจฐานราก” ให้มากกว่าเป็นงานปลุกใจ ความต่อเนื่องของกิจกรรมคือปัจจัยชี้วัดว่าระบบไหลลื่นจริงหรืออิงเฉพาะผู้นำคนใดคนหนึ่ง
“สถิติสั้นที่สุด?” ข้อสังเกตที่ยังต้องตรวจทาน
มีการตั้งข้อสังเกตในพื้นที่ว่า หากยึดวันที่เข้ารับตำแหน่ง 1 ต.ค. ถึงวันที่มีมติ ครม. 14 ต.ค. และหากคำสั่งโยกย้ายมีผลปฏิบัติทันที อาจทำให้ นายรัฐพล นราดิศร กลายเป็นหนึ่งในผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายที่ดำรงตำแหน่งสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ร่วมสมัย มีการอ้างอิงถึงกรณี นายประหยัด สมานมิตร ผู้ว่าฯ เชียงราย ที่ดำรงตำแหน่ง 4 เดือน 20 วัน (1 พ.ค. 2513 – 20 ก.ย. 2513) ก่อนเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่จากเหตุซุ่มโจมตีที่บ้านห้วยกว้าน อ.เชียงแสน
อย่างไรก็ดี การตัดสินว่า “สั้นที่สุด” จำเป็นต้องตรวจทานเอกสารราชการ–เอกสารจดหมายเหตุอย่างเป็นทางการ และนับ “วันที่มีผลคำสั่ง” ตามรูปแบบทางปกครอง ไม่ใช่เพียง “วันที่มีมติ” เท่านั้น เพื่อความถูกต้องเชิงหลักฐาน—จึงควรถือเป็น ข้อสังเกต ที่ต้องให้หน่วยงานวิชาการท้องถิ่น–หอจดหมายเหตุ หรือกระทรวงมหาดไทย ตรวจทานอย่างเป็นทางการ
จากเชียงรายสู่เชียงใหม่ ความหมายในระดับพื้นที่
การโยกย้ายทันทีของผู้ว่าฯ รัฐพลไปเชียงใหม่ ทำให้เกิด “สองเวคเตอร์” ที่ต่างทิศกัน
- เชียงราย ต้องการความต่อเนื่องของงาน—โดยเฉพาะโครงสร้างข้อมูลน้ำ–สุขภาวะ–เศรษฐกิจชายแดน—ที่ได้เริ่มต้นขยับในสองสัปดาห์แรก
- เชียงใหม่ กำลังรอผู้ว่าฯ ใหม่ที่เข้าใจโจทย์ของมหานครท่องเที่ยว–เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และการจัดการปัญหาฝุ่นควัน–คุณภาพอากาศ–การใช้ที่ดิน—ซึ่งต้องการความเป็น “ซีอีโอจังหวัด” สูง
ในทางนโยบายภาพใหญ่ การโยกย้ายระดับสูง 45 ราย ถูกอธิบายว่าเป็นส่วนหนึ่งของการจัดวางกำลัง “คน–งาน–พื้นที่” ให้สอดรับกับยุทธศาสตร์เร่งด่วนของรัฐบาลกลาง—คำถามที่ตามมา คือ “ตัวชี้วัด” ที่จะทำให้ประชาชนสัมผัสได้ว่าการโยกย้ายนี้ทำให้งานเดินเร็วขึ้นจริงคืออะไร และจะสื่อสาร “ผลลัพธ์” ให้สังคมตรวจสอบได้อย่างไร
ข้อเสนอเชิงระบบ ทำอย่างไรให้งานเดินแม้ผู้นำเปลี่ยน
- ทำ “พิมพ์เขียวงานเร่งด่วนจังหวัด” แบบ 90–120 วัน
สรุป “4 ห้องเครื่อง”—สารปนเปื้อน–น้ำท่วม–ท่องเที่ยว–มีส่วนร่วม—ใส่ Milestones–KPIs–เจ้าภาพ–คู่ปฏิบัติ ชัดเจน แผนนี้ควรเผยแพร่สาธารณะให้ติดตามได้ - ตั้ง “ศูนย์ข้อมูลน้ำ–สุขภาวะ” จังหวัด
รวมผลตรวจคุณภาพน้ำ/ปลา/ผัก (แยกชนิดสาร เช่น ตะกั่ว สารหนู ปรอท) และแหล่งน้ำดิบ—อัปเดตรายสัปดาห์ เปิดข้อมูลแบบอ่านง่าย ลดความกำกวมของถ้อยคำทางเทคนิค - เร่ง “Flood Mark–MMS–Flood Map” ให้เสร็จก่อนฤดูฝนหน้า
