Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

หนองน้ำพุ 82 ไร่ พร้อมใช้งาน! อบต.โป่งผา รับมอบพื้นที่-เดินหน้า “เฟส 2” เชื่อมถ้ำหลวง

หนองน้ำพุ” แลนด์มาร์กใหม่ชายแดนแม่สาย 180 ล้านบาทจากโยธาธิการฯ สู่มือ อบต.โป่งผา ปักธงเมืองสุขภาพ–ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ บนโจทย์ยั่งยืนระยะยาว

เชียงราย, 1 พฤศจิกายน 2568 — พื้นที่ชุ่มน้ำขนาดสำคัญของตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย ที่ชาวบ้านคุ้นชื่อว่า “หนองน้ำพุ” กำลังเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์จากแหล่งพักผ่อนของชุมชน สู่ สวนสาธารณะเชิงนิเวศและศูนย์สุขภาพกลางแจ้ง ที่มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมรองรับกิจกรรมสาธารณะระดับอำเภอและจังหวัด หลัง กรมโยธาธิการและผังเมือง (ยผ.) กระทรวงมหาดไทย ส่งมอบผลงานก่อสร้างตาม งบประมาณ 180 ล้านบาท ให้ องค์การบริหารส่วนตำบลโป่งผา (อบต.โป่งผา) เป็นผู้ดูแลบำรุงรักษา และวางธงเดินหน้า “เฟส 2” เพื่อยกระดับฟังก์ชันการใช้งานให้ครบวงจรด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง

ท้องถิ่นร่วมพัฒนาและเห็นผลเป็นรูปธรรม วันนี้เราส่งมอบพื้นที่ที่ประชาชนใช้งานจริง และพร้อมสนับสนุนต่อเนื่องเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด”นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง

 “ทุนกายภาพ–ทุนสังคม–ทุนนโยบาย” พร้อม แต่ความยั่งยืนต้องมี “แผนดูแลหลังส่งมอบ” ที่จับต้องได้

การส่งมอบโครงการมูลค่า 180 ล้านบาทในวันนี้สะท้อน 3 ปัจจัยบวกที่มาบรรจบกันอย่างน่าสนใจ

  1. ทุนกายภาพ (Physical Capital): สวนสาธารณะกว่า 82 ไร่ โครงสร้างพื้นฐานพร้อมใช้ มีลู่วิ่ง–ลานกิจกรรม–พื้นที่สีเขียวเชื่อมโยงทัศนียภาพ ดอยนางนอน และ “หนองน้ำพุ” ที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานช่วยลดอุปสรรคด้านการเข้าถึงพื้นที่สาธารณะคุณภาพ (public open space) ให้กับประชาชนทุกกลุ่มวัย
  2. ทุนสังคม (Social Capital): ตัวเลขผู้มาใช้บริการออกกำลังกายและทำกิจกรรมแล้ว กว่า 20,000 คน เป็น “หลักฐานเชิงพฤติกรรม” ว่าพื้นที่ตอบโจทย์จริง สร้างความผูกพันระหว่างพื้นที่–คน–กิจกรรม และกลายเป็นเวทีชุมชนที่เข้มแข็งได้
  3. ทุนเชิงนโยบาย (Policy Capital): การผลักดันของ ยผ. ภายใต้มติและทิศทาง “พัฒนาเมืองปลอดภัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และบำบัดทุกข์ บำรุงสุข” บวกกับวิสัยทัศน์ของ อบต.โป่งผา ที่ชัดเรื่อง “ศูนย์สุขภาพกลางแจ้ง–ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ” ทำให้แนวทางเปลี่ยนพื้นที่สาธารณะเป็นเครื่องมือสุขภาวะ (Health in All Policies) เดินได้จริง

อย่างไรก็ดี โจทย์ยากหลังพิธีส่งมอบ คือ “แผนดูแล–บำรุงรักษา (O&M)” ระยะยาวให้คงคุณภาพ ทั้งเรื่องงบประมาณประจำปี, ระบบสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ/ผู้พิการ (universal design), การจัดการขยะ–น้ำเสียในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว, การบริหารความปลอดภัย–การจราจร, ตลอดจน แผนพัฒนาเฟส 2 ที่ต้องชัดเจนว่าลงทุนอะไร–เพื่อใคร–ชุมชนได้ประโยชน์อย่างไร และสอดคล้องกับธรรมชาติของพื้นที่ชุ่มน้ำอย่างไร นี่คือ “บททดสอบความยั่งยืน” ที่ท้องถิ่นต้องตอบให้ได้ตั้งแต่วันนี้

ส่งมอบความสำเร็จ โครงงาน 3 ปี งบ 180 ล้านบาท สวนสาธารณะ–แลนด์มาร์ก 82 ไร่ ใช้งานจริงแล้วหมื่นราย

