Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ฝึกเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศในภาวะไฟป่าและฝุ่น PM 2.5

กองทัพอากาศฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศในภาวะไฟป่าและฝุ่น PM 2.5

เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 กองทัพอากาศได้จัดการฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกบินควบคุมไฟป่าและหมอกควันประจำปี 2568 โดยมีการจัดฝึกในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาภาวะไฟป่าและฝุ่นควัน PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย ซึ่งถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

การฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศ

ในการฝึกครั้งนี้ กองทัพอากาศได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์และโรงพยาบาลเชียงรายราม โดยมีการฝึกการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศด้วยอากาศยานจริง ทั้งเฮลิคอปเตอร์แบบ EC-725 ของกองทัพอากาศและเฮลิคอปเตอร์แบบ H130 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเครื่องบินที่สามารถใช้ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในสถานการณ์ฉุกเฉิน

การฝึกครั้งนี้ใช้สถานการณ์สมมติในการฝึกการแก้ไขปัญหาภาวะฉุกเฉิน ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่ไฟป่าหรือหมอกควัน PM 2.5 ทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลหรือพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย การฝึกนี้จึงมุ่งเน้นให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

การร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ

การฝึกในครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือระหว่างกองทัพอากาศและโรงพยาบาลทั้งสองแห่ง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งหวังให้สามารถใช้ทักษะที่ได้ฝึกมาในครั้งนี้ในการจัดการปัญหาภัยพิบัติในอนาคต โดยเฉพาะในเรื่องของการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (HADR) ในภาคเหนือและพื้นที่อื่นๆ ที่ประสบปัญหาภัยพิบัติ

ฝูงบิน 416 มุ่งมั่นพัฒนา

การฝึกปฏิบัติการครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการฝึกทักษะการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังเป็นการพัฒนาหน่วยงานและทักษะของข้าราชการในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการบรรเทาภัยพิบัติ ฝูงบิน 416 ของกองทัพอากาศจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและเสริมสร้างความสามารถในการช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะในช่วงที่ไฟป่าและหมอกควันมีความรุนแรง การฝึกในครั้งนี้ถือเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนในภาคเหนือและทั่วประเทศมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของการฝึกในครั้งนี้

ฝึกการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศในครั้งนี้มีความสำคัญต่อการสร้างมาตรฐานในการบรรเทาภัยพิบัติและการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยเฉพาะในกรณีของไฟป่าและมลพิษจากฝุ่น PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน กองทัพอากาศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องร่วมมือกันในการพัฒนาระบบการช่วยเหลือให้เกิดความมีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

สรุป

การฝึกปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศที่จัดขึ้นในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมเพื่อจัดการกับภัยพิบัติในภาคเหนือ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดไฟป่าและปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน การฝึกนี้ช่วยเสริมสร้างทักษะของบุคลากรทางการแพทย์และกองทัพอากาศ เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
FEATURED NEWS

ธปท. ยกระดับมาตรการป้องกันบัญชีม้าและภัยทุจริตทางการเงิน

ธปท. ยกระดับมาตรการจัดการบัญชีม้าและร่วมรับผิดชอบปัญหาภัยทุจริตทางการเงิน

เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 นางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยทุจริตทางการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยการยกระดับมาตรการในการจัดการบัญชีม้าและการผลักดันแนวทางการร่วมรับผิดชอบจากทุกภาคส่วน เพื่อป้องกันและลดความเสียหายจากภัยทุจริตที่เกิดขึ้น

การยกระดับมาตรการการจัดการบัญชีม้า

หนึ่งในมาตรการสำคัญที่ ธปท. ได้ดำเนินการคือการยกระดับการจัดการบัญชีม้าจากระดับบัญชีไปยังระดับบุคคล ซึ่งจะช่วยให้การปิดบัญชีม้าที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ธปท. ยังได้ปรับปรุงเงื่อนไขในการตรวจจับบัญชีม้าให้เข้มข้นขึ้น โดยพิจารณาพฤติกรรมการโอนของบัญชีม้าและมูลค่าของธุรกรรม เพื่อครอบคลุมการกระทำผิดที่มีลักษณะใหม่ๆ ที่มิจฉาชีพใช้ในการหลอกลวง

นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน กล่าวว่า ธปท. ได้ปรับมาตรการเพื่อให้สามารถจัดการบัญชีม้าที่ยังไม่ได้รับการแจ้งจากผู้เสียหาย ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดบัญชีม้าและลดความเสี่ยงของการเกิดภัยทุจริต

การจัดการบัญชีม้าระดับบุคคล

อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ การจัดการบัญชีม้าที่มีความเสี่ยงสูงโดยการขยายเงื่อนไขในการระงับการโอนเงินจากบัญชีม้าที่ต้องสงสัย และการปฏิเสธการเปิดบัญชีใหม่ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการใช้บัญชีม้าสำหรับการหลอกลวงทางการเงิน

ธนาคารจะต้องดำเนินการขยายการระงับการโอนเงินและปฏิเสธการเปิดบัญชีใหม่ไปยังกรณีของบัญชีที่มีความเสี่ยงสูง โดยไม่จำเป็นต้องรอการแจ้งจากผู้เสียหาย ทั้งนี้ ยังต้องแจ้งเตือนผู้ใช้บริการเกี่ยวกับความเสี่ยงในการโอนเงินไปยังบัญชีที่อาจเป็นบัญชีม้า เพื่อป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น

การขยายขอบเขตการจัดการบัญชีม้า

ธปท. ได้ขยายการจัดการบัญชีม้าในวงกว้างมากขึ้น โดยกำหนดให้ธนาคารต้องแลกเปลี่ยนรายชื่อบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยระหว่างกัน แม้ว่าจะยังไม่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย เพื่อให้ธนาคารสามารถดำเนินการป้องกันการทุจริตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

การแลกเปลี่ยนข้อมูลนี้จะครอบคลุมไปถึงรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทางการเงิน ซึ่งจะทำให้ธนาคารสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการตรวจสอบและดำเนินการได้รวดเร็วขึ้น

การพัฒนาระบบการตรวจจับบัญชีม้า

เพื่อให้ธนาคารสามารถตรวจจับบัญชีม้าที่มีพฤติกรรมผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว ธปท. ได้กำหนดให้ธนาคารต้องพัฒนาระบบการตรวจจับบัญชีม้าและพฤติกรรมที่ผิดปกติของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ระบบนี้จะช่วยให้ธนาคารสามารถดำเนินการได้อย่างเหมาะสมกับพฤติกรรมของแต่ละบุคคล โดยทันทีที่มีการตรวจพบพฤติกรรมที่ผิดปกติ

นอกจากนี้ ธปท. ยังได้เน้นให้ธนาคารร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อปิดช่องโหว่ในเส้นทางการเงินที่มิจฉาชีพอาจใช้ในการหลอกลวง

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ธปท. มองว่า การแก้ไขปัญหาภัยทุจริตทางการเงินให้ได้อย่างยั่งยืนจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคธนาคาร หน่วยงานภาครัฐ และประชาชนผู้ใช้บริการ เพื่อรับผิดชอบตามมาตรฐานที่ผู้กำกับดูแลกำหนดไว้อย่างชัดเจน

ธปท. จะประกาศกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของธนาคารที่ต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อใช้ในการพิจารณาความรับผิดชอบในกรณีที่เกิดความเสียหายจากการหลอกลวงทางการเงิน ซึ่งจะช่วยให้เกิดความยุติธรรมและความโปร่งใสในกระบวนการดำเนินการ

บทสรุป

การยกระดับมาตรการในการจัดการบัญชีม้าและความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เป็นขั้นตอนสำคัญในการป้องกันและลดภัยทุจริตทางการเงินที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่ง ธปท. เชื่อว่าการทำงานร่วมกันและการพัฒนามาตรการอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดความเสียหายในอนาคต

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ธนาคารแห่งประเทศไทย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

‘ไทย’ มีโอกาสเจอฝนถึงเดือน พ.ย. หลังฟิลิปปินส์-เวียดนามยังมี ‘ลานีญา’

ฤดูฝนหนักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: ผลกระทบและการเตรียมพร้อมสำหรับปี 2024

สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงเนื่องจากปรากฏการณ์ La Nina (ลานีญา)

สำนักข่าว BLOOMBERG รายงานว่าในปี 2024 นี้ ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญกับฤดูฝนที่หนักกว่าปกติ เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญา ที่กำลังเกิดขึ้น ส่งผลให้น้ำอุ่นเคลื่อนตัวไปทางมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก และนำมาซึ่งฝนตกหนักมากขึ้นในพื้นที่นี้ พยากรณ์อากาศท้องถิ่นคาดการณ์ว่าฝนจะตกหนักจากฟิลิปปินส์ถึงเวียดนามจนถึงเดือนพฤศจิกายน

ผลกระทบต่อภาคเกษตรและอุตสาหกรรมในเวียดนาม

เวียดนามซึ่งเป็นประเทศที่พึ่งพาการผลิตอย่างมาก ได้รับผลกระทบหนักจากพายุไต้ฝุ่นยางิในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดที่เคยพัดผ่านประเทศนี้ในรอบหลายสิบปี พายุไต้ฝุ่นยางิทำให้เศรษฐกิจของเวียดนามต้องสูญเสียไปถึง 40 ล้านล้านดอง (ประมาณ 48.3 พันล้านบาท) จากความเสียหายที่เกิดขึ้นในโรงงานที่น้ำท่วม และการเก็บเกี่ยวข้าวและกาแฟที่เสียหาย

ความเสียหายต่อการท่องเที่ยวในประเทศไทย

ประเทศไทยซึ่งพึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างมาก กำลังเผชิญกับความเสียหายที่สูงถึง 30 พันล้านบาท จากน้ำท่วมในภาคเหนือ รวมถึงเชียงใหม่ที่ต้องอพยพช้างจำนวนประมาณ 100 ตัวจากศูนย์อนุรักษ์

พายุที่รุนแรงในฟิลิปปินส์

ฟิลิปปินส์ซึ่งมีพายุตกลงมาเฉลี่ยประมาณ 9 ครั้งต่อปี ยังกำลังฟื้นตัวจากพายุที่มีความรุนแรงในเดือนที่ผ่านมา เช่น พายุไต้ฝุ่นยางิในเดือนกันยายน และพายุกระท้อนในเดือนตุลาคม

การพยากรณ์สภาพอากาศและความเสี่ยงในอนาคต

ศูนย์พยากรณ์อากาศเฉพาะทางอาเซียนกล่าวว่าปรากฏการณ์ลานีญา คาดว่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน 2024 ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ฝนตกหนักกว่าปกติในหลายประเทศในภูมิภาค สิงคโปร์ได้ออกเตือนภัยน้ำท่วมในวันที่ 14 ตุลาคม เนื่องจากช่วงฤดูระหว่างมรสุมทำให้เกิดฟ้าผ่าและฝนตกหนัก

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาและสิงคโปร์แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ทะเลอุ่นขึ้นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มโอกาสในการเกิดพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงขึ้นและใกล้เคียงกับชายฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อมากขึ้น “ไซโคลนเขตร้อนจะมีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้น” กล่าวโดย Benjamin Horton กรรมการผู้จัดการ Earth Observatory of Singapore

การเตรียมพร้อมและการป้องกันภัยพิบัติ

ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นของไซโคลนในมหาสมุทรแปซิฟิกทำให้ธุรกิจและรัฐบาลในภูมิภาคที่เสี่ยงต่อสภาพอากาศต้องพิจารณาวิธีใหม่ในการป้องกันภัยจากพายุ “ถ้าพายุไต้ฝุ่นยางิพิสูจน์ให้เห็นว่าถ้าคุณต้องการป้องกันประเทศและเศรษฐกิจของคุณในอนาคต ไม่มีวิธีที่เป็นจริงจังนอกจากต้องเริ่มดำเนินการทันที” กล่าวโดย Bruno Jaspaert ประธาน EuroCham Vietnam

 
กรณีศึกษาจากอุตสาหกรรมในเวียดนาม

อุตสาหกรรมอัมมาตาซิตี้ หาลงในภาคเหนือของเวียดนามเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงการเตรียมพร้อมสำหรับน้ำท่วม อุทยานอุตสาหกรรมนี้ได้ดำเนินการสำรวจความเสี่ยงจากน้ำท่วมอย่างละเอียดก่อนที่จะเริ่มก่อสร้างและลงทุนในระบบป้องกันน้ำท่วมที่ทันสมัย แม้พายุไต้ฝุ่นยางิจะทำให้โรงงานบางแห่งได้รับความเสียหายจากลมแรง แต่ “โชคดีที่ไม่เกิดน้ำท่วมภายในอุทยาน” กล่าวโดยผู้ดำเนินการ Amata

อนาคตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ด้วยการคาดการณ์ว่าลานีญา จะส่งผลให้ฝนตกหนักกว่าปกติต่อเนื่องจนถึงปลายปี 2024 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป การลงทุนในระบบป้องกันภัยและการปรับปรุงมาตรฐานการก่อสร้างเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาคนี้ในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : www.straitstimes.com

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

ปลัด มท. ชี้น้ำท่วมพะเยาลด เตรียม Big Cleaning เตือนอย่าชะล่าใจ

 

เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยกล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (16 ก.ย. 67) ที่จังหวัดพะเยา บริเวณมหาวิทยาลัยพะเยา ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากจากฝนตกหนัก ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมบริเวณพื้นที่โดยรอบ ซึ่งนายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ได้ลงพื้นที่บัญชาการเหตุการณ์ร่วมกับนายอำเภอเมืองพะเยา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยได้โทรศัพท์รายงานทุกระยะ ทั้งนี้ ได้มีการระดมสรรพกำลัง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองท้องถิ่น อส. อปพร. ไปช่วยตั้งแต่ 05.00 น. กระทั่งเมื่อเช้าก่อน 10.00 น. ได้ยกหูโทรศัพท์สอบถามท่านผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ซึ่งยังอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ ทำให้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ฝนจำนวนมากตกอยู่บริเวณพื้นที่ป่าจังหวัดลำปางเขตติดต่อจังหวัดพะเยา แต่เนื่องจากอยู่บนพื้นที่สูงกว่า จึงกลายเป็นน้ำป่าไหลลงมาท่วมขัง เพราะจริง ๆ แล้วบริเวณพื้นที่มหาวิทยาลัยพะเยาไม่เคยมีน้ำท่วมเพราะอยู่ที่สูง แต่คราวนี้น้ำมันไหลมาจากที่สูงกว่า แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว และผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยาจะระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนไป Big Cleaning ทันทีต่อไป

“ในขณะเดียวกันทางจังหวัดเชียงราย จังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดนครพนม และจังหวัดพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้นมากจนเข้าใกล้ที่จะไว้วางใจได้ แต่ก็ยังคงต้องเฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ยังมีระดับน้ำสูงอยู่อย่างใกล้ชิด เพราะถ้าบังเกิดฝนฟ้าตกลงมาหนักอีก อาจส่งผลให้เกิดสถานการณ์ซ้ำ อย่างไรก็ตามเมื่อวานนี้ กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่าปริมาณฝนไม่มาก จะเป็นฝนที่ตกตามฤดูกาลปกติ แต่ก็อาจจะมีฝนที่เกิดจากการก่อตัวของกลุ่มเมฆที่เราไม่คาดคิดได้ ก็ขอให้พี่น้องประชาชนได้ระแวดระวังป้องกันด้วยการยกเครื่องใช้ไฟฟ้า ยกข้าวของที่จำเป็น รวมถึงเอกสารสำคัญขึ้นที่สูงได้ก็จะเป็นการเตรียมการที่ดี และที่สำคัญ ขอให้เชื่อการแจ้งเหตุของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านนายอำเภอ อปพร. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ้าแจ้งเตือนอย่างไรขอให้เชื่อกัน และขอย้ำว่า กันไว้ดีกว่าแก้ พอฝนเริ่มตกก็อย่าชะล่าใจว่ารอให้มันหนักกว่านี้แล้วถึงจะยก” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงต้น
 
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า อย่างไรก็ดีในเชิงระบบ เป็นที่น่าดีใจที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รับบัญชาจากท่านแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการที่จะเพิ่มการแก้ไขในจุดอ่อนของการป้องกันสถานการณ์ภัย คือ “การเตือนภัยด้วยการทำระบบ Cell Broadcast” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการส่งข้อความไปยังผู้ใช้โทรศัพท์มือถือหลายรายในพื้นที่ที่กำหนดพร้อมกันได้อย่างทั่วถึงเป็นรายบุคคล เพราะตอนนี้เรายังใช้ลักษณะเตือนภัยแบบภาพรวมด้วยการใช้คนออกวิทยุกระจายเสียง ออกหอกระจายข่าว หรือใช้คนวิ่งไปบอก ซึ่งมันไม่ทันการณ์ โดยแต่เดิมตามแผนระบบดังกล่าวจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2568 
 
แต่ท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายว่าต้องทำให้เร็วที่สุดก่อนแผน ซึ่งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สายงานโทรคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมอุตุนิยมวิทยา สำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ในการขอความร่วมมือผู้ให้บริการเครือข่าย AIS True และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ร่วมกันดำเนินการส่งข้อความแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าผ่านโทรศัพท์มือถือ (SMS) ทั้งการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า 12-24 ชั่วโมง และการแจ้งเตือนภัยแบบฉุกเฉิน 6 -12 ชั่วโมง เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้รับข้อมูลการแจ้งเตือนภัยและสามารถเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์อย่างทันท่วงทีและลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น
 
“ถึงอย่างไรเสีย ตอนนี้สังคมต้องคุยกันให้ชัดว่าที่ทำอยู่นี้มันเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนหรือการแก้ปัญหาที่จะเกิดประโยชน์ในระยะยาว เราต้องเอาจริงเอาจังกับการเพิ่มจำนวนต้นไม้ เพิ่มจำนวนป่าไม้ให้เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะพื้นที่ที่ประสบปัญหารุนแรงส่วนใหญ่จะอยู่พื้นที่ที่อยู่ติดกับเชิงเขา เพราะตอนนี้ภูเขาในทุกภูมิภาคของไทยเราต้องยอมรับสภาพว่า “ต้นไม้ยืนต้นมันหายไปเยอะ” ถูกแปลงจากป่าที่อุดมสมบูรณ์กลายเป็นสวนยาง เป็นไร่ข้าวโพดก็เยอะ เพราะฉะนั้น ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเอาภัยอันตรายที่เกิดขึ้นมาเป็นเครื่องกระตุ้น ทำให้คนในสังคมช่วยกันให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูป่าไม้ให้มากขึ้นอย่างจริงจัง และอย่างได้ผลจริง ไม่ใช่ว่าระดมกันไปปลูกแล้วก็ทิ้ง ต้นที่ปลูกไว้ก็จะตาย” นายสุทธิพงษ์ กล่าวเน้นย้ำ
 
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนในการแก้ไขปัญหาเชิงภูมิประเทศพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 ในขณะลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชน ท่านชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ได้จัดทำเอกสารเสนอต่อนายกรัฐมนตรีในการที่จะนำข้อมูลแต่ละพื้นที่ ทั้งแม่สายและพื้นที่ต่าง ๆ ไปปรับปรุงในเชิงระบบ ซึ่งเมื่อวานนี้ได้เห็นข่าวที่เป็นผลต่อเนื่องหลังจากท่านนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่แม่สาย ก็คือ ท่านมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 
 
ได้ประสานงานไปที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ในการนำข้อเสนอแนะของนายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย นายอำเภอแม่สาย และผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายไปสู่การปฏิบัติโดยทันที เพราะว่าน้ำที่แม่สายต้นทางมาจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และแม่น้ำแม่สายเป็นแม่น้ำระหว่างสองประเทศ แสดงให้เห็นว่าบัญชาของท่านนายกรัฐมนตรีจะนำไปสู่การตั้งโต๊ะนั่งคุยกันว่าประเทศไทยจะช่วยเมียนมาได้อย่างไร ร่วมกันได้อย่างไร และจะพัฒนาพื้นที่ฝั่งไทยตรงเขตแดนระหว่างประเทศได้อย่างไร
 
นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า สำหรับประเด็นการแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยในด้านการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ท่านนายกรัฐมนตรีก็เน้นย้ำให้ช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและเพิ่มเติม top up เข้าไป เพราะตามระเบียบราชการช่วยได้น้อย และช่วงสายวันนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 3,045.519 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 
 
ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีจ่ายเงินที่ ครม. กำหนด โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะเป็นหน่วยรับงบประมาณและดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยผ่านธนาคารออมสิน ซึ่งทางธนาคารจะจ่ายเงินให้แก่ผู้ประสบภัยที่มีสิทธิโดยตรงผ่านระบบพร้อมเพย์ต่อไป นอกจากนี้ เมื่อวานนี้ ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ได้นำเสนอเรื่องการบรรเทาความเดือดร้อนค่าไฟและค่าน้ำ 
 
ซึ่งที่ประชุมก็ได้เห็นชอบที่จะช่วยเหลือและเยียวยา และในส่วนข้อเสนออื่น ๆ ท่านนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ให้นำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงต่อนายกรัฐมนตรีเลยว่า ปัญหานี้จะแก้อย่างไร มีแนวทางข้อแนะนำจากพื้นที่อย่างไรให้เสนอมา ซึ่งถือเป็นเรื่องดี เพราะทำให้การแก้ปัญหาตรงจุด เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้องด้วยการใช้แนวทาง Bottom Up แล้วท่านนายกรัฐมนตรีก็จะช่วยสนับสนุนในลักษณะ Top Down ระดมกำลังของทุกกระทรวงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News