แผนที่เฉพาะกิจแสดงเส้นทางน้ำ–จุดวิกฤต–ระดับน้ำสูงสุดที่ผ่านมา ให้ประชาชนและท้องถิ่นใช้วางแผน รับมือเชิงรุก - สื่อสารความปลอดภัย–เศรษฐกิจท่องเที่ยว
ควบคู่การตลาดปลายปี สิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องรู้คือ “มาตรฐานความปลอดภัยด้านน้ำ–อาหาร–สาธารณสุข” เผยแพร่ลิสต์สถานประกอบการที่ผ่านมาตรฐาน/พื้นที่ริมน้ำที่ได้รับการปรับปรุง–ตรวจสอบแล้ว - กลไกข้ามพรมแดนเรื่องต้นน้ำ
ผลักดันวงเจรจาไทย–เมียนมาเรื่องการเฝ้าระวัง–แจ้งเตือน–การสอบสวนกรณีสารปนเปื้อน ให้มี ช่องทางสื่อสารฉุกเฉิน ระหว่างหน่วยงานปฏิบัติการสองฝั่ง
“คน” เปลี่ยนได้ แต่ “ระบบ” ต้องเดินหน้า
14 วัน อาจสั้นเกินกว่าจะให้คำว่า “สำเร็จ” แต่ เพียงพอ ที่จะเห็นว่าเชียงรายกำลังจัดวางงานเร่งด่วนอย่างไร การโยกย้ายกลางคันของผู้ว่าฯ รัฐพลจึงเป็นบททดสอบสำคัญว่า “ระบบจังหวัด” มีวุฒิภาวะมากพอหรือยังที่จะพางานเดินต่อ โดยไม่สะดุด—ถ้าพิมพ์เขียว–ข้อมูล–การสื่อสาร–การมีส่วนร่วม เดินไปพร้อมกัน “ตัวบุคคล” จะกลายเป็นตัวเร่ง ไม่ใช่ “คอขวด”
ในฐานะจังหวัดชายแดนที่เป็นทั้ง ประตูการค้า–การท่องเที่ยว–ประตูธรรมชาติ เชียงรายจำเป็นต้องมี ระบบนิเวศการบริหาร ที่ไม่ขึ้นกับชื่อใคร และทั้งหมดนี้เริ่มได้จาก “วันนี้”—วันที่คนเชียงราย–ภาคส่วนต่าง ๆ ยืนยันร่วมกัน ว่า งานสำคัญต้องไปต่อ ไม่ว่าป้ายหน้าจวนผู้ว่าฯ จะเปลี่ยนชื่อเป็นใครก็ตาม
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- เขียนโดย : กันณพงศ์ ก.บัวเกษร
- เรียบเรียง : มนรัตน์ ก.บัวเกษร
- มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 14 ตุลาคม 2568 — กรณีเห็นชอบตามเสนอของกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้ง–โยกย้ายข้าราชการระดับสูง 45 ราย (อ้างถึงเอกสารชี้แจงอย่างเป็นทางการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี/กระทรวงมหาดไทย)
- กระทรวงมหาดไทย — หนังสือ/ข่าวประชาสัมพันธ์คำสั่งแต่งตั้ง–โยกย้าย นายรัฐพล นราดิศร จากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายไปผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และการแต่งตั้ง นายทศพล เผื่อนอุดม เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
- สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
- ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
- กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม / กรมทรัพยากรน้ำบาดาล
- สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
- สำนักงานสาธารณสุข/ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 1 เชียงราย
- กรมประมง



















