พิธีส่งมอบจากกรมโยธาธิการและผังเมืองสู่ อบต.โป่งผา ครอบคลุมผลงานก่อสร้างในกรอบ พัฒนาพื้นที่รอบอุทยานถ้ำหลวง–ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ)” โดยมีสาระสำคัญดังนี้

  • กรอบงบประมาณ: 180 ล้านบาท
  • กรอบเวลา: พ.ศ. 2566–2568 (รวม 3 ปี)
  • ขนาดพื้นที่พัฒนา: สวนสาธารณะและแลนด์มาร์กแห่งใหม่ กว่า 82 ไร่
  • ผลใช้งาน: มีผู้มาใช้บริการเพื่อออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ มากกว่า 20,000 คน (นับถึงก่อนวันส่งมอบอย่างเป็นทางการ)
  • ฐานคิดการออกแบบ: เชื่อมโยงคุณค่าธรรมชาติ–ภูมิทัศน์ของ “หนองน้ำพุ” และ ดอยนางนอน ให้เป็นฉาก (backdrop) เพื่อกิจกรรมสำหรับทุกช่วงวัย ตั้งแต่เดิน–วิ่ง–ปั่นจักรยาน–ออกกำลังผู้สูงวัย–กิจกรรมครอบครัว–ตลาดชุมชน–กิจกรรมวัฒนธรรม

เราขอขอบคุณ ยผ. ที่สนับสนุนงบประมาณและขับเคลื่อนจนสำเร็จ วันนี้ชุมชนโป่งผามีพื้นที่สาธารณะคุณภาพ และเราพร้อมทำเฟส 2 ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในมิติสุขภาพและเศรษฐกิจชุมชน”ดร.ณัชชา กันทะดง นายก อบต.โป่งผา

ด้วยทำเลที่ตั้ง หมู่ 1 ต.โป่งผา อ.แม่สาย ซึ่งเป็น ด่านหน้าชายแดนไทย–เมียนมา ด้านเหนือสุดของไทย พื้นที่ดังกล่าวจึงมีศักยภาพต่อยอดเป็น “เกตเวย์ท่องเที่ยวเชิงนิเวศและสุขภาพ” เชื่อม อุทยานถ้ำหลวง–ขุนน้ำนางนอน, ตัวเมืองแม่สาย, แหล่งเรียนรู้วัฒนธรรม, ตลาดชายแดน และจุดชมวิวธรรมชาติ กลายเป็น “จุดพัก–จุดรวมพล–จุดกิจกรรม” ที่กระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการท้องถิ่น

อัตลักษณ์ “หนองน้ำพุ” ธรรมชาติ–ตำนาน–ความทรงจำร่วม ของคนทั้งอำเภอ

เอกลักษณ์ของ “หนองน้ำพุ” ไม่ได้มีเพียงทัศนียภาพรายล้อมภูเขา หากยังมี ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ชาวบ้านเล่าขานว่า เมื่อเกิดเสียงดัง เช่น เคาะไม้–เคาะปี๊บ จะมีฟองน้ำพุผุดขึ้นเองจากผิวน้ำ สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนและกลายเป็นเรื่องเล่า (narrative) ของพื้นที่ นอกจากนี้ “หนองน้ำพุ” ยังเชื่อมโยง ความทรงจำร่วมระดับชาติ จากเหตุการณ์ช่วยเหลือทีมฟุตบอลเยาวชนใน ถ้ำหลวง–ขุนน้ำนางนอน เมื่อหลายปีก่อน ทำให้ชื่อของพื้นที่นี้ปรากฏในเส้นทางท่องเที่ยวและสื่อสาธารณะอย่างต่อเนื่อง

ในเชิงระบบนิเวศ “หนองน้ำพุ” ทำหน้าที่ราว ฟองน้ำธรรมชาติ (natural sponge) ที่ช่วยเก็บกักน้ำหล่อเลี้ยงพื้นที่เกษตรในฤดูแล้ง และบรรเทาน้ำหลากในฤดูฝน เมื่อถูกพัฒนาให้เป็นสวนสาธารณะเชิงนิเวศ จึงมีบทบาทเสริมสร้าง ภูมิคุ้มกันพื้นที่ (area resilience) ทั้งด้านน้ำ อากาศ และความร้อนในเมือง (urban heat) โดยธรรมชาติของพื้นที่สีเขียว–สายน้ำ จะช่วยลดอุณหภูมิ สร้างร่มเงา และพื้นที่พักฟื้นสำหรับสัตว์นานาชนิด

หนองน้ำพุไม่ใช่เพียงสวนสาธารณะ แต่เป็นห้องเรียนธรรมชาติของคนแม่สาย ที่ทำให้เด็กรุ่นใหม่ได้เติบโตพร้อมความหวงแหนสิ่งแวดล้อม”ตัวแทนชุมชนผู้ใช้งานกิจกรรมออกกำลังกาย (สะท้อนความเห็นในเวทีกิจกรรมชุมชน)

เมืองสุขภาพชายแดน สวนสาธารณะคุณภาพที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

แนวทาง “ศูนย์สุขภาพกลางแจ้ง” (Outdoor Health Hub) ที่ อบต.โป่งผาและภาคีท้องถิ่นร่วมกันขับเคลื่อน สอดคล้องกับแนวโน้มสังคมสูงวัยและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (wellness) ที่เติบโตในจังหวัดเชียงราย โครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่งส่งมอบช่วยให้เกิด “ต้นทุนสาธารณะ” ที่ผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถเชื่อมต่อกิจกรรมได้หลายมิติ เช่น

  • กิจกรรมกีฬา–มินิมาราธอน–ปั่นจักรยานชุมชน: สร้างการรับรู้และดึงนักท่องเที่ยวเชิงกิจกรรม
  • ตลาดผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น–สุขภาพ: ผักปลอดภัย, ชา–กาแฟ, สมุนไพร, อาหารเหนือเพื่อสุขภาพ เชื่อม “เส้นทางกาแฟ–ชาเชียงราย”
  • กิจกรรมครอบครัว–เทศกาลวัฒนธรรม: เวทีศิลปวัฒนธรรมล้านนา, ดนตรีในสวน, กิจกรรมเรียนรู้สิ่งแวดล้อม
  • คลินิกสุขภาพชุมชนในพื้นที่เปิด: ลานกายภาพ–โยคะ–ไทชิ–ตรวจสุขภาพเบื้องต้น ร่วมกับโรงพยาบาล–รพ.สต.

ประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น กระจายตัว ไปยังผู้ค้าชุมชน ผู้ให้บริการท่องเที่ยวรายย่อย และเกษตรกรที่เชื่อมโยงโซ่อุปทานอาหาร–เครื่องดื่มสุขภาพ ขณะเดียวกัน คุณภาพชีวิต ของประชาชนดีขึ้นผ่านการเข้าถึงพื้นที่ออกกำลังกายใกล้บ้าน ลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในระยะยาว และเพิ่มโอกาสการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม

เฟส 2 ต้องชัด จาก “สวนสาธารณะ” สู่ “ห้องเครื่องยั่งยืน” ของชุมชน

แม้พิธีส่งมอบในวันนี้ยืนยันความพร้อมใช้งาน แต่ ความยั่งยืน จะเกิดจริงต่อเมื่อมี “พิมพ์เขียวเฟส 2” ที่ระบุชัดว่า

  1. O&M ระยะยาว: แผนงบประมาณบำรุงรักษา–ตัดหญ้า–ดูแลต้นไม้–ซ่อมพื้นผิวทาง–ไฟส่องสว่าง–ระบบระบายน้ำ–จุดนั่งพัก–ห้องน้ำ–ความสะอาด–ความปลอดภัย ต้องระบุวงเงินต่อปี แหล่งงบ และตัวชี้วัดคุณภาพ (service level)
  2. Universal Design เต็มรูปแบบ: ทางลาด–ราวจับ–ห้องน้ำผู้ใช้วีลแชร์–พื้นผิวต่างสัมผัส–ป้ายอักษรเบรลล์–จุดนั่งพักทุก 100–150 เมตร ให้ผู้สูงอายุ/ผู้พิการเข้าถึงได้เท่าเทียม
  3. Environmental Management: แผนจัดการขยะ (คัดแยก–ถังรีไซเคิล–จุดรองรับขยะกิจกรรม), น้ำเสีย (บ่อดักไขมัน–ระบบบำบัดจุดให้บริการอาหารชุมชน), ความหลากหลายทางชีวภาพ (ปลูก–ดูแลพันธุ์ไม้ท้องถิ่น/พื้นที่ชุ่มน้ำ), การป้องกันการชะล้างพังทลายตลิ่ง, ระบบเฝ้าระวังคุณภาพน้ำหนองน้ำพุรายไตรมาส
  4. Safety & Mobility: แผนจราจรในช่วงกิจกรรมใหญ่, จุดรับ–ส่ง, ที่จอดรถ–จักรยาน, ระบบไฟส่องสว่าง, กล้องวงจรปิด, สายด่วนอาสาสมัครสวนสาธารณะ, ซ้อมแผนฉุกเฉินทางการแพทย์เบื้องต้นร่วมกับ รพ.สต./อปพร.
  5. Governance & Participation: คณะกรรมการบริหารพื้นที่ที่มีตัวแทนชุมชน–ผู้สูงอายุ–เยาวชน–ผู้ประกอบการ ร่วมวางแผนตารางกิจกรรม–กำกับดูแลงบประมาณ–ติดตามประสิทธิภาพ โดยเปิดแดชบอร์ดสาธารณะให้ประชาชนตรวจสอบได้
  6. เศรษฐกิจชุมชน–แบรนด์ปลายทาง: ยกระดับ “หนองน้ำพุ” เป็น แบรนด์จุดหมาย (destination brand) ของชายแดนแม่สาย สื่อสารเรื่องเล่าธรรมชาติ–วัฒนธรรม–สุขภาพ ผ่านป้ายความรู้หลายภาษา (ไทย–อังกฤษ–จีน) และกิจกรรมสม่ำเสมอทั้งปี

การพัฒนาจะสมบูรณ์เมื่อคนในชุมชนเป็นเจ้าของร่วม และมีเครื่องมือกำกับดูแลคุณภาพพื้นที่ได้ด้วยตนเอง”ข้อเสนอเชิงนโยบายของผู้สื่อข่าวต่อ อบต. และภาคี

ตัวเลขที่ชวนคิด: ผู้ใช้บริการ 20,000 คน—สัญญาณคำตอบของ “ดีมานด์” จริง

  • 20,000 คนขึ้นไป ที่เข้ามาใช้งานก่อนวันส่งมอบ เป็นดัชนีชี้ว่าพื้นที่ใหม่ ลดต้นทุนการเดินทาง ของคนในชุมชนที่ต้องการออกกำลังกาย–ทำกิจกรรมครอบครัว
  • 82 ไร่ ของพื้นที่สีเขียว เพิ่ม “พื้นผิวเย็น” ลดปรากฏการณ์เกาะความร้อนในเมือง (Urban Heat Island) มีผลดีต่อสุขภาวะผู้สูงอายุ–เด็กเล็ก
  • ทำเลชายแดนแม่สาย เปิดโอกาสเชื่อม ท่องเที่ยวข้ามแดน (cross-border) สู่เมียนมา ในวันที่การเดินทางข้ามแดนคล่องตัวขึ้นในอนาคต
  • กิจกรรมประจำสัปดาห์–เทศกาลประจำปี สามารถสร้าง เม็ดเงินหมุนเวียนแบบกระจายตัว สู่พ่อค้า–แม่ค้า–เกษตรกร–ผู้ให้บริการท้องถิ่น หากมีระบบอนุญาตใช้พื้นที่ที่ชัดเจนและเป็นธรรม

หมายเหตุเชิงข้อมูล ฝ่ายสื่อสารท้องถิ่นบางแหล่งระบุ “หนองน้ำพุ” มีพื้นที่ผืนน้ำราว 6 ตารางกิโลเมตร (ประมาณ 3,750 ไร่) ซึ่ง ใหญ่กว่าขนาดพัฒนา 82 ไร่ มาก ผู้สื่อข่าวจึงเสนอให้หน่วยงานท้องถิ่น สื่อสารความหมายให้ชัดเจน ว่า “82 ไร่” คือ ขอบเขตสวนสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ใช่ขนาดผืนน้ำทั้งหมด เพื่อป้องกันความสับสนของสาธารณะ และให้สอดคล้องกับแผนที่รูปธรรม

เส้นทางสู่ “เมืองสุขภาวะชายแดน” การบ้านที่ต้องทำให้ครบ

  1. วาระสุขภาพตลอดชีวิต: จัด “เมนูพื้นที่” สำหรับแต่ละช่วงวัย—ลานเด็กเล็ก, ลานเยาวชน, ลานผู้สูงอายุ, เส้นทางเดินเท้าปลอดภัย, สถานีออกกำลังกายกลางแจ้งอย่างเหมาะสม
  2. เครือข่ายโรงเรียน–รพ.สต.: สร้างกิจกรรมพละ–สุขศึกษา–ค่ายเยาวชน, จุดตรวจสุขภาพเบื้องต้น, มุมความรู้โภชนาการ
  3. ระบบสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment): เซ็นเซอร์คุณภาพอากาศ–น้ำ ฝังจุดวัดภาคประชาชน เปิดข้อมูลสาธารณะบนจอในสวนและออนไลน์
  4. การสื่อสาร 3 ภาษา: ไทย–อังกฤษ–จีน รับนักท่องเที่ยวชายแดน, ป้ายสื่อความหมายธรรมชาติ–ประวัติศาสตร์–ความปลอดภัย
  5. ปฏิทินกิจกรรมรายไตรมาส: กีฬา–วัฒนธรรม–อาหาร–วิถีชุมชน ให้ “หนองน้ำพุ” ไม่ใช่เพียงสถานที่ แต่เป็น “ประสบการณ์” ที่เกิดซ้ำได้

เสียงจากผู้เกี่ยวข้อง ย้ำความพร้อม–ขอความร่วมมือร่วมดูแล

อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง ย้ำว่า โครงการที่สำเร็จลุล่วงเป็นเพียง “จุดเริ่มต้นของการใช้ประโยชน์” ต้องอาศัยการบริหารท้องถิ่น–ชุมชนร่วมมือกันให้พื้นที่มีชีวิตตลอดทั้งปี พร้อมยืนยัน ความพร้อมสนับสนุนเฟส 2 ตามกรอบภารกิจของกระทรวงมหาดไทย

ด้าน ดร.ณัชชา กันทะดง นายก อบต.โป่งผา ระบุว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ “พร้อมรับไม้ต่อ” ทั้งเรื่องการดูแลรักษาและการต่อยอดกิจกรรม โดยจะเร่งทำแผนปฏิบัติการ O&M, จัดตั้งคณะกรรมการบริหารพื้นที่แบบมีส่วนร่วม และออกแบบกิจกรรมสุขภาพ–ท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มวัย พร้อม ขอบคุณ ยผ. ที่สนับสนุนงบประมาณและผลักดันโครงการจนเสร็จสิ้น

หนองน้ำพุคือของทุกคน ยิ่งใช้ยิ่งดี ยิ่งดูแลยิ่งยั่งยืน”ถ้อยคำสรุปจากเวทีชุมชนหลังพิธีส่งมอบ

จาก “งบลงทุน” สู่ “สินทรัพย์สาธารณะ” ที่งอกเงยได้

การลงทุน 180 ล้านบาทก่อให้เกิด สินทรัพย์สาธารณะ ที่จับต้องได้—พื้นที่สีเขียวคุณภาพ, โครงสร้างพื้นฐานกิจกรรม, จุดหมายท่องเที่ยวเชิงนิเวศ–สุขภาพ และความภูมิใจร่วมของคนแม่สาย–เชียงราย ความสำเร็จแท้จริงจากนี้จึงวัดที่ ความต่อเนื่อง ของการดูแล–ใช้งาน–ต่อยอด ให้พื้นที่ไม่เสื่อมคุณภาพเมื่อเวลาเดิน และสามารถสร้าง มูลค่าใหม่ ทั้งสุขภาพชุมชน–เศรษฐกิจท้องถิ่น–สิ่งแวดล้อม

“หนองน้ำพุ” ที่โป่งผา จึงไม่ใช่เพียงแลนด์มาร์กถ่ายรูป แต่คือ ห้องเครื่องเมืองสุขภาวะชายแดน ที่จะหมุนเครื่องได้ยาวนาน ก็ต่อเมื่อทุกภาคส่วนร่วมเป็นเจ้าของ ร่วมคิด–ร่วมทำ–ร่วมรับผิดชอบ ตั้งแต่วันนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กรมโยธาธิการและผังเมือง (ยผ.) กระทรวงมหาดไทย
  • องค์การบริหารส่วนตำบลโป่งผา (อบต.โป่งผา)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

คลังเชียงรายเผย! อัตราเบิกจ่ายงบปี 68 พุ่ง 81.25% สะท้อนบริหารงานมีประสิทธิภาพ

คลังเชียงรายชี้เบิกจ่ายงบปี 68 พุ่ง 81.25%! สะท้อนบริหารงานมีประสิทธิภาพ ประชาชนได้รับประโยชน์เต็มที่

เชียงราย, 4 สิงหาคม 2568 – ตัวเลขที่มากกว่าคำว่า “สำเร็จ”
ท่ามกลางยุคที่งบประมาณของรัฐกลายเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาทุกพื้นที่ “สำนักงานคลังจังหวัดเชียงราย” ได้รายงานสถิติที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 จังหวัดเชียงรายมีอัตราการเบิกจ่ายงบประมาณโดยรวมสูงถึง 81.25% ของงบทั้งหมดที่ได้รับจัดสรร ประเด็นนี้ไม่ใช่เพียงตัวเลขที่สูงเมื่อเทียบกับเป้าหมายเชิงนโยบาย แต่เป็นสัญญาณเชิงบวกที่บอกถึง “ความเข้มแข็งในการบริหารจัดการ” และสะท้อนความจริงใจของหน่วยงานรัฐในการใช้เงินภาษีประชาชนอย่างคุ้มค่าและโปร่งใส

เจาะลึกตัวเลข งบประจำเบิกจ่ายเกือบเต็ม งบลงทุนเดินหน้าเป็นรูปธรรม

ผลการเบิกจ่ายงบประมาณของเชียงรายในปีนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการดำเนินโครงการต่าง ๆ อย่างแท้จริง

  • งบประมาณโดยรวม: จังหวัดเชียงรายได้รับงบประมาณทั้งสิ้น 17,770.63 ล้านบาท และสามารถเบิกจ่ายไปแล้วถึง 81.25% ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีอัตราการเบิกจ่ายสูงในภูมิภาคเหนือ
  • งบประจำ: มีอัตราการเบิกจ่ายถึง 89.82% สะท้อนให้เห็นว่าการบริหารค่าใช้จ่ายประจำ เช่น เงินเดือนเจ้าหน้าที่รัฐ, ค่าสาธารณูปโภค, ค่าดูแลและบำรุงรักษาสถานที่สำคัญต่างๆ ดำเนินไปอย่างราบรื่น หน่วยงานสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุด
  • งบลงทุน: เบิกจ่ายไปแล้ว 70.31% ของยอดที่ได้รับ ซึ่งแม้จะต่ำกว่างบประจำแต่ยังถือว่าสูงเมื่อเทียบกับขนาดของโครงการและระยะเวลาดำเนินการ โดยงบลงทุนส่วนใหญ่ใช้ในโครงการขนาดใหญ่ อาทิ การสร้างถนน สะพาน โรงพยาบาล อาคารเรียน และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อคุณภาพชีวิตประชาชน

ผลสัมฤทธิ์ที่เห็นได้จริงประชาชนได้อะไร

  • บริการรัฐต่อเนื่อง รวดเร็ว: งบประจำที่เบิกจ่ายได้เกือบเต็ม ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของหน่วยงานรัฐ ประชาชนจึงสามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ทั้งงานทะเบียน งานสาธารณสุข งานสวัสดิการ และงานราชการในชีวิตประจำวัน
  • โครงสร้างพื้นฐานเติบโตอย่างเป็นรูปธรรม: งบลงทุนที่เบิกจ่ายไปแล้วกว่า 70% ช่วยผลักดันให้โครงการก่อสร้างสำคัญๆ ของจังหวัดเดินหน้าไม่หยุดยั้ง ถนน สะพาน สถานศึกษา สถานพยาบาลต่างๆ กำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินงานหรือใกล้เสร็จสมบูรณ์ ส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่ได้มากขึ้น
  • เศรษฐกิจท้องถิ่นหมุนเวียน กระจายรายได้: การอัดฉีดงบประมาณสู่โครงการต่างๆ ในจังหวัด ส่งผลให้เกิดการจ้างงานในท้องถิ่น เกิดการสั่งซื้อวัสดุและบริการจากผู้ประกอบการในพื้นที่ ทำให้เม็ดเงินไหลเวียนและกระจายรายได้สู่ชุมชน ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
  • ขับเคลื่อนสังคมอย่างยั่งยืน: งบประมาณที่ได้รับการบริหารอย่างมีประสิทธิภาพนี้ ช่วยสร้างฐานรากของสังคมที่แข็งแรง ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน การสาธารณสุข การศึกษา และการพัฒนาสังคมอย่างรอบด้าน

เชียงรายโมเดล ‘รัฐโปร่งใส’ – พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน

การบริหารงบประมาณให้มีประสิทธิภาพสูงเช่นนี้ นอกจากจะบ่งบอกถึงทักษะและความตั้งใจของผู้บริหารจังหวัดและหน่วยงานราชการ ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความมั่นใจและศรัทธาให้กับประชาชนในฐานะ “เจ้าของงบประมาณ” ที่แท้จริง ทั้งยังเป็นต้นแบบของการนำเงินภาษีไปใช้ตามวัตถุประสงค์หลัก ไม่รั่วไหล ไม่ตกค้างในระบบ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสังคม

ด้วยอัตราการเบิกจ่าย 81.25% เชียงรายสามารถยืนหยัดในฐานะจังหวัดที่เดินหน้านโยบาย “รัฐโปร่งใส พัฒนาคุณภาพชีวิต” ได้อย่างแท้จริง ส่งสัญญาณบวกไปยังหน่วยงานราชการทุกระดับ ทั้งการจัดสรรงบประมาณปีหน้า และการตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างภาครัฐกับประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • • สำนักงานคลังจังหวัดเชียงราย
    • รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2568 จังหวัดเชียงราย
    • ข้อมูลประกอบจากเว็บไซต์ข่าวภาครัฐและการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองงบประมาณจังหวัด
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

สะพานใหม่ข้ามแม่น้ำกก เปลี่ยนโฉมการเดินทาง หนุนเกษตร-ท่องเที่ยวเชียงราย

กรมทางหลวงชนบทเร่งสร้างสะพานข้ามแม่น้ำกก อ.แม่จัน จ.เชียงราย คืบหน้า 89% หนุนเศรษฐกิจ-คุณภาพชีวิตคนพื้นที่ กำหนดเปิดใช้งาน ก.ค. 2568

เชียงราย, 23 มิถุนายน 2568 – ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนของไทย โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ภาครัฐให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น และลดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ห่างไกล ล่าสุด โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำกก อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ซึ่งดำเนินการโดยกรมทางหลวงชนบท (ทช.) มีความคืบหน้ากว่าร้อยละ 89 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2568 นี้

จากความลำบากสู่โอกาสใหม่ในการเดินทางและเศรษฐกิจชุมชน

สะพานแห่งนี้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ที่เชื่อมต่อจากถนนทางหลวงชนบทสาย ชร.4004 บ้านผ่านศึก หมู่ที่ 10 ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน ข้ามแม่น้ำกกไปยังบ้านวังเขียว หมู่ที่ 8 ตำบลหนองป่าก่อ อำเภอดอยหลวง ก่อนจะเชื่อมต่อกับ ทล.1271 สะพานก่อสร้างด้วยโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ความยาว 160 เมตร ผิวจราจรกว้าง 9 เมตร พร้อมถนนเชื่อมต่อแบบแอสฟัลต์ติกคอนกรีตกว้าง 6 เมตร รวมไหล่ทาง ระยะทางรวม 2,522 เมตร ใช้งบประมาณการก่อสร้างทั้งสิ้น 59.59 ล้านบาท

โครงการนี้นอกจากจะยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในสองฝั่งแม่น้ำแล้ว ยังตอบโจทย์เรื่องเศรษฐกิจและสังคมในหลายมิติ ทั้งการร่นระยะทางสัญจรจากเดิมกว่า 25 กิโลเมตร ช่วยประหยัดเวลาและต้นทุนค่าเดินทางของชาวบ้านและผู้ประกอบการ เพิ่มความสะดวกในการเดินทางสู่ศูนย์กลางราชการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงเรียนผ่านศึกสงเคราะห์ 2 วัดพระพุทธบาทผาเรือ รวมถึงการเดินทางไปยังท่าเรือเชียงแสน ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อการค้าชายแดนสำคัญของภาคเหนือ

สะพานเชื่อมคน เชื่อมชุมชน สู่อนาคตใหม่ของเชียงราย

เดิมทีประชาชนสองฝั่งแม่น้ำกกต้องใช้เส้นทางอ้อมไกล เสียเวลาหลายชั่วโมง โดยเฉพาะในฤดูฝนที่เส้นทางเลียบแม่น้ำถูกตัดขาดเป็นช่วงๆ ทำให้การค้าขาย การไปโรงเรียนหรือโรงพยาบาลกลายเป็นเรื่องท้าทาย การก่อสร้างสะพานแห่งนี้จึงเปรียบเสมือน “ประตูสู่โอกาส” ให้กับชุมชนในพื้นที่ ไม่เพียงเชื่อมโยงคนในพื้นที่ให้เข้าถึงบริการของรัฐและแหล่งเศรษฐกิจได้ง่ายขึ้น แต่ยังส่งเสริมศักยภาพด้านการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรอย่าง ข้าวโพด ยางพารา และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น สู่ตลาดอย่างรวดเร็วและปลอดภัย

ผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต

จากข้อมูลของกรมทางหลวงชนบทและหน่วยงานในพื้นที่ พบว่า การเปิดใช้สะพานข้ามแม่น้ำกกจะช่วยเพิ่มปริมาณการเดินทางของประชาชนในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก ลดระยะเวลาการขนส่งสินค้าเกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเข้าสู่ตลาดเชียงแสนและดอยหลวง นำไปสู่ต้นทุนโลจิสติกส์ที่ต่ำลง เพิ่มรายได้ให้กับชาวบ้านและผู้ประกอบการ ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ยังช่วยกระจายการท่องเที่ยวจากตัวเมืองเชียงรายไปยังอำเภอดอยหลวง อำเภอแม่จัน และพื้นที่ริมแม่น้ำกก กระตุ้นการท่องเที่ยวชุมชนและการค้าแนวชายแดน

ด้านสังคม การมีสะพานถาวรที่มั่นคงปลอดภัยจะช่วยลดอุบัติเหตุและปัญหาในการข้ามฟากช่วงน้ำหลาก สร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางให้กับนักเรียน ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และประชาชนทุกกลุ่ม

บทวิเคราะห์และมุมมองอนาคต

เมื่อโครงการสะพานข้ามแม่น้ำกก อ.แม่จัน เสร็จสมบูรณ์ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานเชียงรายยุคใหม่ เชื่อมโยงอำเภอแม่จัน ดอยหลวง สู่ศูนย์กลางการค้าชายแดนและเส้นทางเศรษฐกิจสำคัญ เปิดโอกาสให้เกษตรกรในพื้นที่ขยายการค้าสู่ตลาดใหม่ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเกษตรเชียงรายในเวทีการค้าไทย-ลุ่มน้ำโขง

ขณะเดียวกัน ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและท้องถิ่นในการผลักดันโครงการนี้เป็นตัวอย่างของการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาค

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กรมทางหลวงชนบท (ทช.)
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย
  • สัมภาษณ์ผู้ประกอบการท้องถิ่น ตำบลท่าข้าวเปลือก-ตำบลหนองป่าก่อ, 2568
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

กรมทางหลวงเปิดเส้นทางใหม่ เชื่อมเชียงราย-เชียงของ ยกระดับเศรษฐกิจภาคเหนือ

ทางหลวงหมายเลข 1020 เชียงราย – เชียงของ เปิดใช้แล้ว รองรับเศรษฐกิจและท่องเที่ยวภาคเหนือ

เชียงราย, 5 กุมภาพันธ์ 2568 – กรมทางหลวง (ทล.) เปิดให้บริการ ทางหลวงหมายเลข 1020 เชียงราย – เชียงของ อย่างเป็นทางการ หลังดำเนินโครงการปรับปรุงและขยายเส้นทางระหว่าง อำเภอเทิง – บ้านต้า จังหวัดเชียงราย ระยะทาง 16 กิโลเมตร เสร็จสมบูรณ์ เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในภาคเหนือ

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพการเดินทาง การค้า และการขนส่งสินค้า เชื่อมโยงการค้าชายแดนและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยเป็นส่วนหนึ่งของระเบียงเศรษฐกิจ R3A (ไทย – ลาว – จีน)

เส้นทางยุทธศาสตร์ เชื่อมไทย – ลาว – จีน เสริมศักยภาพเศรษฐกิจชายแดน

นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า ทางหลวงหมายเลข 1020 เป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมระหว่าง จังหวัดเชียงราย – อำเภอเชียงของ – ประเทศเพื่อนบ้าน และเป็น เส้นทางยุทธศาสตร์ เชื่อมโยงกับสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 (เชียงของ – ห้วยทราย) และท่าเรือเชียงแสน

โครงการนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพ การค้าชายแดน และรองรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นทางเชื่อมหลักสู่ประเทศจีนตอนใต้ ผ่าน สปป.ลาว ซึ่งเป็น ประตูเศรษฐกิจสำคัญในภูมิภาคอาเซียน

โครงสร้างใหม่ 4 ช่องจราจร พร้อมระบบความปลอดภัยสูงสุด

กรมทางหลวงได้ดำเนินโครงการก่อสร้างปรับปรุงจาก ถนนขนาด 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร (ไป-กลับ) พร้อม ผิวจราจรแอสฟัลต์คอนกรีต และ เกาะกลางยกระดับ (Raised median) เพื่อแยกทิศทางการจราจร ลดอุบัติเหตุ และเพิ่มความปลอดภัย

โครงการยังรวมถึง

  • การติดตั้งไฟส่องสว่าง ตลอดเส้นทาง
  • การก่อสร้างทางเท้าในพื้นที่ชุมชน
  • มาตรฐานโครงสร้างพิเศษ รองรับน้ำหนักขนส่งสินค้าได้มากขึ้น

โครงการใช้งบประมาณรวม 898.9 ล้านบาท และเปิดให้ประชาชนใช้เส้นทางเรียบร้อยแล้ว

สนับสนุนเศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยวภาคเหนือ

โครงการนี้ช่วยเพิ่มศักยภาพด้าน เศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยว โดยเป็นทางเชื่อมระหว่างแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ จังหวัดเชียงราย เช่น

  • อุทยานแห่งชาติภูซาง
  • ภูชี้ฟ้า
  • ดอยผาตั้ง
  • แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมใน สปป.ลาว

นอกจากนี้ ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการเดินทางเข้าออกพื้นที่ชายแดน และรองรับนักลงทุนที่ต้องการพัฒนาโครงสร้างธุรกิจในภาคเหนือ

สอดคล้องกับยุทธศาสตร์คมนาคมแห่งชาติ

โครงการนี้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (2560 – 2564) และยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย (พ.ศ. 2558 – 2565)

นโยบายของ กระทรวงคมนาคม ภายใต้การนำของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างโอกาสให้กับประชาชนและธุรกิจในภูมิภาค

กรมทางหลวงย้ำความพร้อมให้บริการ

กรมทางหลวงยืนยันว่าเส้นทางดังกล่าวพร้อมให้บริการประชาชน เพื่อเพิ่มความสะดวก ปลอดภัย และรวดเร็ว หากประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลเส้นทาง หรือแจ้งเหตุด่วนระหว่างการเดินทาง สามารถติดต่อ สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่าย ตลอด 24 ชั่วโมง)

สรุปข่าว

  • กรมทางหลวง เปิดใช้ทางหลวงหมายเลข 1020 เชียงราย – เชียงของ อย่างเป็นทางการ
  • เสริมศักยภาพเศรษฐกิจชายแดน เชื่อมไทย – ลาว – จีน รองรับการค้าและการขนส่ง
  • ขยายเป็น 4 ช่องจราจร พร้อมโครงสร้างถนนมาตรฐานสูง เพิ่มความปลอดภัย
  • เชื่อมโยงแหล่ง ท่องเที่ยวสำคัญในเชียงราย และรองรับการเติบโตของการค้าและการลงทุน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมทางหลวง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE