Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

มรภ.เชียงรายเปิดศักราชใหม่! ทุ่ม 78 ล้าน สร้างอาคารคณะมนุษยศาสตร์ฯ พร้อมให้บริการปี 69

มรภ.เชียงราย เปิดศักราชใหม่! อาคารคณะมนุษยศาสตร์ฯ หลังใหม่ มูลค่ากว่า 78 ล้าน พร้อมให้บริการปี 2569

เชียงราย, 5 สิงหาคม 2568 – ในยุคที่การศึกษาเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มรภ.ชร.) กำลังเขียนบทใหม่แห่งความก้าวหน้า ด้วยโครงการก่อสร้าง “อาคารการศึกษาและอเนกประสงค์หลังใหม่” สำหรับคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ที่มีมูลค่าการลงทุนกว่า 78.39 ล้านบาท

เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 50 ปีที่แล้ว อาคารหมายเลข 1 ของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ได้ถือกำเนิดขึ้น เป็นสักขีพยานแห่งการเรียนรู้ของนักศึกษารุ่นแล้วรุ่นเล่า แต่เวลาที่ผ่านไปกว่าครึ่งศตวรรษ ได้ทิ้งร่องรอยแห่งความเก่าแก่ไว้บนผนังและโครงสร้างของอาคารแห่งนี้ จนถึงจุดที่ไม่สามารถรองรับภารกิจทางการศึกษาในยุคปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความท้าทายที่ไม่อาจมองข้าม

วันนี้ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มรภ.ชร. ต้องรับผิดชอบต่อชีวิตการเรียนรู้ของผู้คนมากกว่า 2,400 คน ประกอบด้วยนักศึกษาไทยมากกว่า 2,100 คน นักศึกษาต่างชาติมากกว่า 200 คน คณาจารย์มากกว่า 78 คน และบุคลากรสนับสนุนมากกว่า 11 คน ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของมหาวิทยาลัยฯ โดยเฉพาะในด้านการรับนักศึกษาต่างชาติที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

“อาคารเดิมที่มีอายุการใช้งาน 50 ปี มีสภาพทรุดโทรมอย่างมีนัยสำคัญ และมีพื้นที่ไม่เพียงพอต่อการรองรับจำนวนผู้ใช้งานจริง” ดังที่ปรากฏในรายงานการประเมินสภาพอาคาร สถานการณ์นี้ไม่เพียงส่งผลต่อคุณภาพการจัดการเรียนการสอน แต่ยังเป็นอุปสรรคโดยตรงต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานของคณะฯ

ปัจจุบันคณะฯ เปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรีถึงมากกว่า 11 หลักสูตร และระดับบัณฑิตศึกษามากกว่า 3 หลักสูตร การขยายตัวของหลักสูตรเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอและทันสมัย เพื่อให้สามารถส่งมอบการศึกษาที่มีคุณภาพแก่นักศึกษาได้อย่างเต็มศักยภาพ

วิสัยทัศน์สู่ “มหาวิทยาลัยอัจฉริยะ”

โครงการก่อสร้างอาคารใหม่นี้ไม่ใช่เพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่เป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญเพื่อขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยฯ สู่การเป็น “มหาวิทยาลัยอัจฉริยะ” ในกรอบนโยบาย “ประเทศไทย 4.0” ที่เน้นนวัตกรรมและเทคโนโลยี

มหาวิทยาลัยฯ มองเห็นโอกาสสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาโดยรวม และเสริมสร้างศักยภาพในการดึงดูดนักศึกษาต่างชาติจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภาคใต้ของประเทศจีน อาคารใหม่นี้ถูกกำหนดให้เป็นศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทางสำหรับนักศึกษาที่ศึกษาด้านภาษาศาสตร์และวิจิตรศิลป์

ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางนี้เป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงของมหาวิทยาลัยฯ ไปสู่การเป็น “มหาวิทยาลัยอัจฉริยะ” ซึ่งหมายถึงการบูรณาการเทคโนโลยีขั้นสูงและวิธีการเรียนรู้เชิงนวัตกรรมภายในสิ่งอำนวยความสะดวกแห่งใหม่

กระบวนการที่โปร่งใสและตรวจสอบได้

ความน่าเชื่อถือของโครงการนี้สะท้อนได้จากกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่โปร่งใสและเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยแบ่งออกเป็นสองระยะที่ชัดเจน ได้แก่ การจ้างบริการออกแบบ และการจ้างก่อสร้าง

การจัดซื้อจัดจ้างทั้งสองระยะดำเนินการผ่านระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government Procurement: e-GP) ซึ่งเป็นการรับรองความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน

สำหรับงบประมาณค่าจ้างบริการออกแบบ มีมูลค่าประมาณ 2,283,167.77 บาท โดยใช้เงินสำรองของมหาวิทยาลัยฯ ในปีงบประมาณ 2566 ส่วนงบประมาณค่าก่อสร้างมีมูลค่าประมาณ 76,105,592.39 บาท ซึ่งจะมีการลงนามสัญญาเมื่อได้รับการอนุมัติเงินจากงบประมาณรายได้ประจำปีงบประมาณ 2567

มหาวิทยาลัยฯ ได้ยึดหลักเกณฑ์คุณสมบัติและการประเมินที่เข้มงวด ทั้งผู้ให้บริการออกแบบและก่อสร้างจะต้องมีคุณสมบัติตามกฎหมาย มีความมั่นคงทางการเงิน และมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำหรับผู้ให้บริการออกแบบ จะต้องมีประสบการณ์ในการออกแบบอาคารสาธารณะมูลค่าไม่น้อยกว่า 38 ล้านบาท

ผลกระทบที่คาดหวังต่อชุมชนและสังคม

เมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2569 ประชาชนทั่วไปจะได้รับประโยชน์ในหลายมิติ ทั้งในด้านการศึกษา เศรษฐกิจ และสังคม

ในด้านการศึกษา อาคารใหม่จะช่วยยกระดับคุณภาพการเรียนการสอน เสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ และสร้างโอกาสให้นักศึกษาได้เข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย สิ่งนี้จะส่งผลต่อคุณภาพบัณฑิตที่จบออกไป ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป

ในด้านเศรษฐกิจ การดึงดูดนักศึกษาต่างชาติมากขึ้นจะช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น ทั้งจากค่าใช้จ่ายในการครองชีพ ที่พัก และการท่องเที่ยว นอกจากนี้ การเป็นศูนย์ความเป็นเลิศด้านภาษาศาสตร์และวิจิตรศิลป์ยังจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในจังหวัดเชียงราย

ในด้านสังคม มหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาระหว่างกรุงเทพฯ และภูมิภาค ทำให้เยาวชนในพื้นที่ได้เข้าถึงการศึกษาที่มีมาตรฐานสากลโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปศึกษายังเมืองใหญ่

การคลี่คลายปมปัญหาและการก้าวไปข้างหน้า

ปมปัญหาหลักที่โครงการนี้มาแก้ไขคือการขาดแคลนพื้นที่การเรียนรู้ที่เหมาะสมและทันสมัย ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษา การแก้ไขปัญหานี้ไม่ใช่เพียงการสร้างอาคารใหม่ แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้ที่ครบครัน

อาคารใหม่จะไม่เพียงแต่ทดแทนพื้นที่เดิมที่ไม่เพียงพอ แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับการเติบโตในอนาคต สิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่งในยุคที่การศึกษาต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานและการพัฒนาประเทศ

การเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ “ประเทศไทย 4.0” ยังแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวที่มองเห็นความสำคัญของการศึกษาในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม การสร้างบัณฑิตที่มีทักษะในศตวรรษที่ 21 รวมถึงการเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ของภูมิภาคอาเซียน

มิติการพัฒนาที่ยั่งยืน

โครงการนี้ไม่เพียงแต่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว การออกแบบอาคารที่คำนึงถึงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน สิ่งแวดล้อม และความยืดหยุ่นในการใช้งาน จะช่วยให้อาคารนี้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเป็นศูนย์ความเป็นเลิศด้านภาษาศาสตร์และวิจิตรศิลป์ยังสอดคล้องกับแนวโน้มโลกที่ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการอนุรักษ์วัฒนธรรม สิ่งนี้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภูมิปัญญาท้องถิ่นและเสริมสร้างอัตลักษณ์ของจังหวัดเชียงรายในฐานะศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของภาคเหนือ

โครงการก่อสร้างอาคารการศึกษาและอเนกประสงค์หลังใหม่สำหรับคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จึงเป็นมากกว่าการสร้างอาคาร แต่เป็นการสร้างอนาคตที่สดใสให้กับการศึกษาไทย การลงทุนกว่า 78 ล้านบาทนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อการพัฒนาภูมิภาคและความก้าวหน้าทางปัญญาอย่างยั่งยืนต่อไป

เมื่อปี 2569 อาคารแห่งใหม่นี้จะเปิดประตูต้อนรับนักศึกษารุ่นใหม่ ในฐานะสัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าของการศึกษาไทย สร้างความหวังใหม่ให้กับเยาวชนที่จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคตที่เจริญรุ่งเรือง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • รายงานการประเมินสภาพอาคาร คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
  • ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ระบบ e-Government Procurement (e-GP)
  • รายละเอียดโครงการก่อสร้างอาคารการศึกษาและอเนกประสงค์ มรภ.เชียงราย
  • แผนยุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ปีงบประมาณ 2566-2570
  • นโยบาย “ประเทศไทย 4.0” กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย เสนอชื่อครู 4 ราย รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี

คณะอนุกรรมการลงพื้นที่สืบเสาะครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 6 ปี พ.ศ. 2568 ในจังหวัดเชียงราย

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 นางฐิติมา เร่งประเสริฐ ศึกษาธิการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการ ได้ลงพื้นที่เพื่อสืบเสาะและคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับ พระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี (Princess Maha Chakri Award) ครั้งที่ 6 ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยในครั้งนี้ได้มีการลงพื้นที่ โรงเรียนริมโขงวิทยา อำเภอเชียงของ และ มูลนิธิบ้านครูน้ำ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย

การลงพื้นที่ประเมินและกลั่นกรอง

ในช่วงเช้า คณะอนุกรรมการได้เริ่มต้นการลงพื้นที่ที่ โรงเรียนริมโขงวิทยา เพื่อประเมินและคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับรางวัล โดยได้ทำการสัมภาษณ์ นางศิริธนัญญา โท่นขัด ครูผู้ทุ่มเทในการจัดการเรียนการสอนและมีผลงานโดดเด่นในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้กับนักเรียนในพื้นที่ชนบท

ต่อมาในช่วงบ่าย คณะได้เดินทางไปยัง มูลนิธิบ้านครูน้ำ อำเภอเชียงแสน เพื่อประเมินผลงานของ นางสาวนุชนารถ บุญคง ครูที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาศักยภาพของเด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล

รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี: เชิดชูเกียรติครูผู้ทุ่มเท

รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี (Princess Maha Chakri Award) เป็นรางวัลพระราชทานระดับนานาชาติที่มีเกียรติยศสูงสุด มอบให้แก่ครูผู้มีความทุ่มเทและสร้างคุณประโยชน์ต่อการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน ติมอร์-เลสเต บังกลาเทศ ภูฏาน และมองโกเลีย รวม 14 ประเทศ รางวัลนี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งทรงมีพระปรีชาสามารถและมีคุณูปการอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการศึกษา

กระบวนการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับรางวัล

รางวัลนี้จัดขึ้นทุก 2 ปี โดยครูที่ได้รับการเสนอชื่อจะต้องมีคุณสมบัติที่ครบถ้วน เช่น การเป็นครูที่ปฏิบัติหน้าที่มาไม่ต่ำกว่า 12 ปี และมีผลงานการสอนที่โดดเด่นในการพัฒนาผู้เรียนให้มีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งยังต้องมีความประพฤติเป็นแบบอย่างทางคุณธรรมและจริยธรรม

สำหรับกระบวนการเสนอชื่อ ครูผู้สมควรได้รับรางวัล จะดำเนินการโดยองค์กรต่างๆ เช่น สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สมาคม มูลนิธิ และองค์กรที่ส่งเสริมการเรียนรู้ โดยสามารถเสนอชื่อครูที่มีผลงานโดดเด่นในวงกว้างและมีคุณูปการต่อสังคม

รายชื่อครูที่ได้รับการเสนอชื่อในจังหวัดเชียงราย

สำหรับปีนี้ จังหวัดเชียงรายได้เสนอชื่อครูผู้มีคุณสมบัติสมควรได้รับพระราชทานรางวัลจำนวน 4 ราย ได้แก่:

  1. นางศิริธนัญญา โท่นขัด ครูโรงเรียนริมโขงวิทยา
  2. นางสาวศันสนีย์ อินสาร ครูโรงเรียนบ้านนางแลใน
  3. นายประสิทธิ์ อำพิมพ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนการศึกษาคนตาบอดแม่สาย
  4. นางสาวนุชนารถ บุญคง ครูมูลนิธิบ้านครูน้ำ

การประเมินคุณสมบัติและเกณฑ์การคัดเลือก

การคัดเลือกครูผู้ได้รับรางวัลในครั้งนี้จะเน้นที่ การสร้างแรงบันดาลใจ และ การเปลี่ยนแปลงในชีวิตของลูกศิษย์ ผ่านการสอนที่ทุ่มเทและมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของนักเรียนให้ก้าวหน้าในหลากหลายอาชีพ ครูที่ได้รับการเสนอชื่อยังต้องมีความสามารถในการคิดค้นและพัฒนาวิธีการสอนที่สร้างสรรค์เพื่อตอบสนองความต้องการของนักเรียนในยุคปัจจุบัน

รางวัลพระราชทานเพื่อเทิดพระเกียรติและพัฒนาการศึกษา

รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมคุณภาพการศึกษาผ่านการยกระดับคุณภาพของครู โดยเชื่อว่าครูที่มีคุณภาพย่อมส่งผลต่อการสร้างคนที่มีคุณภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาสังคมและประเทศชาติในระยะยาว

สรุปผลการลงพื้นที่และการดำเนินงานในอนาคต

นางฐิติมา เร่งประเสริฐ ศึกษาธิการจังหวัดเชียงราย ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมและสนับสนุนครูที่มีความสามารถและทุ่มเทเพื่อการศึกษา โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนครูที่มีความสามารถให้ได้รับการยอมรับและเชิดชูเกียรติในระดับสากล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE