Categories
ECONOMY

แรงงานศรีลังกา 10,000 -ผู้หนีภัยฯ เมียนมาเข้าไทย! แผนอัปสกิล-รีสกิล รับมือวิกฤตขาดแคลน

วิกฤตแรงงานไทย 2568 “เร่งอุดช่องว่าง 1 แสนตำแหน่ง” – แผนฟื้นตัวจากชายแดนสู่ดิจิทัล อัปสกิล–รีสกิล และยกระดับสวัสดิการ เพื่อแรงงานทุกกลุ่ม

กรุงเทพฯ, 2 ตุลาคม 2568เช้าวันจันทร์ต้นไตรมาส 4/2568 ประเทศไทยตื่นมาเจอ “โจทย์ใหญ่” ในตลาดงาน—ตำแหน่งงานว่างกว่าหนึ่งแสนตำแหน่งที่หาแรงงานไม่ได้ในเวลาเดียวกับที่ธุรกิจจำนวนมากกำลังเร่งเครื่องรับ “ไฮซีซัน” และฟื้นตัวจากความผันผวนชายแดนไทย–กัมพูชา สถานการณ์นี้ผลักให้ กระทรวงแรงงาน ต้องยืนหน้าเวทีและส่ง “แพ็กเกจนโยบายเร่งด่วน” ออกมาทันที

นางสาว ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระบุชัดหลังมอบนโยบายแก่ผู้บริหาร ข้าราชการ หน่วยงานในสังกัด และเครือข่ายภาคเอกชนว่า ภารกิจมีสองชั้นที่ต้องเดินคู่กัน—แก้ขาดแคลนแรงงานเฉพาะหน้า และ วางรากฐานทักษะ–สวัสดิการ รองรับเศรษฐกิจดิจิทัลระยะยาว โดยมีเป้าหมายหลักคือ “ให้ระบบแรงงานไทยมั่นคง แข่งขันได้ และยืดหยุ่นพอรับความเปลี่ยนแปลงรอบด้าน”

 

1) ชั้นเร่งด่วน อุดช่องว่างแรงงาน 100,000 คน พร้อมคุมแรงงานผิดกฎหมาย

แกนกลางมาตรการเร่งด่วนของกระทรวงแรงงานในปีงบประมาณใหม่ แบ่งออกเป็น 3 แนวทางที่ลงมือได้ทันที

1.1 นำเข้าแรงงานภายใต้กรอบกฎหมาย (MOU ครบวงจร)

  • แรงงานศรีลังกา ครม.อนุมัติการทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อจัดส่งแรงงานศรีลังกาเข้าสู่ระบบไทย ประมาณ 10,000 คน ช่วยทดแทนกำลังคนในภาคอุตสาหกรรมและบริการที่ขาดมือ
  • เพิ่มช่องทางแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้กรอบ MOU เดิม โดยเร่งกระบวนการอนุญาตทำงานและตรวจสุขภาพให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อลดแรงจูงใจเข้าสู่ระบบผิดกฎหมาย

1.2 ใช้แรงงาน “ชั่วคราว” อย่างมีมนุษยธรรมและปลอดภัย

  • ผู้หนีภัยจากการสู้รบในเมียนมา ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐและมีความพร้อมทำงาน “ชั่วคราว” กระทรวงมหาดไทยแจ้งตัวเลข กว่า 42,000 คน ซึ่งจะเริ่มมีผลให้เข้าระบบแรงงานได้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 โดยบูรณาการกับหน่วยงานความมั่นคงและการคุ้มครองแรงงานเพื่อป้องกันการค้ามนุษย์

1.3 เร่ง “ปรับสถานะ–ขึ้นทะเบียน” แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย

  • เดินหน้าตาม มติคณะรัฐมนตรี เปิดช่องทางขึ้นทะเบียนและตรวจสอบประวัติ เพื่อให้แรงงานนอกระบบสามารถเข้าสู่ ระบบประกันสังคม–สาธารณสุข–ภาษี ได้ถูกกฎหมาย ลดความเสี่ยงเชิงสังคม และเพิ่มการคุ้มครองตามมาตรฐานแรงงาน

