Categories
HEALTH

คนไทย 1 ใน 10 เป็นเบาหวาน วิมุตฯ เตือนภัย NCDs วัยทำงาน

โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ ฉลอง 40 ปี มุ่งป้องกันโรคเบาหวานและ NCDs

กรุงเทพฯ, 20 กุมภาพันธ์ 2568 – โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ ฉลองครบรอบ 40 ปีแห่งความสำเร็จในการดูแลสุขภาพของคนทุกวัย พร้อมประกาศเดินหน้าสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคเบาหวานและกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งเป็นภัยเงียบที่คุกคามประชากรวัยทำงาน

โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์มุ่งสร้างความยั่งยืนด้านสุขภาพ

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.เทพ หิมะทองคำ ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลเทพธารินทร์ กล่าวว่า “โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์มุ่งสร้างความยั่งยืนด้านสุขภาพให้ประชาชนทุกวัย โดยแนวคิดนี้เกิดจากประสบการณ์ศึกษาดูงานต่างประเทศ ซึ่งทำให้เห็นว่าการดูแลโรค NCDs โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ต้องเน้นการป้องกันและให้ความรู้ควบคู่กับการรักษา เพราะผู้ป่วยมักเผชิญกับปัญหาซ้ำซากเมื่อพึ่งพาการรักษาเพียงอย่างเดียว”

คนไทยเสียชีวิตจากโรค NCDs ปีละกว่า 400,000 ราย

องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่าในปี 2021 โรค NCDs คร่าชีวิตประชากรทั่วโลกอย่างน้อย 43 ล้านคน โดยมีประชากร 18 ล้านคนที่เสียชีวิตจากกลุ่มโรคดังกล่าวก่อนอายุ 70 ปี สำหรับประเทศไทย งานวิจัยของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับ WHO บ่งชี้ว่า คนไทยเสียชีวิตจากโรค NCDs ปีละกว่า 400,000 ราย เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง เบาหวาน มะเร็ง และโรคปอดเรื้อรัง

มีประชากรอายุเกิน 65 ปีเพิ่มขึ้นถึง 20% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในอีก 10 ปีข้างหน้า

นายแพทย์สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ กล่าวว่า “โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์มุ่งขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจสุขภาพด้วยวิสัยทัศน์ในการสร้างความยั่งยืนด้านสุขภาพให้แก่ประชาชนทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาอันท้าทายเช่นนี้ หลังจากที่ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ และจะมีประชากรอายุเกิน 65 ปีเพิ่มขึ้นถึง 20% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในอีก 10 ปีข้างหน้า”

นอกจากนี้ สถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรังในประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต โดยเฉพาะในกลุ่มโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ หัวใจและหลอดเลือด ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคม การขยายตัวของเมือง และพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป

1 ใน 10 คน หรือประมาณ 6.5 ล้านคนที่ป่วยด้วยโรคเบาหวาน

นายแพทย์เอกลักษณ์ วโนทยาโรจน์ ผู้อำนวยการศูนย์เบาหวาน ไทรอยด์ และต่อมไร้ท่อเทพธารินทร์ กล่าวว่า “จากรายงานสถิติสาธารณสุขไทยพบว่า มีผู้เป็นเบาหวานรายใหม่เพิ่มขึ้นถึง 300,000 คนต่อปี และปัจจุบันมีคนไทยถึง 1 ใน 10 คน หรือประมาณ 6.5 ล้านคนที่ป่วยด้วยโรคเบาหวาน สิ่งที่น่ากังวลคือ เรากำลังพบผู้ป่วยในกลุ่มคนทำงานที่มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาระงานหนักและมีความเครียดสูง ซึ่งมักพึ่งพาอาหารหวาน มัน และของทอด เพื่อบรรเทาความเครียด”

โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ ได้นำระบบการดูแลผู้ป่วยแบบทีมสหสาขาวิชาชีพ ซึ่งถูกพัฒนาและเป็นต้นแบบการดูแลรักษาของประเทศไทยมานาน 40 ปี พร้อมต่อยอดสร้างประโยชน์ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยระบบการดูแลผู้ป่วยด้วยทีมสหสาขาวิชาชีพนี้ไม่เพียงมุ่งการรักษาอาการของโรคเท่านั้น แต่เน้นให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมขยายผลการดูแลสุขภาพไปสู่สมาชิกในครอบครัวและสังคม เพื่อสร้างระบบนิเวศด้านสุขภาพที่ยั่งยืนสำหรับคนทุกวัย

ป้องกันโรคเบาหวานและ NCDs

โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ยังมุ่งเน้นการป้องกันโรคเบาหวานและ NCDs ด้วยการให้ความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยง พร้อมส่งเสริมการออกกำลังกาย และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงสูง ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางขององค์การอนามัยโลกที่แนะนำให้ประชาชนออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ และลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง

ตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ได้มุ่งมั่นดำเนินงานเพื่อพัฒนาสุขภาพของผู้คนในสังคมไทยให้ดียิ่งขึ้น ผ่านการสร้างต้นแบบการทำงานแบบทีมสหสาขาวิชาชีพ การพัฒนาวิชาชีพใหม่ เช่น ผู้ให้ความรู้โรคเบาหวาน นักกำหนดอาหาร และผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลเท้า และการทำงานส่งเสริมแนวคิดการป้องกันโรคในชุมชน ด้วยเป้าหมายสูงสุดในการลดภาระของโรค NCDs และสร้างสังคมไทยที่มีสุขภาพดีในระยะยาว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :  โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

สสจ.เชียงราย เตือนระวังโรคหลังน้ำลด เสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินอาหาร

 

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567 นพ.วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย (สสจ.เชียงราย) ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับมาตรการรับมือและการให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในจังหวัดเชียงราย โดยกล่าวว่าทีมเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขได้ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมให้คำแนะนำแก่ประชาชนในเรื่องของการป้องกันตนเองหลังน้ำลด โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM10 ที่มักเกิดขึ้นหลังจากน้ำลด โดยแนะนำให้ประชาชนในพื้นที่โล่งแจ้งควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่น และสามารถใช้หน้ากากอนามัยธรรมดาได้

อีกหนึ่งปัญหาที่ต้องเฝ้าระวังคือขยะเน่าเหม็น ซึ่งอาจเป็นแหล่งเชื้อโรค โดยขอให้ประชาชนที่ต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีขยะใส่รองเท้าบูทหรือรองเท้ายางเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ทั้งนี้ การจัดการขยะจะต้องประสานกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อเร่งจัดเก็บ โดยมีการแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบถึงประเภทของขยะในแต่ละพื้นที่ เพราะขยะเน่าเหม็นนั้นมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินอาหาร หากมีการหยิบจับหรือสัมผัสสิ่งของที่เริ่มเน่าเสียแล้วไม่สวมถุงมือหรือไม่ล้างมือให้สะอาด

นอกจากนี้ยังมีประเด็นเกี่ยวกับบาดแผลที่อาจสัมผัสน้ำเน่าเสีย นพ.วัชรพงษ์ได้กล่าวว่า บาดแผลที่สัมผัสกับน้ำเน่าเสียมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโรคฉี่หนู ซึ่งควรทำความสะอาดและทายาทันทีหลังจากสัมผัสน้ำ หรือไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยปฐมพยาบาลที่ลงพื้นที่ เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพบาดแผลและให้คำแนะนำอย่างถูกต้อง โดยสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายได้พบว่า ขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มมีอาการเท้าเปื่อย ระบบทางเดินหายใจ และตาแดง ส่วนโรคฉี่หนูยังไม่มีการแพร่ระบาด แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของภาวะทางจิตใจ นพ.วัชรพงษ์ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า มีการส่งทีมสุขภาพจิตเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภาวะเครียดจากเหตุการณ์น้ำท่วม โดยร่วมกับทีมจากโรงพยาบาลสวนปรุงของกรมสุขภาพจิต ซึ่งได้คัดกรองประชาชนไปแล้วประมาณ 3,000 คน พบว่ามีผู้ที่มีความเครียดในระดับปานกลางที่ยังสามารถดูแลตัวเองได้ บางรายมีการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ แต่ยังไม่พบผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าหรือมีแนวโน้มจะฆ่าตัวตาย

ความเครียดที่พบส่วนใหญ่เกิดจากความกังวลเรื่องบ้านเรือนที่ถูกดินโคลนถล่มและไม่สามารถเข้าไปฟื้นฟูได้ ประชาชนบางส่วนยังคงวิตกเกี่ยวกับการเกิดพายุหรืออุทกภัยซ้ำในอนาคต กรมสุขภาพจิตได้จัดทำข้อมูลเพื่อช่วยแจ้งเตือนประชาชนอยู่ตลอด และมีการเตรียมพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ในอนาคต นอกจากนี้ยังได้ทำคู่มือแนะนำประชาชนเกี่ยวกับการรับมือภัยพิบัติ โดยแนะนำให้ประชาชนมองสถานการณ์ในแง่บวก เชื่อมั่นในความสามารถของตนเองในการผ่านพ้นวิกฤตนี้ และอย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นเมื่อมีความจำเป็น

สุดท้าย นพ.วัชรพงษ์กล่าวย้ำว่า เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนกำลังทำงานกันอย่างเต็มที่ และประชาชนควรป้องกันตนเองให้ดีในช่วงหลังน้ำลด เพราะอาจมีโรคภัยต่างๆ ตามมาได้ เช่น โรคทางเดินอาหาร เท้าเปื่อย โรคฉี่หนู และโรคตาแดง ซึ่งหากมีอาการควรไปพบแพทย์ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักข่าวชายขอบ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News