2) ชั้นโครงสร้าง เร่งอัป/รีสกิล, เปิดเส้นทาง “มัลติสกิล”, ยกระดับสวัสดิการแรงงานทุกกลุ่ม

ปัญหาขาดแคลนแรงงานวันนี้ ไม่ใช่เพียง “จำนวนคน” แต่คือ “ช่องว่างทักษะ” ในเศรษฐกิจที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล–อัตโนมัติ ดังนั้นแพ็กเกจระยะกลาง–ยาวจึงวางไว้ 4 มิติ

2.1 อัปสกิล–รีสกิล (Up/Reskill) แบบจับมือเอกชน
กระทรวงแรงงานจะทำงานร่วมกับ สมาคมอุตสาหกรรม–สภาหอการค้า–หอการค้าไทย–สถาบันการศึกษา ทั้งในและต่างประเทศ ออกหลักสูตรสั้นเข้มข้นตั้งแต่ ทักษะดิจิทัลพื้นฐาน ถึง เทคโนโลยี AI/ข้อมูล ให้แรงงานในและนอกระบบ รวมถึงนักศึกษาช่วงปิดภาคเรียน “เรียนแล้วต่อยอดได้จริง” ผ่าน มาตรฐานสมรรถนะอาชีพ และ พอร์ตโฟลิโอ (Thai National Resume) เป็นเอกสารกลางเชื่อมตลาดงาน

2.2 “1 ตำบล 1 ช่างอเนกประสงค์” – เสริมแรงงานมัลติสกิลทั่วประเทศ
โครงการนี้เน้นสร้างแรงงาน Multi-Skills สำหรับงานซ่อมบำรุง บริการชุมชน ธุรกิจท้องถิ่น พร้อม ชุดเครื่องมือทำกิน หลังจบหลักสูตร เพื่อให้แรงงานมีรายได้หลายช่องทาง ลดความเสี่ยงจากการว่างงานระยะสั้น

2.3 ยกระดับสิทธิประโยชน์ประกันสังคม โดยเฉพาะแรงงานนอกระบบ (มาตรา 40)
รัฐบาลผลักดันแก้กฎกระทรวงเพื่อขยายผลประโยชน์ 3 รายการสำคัญ

  • เงินทดแทนทุพพลภาพ จาก 1,000 → 3,000 บาท/เดือน
  • เงินสงเคราะห์บุตร จาก 200 → 300 บาท/คน
  • ค่าทดแทนขาดรายได้ระหว่างรักษาพยาบาล จาก 50 → 200 บาท/ครั้ง
    ควบคู่กับการ คุ้มครองเหตุสุดวิสัย (เช่น พื้นที่ขัดแย้งชายแดน) ให้แรงงานเข้าสู่หลักประกันอย่างทั่วถึง

2.4 ขยายตลาดงานต่างประเทศและคุ้มครองแรงงานไทยนอกแดน
เดินเครื่อง ทูตแรงงาน ใน 12 ประเทศเป้าหมาย เพื่อเปิดตลาดใหม่ เพิ่มตำแหน่งงานรายได้สูง และปกป้องสิทธิแรงงานไทยในต่างประเทศ ตั้งแต่ขั้นตอนทำสัญญา ค่าจ้าง สภาพการทำงาน ช่องทางร้องเรียน

3) กลไกกำกับดูแล ค่าแรงขั้นต่ำ บอร์ดประกันสังคม ธรรมาภิบาลกองทุน

เพื่อสร้าง ความเชื่อมั่น ต่อสาธารณะ นโยบายด้านกำกับดูแลถูกวางคู่ขนานไปกับแพ็กเกจแรงงาน

  • ค่าแรงขั้นต่ำ มอบ คณะกรรมการไตรภาคี เป็นกลไกพิจารณาตามข้อมูลเศรษฐกิจจริง เพื่อให้สมดุลต่อทั้งนายจ้าง–ลูกจ้าง และความสามารถแข่งขันของประเทศ (ปีนี้มีการปรับแล้ว 2 ครั้ง ส่วนกรอบ “400 บาท” ให้ไตรภาคีชี้ขาดตามหลักเกณฑ์)
  • บอร์ดประกันสังคม ยืนยันดำเนินการสรรหาตามกรอบกฎหมายตามกำหนด เพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศด้านนโยบาย
  • ตรวจสอบการลงทุนกองทุน (กรณีอาคาร Skyy9)  สั่ง คณะกรรมการตรวจข้อเท็จจริง เร่งรายงานผลเบื้องต้นภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อรักษาวินัยการเงินการคลังและความโปร่งใส

“นโยบายทั้งหมดนี้มุ่งแก้โจทย์เร่งด่วนไปพร้อมกับวางรากฐานระยะยาว ระบบแรงงานต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับแรงงานทุกกลุ่ม” — นางสาวตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

4) มองจาก “พื้นที่จริง” เชียงรายต้องการอะไรในสถานการณ์นี้

แม้ปัญหาแรงงานดูเหมือนเป็น “ภาพรวมประเทศ” แต่ในพื้นที่ชายแดนเหนืออย่าง เชียงราย ความหมายของคำว่า “แรงงานขาดแคลน” มีรายละเอียดเฉพาะตัวและเกี่ยวโยงกับเศรษฐกิจฐานรากโดยตรง

4.1 โครงสร้างเศรษฐกิจของเชียงราย เกษตร–ท่องเที่ยว–โลจิสติกส์ชายแดน
เชียงรายยืนอยู่บนฐาน เกษตรและเกษตรแปรรูป (ชา กาแฟ พืชเมืองหนาว), บริการท่องเที่ยว (โฮมสเตย์–ชุมชน), และ โลจิสติกส์การค้าชายแดน (ด่านแม่สาย–เชียงของ– R3A เชื่อม สปป.ลาว–จีนตอนใต้) กิจกรรมเหล่านี้ต้องพึ่งแรงงานจำนวนมากในฤดูกาลที่ต่างกัน และต้องใช้ ทักษะผสมผสาน ตั้งแต่ช่างเครื่องจักรแปรรูปเบื้องต้น, งานคลังสินค้า–ศุลกากร, จนถึงบริการท่องเที่ยวที่ใช้ภาษา–ดิจิทัล

4.2 แพ็กเกจเร่งด่วนของส่วนกลาง จะ “ลงดอย” อย่างไร

  • การเปิดทาง ผู้หนีภัยจากเมียนมาที่พร้อมทำงานชั่วคราว มีความหมายกับจังหวัดชายแดนโดยตรง เพราะช่วย “คงการผลิต” ในช่วงฤดูกาลและลดแรงกดดันค่าจ้างระยะสั้น ขณะเดียวกันต้องตามด้วย การคุ้มครองแรงงาน–สาธารณสุข–ความปลอดภัย อย่างเคร่งครัด
  • MOU ศรีลังกา และการเร่งขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวจะช่วยภาคโลจิสติกส์–ก่อสร้าง–บริการ ที่กำลังขยายตัวตามการค้าชายแดนและการท่องเที่ยวฟื้นตัว
  • อัป/รีสกิล ในเชียงรายควรเน้น “ทักษะตรงงาน” เช่น ดิจิทัลซัพพลายเชน–อีคอมเมิร์ซข้ามแดน–ภาษาพม่า/จีนระดับทำงาน–ช่างซ่อมบำรุงเครื่องมือเกษตร–ไกด์ท้องถิ่นดิจิทัล เชื่อมกับแผนจังหวัด (เช่น แนวทาง Wellness/Astro Tourism และเกษตรคุณภาพสูง) เพื่อให้คนท้องถิ่นได้ “งานดี–รายได้มั่นคง” ที่บ้านเกิด

4.3 ประเด็นที่จังหวัดควรทำทันที (เชื่อมกระทรวงแรงงาน)

  1. ตั้ง Job Matchpoint รายอำเภอ – ศูนย์จับคู่งาน–แรงงานแบบ One Stop (สมัครงาน–ขึ้นทะเบียน–ทดสอบทักษะ–นัดสัมภาษณ์) ให้เสร็จในวันเดียว
  2. เปิด “คลินิกทักษะ” รายสัปดาห์ – หลักสูตรสั้น 12–30 ชั่วโมงสำหรับงานจริง (เวิร์กช็อปอีคอมเมิร์ซ, ซอฟต์สกิลบริการ, ภาษาจำเป็น, ช่างเบื้องต้น) รับใบรับรองเข้า Thai National Resume อัตโนมัติ
  3. พัฒนานายจ้างรายย่อย – ชวน SMEs เกษตร–ท่องเที่ยว–โลจิสติกส์ ใช้ มาตรฐานค่าแรง–สวัสดิการ เป็นจุดขายดึงคนกลับบ้าน พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องกฎหมายแรงงาน–ประกันสังคม

ในบริบทเชียงราย เป้าหมายไม่ใช่แค่ “พอมีแรงงาน” แต่คือ “แรงงานที่เหมาะกับโครงสร้างเศรษฐกิจจังหวัด” และ “คนท้องถิ่นมีทักษะพอจะได้งานคุณภาพในบ้านเกิด”—สิ่งนี้ต้องอาศัยแพ็กเกจกลาง + กลไกจังหวัดที่ทำงานร่วมกันจริงจัง

5) มุมมองความยั่งยืน นำผู้หนีภัยเข้าทำงานช่วยระยะสั้น แต่คำตอบระยะยาวคือ “ทักษะ–ผลิตภาพ–สวัสดิการ”

คำถามปลายเปิดที่สังคมตั้งไว้—การนำผู้หนีภัยฯ เข้ามาเป็นแรงงานทดแทนชั่วคราว จะแก้ปัญหาขาดแคลนได้ยั่งยืนหรือไม่?”—คำตอบตามหลักเศรษฐศาสตร์แรงงานคือ ช่วยได้ในมิติ “ปริมาณ” ระยะสั้น โดยเฉพาะฤดูกาลและอุตสาหกรรมที่ต้องการแรงงานกายภาพจำนวนมาก แต่ ความยั่งยืน ขึ้นกับ 3 เงื่อนไข

  1. ผลิตภาพแรงงานไทยสูงขึ้นจริง จากการอัป/รีสกิลและการยกเครื่องกระบวนการผลิตด้วยดิจิทัล–อัตโนมัติ
  2. ตลาดงานสะท้อนทักษะ – ค่าแรง–สวัสดิการ–เส้นทางความก้าวหน้าต้องจูงใจพอให้คนเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ขาดแคลน
  3. การกำกับดูแลที่เข้มแข็ง – ทุกคนที่เข้าทำงานได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเท่าเทียม ปิดช่องการค้ามนุษย์/แรงงานบังคับ และสร้างสนามแข่งขันที่เป็นธรรมต่อนายจ้างไทย

หาก 3 เงื่อนไขนี้เดินคู่กัน นโยบายชั่วคราวจะกลายเป็น “สะพาน” สู่โครงสร้างแรงงานที่แข็งแรงกว่าเดิม

6) กล่องข้อมูล สัญญาณ “ชวนคิด” จากแพ็กเกจกระทรวงแรงงาน

  • 100,000 – ประมาณการตำแหน่งงานว่างจากผลกระทบชายแดนไทย–กัมพูชา
  • 42,000 – ผู้หนีภัยจากเมียนมาที่ “พร้อมทำงานชั่วคราว” ภายใต้กรอบรัฐ เริ่มใช้ได้ 1 ต.ค. 2568
  • 10,000 – โควตาแรงงานศรีลังกาจาก MOU ที่ ครม.อนุมัติ
  • 3,000/200/300 บาท – ชุดตัวเลขใหม่สิทธิประโยชน์มาตรา 40 (ทุพพลภาพ/ค่ารักษาพยาบาลต่อครั้ง/สงเคราะห์บุตร) ตามแนวทางที่กระทรวงเสนอปรับปรุง
  • 12 ประเทศ – เครือข่าย ทูตแรงงาน เป้าหมายเปิดตลาดงานรายได้สูงให้แรงงานไทย

 “แรงงาน” คือเศรษฐกิจ และ “ศักดิ์ศรีแรงงาน” คือความมั่นคงของประเทศ

การอุดช่องว่างแรงงานหนึ่งแสนตำแหน่งด้วยมาตรการนำเข้า–ชั่วคราว–ขึ้นทะเบียน เป็น ยาด่วนที่จำเป็น ในห้วงเวลาเร่งด่วน แต่การทำให้ระบบแรงงานไทย “แข็งแรง” ต้องการ วัคซีนโครงสร้าง—อัปทักษะ, ปรับค่าจ้างตามผลิตภาพ, สวัสดิการทั่วถึง, ตลาดงานโปร่งใส, กองทุนมั่นคง และธรรมาภิบาลที่ตรวจสอบได้

เชียงราย—ฐานเศรษฐกิจชายแดนและชนบทบนดอย—คือตัวอย่างพื้นที่ที่เห็นภาพชัด เมื่อแรงงานมีทักษะที่ตรงกับเศรษฐกิจท้องถิ่น, ธุรกิจมีคนทำงานพอและพร้อม, และรัฐกำกับดูแลอย่างยุติธรรม—รายได้จะเกิดในบ้านเกิด และความเหลื่อมล้ำจะค่อย ๆ ลดลง

“วิกฤตแรงงาน” ครั้งนี้จึงอาจเป็น โอกาสของประเทศ หากเราทำให้ทุกตำแหน่งว่างในวันนี้ กลายเป็น ตำแหน่งงานที่ดีกว่าเดิม สำหรับคนไทยในวันพรุ่งนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กระทรวงแรงงาน
  • กระทรวงมหาดไทย
  • สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
  • สำนักงานประกันสังคม (สปส.)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

อบจ.เชียงราย เปิดศึก CR-PAO VOLLEYBALL CUP 2025 ใช้กีฬาวอลเลย์บอลเชื่อมสัมพันธ์ 4 องค์กร

อบจ.เชียงราย เปิดศึก CR-PAO VOLLEYBALL CUP 2025 ใช้กีฬาวอลเลย์บอลเชื่อมสัมพันธ์ 4 องค์กร ดันสุขภาพดี-ประสิทธิภาพงานพุ่ง

เชียงราย, 28 กันยายน 2568  – องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ได้แสดงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสุขภาพและความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดกิจกรรมกีฬา CR-PAO VOLLEYBALL CUP 2025 ขึ้น เพื่อใช้กีฬาวอลเลย์บอลเป็นสื่อกลางในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือและส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ โดยการแข่งขันครั้งนี้ได้รวมพลังของ 4 องค์กรหลักในจังหวัดเข้าไว้ด้วยกันอย่างคึกคัก

การรวมพลัง 4 เสาหลักของเชียงราย

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2568 นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ได้เป็นประธานเปิดการแข่งขัน ณ โรงยิมเนเซียม สนามกีฬากลาง อบจ.เชียงราย โดยมีผู้บริหาร สมาชิกสภา อบจ. และผู้แทนจากสถาบันการศึกษาเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง .

การแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นในรูปแบบกระชับมิตร แต่ยังคงความเข้มข้นของกีฬาวอลเลย์บอลเต็มรูปแบบ โดยมีทีมเข้าร่วมทั้งหมด 4 ทีม ซึ่งเป็นตัวแทนขององค์กรสำคัญในจังหวัด:

  1. ทีมมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
  2. ทีมมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
  3. ทีมเทศบาลนครเชียงราย
  4. ทีมองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย กล่าวว่า โครงการ CR-PAO VOLLEYBALL CUP 2025 ไม่ได้ถูกมองเป็นเพียงเวทีการแข่งขันกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างเสริมสุขภาพกายและใจของผู้เข้าร่วมการแข่งขัน อีกทั้งยังเป็นช่องทางสำคัญในการ สร้างเครือข่ายความร่วมมือ ของหน่วยงานในจังหวัดเชียงราย ซึ่งจะนำไปสู่การทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่

เทศบาลนครเชียงรายคว้าแชมป์หญิง

การแข่งขันดำเนินไปอย่างสนุกสนานและเข้มข้น ซึ่งผลการแข่งขันได้สะท้อนถึงการเตรียมความพร้อมและความมุ่งมั่นของบุคลากรจากแต่ละองค์กร:

  • รุ่นทั่วไปหญิง:
    • ชนะเลิศ: ทีมเทศบาลนครเชียงราย
    • รองชนะเลิศ: ทีมองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • รุ่นทั่วไปชาย:
    • ชนะเลิศ: ทีมองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
    • รองชนะเลิศ: ทีมเทศบาลนครเชียงราย

กีฬาคือเครื่องมือสร้างคุณภาพชีวิต

การจัดกิจกรรมกีฬาโดยหน่วยงานท้องถิ่นอย่าง อบจ.เชียงราย ถือเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลด้านการส่งเสริมสุขภาพและการออกกำลังกาย แต่ในบริบทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การใช้กีฬาเป็นสื่อกลางมีความสำคัญมากกว่าแค่การออกกำลังกาย:

  1. สร้างความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงาน (Inter-agency Networking): การแข่งขันวอลเลย์บอลเป็นช่องทางที่บุคลากรจากต่างองค์กรได้ใช้เวลาร่วมกันในบรรยากาศที่เป็นกันเองและสนุกสนาน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความคุ้นเคยและเปิดโอกาสให้เกิดการประสานงานที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างองค์กรที่มีภารกิจซับซ้อนร่วมกันอย่างมหาวิทยาลัย เทศบาล และ อบจ.
  2. การพัฒนาคุณภาพชีวิตบุคลากร: โครงการนี้สนับสนุนให้บุคลากรภาครัฐใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ลดความตึงเครียดจากการทำงาน และมีสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ อบจ.เชียงราย ที่ต้องการเป็นองค์กรที่ใส่ใจและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคลากรอย่างยั่งยืน

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของ อบจ.เชียงราย ที่พร้อมสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคลากรและประชาชน ด้วยการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสุขภาพที่แข็งแรง เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีในสังคม และเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)
  • มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
  • เทศบาลนครเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย ปลูกจิตสำนึกเสริมคุณธรรมบุคลากร

อบจ.เชียงราย จัดโครงการปลูกจิตสำนึก เสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมในการปฏิบัติงานของบุคลากร ประจำปีงบประมาณ 2568

เชียงราย,27 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้จัดโครงการ ปลูกจิตสำนึกเพื่อเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรมในการปฏิบัติงานของบุคลากร ประจำปีงบประมาณ 2568″ โดยมี นางทรงศรี คมขำ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด ณ วัดพระธาตุผาเงา อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

การจัดโครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อ เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม และจิตสำนึกในการปฏิบัติงาน ให้กับบุคลากรทุกระดับของ อบจ.เชียงราย รวมถึงส่งเสริมหลักธรรมาภิบาลในการบริหารงาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการให้บริการประชาชน

เป้าหมายและรูปแบบการจัดโครงการ

โครงการนี้มีเป้าหมายให้บุคลากร อบจ.เชียงราย จำนวน 500 คน ได้รับการอบรม โดยในครั้งแรกมีผู้เข้าร่วมจำนวน 300 คน แบ่งออกเป็น 2 รุ่น รุ่นละ 150 คน การอบรมจัดขึ้นในรูปแบบของ การบรรยายธรรมะ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการทำกิจกรรมกลุ่ม เพื่อให้บุคลากรได้ซึมซับหลักคุณธรรม จริยธรรม และนำไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ

วิทยากรและกิจกรรมภายในงาน

โครงการได้รับเกียรติจาก พระครูสังฆรักษ์ไพบูลย์ เป็นประธานอาราธนาศีล พร้อมด้วย พระมหาสมบัติ ปุญญสับปัตติ และ พระมหา ดร.ศรีพยัคฆ์ สิริวิญญู เป็นพระวิทยากรในการบรรยายธรรมะ ซึ่งเน้นย้ำเรื่อง การทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต การมีจิตสาธารณะ และการเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

นอกจากนี้ สิบเอกภายุภัคค์ เสนางาม หัวหน้าฝ่ายวินัยและส่งเสริมคุณธรรม กองการเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย ได้กล่าวรายงานและเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาล ซึ่งจะช่วยให้การบริหารงานของ อบจ.เชียงรายเป็นไปอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของหลักธรรมาภิบาลในการปฏิบัติงาน

หลักธรรมาภิบาลเป็นแนวทางสำคัญในการบริหารงานที่ยึดหลักความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการมีส่วนร่วม ซึ่งการปฏิบัติงานโดยยึดหลักธรรมาภิบาลจะช่วยให้บุคลากรสามารถ ตัดสินใจอย่างมีเหตุผล มีจริยธรรม และคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

เสียงสะท้อนจากผู้เข้าร่วมโครงการ

  • ฝ่ายสนับสนุน: ผู้เข้าร่วมโครงการหลายคนแสดงความเห็นว่า การได้รับฟังธรรมะจากพระวิทยากรทำให้เข้าใจหลักคุณธรรมและจริยธรรมในการทำงานมากขึ้น และสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ฝ่ายกังวล: อย่างไรก็ตาม บางส่วนมีความกังวลเกี่ยวกับการนำหลักธรรมาภิบาลไปใช้ในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีข้อจำกัดด้านทรัพยากร และความกดดันจากภารกิจที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • จำนวนบุคลากร อบจ.เชียงราย ที่เข้าร่วมโครงการครั้งนี้: 300 คน จากเป้าหมายทั้งหมด 500 คน (ที่มา: อบจ.เชียงราย)
  • ความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการในปีที่ผ่านมา: มากกว่า 90% ระบุว่าได้รับความรู้และสามารถนำไปใช้ในงานจริง (ที่มา: กองการเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย)
  • จำนวนโครงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในหน่วยงานภาครัฐในปี 2567: กว่า 1,200 โครงการทั่วประเทศ (ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน – ก.พ.)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย ยกระดับบริการพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น

อบจ.เชียงราย จัดอบรมพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นยุคใหม่ ยกระดับการบริหารงานตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

เชียงราย,27 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้จัดโครงการอบรมพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นยุคใหม่ เพื่อยกระดับการปฏิบัติงานในตำแหน่งผู้บริหาร สมาชิกสภา และข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด ให้สอดคล้องกับ หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยมี นายสุธีระพงษ์ วันไชยธนวงศ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด

ในโอกาสนี้ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ พร้อมด้วย นางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กล่าวรายงาน และได้รับเกียรติจาก นายประเสริฐ ชุ่มเมืองเย็น ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และข้าราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการอบรม

เป้าหมายของโครงการ

การจัดอบรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ให้แก่บุคลากรในระดับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยเน้นย้ำให้การทำงานมีความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง

เนื้อหาการอบรมและวิทยากร

ในระหว่างการอบรม ผู้เข้าร่วมได้รับฟังบรรยายพิเศษจาก นายฐิติกร สุขเสาร์ หัวหน้ากลุ่มตรวจสอบทรัพย์สิน จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดเชียงราย ซึ่งได้ให้ความรู้เกี่ยวกับ หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี การป้องกันการทุจริตในองค์กร และการบริหารงานที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

นายฐิติกร ได้เน้นย้ำถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีความซื่อสัตย์สุจริต และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า พร้อมให้ข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงานตามมาตรฐานสากล เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

บทบาทของ อบจ.เชียงราย ในการบริหารงานตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายมีหน้าที่ในการจัดทำบริการสาธารณะและส่งเสริมการพัฒนาท้องถิ่น โดยการปฏิบัติงานขององค์กรยึดหลัก รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และ พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 รวมถึง พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ซึ่งกำหนดแนวทางในการบริหารราชการให้บรรลุเป้าหมายในการสร้างประโยชน์สุขแก่ประชาชนอย่างแท้จริง

หลักการสำคัญในการบริหารงาน ได้แก่:

  1. ความโปร่งใส และการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
  2. การมีส่วนร่วมของประชาชน ในการกำหนดนโยบายและแผนพัฒนา
  3. การตรวจสอบและประเมินผล อย่างต่อเนื่อง
  4. การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า

ความเห็นจากผู้เข้าร่วมอบรม

ฝ่ายสนับสนุน: ผู้เข้าร่วมอบรมส่วนใหญ่แสดงความเห็นว่าการอบรมครั้งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารงานที่โปร่งใสและเป็นธรรม อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ฝ่ายกังวล: อย่างไรก็ตาม บางส่วนยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับการนำหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีไปใช้ในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะในเรื่องของการบริหารงบประมาณที่ต้องมีความรัดกุมและโปร่งใสอย่างแท้จริง ซึ่งต้องอาศัยการติดตามและตรวจสอบอย่างเข้มงวด

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • จำนวนผู้เข้าร่วมอบรมในโครงการครั้งนี้: กว่า 150 คน (ที่มา: อบจ.เชียงราย)
  • สถิติการจัดอบรมด้านการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีในปี 2567: จัดอบรม 10 ครั้ง ครอบคลุมกว่า 1,000 คน (ที่มา: สำนักบริหารงานบุคคล อบจ.เชียงราย)
  • ระดับความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการอบรมในปีที่ผ่านมา: 90% (ที่มา: ศูนย์ประเมินผลการอบรม อบจ.เชียงราย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายเร่งเครื่องพัฒนาบุคลากร สู่การทำงานมืออาชีพรับใช้ประชาชน

เชียงรายเร่งพัฒนาบุคลากร เสริมศักยภาพการทำงานสู่มืออาชีพ

เชียงราย, 7 กุมภาพันธ์ 2568 –   ณ ห้องประชุมธรรมปัญญา ชั้น 2 อบจ.เชียงราย] นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย ปฏิบัติหน้าที่ นายก อบจ.เชียงราย มอบหมายให้นางฐิรญาภัทร์ ธีติโรจนกาญจน์ ผอ.กองการเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพการทำงานอย่างมืออาชีพ ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมีคณะวิทยากรและผู้เข้าอบรมจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมโครงการ

การบรรยายช่วงเช้า: แผนพัฒนาท้องถิ่นและการบริหารสัญญา

ในช่วงเช้าของการอบรม นายสุกรรณ์ คำภู ผอ.กลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาท้องถิ่น ได้บรรยายในหัวข้อ “การจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น และการจัดทำโครงการ” โดยเน้นถึงความสำคัญของการวางแผนพัฒนาที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และการจัดทำโครงการที่สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม

ต่อมา นางฐิรญาภัทร์ ธีติโรจนกาญจน์ ผอ.กองการเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย ได้บรรยายในหัวข้อ “สังเกตการบริหารสัญญา การลดความเสี่ยงของงานก่อสร้าง” โดยให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารสัญญาอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในงานก่อสร้าง

การบรรยายช่วงบ่าย: การบริหารสัญญาและการใช้เงินสำรองจ่าย

ในช่วงบ่าย ผอ.กองคลัง อบจ.เชียงราย ได้บรรยายในหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสัญญาและการเงิน ได้แก่

  1. การบริหารสัญญา
  2. การแจ้งหยุดงาน การแจ้งเข้างาน การแก้ไขสัญญาจ้าง
  3. การตรวจรับโครงการ
  4. แนวทางการใช้เงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินและความจำเป็นเร่งด่วน

โดยเน้นถึงความสำคัญของการบริหารสัญญาอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นไปตามระเบียบ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการและประชาชน

อบจ.เชียงราย มุ่งพัฒนาบุคลากรให้เป็นมืออาชีพ

อบจ.เชียงราย เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ ที่มีภารกิจในการพัฒนาครอบคลุมทั้งจังหวัดเชียงราย การจัดบริการสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะให้เกิดการตอบสนองความต้องการของประชาชน บุคลากรจึงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจขององค์กรให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด

ดังนั้น อบจ.เชียงราย จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ และขีดความสามารถในการทำงานที่ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาบุคลากรให้ครอบคลุมทุกประเภท ทุกระดับ ให้ทำงานอย่างมืออาชีพ มีความรู้ความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ ปฏิบัติงานได้ตามมาตรฐานอย่างถูกต้อง สามารถประกันคุณภาพของงานที่ทำได้ รวมทั้งมีไหวพริบในการจัดการ แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และทำงานอย่างจริงจังโดยมุ่งมั่นตั้งใจให้เกิดผลงานที่ดีที่สุด

โครงการพัฒนาศักยภาพการทำงานอย่างมืออาชีพในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ อบจ.เชียงราย ในการพัฒนาบุคลากร เพื่อยกระดับการทำงานขององค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างดีที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE